คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #18 : DOUBLE LOVE : BAEKCHENHYUN III
Title : Double Love III
Pairing : BAEKCHENHYUN
จงแดเพิ่งจะคิดได้ว่าสิ่งที่ทำลงไปมันไม่ควรอย่างยิ่งหลังจากที่วิ่งฝ่าสายตาผู้คนที่มองมาที่เขาราวกับตัวประหลาดและตรงกลับบ้าน
แล้วนั่งนิ่งๆเพื่อดับความร้อนในอก
ปกติเขาไม่ใช่คนโกรธง่าย
ไม่สิ เพราะโดนมาจนชินและรู้ว่าโกรธ
หรือใส่ใจเรื่องพวกนั้นไปก็ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นมาต่างหาก
ภาพที่ตัวเองสาดน้ำใส่หน้าแพคอาด้วยความอาดหาญ
มันรีเพลย์ในหัวพร้อมๆกับเสียงคำรามตามหลัง ที่แสนน่ากลัว
นั่นแหละ เขาพลาดแล้ว
คนใจร้ายอย่างแพคอา
ไม่มีวันปล่อยเขาไว้แน่ๆ ถึงมันจะไม่ใช่เรื่องรุนแรงแถมสาเหตุที่เกิดขึ้นก็เพราะเจ้าตัวพูดกระตุ้นอารมณ์โกรธของเขาเองแท้ๆ
แต่จงแดเอาหัวเป็นประกันเลยว่า แพคอาไม่รู้หรอกว่าเป็นความผิดของตัวเอง
และที่สำคัญคนที่แทบจะไม่เคยมีเรื่องกับใครอย่างเขานี่แหละที่กำลังรู้สึกผิด
ที่สำคัญกว่านั้นเขาต้องโดนแฝดพี่ของฮยอนหมายหัวแล้วแน่ๆ
เพราะแบบนั้นเช้าวันต่อมา เขาถึงได้หวาดระแวงไปทุกย่างก้าว เมื่อเข้าสู่รั้วมหาลัย
คนหน้าคณะบางตาเพราะอีก 5 นาทีจะเริ่มคาบเรียน
แต่ถึงอย่างนั้นตอนที่เขาเผลอถอนหายใจอย่างโล่งอก
ชื่อของใครบางคนที่ทำให้อกสั่นขวัญหายก็ดังเข้ามาในโสตประสาทจนสะดุ้งโหยง
จงแดผลุบลงตรงพุ่มไม้ประดับแทบจะทันที
ใบหน้าซีดเผือดโผล่ออกมามองทิศทางของเสียงเพียงครึ่งเดียว
นี่มันโคตรตลกเลย
ตลกจนหัวเราะไม่ออก
คนที่ยืนหันหน้ามาทางเขา
ผมสีดำสนิทและกำลังคิ้วขมวดคือฮยอน ส่วนอีกคนที่ยืนหันหลังให้ เรือนผมสีแดงเพลิง
(เมื่อวานยังผมสีทองอยู่เลยนี่หว่า) ที่คาดว่ากำลังทำหน้าตากวนๆใส่ฮยอนคือแพคอา
แน่ๆ นี่ขนาดเขามาสายจนผิดวิสัยขนาดนี้ ยังมาเจอกันอีก
จงแดผลุบหัวลงอีกรอบเมื่อจู่ๆเจ้าของเรือนผมสีแดงนั่นก็หันขวับมา
ใบหน้าของแพคอาเหมือนกับกำลังโกรธใครบางคนอยู่ อีกฝ่ายก้าวฉับๆมาทางเขา
พร้อมกับที่ฮยอนหันหลังกลับเข้าไปในตัวตึก
คิมจงแดแทบจะซุกหน้าเข้ากับไม้พุ่มจนหลอมรวมร่าง ยิ่งเมื่อเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามา
หัวใจจงแดก็เต้นตึกตักจนแทบจะหลุดออกมา เขาไม่กล้าแม้กระทั่งหายใจ
มือเล็กยกขึ้นปิดปาก ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้ายที่จู่ๆแพคอาก็มาหยุดยืนตรงพุ่มไม้ด้านหน้าซะงั้น
“วันนี้รอดไปได้
แต่ใช่ว่าจะโชคดีไปทุกวันหรอกนะ”แพคอาบ่นกับตัวเองด้วยความหงุดหงิด
อุตส่าห์จะมาลากเด็กแว่นนั่นไปสั่งสอนให้รู้สึกผิดที่กล้าสาดน้ำใส่หน้าหล่อๆของเขา
แต่ก็เจอไอ้น้องชายตัวดีมันสกัดไว้เหมือนรู้ทัน แถมเด็กแว่นนั่นยังทำเหมือนรู้ดีว่าวันนี้เขาจะตามาเอาเรื่องเลยหนีหายไปก่อน
เหอะ มันโคตรน่าหงุดหงิดเลยเว้ย
“ฉันไม่ปล่อยไว้แน่คิมจงแด” แพคอาเข่นเขี้ยว จิ๊ปากเมื่อบ่นไปก็ไม่มีทางที่เด็กนั่นจะได้ยิน
ขายาวก้าวฉับๆออกจากคณะของน้องชาย โดยไม่ได้หันกลับมา ไม่ได้รู้เลยว่าไอ้คนที่บ่นถึงว่าจะไม่ได้ยินน่ะ
ได้ยินเต็ม 2 หู ถึงได้หน้าซีดเผือดสติหลุดไปแล้ว
ก่อนจะสะดุุ้งเฮือกเมื่อเสียงนาฬิกาดัง ตี๊ด บ่งบอกว่าตอนนี้เป็นเวลา 9.00 น.
คาบอาจารย์ควอนเริ่มแล้ว
“สะ
สายแล้ว”
ประตูหลังห้องถูกเปิดอย่างแผ่วเบา
ก่อนจงแดจะค่อยๆแทรกตัวเข้ามาอย่างเงียบเชียบ
แต่เหมือนจะไม่เงียบมากพอเมื่อสายตาของคนทั้งห้องหันมามองเป็นจุดเดียว
เสียงซุบซิบดังขึ้นแต่ไม่สามารถทะลุเข้าสู่โสตประสาทของคนที่ตกอยู่ในห้วงความหวาดผวาได้
จงแดทำเพียงแค่ก้มหัวโค้งขอโทษสองสามทีเหลือบตามองยังหน้าห้องก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อดูเหมือนว่าโชคจะยังเข้าข้างเขาอยู่บ้างเมื่ออาจารย์ควอนยังไม่เริ่มคาบเรียน คนตัวผอมกอดเป้แนบอกก่อนจะเดินเงียบๆไปยังที่นั่งหลังห้อง
จงแดไม่รู้หรอกว่าถูกสายตาของใครคนนึงจับจ้องพร้อมรอยยิ้ม
ก่อนเจ้าของร่างจะผุดลุกขึ้นนั่นแหละเสียงซุบซิบดังมาอีกระลอก
แต่จงแดเลือกที่จะไม่สนใจ เขาได้ยินมันจนชินแล้ว…
จนกระทั่ง...
“ขอนั่งด้วยคนนะ”จงแดหันขวับไปมองข้างกายด้วยสีหน้าตื่นๆ ก่อนจะพบกับรอยยิ้มกว้างของฮยอน
ถึงจะเหมือนเอ่ยขออนุญาตแต่คนมาใหม่ก็ชิงนั่งลงก่อนที่เขาจะเอ่ยปากพูดอะไรเสียอีก
จงแดเลยทำได้เพียงแค่พยักหน้าให้ก่อนจะสะดุ้งโหยงเมื่อจู่ๆ
ฮยอนก็ยื่นมือมาแตะบนหัวเขา
“ไอ้นี่ติดผมน่ะ”ยื่นเศษใบไม้มาตรงหน้า
“อ่า ขะ
ขอบคุณ” จงแดหัวเราะแหะๆเกาท้ายทอยแก้เก้อก่อนจะก้มหน้าก้มตาเตรียมหนังสือเรียนอย่างตั้งอกตั้งใจ
ใบหน้าน่ารักเริ่มซีดเผือดเมื่อรู้สึกได้ถึงสายตาของทุกคนกำลังจดจ้องมา
คิมจงแดไม่เคยชินที่จะตกเป็นเป้าสายตาของใคร
หัวใจของเขาเต้นรัวแต่ปลายนิ้วกลับเย็นเฉียบในขณะที่แพคฮยอนจับจ้องทุกการกระทำของคนข้างกายอย่างเป็นห่วง
“นายอึดอัดที่ฉันมานั่งด้วยหรือเปล่า?”หลังจากตวัดสายตาไปใส่คนทั้งห้องที่มองมาให้กลับไปสนใจเรื่องของตัวเอง
แพคฮยอนถึงค่อยๆแตะไหล่ของอีกฝ่ายเบาๆ จงแดเงยหน้าขึ้นมาก่อนจะส่ายหน้า
ละล่ำละลักตอบด้วยเสียงตื่นตระหนกเมื่อเขาทำหน้าเศร้าๆใส่
“ป่ะ เปล่า
เราแค่ไม่ชินน่ะ แถมทุกคนเอาแต่มอง มันคือแบบ...”แพคฮยอนนึกขำ
เขารู้สึกเหมือนความอึดอัดในอกเมื่อครู่เลือนมลายหายไปแทบจะทันที
“อย่าไปสนใจคนพวกนั้นเลย”แพคฮยอนยิ้มกว้างหันไปสนใจกับการเตรียมอุปกรณ์การเรียนของตัวเองบ้าง
จงแดพยักหน้าเบาๆก่อนจะลอบมองด้านข้างของอีกฝ่าย
ฮยอนน่ะเหมือนมีความรู้สึกอ่อนโยนโอบล้อมรอบกายเอาไว้เลย ไม่เห็นเหมือน…
จู่ๆก็พาลนึกไปถึงคนหน้าเหมือนอีกคนแต่ที่สำคัญกว่าคือเขาไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้ของตัวเองเลยฟันขาวขบกัดบนริมฝีปากอย่างประหม่า
เขากำลังรู้สึกผิดอีกแล้ว…
ทั้งๆที่รู้ว่าแพคอาควรโดนแท้ๆ
“เมื่อวานแพคอาทำอะไรนายหรือเปล่า?”จงแดสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อจู่ๆฮยอนก็เปิดประเด็นเหมือนรู้ว่าเขากำลังจะพูดถึง
คนตัวผอมส่ายหน้าก่อนจะค่อยๆมองหน้าฮยอนอย่างกล้าๆกลัวๆ
“เราต่างหากที่ทำร้ายแพคอา..”
“...”
“คือเมื่อวานเราเราไม่ได้ตั้งใจนะ
แต่ว่าแพคอาเค้าพูดไม่ดี”จงแดก้มหน้างุดสารภาพผิดราวกับเด็กน้อยที่กลัวถูกผู้ใหญ่ดุ
จึงไม่ได้เห็นว่าคนที่กำลังมองอยู่อมยิ้มจนแก้มจะแตก “แต่เราแค่สาดน้ำใส่แค่นั้นเองนะ..เราไม่ได้ทำอะไรรุน..” เสียงหัวเราะเบาๆของฮยอนทำเอาจงแดขมวดคิ้วก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองด้วยความงุนงง
แพคฮยอนไม่ได้มีท่าทีโกรธที่เขาทำร้ายพี่ชายฝาแฝดของตัวเองเลยด้วยซ้ำ แถมยังกลั้นขำจนหน้าแดงไปหมด
“ฮยอนไม่โกรธเราหรอ?”
“โกรธเรื่องอะไรล่ะ?”แพคฮยอนย้อนถาม หลังจากที่หยุดขำกับความน่าเอ็นดูของอีกฝ่ายได้แล้ว
จงแดดูมีท่าทางอึกอักแถมยังเหมือนกับกลัวเขาดุอยู่กลายๆ
“ก็ที่เราทำกับแพคอาเมื่อวาน”
“ถ้าไม่ทำอะไรเลยสิแปลก
แพคอานิสัยอย่างนั้นก็ควรจะโดนบ้าง...”มือเรียวเลื่อนไปวางลงบนหัวกลมๆของอีกฝ่ายก่อนจะเอ่ยต่อ
“ที่จริงจงแดควรจะต่อยให้หน้าหงายเลยด้วยซ้ำถึงจะดี”จงแดชะงักไปก่อนจะพึมพำเบาๆว่าจะไปทำเรื่องอย่างนั้นได้ยังไง คนที่ไม่เคยแม้กระทั่งดุน้องชายตัวแสบได้เลยอย่างเขาน่ะนะ
จะไปกล้าชกคนอื่น
“แต่ว่า
แพคอาดูไม่พอใจมากๆเลยนะ..”พูดถึงแฝดพี่แล้วก็ทำหน้าหวาดๆไปด้วย
เสียงเข่นเขี้ยวเมื่อเช้าที่บอกว่าเขาจะไม่โชคดีที่หลบอีกฝ่ายพ้นไปตลอดนั่นยังหลอนอยู่ข้างหูอยู่เลย
แพคอายิ้มสายตาเหลือบไปมองอาจารย์ควอนที่เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับกองเอกสารเต็มอ้อมแขน
ก่อนจะขยับใบหน้าเข้าไปกระซิบข้างหูของคนขี้กลัวพร้อมๆกันกับที่หัวหน้าชั้นปีเอ่ยทำความเคารพอาจารย์
“อย่าไปคิดมากเลย
ฉันไม่ปล่อยให้แพคอามารังแกนายรอบสองแน่ เชื่อสิ”
ตึกตัก ตึกตัก
อ่า
ทำไมหัวใจมันเร่งจังหวะขึ้นแบบนี้ล่ะ..
~~~~~ DOUBLE LOVE ~~~~~
อาจารย์ควอนออกไปแล้วหลังจากสอนไปแค่
1 ชั่วโมงและแจกแจงให้ทำรายงานส่งคาบหน้า
เหตุการณ์ที่นานๆทีอาจารย์ควอนจะเลิกคลาสเร็วมันเกิดขึ้นได้ยากมากๆ
เขาควรจะต้องดีใจ แต่เพราะว่าไอ้งานคู่ที่เพิ่งได้รับคำสั่งมานั่นแหละ ซึ่งโดยปกติแล้วเขามักจะทำงานคนเดียวเสียมากกว่า
ต่อให้เป็นงานคู่ถ้าอาจารย์ไม่บังคับแล้วในห้องไม่เหลือเศษจนจำเป็นต้องมาจับคู่กับเขา
เขาก็จะทำคนเดียวมาตลอด แต่ครั้งนี้มันแปลกน่ะสิ
“จงแดทำงานคู่กับฉันนะ”
นั่นแหละ
น้ำเสียงทุ้มๆที่มาพร้อมกับรอยยิ้มละมุนที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ เขาถึงได้พยักหน้าตอบตกลงไปโดยไม่ทันได้คิดถึงสิ่งที่ตามมา
ลืมไปเลยว่าแพคฮยอนน่ะ เก่งแค่ไหนและเป็นที่ต้องการแค่ไหน
“ขอโทษนะ
ฉันจับคู่กับจงแดแล้วล่ะ”
รอบที่ 10 แล้วกับประโยคนี้..
แม้จะเป็นประโยคปฏิเสธซ้ำๆจนหน้าหงุดหงิดใจแทนแต่เสียงของฮยอนยังคงนิ่งทุ้มและนุ่มนวลอยู่เสมอ
รอยยิ้มละมุนนั่นสามารถลดความเกรี้ยวกราดของคนที่ผิดหวังจากการโดนปฏิเสธการจับคู่ทำงานวิชาของอาจารย์ควอนได้เป็นอย่างดี
อ่า อาจจะหมายถึงว่าฮยอนคนเดียวที่ไม่โดนโกรธส่วนเขาน่าจะโดนเต็มๆเลยด้วยซ้ำ
เห็นได้จากแววตาที่คาดโทษที่พุ่งมาใส่ราวกับเข็มแหลมๆ
ก่อนจะเดินสะบัดหน้ากลับไปนั่งที่ของแต่ละคนน่ะนะ
“หมดสักที
จงแดเก็บของเสร็จหรือยังจะได้รีบไปกัน” แพคฮยอนกวาดเครื่องเขียนลงกระเป๋าอย่างลวกๆพร้อมม้วนชีทเรียนในมือ
ตอนนี้ทุกคนเริ่มจะวุ่นวายกับการหาคู่เพราะเพิ่งยอมแพ้จากการมาขอเขาเป็นคู่ทำงานแล้ว
เขาควรใช้เวลานี้หนีออกจากความวุ่นวาย
“ไปไหนหรอ?”จงแดทำหน้างุนงง
แต่จากกระเป๋าเป้ที่ถูกสะพานตรงหัวไหล่ก็พอจะเป็นตัวบอกได้ว่าเจ้าตัวเก็บของเสร็จแล้ว
แพคฮยอนทำเพียงยิ้มก่อนจะถือโอกาสคว้าข้อมือผอมๆนั่นลุกขึ้น
พร้อมกับกระตุกให้เดินตามอย่างเงียบๆ จงแดไม่ได้ขัดขืนอะไร แม้คิ้วเรียวจะยังขมวดเข้าหากัน
จนกระทั่งทั้งคู่เดินออกจากห้องเล็คเชอร์ และปิดประตูห้องเรียบร้อยแล้ว
“เอ่อคือ..”จงแดพูดอย่างอ้ำๆอึ้งๆ
มองลงไปยังข้อมือของตัวเองที่ยังถูกจับไว้อย่างหลวมๆ
ก่อนแพคฮยอนจะเหมือนเพิ่งนึกออกเลยรีบปล่อยมืออก แล้วบอกขอโทษเบาๆ เขาได้แต่ส่ายหัวบอกว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร
แล้วก็เงียบกันไปอีกครั้ง
จงแดไม่ใช่คนที่พูดมากด้วยนี่สิ…
“อืม
ไปกินข้าวด้วยกันมั๊ย?”นิ่งไปสักพักแพคฮยอนก็เอ่ยชวน
คนตัวผอมเกือบจะตกลงไปแล้วแต่ว่าฉุกคิดอะไรขึ้นมาเสียก่อน มันจะดีหรอ
ขนาดวันนั้นที่แค่เดินข้างกันยังมีคนไม่ชอบใจเลย
“คือ..”
“ เราจะได้คุยเรื่องหัวข้อรายงานด้วยไง”แพคฮยอนแทรกขึ้นเมื่อเห็นท่าทางอ้ำอึ้ง
ถ้าให้เดาจงแดคงจะคิดมากเรื่องที่จะต้องถูกคนจับตามองหากเดินไปไหนมาไหนกับเขาแน่ๆ
คนตัวผอมข้างๆอาจจะกำลังปฏิเสธ เขาถึงต้องใช้ข้ออ้างเรื่องงานเข้ามาเกี่ยว
เพราะจงแดเป็นคนที่มีความรับผิดชอบพอตัว แล้วก็เป็นไปอย่างที่คิด
“งั้น..ไปกินที่โรงอาหารคณะได้ไหม?”อย่างน้อยที่นั่นก็คนน้อยกว่า
ถ้าจะมีคนที่ไม่ชอบใจก็ขอให้เป็นคนในคณะก็ยังดี
“ได้สิ แต่มื้อนี้ให้ฉันเลี้ยงนะ
จะได้ไถ่โทษเรื่องของแพคอาด้วย”จงแดพยักหน้าเมื่อเห็นสายตากึ่งอ้อนของอีกฝ่าย
แต่ก่อนที่ทั้งคู่จะได้เดินไปไหนประตูห้องที่เพิ่งปิดไปเมื่อสักครู่ก็เปิดออกก่อน
พร้อมกับคนผมสีดำประกายแดงผิวขาวๆโผล่หน้าออกมา
“ฮยอน
ให้ตายนึกว่าจะไม่ทันซะแล้ว”คนๆนั้นพูดพร้อมกับถอนหายใจอย่างโล่งอก
เดินเข้ามาคว้าแขนฮยอนไว้ ก่อนจะมองเลยมายังเขา
“จะไปเดทหรอวะ
นี่กูกวนมึงหรือเปล่าเนี่ย”
จงแดตาโต
น้ำท่วมปากเมื่อแพคฮยอนหันมาส่งยิ้มให้แต่กลับไม่ตอบปฏิเสธไปให้ชัดถ้อยชัดคำ
ฝ่ายคนมองก็ยิ่งเข้าใจผิด จนกระทั่งจงแดทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ที่ดูน่ารักมากๆนั่นแหละแพคฮยอนถึงได้หันไปโบกมือปฏิเสธเพื่อน
“ไม่ได้จะไปเดทหรอก
แค่จะไปกินข้าวกัน แล้วมีอะไรหรือเปล่า”
“คือว่า..”ท่าทางอึกอักของจุนมยอนเหมือนเป็นการส่งสัญญาณอะไรบางอย่าง
แพคฮยอนที่รู้เรื่องที่เพื่อนจะพูดเข้าใจเป็นอย่างดีก็เลยหันไปหาอีกคนที่ยังยืนเหมือนไม่รู้ว่าควรจะทำอะไรต่อไปดี
“จงแดไปรอที่ม้านั่งหน้าคณะก่อนนะ
เดี๋ยวตามไป ไม่เกิน 10 นาที” จงแดพยักหน้าอย่างว่าง่ายจนแพคฮยอนอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นวางบนหัวอีกฝ่ายด้วยความเอ็นดู
เขาเห็นใบหูเล็กๆของอีกฝ่ายแดงเปล่งก่อนจะก้มหน้าแล้วรีบหันหลังเดินไปเร็วๆเสียจนกลัวว่าจะเผลอไปชนใครเข้าหรือเปล่า
“นี่เอาจริงใช่มั๊ยเนี่ย?”เขาดึงสายตากลับมาที่เพื่อนได้หลังจากจงแดหายลับไปกับมุมห้อง
พร้อมกับเลิกคิ้วเมื่อได้ยินประโยคนั้นจากเพื่อนร่วมชมรม
“ก็น่ารักดีไม่ใช่หรือไง…”
“น่ารัก
คิมจงแดเด็กแว่นเฉิ่มๆนั่นน่ะนะ”จุนมยอนทำหน้าตาอึ้งๆ
ตาแทบจะถลนออกมาแต่แพคฮยอนกลับพยักหน้าให้ พร้อมกับผลักหัวเพื่อนไปทีนึง
เขาไม่ได้โกหกนี่ก็ในเมื่อจงแดน่ะ
น่ารักจริงๆ แต่ก็ดีแล้วที่ไม่มีใครได้เห็นมุมน่ารักแบบนั้น
“เลิกยุ่งเรื่องของเพื่อนเถอะ
แล้วก็รีบพูดเรื่องตัวเองมาได้แล้ว”...เขาไม่อยากให้จงแดรอนาน
~~~~~ DOUBLE LOVE ~~~~~
ร่างเล็กเดินออกมาด้วยสติที่เหมือนจะเลือนหายใบหน้าของจงแดยังรู้สึกร้อนจนแทบไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาให้ใครเห็น
ทำไมยิ่งอยู่ใกล้ฮยอนก็ยิ่งรู้สึกดีแบบนี้นะ...ถ้าได้เป็นเพื่อนกันแบบนี้คงดีมากๆเลย
แต่จะเป็นไปได้ยังไง…
คนตัวผอมเผลอหยุดชะงักเมื่อคิดไปถึงสายตาไม่พอใจของคนในห้องที่มองมาตอนที่รู้ว่าฮยอนจะจับคู่ทำงานร่วมกับเขา
ขนาดแค่เป็นการทำงานร่วมกันชั่วครั้งชั่วคราว ทุกคนยังไม่ชอบใจเลย
แล้วถ้าเขาสนิทกับฮยอนมากขึ้นจนเป็นเพื่อนกันจะเป็นยังไง ทุกคนก็จะไม่ชอบเขาไปกว่านี้งั้นหรอ..
แค่การที่ต้องเรียนอยู่แบบนี้คนเดียว
ไม่มีเพื่อนสนิทเขาก็เหงาจะแย่อยู่แล้ว
แล้วถ้าหากทุกคนพากันเกลียดเขาไปอีกจะเป็นยังไง...จะต้องย้ายมหาลัย
เหมือนอย่างตอนที่ต้องย้ายโรงเรียนบ่อยๆแบบนั้นน่ะหรอ
เขาสะบัดหัวไล่ความคิดที่มันทำให้รู้สึกไม่สบายใจนั่นออกไป
ให้กำลังใจตัวเองว่ามันจะไม่มีทางกลับไปเป็นแบบนั้นอีก
ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองหาม้านั่งว่างๆเพื่อรอฮยอน
แต่ทว่ากลับต้องขมวดคิ้วเมื่อเห็นกลุ่มนักศึกษาประมาณเกือบ 10 คนยืนอยู่หน้าคณะ
แถมคนกลุ่มนั้นยังใส่ช็อปสีแดง
นักศึกษาวิศวะ
มาทำอะไรที่คณะบริหาร
“นั่นหรือเปล่า?”เขาได้ยินเสียงใครบางคนในกลุ่มดังขึ้นพร้อมกับนิ้วที่ชี้มาที่เขา
วินาทีนั้นจงแดทำตัวโง่ๆด้วยการหันไปมองข้างหลังของตัวเองว่ามีใครอยู่หรือเปล่าก่อนจะพบว่ามันว่างเปล่า จู่ๆเขาก็รู้สึกว่าอากาศรอบข้างหนาวๆขึ้นมาเสียอย่างนั้น
ถ้างั้นคนพวกนี้มาหาเขางั้นหรอ? แต่เขาไม่รู้จัก...
“อ่ะ”เพราะมัวแต่ตีกันเองกับความคิดของตัวเอง
รู้ตัวอีกทีเขาก็โดนล้อมไปด้วยคนกลุ่มนั้นเสียแล้ว
เป้ที่สะพายอยู่ถูกกระชากออกแล้วถูกทิ้งลงกับพื้นจนจงแดได้ยินเสียงสันหนังสือมันกระทบกับพื้นปูนเสียงดัง
คนตัวผอมก้มลงไปจะเก็บเอากระเป๋าแต่กลับมีเท้าใครบางคนเตะจนกระเป๋านั่นลอยออกไป
“นี่มันอะไรกันครับ?”หนังสือวรรณกรรมเล่มหนาที่เขาตั้งใจจะเอามาคืนห้องสมุดหลุดออกมาจากเป้
จงแดหันมองหน้าทุกคนที่กำลังมองหน้าเขาอย่างไม่เป็นมิตรด้วยความไม่เข้าใจ
หนังสือเล่มนั้นเก่าแล้วด้วยนะ...
“นอกจากจะขี้เหร่แล้วเนี่ย
ยังท่าทางดูโง่ๆ แน่ใจนะ ว่าใช่คนนี้จริงๆที่แพคอาควงน่ะ”
“วันนั้นฉันเห็นกับตา
จำไม่ผิดแน่”
ชื่อของใครอีกคนเหมือนจะเป็นคำตอบของเหตุการณ์ที่กำลังจะเผชิญหน้า
ต้องเป็นเพราะวันนั้นที่โดนแพคอาลากไปที่คณะแน่ๆเลย ทุกคนก็เลยเข้าใจผิด..
“ผมไม่ได้เป็นอะไรกับคุณแพคอานะครับ”จงแดพูดความจริงออกไปหวังจะให้คนพวกนั้นเชื่อแล้วหยุดคุกคามเขาเพราะความเข้าใจผิดแต่ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นผล
เมื่อผู้ชายผิวขาวผมสีสว่างเดินเข้ามาใกล้พร้อมกับมือขาวๆนั่นที่กระชากแว่นเขาออกจากใบหน้า
“หึ จะให้เชื่อใครดีล่ะ
ในเมื่อคนของฉันก็เห็นกับตาซะด้วย แต่จะว่าไปนายถอดแว่นก็ดูดีขึ้นระดับนึงนะ”จงแดหรี่ตาเขามองเห็นแว่นตัวเองอยู่ในมือของอีกคนลางๆ
มือเล็กคว้าออกไปแต่กลับไม่ง่ายอย่างนั้น
ขนาดตอนมีแว่นมองเห็นชัดแจ๋วขายังหาทางเอาตัวรอดไม่ได้เลย แล้วตอนนี้พอไม่มีแว่นก็ยิ่งเหมือนคนตาบอด
“…แต่ก็ยังขี้เหร่อยู่ดี”
“เอาแว่นผมมานะครับ โอ๊ย!!”
ตุบ!
ร่างของเขาถูกใครสักคนผลักลงไปกองกับพื้นอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว
เสียงฝีเท้าหลายๆคู่ดังขึ้น
ซึ่งจงแดคิดว่าทุกคงจะเริ่มทยอยกันออกมาจากห้องเล็คเชอร์แล้ว
ก่อนจะรู้สึกเย็นวาบเมื่อจู่ๆน้ำเย็นๆก็ถูกราดลงมาที่หัว มันไหลเปรอะเปื้อนไปยังเสื้อเชิ๊ตสีขาว
เหตุการณ์พวกนี้มันเคยเกิดขึ้นมาแล้วเพราะฉะนั้นเขาจึงทำได้เพียงแค่ก้มหน้าแล้วปล่อยคนพวกนั้นพากันราดน้ำใส่ตัวเขาด้วยความสุข
เสียงหัวเราะจากคนเหล่านั้นยังดังอยู่เหนือหัว แต่ที่ทำให้จงแดร้อนตรงกระบอกตาและแสบจมูกไปหมด
ก็เพราะว่าเสียงฝีเท้าที่ได้ยินหลายคู่นั้นหยุดลงและแทนที่ด้วยเสียงหัวเราะชอบใจ...
ไม่ได้หวังอยู่แล้วว่าจะมีใครมาช่วย
เพียงแต่ไม่คิดว่าจะมีคนไม่ชอบเขามากขนาดนี้
“อ้อ
แล้วก็อย่าคิดว่าไม่ได้แพคอา แล้วจะยุ่งกับฮยอนแทนล่ะ
ไม่งั้นเราคงต้องได้เจอกันอีกรอบ”
แกร๊บ!
“แล้วก็ขอโทษที
แว่นมันหลุดมือน่ะ”
อวัยวะที่ 33 ของเขาถูกเหยียบไปต่อหน้าต่อตา
แม้จะมองเห็นเพียงแค่เลือนรางแต่จงแดก็รับรู้ได้ว่ามันคงแตกละเอียดไปแล้ว เขาไม่ได้ตอบโต้เพียงแต่ค่อยๆขยับไปหาหนังสือเล่มหนากับเป้ที่อยู่ถัดไปทางซ้ายมือ
ข้อเท้าของเขาเจ็บแปลบคงจะเป็นเพราะตอนที่ถูกผลักเมื่อกี้ ไหนจะเนื้อตัวที่เลอะด้วยน้ำอะไรก็ไม่รู้
น่าสมเพสจริงๆเลยนะคิมจงแด
เห็นมั้ย...
สุดท้ายแล้วนายก็เหมาะที่จะคนเดียวเหมือนไม่มีตัวตนอย่างเดิมมากกว่า
“คิดว่าเล่นบ้าอะไรกันอยู่วะ!!”เสียงตวาดลั่นของใครบางคนทำให้จงแดเผลอสะดุ้ง ตากลมกระพริบไล่หยาดน้ำตาที่กำลังคลอหน่วย
ก่อนจะหรี่ลงเมื่อเห็นผู้ชายคนนึงในเสื้อช็อปสีแดงเดินตรงเข้ามา
เงาลางๆนั่น เหมือนแพคอา
…
ก่อนจะได้คิดอะไรต่อไป
อะไรบางอย่างก็ปิดบังทัศนียภาพอันพร่ามัวของเขา
พร้อมกับน้ำเสียงคุ้นเคยที่ฉุดเขาให้กลับมาช่วงเวลานั้น
“จงแด
ไม่เป็นไรนะ”
“ฮยอนหรอ..”
“ขอโทษนะที่ออกมาช้า”เสื้อคลุมตัวนอกถูกปลดออกจากตัวเพื่อมาคลุมร่างของอีกฝ่ายไว้
ฮยอนตวัดสายตาไปยังกลุ่มคนที่มาจากคณะของพี่ชายฝาแฝดด้วยสายตาไม่พอใจ
ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าออกมาช้ากว่านี้จงแดจะเป็นยังไง
คนที่นั่งสั่นอยู่ตรงหน้าเขาจะโดนรังแกขนาดไหน ขนาดโดนทำขนาดนี้จงแดกลับไม่ได้ตอบโต้เลยสักนิด
แถมยังยิ้มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก
“ไม่เป็นไร
คือฮยอนช่วยดูแว่นให้เราได้มั๊ย? มันแตกมากหรือเปล่าเรามองไม่ชัดน่ะ”
แพคฮยอนพยักหน้าก่อนจะค่อยๆเก็บแว่นของอีกฝ่ายขึ้นมา
“คงต้องซื้อใหม่แล้วล่ะ”
“งั้นหรอ?”จงแดพยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนจะหรี่ตามองไปยังคนที่คิดว่าเป็นแพคอาแน่ๆที่กำลังยืนจังก้าหันหลังให้เขาอยู่
คนพวกนั้นเงียบกริบ ทั้งๆที่เมื่อกี้ยังสนุกสนานกับการกลั่นแกล้งเขาอยู่เลยแท้ๆ
เขานึกไปถึงใบหน้าของแพคอาตอนไม่พอใจแล้วตะโกนด้วยน้ำเสียงดังๆเหมือนเมื่อกี้แล้วก็ขยาด
ถึงจะแปลกใจที่แพคอาดูเหมือนจะไม่พอใจที่เขาโดนแกล้ง เลยมาช่วยไว้แบบนี้
แต่เขาก็ไม่อยากให้มันเป็นเรื่องใหญ่ ในเมื่อมันก็แค่เรื่องเข้าใจผิดเองนี่นา
อีกอย่างก็ใช่ว่าเขาจะไม่เคยโดนแกล้งแบบนี้
“ขอโทษคิมจงแดซะ”จงแดสะดุ้งตอนที่จู่ๆแพคอาก็ตวาดขึ้นเสียงดังอีกรอบ
เขาไม่รู้ว่าคนพวกนั้นกำลังทำท่าทางแบบไหน
แต่ว่าถ้าไม่อยากขอโทษก็ให้มันแล้วๆไปเถอะ
“ฮยอนคือเราว่า
ไม่ต้องหรอก บอกแพคอาว่า..”
“นายน่ะลุกมานี่ซิ”กำลังจะขอร้องฮยอนว่าให้ช่วยหยุดแพคอาทีแต่ก็ไม่ทันการเมื่อแพคอาหันหน้ากลับมาหา
เขารู้สึกเกร็งแทบจะทันที แถมฮยอนยังทำท่าทางเห็นด้วยกับการที่จะให้คนพวกนั้นขอโทษเขาอีก
เรื่องนี้กำลังจะไม่จบ
แถมเขาอาจจะโดนหมายหัวเพิ่มอีก
“แว่น
ฉันบอกให้ลุกมา!”
“อ่ะ โอ๊ย”เพราะอีกฝ่ายใช้น้ำเสียงดุๆเลยเผลอทำตามเหมือนอย่างทุกทีก่อนจะหลุดร้องเมื่อข้อเท้ามันเจ็บแปลบ
คนตัวผอมเหมือนจะล้มไปกองกับพื้นอีกรอบแต่โชคดีที่ฮยอนรับร่างผอมๆนั่นไว้เสียก่อน
ส่วนแพคอาจิ๊ปาก หัวเสียไปมากกว่าเดิมอีก
“นายเจ็บด้วยนี่”เสียงฮยอนร้อนรน ก่อนจะรู้สึกถึงมือที่แตะลงมาตรงข้อเท้า
จงแดส่ายหน้าบอกว่าไม่เป็นไรมาก ก่อนจะได้ยินเสียงฝีเท้าที่เดินเข้ามาใกล้
พร้อมกับใบหน้าเจ้าของเรือนผมสีแดงและตาดุๆที่จ้องมาในระยะประชิด
“นายนี่มันน่ารำคาญจริงๆเลย”แพคอามองคนที่ก้มหน้าคางชิดอก ก่อนจะหันไปตวาดใส่คนพวกนั้นอีกรอบ
“ยืนบื้ออยู่ทำไม ถ้าไม่ขอโทษดีๆก็ไสหัวไป!”
ใครบางคนมองเขาอย่างไม่เข้าใจ บางคนก็กลัวจนตัวสั่น แต่ใครจะไปสนวะ
จู่ๆก็ยกพวกมาหาเรื่องคนอื่นเพียงเพราะว่าหวงเขามันใช่เรื่องหรือไง
กับคนอื่นๆที่ผ่านมามันไม่ได้รุนแรง
แต่นี่กับเด็กแว่นที่แค่โดนเขาตะคอกใส่นิดหน่อยก็ตัวสั่น
ยิ่งไม่ได้ตอบโต้คนพวกนั้นก็ยิ่งเหมือนจะได้ใจ
มันน่าหงุดหงิดจริงๆ
ผู้คนเริ่มสลายไปแล้วหลังจากที่เจอแฝดพี่แผลงฤทธิ์ใส่
แพคอาหันกลับมามองสภาพคนตัวผอมที่อยู่ในอ้อมแขนน้องชาย
ก่อนจะส่งสายตาเชิงเป็นคำถามว่าจะเอายังไงต่อ
ฮยอนส่งสายตามาประมาณว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันเพราะเขาเป็นต้นเหตุและต้องรับผิดชอบ
แล้วมองไปยังข้อเท้าของคนที่ประคองอยู่
แพคอาชี้นิ้วเข้าตัวเองเมื่อเหมือนจะเดาความคิดของน้องชายตัวเองออก
จะให้แบกเด็กนี่ขึ้นหลังเนี่ยนะ!!
“...”จงแดหลบตาเลยไม่ทันได้เห็นว่าสองพี่น้องส่งซิกอะไรกัน
แพคอาตบตีกับน้องทางสายตา ก่อนจะพ่ายแพ้อีกครั้ง แฝดพี่ถอนหายใจเสียงดังอย่างปิดไม่มิด
แต่ก็ไม่มีทางเลือก ก่อนจะขยับเข้ามาใกล้แล้วนั่งยองๆลงกับพื้นแล้วหันหลังให้
“คือ…”จงแดเบิกตากว้าง
ส่ายหัวเป็นพัลวันเมื่อเห็นอีกคนทำท่านั่งแบบนั้นอยู่ตรงหน้า
ไม่เอาหรอกจะให้เขาขี่หลังแพคอาน่ะนะ จะไปกล้าได้ยังไง..
แถมตัวเขายังเลอะแบบนี้อีก ไหนจะคนที่กำลังมองมา ถึงจะมองไม่ชัดแต่ก็พอเดาได้ไม่ใช่หรอว่าทุกคนจะทำสีหน้ายังไงน่ะ
“ขี่หลังแพคอาเถอะจงแด
นายเดินเองไม่ไหวหรอก”ฮยอนเองก็เหมือนเห็นดีเห็นงามไปด้วยความจริงเขาไม่อยากจะรบกวนแพคอาด้วยซ้ำ
แต่เพราะอาการบาดเจ็บที่สะโพกที่เพิ่งได้มาจากการซ้อมไม่กี่วันก่อนนั่นแหละถึงต้องให้แพคอาทำหน้าที่นี้แทน
แต่คนตัวผอมกลับหน้าซีดเผือดไปแล้ว จะทำได้ยังไงล่ะ คือมัน…
“รีบๆขึ้นมาสิวะ
อย่าให้ฉันพูดซ้ำสองนะแว่น”เพราะชักช้าก็เลยตะคอกเสียงดังใส่อย่างเคยตัว
แต่เหมือนจะได้ผลเมื่ออีกฝ่ายยอมผละออกจากแพคฮยอนแล้วกระเผลกขามาแตะมือเข้าที่บ่าเขา
มุมปากแพคอายกขึ้นอย่างไม่รู้ตัว...
แขนเล็กเกี่ยวกับคออีกฝ่ายอย่างเก้ๆกังๆ
ไม่ค่อยกล้าทิ้งน้ำหนักตัวลงไป แต่ก็ต้องหลุดร้องอย่างตกใจเมื่ออีกฝ่ายผุดลุกขึ้น
เสียงฮือฮาดังขึ้นอย่างที่คิดเมื่อจงแดอยู่บนแผ่นหลังของแพคอาเรียบร้อยแล้ว
คนตัวผอมซุกหน้าลงกับบ่าของอีกฝ่าย
เผลอกอดรัดลำคอคนตรงหน้าแน่นเมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องไม่พอใจของใครหลายๆคน แพคอาดูไม่ได้แยแส
แต่กลับค่อยๆพาเขาก้าวออกไปอย่างช้าๆ
ส่วนแพคฮยอนปล่อยให้พี่ชายแบกร่างผอมๆนั่นไปก่อนจะเก็บสัมภาระของอีกฝ่ายที่กระจัดกระจาย
“ขอโทษนะ”เสียงเล็กๆเอ่ยขึ้นเบาๆข้างหู แพคอาขมวดคิ้วก่อนจะถามกลับไปอย่างงงๆ
“ขอโทษเรื่องอะไร?”
“ก็..ที่ทำให้นายต้องลำบาก
แถมเสื้อนายยังต้องมาเลอะ…”
“มันใช่เรื่องที่ต้องขอโทษมั้ย?”
“ก็ถ้าทำให้คนอื่นเดือดร้อน
ก็ต้องขอโทษสิ”
ให้ตายเถอะ
แพคอาแทบจะตบหน้าผากตัวเองร้อยที เด็กแว่นนี่ขอโทษแม้กระทั่งเรื่องเล็กๆน้อยๆ
ขนาดนี้เลยหรอวะ ทั้งๆที่เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้
และเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาต้องมาแบกเด็กแว่นตัวผอมๆนี่ขึ้นหลังก็มาจากเขาสองพี่น้องแท้ๆ
แต่กลับไม่คิดโทษพวกเขาเลย
ให้ตาย
รู้สึกผิดที่เคยว่าอะไรแรงๆไปชะมัด
ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแพคอากระแอมไอไล่ความรู้สึกผิดนิดๆหน่อยนั่นออกไปก่อนจะหาบทสนทนาเพื่อไม่ให้บรรยากาศมันอึดอัดเกินไป
แต่ก็นั่นแหละ เรื่องดีๆ
กับคำพูดสวยหรูน่ะ แพคอามันเคยมีซะที่ไหน
“เออถามจริง วันๆนี่กินอะไรเป็นอาหารวะ ทำไมถึงได้ผอมกระหร่อง
ตัวเบาโหวงอย่างนี้ โอ๊ย!!!”จบประโยคก็ต้องร้องเสียงหลง
หันไปก็เจอน้องชายตัวดีมันทำหน้าเหี้ยมใส่
“ปากเสียอีกแล้วนะแพคอา”
ไอ้น้องชายนี่ก็ปกป้องกันจังวะ
หมั่นไส้โว้ย!!!
TBC….
#แฝดพยอน
ความคิดเห็น