คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ความจริงคือ
จุนฮงตื่นมาในตอนเที่ยงด้วยอาการงัวเงีย เพราะเสียงคนข้างๆที่ดังขึ้นเรื่อยๆจนทำให้ข่มตาหลับต่อไม่ไหว
“ผมมองแล้วไงว่าตอนนี้ผมไม่ว่างจีอึน”
“อย่าพูดไม่รู้เรื่องสิ”จุนฮงนอนลืมตาอยู่โดยที่ยงกุกไม่ทันได้สังเกตุเห็น จุนฮงสังเหตุเห็นยงกุกกัดฟันแน่นจนกรามนูนออกมาแลดูน่ากลัว ก่อนเจ้าตัวจะตัดสายทิ้งไปหลังจากนั้นก็หันมามองจุนฮง เจ้าคนร่างบางหลับตาลงอย่างรวดเร็วเหมือนว่าตัวเองยังไม่ตื่น เมื่อยกกุกหันหน้าไปทางขึ้น ร่างบางก็แอบเปิดตาขึ้นมองก่อนจะเห็นร่างสูงเอามือกุมท้องไว้แล้วทำหน้าเครียด
ซึ่งระหว่างนั้นโทรศัพท์ของยงกุกก็ดังขึ้นอีก จุนฮงได้ยินเสียงคุยออกมาจากโทรศัพท์พอยงกุกวางสายไปก็หันมาเขย่าตัวเขาที่แกล้งนอนหลับอยู่
“อะไรเหรอครับ”
“พี่ซอนฮวากลับมาแล้ว ตอนนี้ฮิมชานมันกำลังขี่รถเอากุญแจมาไขให้เราอยู่”จุนฮงลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว แล้วเผลอกระชากมือที่ใส่กุญแจมือติดมาด้วยจนยงกุกต้องเซถลาตาม ระหว่างที่กำลังนั่งรอฮิมชานอยู่หน้าบ้านนั้น จุนฮงก็สังเกตุถึงสีหน้าที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ของยงกุกที่ตอนนี้หน้าซีด เหงื่อออกเยอะทั้งที่อากาศหนาว แถมยังเอามือกุมื้องเอาไว้อีกตั้งหาก
“เป็นอะไรหรือเปล่า”ยงกุกหันมาส่ายหัวเบาๆให้ เงียบจนผิดปกติ จนกระที่งรถสปอร์ตสีแดงหรูเทียบจอดเข้าที่หน้าบ้านพอดี เผยให้เห็นร่างของหนุ่มตาดีที่เดินลงมาจากรถ
“ไง สบายดีไหมพวกนาย กุญแจมาแล้ว”ฮิมชานยกมือโบกไปมาแล้วควงกุญแจในมือเล่น หลังจากนั้นก็ไขกุญแจออก จุนฮงถอนหายใจออกมาเล็กน้อยถึงแม้จะเสียดายนิดๆก็เถอะ แต่สำหรับพวกเขาแล้วแบบนี้นี่แหละดีที่สุด
ยงกุกหลังจากถูกไขกุญแจแล้วก็ลุกขึ้นยืนแล้วโงนเงนไปมา จุนฮงเห็นอาการไม่ค่อยดีจึงลุกไปดูไกล้ๆด้วยความเป็นห่วง อยู่ๆยงกุกก็ไอออกมา จะไม่ทำไมเลยถ้าสิ่งที่ออกมาด้วยเป็นเลือดสีแดง ก่อนจะค่อยทรุดลงกับพื้น ดีที่จุนฮงคว้าร่างของยงกุกเอาไว้ทัน ก่อนจะให้ฮิมชานรีบไปเอารถมาด้วยน้ำเสียงที่ร้อนรน หลังจากหิ้วยงกุกขึ้นไปนั่งบนรถแล้วฮิมชานก็ออกรถด้วยความเร็ว จุนฮงที่นั่งกุมมือของยงกุกอยู่ข้างๆมองหน้าของอีกฝ่ายที่ตอนนี้ไม่ได้หมดสติไปแต่เหมือนคนที่ปวดท้องเจียนตายมากกว่า
หน้าห้องโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง
ร่างของผู้ชายที่หน้าเหมือนยงกุกวิ่งมาอย่างร้อนรน เขาได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนสนิทของน้องชายว่าตอนนี้น้องชายของเขาถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลอยู่จนทำให้เขาที่กำลังคุยเรื่องโครงงานกับเพื่อนอยู่ต้องขอตัวออกมากระทันหัน จนมาถึงหน้าห้องที่เห็นฮิมชานแล้วบุคคลที่ไม่ได้เจอกันนานมากอย่างจุนฮงนั่งหน้าเครียดอยู่
“หมอว่าไงมั่ง”
“พี่ยงนัม”จุนฮงมองหน้าผมด้วยสีหน้าแปลกใจเล็กน้อย ผมเองก็แปลกใจที่เห็นหมอนี่แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลา
“หมอบอกว่า เป็นโรคกระเพาะน่ะ ดูเหมือนจะเป็นมานานแล้วด้วย แต่ตอนนี้ไม่เป็นอะไรมาก”เมื่อได้ฟังคำอธิบายดังนั้นยงนัมก็ถอนหายใจอย่างแรงแล้วนั่งลงบนม้านั่งที่อยู่หน้าห้องกับพวกฮิมชาน
“พี่ยงกุกเป็นคนที่แข็งแรงดีนี่ครับไม่น่าจะเป็นแบบนี้เลย”จุนฮงพูดด้วยความสงสัย ช่วงแวบนึงที่ยงนัมมองหน้าจุนฮงเหมือนกับจะบอกเจ้าตัวว่า ไม่รู้อะไรเสียเลย ซะอย่างนั้น
“ไม่หรอก หมอบอกว่าเป็นเพราะเครียดเกินไป ก็สมควรแล้วล่ะ”ฮิมชานพูดพลางถอนหายใจอีกคน
“สมควรแล้ว?”จุนฮงทบทวนคำพูดของฮิมชานไปมาเหมือนพูดกับตัวเอง
“อ้าวนายไม่รู้เหรอจุนฮง”
“อย่างจุนฮงจะไปรู้อะไร”น้ำเสียงประชดประชันถูกส่งมาจากยงนัม ซึ่งตอนนี้เจ้าตัวกำลังทำหน้าไม่เป็นมิตรให้จุนฮงอยู่ เจ้าตัวขมวดคิ้วเล็กน้อย เพราะยงนัมเป็นพี่รหัสวของเขาทั้งสองเลยสนิทกันตั้งแต่เมื่อก่อน แต่ตอนนี้กลับทำท่าเหมือนเป็นศัตรูกันซะอย่างนั้นแหละ
“หมายความว่ายังไงครับพี่ยงนัม?”
“ก็ไอ้เหงือกน่ะมันโดนบังคับให้หมั้นกับจีอึนน่ะสิ”คำว่าบังคับทำเอาจุนฮงรู้สึกสะดุด
“บังคับ”
“ใช่ มีที่ไหนล่ะที่บริษัทคู่แข่งกันจะเอาลูกมาหมั้นกันน่ะ เห็นว่าจีอึนตกหลุมรักยงกุกมันมั้งแล้วก็เลยไปอ้อนให้พ่อกับแม่เข้า”สิ่งที่ออกจากปากฮิมชานเป็นสิ่งที่ทำให้ยงนัมเริ่มอารมณฅืเสียขึ้นเรื่อยๆ
“แต่ว่าถ้าไม่ต้องการจริงๆก็ปฎิเสธไม่ได้เหรอครับ”
“ถ้ามันเป็นแบบนั้นก็ดีน่ะสิ!!!”คราวนี้เป็นยงนัมที่ขึ้นเสียงใส่เหมือนภูเขาที่ไลก้จะระเบิดเต็มที่
“????”ฮิมชานมองเห็นเครื่องหมายคำถามมากมายบนหน้าจุนฮง เขาเองก้เหมือนกันไม่บ่อยนักที่ผู้ชายใจเย็นอย่างยงนัมจะโมโห
“เพราะบริษัทของพ่อกับแม่ไปติดหนี้ของบริษัทของจีอึนไว้เกือบร้อยล้าน ถ้าไม่ทำตามก็ตจ้องโดนฟ้องจนต้องล้มละลาย มันมีทางเลือกแบบนั้นด้วยรึไง”ฮิมชานสะกิดเข้าที่ขาของยงนัมเบาๆจนเหมือนเจ้าตัวจะได้สติ
“ขอโทษที”พูดเสร็จยงนัมก็หันหน้าหนีไปทางอื่น
“ช่างมันเถอะ”อันนี้คือเสียงของฮิมชานที่ไม่รู้ว่ายงนัมโมโหเพราะอะไร
“อีกอย่างแบบนี้ก็เหมือนต้องแยกกับคนที่ตัวเองรัก ถ้าเป็นพี่นะคงสติแตกไปแล้วล่ะ หึ”ยงนัมเหวี่ยงสายตามาที่จุนฮงแวบนึงก่อนจะหันกลับไปสงบสติอารมณ์เต็มที่
“งั้นเดี๋ยวไปหาน้ำกินกัน จุนฮงนายคงหิวแล้วใช่ป่ะ”ฮิมชานไม่รอฟังคำตอบแต่รีบดึงแขนของยงนัมให้ลุกตามไปด้วย ทิ้งให้จุนฮงอยู่ในความคิดของตัวเองอยู่คนเดียว มือบางยกขึ้นดึงผมตัวเองแล้วขยี้แรงๆหลายครั้งจนรู้สึกเจ็บที่หัว คำพูดมากมายที่เขาเคยพูดใส่ยงกุกมันย้อนเข้ามาในหัว ถ้าตอนนี้ถามว่าใครใจร้าย เขาคงตอบได้แน่นอนว่าตัวเขาเองนี่แหละที่ใจร้าย แล้วถ้าจะให้คิดคนที่ทำให้ยงกุกถึงกับเครียดจนต้องเข้าโรงบาลคงเป็นเพราะเขาอีกแน่นอน ภ
“แล้วจะให้ทำยังไงวะ”จุนฮงขยี้หัวตัวเองก่อนจะก้มลงฟุบที่หน้าตัก เป็นเวลาเดียวกับที่หมอเปิดประตูห้องออกมา
“ตอนนี้หมอให้ยาสลบคุณยงกุกไปแล้วนะ เพราะฉะนั้นคงอีกนานกว่าเขาจะตื่น”จุนฮงพยักหน้าแล้วหมอก็เดินออกไป เมื่อมองดูทางเดินที่ยังไม่เห็นวี่แววว่ายงนัมกับฮิมชานจะกลับมาซักที ร่างบางเลยถือวิสาสะเดินเข้าห้องผู้ป่วยไปเลย ดีที่เป็นห้องแบบส่วนตัวข้างในจึงเงียบสงบ สายตามองเห็นร่างของผู้ป่วยที่นอนอยู่ที่เตียง ยงกุกกำลังนอนหลับด้วยสีหน้าอ่อนล้า ตลอดมาเขาไม่เคยสังเหตุให้ดีๆว่าเมื่อก่อนกับปัจจุบันร่างนี้แตกต่างกันขนาดไหน ทั้งซูบผอมลงแล้วยังมีสีหน้าอ่อนเพลียตลอดเวลาอีกตั้งหาก จุนฮงลากเก้าอี้จากระเบียงเข้ามานั่งข้างๆเตียงผู้ป่วยที่หลับอยู่
“ใจร้าย”มือบางหยิบยกมือของอีกฝ่ายขึ้นมากุมเอาไว้
“ที่ไม่ยอมบอกผมเพราะเห็นว่าผมยังเด็กใช่ไหมล่ะ”จุนฮงไม่แน่ใจว่าตอนนี้ตัวเองกำลังรู้สึกยังไง แต่ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเด็กที่ถูกปกป้องมาโดยตลอดโดยที่ไม่รู้อะไรแถมยังเอาแต่ต่อว่าอีกฝ่ายไม่หยุด
“ผมไม่ใช่เด็กแล้วนะ แทนที่จะบอกกันมั่งดันเก็บเงียบไว้คนเดียวซะอย่างนั้น”สายตาของจุนฮงเลื่อนลอยไปเรื่อยๆ ดันเผลอนึกถึงตอนที่ตัวเองรู้ข่าวงานหมั้นนั่น หลังจากนั้นยงกุกก็โทรเข้ามา ส่งข้อความเข้ามา แต่เข้าไม่เคยคิดจะรับแล้วก็เปิดดูมันเลย ทั้งที่จริงอีกฝ่ายอาจจะอยากอธิบายความจริงให้เขาได้รู้แท้ๆ จุนฮงขวาของร่างบางที่วางเอาไว้ตอนนี้กลับกำเข้าหากันแน่น จนเล็บจิกเข้าไปในผิวหนัง เลือดสีแดงไหลออกมาแต่ไม่สำคัญสำหรับจุนองตอนนี้เขาไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้น ที่คิดอยู่ตอนนี้มีแต่ความรู้สึกผิดที่ถาโถมเข้ามาใส่ตัว ประตูห้องถูกเปิดขึ้นฮิมชานเดินเข้ามาไกล้ๆเตียงก่อนจะตบไหล่ของจุนฮง
“ตั้งแต่มีงานหมั้นเกิดขึ้นฉันยังไม่เคยเห็นมันยิ้มเลย วันๆเอาแต่นั่งเงียบยังกับคนใบ้”ได้ฟังดังนั้นมันช่างแตกต่างจากตอนที่เขาโดนล่ามกุญแจเอาไว้กับยงกุกซะจริง เพราะตอนนั้นหลายครั้งที่ร่างสูงทั้งยิ้มทั้งพูดมาก แต่เขากลับเอาแต่แสดงท่าทีรำคาญออกมา
“ยงกุก”เสียงของผู้หญิงที่วิ่งเข้ามาในห้องดึงความสนใจจากฮิมชานและจุนฮงได้เป็นอย่างดี เผยให้เห็นผู้หญิงสวยคนหนึ่งที่ก้าวเข้ามาในห้อง เธอมองจิกทั้งสองที่นั่งอยู่ก่อนจะเชิดหน้าแล้วเข้ามาโน้มตัวกอดยงกุกที่นอนหลับอยู่บนเตียงโดยไม่สนใจจุนฮงที่นั่งอยู่เลยซักนิด จุนฮงจำหน้าเธอได้จากหนังสือพิมพ์
จีอึน.........
“พวกนายจะไปไหนก็ไป ฉันดูแลเขาเอง”
“เธอไม่มีสิทธิมาสั่งพวกฉัน”ฮิมชานหรี่ตามองอย่างไม่พอใจ
“มีเพราะฉันเป็นคู่หมั้นของเขาไงล่ะ ออกไปได้แล้ว”จีอึนวางกระเป๋าถือลงบนโต๊ะแล้วดึงจุนฮงให้ลุกขึ้น มือขวาที่มีเลือดไหลออกมาเผลอไปโดนผ้าปูเตียงเข้าแต่เหมือนจะไม่มีใครเห็น เธอผลักฮิมชานกับจุนฮงออกมาแล้วปิดประตูลง ฮิมชานยืนจิ้จะอยู่ซักพักกับจุนฮงที่ยื่นนิ่ง ยงนัมเดินเข้ามาหาทั้งสองแล้วเกาหัวแบบเซ็งๆ
“ยังนั่นก็หูไวตาไว ไปรู้ข่าวมาจากไหนกันนะ ”ฮิมชานส่ายหัวไปมา เขาเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าทำไมจีอึนถึงได้มาถึงเร็วแบบนี้
“งั้นก็กลับกันดีกว่า ป่ะจุนฮงเดี๋ยวไปส่ง”
“ไหงงั้นอ่ะ ฉันไปส่งเองก็ได้ไกล้ๆกัน”ฮิมชานมองยงนัมแล้วหรี่ตาลงอีกครั้ง
“เออน่า ไอ้จงออบมันให้ฉันพาจุนฮงไปหาด้วย”พอพูดชื่อของเพื่อนสนิทจุนฮงอีกคนแล้วฮิมชานจึงพยักหน้าเข้าใจ แล้วยอมให้ยงนัมลากจุนฮงไปทางที่จอดรถไว้อีกทาง
“จงออบอ่ะนะจะให้ผมไปหา แล้วพี่รู้จักจงออบได้ไง”จุนฮงเอียงหัวถามยงนัมขณะที่เดิน เจ้าพี่ชายเจ้าเล่ห์หันมาทำหน้ายิ้มๆแล้วพูด
“ไม่รู้จักหรอก ฉันรู้จากไอ้ยงกุกเมื่อก่อนว่านายมีเพื่อนสนิทชื่อนี้ด้วยก็เลยขอยืมชื่อมาใช้”
“ห้ะ!?”
“เอาน่าไม่งั้นฮิมชานจะปล่อยให้นายมากลับฉันเหรอ”ยงนัมพูดพลางเปิดประตูรถฝั่งคนรับแล้วพยายามยัดจุนฮงที่ทำหน้าเอ๋อยัดเข้าไป
“แล้วเราจะไปไหนกันอ่ะ”
“ไปหาที่นั่งคุยน่ะสิ ฉันมีเรื่องต้องคุยกับนายเยอะแยะเลย”ยงนัมพูดพลางเสยผมที่ปิดทางขมับด้านขวาขึ้น เผยให้เห็นรอยช้ำที่ไม่ใหญ่มากนักแต่ก็คงเจ็บมากพอดูตรงนั้นให้จุนฮงเห็น
มิน่าว่าตอนแรกเห็นแล้วเหมือนเปลี่ยนไปเพราะทรงผมที่ปัดมาปิดตรงขมับด้านขวานี่เอง ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่แต่จุนฮงก็พยักหน้าแล้วยอมนั่งในรถดีๆ ยงนัมจึงปิดประตูแล้วเดินอ้อมไปฝั่งคนขับแล้วขึ้นรถไป
ความคิดเห็น