คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #31 : [0421BCDAY] What’s wrong? 2/2 : BAEKCHEN
For 0421 BAEKCHEN’s DAY Project
Title : What’s wrong? 2/2
Pairing : baekchen
Summary : แพคฮยอนเคยสงสัยมาตลอดว่าในเมื่อพวกเราทั้งหมดในนี้ไม่มีใครเป็นโอเมก้าแล้วทำไมเขาถึงรู้สึกว่าคิมจงแดไม่ใช่เบต้า...และสุดท้ายแพคฮยอนก็ได้รู้
Talk : จบแล้ววววววววว โปรดอย่างขว้างขวดใส่ กลัว เจอกันเรื่องหน้าจะพยายามเคาะสนิมที่มือนะคะ 5555
ขอบคุณคนที่รอเรื่องนี้นะคะ ตัดจบอย่างไม่น่าให้อภัยแต่ไม่อย่างนั้นมันจะไม่ยอมจบค่ะ เดี่ยวไม่ได้แต่งฟิคโปรเจค เจอกันสัปดาห์สิ้นปีนะคะ ขอไปปั่นฟิคก่อน ^^ รักทุกคนที่หลงเข้ามา และขอบคุณสำหรับคอมเม้นและคำติชมค่ะ
6.
ปลายจมูกของแพคฮยอนละออกจากซอกคอหอมกรุ่น
ก่อนฝ่ามือที่เท้าอยู่กับผนังกักกันร่างของน้องเล็กไว้ในอาณัติจะเปลี่ยนมาเป็นตวัดรัดเอาเอาบางดึงเข้าหาตัวเมื่อร่างของอีกฝ่ายทรุดฮวบลงกับพื้น
ใบหน้าของจงแดแดงก่ำ ดวงตาปรือปรอยสติการรับรู้เริ่มถดถอยลงไปเรื่อยๆ ฝ่ามือเล็กที่เมื่อไม่กี่นาทีก่อนทำหน้าที่ผลักหน้าอกของแพคฮยอนออกห่างเวลานี้กลับทำได้เพียงขยุ้มเสื้อของอีกฝ่ายไว้เป็นที่ยึดเหนี่ยว
กลิ่นของอัลฟ่าตลบอบอวนไปทั่วห้องราวกับต้องการลิดรอนสติอันน้อยนิดของเขา
แต่ที่ร้ายแรงกว่านั้นคือตัวตนของเขาที่พยายามซุกซ่อนไว้ต่อหน้าพี่แพคฮยอนมาตลอดคล้ายกับจะหลุดออกมา
กลิ่นของเขา...
จงแดกัดฟันแน่นสัญชาตญาณต่อต้านขัดขืนร้องสั่งให้ทำหน้าที่ของมันแต่ถึงอย่างนั้นคนตัวผอมกลับไม่มีเรี่ยวแรงมากพอ
สุดท้ายใบหน้าเล็กจึงทำได้เพียงซุกซบลงบนไหล่กว้างของแพคฮยอน ปิดเปลือกตาลงราวกับจำนนต่อฝันร้าย
ร่างในอ้อมแขนแน่นิ่งไร้อาการขัดขืน
แพคฮยอนเกือบจะยกยิ้มดีใจที่สามารถสยบเด็กดื้อให้สงบลงได้ หากไม่ใช่เพราะลมหายใจร้อนที่เป่ารดซอกคอของตัวเอง
“คิม จงแด...”แพคฮยอนผละตัวออกเพียงเล็กน้อยรู้สึกร้อนรนขึ้นอย่างไม่ทราบสาเหตุมือเรียวประคองใบหน้าของจงแดขึ้น
แววตาฉายแววตื่นตระหนก “นายเป็นอะไร จงแด!”
จงแดส่ายหน้าดวงตาปรือปรอยก่อนจะขยับซุกตัวเข้าหาคนเป็นพี่
กลิ่นหอมอุ่นๆของแพคฮยอนนอกจากจะไม่ได้น่ากลัวหรือกดดันเหมือนอย่างเมื่อครู่แล้วยังทำให้จงแดรู้สึกสบาย
จากคุกคามกลับให้ความรู้สึกเหมือนกำลังถูกปกป้อง...
สติของจงแดถดถอยลงอย่างน่าเป็นห่วง
“ฉันจะพานายกลับ”
“อือ”จงแดไม่ได้ขัดขืนและไม่ได้รับรู้ถึงอาการร้อนรนอย่างที่ไม่ควรเป็นของอีกฝ่าย
และแพคฮยอนเองก็ไม่ได้มีเวลาคิดทบทวนการกระทำที่แปลกประหลาดของตัวเอง
เพราะกว่าจะรู้ตัวเขาก็รั้งร่างของคิมจงแดแบกขึ้นบนแผ่นหลัง สวนทางกับมินซอกที่เดินเข้ามาในห้องแต่งตัวเสียแล้ว
รถแวนแล่นออกจากสตูดิโอด้วยความรีบเร่ง
มินซอกมองน้องชายตัวผอมที่นอนซบอยู่บนตักของแพคฮยอนด้วยแววตาเป็นกังวลไม่แพ้กันหัวคิ้วของพี่ใหญ่ขมวดมุ่นแต่พอจะเอื้อมมือไปแตะตัวน้อง
แพคฮยอนก็ชิงทาบมือลงบนหน้าผากของจงแดจนมินซอกได้แต่ยกมือค้าง
“ตัวร้อน”คนฟังถอนหายใจออกมาด้วยท่าทางหงุดหงิด หากเป็นเวลาปกติมินซอกคงฉุกคิดขึ้นมาได้บ้างว่าแพคฮยอนกับท่าทางร้อนรนแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องปกติ
แต่เพราะตอนนี้จิตใจของพี่ใหญ่กำลังจดจ่อกับคนที่ยังไม่ได้สติเสียมากกว่า
และสาเหตุที่น้องต้องเป็นแบบนี้มันน่าสนใจมากกว่า
“น้องเป็นแบบนี้ได้ยังไง?”
“ฉันไม่รู้”สายตาของแพคฮยอนยังไม่ละไปจากใบหน้าของคนบนตัก
และเพราะแบบนั้นมินซอกจึงไม่ได้เห็นแววตาที่ครุ่นคิดของอีกฝ่าย
แพคฮยอนไม่แน่ใจนัก
แต่เขารู้สึกได้ว่ากลิ่นของจงแดชัดเจนขึ้นทุกวัน
ชัดพอที่จะทำให้เขาเชื่อความรู้สึกของตัวเอง..
“งั้นฉันถามใหม่ นายทำอะไรจงแด?”คำถามนี้เหมือนจะตรงจุด เพราะมันทำแพคฮยอนชะงักไปชั่วครู่ ก่อนเจ้าตัวจะยอมเงยหน้าขึ้นมาสบตา
แววตาสับสนเมื่อครู่หายวับไปทันที มือเรียวเสยผมของตัวเองในท่าทางหงุดหงิดไม่แพ้กัน
เพราะแพคฮยอนก็ไม่ใช่ไม่คิดว่าสาเหตุที่จงแดเป็นแบบนี้เพราะเขาเอง...
เขาพ่นลมหายใจความรู้สึกผิดผุดขึ้นมา
ยิ่งเห็นว่าใบหน้าของจงแดซีดเผือดก็ยิ่งรู้สึกไม่ดี
แต่จะให้บอกว่าเขาทำอะไรกับคิมจงแด แน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องที่จะเอามาพูด
“ฉันแค่แกล้งเด็กนี่นิดหน่อย”
“แกล้งนิดหน่อย?”มินซอกทวนคำเสียงสูง
ใบหน้าไม่ได้มีเค้าลางว่าเชื่อคำพูดของแพคฮยอนเลยเพียงนิด ดาเรียวหรี่แคบ
หนำซ้ำน้ำเสียงยังกดต่ำลงอย่างเห็นได้ชัดถึงแรงอารมณ์ที่กำลังปะทุ “แล้วแกล้งยังไงน้องถึงเป็นลมล้มพับอย่างงี้วะ!”
“มินซอกใจเย็นๆ”พี่เมเนเจอร์เป็นฝ่ายห้ามทัพเมื่อเห็นว่าคนที่ใจเย็นที่สุดในวงกำลังจะพุ่งไปบีบคอแพคฮยอนให้ตายคามือ
คนอายุมากสุดในตอนนี้มองใบหน้าของเด็กในปกครองทั้งสองคนสลับกันก่อนจะเลื่อนมาหยุดที่จงแด
“ตอนนี้เราควรพาจงแดไปโรงพยาบาลก่อน”
“ฉันขอโทษ”
มินซอกพ่นลมหายใจออกมา ไม่วายส่งสายตาคาดโทษไอ้คนที่ก้มหน้ามองจงแดที่นอนอยู่บนตัก
และเพราะสายตาและท่าทางของแพคฮยอนนั่นแหละที่ทำให้พี่ใหญ่อ่อนลง
ก็ยังดีที่เป็นห่วงน้อง…
“แล้วถ้าไปโรงพยาบาลจะเป็นอะไรไหม?
ผมไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่”แพคฮยอนละสายตาจากใบหน้าซีดเซียวของจงแดมองมือเล็กที่บีบมือของเขาแน่นด้วยแววตาลุ่มลึกก่อนจะเลื่อนใบหน้าขึ้นมองปฏิกิริยาของอัลฟ่าอีก
2 คนที่อยู่ในรถ
“ควรให้หมอตรวจดูหน่อย”พี่เมเนเจอร์สบตากับแพคฮยอนผ่านทางกระจกมองหลัง ถ้าไปโรงพยาบาลไม่แน่ว่าจะมีเรื่องวุ่นวายตามมาอีก
ใบหน้าครุ่นคิดชั่วครู่ “..งั้นพาไปคลินิกใกล้ๆก่อนก็แล้วกัน”
“ไปคลินิกที่จงแดไปประจำได้หรือเปล่าครับ”แพคฮยอนแทรกขึ้นมา และตอนนั้นใบหน้าของมินซอกก็ปรากฏร่องรอยลำบากใจ
แต่แพคฮยอนไม่สนใจท่าทางเหล่านั้น
เขาก้มลงแตะปลายจมูกเข้าที่แก้มของคนบนตักแผ่วเบา
กลิ่นของจงแดรุนแรงขึ้นพาลทำให้ร่างกายของเขาร้อนวูบวาบ
ตาคมวาววับยามที่เงยขึ้นสบตากับคิมมินซอกและเมเนเจอร์
“ผมสงสัยว่าน้องจะฮีทน่ะ”
****************************************
“นายรู้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”ใบหน้าเครียดเขม็งของมินซอกไม่ได้ทำให้แพคฮยอนหยี่ระไปมากกว่าร่างของจงแดที่ยังนอนหายใจสม่ำเสมออยู่บนเตียงหลังจากกลับมาจากคลินิกประจำของอีกฝ่าย
ด้วยผลวินิจฉัยที่ว่าร่างกายอ่อนแอเพราะความเครียดและพักผ่อนไม่เพียงพอ นั่นคือสิ่งที่จงแดรับรู้และหลับตาลงอีกครั้งอย่างสบายใจว่าความลับของตัวเองยังไม่เปิดเผย
ถึงอย่างนั้นมือเล็กกลับยึดฝ่ามือแพคฮยอนไว้ตลอดทางกลับมา
แพคฮยอนนั่งนิ่งอยู่ข้างเตียงปล่อยให้ร่างผอมบางเหนี่ยวรั้งฝ่ามือของเขาไว้
“รู้เมื่อไหร่มันไม่สำคัญเท่ากับคำถามที่ว่าพวกนายปิดบังฉันทำไม?”
“...”
“และเมื่อไหร่ที่ฉันควรจะรู้...”
“...”มินซอกเสหลบแววตาคาดคั้นของอีกฝ่ายก่อนจะถอนหายใจออกมาด้วยความรู้สึกหนักหน่วง
เพราะจะว่าไปเรื่องของจงแดพวกเขาทั้งหมดที่รู้ไม่เคยมีความคิดที่จะบอกแพคฮยอนเลยสักครั้ง
พวกเราคาดไว้แค่ในอนาคตหากทุกอย่างลงตัวความลับจะถูกเปิดเผยออกมาแต่ว่าอย่างน้อยๆก็ไม่ใช่ตอนนี้
“ยังไม่คิดจะบอกสินะ”แพคฮยอนมองท่าทางของอีกฝ่ายแล้วก็แค่นยิ้ม
เขาคิดหาเหตุผลที่ต้องปิดปังสถานะที่แท้จริงของจงแดจากตัวเขา แต่จนแล้วจนรอดสิ่งที่ผุดขึ้นมารบกวนคือความรู้สึกน้อยใจ
แพคฮยอนไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อยถ้าเทียบกับคนที่ยังนอนอยู่บนเตียง
เพียงแต่เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะปล่อยวางไปได้เหมือนกับการโกหกว่าไม่มีใครว่างจะออกไปคาเฟ่กับเขา
เขาเป็นเมมเบอร์คนหนึ่งของวง
ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับวงกลับไม่มีสิทธิ์รับรู้
“ความคิดใคร? หรือเด็กนี่ขอร้องพวกนายว่าไม่ให้บอก”
“ไม่เกี่ยวกับน้อง!”มินซอกส่ายหัวปฏิเสธทันควันเพราะไม่อยากให้ความสัมพันธ์ที่เริ่มดีขึ้นของทั้งคู่ดิ่งลงเหวไปอีกรอบ
และมันไม่ใช่คำแก้ตัว “น้องไม่ผิด
พวกเราเป็นคนบอกน้องเองว่าไม่ให้บอกความจริงกับนาย”
“ทำไม?”
“จงแดออดิชั่นเข้ามาเป็นนักร้องเดี่ยวตั้งแต่ต้น..”มินซอกทอดสายตามองใบหน้าของน้องชายคนสนิทด้วยแววตาอ่อนโยน นึกไปถึงความเสียสละของโอเมก้าตัวน้อยที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงแล้วก็ยิ่งรู้สึกเอ็นดู
“ท่านประธานรู้ดีว่าน้องเป็นโอเมก้า
แต่เพราะฮยอนอูที่ออกจากค่ายกะทันหันน้องถึงถูกดึงมาในตำแหน่งนี้แทน”
“...”
“น้องมีสิทธิ์ปฏิเสธ...แต่ถ้าน้องปฏิเสธการเดบิวท์ของพวกเราก็จะต้องเลื่อนออกไป
เพราะแบบนั้นน้องเลยเลือกที่จะตอบรับ”มินซอกถอนหายใจ
หวนนึกไปถึงท่าทีตื่นกลัวของอีกฝ่ายตอนเจอกันครั้งแรก “โอเมก้าใช้ชีวิตลำบากแพคฮยอน
แล้วยิ่งต้องมาอยู่ในวงล้อมของอัลฟ่าอย่างพวกเรา..”
แพคฮยอนส่ายหน้า“นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันอยากได้ยินหรอกนะมินซอก..”
“...”
“ฉันแค่ถามว่าทำไมถึงมีแค่ฉันคนเดียวที่ไม่รู้เรื่องนี้”
คราวนี้มินซอกถอนหายใจออกมายาวเหยียด
ดูเหมือนว่าการที่แพคฮยอนรู้ความจริงด้วยตัวเองจะกลายเป็นสิ่งที่เลวร้ายมากกว่าได้ยินจากปากของพวกเขาซะอีก
และเพราะแบบนั้นเขาไม่มีทางเลือกแล้ว
“เพราะนายไม่ชอบจงแด”
“ไร้สาระ”น่าแปลกที่อีกฝ่ายตอบกลับทันควัน มินซอกแค่นยิ้มมองมือที่ยังยอมให้จงแดจับแล้วก็หวนนึกไปถึงเหตุการณ์ที่ผ่านๆมา “นายแสดงออกขนาดนั้นว่าไม่ต้อนรับจงแด
แล้วยังจะให้พวกฉันทำยังไง”
“...”
“ถ้านายรู้ความจริงตั้งแต่วันแรกที่จงแดเข้ามาในวงว่าน้องเป็นโอเมก้า
แน่นอนว่านายไม่ยอมปล่อยให้น้องอยู่ในวงแน่ๆ”
“งั้นหรอ?”แพคฮยอนดึงมือออกจากการเกาะกุมของคนบนเตียงเขาตวัดสายตามองใบหน้าของจงแดสลับกับเพื่อนร่วมปีเกิดแล้วแค่นยิ้ม
ความรู้สึกไม่พอใจสายหนึ่งผุดขึ้นมา “พวกนายคิดแทนฉันมากเกินไปหรือเปล่า?”
“...”
“ฉันกลายเป็นพวกไม่มีเหตุผลขนาดนั้นเลยหรือไง”
มินซอกโคลงศีรษะ ไม่แยแสท่าทางเหล่านั้น
“นายดูเป็นแบบนั้น”
เหอะ!
แพคฮยอนส่งเสียงหัวเราะขึ้นจมูก
เมื่อได้ฟังคำตอบของอีกฝ่าย ใจหนึ่งก็โกรธที่ทุกคนพากันคิดแทนเขา
แต่หากคิดย้อนกลับไป มันก็เป็นจริงอย่างที่มินซอกพูด ถ้าถามว่าตอนนั้นรู้สึกยังไงที่เห็นเด็กที่เป็นเบต้า
มีดีแค่เสียงใสๆ การเต้นและความสามารถอย่างอื่นไม่โดดเด่น
เข้ามาแทนที่เพื่อนสนิทที่เก่งในทุกด้าน แน่นอนว่าแพคฮยอนไม่ได้ยอมรับอีกฝ่าย
และเพราะแบบนั้นต่อให้เดบิวท์มาด้วยกันจนถึงป่านนี้ความสัมพันธ์ของเขากับจงแดถึงยังไม่ได้พัฒนาไปมากกว่าเพื่อนร่วมวง
แต่เขาไม่ได้รังเกียจโอเมก้าสักหน่อย!
แพคฮยอนผุดลุกขึ้นจากเตียงก่อนจะทอดสายตามองร่างผอมของมักเน่ยูนิตอีกครั้ง
สิ่งที่คิมจงแดทำมันคล้ายจะไม่ใช่เรื่องที่ผิดไปเสียหมด
แพคฮยอนไม่ใช่คนไร้เหตุผลเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไปแล้ว ประสบการณ์ทำให้เขาโตขึ้น
และมันเพียงพอที่จะทำให้เขาเข้าใจถึงเจตนาของเมมเบอร์และท่านประธาน ร่างโปร่งพ่นลมหายใจออกมาคล้ายกับให้มันช่วยขจัดความหงุดหงิดในอกลงบ้าง
ในเมื่อเรื่องมันผ่านไปแล้วก็ถือว่าความผิดเท่ากัน…
แต่ถึงยังไงเขาก็ไม่ชอบใจที่ตัวเองต้องเป็นตัวตลก
ไม่รู้เรื่องอยู่คนเดียวมาจนถึงทุกวันนี้
“ฉันจะไม่อาละวาดกับพวกนายเรื่องนี้..”มินซอกเลิกคิ้วมองท่าทางนิ่งๆไม่ชินตาของอีกฝ่ายด้วยสีหน้าไม่วางใจ
“แต่เรื่องที่ฉันรู้ว่าความจริงนายต้องไม่บอกใคร”
หัวคิ้วของมินซอกเริ่มกระตุกถี่ยิบ
เหมือนความซวยจะมาเยือน “..ยังไง”
“ฉันจะรู้ความจริงก็ต่อเมื่อคิมจงแดเป็นคนบอกกับฉันเอง..”
ใบหน้าของมินซอกแข็งค้าง
ก่อนจะกลืนน้ำลายเหนียวๆลงลำคอเมื่อเพื่อนร่วมปีเกิดเดินผละออกไปจากห้อง
แววตาของพี่ใหญ่ฉายแววเป็นห่วงน้องชายที่ยังไม่ได้สติ
ดูเหมือนว่าจงแดจะต้องรับศึกหนักซะแล้ว…
***********************************************************
จงแดตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกที่ไม่ดีนัก...
ร่างกายของเขาร้อนรุ่มด้วยพิษไข้
แต่จงแดรู้ดีว่ามันไม่ใช่เพียงแค่นั้น ในเมื่อสติที่แสนจะเลือนรางของตนรับรู้ได้ถึงความผิดปกติและอาการตื่นตัวของร่างกาย
เรียวขาทั้งสองข้างถดงอเข้าหากัน
ริมฝีปากบางเปล่งเสียงครางแผ่วเบาเมื่อจุดไวสัมผัสที่กำลังตื่นตัวเสียดสีกับผ้าห่ม
ช่วงเวลาที่แสนทรมานวนกลับมาอีกครั้งแล้วสินะ...
จงแดพยุงตัวลุกนั่ง กัดริมฝีปากอดกลั้นความวาบหวามในอกรวมไปถึงอาการปั่นป่วนช่วงท้องน้อย
ทั้งๆที่เพิ่งไปฉีดยาระงับฮอร์โมนมาเมื่อเดือนก่อนแท้ๆ
ถึงมันจะเป็นไปได้ที่จะมีการดื้อยา แต่จงแดจำไม่ได้ว่าตัวเองทำพลาดตรงไหน
เขาระวังตัวเองมาตลอด ไม่เคยมีอะไรกระตุ้นให้เขาเกิดอาการฮีทในระหว่างที่ให้ยาเลยสักครั้ง
เขาสามารถใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางอัลฟ่าได้อย่างไร้กังวลมาตลอดจนกระทั่งเมื่อคืน…
ดวงหน้าหล่อเหลาของพี่ชายร่วมวงที่ขยับเข้ามาแนบชิด
ดวงตาสีดำสนิทที่จับจ้องราวกับจะดูดกลืนวิญญาณของเขารวมทั้งสัมผัสของจมูกและริมฝีปากที่แตะลงบนซอกคอ
สัมผัสของแพคฮยอนยังเด่นชัดจนเผลอขนลุกเกรียว
ร่างกายของเขาสั่นเทาก่อนจะร้อนรุ่มขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
ลมหายใจหอบถี่จนต้องสะบัดใบหน้าไล่ดวงตาสีรัตติกาลนั่นออกไปให้เร็วที่สุด
แย่แล้ว...
จงแดพยายามตั้งสติ มือเล็กดันตัวเองลุกนั่งก่อนจะประคับประคองตัวเองลุกขึ้นอย่างยากลำบาก
สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เมื่อนึกได้ว่าอย่างน้อยตอนนี้ก็ถือว่าโชคดีที่ไม่มีใครอยู่ที่นี่นอกจากเขา
กลิ่นฟีโรโมนประจำตัวอบอวลไปทั่วห้อง
จงแดกัดฟันเดินไปยังตู้เสื้อผ้าของพี่ใหญ่ ชุดนอนที่มินซอกชอบใส่ซ้ำๆ
ถูกหยิบขึ้นมา จงแดปลดกระดุมเสื้อตัวเองด้วยมือที่สั่นเทา
ยิ่งได้กลิ่นของอัลฟ่าก็ยิ่งรับรู้ได้ถึงชีพจรของตัวเองที่เร่งความเร็วขึ้นไร้การควบคุม
สติของเขาเริ่มจะหดหายไปพร้อมๆกับความปั่นป่วนในช่วงท้องน้อย
จงแดไม่เคยชอบเลยเวลาที่ตัวเองเป็นแบบนี้ เพราะมันทำให้เขากลายเป็นใครอีกคน
ใครอีกคนที่พร้อมจะทำในสิ่งที่ขาดสติได้เสมอ
แพคฮยอนย้อนกลับมาที่หอพัก
ขณะที่คิมมินซอกต้องไปมหาลัยต่ออย่างไม่มีทางเลือก
ร่างโปร่งควงกุญแจรถในมือก่อนจะฮัมเพลงในลำคออย่างอารมณ์ดีเมื่อนึกไปถึงคนที่นอนหมดสภาพอยู่ในห้องพัก
คราวนี้แหละเขาจะต้องเค้นเอาความจริงจากปากคิมจงแดให้ได้
ลองดูซิว่าหมดแรงเป็นผู้ป่วยติดเตียงขนาดนั้นจะหาทางหนีรอดออกจากเงื้อมือเขาได้ยังไง
แพคฮยอนชะงักฝ่ามือที่กำลังจะเปิดประตูห้องเมื่อจมูกได้กลิ่นฟีโรโมนของโอเมก้าลอยคละคลุ้งไปทั่ว
หัวคิ้วของอัลฟ่าหนุ่มขมวดเข้าหากันจนเป็นปมก่อนจะผลักประตูเข้าไปด้วยความร้อนรน
คิมจงแดเป็นบ้าไปแล้วหรือไงถึงได้ปล่อยกลิ่นล่อพวกอัลฟ่าอย่างโจ่งแจ้งแบบนี้
ผั่วะ!
“คิมจงแด!”ปานประตูถูกผลักเข้ามาด้วยแรงทั้งหมดที่มีก่อนฝีเท้าของแพคฮยอนจะชะงักค้าง
ดวงตาเบิกกว้างขึ้น เมื่อเจอกับภาพตรงหน้า คิมจงแดในชุดนอนที่ถูกปลดออกจากไหล่
เนื้อตัวแดงก่ำ ในมือกำชุดนอนของมินซอกไว้แน่น
ตากลมที่มักจะคอยหลบเลี่ยงสายตาเขาคลอไปด้วยหยดน้ำ
“พะ พี่แพคฮยอน..”
ขาเล็กทรุดฮวบลงกับพื้น
ยิ่งเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายในระยะสายตาจงแดก็รู้สึกเหมือนกับร่างกายมันยิ่งไร้การควบคุม
อุณหภูมิในร่างกายเพิ่มสูงขึ้นแปรผันตรงกับอัตราการเต้นของหัวใจ
กลิ่นฟีโรโมนที่พยายามกักเก็บลอยคละคลุ้งอบอวลในอากาศ…
“บ้าเอ้ย!”แพคฮยอนสบถอย่างหัวเสีย
ตอนกลับเข้ามาเขาแค่ได้กลิ่นของจงแด แต่ก็ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะอาการแย่ขนาดนี้
ขายาวก้าวฉับๆเข้าไปหาด้วยความเป็นห่วงแต่นั่นกลับยิ่งไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่นัก
แพคฮยอนไม่รู้ตัวว่ากลิ่นอัลฟ่าของตัวเองมันกำลังส่งผลกับโอเมก้าที่กำลังอยู่ในช่วงฮีทอย่างรุนแรง
ร่ายกายของจงแดกระตุกตอบสนองกลิ่นเร้านั่นจนน่ากลัว
“ฮึก..อย่า...อย่าเข้ามาใกล้ผม..”จงแดถดกายถอยหลังอย่างน่าสงสาร แผ่นหลังบางชนกับตู้เสื้อผ้าของ
มินซอกอย่างหมดทางหนี เลยได้แต่กอดร่างกายสั่นเทาของตัวเองไว้
กัดริมฝีปากจนบวมช้ำเพื่อเรียกสติไม่ให้เตลิดไปกว่านี้
แต่แพคฮยอนกลับยิ่งพังทลายมัน
“ฉันจะช่วย..”
น้ำเสียงนุ่มทุ้มไร้ความเฉยชาอย่างเคยแต่จงแดทำได้เพียงเบิกตากว้างกลั้นลมหายใจ
ขยับกายหนีตอนที่มือของแพคฮยอนแตะลงมาบนไหล่ “ผมไม่!..ฮึกพี่..”
“เจ้าเด็กลามก” แพคฮยอนว่าอย่างไม่จริงจังเมื่อเห็นท่าทางของอีกฝ่าย
ก่อนจะสอดแขนช้อนเอาร่างอ่อนปวกเปียกของอีกฝ่ายขึ้น ร่างผอมลอยหวือขึ้นกลางอากาศ
จงแดคว้าคอของคนเป็นพี่ไว้ด้วยความตกใจ
“ฮึก..”
“คิดว่าฉันจะทำอะไร?” กลิ่นของคิมจงแดทวีความรุนแรงขึ้นจนชั่ววินาทีนั้นแพคฮยอนต้องหลับตาสกัดกลั้นความรู้สึกของตัวเอง
ก่อนตาเรียวจะเปิดขึ้นจับจ้องใบหน้าของคนในอ้อมแขนด้วยแววตาที่ทอประกายความอ่อนโยน
“ฉันไม่ใช่อัลฟ่าปลายแถวที่ไม่รู้จักอดทนหรอกนะ”
ตึกตัก ตึกตัก
ลำคอของจงแดแห้งผากเขาขยับซุกใบหน้าเข้าหาหน้าอกของอีกฝ่าย
ไม่ใช่ว่าเขาไม่หวาดกลัวแต่จงแดรู้สึกได้ว่าสายตาของเขาไม่สามารถละออกมาจากริมฝีปากของแพคฮยอนได้แล้ว
แต่ทว่านั่นกลับยิ่งเป็นความคิดที่ผิดพลาดร้ายแรงยิ่งกว่าเพราะทันที่ที่ปลายจมูกแตะลงบนอก
กลิ่นอัลฟ่าของอีกฝ่ายก็จู่โจมไปทั่วทุกส่วนของร่างกายแขนเล็กที่โอบรอบลำคอของแพคฮยอนเพิ่มแรงกอดรัดจนเจ้าของอ้อมแขนรู้สึกได้
แพคฮยอนรู้ได้ทันทีว่าเขาไม่มีเวลาแล้ว
“จงแด ยาของนายอยู่ไหน?”แพคฮยอนขยับตัวมาถึงเตียงวางร่างของมักเน่ที่เกาะติดอยู่กับตัวลงอย่างแผ่วเบา
แต่จงแดไม่ได้ให้ความร่วมมือนัก มือเล็กยังคงดึงรั้งเสื้อของเขาไว้มั่น
จนแพคฮยอนต้องส่ายหัวด้วยความจนใจ ริมฝีปากบางกระซิบถามคนที่กำลังขดตัวซุกอยู่ในอ้อมแขน
กวาดสายตาหายาของอีกฝ่าย ก่อนจะร่างกายแข็งทื่อ มือของคิมจงแดเริ่มซุกซนอีกครั้ง
“จงแดหยุด!”แพคฮยอนกระชากเสียงห้วน
แต่เหมือนการรับรู้ของจงแดจะมีปัญหาเสียแล้ว
“พี่ ผม..ผม”อีกฝ่ายพยายามเบียดร่างกายเข้าหา
ฝ่ามือเล็กๆนั่นเริ่มอยู่ไม่สุขจนแพคฮยอนเองก็เริ่มหายใจติดขัดไม่แพ้กัน
มือเรียวไล่รวบข้อมือเล็กของอีกฝ่ายให้หยุดนิ่ง
มืออีกข้างแตะลงบนแก้มบังคับให้สบสายตา
“จงแดมองฉัน มอง!”
จงแดส่ายหน้าพึมพำไม่เป็นภาษา
“ผมร้อน...ช่วยด้วย..”
“จงแด นายต้องตั้งสติ..”เสียงของแพคฮยอนเบาหวิวเหลือเกินในความคิดของจงแด
แต่ถึงอย่างนั้นตากลมฉ่ำน้ำก็ยังปรือขึ้นสบเข้ากับดวงตาของเขา
แพคฮยอนไล้หัวแม่มือบนแก้มของอีกฝ่ายอย่างเบามือ น้ำเสียงปลอบโยน “อดทนก่อน”
คิมจงแดหลับตาแน่นลมหายใจหนักหน่วงยังดังคลออยู่ให้ได้ยิน
แต่ถึงอย่างนั้นร่างกายที่เกร็งขึ้นของอีกฝ่ายก็ทำให้แพคฮยอนรับรู้ได้ว่าจงแดเป็นเด็กดีแค่ไหน
เขาผละมือออกเมื่อจงแดต่อสู้กับความต้องการของตัวเอง
หันหลังไปค้นเอาขวดยาในลิ้นชักข้างหัวเตียงของอีกฝ่ายที่เขาจำได้ว่าตอนนั้นมันอยู่ในนี้
หัวคิ้วขมวดเข้าหากัน ค้นหาจนมือระวิงก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
มือเรียวหยิบยาเม็ดสีขาวขุ่นออกมาหันกลับไปก็พบว่าจงแดนั่งตัวเกร็งกำมือระงับอารมณ์อยู่อย่างน่าสงสาร
ตอนนั้นแววตาของอัลฟ่าหนุ่มทอประกายเอ็นดูอย่างห้ามไม่อยู่
“อ้าปากสิ”ริมฝีปากบางอ้าออกอย่างว่าง่าย
แพคฮยอนหย่อนเม็ดยาเข้าปากก่อนจะกรอกน้ำจากขวดน้ำที่อยู่บนโต๊ะข้างเตียงตามลงไป
คิมจงแดกลืนลงคออย่างยากลำบากสีหน้าย่ำแย่จนแพคฮยอนต้องยกมือลูบศีรษะ “เก่งมากเด็กดี”
น้ำเสียงนุ่มละมุนดึงให้เปลือกตาบางเปิดออกอีกครั้งใบหน้าของแพคฮยอนอยู่ในระยะประชิด
มันอันตรายพอๆกับกลิ่นของแพคฮยอนที่ฝั่งลึกลงในหัว
ก้อนเนื้อตรงอกด้านซ้ายโหมกระหน่ำเต้นรัวจนจงแดได้ยินมันดังก้องอยู่ในหู
จงแดน้ำตาคลอหน่วย
ความรู้สึกที่มีต่อแพคฮยอนมันล้นทะลักออกมา…
แต่นั่นยังไม่เท่ากับความลับที่ถูกปดปิดไว้เปิดเผยออกมาในช่วงเวลาที่น่าอับอายที่สุด
“เป็นอะไร..”มือของแพคฮยอนยังวางอยู่บนศีรษะของจงแด
ดวงตาสองคู่สบกันเนิ่นนาน ก่อนหยาดน้ำตาของคนเป็นน้องจะร่วงหล่น
จงแดกลืนก้อนสะอื้นลงคอ มองสบตาคนเป็นพี่ด้วยดวงตาแดงก่ำ
ความอ่อนโยนของแพคฮยอนทำให้เขารู็สึกผิดที่ต้องโกหกอีกฝ่ายมาโดยตลอด
และถ้าหากจากวันนี้ความสัมพันธ์ของเขาทั้งคู่จะกลับไปสู่จุดเดิม
เหมือนกับครั้งแรกที่พบกันจงแดก็จะยอมรับมัน
“พี่แพคฮยอน...ผมเป็นโอเมก้า”คำสารภาพของคิมจงแดแผ่วเบา
แต่นั่นก็เพียงพอที่จะทำตะกอนความไม่พอใจก่อนหน้านั้นมลายหายไปจนสิ้น
แพคฮยอนขยับริมฝีปากกลั้นรอยยิ้มอย่างยากลำบาก
“กลิ่นนายชัดขนาดนี้ ไม่รู้ก็โง่แล้ว..”
“พี่ไม่โกรธผม...”
“นายควรพักผ่อนได้แล้ว..”ตาเรียวเสหลบ
เมื่อรู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังถูกดวงตาใสๆนั่นดึงดูด “หายดีแล้วค่อยรับโทษ
ฉันไม่ปล่อยนายไปง่ายๆแน่ๆ...” ประโยคสุดท้ายหยุดลงเสียดื้อๆเมื่อฝ่ามือเล็กๆสัมผัสเข้าที่ข้างแก้มและคิมจงแดวาดรอยยิ้มเต็มดวงหน้า
“ขอบคุณนะครับ...”วงแขนเล็กเลื่อนมาโอบกอดรอบลำคอแกร่ง
กดใบหน้าซุกซบลงบนอก ผ่อนลมหายใจร้อนๆเป่ารดผิวเนื้อผ่านเสื้อยืด
จงแดแค่รู้สึกปลอดภัยเมื่ออยู่ในอ้อมแขนของอีกฝ่าย แต่นั่นกลับทำให้แพคฮยอนกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก
อุณหภูมิร่างกายของอัลฟ่าหนุ่มเพิ่มสูงขึ้นจนรู้สึกอึดอัด หัวคิ้วขมวดมุ่นเข้าหากันเมื่อรู้สึกได้ว่ากลิ่นของคิมจงแดเอาแต่ทวีความรุนแรงขึ้น
แพคฮยอนขบกรามแน่น
พยายามกดสัญชาตญาณอัลฟ่าของตัวเองที่เริ่มจะตอบสนองต่อกลิ่นหอมและร่างกายนุ่มนิ่มของคนในอ้อมแขน
ไม่มีอัลฟ่าคนไหนอดทนต่อแรงดึงดูดองโอเมก้าในช่วงที่ฮีทได้
และถึงแพคฮยอนจะมั่นใจในความสามารถของตัวเองมากแค่ไหน
แต่เขาก็รู้ดีว่ามันเริ่มจะเลยขีดจำกัดของเขา
เขาแค่ต้องรอสักพักอีกไม่นานคิมจงแดก็จะกลับมาเป็นปกติ
แค่รอสักพัก…
ไม่เห็นเหมือนตอนที่กอดกับพี่มินซอกเลยสักนิด...
โอเมก้าตัวผอมกระพริบตาปริบๆขับไล่ความรู้สึกแปลกประหลาดที่ผุดขึ้นมาเป็นระลอกคลื่น
ความตื่นตัวที่น่าอายนั่นไม่ได้ลดลงสักนิดเดียว
มันเพียงแค่สงบลงไม่ได้พลุ่งพล่านจนจัดการไม่ได้ แต่ว่ายิ่งได้กอด
ยิ่งได้กลิ่นของพี่แพคฮยอนมันก็ยิ่งเหมือนกับว่าเขาต้องการบางอย่าง
“พี่..”
“จะเอาอะไรอีก”
“กอด...กอดผมแน่นๆกว่านี้ได้ไหมครับ?”ฟังดูเหมือนเป็นประโยคขอร้องแต่วงแขนของอีกฝ่ายก็ยิ่งเพิ่มแรงกอดรัดร่างกายของเขาแน่นขึ้นไปอีก
แพคฮยอนหัวใจกระตุกก่อนจะยิ่งเร่งระดับความเร็วขึ้นอีกเป็นเท่าตัว
คามเครียดเขม็งเริ่มลามไปทั่วร่าง แต่แขนยาวกลับโอบรัดรอบแผ่นหลังของน้องเล็กไว้ซ้ำยังลูบเบาๆอย่างปลอบโยน
คิมจงแดขยับใบหน้าคลอเคลียกับอก
ริมฝีปากแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มเบาบางรู้สึกได้ถึงความปั่นป่วนในตัวของเขากำลังสงบลงช้าๆ
หลงเหลือเพียงแค่ความร้อนที่แผ่ลามขึ้นข้างแก้มและอัตราการเต้นของหัวใจที่ไม่มีวี่แววจะสงบลง
ยิ่งเมื่อได้ยินเสียงหัวใจของอีกฝ่ายที่เต้นตึกตักอยู่ข้างหู
จงแดก็ร้อนวูบวาบไปทั่วใบหน้า ริมฝีปากบางแตะจูบลงบนอกของแพคฮยอนอย่างขลาดเขลา
ก่อนจะค่อยๆเงยหน้าขึ้นจับจ้องลำคอของอีกฝ่าย แววตาคล้ายพร่าเลือนกว่าจะรู้ตัวจงแดก็แตะริมฝีปากลงบนสันกรามของแพคฮยอนเหมือนคนไร้สติ
รอยจูบเบาบางเคล้ากับกลิ่นหอมที่ฟุ้งขึ้น
แพคฮยอนทันเห็นแค่ใบหน้าของอีกฝ่ายมุดลงกับอก
แต่คิมจงแดไม่รู้เลยว่าสิ่งที่ทำลงไปเมื่อครู่ส่งผลให้ความอดทนของแพคฮยอนลดลงอย่างน่าใจหาย
เขาอดทนได้ดีขนาดนี้แล้วแท้ๆ แต่คิมจงแดกลับหาเรื่องใส่ตัว...
อ้อมแขนที่รัดแน่นขึ้นทำให้จงแดเบิกตาโต
สติเหมือนจะกลับมาอย่างสมบูรณ์ริมฝีปากบางอ้าๆหุบๆเมื่อรับรู้ได้ถึงฝ่ามือของแพคฮยอนที่สอดเข้ามาใต้ชุดนอน “พะ..พี่แพคฮยอน..”
“นายดื้อเอง..”แพคฮยอนคำรามในลำคอ
ดวงตาสีรัตติกาลที่จงแดจ้องสบแล้วเหมือนโดนสูบพลังชีวิตมาปรากฏอยู่ตรงหน้าอีกครั้ง
และมันก็ตรึงร่างของจงแดไว้ได้อีกครั้ง
ริมฝีปากบางเผยอค้าง ตากลมจับจ้องดวงตาของแพคฮยอนเหมือนอย่างวันนั้น
ก่อนจงแดจะเป็นคนเคลื่อนใบหน้าเข้าหาริมฝีปากบางแตะลงบนมุมปากของแพคฮยอน...
“บ้าเอ๊ย!”
สติของแพคฮยอนขาดผึงลงทันควัน
เขาได้กลิ่นของคิมจงแดชัดเจนยิ่งกว่าตอนที่ยังไม่ได้กินยาลงไปเสียอีก
กดร่างของอีกฝ่ายแนบลงกับเตียง สบดวงตาปรือปรอยนั่นพร้อมกับขบกรามแน่น “ถ้าตื่นมาแล้วร้องไห้นะ นายโดนดีแน่”
“อือ”จบคำริมฝีปากอุ่นร้อนก็ทาบทับปิดกั้น
เอาเข้าจริงๆพยอนแพคฮยอนก็ไม่ได้มีความอดทนดีเลิศขนาดนั้น..
ยิ่งจูบก็ยิ่งร้อน...
จงแดรู้สึกว่าสมองของตัวเองว่างเปล่า สิ่งเดียวที่ทำให้เขารู้ว่าตัวเองยังมีสติอยู่คือรสสัมผัสของริมฝีปากที่ประกบกันไร้ช่องว่างและเรียวลิ้นร้อนๆที่สอดแทรกไล่ต้อนเขาภายในโพรงปาก
แขนเรียวโอบกระชับรอบลำคอของแพคฮยอนไว้แน่นทั้งๆที่แผ่นหลังแนบอยู่บนเตียง
ดึงรั้งให้ร่างของอีกฝ่ายแนบชิด บดเบียดร่างกายร้อนผ่าวสวนทางกันฤทธิ์ของยาเข้าหา
ชุดของคิมมินซอกถูกเหวี่ยงออกจากร่างกองอยู่บนพื้นตั้งแต่เมื่อไร่ไม่ทราบ
เพียงแต่ตอนนี้กลิ่นอัลฟ่าที่โอบล้อมร่างของจงแดไว้มีแต่กลิ่นของแพคฮยอนเท่านั้น
“อ๊ะ!”เสียงครางหวิวหลุดออกจากริมฝีปากเมื่อแพคฮยอนผละออกเพื่อให้อีกฝ่ายปรับลมหายใจ
กลิ่นฟีโรโมนของคิมจงแดไม่มีท่าทีว่าจะลดลงหนำซ้ำยังเพิ่มความรุนแรงขึ้นจนสุดท้ายแพคฮยอนก็ไม่สามารถผละใบหน้าออกห่างผิวกายของอีกฝ่ายได้
เขาเปลี่ยนเป็นฝังใบหน้าลงบนซอกคอขาวผ่อง แตะริมฝีปากไปทั่วไหล่บาง ขบเม้มเบาๆ
พร้อมกับโอบกอดร่างผอมของอีกฝ่ายไว้แนบอก
จนกระทั่งรับรู้ได้ถึงสัมผัสที่ร้อนระอุของเราทั้งคู่
มันคือจุดอันตรายทั้งคู่รู้ดี...
“พี่แพค..ฮยอน”จงแดเรียกชื่ออีกฝ่ายเสียงเบาหวิว
อ้อมกอดที่รัดร่างของเขาแน่นทำให้รับรู้ได้ถึงความต้องการของอีกฝ่าย
ยิ่งร่างกายของจงแดที่มีเพียงชั้นในตัวจิ๋วปกปิดยิ่งรับรู้ถึงความร้อนจากร่างกายแพคฮยอนได้ดี
จงแดกัดริมฝีปากแน่น
“อยู่นิ่งๆ...สักพักมันจะดีขึ้น”แพคฮยอนยังคงอดทน
เขากอดร่างของจงแดไว้กดริมฝีปากดูดดึงผิวขาวเนียนของอีกฝ่ายจนขึ้นสีแดงจัด
“แต่พี่..”
“พูดมากน่า อยากโดนฉันจับกินนักหรือไง”
“ผม..เปล่า..อ่ะ”ใบหน้าของจงแดแดงก่ำอย่างน่าสงสาร
แต่ดูเหมือนว่าเราทั้งคู่จะมาไกลเกินกว่าที่จะหยุดความรู้สึกวาบหวามที่กำลังจะแผดเผาร่าง
ยิ่งกับโอเมก้าที่เพิ่งได้ใกล้ชิดกับอัลฟ่าถึงขั้นนี้อย่างจงแด
การหักห้ามใจมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยแม้แต่น้อย
หนำซ้ำยังเป็นคนที่มีอิทธิพลกับเขาอย่างแพคฮยอน
ฝ่ามือเล็กยันแผ่นอกของอีกฝ่ายไว้แต่ร่างกายท่อนล่างกลับขยับเข้าหา
แพคฮยอนกัดริมฝีปากตัวเองอย่างอดกลั้น จ้องมองใบหน้าชื้นเหงื่อของโอเมก้าตัวผอม
ดวงตาปรือปรอยนั่นฉายแววสับสนจนน่าสงสาร เลื่อนฝ่ามือลงไปด้านล่างก็พบคำตอบ
จงแดครางฮือในลำคอตอบรับสัมผัสของอีกฝ่ายร่างกายอ่อนยวบไร้แรงขัดขืน
“พี่ผม...ผมไม่ไหว..”คำร้องขอที่แสนน่าอายหลุดออกมาจากริมฝีปาก
แพคฮยอนโคลงศีรษะรับ ก่อนจะกดจูบบนขมับของอีกฝ่าย
“ฉันจะไม่กัดนาย สัญญา..”
ริมฝีปากประกบลงมาอีกครั้งพร้อมกับร่างกายช่วงล่างที่ถูกฝ่ามือร้อนดึงรั้งให้บดเบียดเข้าหา
จงแดครางอึกอักในลำคอหัวคิ้วขมวดมุ่นตอนที่นิ้วของแพคฮยอนแทรกเข้ามาในร่างกาย
วงแขนโอบรัดลำคอแกร่งเปิดริมฝีปากต้อนรับเรียวลิ้นร้ายกาจแต่เหมือนจะพรากสติสัมปชัญญะของเขาไปจนสิ้น
จงแดหลับตาลงรู้สึกได้ถึงเสียงหอบหายใจของตัวเองและฝ่ามือร้อนๆของพี่แพคฮยอนที่จับผสานอยู่กับฝ่ามือของเขา
7.
จงแดตื่นขึ้นมาตอนที่ได้ยินเสียงกุกกักข้างๆหู
เขาเปิดเปลือกตาที่หนักอึ้งออกช้าๆก่อนจะเพ่งตามองภาพที่อยู่ตรงหน้า ใบหน้าของแพคฮยอนอยู่ในระยะประชิด
ดวงตาสีรัตติกาลนั่นจับจ้องเขาด้วยแววตาที่อ่านไม่ออก
จงแดหลับตาลงก่อนสัมผัสของฝ่ามือจะแตะลงมาบนหน้าผาก
“ไม่มีไข้”เสียงนุ่มทุ้มของแพคฮยอนเหมือนดังมาจากที่ไกลแสนไกล
จงแดไม่แน่ใจนักว่าตัวเองกำลังฝันอยู่หรือเปล่าที่ได้ยินน้ำเสียงเจือความห่วงใยจากอีกฝ่ายแทนที่จะเป็นความโกรธเกี้ยวจากการถูกปกปิดเรื่องเพศรองที่น่าอายของเขา
พี่แพคฮยอนไม่ชอบคนโกหก
นั่นคือสิ่งที่จงแดรู้มาจากการแอบมองอีกฝ่ายเงียบๆในฐานะสมาชิกในวงเดียวกัน
และอีกอย่างที่ทำให้เขาต้องพยายามอย่างหนักในการปกปิดตัวตนคือพี่แพคฮยอนไม่ชอบโอเมก้าและที่สำคัญพี่แพคฮยอนไม่เคยชอบเขามาตั้งแต่ต้น…
ความรู้สึกหนักอึ้งจู่โจมให้สะท้านในอก เพราะจงแดรู้ดีว่าเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อคืนคงทำให้ความสัมพันธ์ของเราทั้คู่ดิ่งลงเหวอย่างไม่น่าให้อภัย
จงแดนึกถึงการเจอกันครั้งแรกของเขากับแพคฮยอน
แววตาที่มองมาอย่างไม่เป็นมิตร ท่าทีเย็นชาห่างเหิน
หยั่งลึกลงไปจนสุดท้ายทำให้บรรยากาศน่าอึดอัดเกิดขึ้นระหว่างเราทั้งคู่
จงแดไม่กล้าเข้าหา เขาทำได้เพียงแอบมองแพคฮยอนด้วยแววตาชื่นชมอยู่เงียบๆ
วางตัวเองอยู่ในตำแหน่งที่แพคฮยอนจะไม่รำคาญใจ จนกระทั่งทุกอย่างเริ่มดีขึ้น
จนจงแดลืมนึกไปว่ายังไงเขาก็หนีความจริงไม่พ้น
เขาเป็นโอเมก้า...สิ่งที่พี่แพคฮยอนเกลียด
บางที...เขาก็ไม่ควรมาเป็นเอ็กโซตั้งแต่แรก
แพคฮยอนจับจ้องท่าทางของอีกฝ่ายไม่ละสายตา
ยิ่งเห็นหัวคิ้วที่ขมวดมุ่นเข้าหากันแม้ดวงตาจะปิดสนิทแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา
เขาเฝ้ามองอีกฝ่ายเนิ่นนานจนกระทั่งคิมจงแดลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง
ดวงตาคู่นั้นก็เผยความสิ้นหวังจนแพคฮยอนรู้สึกได้
ไม่รู้ว่าตอนนี้คิมจงแดคิดอะไรอยู่
ความรู้สึกอึดอัดชัดเจนอยู่ในอก
แต่เขาปัดมันออกไปอย่างไม่ใยดี จวบจนคิมจงแดขยับตัวลุกนั่งแพคฮยอนก็เอื้อมมือไปประคองอย่างไม่ทันรู้ตัว
เสียงของเขาเจือความหงุดหงิด
“ลุกขึ้นมาทำไม?”
จงแดเหลือบมองใบหน้าของพี่ชายร่วมวงเล็กน้อย
เขาค่อยๆขยับตัวเว้นระยะห่าง แต่ทว่ามือของแพคฮยอนกลับไม่ยอมปล่อยแขนของเขา “ผมจะกลับห้องครับ”
เพราะกลิ่นที่สัมผัสได้เป็นกลิ่นเฉพาะตัวของแพคฮยอนนั่นทำให้จงแดรู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน
หนำซ้ำเมื่อมองเห็นร่องรอยความไม่พอใจที่ปรากฏบนใบหน้าของอีกฝ่ายโอเมก้าตัวผอมก็ยิ่งรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังสร้างปัญหา
“กลับห้อง?”แพคฮยอนทวนคำของอีกฝ่าย
ตาเรียวกวาดมองทั่วร่างของคนที่ดันทุรังจะกลับห้องด้วยใบหน้าที่เครียดขึ้น
“กลับไปทั้งๆที่กลิ่นนายมันล่อลวงอัลฟ่าอยู่อย่างนี้น่ะหรอคิมจงแด”
“...”
“นายลืมไปแล้วหรือไงว่าคิมมินซอกเองก็เป็นอัลฟ่า
ขนาดฉันยังทนไม่ได้ แล้วอย่างไอ้หมอนั่นมันจะทนได้ยังไง”
“พี่มินซอกจะไม่ทำแบบนั้น..”ปฎิเสธแทนพี่ชายคนสนิทไปแทบจะทันควัน แม้จะไม่แน่ใจนักเพราะตั้งแต่มาอยู่ที่นี่จงแดยังไม่เคยเกิดอาการฮีทให้มินซอกเห็น
เขาไม่เคยปล่อยกลิ่นฟีโรโมนบ้าๆนี่เลยแม้แต่ครั้งเดียว
แต่เขาเชื่อว่าพี่มินซอกจะไม่ทำร้ายเขาเด็ดขาด
“หึ!”
แพคฮยอนหัวเราะในลำคอ “ใช้ชีวิตแบบเบต้ามากเกินไปจนลืมนึกถึงความเป็นจริงรึไง?”
“...”
“ไม่มีอัลฟ่าหน้าไหนอยู่เฉยๆตอนโอเมก้าฮีทต่อหน้า
หรือไม่ก็โอเมก้าอย่างนายนั่นแหละที่จะไม่ยอมปล่อย..”คิมจงแดหน้าร้อนผ่าวด้วยความโกรธผสมความอาย
แต่เขากลับไม่สามารถปริปากแก้ตัวได้แม้แต่คำเดียวในเมื่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้าที่เขาจะสลบไปมันยังชัดเจน
จงแดรู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ แม้กระทั่งตอนที่เขาเป็นฝ่ายจูบแพคฮยอนก่อนเขาก็รู้ เพียงแต่เขาควบคุมตัวเองไม่ได้…
จงแดกัดริมฝีปากจนเจ็บ
เพราะแบบนี้ไง เขาถึงได้เกลียดตัวเอง...
“ผมจะไม่เป็นแบบนั้นอีก
พี่ไม่ต้องห่วง..”
“ฉันไม่ได้ห่วงนาย”คนอายุมากกว่าแทรกขึ้นมาทั้งที่จงแดยังไม่ทันเอ่ยจบประโยคด้วยซ้ำ
และนั่นยิ่งทำให้ความรู้สึกของจงแดดิ่งลึกลงไปอีกขั้น
คนตัวผอมขยับตัวอย่างดื้อดึงสะบัดแขนออกจากการเกาะกุมและนั่นทำให้ขีดความอดทนของแพคฮยอนพังลง
“อย่ามาทำตัวดื้อแถวนี้!”
มือเรียวเอื้อมคว้าแขนของอีกฝ่ายไว้แน่นก่อนจะดึงอย่างแรงจนจงแดถลาเข้าสู่อ้อมแขน
เสียงแหลมหวีดร้องออกมาเพียงเสี้ยวเดียว
ก็ขนลุกซู่เมื่อรู้สึกถึงวงแขนที่รัดแน่นอยู่ตรงช่วงเอว
กลิ่นของแพคฮยอนแผ่ออกมาคุกคามจนจงแดตัวสั่น
“พี่แพคฮยอนปล่อย!”
น่าแปลกที่กลิ่นของคิมจงแดหอมฟุ้งขึ้นอีกครั้ง
และดูเหมือนว่ามันจะทำให้แพคฮยอนรู้สึกหวงแหนคนในอ้อมแขนขึ้นอย่างไม่มีเหตุผล ตาเรียวเข้มขึ้นด้วยแรงอารมณ์
“ถ้าฉันปล่อยแล้วนายจะทำยังไง?
วิ่งแจ้นไปให้คิมมินซอกช่วยงั้นหรอ?”
“ผม..อ่ะ”จงแดส่ายหน้าเป็นพัลวัน ท่าทีต่อต้านส่งผลให้เอวบางถูกกอดกระชับเข้าหา
อ้อมแขนของแพคฮยอนรัดแน่นจนแผนหลังของจงแดแนบสนิทเข้ากับแผ่นอกของอีกฝ่าย
ไอความร้อนจากตัวแพคฮยอนทะลุผ่านเนื้อผ้าจู่โจมก้อนเนื้อที่อกด้านซ้ายให้เร่งจังหวะขึ้นมา
ยิ่งจงแดดิ้นอ้อมแขนของอีกฝ่ายก็ยิ่งรัดแน่นขึ้นอีกเท่าตัว
มวลความร้อนเริ่มจู่โจมอย่างไม่ทราบที่มาจงแดรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายคุมคามจากอีกฝ่ายที่เพิ่มขึ้นจนเหมือนกับดูดกลืนเรี่ยวแรงของเขาให้ลดลงอย่างน่าใจหาย
แม้ขนาดของร่างกายจะไม่ได้แตกต่างกัน
แต่พละกำลังของผู้อยู่อันดับล่างสุดของห่วงโซ่อาหารอย่างเขาน่ะ
เทียบอะไรกับอัลฟ่าไม่ได้เลย
“ฉันจำได้ว่าเมื่อก่อนนายว่าง่ายกว่านี้..”แพคฮยอนว่าพร้อมกับปลายจมูกที่ซุกลงตรงซอกคอ
อ้อมแขนขยับกอดรัดเอวบางของคนที่ร่างกายแข็งทื่อไปแล้วหลังจากขัดขืนอยู่นานสองนาน
“และอย่าลืมว่าฉันไม่ใช่มินซอกที่จะโอ๋นาย
เพราะไม่ว่านายจะเป็นเบต้าหรือโอเมก้านายก็คือคิมจงแด”
ประโยคที่เปล่งออกมาเป็นนัยแต่จงแดไม่ได้มีเวลาฉุกคิดเมื่อฝ่ามือของแพคฮยอนสอดเข้ามาใต้ร่มผ้า
น่าแปลกทั้งๆที่กลิ่นของคิมจงแดไม่ได้รุนแรงเหมือนตอนที่ฮีท
แต่ทำไมแพคฮยอนกลับยังรู้สึกว่าอีกฝ่ายหอม...
หอมจนน่าหลงใหล...
ในเสี้ยววินาทีดวงตาของแพคฮยอนลุกวาว
ร่างของจงแดถูกพลิกให้นอนหงายลงกับเตียง ด้านบนมีร่างของแพคฮยอนทาบทับ
ดวงตาของอีกฝ่ายส่องประกายผู้ล่าที่พาให้หวาดหวั่น
จงแดยกมือยันอกของอีกฝ่ายทั้งๆที่หอบหายใจแรงด้วยความหวาดกลัว
เขาน้ำตารื้นสมองเริ่มมึนเบลอ เมื่อความรู้สึกบางอย่างผุดขึ้นมาตีกันในหัว
ตอนนี้จงแดมีสติ…
แต่เชื่อสิอีกไม่นาน..ในเมื่อสาเหตุที่ทำให้เขาฮีทก็คือคนตรงหน้า
“ผม..ผมขอโทษ”จงแดไม่รู้จะหาคำไหนมาหยุดสถานการณ์ตรงหน้า
ในเมื่อรู้ว่าตัวเองผิดเขาก็ทำได้เพียงแค่นี้
แพคฮยอนเท้าแขนกับเตียงเลิกคิ้วมองใบหน้าอีกฝ่ายที่แดงก่ำ
“คำขอโทษนั่นสำหรับอะไร?”
“...”
“ขอโทษที่นายโกหกฉันเรื่องตัวเองเป็นโอเมก้า
หรือขอโทษเรื่องเมื่อคืน”
“ทุกเรื่อง..ถ้ามันจะทำให้พี่กับผมไม่เลวร้ายไปกว่านี้”
แพคฮยอนแค่นยิ้ม
เขามองจงแดราวกับกำลังมองคนโง่คนหนึ่ง
“นายคิดว่าระหว่างเรามันจะยังเหมือนเดิมได้อีกหรอคิมจงแด?”
“ผม..”
“เมื่อคืนเราไม่ได้เกินเลยกันไปกว่านั้นก็จริง
แต่นายคงไม่ลืมว่ามันถึงขั้นไหน...”มุมปากของแพคฮยอนยกขึ้นยามมองใบหน้าซีดเผือดของอีกฝ่าย
“คงไม่มีเมมเบอร์ในวงทำอย่างพวกเราหรอกมั้ง?”
จงแดจิกผ้าปูที่นอนแน่นยามที่ใบหน้าของแพคฮยอนขยับเข้ามาใกล้
รอยยิ้มของแพคฮยอนยังแต่งแต้มอยู่บนริมฝีปาก แต่นั่นเหมือนกับยิ่งเป็นการตอกย้ำ
จงแดทำได้เพียงแค่กัดริมฝีปากกลั้นน้ำตาแห่งความพ่ายแพ้
สุดท้ายโอเมก้าอย่างเขาก็ไม่เหมาะกับการใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางอัลฟ่าจริงๆ
ขนาดพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองขนาดนี้แล้วพี่แพคฮยอนยังไม่ยอมรับเลย..
ริมฝีปากที่แตะลงมาบนซอกคอทำให้จงแดสะดุ้งเฮือก
แต่ทว่าร่างกายที่ถูกทาบทับไม่อาจจะขยับเขยื้อนได้อย่างที่คิด
เขาเห็นเพียงเส้นผมสีบรอนของอีกฝ่ายที่คลอเคลียอยู่ข้างแก้ม
ลมหายใจร้อนๆของแพคฮยอนปลุกความกลัวจนร่างกายของจงแดสั่นเทา
และเมื่อมือเรียวสอดเข้ามาใต้สาปเสื้อแตะสัมผัสเนื้อเหนือสะโพกคิมจงแดก็กลั้นเสียงสะอื้นต่อไปไม่ไหว
ร้องไห้?
แพคฮยอนหยุดชะงัก
ใบหน้าเจ้าเล่ห์เมื่อครู่ซีดเผือดไปถนัดตาเมื่อผละใบหน้าออกจากซอกคอหอมกรุ่นแล้วพบว่าคิมจงแดร้องไห้โฮอย่างน่าสงสาร
“ฮึก...อย่าทำผมเลยนะครับ”
“...”
“ผมขอโทษ
พี่จะให้ผมทำอะไรก็ได้แต่ไม่เอาแบบนี้ อย่ากัดผม อย่า..”
“หยุดร้อง!”
คนที่คิดเพียงจะกลั่นแกล้งทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ
แต่ยิ่งตวาดออกมาคิมจงแดก็ยิ่งร้องไห้โฮ
จนสุดท้ายแพคฮยอนก็ทำได้เพียงคว้าร่างของอีกฝ่ายเข้ามากอดไว้แนบอก
“ขี้แยชะมัด”ไม่วายสบถในลำคออย่างห้ามไม่อยู่
แต่มือเรียวกลับขยับลูบแผ่นหลังบางของอีกฝ่ายอย่างปลอบประโลม
ฟังเสียงสะอื้นที่ดังไม่หยุดอยู่ข้างหูแล้วก็พาลถอนหายใจออกมาอย่างรู้สึกผิด
ก็ใครจะไปคิดว่าเด็กนี่จะกลัวจนร้องไห้...
“จะหยุดร้องได้หรือยัง?”แพคฮยอนรอจนเสียงสะอื้นเงียบลงได้สักพักก็ปรับน้ำเสียงให้ไม่ห้วนเกินไป
เขาขยับตัวปล่อยอีกฝ่ายออกจากอ้อมแขน ก้มมองใบหน้าที่ก้มงุดด้วยแววตาที่อ่อนลง
“ขอโทษครับ”จงแดยังคงไม่คลายความหวาดกลัว
เขาไม่กล้าแม้แต่เงยหน้าขึ้นมองแพคฮยอน จึงทำได้เพียงเช็ดน้ำตาตัวเองลวกๆ พยายามอยู่นิ่งๆเพื่อไม่ให้แพคฮยอนไม่พอใจ
แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังได้ยินเสียงจิ๊ปากด้วยความหงุดหงิดของอีกฝ่าย
ก่อนปลายคางจะถูกดันให้เงยขึ้น
“พอถูกจับได้ว่าเป็นโอเมก้าเข้าหน่อยก็เจ้าน้ำตา”แพคฮยอนว่า
บังคับไม่ให้อีกฝ่ายก้มหน้าหลบ มือเรียวเกลี่ยหยาดน้ำตาที่เลอะข้างแก้มขาวออกให้เบาๆ
ในขณะที่จงแดได้แต่เสตามองไปทางอื่นไม่กล้าสบตา “ที่ร้องไห้นี่คิดว่าฉันจะทำอะไร?”
“ผม..”จงแดกัดริมฝีปากก่อนจะส่ายหน้าแทนคำตอบ
แต่ใบหน้าที่ขึ้นสีแดงจัดนั่นก็เพียงพอจะทำให้แพคฮยอนเดาความคิดอีกฝ่ายออก
“เจ้าเด็กลามก..”
คิมจงแดกระพริบตาปริบๆ
ยังไม่ทันจะเข้าใจความหมายก็โดนคนเป็นพี่บังคับเผชิญหน้าอย่างไม่มีทางเลี่ยง
จงแดเกือบตาพร่าตอนที่สบเข้ากับแววตาจริงจังของแพคฮยอน
มันแฝงด้วยประกายอ่อนโยนอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
“ถ้าฉันจะกัด
นายไม่ได้ลุกมานั่งร้องไห้งอแงได้อย่างนี้หรอก”
“...”
“ไม่เคยฮีทหรือไง
ถึงไม่รู้ว่าเวลาอัลฟ่ารัทน่ะอย่างต่ำก็สามวัน”
จงแดส่ายหน้าทั้งที่ดวงตาเบิกกว้าง
เขาลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก
“รู้แล้วก็อย่าไปปล่อยกลิ่นแบบนี้ที่ไหนอีก”
“...”
“ถ้าฮีทนายต้องรีบบอกฉัน”
หัวคิ้วของจงแดขมวดเข้าหากันทันทีที่ได้ยินประโยคนั้น
เขาจ้องหน้าพี่ชายร่วมวงด้วยท่าทางรู้สึกผิด“ผม..ผมจะพยายามไม่ทำตัวเป็นภาระครับ”
“พวกฉันพูดหรือยังว่านายเป็นภาระ..”แพคฮยอนเอ่ยเสียงเครียด
จับจ้องใบหน้าของจงแดจนคนถูกมองสีหน้าสลดคล้ายถูกดุอยู่กลายๆ “เลิกทำเหมือนตัวเองผิดที่เกิดมาเป็นโอเมก้าได้แล้ว”
“แต่พี่แพคฮยอนไม่ชอบ...”
“ฉันเคยไม่ชอบนาย...”แพคฮยอนถอนหายใจยกมือขึ้นวางบนศีรษะของอีกฝ่าย
“แต่นั่นเพราะนายเป็นแค่เด็กไม่ได้เรื่องที่เข้าวงมากลางคัน”
“...”
“มันไม่เกี่ยวกับที่นายเป็นโอเมก้า”
“...”
“ถึงจะเรียนรู้ช้าไปหน่อย
แต่นายก็ทำหน้าที่ของตัวเองได้ดี
เพราะงั้นเลิกคิดเองเออเองเรื่องที่ว่าตัวเองเป็นภาระให้วง
หรือแม้กระทั่งกับฉันได้แล้ว”จงแดกระพริบตาปริบๆ ก่อนรอยยิ้มจะขยับกว้างขึ้น
เมื่อสัมผัสอบอุ่นบนศีรษะแผ่ลามไปถึงหัวใจดวงน้อย
แพคฮยอนลูบผมของอีกฝ่ายจับจ้องใบหน้าของมักเน่ยูนิทที่กำลังแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มชินตา
จนสุดท้ายก็ยกยิ้มตามอย่างห้ามไม่อยู่
“ผม..”จงแดมองใบหน้าของอีกฝ่ายด้วยท่าทางเลื่อนลอย
ยิ่งสบกับดวงตาของแพคฮยอนก็ยิ่งรู้สึกได้ถึงแรงดึงดูดบางอย่าง
กว่าจะรู้ตัวช่องว่างระหว่างใบหน้าของเขากับแพคฮยอนก็ลดลงเรื่อยๆ จงแดปิดเปลือกตาลง
จนกระทั่งสัมผัสบางเบาแตะลงที่ริมฝีปาก จมูกได้กลิ่นหอมอ่อนๆของตัวเองเมื่ออัตราการเต้นของหัวใจมันถูกเร่งจังหวะขึ้นอย่างรุนแรง
มือไม้ของโอเมก้าตัวผอมเก้งก้างเกาะอยู่บนไหล่ของแพคฮยอนอย่างไม่รู้ว่าควรจะทำยังไง
จนสุดท้ายแพคฮยอนก็จับพาดไหล่พร้อมกับฝ่ามือที่ดันท้ายทอยของอีกฝ่ายเข้าหา
ริมฝีปากขยับบดเบียดแนบแน่น ดูดดึงริมฝีปากล่างจนจงแดเผยอริมฝีปากออก…
ปึง!!
“แพคฮยอนนายทำอะไรจงแด!”
คิมมินซอกยืนหอบอยู่หน้าห้อง
ดวงตากลมโตเบิกกว้างมองภาพตรงหน้าอารมณ์ร้อนรนเมื่อเปิดประตูห้องของตัวเองเข้ามาแล้วพบสภาพเละเทะแต่ไร้ร่างของน้องชายตัวผอมเมื่อครู่เหมือนถูกราดด้วยน้ำเย็นตั้งแต่หัวจรดเท้า
แพคฮยอนถอนริมฝีปากออก ในขณะที่จงแดรีบขยับซุกใบหน้าลงกับไหล่ของของคนอายุมากกว่าเพื่อหลบหนีสายตาของพี่ชายคนสนิทจนเห็นเพียงใบหูที่แดงก่ำ
เจ้าของห้องกอดกระชับร่างในอ้อมแขนด้วยความหวงแหนอย่างไม่รู้ตัว
พ่นลมหายใจออกมาอย่างหงุดหงิดไม่แพ้กันตาคมตวัดจ้องหน้าผู้บุกรุก
“ออกไปรอข้างนอกก่อนไป”
มินซอกกรอกตาขึ้นฟ้าถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วงเมื่อได้ยินน้ำเสียงห้วนๆนั่น
ถึงไม่บอกเขาก็ไม่หน้าด้านอยู่หรอกโว้ย!
“จะทำอะไร?”แพคฮยอนเอ่ยถามเสียงห้วนยังคงเจืออารมณ์หงุดหงิดจากเหตุการณ์เมื่อครู่ไม่น้อยจนคนที่กำลังขยับตัวออกห่างนั่นหยุดชะงัก
จงแดก้มหน้ากัดริมฝีปากของตัวเองไม่กล้าสู้หน้า
รสสัมผัสซาบซ่านเมื่อครู่ยังติดอยู่บนริมฝีปาก จึงทำได้เพียงเอ่ยตอบอีกฝ่ายเสียงเบาจนคล้ายกระซิบ
“จะไปอาบน้ำครับ”
คนฟังเหล่มองใบหูแดงก่ำมุมปากกระตุกขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่
“ฉันเช็ดตัวให้แล้ว”
“งั้นผม..”
“นอนพักซะ”แพคฮยอนตัดบทก่อนจะดันตัวของจงแดลงบนเตียง
โอเมก้าตัวผอมทำได้เพียงกลั้นหายใจหลับตาปี๋ตอนที่รับรู้ได้ถึงฝ่ามือที่เลื่อนผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวให้
“ถ้าฉันกลับเข้ามานายยังดื้อ โดนดีแน่”
สัมผัสเบาๆของฝ่ามือบนศีรษะละออก
ก่อนจะได้ยินเสียงฝีเท้า รอจนปานประตูปิดลงจงแดถึงได้ลืมตาขึ้นมา
ดวงตากลมจ้องมองบานประตูด้วยหัวใจที่เต้นรัว
ขืนพี่แพคฮยอนเป็นแบบนี้ความลับของเขาต้องแตกแน่ๆ
8.
ประตูห้องถูกเปิดออกมาอย่างแผ่วเบาก่อนร่างของมักเน่ยูนิทจะค่อยๆก้าวออกมาจากห้องอย่างระแวดระวัง
ใบหน้าน่ารักหันซ้ายหันขวาเป็นพัลวันก่อนจะพรูลมหายใจออกมาอย่างโล่งอกที่ห้องพักดูเงียบเชียบคล้ายกับไม่มีคนอยู่
พี่มินซอกออกไปมหาวิทยาลัยตั้งแต่เช้า
จงแดรู้สึกตัวอยู่พอดีตอนที่อีกฝ่ายกำลังจะออกไป ส่วนพี่แพคฮยอนเขาไม่รู้...
เอาเป็นว่าเขาไม่พร้อมเจอหน้าพี่แพคฮยอนตอนนี้
จงแดพรูลมหายใจออกมาอย่างหนักหน่วงนึกไปถึงเหตุการณ์ที่ทำให้ความลับที่เก็บซ่อนไว้ของเขาแตกออกเป็นเสี่ยงๆอย่างไม่เหลือชิ้นดี
จงแดก็เรียกได้ว่าหลบหน้าหลบตาแพคฮยอนแทบจะทุกครั้งที่มีโอกาส
เขายึดพี่มินซอกเป็นกำบัง ถอยออกห่างจากอีกฝ่ายเหมือนช่วงเข้าร่วมวงใหม่ๆและหลบเลี่ยงการอยู่ด้วยกันสองคน
เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันแบบวันนั้นอีก
อาการฮีทกระทันหันแบบนั้นมันน่ากลัวชะมัด
น่ากลัวจนจงแดคิดได้ว่าถ้าหากเกิดขึ้นอีกครั้งเขาจะยังมีหน้ามองหน้าใครได้อีก
ไม่ใช่แค่กับพี่แพคฮยอน
แต่ถ้ามันเกิดขึ้นระหว่างที่เขาอยู่กับคนอื่นๆ คนอื่นที่เป็นอัลฟ่าเหมือนกัน…
อาการฮีทในวันนั้นได้รับการวินิจฉัยแล้วว่ามันอาจจะเกิดจากการดื้อยาแต่อีกสาเหตุหนึ่งที่เขาไม่ได้บอกพี่มินซอกก็คือ
มันสามารถเกิดขึ้นเพราะได้รับการกระตุ้นจากกลิ่นอายของอัลฟ่า...
ยิ่งถ้าอัลฟ่าคนนั้นส่งผลต่อจิตใจของเขา
จงแดไม่นึกแปลกใจเลยว่าทำไมตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาถึงไม่สามารถจ้องตากับแพคฮยอนได้
ทำไมเขาถึงต้องรู้สึกร้อนวูบวาบทุกครั้งที่พี่แพคฮยอนเข้ามาใกล้
ทำไมต้องรู้สึกเหมือนกับหวาดกลัวอีกฝ่าย
ตอนแรกจงแดคิดว่าที่มันเป็นแบบนั้นก็เพราะความรู้สึกของเขาตอนเจอกับแพคฮยอนครั้งแรกมันแตกต่างจากคนอื่น
ความหวาดกลัวทำให้เขาเลือกที่จะหลีกเลี่ยง แต่ในขณะเดียวกันทุกครั้งสายตาก็มักจะหยุดลงที่ร่างของอีกฝ่าย
หนำซ้ำกับอัลฟ่าหรือเบต้าทั่วไปจงแดสามารถจ้องตาหรือใช้ชีวิตคลุกคลีกับพวกเขาอย่างปกติได้
ยกเว้นแค่คนเดียว…
คนที่คุณหมอบอกว่ามีอิทธิต่อจิตใจของเขามากที่สุด
แค่นี้ทุกอย่างก็ชัดเจนแล้ว...
เขาชอบ....
แต่แค่แอบชอบเงียบๆแค่นี้ก็พอแล้ว...
ตากลมมองเลยไปยังบางประตูห้องของอีกฝ่ายด้วยแววตาหม่นหมอง
ถอนหายใจออกมาเสียหนักหน่วงก่อนที่บานประตูที่เขาจดจ้องอยู่เปิดจะออกอย่างไม่ทันตั้งตัว
จงแดสะดุ้งโหยงหน้าตาตื่น กำลังจะพลิกตัวหันหลังกลับเข้าห้องแล้วถ้าไม่ติดว่าดวงตาคู่นั้นตรึงเท้าเขาไว้อีกครั้ง
แพคฮยอนเหมือนจะรู้ทัน เขาอาศัยช่วงเวลาเพียงไม่กี่วินาทีพุ่งเข้ามา
มือเรียวคว้าแขนของจงแดไว้แน่น
แต่ที่ทำให้จงแดไร้เรี่ยวแรงขัดขืนกลับเป็นน้ำเสียงกึ่งบังคับกึ่งเว้าวอนนั่น
“ไม่คิดว่าเรามีเรื่องต้องคุยกันหน่อยหรือไง?”
“ผม...”เสียงของจงแดเบาหวิวก่อนจะกลืนหายไปในลำคอเมื่อฝ่ามือถูกมือเรียวคู่นั้นเลื่อนมาจับประสานและจงแดก็เดินตามแรงฉุดไปอย่างว่าง่าย...
ห้องของแพคฮยอนดูไม่ต่างไปจากวันที่เขาตื่นขึ้นมาบนเตียงของอีกฝ่าย
กลิ่นเย็นๆเฉพาะตัวของอัลฟ่าลอยมาแตะจมูก จงแดเผลอสูดลมหายใจเข้าลึกๆขณะที่ดวงตากลมเหลือบมองคนอายุมากกว่าที่เดินไปเคลียร์ของระเกะระกะบนเตียง
ก่อนมือเรียวนั่นจะตบลงบนฟูกนอน
“มานั่งนี่สิ”
“ครับ”จงแดพยักหน้ารับเดินไปหย่อนสะโพกลงบนเตียงก่อนจะเขยิบออกห่างเมื่อแพคฮยอนทิ้งตัวนั่งลงข้างกันในระยะประชิด
แพคฮยอนหรี่ตามองอย่างหงุดหงิดเอื้อมมือดึงแขนเล็กของอีกฝ่ายไว้
“จะขยับไปไหนนักหนา”
“ก็มันใกล้ไปนี่ครับ”จงแดไม่ว่าเปล่าแต่ยังตั้งท่าจะเว้นระยะห่าง
แต่ติดที่ว่าแพคฮยอนไม่ยอมปล่อยมือ หนำซ้ำยังยื่นหน้าเข้ามาข่มขู่แววตาจริงจัง
“ถ้าขยับตัวอีกคราวนี้ฉันจะขึงนายไว้กับเตียง”
คำขู่เหมือนจะได้ผลชะงัดเพราะคิมจงแดนั่งนิ่งไม่ขยับจนคนที่ไม่ได้อยากจะใช่ไม้แข็งพรูลมหายใจออกมาท่ามกลางบรรยากาศอึมครึม
เมื่อก่อนที่แค่ว่าแย่เพราะไม่สนิทกันตอนนี้มันกลับย่ำแย่มากขึ้นไปอีกเพราะคืนนั้นคืนเดียว
“ฉันจะไม่อ้อมค้อม..”แพคฮยอนเป็นคนเปิดประเด็นตามประสาคนที่ไม่ได้ใจเย็นเป็นทุนเดิม หลังจากที่จดจ้องใบหน้าด้านข้างของจงแดเงียบๆมาได้สักพัก
“นายหลบหน้าฉันทำไม?”
“ครับ?!”จงแดมีสีหน้าตกใจอย่างเห็นได้ชัดแต่พอสบการดวงตาของเขา
เจ้าเด็กนี่ก็ก้มหลบเหมือนอย่างเคย ริมฝีปากบางนั่นปฏิเสธออกมาไม่เต็มเสียง
“ผมเปล่านะครับ”
และนั่นยิ่งทำให้แพคฮยอนหรี่ตามอง ความไม่พอใจพาดผ่าน
“ที่ทำอยู่นี่ นายไม่เรียกว่าหลบหน้าหรอจงแด..”
“ผม..”
“หรือเพราะเรื่องคืนนั้นที่ทำให้นายเป็นแบบนี้”
“...”คราวนี้จงแดไม่ตอบแต่แพคฮยอนเห็นว่าใบหูของอีกฝ่ายแดงแจ๋ซ้ำมือที่วางอยู่บนตักยังกำแน่นเข้าหากัน
เท่านั้นคนอายุมากกว่าก็พอจะรู้ได้ว่าตัวเองเดาไม่ผิด
โอเค วันนั้นมันไม่ได้ถึงขึ้นลึกซึ้ง
แต่แค่นิ้วกับรอยจูบทั่วตัวที่เขาฝากไว้ก็ใช่ว่าจะทำให้เราทั้งคู่ตีหน้าซื่อเหมือนคนไม่คิดอะไรไม่ได้
แต่นั่นไม่ใช่ข้ออ้างที่คิมจงแดจะหลบหน้าเขา!
“คืนนั้นยังไม่มีอะไรนายก็รู้..”แพคฮยอนเหลือบมองปฏิกิริยาของจงแดเล็กน้อย “เราแค่จูบกัน
ฉันแค่ใช้นิ้ว..”
“พอครับ!”คนฟังร้องลั่นหยุดประโยคน่าอายนั่นด้วยใบหน้าแดงก่ำ
แต่แพคฮยอนกลับยกยิ้มชอบใจ
ใบหน้าที่มักจะเรียบนิ่งขยับเข้ามาประชิดหนำซ้ำยังแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“ตอนมินซอกเข้ามาเราก็จูบกันอีกจงแด”
“พี่!”
“นายจำไม่ได้?”
“ผม..”
“นายต้องจำได้อยู่แล้ว เพราะตอนนั้นนายมีสติ”จงแดมีสีหน้ากล้ำกลืน เขาทำได้เพียงเม้มปากแน่นยอมรับคำกล่าวหาในใจ
และท่าทางของอีกฝ่ายพาให้แพคฮยอนรู้สึกเอ็นดูขึ้นมาราวกับกำลังมองดูเด็กตัวเล็กๆ
มือเรียวยื่นออกไปก่อนจะแตะลงบนหัวไหล่
จงแดตกใจเล็กน้อยก่อนจะเบิกตาโพลงเมื่อจู่ๆใบหน้าของแพคฮยอนก็พุ่งเข้ามา คนตัวผอมเผลอหลับตาปี๋ร่างกายเกร็งอย่างคนไร้ทางหนี
ก่อนลมหายใจจะติดขัดเมื่อปลายจมูกโด่งของอีกฝ่ายแตะลงบนซอกคอ
“หอม..”แพคฮยอนพึมพำเสียงเบาสูดกลิ่นหอมอ่อนๆของอีกฝ่ายที่ติดอยู่ในหัวมาตลอด
1 อาทิตย์
แขนยาวเปลี่ยนเป็นเลื้อยโอบรอบร่างกายแข็งทื่อของโอเมก้าตัวผอมไว้แน่น “ฉันชอบ”
“...”
“ฉันชอบกลิ่นนาย จงแด”
จงแดไม่รู้เลยว่าในสถานการณ์แบบนี้เขาควรทำตัวยังไง
นอกจากก้มหน้างุดปล่อยให้คนเป็นพี่กอดร่างตัวเองไว้ในอ้อมแขน
มุมปากของแพคฮยอนขยับยิ้มกว้าง
กดริมฝีปากจูบลงบนแก้มขาวที่ขึ้นสีแดงจางๆของอีกฝ่ายแผ่วเบา อ้อมแขนกระชับแน่น
ความหวงแหนก่อตัวขึ้นเงียบๆ นึกไปถึงบทสนทนากับลีดเดอร์วงแล้วก็รู้สึกวูบโหวงในอก ย้ายไปอยู่กับโดคยองซูงั้นหรอ
ใครจะให้ไป..
“เรื่องที่จะย้ายไปอยู่กับคยองซูน่ะเลิกคิดไปได้เลย”
จงแดคิ้วขมวดมีสีหน้ากังวลใจเล็กน้อย “แต่ถ้าผมเกิดฮีทขึ้นมาอีก...”
“กะอีแค่ดูแลโอเมก้าตอนฮีทมันจะไปยากอะไร...ฉันจะดูแลเอง”แพคฮยอนพึมพำขึ้นมาอย่างคนเอาแต่ใจ
แต่นั่นกลับยิ่งเร่งจังหวะก้อนเนื้อในอก จงแดกัดริมฝีปากกลั้นความรู้สึกฟูฟ่องในอก
สติในการควบคุมฟีโรโมนแปรปรวน ส่งผลให้กลิ่นหอมคละคลุ้งขึ้นมาจนเจ้าของอ้อมแขนหัวเราะแผ่วเบาในลำคอ
“แต่ก่อนอื่นนายต้องหัดควบคุมกลิ่นตัวเองให้ได้ก่อน
เจ้าเด็กบื้อ”
ไม่อย่างงั้นต่อให้ไม่ฮีทแพคฮยอนก็ไม่แน่ใจนักว่าตัวเองจะอดทนได้อย่างที่บอกไว้หรือเปล่า
บทส่งท้าย
บรรยากาศระหว่างสองคนที่ขึ้นชื่อว่าอึดอัดใจต่อ
กันมากที่สุดในวงเปลี่ยนไปจนแทบไม่เหลือเค้าเดิม เมื่อก่อนถ้าจงแดนั่งอยู่มุมซ้ายสุดแพคฮยอนจะนั่งอยู่มุมขวา
หรือไม่ก็ต้องมีใครสักคนนั่งคั่นกลางระหว่างทั้งคู่เพื่อลดความอึดอัด ซึ่งเมื่อก่อนจะเป็นมินซอก
แต่ตอนนี้สิ่งที่ทุกคนเห็น คือคิมมินซอกมักจะถูกแย่งที่…
อ้อ รวมถึงโดนแย่งหน้าที่ด้วย..
“กินดีๆ”เสียงห้ามปรามพร้อมกับสายตาดุๆส่งผลให้เจ้ามักเน่ยูนิทหันมาส่งยิ้มแหยๆให้
แพคฮยอนที่นั่งขนาบข้างหรี่ตามองแต่ยังไม่ทันได้เอื้อมไปคว้าทิชชู่มายื่นให้คิมจงอินที่นั่งขนาบอีกข้างก็ยื่นมือมาเช็ดคราบซอสที่ติดอยู่มุมปากให้พี่ชายคนสนิทตัดหน้าเสียก่อน
“ขอบคุณนะจงอิน...”จงแดฉีกยิ้มกว้างให้น้องก่อนจะหันกลับมาสนใจอาหารตรงหน้า เมมเบอร์ที่นั่งอยู่ด้านตรงข้ามมองคนที่กำลังปั้นหน้านิ่งแต่สายตาครุกกรุ่นจนแทบจะฆ่าใครให้ได้นั่นแล้วก็ได้แต่ถอนใจ
ส่วนคนที่ถอนหายใจแรงสุดคงไม่พ้นคิมมินซอก
จะว่ายังไงดี ตั้งแต่ที่แพคฮยอนรู้และพิสูจน์ด้วยตาตัวเองว่าจงแดเป็นโอเมก้า
หมอนี่ก็ทำตัวเป็นผู้ปกครองจอมหวงอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว และที่สำคัญหวงแม้กระทั่งกับเขา!
วันดีคืนดี
เจ้าเด็กตัวหอมของวงก็ถูกขโมยหายไปข้ามคืน จนทุกวันนี้มินซอกเหมือนไม่มีรูมเมท
“อันนี้ให้พี่แพคฮยอนครับ”เสียงสดใสดังขึ้นพร้อมกับตะเกียบที่คีบเนื้อหอมกรุ่นยื่นมาจ่อตรงริมฝีปาก
แพคฮยอนมุมปากกระตุกเล็กน้อยก่อนจะอ้าปากรับความหวังดีอย่างเงียบเชียบ
แขนยาวที่วางพาดพนักเก้าอี้ของอีกฝ่ายขยับเกาะกุมหัวไหล่ ขยับตัวเข้าไปเบียดอย่างเนียนๆ
“อร่อยดี ขออีกหน่อย”
จงแดฉีกยิ้มกว้างอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว“งั้นจิ้มอันนี้นะครับ
พี่แพคฮยอนไม่กินเผ็ด”
“อือ ตามใจนาย”
เมมเบอร์ในวงต่างพากันส่ายหัวแต่ก็ทำได้แค่ปล่อยเลยตามเลย
ถ้าพยอน แพคฮยอนไม่ทำอะไรที่มันเกินไปก็ปล่อยๆไปหน่อยแล้วกัน
“รุ่นพี่ยุนโฮรู้หรือเปล่าว่าจงแดเป็นโอเมก้า”
มินซอกหันขวับเมื่อได้ยินเสียงไม่สบอารมณ์ของเพื่อนร่วมปีเกิด
มุมปากยิ้มเมื่อมองเห็นแววตาครุกกรุ่นของคนขี้หวงที่จ้องจงแดที่กำลังทักทายรุ่นพี่ร่วมค่ายตรงหน้าร้าน
“ก็น่าจะรู้นะ”
“ถ้ารู้แล้วยังจะปล่อยให้เด็กนั่นไปคลุกคลีอยู่อีก”
“เดี่ยวๆ นั่นนายจะไปไหน?”มินซอกดึงแขนเพื่อนไว้เมื่อเห็นว่าแพคฮยอนจะพุ่งเข้าไปหาจงแดที่บังเอิญเจอกับรุ่นพี่ที่สนิทตอนเดินออกมาจากร้านอาหาร
“เดี๋ยวน้องก็มาแล้วน่า จะหงุดหงิดอะไร?”
“รุ่นพี่คนนั้นเป็นอัลฟ่า”
“ฉันกับนายก็เป็นอัลฟ่า”มินซอกเลิกคิ้วท่าทางดูยียวน
“ไม่ต้องหวงขนาดนั้นหรอกน่า นายก็รู้ๆอยู่ว่าจงแดชอบใคร”
แพคฮยอนกระตุกยิ้ม “ก็เพราะว่ารู้น่ะสิ
ฉันถึงยิ่งต้องหวง”
คนของเขาจะปล่อยให้คนอื่นมาเข้าใกล้เกินกว่าเหตุได้ยังไง!
กลิ่นครีมอาบน้ำลอยมาแตะจมูกตอนที่คิมจงแดเดินมาทรุดตัวนั่งลงข้างๆพร้อมกับจอยเกมส์ที่ถูกจับขึ้นมาถือไว้ในมือเตรียมพร้อมสำหรับรอบต่อไปที่กำลังจะเริ่มขึ้น
แพคฮยอนเหลือบตามองคนที่อยู่ในชุดนอนสีน้ำเงินที่เขาซื้อให้แล้วก็ได้แต่หลุดยิ้ม
“กินยาหรือยัง?”
“เรียบร้อยแล้วครับ”โอเมก้าตัวดียิ้มจนตาปิดก่อนจะร้องเสียงหลงเมื่อแพคฮยอนเอื้อมมือมาผลักหัว
“พี่แพคฮยอนแกล้งผมอีกแล้ว”เสียงแหลมๆที่มักจะได้ยินอยู่บ่อยครั้งนับตั้งแต่ที่เรียกได้เต็มปากว่าสนิทกันดังขึ้นจนกลัว
คิมมินซอกจะเดินออกจากห้องมาบ่น แพคฮยอนยิ้มขำมองท่าทางเง้าหงอดนั่น ก่อนจะผลักหัวกลมๆของอีกฝ่ายอีกรอบ
“ไม่ได้แกล้ง แต่นี่เป็นการชม”
“ชมด้วยการผลักหัว?”คิมจงแดกรอกตา “ผมไม่ใช่เด็กห้าขวบนะที่จะเชื่อคำพูดแบบนี้”
“เถียงเก่งขึ้นทุกวัน เดี๋ยวนี้ไม่กลัวฉันแล้ว”
จงแดส่ายหน้า “ตอนนี้พี่แพคฮยอนไม่ทำหน้าบึ้งแล้ว”
“อ้อ จะบอกว่าเมื่อก่อนฉันเป็นแบบนั้นนายเลยกลัวจนไม่กล้าเข้าใกล้”
“ก็มันจริงนี่ครับ
ยิ้มให้สักนิดก็ไม่มีใครจะไม่กลัว”
“แล้วตอนนี้ยิ้มพอหรือยัง?”แพคฮยอนไม่ว่าเปล่าแต่ริมฝีปากก็ขยับยิ้มกว้างล่อลวงเจ้ากระต่ายน้อยตรงหน้า
จงแดกระพริบตาปริบๆเมื่อโดนรอยยิ้มล่อลวง รู้สึกเหมือนมือไม้มันเก้ๆกังๆ ทำได้เพียงพึมพำตอบเสียงเบาหวิวในลำคอ
“พอแล้วครับ อ๊ะพี่!”แขนยาวโอบรอบเอวไม่ไหร่ไม่รู้ แต่ที่น่าตกใจกว่าคงจะเป็นเพราะใบหน้าที่อยู่ห่างกันในระยะอันตราย
แพคฮยอนมองคนที่ตาโตแล้วก็หัวเราะออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
กลิ่นหอมอ่อนๆลอยแตะจมูกทั้งๆที่ยังไม่ทันได้สัมผัสผิวแก้ม
“ตกใจอะไร ฉันแค่จะดม...”
“ครับ?”
“ฉันชอบกลิ่นนาย”แพคฮยอนขยับใบหน้าเข้าหาแววตาส่งสัญญาณคุกคาม“คิดว่าบอกไปแล้วซะอีก..”
“แต่ผมไม่ได้สระผมนะ..กลิ่นควันไฟน่าจะยังติด..”
คำพูดขาดช่วงเมื่อแก้มนิ่มโดนหอมฟอดใหญ่ “ไม่นี่
ก็ยังหอม”
แพคฮยอนลากริมฝีปากแตะปลายจมูก
ปัดผ่านริมฝีปากจนจงแดสะดุ้งโหยงขยับดิ้นหนีโดยสัญชาตญาณ
“ถ้าดิ้นมากจะไม่ใช่แค่ดมแล้วนะจงแด..”ดวงตาของอีกฝ่ายเผยแววตาชั่วร้าย จงแดเลยได้แต่กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่หลับตาปี๋เชิดหน้าให้อีกฝ่ายแตะจมูกลงบนซอกคอได้ถนัดถนี่
แต่กลับต้องเบิกตาโพลงกำมือทุบอกอีกฝ่าย เมื่ออัลฟ่าเจ้าเล่ห์ประกบริมฝีปากลงมาให้ให้ตั้งตัว
มิหนำซ้ำยังดีฟคิส!
เสียงหัวเราะในลำคอดังให้ได้ยินเมื่ออีกฝ่ายผละริมฝีปากออกและประกบลงมาใหม่ในเสี้ยววินาที
คิมจงแดเลยทำได้แค่ปรับจังหวะการหายใจ จิกนิ้วมือกับเสื้อของอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกวาบหวิวที่ตีรวนขึ้นมาจากช่วงท้องน้อย
ไหนว่าจะแค่ดมไง! พยอนแพคฮยอน!
End
ความคิดเห็น