รัก....คือ.....รัก - รัก....คือ.....รัก นิยาย รัก....คือ.....รัก : Dek-D.com - Writer

    รัก....คือ.....รัก

    โดย ^B@iSoN^

    ความรัก คือ ความรัก ให้ตายยังไง มันก็คือรัก ไม่มีทางเป็นอย่างอื่นได้

    ผู้เข้าชมรวม

    3,172

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    3.17K

    ความคิดเห็น


    48

    คนติดตาม


    20
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  19 ก.ย. 49 / 22:29 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      รัก คือ …. รัก

       

      รัก คือ รัก

       

      ให้ตายยังไง มันก็ยังเป็นรัก

       

      ไม่มีทางเป็นอย่างอื่นได้

       

       

      กาลครั้งหนึ่ง ……. ความรัก……ก่อตัวขึ้น

       

      ชั้น เชียร์ลีดเดอร์มหาลัย คณะ อักษรศาสตร์ ^O^

      นาย หัวกะทิของมหาลัย คณะ เอ่อ วิศวะ ไฟฟ้า -_- ดูซิ ว่าต่างกันสุดขั้วขนาดไหน

       

      ชั้น ฟุดฟิดฟอไฟ กับ ฝรั่งได้สบาย และก็ โง่เลขที่สุดในบรรดาวิชาทั้งหมดที่เคยร่ำเรียนมา  -..-

      ส่วนนาย กลับอ่อนภาษา แต่ แมร่ง ทำไมเก่งเลขจังฟะ จำได้ว่า ตอนม.ปลาย นายเคยได้เหรียญทองโอลิมปิกคณิตศาสตร์ด้วยนี่ -_-“ เก่งชะมัด

       

      ดูๆแล้ว เราไม่ควรจะเจอกันได้เลยนะ เรียนก็คนละสาย

       

      จำได้ว่า ชั้นเจอนาย ในวันที่โรงเรียนจัดงานปีใหม่ ชั้นเอาบัตรบ้านผีสิงไปขายนาย แล้วนายก็เล่นตัวไม่ยอมซื้อซะงั้น ส่วนเพื่อนนายไอที่หน้าหม้อๆนะ เหมาเกือบหมด  แต่เข้าแค่รอบเดียว แถมไม่กล้าเข้าอีกแล้ว ชั้นก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม

       

      หลังจากนั้น เราก็เริ่มคุยกันมากขึ้น เจอหน้ากัน ก็คุยกันทุกครั้ง นายขอเบอร์ชั้น ชั้นส่งsms ไปให้นาย เราคุยโทรศัพท์กันทุกคืน และเจอกันทุกวันพักหลังๆเริ่มบ้าถึงขนาดที่ว่า นายวิ่งมาหาชั้นที่ห้องเรียนทุกคาบ ทั้งๆที่สายวิทย์กับสายศิลป์เรียนกันคนละตึก

       

      อาจจะเพราะบ้านเราก็อยู่ไม่ไกลกันเท่าไหร่ เราก็เลยเจอกันทุกวัน ชั้นให้นายสอนเลข แลกกับทำการบ้านอังกฤษให้นาย แต่นายรู้รึเปล่า ใจจริงแล้ว ชั้นไม่อยากเรียนเท่าไหร่หรอก ไออนุกรมน่าปวดหัวนั่น แค่มันเป็นข้ออ้างที่จะได้เจอนายแค่นั้นเอง

       

      ก่อนจะจบ ม.6 เพื่อนทุกคนต่างจับตาดูเรา ว่า เราจะเลิกกันวันไหน นี้ยังไม่นับไอพวกที่สาปแช่งเราให้เราเลิกกันนะ

       

      แต่เราก็ไม่เลิกกัน

       

      เราได้มหาลัยเดียวกัน อันนั้น เป็นเรื่องบังเอิญจริงๆนะ จริงอยู่ที่สี่อันดับที่เลือก ชั้นลงที่เดียวกับนายหมด -///-

       

      แต่ แหม ถ้านายติดอันดับหนึ่ง ส่วนชั้นติดอันดับสาม ก็ไม่ใช่ที่เดียวกันแล้วซิ

       

      เห็นมั้ยล่ะ ว่ามันบังเอิญขนาดไหน ^O^

       

      อยู่มหาลัยเดียวกัน แต่ก็ยังเรียนกันคนละคณะ ตึกเรียนก็ออกจะไกลกัน แต่นั้นไม่เคยเป็นอุปสรรค

       

      นายยังคงเป็นเหมือนเดิม ตอนเย็นโทรหาชั้น แล้วนัดเจอกัน จากนั้นเราก็จะไปกินข้าวเย็น คุยเรื่องโน้นเรื่องนี้

       

      เราแตกต่างกัน จนชนิดที่ว่า ไม่มีใครเชื่อว่าเราคบกันได้

       

      ส่วนคนที่รู้ว่าเราคบกัน ก็เถียงหัวชนฝา ว่าเราต้องเลิกกันซักวันนึงแน่นอน

       

      ซึ่งชั้นเองก็คิดอย่างนั้น ยังไงวันนึง เราก็ต้องแยกจากกัน

       

      แต่มันยังไม่เคยเกิดขึ้นเลยซักที

       

      นายชอบฟุตบอล แถมเล่นได้ดีด้วย

      ชั้นเกลียดลูกบอลทุกประเภท จะบาส หรือ บอล ก็เหอะ ไม่เห็นรึไง ทุกครั้งที่ชั้นไปเชียร์นายข้างสนาม ต้องหัวโนกลับบ้านทุกที ตัวชั้นเหมือนมีแม่เหล็กดึงดูดไอลูกกลมๆนั้นมาจากทั่วสารทิศ ถึงจะอยู่ไกลแค่ไหน ก็ยังโดนได้ นี้คนชู้ตมันอัจฉริยะ หรือว่าชั้นโง่เองเนี้ย -_-“

       

      นายชอบอ่านข่าว สังคม เศรษฐกิจ การเมืองใช่ม่ะ

      ชั้นนะหรอ แค่รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการคนปัจจุบันเป็นใคร ยังไม่รู้เลย แต่ชั้นรู้นะว่าทำไมนัทถึงเลิกกับเต๋า แล้วก็รู้ด้วยว่า ซิงเกิ้ลใหม่ของร๊อบบี้ วิลเลี่ยม จะออกเมื่อไหร่ รู้ถึงขนาดที่ว่า ใครจะแสดงเป็นโวลเดอมอร์ในแฮร์รี่ 5 ด้วยแหนะ

       

      นายเกลียดของหวาน ชอบแกงเผ็ด ต้องกินผลไม้ทุกวัน ไม่กินผัก

      ชั้นกินเผ็ดไม่ได้ ต้องกินเค้กทุกสัปดาห์ ไม่แตะต้องผลไม้ และชอบกินสลัดที่สุด

       

      นายฟังLinkin park ที่ชอบที่สุดคือ In the end

      ชั้นฟังLinkin park ไม่รู้เรื่อง แต่ฟังEpilogue ของ กอล์ฟ-ไมค์ ออก(ได้ยังไง -_-“) แล้วก็ชอบยามะพี กับ ทักกี้ สึบาสะมากด้วย

       

      นายอ่าน เทวา กับ ซาตาน หรือไม่ก็ ดาวินชี่ โค้ด

      ส่วนชั้นนะหรอ ความรู้สึกดี ที่เรียกว่ารัก ชั้นมีครบทุกเล่มแล้ว หรือ จะเอาเลิฟ ซีรี่ย์ ชั้นก็มีนะ

       

      ทุกครั้งที่มองท้องฟ้า นายจะถามว่า ทำไมวันนี้เมฆเยอะ พายุเข้ารึเปล่า  อุณหภูมิเท่าไหร่ แปลกนะ ทั้งๆที่เมื่อคืน ไต้ฝุ่นเพิ่งผ่านไปแท้ๆ

      แต่ชั้นจะบอกว่า วันนี้ ฟ้าสวยจัง ถึงแม้เมฆจะเยอะไปหน่อย

       

      นายทำได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเปลี่ยนหลอดไฟ รีดผ้า ขับรถ แถมเขียนไทยแบบอารัก ได้อีก

      ชั้นนี่ซิ ไม่เคยรู้ว่าหลอดไฟแต่ละหลอดมันต่างกันยังไง รีดผ้านี่ ต้องใช้น้ำพรมด้วยหรอ ขาก็สั้นต้องยืดตัวเวลาจะเหยียบเบรก ส่วนลายมือ -_-“ เอ่อ เราข้ามไปเรื่องอื่นกันเถอะนะ

       

      เห็นมั้ยล่ะ ว่าเราต่างกัน ขนาดไหนบ้าง

       

      แต่เราก็ยังคบกันอยู่ ทุกครั้งที่นายไม่กินผัก ชั้นก็จะกินแทน แล้วตักเนื้อให้นายเพื่อเป็นการแลกกัน (แม้ชั้นจะอยากกินแค่ไหน แต่ก็ต้องท่องไว้ว่า ลดความอ้วนๆ)

       

      ทุกครั้งที่นายนั่งแก้สมการเลข ชั้นก็นั่งเขียน essay ไปด้วย

       

      ทุกครั้งที่นายยืนอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่หน้าร้านหนังสือ ชั้นก็จะยืนอยู่หลังร้าน เพื่ออ่าน Gossip เล่มล่าสุด

       

      มันเป็นความต่างที่ลงตัวใช่มั้ย

       

      และแล้ว นิทาน ก็มาถึงตอนกลางเรื่อง เมื่อพระเอกกับนางเอกเจอปัญหา

       

      ชั้นเข้าชมรมปอมปอมเกิร์ลของมหาลัย และได้เป็นเชียร์ลีดเดอร์มหาลัย

      นายต้องเป็นตัวแทนของมหาลัย ไปแข่งหุ่นยนต์อะไรของนายนั้นแหละ

       

      ช่วงตอนเย็นที่ได้เจอกัน ก็ไม่เจอกัน ชั้นว่าง อังคาร พฤหัส นายว่าง จันทร์ พุธ ศุกร์

       

      นายเริ่มเครียดที่จะอ่านหนังสือ ชั้นเองก็เริ่มกังวลที่เต้นไม่เหมือนคนอื่นเขา

       

      เราสองคนห่างกันเรื่อยๆ แต่เราก็ไม่เคยทะเลาะกัน

       

      ความไม่เข้าใจเริ่มเข้ามาระหว่างเราสองคนมากขึ้น จากที่เคยรับรู้ เข้าใจ ซึ่งกันและกัน นายเริ่มมองว่าเรื่องที่ชั้นทำไร้สาระ ในขณะที่ชั้นคิดว่า นายเครียดและจริงจังกับชีวิตมากเกินไป

       

      แต่เราไม่ได้ทะเลาะกันจริงๆจังๆซักที

       

      พูดให้ถูกก็คือ ทุกครั้งที่เราเกือบจะทะเลาะกัน ต้องมีคนใดคนหนึ่ง ลุกขึ้นหนีไป

       

      นายไม่ชอบที่ชั้นเต้นแบบนั้น เวลาที่ชั้นหมุนตัวอยู่กลางอากาศ ชั้นรู้ ว่ามันอันตราย

      นายไม่เข้าใจ ว่าทำไม ถึงต้องมีท่ากอดผู้ชายคนโน้นคนนี้  ชั้นรู้ว่า นายไม่พอใจ

       

      ชั้นรู้ว่านาย ไม่อยากให้ชั้นซ้อมมากจนต้องกลับหอพักตอนดึกๆ

       

      ทุกครั้งที่เราทะเลาะกันเรื่องนี้ ชั้นจะประชดใส่นายด้วยคำที่รุนแรง ก่อนจะเดินกระแทกเท้ากลับไปซ้อมเต้นที่โรงยิมต่อ โดยไม่สนใจ และไม่หันหลังกลับไปมองหน้านาย

       

      กลับกันล่ะ

       

      ชั้นเองก็ไม่ชอบ เวลาที่นายบอกว่า นั่งอ่านฟิสิกส์ของม.4 ยังมีสาระกว่า ไปดูหนังกับชั้นซะอีก

       

      ชั้นไม่ชอบเวลานายอ่านหนังสือตอนตีสามตีสี่ แล้วไม่ยอมนอนจนกว่าจะแก้โจทย์ได้หมด

       

      และก็ทุกครั้งอีกนั้นแหละ ที่เราทะเลาะกัน ชั้นจะยืนโวยวายอยู่อย่างนั้น ส่วนนายจะถอนหายใจ ไม่พูดอะไร แล้วหันหลังเดินจากไป

       

      คิดดูดีๆซิ นี้เป็นเรื่องจริงใช่มั้ย

       

      เป็นสิบคำถาม ที่อยู่ในใจของเราสองคน ร้อยเหตุการณ์ ที่เราไม่เข้าใจกัน พันคำพูด ที่อยากบอกให้อีกฝ่ายรู้ หมื่นเรื่องราวที่เรารู้สึกว่า ไม่ไหวอีกต่อไป แสนความคิด หาทางให้เรื่องจบลงได้

       

      และ ล้านเหตุผล ที่เราควรจะเลิกกัน

       

      แต่ มีเพียง ข้อเดียว ที่ทำลายสิ่งต่างๆในใจเราได้

       

      มันคืออะไรหรอ…….. นั้นซิ คืออะไรล่ะ

       

      จำได้มั้ย วันที่นายตกรอบคัดเลือกเป็นตัวแทนมหาลัยไปแข่งฟิสิกส์ ทั้งๆที่นายอ่านหนังสือจนดึกดื่น เพื่อการสอบครั้งนี้โดยเฉพาะ

       

      วันนั้น นายโทรหาชั้น แล้วก็บอกว่า อยากเจอชั้นมาก

      รู้รึเปล่า ชั้นรีบวิ่งจากตึกเรียนไปหานายด้วยความเร็วสูงชนิดที่ว่า ความเร็วแสงเทียบไม่ติดเลย

       

      พอไปถึง ก็เห็นนายนั่งอยู่ในห้องเลคเชอร์คนเดียว ชั้นจำได้ดีเลยว่า ชั้นกอดนาย กอดแน่นมาก แล้วก็ร้องไห้ออกมา แทนนายซะงั้น แต่นายก็เงียบ ไม่พูดอะไร ชั้นจำได้นะ ชั้นกอดนายจนชั้นหยุดร้อง แล้วก็กลายเป็นว่า เป็นนายซะเองที่เช็ดน้ำตาชั้น

       

      ขอโทษด้วยนะ ที่ชั้นพูดคำเท่ห์ๆ เก๋ๆ หรือ คำที่ทำให้นายหายกลุ้มใจไม่ได้

       

      ชั้นนี้มันไร้ประโยชน์จริงๆ

       

      แต่รู้อะไรมั้ย วันนั้น ชั้นเองก็ถูกคัดออกจากทีมเชียร์ ที่จะไปแข่งกับมหาลัยอื่นเหมือนกัน

       

      ทั้งๆที่ชั้นก็พยายาม แต่กลับถูกคัดออกจากทีม ใจจริงแล้ว ชั้นอยากจะกลับหอพัก ไปนอนร้องไห้คนเดียว แต่พอได้รับโทรศัพท์จากนาย ฟังเสียงเบาๆของนาย ชั้นก็เปลี่ยนความคิดทันที

       

      นั้นคือครั้งแรกที่เห็นนายยิ้มเศร้าแบบนั้น อย่าว่ากันนะ พอเห็นหน้าตาแบบนั้นของนาย ชั้นก็เลยอยากกอดนายขึ้นมา ชั้นรู้สึกว่าปัญหาที่ชั้นเจอมาทั้งหมด กลายเป็นขี้มดไปทันที ชั้นรู้สึกว่า ไม่ว่าจะยังไง ก็อยากจะทำให้ผู้ชายคนนี้สบายใจที่สุด และเท่าที่นึกออกก็คือ กอดนายเอาไว้ ให้รู้ว่า ถ้านายเหนื่อยเมื่อไหร่ ชั้นพร้อมจะอยู่ข้างนาย

       

      ทั้งๆที่ชั้นเองก็มีเรื่องของตัวเอง แต่วินาทีนั้น กลับลืมมันไปทั้งหมด

       

      เป็นเพราะนายจริงๆซินะ

       

      อีกวันนึงล่ะ

       

      วันนั้น นายกับชั้นทะเลาะกันตอนเช้า เพราะชั้นอยากให้นายไปดูชั้นแข่งเต้น แต่นายกลับบอกว่า อบรมหุ่นยนต์ของนาย มีสาระมากกว่า(ไปๆมาๆ ชั้นเริ่มเกลียดคำนี้ซะแล้วซิ)

       

      ชั้นโกรธมาก (และก็เดินหนีออกมาจากนายเหมือนเดิม-_-“) แต่ก็ยังไปแข่งตามปกติ ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

       

      รู้อะไรมั้ย ลึกๆในใจชั้น ก็ยังมีเรื่องนายวนเวียนอยู่นั้นแหละ เป็นเพราะชั้นเข้าใจดี ไอการอบรมของนายครั้งนี้มันสำคัญขนาดไหน นายจะต้องไปแข่งอีกหลายมหาลัย การหาความรู้ใหม่ๆ เป็นสิ่งที่นายควรจะทำ มันถูกต้องแล้ว และก็ดูจะมีสาระมากกว่า(จริงๆ -_-“) ที่จะยืนดูชั้นเต้นแร้งเต้นกาโดยที่ไม่มีประโยชน์อะไร

       

      แล้วชั้นก็เต้นผิด

       

      ทีมของชั้นตกรอบคัดเลือก ความจริงมันก็ไม่ใช่ความผิดของใครเลย ความสามัคคีเป็นสิ่งสำคัญในทีมเวิร์ค แต่ชั้นก็โทษตัวเอง ว่าเป็นเพราะชั้นเอง

       

      ชั้นหลบมานั่งอยู่หลังโรงยิมคนเดียว สายฝนโปรยปรายลงมา ชั้นนั่งมองหยดน้ำมากมายที่ร่วงหล่นลงมาจากฟ้า เหมือนๆกับหยดน้ำที่ร่วงจากตาชั้นทีละหยด ฝนตกหนักมาก จนชั้นรู้สึกหนาว แต่ก็ไม่อยากลุกขึ้นไปไหน ชั้นหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจะกดเบอร์นาย แล้วก็นึกขึ้นได้ว่า นายติดอบรมอยู่ ก็เลยเก็บมันไว้ที่เดิม

       

      สองสามนาทีต่อมา ชั้นก็ได้ยินเสียงวิ่งของคนๆหนึ่ง ดังใกล้เข้ามา เข้ามาเรื่อยๆจนมาหยุดหอบหายใจอยู่ข้างๆ วินาทีที่เงยหน้าขึ้นมา แล้วก็พบกับหน้าของนายภายใต้กรอบแว่นที่นายใส่ประจำเวลาเรียน เนื้อตัวและผมเปียกปอนไปด้วยฝน

       

      นายนั่งลงข้างๆชั้น ไม่พูดอะไร กุมมือชั้นไว้ แล้วก็นั่งรอจนฝนหยุดตก

       

      พูดให้ถูกคือ นั่งรอจนชั้นร้องไห้เสร็จมากกว่า

       

      ชั้นพ่นคำพูด ความรู้สึก ทุกอย่างที่อยากระบายออกมา นายก็รับฟังอย่างเงียบๆ ไม่แย้ง ไม่โต้อะไรซักอย่าง พอชั้นเหนื่อยที่จะพูดถึงมัน นายก็ลูบผมชั้น ตอนนั้นเอง ที่ชั้นเพิ่งนึกออก

       

      ทันทีที่เพื่อนชั้นโทรไปบอกนายว่า ชั้นตกรอบคัดเลือกและหายตัวไป นายก็รีบวิ่งออกจากการอบรมโดยลืมถอดแว่นด้วยซ้ำ

       

      ไม่มีใครหาชั้นเจอ ยกเว้นนายจริงๆนะ

       

      นั้นแหละ คือสิ่งที่ทำให้ชั้นยังคงยิ้มได้จนทุกวันนี้

       

      เราไม่เคยพูดคำหวานให้กัน ไม่เคยให้คำสัญญาว่าจะรักกันไปจนตาย ไม่เคยหอมแก้มกันด้วยความรัก นายไม่เคยมองตาชั้น ชั้นไม่เคยซบไหล่นาย เราสองคนอยู่ด้วยกัน ด้วยความแตกต่างอย่างสุดขั้ว และมัน ก็เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ

       

      แต่ว่า.......อะไรรู้รึเปล่า

       

      ถึงจะแตกต่างกันแค่ไหน

       

      เราสองคน ไม่เคย ไม่รักกันนะ

       

      ทุกครั้ง ที่ชั้นเอาแต่ใจ ต่อว่านายด้วยถ้อยคำแรงๆ พยายามหาเหตุผล(ข้างๆคูๆ) เพื่ออธิบายให้นายเข้าใจว่า ทำไมชั้นต้องเต้นกับผู้ชาย ทำไมต้องตีลังกาบนอากาศ แล้วทำไม การซ้อมเต้นถึงสำคัญกว่าการเข้าเรียนวรรณคดี

       

      และที่สำคัญ ชั้นจะบอกนายว่า ชั้นมีความจำเป็นอย่างมากที่ต้องกลับบ้านดึก แม้ว่านายจะไม่เคยเข้าใจในเหตุผลนั้นเลยก็ตาม

       

      ท้ายสุดของการทะเลาะกัน เป็นอย่างที่ชั้นบอกไปแล้ว นั้นคือ ชั้นจะกระแทกเท้าเดินไปโรงยิม ไม่สนใจว่านายจะรู้สึกยังไง

       

      แต่

       

      นายก็จะเดินตามชั้นไปห่างๆ เดินไปนั่งอยู่ที่โต๊ะม้าหินอ่อนหน้าโรงยิม นั่งอ่านหนังสือไปตามประสานาย รอจนชั้นซ้อมเสร็จ แล้วก็มาส่งชั้นที่หอพัก แม้ว่าตอนนั้นจะดึกแค่ไหน และ ถึงแม้ วันพรุ่งนี้นายจะต้องสอบคณิตศาสตร์ นายก็ต้องส่งชั้นถึงหอพักอย่างสวัสดิภาพให้ได้

       

      นายบอกว่า  นายไม่ชอบดูชั้นเต้น มันไร้สาระ น่าเบื่อ และ ไม่เคยคิดอยากจะดูเลย

       

      แล้วนายรู้ได้ยังไงล่ะ ว่ามีท่ากอดผู้ชาย รู้ได้ยังไง ว่าชั้นหมุนตัวกลางอากาศกี่ตลบ รู้ได้ไง ว่าท่านี้ชั้นเป็นคนคิด(นายเคยบ่นว่า มันออกแนวติงต๊อง-_-“)

       

      บอกชั้นหน่อยซิ ถ้านายไม่เคยดูการเต้นของชั้น แล้วนายรู้เรื่องชั้นตั้งแต่ต้นจนจบได้ยังไง

       

      ลองมาดูกระจกอีกด้านนึงนะ

       

      ชั้นตวาดใส่นาย แล้วก็ด่านายแรงๆทุกครั้งที่นาย บอกว่าการไปดูหนังในวันหยุดมันไร้สาระ ส่วนเรื่องที่นายทำ มันมีสาระมากมายซะเต็มประดา

       

      ชั้นจะดุ แล้วก็ออกคำสั่งให้นายนอนแต่หัวค่ำทุกวัน แม้จะรู้ว่านายไม่เคยทำเลย

       

      บทสุดท้ายของการทะเลาะกันเรื่องนี้ ก็คือ นายถอนหายใจเบาๆ แล้วหนีชั้นไปอีก

       

      แต่นายรู้อะไรรึเปล่า

       

      ถ้าเพียงแค่นายหันหลังกลับมา นายก็จะเห็นว่า ผู้หญิงคนนี้ยังยืนอยู่ที่เดิม ยืนมองนายอยู่ตรงนั้น น้ำตาไหลอาบแก้ม  ยืนอยู่ด้วยความรู้สึกผิดมากมาย อยากจะขอโทษ อยากจะวิ่งเข้าไปกอดนายตรงนั้นแล้วบอกว่า ชั้นผิดไปแล้ว อย่าโกรธชั้นเลยนะ

       

      แต่ชั้นก็ไม่เคยทำซักที

       

      เพราะฉะนั้น ชั้นก็จะทำโทษตัวเองโดยการ นั่งร้องไห้คนเดียวอยู่แถวนั้น รอจนกว่า นายจะทำกิจธุระของนายเสร็จ แล้วเดินผ่านมาเห็น หรือไม่ ก็รอจนกว่า นายจะโทรถามว่าชั้นอยู่ที่ไหน

       

      ถ้าไม่ใช่นาย ให้ตาย ก็ไม่ลุกขึ้นหรอก

       

      คราวนี้ เข้าใจรึยัง ว่าทำไมเรายังอยู่ด้วยกันได้

       

      ทุกๆการทะเลาะกัน เราก็ยังเป็นห่วงกันอยู่ไม่ใช่หรอ เราไม่เคยคิดว่า เราต้องเลิกกันเพราะการทะเลาะกันเรื่องนี้

       

      ชั้นบ่น ชั้นหงุดหงิด ไปกับสายตาเย็นชา ไม่สนใจอะไรของนาย

       

      ไม่ชอบ ไม่พอใจ น้ำเสียงเวลานายพูดคำว่า ไร้สาระ

       

      อารมณ์เสีย กับเรื่องที่นายวิจารณ์กิจกรรมของชั้น

       

      แต่ชั้นก็ชอบนายนะ

       

      ชั้นชอบเวลานายเดินตามชั้นไปห่างๆ หลังจากเราทะเลาะกัน ชอบเวลานายนั่งอ่านหนังสืออยู่คนเดียว แล้วต้องคอยชะเง้อมาดูว่าชั้นซ้อมเสร็จรึยัง

       

      ชอบเวลา นายเดินมาส่งชั้นที่หอพัก ถึงตอนนั้น เราก็จะหายโกรธกัน แล้วก็พูดแต่เรื่องที่ทำให้มีความสุข

       

      ชอบเวลา  ที่นายพูดว่า ชั้นมันไม่สำคัญ แต่นายก็ยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อชั้นอยู่ดี

       

      นายเอง ก็คงเกลียดเวลาที่ชั้นทำตัวเป็นแม่ ออกคำสั่งให้นายทำโน้นทำนี้ จู้จี้ขี้บ่น ไม่เคยเข้าใจเลยว่า การอ่านหนังสือดึกๆ จะทำให้จำดีกว่าเดิมยังไง

       

      นายคงเบื่อ เวลาที่ชั้นงอแงและดื้อ จะไปดูหนังเรื่องใหม่ที่เพิ่งเข้าโรงฉายให้ได้ ทั้งๆที่ชั้นก็รู้ดีว่า ช่วงนั้น นายต้องอ่านหนังสือสอบ

       

      นายคงเซ็ง เวลาที่ชั้นไม่แคร์สายตาใครเลย เอาแต่โวยวายอยู่อย่างนั้น แม้ว่าตรงนั้นจะเป็นกลางห้างฯก็ตาม

       

      แต่ ชั้นก็รู้นะ

       

      นายเองก็ชอบ เวลาที่ชั้นยืนร้องไห้อยู่ตรงนั้น โดยไม่แคร์สายตาใครเลย มันทำให้นายรู้สึก ว่าตัวนายสำคัญสำหรับชั้นมากแค่ไหนใช่ม้า สำคัญถึงขนาดที่ร้องไห้ต่อหน้าคนอื่นได้อย่างไม่อายใคร

       

      นายชอบ เวลาที่ชั้นเอาแต่ใจ จะไปโน้นไปนี้กับนายให้ได้ เพราะมันทำให้นายรู้ว่า ชั้นอยากอยู่กับนาย อยากใช้เวลากับนายมากแค่ไหน ยิ่งชั้นงอแง นายก็ยิ่งชอบ เพราะนั้นหมายถึง ชั้นอยากให้นายไปมากเท่านั้น

       

      และนาย คงจะโคตรชอบเลยล่ะ เวลาที่ชั้นโทรหานายตอนตีสี่แล้วสั่งให้นายไปนอน พร้อมทั้งลากแม่น้ำทั้ง 58 มาหว่านล้อม เพื่อให้นายไปนอนให้ได้ ทุกครั้งที่ชั้นวิ่งมาที่ตึกเรียนของนาย เพื่อบังคับให้นายกินยาแก้ไข้ให้ได้ ลงท้าย ชั้นก็ต้องพูดคำว่า ชั้นเป็นห่วงนายนะ ทุกครั้ง นายถึงจะยอมทำตามที่ชั้นสั่ง

       

      นายดื้อ แต่ชั้นก็เรียนรู้ว่า ที่นายดื้อ มีเหตุผลเดียวก็คือ อยากจะอ้อนชั้น อยากให้ชั้นเป็นห่วง ใช่มั้ยล่ะ

       

      แล้วอย่างนี้ จะให้ชั้นทิ้งคนอย่างนายไปได้ไง

       

      ชั้นชอบเวลานายขมวดคิ้ว เวลาเจอโจทย์เลขยากๆ ชอบเวลาที่นายคิดโจทย์ข้อนั้นออก นายจะเงยหน้ามองชั้น แล้วยักคิ้วข้างเดียว ประมาณว่านายเก่ง เห็นแล้วอยากเขกหัวนายชะมัด

       

      นายเองก็ชอบ เวลาที่ชั้นวิ่งมาหานายหลังการซ้อมเสร็จ แล้วก็เอาแต่พูดๆเรื่องการซ้อมเต้น เล่าเรื่องตลกให้นายฟัง แย่งนายกินน้ำเฉาก๊วย และซื้อแก้วใหม่ให้นายทุกครั้ง

       

      ถ้าเป็นซะแบบนี้ เราจะเลิกกันได้หรอ

       

      บางที ร้อยล้านเหตุผลที่เราควรจะเลิกกัน

       

      อาจจะถูกทำลายลง ด้วย เหตุผลเพียงข้อเดียว

       

      ความแตกต่าง ความไม่เข้ากัน ไม่เข้าใจ

       

      ก็จางหายไปหมด

       

      แค่คำๆเดียว ที่อยู่ระหว่างเราทั้งคู่

       

       

      รัก ..............

       

      คือ คำเพียงคำเดียว ที่เชื่อมเราทั้งคู่ไว้ด้วยกัน คือคำเพียงคำเดียว ที่ทำให้ชั้นหายโกรธนาย ทำให้นายทำเพื่อชั้นได้ทุกอย่าง และทำให้เราสองคน แคร์กันมากขึ้น

       

      ก็เพราะ รัก แค่คำเดียว คือเหตุผลที่เราทำทุกอย่างลงไป

       

      มันเป็นอย่างอื่นไม่ได้หรอก จะให้เป็นอะไรได้อีกล่ะ

       

      ยังไง

       

      รัก ก็คือ รัก

       

      จริงมั้ย

       

      ไม่ว่าจะแตกต่าง ห่างไกล ไม่เข้าใจ ไม่รับรู้ ไม่พูด และอยากจะลืม

       

      รัก ยังไง ก็คือ รัก.........

        

       

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×