ความเชื่อเรื่องเลข 13 - ความเชื่อเรื่องเลข 13 นิยาย ความเชื่อเรื่องเลข 13 : Dek-D.com - Writer

    ความเชื่อเรื่องเลข 13

    ประวัติความเชื่อเรื่องเลข 13

    ผู้เข้าชมรวม

    10,732

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    8

    ผู้เข้าชมรวม


    10.73K

    ความคิดเห็น


    2.68K

    คนติดตาม


    14
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  6 ธ.ค. 49 / 20:13 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ


      >>เลข13<<

      ในยุคต้นๆ ที่กล่าวกันว่าอาหารมื้อสุดท้ายของพระเยซูคริสต์ที่เรียกกันว่า "The Last Supper" นั้นมีผู้ร่วม
      โต๊ะพร้อมกัน 13 คน
      และมีความเชื่อว่าวันศุกร์ ซึ่งเป็นวันแห่งความโชคร้ายนั้นก็เพราะว่าเป็นวันที่พระเยซูคริสต์ถูกตรึงกางเขนและ เป็นวันที่อดัมกับอีฟว์ละเมิดกัดแอปเปิ้ลต้องห้ามของพระผู้เป็นเจ้าในสวนเอเดนจนต้องถูกขับไล่ออกมา และยังเชื่อว่าเป็นวันที่ทั้งอดัมกับอีฟว์ตายอีกด้วย

          ดังนั้นเมื่อวันศุกร์มาตรงกับวันที่ 13 จึงเหมือนเป็นวันมหาอัปมงคล แต่เหล่านี้เป็นเรื่องราวของความเชื่อในโชคลางเท่านั้น ซึ่งยากที่จะตรวจสอบถึงต้นตอของความจริง

      แต่คนก็ยังเชื่อกันอย่างกว้างขวางทั่วโลก เช่น นักเดินเรือจะไม่ยอมออกเรือในวันที่ 13 หรือห้องพักตามโรงแรมต่างๆ ในบางประเทศไม่ค่อยมีห้องเบอร์ 13 หรือไม่มีชั้น 13 และที่แปลกก็คือ ประเทศตุรกีตัดเลข 13 ออกจากสารบบตัวเลข...

      >>" ศุกร์ 13 " วันแห่งความโชคร้าย? <<

      ไม่มีใครรู้ว่าต้นกำเนิดความเชื่อเรื่องศุกร์อาถรรพ์ “ศุกร์ 13” นั้นมาจากไหน ไม่ว่าจะด้วยอิทธิพลทางศาสนา หรือการประชาสัมพันธ์ของฮอลลีวูด แต่ทุกวันนี้หลายคนในโลกตะวันตกเลือกที่จะลาหยุดงานในวันศุกร์ที่ 13 ไม่ออกจากบ้านไปไหน และที่แน่ ๆ คือ ไม่คิดจัดงานแต่งงานในวันนี้

      การศึกษาชิ้นหนึ่ง ตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ บริติช เมดิคัล เจอร์นัล ปี 1993 ตั้งหัวข้อไว้ว่า "ศุกร์ 13 เป็นอันตรายต่อสุขภาพคุณหรือไม่?" นักวิจัยพยายามหาความสัมพันธ์ระหว่างสุขภาพ พฤติกรรม และความเชื่อเกี่ยวกับวันศุกร์ที่ 13 ในอังกฤษ โดยเปรียบเทียบสัดส่วนความคับคั่งของการจราจรต่อจำนวนอุบัติเหตุ ในวันศุกร์สองศุกร์ คือศุกร์ที่ 6 และศุกร์ที่ 13 ตลอดช่วงหนึ่งปี

      น่าประหลาดที่การศึกษาพบว่า ในวันศุกร์อาถรรพ์ที่ 13 นั้น คนอังกฤษขับรถออกนอกบ้านกันน้อยกว่าวันศุกร์ปกติ แต่กลับกลายเป็นว่าจำนวนคนที่ต้องเข้าโรงพยาบาลเนื่องจากประสบอุบัติเหตุนั้น มีมากกว่าวันศุกร์ทั่วๆ ไปเสียอีก ผู้ทำการวิจัยเลยสรุปว่า "วันศุกร์ที่ 13 นั้นเป็นวันโชคร้ายสำหรับบางคน ความเสี่ยงที่ต้องเข้าโรงพยาบาลเนื่องจากอุบัติเหตุท้องถนนนั้นเพิ่มขึ้นถึงเกือบ 52% ฉะนั้นขอแนะนำให้อยู่บ้านดีกว่า"

      โลกตะวันตกมีความเชื่อเรื่องโชคร้ายในวันศุกร์ที่ 13 มานาน บางคนไม่ไปทำงานในวันศุกร์ที่ 13 บางคนไม่ไปกินอาหารนอกบ้าน ที่แน่ ๆ หลายคนไม่คิดจะจัดงานแต่งงานวันนี้ ดร.โดนัลด์ ดอสซีย์ นักจิตศาสตร์ที่ชำนาญด้านการรักษาอาการกลัวบอกว่า เฉพาะในสหรัฐฯ ประเทศเดียวมีคนเป็นโรคผวาศุกร์ที่ 13 มากถึง 21 ล้านคน

      แม้จะไม่มีใครบอกได้ว่าต้นกำเนิดของความเชื่อนี้มาจากไหน แต่ก็ยืนยันได้ว่าความสำคัญของวันศุกร์ และเลข 13 นั้นย้อนหลังไปได้ไกลมาก

      >>วันศุกร์<<

      ทำไมวันศุกร์ถึงกลายเป็นวันโชคร้ายไปได้ ใคร ๆ ก็เฝ้ารอให้ถึงวันศุกร์ วันสิ้นสุดการทำงานกันทั้งนั้น

      ภาพลักษณ์เลวร้ายของวันศุกร์ น่าจะเริ่มจากความเชื่อที่ว่า มันเป็นวันที่อีฟยั่วให้อดัมกินผลไม้ต้องห้ามในสวนอีเดน คัมภีร์ไบเบิลระบุว่าวันศุกร์เป็นวันแรกที่เกิดน้ำท่วมโลกและที่สำคัญวันศุกร์เป็นวันที่พระเยซูคริสต์ถูกตรึงกางเขน นอกจากนี้วันศุกร์ยังเป็นวันประหารนักโทษ ตั้งแต่สมัยโรมันโบราณ

      ความเชื่อยุคนี้บอกว่า วันศุกร์เป็นวันที่ควรหลีกเลี่ยงสำหรับการออกเรือ ย้ายบ้าน เริ่มงานใหม่ เขียนจดหมาย ถักนิตติ้ง หรือตัดเล็บ แต่เชื่อหรือไม่ ในยุคโบราณนั้นชาวนอร์เวย์ถือว่าวันศุกร์ (Friday) เป็นวันโชคดีที่สุดในสัปดาห์ เพราะตั้งชื่อวันตามเฟรยา (Freya) เทพธิดาแห่งความอุดมสมบูรณ์ คนยุคนั้นจึงนิยมแต่งงานกันในวันศุกร์ ขณะเดียวกันชาวเรือก็งดออกเรือในวันศุกร์ เพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อเฟรยา ซึ่งเป็นเทพแห่งท้องทะเลด้วย


      เมื่อคริสต์ศาสนาเริ่มเข้ามามีอิทธิพล ภาพลักษณ์ของเทพธิดาวันศุกร์ถูกเปลี่ยน กลายเป็นแม่มดผู้ชั่วร้าย วันศุกร์จึงกลายเป็นวันแห่งความชั่วร้ายไปในที่สุด

      >>เลข 13<<

      ความเชื่อเรื่องเลข 13 นั้นรุนแรงมากในหลายพื้นที่ เมืองหลายเมืองไม่มีถนนสาย 13 ตึกหลายหลังไม่มีชั้น 13 นอกจากนี้ที่ฝรั่งเศสยังมีบริษัทตั้งเฉพาะ สำหรับจัดหาแขกเพิ่มให้กับงานเลี้ยงที่บังเอิญมีแขกมาร่วม 13 คนพอดี เนื่องจากเชื่อกันว่าหากคนนั่งร่วมโต๊ะกัน 13 คนแล้ว คนแรกที่ลุกจากโต๊ะจะเสียชีวิตภายในปีเดียว

      แต่ใช่ว่าทุกคนจะเห็นเลข 13 เป็นเลขร้ายไปเสียหมด สำหรับชาวอียิปต์โบราณ เลข 13 เป็นสัญลักษณ์แห่งชีวิตหลังความตายอันเป็นอมตะ เป็นความรุ่งโรจน์ ความเปลี่ยนแปลงอันพึงประสงค์ แต่ความหมายดังกล่าวถูกนำมาเชื่อมโยง กับความหวาดกลัวความตายในยุคหลัง

      เลข 13 เป็นสัญลักษณ์ของเพศหญิง และเคยถูกยกย่องในวัฒนธรรมการบูชาเทพธิดาในยุคก่อนประวัติศาสตร์ เพราะเมื่อดูปฏิทินตามจันทรคติแล้ว มันตรงกับรอบของดวงจันทร์ และการมีระดูของผู้หญิงในหนึ่งปี (13x28 = 364 วัน) แต่เมื่อปฏิทินตามระบบสุริยะ ถูกนำมาใช้แทนดวงจันทร์ ตามวัฒนธรรมชายเป็นใหญ่ เลข 12 ถูกยกให้เป็นสัญลักษณ์แห่งความสมบูรณ์ ขณะที่เลข 13 กลายเป็นความโชคร้าย

      ทุกวันนี้ยังไม่มีใครรู้แน่ชัด ว่าทัศนคติอันเลวร้ายต่อวันศุกร์ที่ 13 นั้น เป็นการผสมผสานความโชคร้ายของวันศุกร์ และเลข 13 ไว้ด้วยกันหรือไม่ และเหตุใดความหมายของวันศุกร์ และเลข 13 ที่เคยเป็นสัญลักษณ์แห่งความโชคดีกลับแปรเปลี่ยน

      อย่างไรก็ตามความเชื่อนี้กำลังแพร่หลาย จากสังคมตะวันตกไปทั่วโลก แม้แต่ในประเทศจีนเอง ซึ่งสมัยก่อนนั้นถือว่าเลข 4 เป็นเลขแห่งความโชคร้ายมากที่สุด เดี๋ยวนี้ก็จัดให้เลข 13 เข้ากลุ่มเลขโชคร้ายไปด้วย และแทบไม่มีอาคารสมัยใหม่อาคารไหนที่มีชั้น 13 ขณะเดียวกันโรงแรมส่วนใหญ่ก็หลีกเลี่ยงที่จะทำห้องพักหมายเลข 13 ด้วย


      ที่มา http://www.energyfantasia.com/ef2/viewboard.php?Id=5251

      และ http://72.14.235.104/search?q=cache:rCTa3vC1XJgJ:www.saranair.com/article.php%3Fsid%3D4245+%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%82+13&hl=th&gl=th&ct=clnk&cd=3


      Backgrounds From DollieCrave.com

       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×