ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] My Sunshine ,it’s U < All*Chen>

    ลำดับตอนที่ #32 : foolish : CHANCHEN #ccindec

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.34K
      86
      27 ธ.ค. 61



    * BMG 바보야 (foolish ) - honey g





    Project Fiction #ccindec 2018


    Title : Foolish

    Pairing : CHANCHEN 

    Talk : เป็นครั้งแรกที่แต่งคู่นี้แบบมุ้งมิ้งค่ะ โปรดให้อภัยกับความมึนของเนื้อเรื่องและคำผิดประปราย ถือเป็นของขวัญคริสมาสต์ และจะแก้ตัวอีกครั้งปีหน้านะคะ  **แนะนำให้ฟังเพลงไปด้วยจะกลมกล่อมมาก**

    ขอบคุณสำหรับคอมเม้นและกำลังใจนะคะ

     

     

     

    ตั้งแต่วันนี้นายเป็นของฉันนะ ไม่ใช่ของใครคนอื่นทั้งนั้น

    มันอาจจะดูตลกที่ฉันพูดอะไรแบบนี้

    แต่นายก็ซื่อบื้อซะจนไม่รู้เรื่องอะไรเลย

     

     

     

    คิมจงแด!!

    มันดูน่าตลกเหมือนกัน เมื่อจู่ๆก็ตะโกนเรียกชื่อของเพื่อนสนิทขึ้นมากลางสนามบาสที่มีคนอยู่นับร้อย แต่ว่าตอนที่เดินตามมาหลังจากเปลี่ยนชุดแล้วพบว่าคิมจงแดกำลังถูกห้อมล้อมด้วยผู้ชายตัวสูงสามสี่คน แถมหนึ่งในนั้นยังกำลังจิ้มเอวจนเจ้าตัวเล็กนั่นหัวเราะเสียงแหลม แข้งขาอ่อนแรงจนต้องพิงเข้ากับอกของหนึ่งในนั้น ชานยอลก็เหมือนกับว่าได้ยินเสียงของเส้นความอดทนมันขาดผึง

     

    กว่าจะรู้ตัวก็ก้าวเข้าไปดึงเอาร่างผอมบางนั่นเข้ามาในอ้อมแขนกอดเอวบางที่ไร้ไขมันของอีกฝ่ายไว้ด้วยแขนเดียว ส่งสายตาข่มขู่ให้กับเพื่อนร่วมห้องเหล่านั้นที่มองมาอย่างเหมือนชินชา

     

    อาการหวงเพื่อนของชานยอลกำเริบอีกแล้ว...

     

    เพราะแบบนั้นเลยเหมือนกับว่าชานยอลกำลังจะเป็นบ้าไปคนเดียวเสียด้วยซ้ำ เมื่อไม่ใช่แค่คนเหล่านั้นที่ส่งสายตาเอือมๆมาให้ แม้กระทั่งเจ้าตัวเล็กที่อยู่ในอ้อมแขนนี่ก็ยังเอี้ยวใบหน้ามาทำตาใสใส่จนชานยอลอดไม่ได้ที่จะกอดกระชับรอบเอวของอีกฝ่ายให้แน่นขึ้น และนั่นทำให้คิมจงแดเริ่มสะบัดตัวหาทางหลุดออกจากอ้อมแขน

    แต่แน่นอนว่าชานยอลไม่ปล่อยให้มันเป็นแบบนั้น

     

    มึงตามกูมานี่เลยไอ้ตัวแสบ!

    มึงเป็นบ้าหรอชานยอล!น้ำเสียงของเพื่อนสนิทตัวเล็กเริ่มเหวี่ยง มันมาพร้อมกับใบหน้างอง้ำที่คิมจงแดมักจะให้คำจำกัดความว่ามันเป็นใบหน้าโกรธเกรี้ยวแบบน่ากลัวสุดๆ ถ้าเป็นเวลาปรกติชานยอลจะหัวเราะจนแทบลงไปกองกับพื้น แต่ตอนนี้เขาไมได้มีเวลาพอที่จะมองว่ามันน่ารักเหมือนอย่างที่แล้วๆมา

     

    เพราะตอนนี้อารมณ์เขากำลังไม่ดี มันไม่ดีเอามากๆ มากถึงขนาดทำเสียงดังใส่อีกฝ่าย

     

    กูบ้าก็เพราะมึงนั่นแหละ!

     

    ไม่รู้ตัวหรอกว่าตอนนั้นหน้าตาตัวเองน่ากลัวขนาดไหนเพราะคิมจงแดชะงักไปก่อนใบหน้าเล็กๆนั่นจะเอาแต่เชิดหน้าขึ้นมองอย่างท้าทายคล้ายไม่เข้าใจว่าตัวเองเป็นสาเหตุ มือของเขายังคงจับแขนเล็กนั่นไว้อย่างไม่ผ่อนแรงเลยแม้แต่น้อยขยับขาเดินฝ่าผู้คนที่เริ่มมองมาด้วยความสนใจ

     

    ชานยอลช้าหน่อย จะพากูไปไหนน่ะ

    “...”

    ชานยอล

    คิมจงแดยังคงส่งเสียงถามแต่ก็ไม่ได้ขัดขืนซ้ำยังเดินตามแรงลากมาอย่างว่าง่าย ความร้อนรุ่มในหัวใจค่อยๆคลายลงเมื่อเดินมาหยุดอยู่ตรงก๊อกน้ำสำหรับนักกีฬาที่ห่างจากสนามบาสพอสมควร เสียงเล็กๆนั่นเงียบลงไปได้สักพักแล้วแต่เมื่อหันกลับไปมอง ผ้าขนหนูสีขาวผืนเล็กที่ไม่รู้อยู่ในมือเล็กๆนั่นตั้งแต่ตอนไหนก็โปะเข้าที่ใบหน้าอย่างจัง

     

    โอ้ย จงแด!

    สมน้ำหน้า

    เบาๆหน่อยมึง

    คิมจงแดบึนปากใส่เมื่อได้ยินเสียงร้องโอดโอย

    แล้วเมื่อกี้ทำท่าหงุดหงิดใส่ทำไม? น่าหมั่นไส้จริงๆเลยมึงนี่เสียงเล็กๆนั่นบ่นขึ้นมาอีกรอบแม้จะไม่เบานักแต่ก็ไม่ได้ดูหงุดหงิดอย่างที่คิดกลัว มือเล็กๆยังแปะทับบนใบหน้ารั้งไว้ให้ผ้าขนหนูไม่เลื่อนหลุด เพราะมืออีกข้างยังคงถูกเขาพันธนาการไว้คิมจงแดเลยใช้มือซ้ายเพียงมือเดียวนั่นค่อยๆเช็ดหน้าผมอย่างยากลำบาก สัมผัสแผ่วเบานั่นทำให้ความหงุดหงิดเมื่อครู่บรรเทาลง แววตาแข็งกร้าวเปลี่ยนเป็นทอประกายอ่อนโยนอย่างทุกครั้ง

     

    ก็กูไม่ชอบ..เขาเอื้อมมือมาหยุดมือที่กำลังเคลื่อนไหวบนใบหน้าสบเข้ากับตากลมที่ฉายแววไม่เข้าใจปนหงุดหงิดนั่นแล้วอมยิ้มน้อยๆ

    ไม่ชอบอะไร นี่กูยังไมได้ทำอะไรเลยนะจงแดยู่ปากคล้ายกับไม่ชอบใจที่อยู่ๆก็โดนเหวี่ยงใส่แบบไม่มีเหตุผล ยกมือข้างที่ถูกจับไว้ขึ้นมาตรงหน้าแล้วก็ปล่อยได้แล้วจะจับอะไรนักหนา

     

    ขอโทษนะ ดูสิเป็นรอยเลยตอนดึงแขนจงแดออกจากคนพวกนั้นทิ้งรอยมือไว้จนเขาแอบใจหาย ชานยอลจับข้อมือของอีกฝ่ายมาลูบเบาๆ จงแดมองท่าทางหางลู่หูตกต่างจากตอนพองขนใส่คนอื่นเมื่อครู่แล้วก็กลั้นยิ้ม ฟังพัคชานยอลพึมพำว่าตัวเองมันก็เพลินดี แต่จะว่าไปไอ้อาการเมื่อครู่มันก็ดูจะรุนแรงจากเดิมมากไปหน่อย ตากลมเป็นประกาย เมื่อทั้งสองข้างมือถูกปล่อยให้เป็นอิสระคนตัวเล็กก็ยกขึ้นมาประกบเข้าที่ข้างแก้มของอีกฝ่าย ตาใสแจ๋วจับจ้องกดดันให้ตอบคำถามกลายๆ และนั่นทำให้ชานยอลไม่มีโอกาสถอยหนี

     

    เมื่อกี้มึงเป็นอะไร?”

    น่าตลกที่ชานยอลไม่กล้าสู้สายตา เขาทำได้เพียงพึมพำตอบไม่เต็มเสียงเปล่า กูก็แค่ไม่ชอบที่มึงไม่ระวังตัวเอง

    หมายถึงที่เล่นกับพวกจุนกอนน่ะหรอ?”ใบหน้าเล็กเอียงคอมองคล้ายกับคิดไปถึงสาเหตุที่เพื่อนตัวสูงบอกไม่ชอบก่อนจะอมยิ้ม เหตุผลของชานยอลไม่ได้ต่างไปจากเมื่อก่อนเลยสักนิดเดียว

    เพื่อนก็แค่แหย่นิดหน่อยเอง

     

    ก็ไม่ชอบนี่ บอกแล้วไงว่า มึงเป็นของกูนะ ไปเล่นแบบนั้นกับคนอื่นได้ไง

    เสียงหัวเราะใสๆดังขึ้นเมื่อได้ฟังประโยคของชานยอล มือเล็กหยิกแก้มอีกฝ่ายเบาๆคล้ายกับหมั่นเขี้ยว ซึ่งนั่นทำให้ชานยอลฉีกยิ้มฝาดเฝื่อนให้ตัวเองอีกครั้ง

    ดวงตากลมนั่นยิบหยีลงจนแทบจะกลายเป็นเส้นตรงเมื่อคิมจงแดฉีกยิ้มกว้างๆเหมือนทุกครั้งที่ได้ยินประโยคนี้

     

    ไม่มีท่าทีเขินอาย และยังคงตีความหมายผิดๆเพี้ยนๆแบบทุกครั้ง....

    รู้แล้วๆ กูเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของพัคชานยอล เพราะฉะนั้นจะไม่ไปเล่นแบบนั้นกับคนอื่นอีกพอใจไหม?”

    ดีมากมือของชานยอลลูบผมเจ้าตัวเล็กคล้ายตบรางวัลที่ตอบถูกใจ แม้จะแอบถอนหายใจเมื่อคิดได้ว่าความจริงแล้วคิมจงแดคงแค่คิดว่าพัคชานยอลเป็นเด็กหวงเพื่อนเหมือนอย่างที่ผ่านๆมา

     

    แน่นอนสิ สำหรับกู พัคชานยอลคือที่หนึ่งอยู่แล้ว เพราะงั้นไม่ต้องน้อยใจนะ

    รอยยิ้มสดใสนั่นประดับใบหน้าน่ารักอีกครั้งพร้อมกับที่รอยยิ้มโง่ๆของชานยอลฉายชัดเต็มใบหน้า

     

    สุดท้ายคิมจงแดก็ยังไม่รู้ตัว...

     

     

    คนโง่เอ้ย ลองคิดดูดีๆสิที่ฉันคอยแกล้งนายทุกวัน

    คอยถามทุกครั้งว่านายเป็นยังไงบ้าง

    ค่ำมืดดึกดื่นฉันก็พานายไปส่งบ้าน

     

    นายไม่เอะใจบ้างหรอ บางครั้งที่ฉันโผล่มากจากไหนไม่รู้

    เวลามองนายแล้วได้แต่ยิ้มเหมือนคนโง่

    เพราะฉันพูดออกไปไม่ได้ว่ารัก

    ฉันทำแบบนั้นไปก็เพราะนาย

     

    ทั้งโลกเขารู้กันหมดแล้ว

    มีแต่นายนั่นแหละที่ยังไม่รู้ แค่นายคนเดียวที่ไม่รู้

     

     

     

     

    บรรยากาศเงียบสงบเพราะเริ่มจะเดินทางเข้าสู่วันใหม่ จงแดเหลือบมองนาฬิกาข้อมือโบกมือให้กับเพื่อนๆในกลุ่มที่กำลังแยกย้ายกลับจากการทำงานกลุ่ม ก่อนจะได้ยินเสียงฝีเท้าของใครสักคนเดินตรงมาหา รอยยิ้มอ่อนๆแต่งแต้มบนใบหน้าทันทีที่เห็นว่าเป็นใคร

    ไม่ให้พี่ไปส่งจริงๆหรอจงแด

    คนตัวผอมส่ายหน้าพร้อมกับบอกเหตุผลที่ไม่รับน้ำใจของอีกฝ่ายอย่างซื่อตรงเดี๋ยวชานยอลมารับครับ

    พัค ชานยอล? คนได้ฟังขมวดคิ้วดึกขนาดนี้เพื่อนจะมารับกลับอีกหรอ?”

    จงแดพยักหน้ารับแทนคำตอบ ท่าทางปกติของรุ่นน้องตัวเล็กทำให้อู๋อี้ฝานไม่ได้คิดอะไร คนร่างสูงขยับเข้ามายืนข้างๆ รอยยิ้มอบอุ่นจุดขึ้นบนริมฝีปากงั้นเดี๋ยวพี่ยืนรอเป็นเพื่อน

    ไม่เป็นไรก็ได้ครับพี่อี้ฝาน เดี๋ยวอี้ชิงจะรอนานนะครับ

    จงแดว่าพลางพยักเพยิดไปทางเพื่อนร่วมสาขาที่เป็นน้องชายแท้ๆของอีกฝ่าย แต่รุ่นพี่ตัวสูงกลับส่ายหน้า

    รอให้เพื่อนเรามาก่อน ตัวก็แค่นี้จะให้รอคนเดียวได้ยังไงน้ำเสียงเหมือนดุเขาอย่างไม่จริงจังนั่นทำให้จงแดต้องโคลงหัวรับอย่างช่วยไม่ได้ แม้ว่าในใจจะแอบหวั่นว่าอาจจะต้องเจอใบหน้าหงุดหงิดของคนหวงเพื่อนอย่างเจ้าโย่งแสนซื่อบื้อนั่นอีกรอบนึงก็ตาม

    แต่จะว่าไป ท่าทางแบบนั้นก็น่ามองไม่หยอก...

     

    รอยยิ้มซุกซนผุดขึ้นเต็มใบหน้า พร้อมกับเสียงหัวเราะเบาๆที่เล็ดรอดออกมาให้ได้ยิน อี้ฝานมองเสี้ยวหน้าของเพื่อนน้องชายแล้วก็เผลอยิ้มตามอย่างทุกครั้ง

    คิมจงแดน่ารัก และน่ารักมากขึ้นในทุกๆครั้งที่เจอกัน

     

    จงแด

    ครับ?”คิ้วของคนตัวผอมขมวดเข้าหากันตอนที่เห็นว่าใบหน้าของพี่ชายเพื่อนเริ่มฉายแววจริงจังอีกครั้งลอบผ่อนลมหายใจออกช้าๆ ดวงตากลมสบเข้ากับตาคมที่ทอประกายความอบอุ่นนั่นเหมือนเช่นทุกที

     เดาได้ไม่ยากเลยว่าพี่อี้ฟานจะพูดเรื่องอะไร

     

    จงแดยังไม่มีแฟนใช่มั้ย?”

    คนตัวเล็กโคลงศีรษะรับ แต่นั่นไม่ได้ทำให้อี้ฟานใจชื้นขึ้นมา เมื่อปฏิกิริยาขิงเด็กตัวผอมตรงหน้าไม่ได้แตกต่างไปจากทุกทีที่เขาสารภาพรัก คนตัวสูงยิ้มให้กับตัวเอง ยกมือวางบบกลุ่มผมของอีกฝ่าย แววตาฉายแววเจ็บปวดจางๆจะไม่ให้โอกาสพี่บ้างเลยหรอจงแด?”

    โธ่พี่ครับคนตัวเล็กลากเสียงอ้อนเพียงเท่านั้นอี้ฟานก็หลุดเสียงหัวเราะด้วยความเอ็นดู

    เรามันใจร้าย

    แต่พี่อี้ฟานใจดีมากเลยนะครับจงแดจับมือของอีกฝ่ายมากุมไว้ รอยยิ้มสดใสแผ่ไปถึงหัวใจที่เย็นชืดท่ามกลางสายลมเย็นๆ อี้ฟานแพ้รอยยิ้มนั่นอีกครั้งเชื่อสิครับว่าพี่อี้ฟานต้องได้เจอคนที่ดีแน่ๆ

    ใครสักคนที่ดีเหมือนเรา

    ไม่สิครับ ต้องเป็นใครสักคนที่พี่รัก

    อี้ฟานยังประโยคตัดพ้อเพราะไม่อยากให้รอยยิ้มบนใบหน้าของจงแดจางหาย เขาทำได้เพียงยกมือลูบแก้มของอีกฝ่ายเบาๆเมื่อเหลือบไปเห็นรถคันคุ้นตาที่แล่นเข้ามาจอดลงหน้าร้าน

     

    เราเองก็ควรสมหวังได้แล้วล่ะมั้ง

     

    จงแดกลับบ้านกันเถอะชานยอลกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามาหาเพื่อนสนิทตัวเล็กที่ยืนหันหลังให้ตัวเอง ก่อนจะชะงักค้างเมื่อคิมจงแดหันกลับมาหาด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ อู๋อี้ฟานฉีกยิ้มกว้างเต็มใบหน้า ไม่ลืมเผื่อแผ่มาทางเขาที่เริ่มรู้สึกได้ว่าอากาศบริเวณนี้ร้อนอบอ้าวขึ้น

    รอยยิ้มน่าหมั่นไส้นั่นมันอะไรกัน!

     

    จงแดมองท่าทางของเพื่อนสนิทแล้วก็กลั้นขำ มือเล็กเลยเอื้อมไปคว้ามือของอีกฝ่าย ก่อนจะหันไปโค้งลาอี้ฟานอีกครั้ง

    รีบกลับเถอะ กูง่วงแล้ว

     

    บรรยากาศในรถดูเงียบกว่าปกติสาเหตุหนึ่งก็เพราะจงแดโดนงานกลุ่มดูดพลังไปมากเกินกว่าที่จะพูดถึงเรื่องดินฟ้าอากาศหรือแม้กระทั่งเล่าเหตุการณ์ชวนหัวที่เกิดขึ้นระหว่างการทำงานแต่กับชานยอลแน่นอนว่ารอยยิ้มของอู๋อี้ฟานมันรบกวนความคิดจนแทบจะคิดเรื่องอื่นไม่ออก นิ้วเรียวเคาะพวงมาลัยสองสามทีพร้อมกับเหลือบมองเสี้ยวหน้าของเพื่อนสนิท พอเห็นว่าคิมจงแดลืมตาขึ้นมาพัคชานยอลก็ไม่ลังเลอีกต่อไป

     

    พี่เค้าคุยอะไรกับมึง?”

    จงแดอ้าปากหาว ขยับตัวเพื่อหาท่าทางสบายก่อนจะจ้องมองเสี้ยวหน้าของเพื่อนสนิทหัวคิ้วเลิกขึ้นมึงหมายถึงพี่อี้ฟานน่ะหรอ

    ก็เมื่อกี้มึงยืนอยู่กับใครล่ะ

     

    เสียงแข็งเชียว พาลอีกแล้ว..

    จงแดจ้องมองใบหน้าเคร่งเครียดของอีกฝ่ายแล้วก็เม้มริมฝีปากทำทีเป็นถอนหายใจก่อนดวงตากลมเหม่อมองออกไปนอกกระจกรถ เห็นหลอดไฟที่เริ่มนำมาประดับตามร้านรวงต่างๆ เมื่อเริ่มขยับเข้าสู่ช่วงสิ้นปี รอยยิ้มบางผุดขึ้นสะท้อนกับกระจกรถ น้ำเสียงที่ตอบกลับมาราบเรียบสวนทางกับอารมณ์ของสารถีจำเป็นพอสมควร

     

    พี่เค้าก็สารภาพรักกับกูอีกรอบน่ะ

    อีกรอบ?”ชานยอลหน้าตึงรู้สึกได้ถึงมือที่กำพวงมาลัยแน่นของตัวเองแล้วรอบนี้มึงตอบไปว่ายังไง?”

     

    แม้น้ำเสียงจะดูปกติดีเพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่อู๋อี้ฟานพยายามตามจีบและสารภาพรักกับเพื่อนสนิทของเขา ซึ่งทุกครั้งที่ผ่านมาจงแดปฏิเสธอีกฝ่ายมาโดยตลอดเพียงแต่ครั้งนี้เมื่อคิดถึงใบหน้าแดงก่ำของจงแด และรอยยิ้มแปลกๆของอู๋อี้ฟาน ชานยอลก็เริ่มรู้สึกถึงความไม่มั่นใจ แต่จงแดกลับเงียบ คนตัวเล็กหลับตาลงเสียดื้อๆ ปล่อยให้ชานยอลต่อสู้กับความเจ็บปวดที่เริ่มกัดกินหัวใจของตัวเองทีละน้อย

     

    หรือควรสารภาพออกไปดีวะ..

     

    ชานยอลขยับตัวลงจากรถอ้อมไปเปิดประตูด้านข้างคนขับ คิมจงแดปรือตามองเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆบิดขี้เกียจ ลอบมองเห็นใบหน้าทึมทื่อของเพื่อนสนิท ก่อนจะขยับตัวลงจากรถ สายลมช่วงดึกทำให้เผลอห่อไหล่ด้วยความหนาว และชานยอลก็ยังคงเป็นคนดีเสมอเมื่อวงแขนของอีกฝ่ายเอื้อมมาโอบรอบไหล่ ถ่ายทอดความอบอุ่นให้จนจงแดแอบเอนหัวพิงไหล่ของอีกฝ่ายตอนที่เดินเข้าไปในตัวบ้าน

     

    ในตัวบ้านมืดสนิทเพราะพ่อกับแม่เดินทางไปเที่ยวเพิ่มความหวานให้ชีวิตคู่ตั้งแต่เมื่อวาน จะกลับมาอีกทีก็หลังวันคริสมาสต์ จงแดเลยต้องอยู่คนเดียวสักพัก ชานยอลทำหน้าตายุ่งยากตอนที่เดินเข้ามาส่งถึงห้องรับแขกแล้วรู้สึกว่าบ้านเงียบเกินไป

     

    ชางกยูนจะมาค้างด้วยเมื่อไหร่?”ชานยอลหมายถึงญาติผู้น้องของจงแดที่อายุห่างกัน 2 ปีและคุ้นเคยกับเขาดีจนเหมือนน้องชายคนหนึ่ง

    พรุ่งนี้หลังเลิกเรียน

    แล้วคืนนี้นายก็ต้องนอนคนเดียว?”

    จงแดพยักหน้ารับท่าทางปกติ แต่ชานยอลกลับคิ้วขมวดเข้าหากันเป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ คนมองเลยส่ายหน้าด้วยความอ่อนอกอ่อนใจ

     

    ปกติกูก็นอนคนเดียวบ่อย

    เรื่องนั้นกูรู้ แต่ไม่รู้สิจู่ๆกูก็เป็นห่วงเห็นน้ำเสียงจริงจังเกินเหตุจงแดเลยไม่กล้าแย้ง ได้แต่มองเพื่อนสนิทตาปริบๆ เมื่อชานยอลล้วงมือถือในกระเป๋ากางเกงแล้วเดินหายไปสักพัก ก่อนจะกลับเข้ามาพร้อมกับกุญแจรถในมือ

     

    กูนอนด้วยแล้วกัน

     

    จงแดล้มตัวลงบนเตียงพร้อมกับตะแคงข้างหันไปมองคนที่นั่งทำตัวเป็นพระเอกเอ็มวีมองฟ้าอยู่บนเก้าอี้ข้างหน้าต่าง อ้าปากหาวอีกรอบแล้วก็ตบมือปุๆบนพื้นที่ว่างข้างๆ

     

    ชานยอลมึงก็มานอนสิ

    คนถูกเรียกสะดุ้งเล็กน้อย แต่นับว่าโชคดีที่จงแดง่วงเกินกว่าจะจับพิรุทอะไรได้ไม่อย่างนั้นมันคงน่าอายมากๆที่คนเอ่ยปากขอนอนด้วยอย่างเท่ๆเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมากำลังตื่นเต้นจนทำอะไรไม่ถูกมึงง่วงก็นอนก่อน

    นี่ดึกแล้วไง ไม่ง่วงมึงก็ต้องมานอน

    งอแงว่ะชานยอลพูดแขวะกลบเกลื่อน พอหันกลับมาเจอดวงตาปรือปรอยของคิมจงแดแล้วก็หัวใจอ่อนยวบ สุดท้ายก็สาวเท้ามานั่งลงบนเตียงด้วยท่าทางเก้ๆกังๆ

     

    เตียงมึงเล็ก

    ก็มันสำหรับกูนอนคนเดียวนี่เจ้าของเตียงเบ้ปากพยายามขยับตัวชิดเตียงอีกฝั่งในขณะที่ชานยอลสอดตัวเข้าในผ้าห่ม เพราะพื้นที่จำกัดแขนของเราสัมผัสกันโดยไม่ตั้งใจ จงแดขยับตัวยุกยิกแต่ชานยอลกลับไม่กล้าขยับตัวเมื่อกลิ่นของคิมจงแดลอยมาแตะจมูก ก่อนจะสะดุ้งโหยงเมื่อเพื่อนตัวเล็กขยับนอนตะแคงหันมาจ้องหน้าเขม็ง ชานยอลจิ้มนิ้วเข้าที่ระหว่างคิ้วของจงแดที่ขมวดมุ่น ก่อนมันจะค่อยๆคลายออกในเวลาต่อมา

     

    ตากลมสบเข้ากับตากลมโตของเพื่อนสนิทตัวสูง พร้อมกับรอยยิ้ม

    ที่มึงถามว่าก็ตอบพี่อี้ฟานไปยังไงน่ะ กูก็ตอบไปเหมือนเดิมนั่นแหละ

    “...อะไรของมึงกูถามไปตั้งนาน เพิ่งนึกได้ว่าต้องตอบหรือไง

    “คงงั้นมั้ง”จงแดยิ้มซุกซนก่อนจะพลิกหันหลังให้ ใบหน้าเล็กแดงก่ำ “กูกลัวใครบางคนนอนไม่หลับด้วยแหละ โอ้ย! ไอ้โย่ง!

    คนปากเก่งร้องเสียงหลงเมื่อโดนเพื่อนตัวสูงยกขาขึ้นพาดลำตัวด้วยความหมั่นไส้

    “ขาคนหรือยักษ์เนี่ย หนักชิบหาย เอาออก!

    “กูจะทับมึงไว้อย่างนี้แหะ ปากดีนัก”

    เสียงโวยวายดังคลอกับเสียงหัวเราะ กว่าคิมจงแดจะได้หลับตาลงก็เมื่อพัคชานยอลยอมเห็นใจไม่กลั่นแกล้งคนที่เริ่มตาปรือ ท่ามกลางแสงสลัวจากท้องฟ้า ชานยอลกระชับอ้อมแขนที่โอบล้อมร่างของเพื่อนสนิทไว้ก่อนจะแตะริมฝีปากบนหน้าผากของเจ้าตัวนุ่มนิ่มในอ้อมแขน

     

    กูชอบมึงจริงๆว่ะจงแด



    ตอนดึกๆก็ห้ามออกไปไหนล่ะ

    แล้วอย่าไปเล่นกับใครมากด้วย

    มันอาจจะมากเกินไปที่ฉันพูดอะไรแบบนี้

    แต่ที่ทำไปก็เพราะว่าฉันเป็นห่วงนาย

     

     

     

    จงแดกลายเป็นกองเชียร์กิตติมศักดิ์เพราะเพื่อนสนิทตัวสูงไม่อนุญาตให้ลงไปวิ่งไล่ลูกบาสในสนาม เพราะเขาตัวเล็กเหมือนลูกหมา เหตุผลมันน่าต่อยสิ้นดี แต่จงแดก็ขี้เกียจเถียง อีกอย่างก็เห็นแก่ขนมขบเคี้ยวกับน้ำอัดลมที่อีกฝ่ายเอามาติดสินบนก็เลยยอมๆนั่งเป็นเด็กดีให้สักครั้ง

    ทั้งๆที่นี่เป็นเพียงการแข่งเล่นๆของคนในคณะ แต่เมื่อเหลือบมองดูคนที่ลงสนามก็เลยไม่น่าแปลกใจว่าทำไมอัฒจรรย์รอบๆข้างถึงได้เต็มไปด้วยคนจากคณะอื่น จงแดมองไปรอบๆก่อนสายตาจะจับจ้องไปยังสนาม พัคชานยอลดูโดดเด่นในชุดเสื้อกล้ามสีดำ โดดเด่นจนจงแดนึกหมั่นไส้อยู่ในใจ

     

    เขาอยู่กับอีกฝ่ายมาตลอด รู้ตัวอีกทีพัคชานยอลก็สูงเลยหัวเขาไปหลายเซ็นฯ

     

    “มึงต้องตะโกนเชียร์มันดังๆสักทีนะจงแด ไอ้ชานยอลมันจะได้คึกเหมือนหมาบ้า”เสียงหัวเราะคิกคักดังมาจากปากของเพื่อนขนาดไซส์เดียวกันที่ถูกวางไว้ในตำแหน่งผู้คุม ไม่ให้เขาออกนอกลู่นอกทาง เป็นเพียงเพื่อนเพียงคนเดียวที่ชานยอลยอมให้เข้าใกล้และถึงเนื้อถึงตัวเขาโดยที่อีกฝ่ายไม่ได้มีสีหน้าเหมือนท้องผูก ซึ่งจงแดไม่ได้สนใจมากนักว่าสาเหตุที่ยูกีฮยอนผ่านด่านมาได้นั่นเพราะอะไร หรือบางทีอาจจะเพราะนิสัยหน้ามึนเหมือนกัน...

     

    “กูตะโกนไปมันก็ไม่ได้ยินหรอกเสียงกรี้ดดังขนาดนั้น”จงแดว่าพลางหยิบขนมเข้าปากท่าทางไม่สนใจแต่ยูกีฮยอนกลับหรี่ตามองวิบวับ “มองอะไรของมึง?”

    “เปล่านี่”มันส่ายหน้าแต่จงแดไม่ได้เชื่อสักนิด

    “ยูกีฮยอน!

    “ข่มกูไม่ได้นะ เพราะกูไม่ใช่ชานยอล”

    “กูไม่เคยทำ”

    “อ้อ นั่นเพราะมันยอมมึงเอง ถือว่ากูพูดผิดไป”

    “ยอม?”จงแดเลิกคิ้วส่ายหน้าพรืดต่อต้านคำพูดของเพื่อน “มันไม่เห็นยอมกูสักที”

    “โอ้โห”กีฮยอนฟังแล้วก็เบิกตากว้างยิ่งมองใบหน้างงๆของเพื่อนตัวผอมก็ยิ่งรู้สึกอยากหลั่งน้ำตาให้ไอ้คนที่กำลังกระโดดชู๊ตบาสลงห่วง “กูเป็นชานยอลนี่ร้องไห้แล้ว”

    “ประสาทหรอมึงอ่ะ”

     

    ยูกีฮยอนจ้องเพื่อนจนแทบจะทะลุแต่จงแดก็ยังคงตีหน้าซื่อบื้อได้อย่างสม่ำเสมอจนไม่รู้จะหาวิธีไหนมาง้างปาก เหลือบไปมองที่สนาม พัคชานยอลก็ขยันหันมาจ้องเพื่อนตัวเล็กนี่จนกลัวว่าจะโดนลูกบาสฟาดหน้าสักที “ตะโกนเชียร์มันหน่อย!

     

    จงแดส่ายหน้า แต่ทว่าในช่วงที่เพื่อนสนิทตัวสูงโยนลูกสามแต้มได้เขาก็กำมือชูให้อีกฝ่ายอย่างทุกที

    เท่านี้ก็คงพอแล้วมั้งเดี๋ยวก็ได้ใจไปกันใหญ่..

     

    จงแดก้มหน้ายิ้มกับตัวเอง จนกระทั่งเสียงเป่านกหวีดหมดเวลาจบลงเสียงกรีดร้องพร้อมกับเฮลั่นของทีมที่ชนะ จงแดทันเห็นเพียงแค่หลังไวๆของยูกีฮยอนที่พุ่งไปกระโดดเฮลั่นกับเพื่อนร่วมคณะ ในขณะที่ดวงตาสบเข้ากับเพื่อนสนิทที่ส่งยิ้มกว้างมาแต่ไกล จงแดเลิกคิ้วกอดอกมองร่างของพัคชานยอลที่ค่อยๆเดินฝ่าผู้คนเข้ามาหาเขา

    ใบหน้าของเพื่อนสนิทตัวสูงเต็มไปด้วยเหงื่อ มือใหญ่ของพัคชานยอลเสยผมที่ปรกหน้าผากของตัวเองออก ใบหน้าเริ่มบึ้งตึงเมื่อเห็นปฏิกิริยาเพื่อนตัวเล็ก

    “ไม่ดีใจกับกูสักคำ?”

    จงแดหลุดขำเมื่อได้ฟังประโยคน้อยใจนั่น มือเล็กเลยยกขึ้นตบปุๆบนบ่าของอีกฝ่าย

    “จะต้องให้ดีใจอะไรอีก คนดีใจกับมึงเยอะขนาดนี้”ไม่ว่าเปล่าจงแดยังพยักเพยิดไปรอบๆ สายตาของสาวๆ รวมถึงหนุ่มๆ ที่จดจ้องมายังพัคชานยอลไม่ใช่เล่นๆเลย

     

    คนตัวสูงได้ฟังแล้วก็หมั่นเขี้ยวยิ่งเห็นรอยยิ้มไม่ยินดียินร้ายของเพื่อนสนิทแล้วริมฝีปากอิ่มก็ยู่ใส่ ขยับเข้าไปใกล้ไม่ให้จงแดได้ทันตั้งตัวก็เอาหัวที่มีแต่เหงื่อเช็ดๆถูๆเข้ากับบ่าเล็กๆของอีกฝ่าย

    “ย่าส์ พัคชานยอล มันสกปรก!”คิมจงแดร้องลั่น มือเล็กดันหัวเพื่อนสนิทออกแต่ชานยอลก็ดื้อดึงจะกลั่นแกล้ง แขนยาวโอบรอบลำคอของคิมจงแดไว้ไม่ให้มีทางขยับหนี ก่อนจะต้องร้องเสียงหลงเมื่อรู้สึกเจ็บจี๊ดที่หน้าท้อง

    คิมจงแดหยิกเข้าเต็มแรง!

     

    “ไอ้ตัวแสบ!

    ก็มึงแกล้งกูก่อนเสียงแหลมๆแว้ดขึ้นพร้อมกับฝ่ามือเล็กที่ฟาดลงมาบนต้นแขนของชานยอลที่ยอมผละออก มันไม่ได้แรงนักแต่มันก็น่าสนุกกว่าที่จะทำตัวเจ็บปวดให้มากๆหน่อย เพื่อให้คิมจงแดทำหน้าตาตกใจเหมือนอย่างตอนนี้

     

    กูเจ็บนะ

    จะไปเจ็บอะไร มึงหนังหนาจะตายจงแดไม่ว่าเปล่ายังแลบลิ้นให้อย่างซุกซน แต่มือเล็กกลับหันไปคว้าเอาผ้าขนหนูในกระเป๋าของอีกฝ่ายที่ฝากไว้ตั้งแต่แรกมายื่นให้ ชานยอลเห็นแบบนั้นก็แกล้งโกรธต่อไม่ลง เขาขยับนั่งลงบนที่นั่งไม่ลืมดึงแขนเจ้าเพื่อนตัวเล็กให้นั่งลงเป็นเพื่อน บรรยากาศที่คลอไปด้วยน้ำเสียงพูดคุยกันจอแจ แต่พวกเขากลับอมยิ้มน้อยๆ

     

    ความสัมพันธ์ของพวกเขาก็เป็นแบบนี้

     

     

     

    “ไม่ไปต่อจริงหรอวะ?”ชานยอลส่ายหน้าไม่ลืมกระชับมือบนหัวไหล่ของเพื่อนสนิทตัวเล็กเมื่อเห็นว่าคิมจงแดสั่นเมื่อลมเย็นๆพัดผ่านเมื่อครู่

     

    “งั้นเอาไว้คราวหน้าก็ได้คนผิวแทนพยักหน้ารับอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนจะจ้องเขม็งไปยังเพื่อนตัวเล็กที่ถูกโอบไหล่อยู่ “คราวหน้ามึงต้องไปด้วยนะจงแด จะมายึดไอ้ชานยอลไว้คนเดียวแบบนี้ไม่ได้”

    “กูยึดมันที่ไหนล่ะ ก็มันไม่อยากไปเอง”คนขี้เถียงของคณะเถียงกลับปากยื่นปากยาวจนจงอินอยากจะแจกมะเหงกให้สักลูก แต่นั่นอาจจะต้องเป็นตอนที่ชานยอลไม่อยู่ด้วยเท่านั้นน่ะนะ

    “หมั่นไส้มึงจริงไอ้เตี้ยเอ๊ย”จงอินว่ากลับขำๆแต่คนได้ยินตาโต คิมจงแดแทบจะพุ่งเข้าใส่เพื่อนผิวแทนแล้วถ้าไม่ติดว่าพัคชานยอลมันรัดคอไว้อยู่ คนตัวเล็กได้แต่ค้อนขวับอยากสะบัดตัวหนีแต่ก็ติดที่ขี้เกียจ เลยได้แต่ขมุบขมิบปากด่าให้จงอินหัวเราะเหมือนคนเสียสติ ส่วนชานยอลได้แต่ยกมือลูบผมเพื่อนตัวเล็กให้สงบลงแต่น้ำเสียงห้ามปรามก็กลั้วขำ

    “พวกมึงจะเถียงกันไปถึงไหน มึงก็รีบไปได้แล้วจงอิน”

     

    “ชานยอลไม่ไปด้วยกันหรอคะ?”เสียงหวานที่แทรกขึ้นทำให้ทั้งสามคนหยุดเถียงกันชั่วครู่ คิมยูจินเดินส่งรอยยิ้มหวานอย่างเจาะจงมาให้คนตัวสูงที่สุด จงแดมองแล้วก็เผลอเบ้ปากอยู่ด้วยกันตั้งหลายคนแต่กลับถามแค่คนเดียว

    ใจแคบเกินไปหน่อยหรือเปล่า...

     

    พัคชานยอลไม่ได้สนใจหญิงสาวแต่เขากลับเห็นท่าทางของจงแดเมื่อครู่เต็มสองตา รอยยิ้มเอ็นดูผุดขึ้นมาให้จงอินกรอกตาใส่

    ชัดเจนซะขนาดนี้ใครคิดว่าเป็นแค่เพื่อนสนิทได้ก็โง่เกินไปแล้ว!

     

    “ถ้าชานยอลไปอีกคนต้องงานต้องสนุกขึ้นอีกแน่เลยค่ะ”คิมยูจินยังไม่ยอมแพ้ หญิงสาวปรายตามองแขนยาวที่กอดคอคิมจงแดอยู่แล้วก็ยกยิ้มหวาน แต่คำตอบของชานยอลก็ทำให้ทุกอย่างจบลงอย่างง่ายดาย

     

    “ฉันต้องรีบพาจงแดกลับบ้านน่ะ”

     

     

    “ความจริงมึงจะไปกับพวกนั้นก็ได้นะ ไม่เห็นต้องเอากูมาอ้างเลย”

    ชานยอลเหล่ตามองคนที่ยังเคี้ยวขนมในปากไม่หยุดแล้วก็เอนหลังพิงพนักโซฟาภายในห้องรับแขกของบ้านคิม

    “กูขี้เกียจ หนาวขนาดนี้ใครจะอยากไปไหน”

    จงแดหรี่ตามองคนที่ไม่อยากไปไหนแต่ยังสิงตัวอยู่ในบ้านของเขาไม่ยอมกลับบ้านกลับช่องตัวเองแล้วก็
    บึนปาก “งั้นมึงควรกลับบ้านตัวเองไปนอนมั้ย?”

     

    “กลับตอนนี้ก็รถติด”

    “บ้านมึงอยู่ถัดจากนี่แค่ซอยเดียว!”จงแดเถียงกลับเมื่อได้ยินเหตุผลไม่เข้าท่า ชานยอลทำเพียงแค่ยักไหล่แล้วก็เอนตัวกึ่งนั่งกึ่งนอนมองเพื่อนตัวเล็กกินอย่างเอร็ดอร่อย ดวงตากลมโตทอดแววเอ็นดูจนคนถูกมองกระอักกระอ่วนแปลกๆ

    “มองอะไรนักหนา”

    “กูมองมึงบ้างไม่ได้หรือไง” ชานยอลตอบหน้าตาย หนำซ้ำริมฝีปากยังค่อยๆขยับเป็นรอยยิ้มกว้าง “ดูซิกินจนแก้มย้วยแล้ว”

     

    “แต่กูไม่อ้วน!”จงแดดักคอเสียงดังเพื่อปกปิดอาการขาดเขินจากสายตาของเพื่อนสนิทก่อนจะขยับหันหลังให้ ใบหน้าขาวแดงก่ำอย่างห้ามไม่อยู่เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะแผ่วๆของชานยอล

    “ต่อให้มึงอ้วนกูก็ไม่คิดจะทิ้งมึงไปไหนอยู่แล้ว...”

     

     

    คนโง่เอ้ย ลองคิดดูดีๆสิที่ฉันคอยแกล้งนายทุกวัน

    คอยถามทุกครั้งว่านายเป็นยังไงบ้าง

    ค่ำมืดดึกดื่นฉันก็พานายไปส่งบ้าน

    นายไม่เอะใจบ้างหรอ บางครั้งที่ฉันโผล่มากจากไหนไม่รู้

    เวลามองนายแล้วได้แต่ยิ้มเหมือนคนโง่

    เพราะฉันพูดออกไปไม่ได้ว่ารัก

    ฉันทำแบบนั้นไปก็เพราะนาย

     

    จงแดคนโง่ ขนาดนี้แล้วยังไม่รู้ตัวอีกหรอ

     

     

     

    ยิ่งใกล้ช่วงคริสมาสต์ก็ยิ่งหนาว จงแดอยู่ในเสื้อแขนยาวตัวหนาที่พอจะปกป้องตัวเองจากอากาศเย็นๆรอบกายได้ตามประสาคนขี้หนาว มือเล็กถูกันไปมาในขณะที่กำลังชะเง้อรอใครบางคน พัคชานยอลในแฟชั่นฤดูหนาวที่จงแดเห็นจนชินตาเดินโดดเด่นมาแต่ไกล ถึงขนาดที่ว่าอีกฝ่ายใส่หมวกแทบจะเห็นแค่ปากขนาดนั้นยังเรียกสายตาของสาวๆได้เป็นอย่างดี จงแดถอนหายใจเพราะดูท่าแล้วไม่ว่าจะไปที่ไหนกับพัคชานยอลก็ต้องมีเรื่องวุ่นๆทุกที

     

    เจอกูแล้วถอนหายใจนี่หมายความว่ายังไง?”

    “เบื่อคนฮ็อต”จงแดแขวะไปทีนึงแต่นอกจากชานยอลจะไม่เคยโกรธแล้วหัวของคนตัวเล็กยังถูกมือใหญ่ของอีกฝ่ายละเลงเสียจนผมไม่เป็นทรง จงแดขี้เกียจต่อล้อต่อเถียงเพราะอยากจะกลับไปนอนอดอู้อยู่บนเตียงเต็มทนเลยยอมๆไปทำเพียงจ้องตาขวางไปทีนึงและก็เป็นชานยอลอีกเหมือนเดิมที่เป็นคนจัดผมของเพื่อนตัวเล็กให้เข้าที่เข้าทาง

    ทั้งคู่เดินคู่กันไปจนถึงส่วนที่ขายของจิปาถะ ผู้คนที่เริ่มหนาตาเพราะใกล้เทศกาลคริสมาสต์ทำให้ชานยอลหันมามองคนที่คิ้วขมวดอยู่ข้างๆ

    จงแดไม่ชอบคนเยอะ เขาจำข้อนี้ได้ดี

    “จับกูไว้ให้ดีแล้วกันจะได้รีบซื้อรีบเสร็จ”คนที่เริ่มหน้างอก่นด่าพวกเพื่อนในชั้นปีที่มอบหมายหน้าที่การซื้อของตกแต่งต้นคริสมาสต์ให้กับเขาทั้งคู่พยักหน้ารับ แต่ยังไม่ทันจะขยับเดินคิมจงแดก็ทำให้ชานยอลหัวใจกระตุกก่อนจะเร่งจังหวะเป็นเต้นรัวเมื่อรับรู้ได้ถึงสัมผัสอุ่นๆบนฝ่ามือ

    “กูขอจับมือมึงหน่อยแล้วกัน”จงแดเหมือนบอกมากกว่าขออนุญาตเพราะเปลี่ยนเป็นฝ่ายลากชานยอลที่กลายเป็นคนสมองสั่งการช้าชั่วคราวไปตามทางเดิน ผู้คนที่เดินขวักไขว่ทำให้มือของทั้งคู่กระชับเข้าหากันแน่น และกลายเป็นชานยอลเองที่เกาะกุมมือของจงแดไว้

    มือเล็กๆที่เขาเฝ้าจับไว้ไม่เคยนึกอยากปล่อยมาตลอด...

     

    “เหนื่อยชะมัดเลย”คนที่ไม่ค่อยออกไปข้างนอกเป็นคนบ่นออกมาก่อนหลังจากที่จัดการซื้อของกันเสร็จเรียบร้อย เขาทั้งคู่นั่งอยู่ในคาเฟ่เล็กๆแห่งหนึ่งถุงกระดาษสองถุงใหญ่ของพวกเขาถูกวางไว้บนพื้นข้างๆจงแดก้มลงดูดช็อกโกแล็ตปั่นของตัวเองอึกใหญ่ แล้วก็เอนหลังพิงโซฟาด้านหลังท่าทางหมดเรี่ยวหมดแรง

    “ทำตัวเหมือนแมวขี้เกียจ”

    คนโดนหาว่าเป็นแมวขี้เกียจจิกตาใส่ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นเลื้อยตัวเอนหัวซบคนที่นั่งฝั่งเดียวกัน ชานยอลไม่ได้ว่าอะไรทำเพียงขยับท่าทางให้เพื่อนสนิทพักพิงในท่าทางที่สบายที่สุด ม้านั่งมุมด้านในที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัวเนื่องจากคนส่วนใหญ่เลือกจับจองที่นั่งริมกระจกที่มองเห็นบรรยากาศของฤดูหนาวเลยเงียบลงอีกครั้ง จงแดนึกอยากจะหลับเสียให้รู้แล้วรู้รอด ถ้าไม่ติดว่าเสียงเลื่อนเก้าอี้ที่อยู่ด้านหน้าจะปลุกให้เขาตื่นขึ้นมา

    อ่า เรียกว่าตาสว่างเลยก็ว่าได้..

    “ขอนั่งด้วยคนนะคะ”จงแดกระพริบตาปริบๆแต่ไม่ได้ขยับตัวจากท่าเดิม คนตัวเล็กมองหญิงสาวผมสั้นในชุดโค้ทสีน้ำตาลที่ส่งยิ้มหวานหยดย้อยมาให้เขาทั้งคู่แล้วเหลือบไปมองโต๊ะว่างข้างๆ

    อืม...พัคชานยอลทำพิษอีกแล้วสินะ

     

    จงแดถอนหายใจออกมาให้เพื่อนสนิทได้ยินและชานยอลเองก็พอจะเข้าใจอารมณ์ของอีกฝ่าย คนตัวสูงหันใบหน้ากลับไปมองใบหน้าของเพื่อนสนิทก่อนจะยิ้มให้อย่างอ่อนโยน

    รอยยิ้มนั่นทำให้คนที่มาใหม่เริ่มรู้สึกถึงอะไรแปลกๆ

    “แฟนคุณหรอคะ?”หญิงสาวโยนหินถามทาง ก่อนใบหน้าจะผุดรอยยิ้มพอใจเมื่อเห็นชายหนุ่มส่ายหน้า

    “ไม่ใช่หรอกครับ”แต่เพียงแค่แว๊บเดียวรอยยิ้มก็หายวับไปกับตา

    “...”

    พอดีผมกำลังจีบเค้าอยู่น่ะครับ

    พร้อมกับที่เธอขยับลุกไปไวเหมือนกับตอนที่เธอเข้ามา

    ชานยอลไม่ได้พูดเสียงดังแต่จงแดได้ยินมันชัดเจนเพราะอยู่ใกล้แค่นี้ คนตัวผอมตาเบิกกว้างแยกเขี้ยวใส่เพื่อนตัวดีจนชานยอลรู้เขินขึ้นมาจริงๆ คนตัวสูงใบหูแดงก่ำ หันมามองเสี้ยวหน้าของเพื่อนสนิทแว๊บเดียวแล้วก็หันหน้าหนึออกไปอีกทาง น้ำเสียงฟังดูตะกุกตะกักตอนที่เอ่ยอธิบาย

     

    โทษทีนะมึงกูไม่รู้จะปฏิเสธยังไง

    “เลยอ้างว่ากำลังจีบกูเนี่ยนะ”จงแดบ่นหงุงหงิงแต่กลับกลั้นยิ้มไม่อยู่ “แบบนั้นใครเค้าจะไปเชื่อวะ?”

    ชานยอลหันกลับมาทันได้เห็นใบหูที่แดงก่ำของคนที่ก้มดูดช็อกโกแล็ตปั่นเอาเป็นเอาตาย

    “แต่กูว่าเค้าเชื่อนะ ว่ากูกำลังจีบมึงจริงๆ”

    “....”

    คิมจงแดไม่เถียงกลับเหมือนอย่างทุกที ชานยอลเลยยกมือวางบนหัวของอีกฝ่ายนิ่งๆความรู้สึกของเขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกว่าคิมจงแดน่าเอ็นดูมากขึ้นทุกที

    แล้วแบบนี้จะอดทนเป็นเพื่อนไปได้อีกนานแค่ไหนวะ...

    เมื่อไหร่จะรู้ตัวสักทีนะ เจ้าตัวแสบ...

     

     

    งั้นก็จำไว้นะ ใครคนนึงที่คอยดูแลนายตลอดทุกวัน

    ใครที่คอยเล่นกับนายเสมอ

    คนที่อยู่ข้างๆนายมาตลอดไม่ว่าสุขหรือทุกข์

    ตอนนี้เขาอยู่ตรงหน้านายแล้ว คนที่มีชีวิตอยู่เพียงเพื่อนาย

    เป็นคนที่ทำอะไรไม่ได้เมื่อไม่มีนายอยู่ข้างๆ

    เป็นคนปากแข็งที่ไม่กล้าพูดว่ารักนายแค่ไหน

    เขาเลยได้แต่อยู่ข้างหลังนายตลอด แต่เขาก็เป็นคนดีนะ

    คนที่ถึงแม้จะเจ็บปวดแต่ก็ยังยิ้มได้

    นี่นายยังไม่รู้ตัวอีกหรอ จงแดยา

     

     

    .

    เช้าวันคริสมาสต์ตรงกับวันอังคาร จงแดกับชานยอลมีเรียนตอนเก้าโมงถึงเที่ยง และตอนที่เลิกคลาสในมือของพัคชานยอลก็เต็มไปด้วยกล่องของขวัญเล็กๆน้อยๆจนจงแดเบ้ปากใส่ด้วยความหมั่นไส้ ก่อนที่ฝ่ามือใหญ่นั่นยื่นกล่องช็อกโกแล็ตยี่ห้อดังมาตรงหน้า

    จงแดเลิกคิ้วเป็นคำถามว่านี่ของใคร?

     

    ของกู ซื้อมาให้มึงชานยอลพูดจบก็ยัดมันลงบนมือเล็กของอีกฝ่าย แน่นอนว่าจงแดเป็นผู้รับที่ดี คนตัวเล็กเพียงเอ่ยขอบคุณก่อนจะแกะมันกินตรงนั้นให้คนมองยิ้มเอ็นดูอีกรอบ ชานยอลเดินขนาบข้างเพื่อนตัวผอมก่อนจะหยุดเดินพร้อมๆกันเมื่อเห็นใครบางคน

    “พี่อี้ฟานสวัสดีครับ”จงแดทักทายรุ่นพี่ตัวสูงด้วยรอยยิ้มสดใสเหมือนอย่างทุกที ตาคมของรุ่นพี่หนุ่มเหลือบมองคนที่ยืนหน้าบูดบึ้งอยู่ข้างๆจงแดอย่างไม่ใส่ใจก่อนจะยื่นถุงกระดาษสีขาวให้คนตัวเล็ก

     

    Merry Christmas นะเจ้าตัวเล็ก”

    Merry Christmas เช่นกันครับพี่อี้ฟาน”จงแดยื่นมือไปรับถุงกระดาษจากมือของอีกฝ่ายพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง และนั่นทำให้ชานยอลคิ้วกระตุก หน้าตูมขึ้นมาเหมือนอย่างทุกที

     

    “กลับได้แล้วเดี๋ยวคุณลุงกับคุณป้ารอนาน”ชานยอลยกมารดาของเจ้าตัวเล็กมาอ้าง ทั้งอี้ฟานและจงแดจึงได้แต่ลอบมองหน้ากันกลั้นขำ มือเล็กแตะลงบนแขนของเพื่อนสนิทที่ดูจะจริงจังกับการไปรับพ่อกับแม่ของเขาที่สนามบินเกินเหตุ เห็นอี้ฟานพยักหน้าให้จึงยอมเอ่ยลาอีกฝ่ายแต่โดยดี

    เอาเถอะ วันดีๆให้ชานยอลหน้างอทั้งวันคงไม่ดีเท่าไหร่

     

     

    แต่พี่อี้ฟานก็ใช่ว่าจะไม่ขี้แกล้ง...

     

    แสงไฟหลากสี ต้นคริสมาสต์ที่ประดับประดาอย่างสวยงามรอบกายพวกเขาแต่นั่นกลับไม่ทำให้ใบหน้าบึ้งตึงของชานยอลกลับมาเป็นปกติ จงแดถอนหายใจออกมารอบที่ร้อย นึกย้อนไปถึงรุ่นพี่ตัวดีที่ก้มมากระซิบชิดแก้มเขาแล้วก็เข่นเขี้ยวในใจ

    นี่คือวิธีเอาคืนที่เขาปฏิเสธอีกฝ่ายไปรอบที่สี่สินะ...

     

    “ถ้ามึงยังหน้าบูดแบบนี้กูกลับแล้วนะ”จงแดว่าเสียงเครียดมองคนที่ตั้งแต่ออกจากงานเลี้ยงคริสมาสต์ที่บ้านเขาแล้วก็ยังทำหน้าบอกบุญไม่รับได้เสมอต้นเสมอปลาย คนตัวเล็กหยุดเดินหันกลับมากอดอกมองเพื่อนสนิทด้วยแววตานิ่งๆ และนั่นทำให้ชานยอลพ่นลมหายใจออกบ้าง

    ก็ไม่ได้อยากจะหงุดหงิดสักหน่อย แต่อู๋อี้ฟานดันมาทำให้ความมั่นใจของเขาพังครืดลงต่อหน้าต่อตา

    “ได้ไง ไหนมึงสัญญาแล้วว่าคริสมาสต์ปีนี้จะอยู่กับกู”

    คนฟังกรอกตา “กูไม่อยากอยู่กับคนอารมณ์ไม่ดี”

     

    ชานยอลนิ่งไปคนตัวสูงเม้มริมฝีปากจ้องมองเพื่อนสนิทตัวเล็กที่ยืนทำหน้าไม่สบอารมณ์

    “กูไม่ได้ตั้งใจ”

     

    “มีอะไรจะพูดมั้ย?”จงแดมองท่าทางหมาหงอยของอีกฝ่ายแล้วก็อ่อนใจ แต่ก็นึกไม่ออกมาจะช่วยอีกฝ่ายยังไง เขาไม่แน่ใจว่าที่ชานยอลอารมณ์ไม่ดีแบบนี้มันเป็นเพราะเขาอย่างที่เป็นมาตลอดหรือเปล่า

    ถึงจะค่อนข้างมั่นใจ แต่จะให้พูดออกไปในทำนองที่เข้าข้างตัวเองมันก็ออกจะน่าอายเกินไป...

     

    “กูจับมือมึงได้มั้ยวะ?”ชานยอลไม่ได้ตอบคำถามแต่กลับยื่นมือมาตรงหน้า และถึงจะไม่เอ่ยปากขอจงแดก็ไม่ได้มีท่าทีลังเลแม้แต่น้อย มือเล็กวางบนฝ่ามือของอีกฝ่าย ในขณะที่ชานยอลก้มหน้ามองพื้น นอกจากฝ่ามือที่กอบจับกระชับมือของเขาก็ไม่มีคำพูดอะไรหลุดออกมา จนลมหนาวพัดมาระลอกหนึ่ง จงแดขยับตัวเข้าไปชิดอีกฝ่ายจนห่างกันแค่ครึ่งก้าวตอนนั้นชานยอลถึงได้เงยหน้าขึ้นมา

    “จงแดมึงอยู่กับกูแบบนี้ไปทุกคริสมาสต์เลยได้ไหมวะ?”

     

    จงแดหลุดขำอย่างช่วยไม่ได้และนั่นส่งผลให้ชานยอลตาโตอย่างคนเสียความมั่นใจ ทั้งๆที่เมื่อครู่อุตส่าห์รวมรวมความกล้าได้แล้วแท้ๆ มืออีกข้างที่ว่างของคนตัวเล็กตบบนแขนของชานยอลคล้ายให้กำลังใจ เสียงหัวเราะใสๆนั่นดังคลอเบาๆ แต่ใครจะรู้ว่าตอนนั้นชานยอลยิ่งรู้สึกหวงแหนรอยยิ้มของจงแดขึ้นเรื่อยๆ

     

    “จงแดกูมีเรื่องต้องบอกมึง”จงแดพยักหน้ารับ มือของชานยอลบีบมือของจงแดเบาๆ “มันอาจจะทำให้มึงตกใจแต่กูเองก็ไม่อยากเป็นแบบนี้อีกแล้ว”

    “...”

    “กูคิดว่ากู..”

    “พูดอะไรเยอะแยะเนี่ย”

    “...”

    มึงคิดว่าจะสารภาพกับกูเมื่อไหร่?”ใบหน้าของจงแดมีรอยยิ้มบางๆแต่แก้มขาวกลับแดงก่ำ ตอนนั้นชานยอลไม่แน่ใจว่าตัวเองกำลังทำหน้าตายังไง รอยยิ้มของคิมจงแดพร้อมกับแววตารู้ทันนั่นกำลังทำให้เขาสับสน ลำพังแค่ควบคุมหัวใจไม่ให้มันเต้นแรงจนเหมือนจะหลุดออกมาจากอกก็ทำได้ยากมากแล้ว

    เสียงมันก็เลยฟังดูตะกุกตะกักไปหน่อย

     

    สะ..สารภาพอะไร?”

     

    คิ้วของจงแดขมวดเข้าหากันใบหน้าดูยุ่งเหยิงเล็กน้อย แต่ชานยอลกลับมองว่ามันน่าเอ็นดูเหมือนทุกครั้งที่แท้มึงเป็นคนปากหนักหรอกหรอ?”

    “..กู

     

    จงแดส่ายหน้า ท่าทีจนใจมือเล็กที่ถูกเกาะกุมไว้นั่นค่อยๆเลื่อนออก น้ำเสียงเอาแต่ใจถูกนำมาใช้

    ถ้าไม่รีบบอกกูจะไม่รอฟังแล้วนะ

    เดี๋ยวสิ!ชานยอลรีบคว้าจับมือของอีกฝ่ายไว้มั่น ใบหน้าเริ่มแดงก่ำลามไปถึงใบหู จงแดเลิกคิ้วเหมือนรอฟังประโยคต่อมาทั้งๆที่หัวใจบิดเกร็งรอฟังคำที่เฝ้ารอมานานไม่แพ้กัน

     

    จงแด กูชอบมึง

     

    ก็แค่นี้ กว่าจะพูดออกมาได้รอยยิ้มที่ชานยอลหวงแหนผุดขึ้นมาตรงหน้า ก่อนจงแดจะรับรู้ได้ถึงอะไรบางอย่างที่สัมผัสกับร่างกายแผ่วเบาจนไม่ได้สนใจท่าทางเก้ๆกังๆของอีกฝ่าย

    มึงรู้...ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ

     

    จงแดไม่ตอบ แต่คนตัวเล็กกลับขยับรอยยิ้มกว้างขึ้นไปอีก มือซ้ายแบออกรองรับเกล็ดน้ำแข็งสีขาวที่จู่ๆก็ร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า

     

    หิมะแรก

     

    นึกว่าปีนี้จะต้องอธิฐานขอจากหิมะแรกเป็นปีที่สี่ซะอีก

    “...”จงแดหันกลับมามองใบหน้าโง่งมของเพื่อนสนิทตัวสูงแล้วก็ค่อยๆยกมือขึ้นโอบรอบเอวของอีกฝ่าย ซุกใบหน้าลงบนอกอุ่นที่ยังคงได้ยินเสียงเต้นของหัวใจดังอยู่เบาๆ

     

    กูไม่ได้ซื่อบื้อเหมือนมึงหรอกนะ พัคชานยอล

     

    ถึงได้ไม่รู้อะไรเลย

     

    ไม่รู้เลยว่ากูเองก็ชอบมึงมาตั้งนานแล้วเหมือนกัน

     

    เจ้าบื้อเอ้ย!

     

     

    END


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×