คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : เจอกันอีกครั้ง กับ การเจอกันครั้งแรก
“ในที่สุดก็สอบเสร็จซักที ”จุนฮงเงยหน้าขึ้นจากโต๊ะแล้วบิดขี้เกียจไปมา
“นายร่าเริงแต่ฉันนี่สิ ”เสียงจากที่นั่งด้านหลังทำให้เจ้าตัวหันไปมอง
“อย่าบอกนะว่าทำไม่ได้น่ะยองแจ นายฉลาดจะตาย ข้อสอบคราวนี้ง่ายมาเลยนะ”
“ตลกล่ะ ง่ายสำหรับเด็กเรียนอย่างนายน่ะสิ”ยองแจพูดพลางโขกหัวของอีกฝ่าย ส่วนฝ่ายที่โดนโขกหัวก็เอามือลูบหัวตัวเองแล้วหัวเราะออกมา
“ช่างเถอะ ไปหาซื้อของกินกันดีกว่าหิวแล้ว”มือบางลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วดึงแขนเพื่อนที่อิดออดงอแงอยากนั่งอยู่กับโต๊ะให้ลุกขึ้น
“ก็ฉันไม่หิวอ่ะ ตอนเช้าพึ่งกินมาแล้วด้วย”ยู ยองแจ ระหว่างที่กำลังเดินตามหลังของจุนฮงอยู่นั้น ก็อดไม่ได้ที่จะคิดว่าระหว่างที่ตัวเองไปเรียนแลกเปลี่ยนที่ต่างประเทศครึ่งปีเกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนสนิทคนนี้ เพราะตั้งแต่คบกันมาตั้งแต่เด็กจนถึงตอนก่อนที่จะไปต่างประเทศ เพื่อนของเขาไม่ใช่คนแบบนี้เด็ดขาด หมอนั่นที่จริงแล้วเป็นคนที่บุคลิกเลวร้ายมาก มองโลกในแง่ร้าย วันๆก็หมกตัวเองอยู่กับกองหนังสือ แถมยังไม่ยอมพูดกับใครสุงสิงกับใคร(แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังเนื้อหอม) แต่พอเขากลับมาจากต่างประเทศพอไปหามันที่บ้านก็ต้องตะลึงไป ผมสีดำขลับก็ถูกย้อมเป็นสีฟ้าอ่อน แถมยังกลายเป็นคนมองโลกในแง่ดี ผูกมิตรกับคนอื่นไปทั่ว(แถมยังเนื้อหอมขึ้นกว่าเมื่อก่อนอีกเยอะ)
“เฮ้ยหมูอ้วนเหม่ออะไรอยู่วะ บอกว่าหิวไม่ได้ยินหรือไง”ยองแจหลุดจากภวังค์แล้วมองหน้าไอ้คนที่ยืนอยู่หันข้างหน้าหันหน้ามามองเขา แม่งยังปากดีขึ้นอีก!!!!! หลังจากนั้นวิ่งไปกระโดดขี่กุ่งเพื่อนซี้อย่างรวดเร็วเมื่อมันหันหลังออกเดินต่อ
“อ่อก ทำบ้าอะไรฟ่ะไอ้อ้วนลงไป”
“ไม่เว้ยยยยย แกนั่นแหละเดินต่อไปซะไม่งั้นฉันกัดหูแกแน่”มันหันมามองผมแล้วจิ๊ปากเล็กน้อย ก่อนจะยอมออกเดิน
“เออ อย่ามาบอกให้ฉันปล่อยแล้วกันนะ”
“ไม่มีทางไอ้เด็กยักษ์”ผมแลบลิ้นใส่มันแล้วเกาะหลังมันเอาไว้ แบบนี้ก็ดี!สบายดี
เนื่องจากห้องเรียนของพวกผมมันอยู่ริมขวาสุดซึ่งมีบันไดแค่ทางเดียวก็คือทางซ้ายสุดทำให้ไอ้จุนฮงมันต้องแบกผมไปกว่าจะสุดทางนั่นแหละ
“เฮ้ย ยองแจขี่กุ่งจุนฮงว่ะ”
“ไม่จริงอ่ะ มาหวานอะไรกันตรงนี้เนี่ย”เสียงของห้องอื่นระหว่างทางที่จะเดินไปหาบันได ผมลืมคิดไปซะสนิทเลยว่าพวกเราต้องผ่านห้องเรียนอื่นไปตั้งห้าหกห้องกว่าจะได้ไปถึงบันได
“พอๆปล่อยกูลงได้แล้วมึง”ผมเริ่มทนสายตาอยากรู้อยากเห็นของคนในห้องอื่นไม่ไหวจนต้องขอร้องมันอย่างน่าอาย แต่ผมแอบเห็นว่ามันกระตุกยิ้มอย่างชั่วร้าย ไอ้เพื่อนเลว มึงเล่นกูล่ะ
“ไม่ จนกว่าจะไปถึงบันไดนั่นแหละ”ว่าแล้วมันเดินเร็วขึ้นกว่าเดิมจนผมต้องเกาะหลังมันเอาไว้แน่น เพราะจะหล่น ทีเวลาให้ใช้แรงนี่ไม่เคยจะทำบ่นเหนื่อย พอแกล้งคนนี่ไปเอาแรงมาจากไหนวะ แต่อีกนิดเดียวก็จะถึงบันไดแล้วอดทนเอาไว้ยูยองแจ TT ระหว่างที่ผมกำลังปลอบใจตัวเองอยู่ก็เหลือบไปเห็นว่ามีคนทะเล่อทะล่าเดินออกมาตรงบันได
“หิวข้าววววววววว หิวจะตายอยู่แล้ว”อยู่ๆไอ้จุนฮงมันก็บ่นเสียงดังออกมา อย่าบอกนะว่าแกหิวจนคลั่งไปแล้วอ่ะ
“เฮ้ยยยย จุนฮงหยุดๆๆมีคนมาแล้วนะเว้ย”เหมือนผมคงจะบอกมันช้าไปหน่อย เพราะตอนนี้มันชนเข้ากับคนพวกนั้นอย่างจัง จนผมเผลอปล่อยมือออกจากตัวมัน เหมือนเวลามันหยุดลงกระทันหัน ผมเหมือนเห็นภาพที่ตัวเองกำลังจะล่วงลงสู่พื้น ถ้าฉันตายนะจุนฮง ฉันจะไปหลอกแกคนแรกเลย!!!
หมับ สิ่งแรกที่ยองแจรู้สึกคือตัวเองไม่ได้โหม่งพื้นอย่างที่คิด และสองคือมีคนอุ้มเขาเอาไว้อยู่ หลังจากกล้าๆกลัวซักพักยองแจก็ลืมตาขึ้นก่อนจะพบกับชายหนุ่มที่เป็นคนที่ช่วยเขาเอาไว้ ใบหน้าขาวแถมยังสวยเหมือนผู้หญิงยื่นหน้าเข้ามาไกล้จนทำให้ยองแจเผลอหน้าแดง
“น....”อีกฝ่ายพูดบางอย่างออกมาแต่เขาไม่ได้ยิน จึงเอียงหูไปไกล้อีกฝ่ายเพื่อที่จะได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายพูดแบบไม่รู้ตัว
“หนักเป็นบ้า”คำพูดที่ออกมาจากริมฝีปากสวยทำให้ยองแจเผลอทำคิ้มขมวดเข้าหากัน
“ปล่อยผมลงได้แล้ว”
“ไม่”คำตอบที่ชัดเจนทำให้ยองแจถึงกับต้องขมวดคิ้วอีกรอบ แปลกคนบอกว่าเขาหนักแท้ๆแล้วทำไมยังไม่ยอมปล่อยอีก
“ก็บอกให้ปล่อยไงเล่า จุนฮงนาย”ผมที่หันหน้าไปทางเพื่อนซี้เพื่อขอความช่วยเหลือก็พบว่ามันกำลังยืนจ้องหน้ากับผู้ชายอีกคนอยู่ ในระหว่างนั้น
“นี่อย่าดื้อดิ คนอุส่าห์ช่วยไว้จะขอบคุณซักคำไม่มีรึไง”ตอนแรกก็ว่าจะขอบคุณล่ะนะแต่ตอนนี้ผมรู้สึกหงุดหงิดจนตัดสินใจกัดมือของหมอนั่น
“เฮ้ย”ผมใช้จังหวะที่หมอนี่เผลอปล่อยมือกระโดดลงมาที่พื้นก่อนจะ
“โอ้ย”ล้มลงกับพื้นอย่างสวยงามเพราะเมื่อกี้พอเท้าได้สัมผัสกับพื้นมันก็เจ็บที่ข้อเท้าแปล๊บๆจนผมยืนไม่ไหวนี่แหละเอาตัวโหม่งพื้นของจริงเลยคราวนี้ โฮก นี่มันบ้าอะไรกัน
“เป็นไงล่ะ อวดเก่งดีนัก”
“เรื่องของฉันน่า”ยองแจกัดฟันตัวเองแน่น แต่ติดที่ว่าเขาไม่มีแรงจะลุกนี่สิ
“นายหิวข้าวสินะจุนฮง”ไอ้คนที่มันยืนค้ำหัวผมอยู่หันไปพูดกับเพื่อนซี้ของผมที่ตอนนี้ยังยืนจ้องหน้ากับอีกคน(ใครก็ไม่รู้)อยู่ ก่อนจะหันมาพยักหน้าให้ไอ้คนหน้าสวย นี่รู้จักกันด้วยเหรอ
“งั้นนายก็ไปกินซะ เดี๋ยวฉันพาเพื่อนนายไปห้องพยาบาลก่อน”ผมมองไอ้หน้าสวยใครจะไปกับแกฟ่ะ!!! ว่าแล้วผมก็มองไปที่จุนฮงแล้วส่งสายตาอ้อนวอนไปให้ไม่ให้มันไป แต่มันดังผงกหัวอย่างรวดเร็ว
“งั้นฝากด้วยนะครับพี่ฮิมชาน”ฮิมชาน ชื่อของไอ้หน้าสวยนี่สินะ
“เฮ้ยเดี๋ยวดิจุนฮง แกจะทิ้งฉันไม่ได้นะเว้ย”ผมเห็นไอ้จุนฮงกำลังพยายามแกะข้อมือของตัวเองออกจากมือของอีกคนอยู่
“เออน่า พี่ฮิมชานไว้ใจได้”ไว้ใจได้ ตรูไม่ได้อยากรู้เรื่องนั้นเฟร้ยยยย
“จำไว้เลยนะแก”ผมพูดพลางส่งสายตาอาฆาตไปให้มัน แต่มันก็ทำเป็นไม่รู้สึกรู้สาซะงั้น
“เดี๋ยวดิจุนฮงแกจะไปไหน”ฮิมชานถามจุนฮงที่กำลังเดินออกไป ก็เมื่อกี้นายบอกให้หมอนั่นไปกินข้าวไม่ใช่รึไงกัน
“ก็ไปกินข้าวน่ะสิครับ”ไอ้คนร่างสูงขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ
“ฉันหมายถึงว่า ช่วยเอายงกุกไปทีดิที่จริงก็จะไปกินข้าวกับมันนั่นแหละ แต่ต้องพาเพื่อนนายไปห้องพยาบาลซะก่อน”
“ไม่!!!”เสียงแข็งของจุนฮงทำให้ฮิมชานชะงัก ผมเองก็ไม่เคยเห็นหมอนี่ขึ้นเสียงเหมือนกัน แต่เหมือนผ่านไปซักพักแล้วฮิมชานก็กลับมายิ้มเหมือนเดิม
“นายเถียงฉันไม่ได้หรอกน่า”ว่าแล้วก็เดินเข้าไปไกล้จุนฮงจนเจ้าตัวถอยหลังกรูด แต่ฮิมชานไว้กว่าขว้าบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกงข้างหลังแล้วจับมือใส่ข้อมือของจุนฮงอย่างรวดเร็ว
กริ้ก.....มันคือกุญแจมือนี่เอง
จุนฮงที่ยืนเอ๋อกับสิ่งที่ล็อคข้อมือตัวเองข้างขวาอยู่ระหว่างนั้นฮิมชานก็กวักมือเรียกเพื่อนของตัวเองที่ชื่อยงกุก ซึ่งหมอนั่นก็เดินเข้ามาอย่างว่าง่ายหลังจากนั้นมือบางของฮิมชานก็จับมือซ้ายของหมอนั่นขึ้นมาแล้วล็อกเข้าที่ข้อมือ
“เอาล่ะ งั้นขอฝากยงกุกไว้กับนายซักครึ่งวันนะจุนฮง ♥”จุนฮงที่กำลังจะอ้าปากเถียงอยู่ๆก็หน้าซีดเมื่อคนที่ยืนอยู่ข้างๆผมเริ่มยิ้มพร้อมกับส่งสายตาอาฆาตออกมาเหมือนกับบอกเป็นนัยย์ว่าขัดใจตาย จำได้แล้ว ถ้าจำไม่ผิดจำได้ว่าจุนฮงมันเคยบ่นให้ฟังอยู่ว่า มันมีญาติที่เป็นผู้ชายหน้าสวยแถมยังขัดใจไม่ได้ด้วย ไม่งั้นเจออัดอย่างเดียว แล้วอีกอย่างยังเคยเป็นหัวหน้าแก็งอะไรซักอย่างนี่แหละ!!!! เป็นผู้ชายคนเดียวที่ไอ้จุนฮงมันกลัวรองจากพ่อ
“โถ่เว้ย”มันได้แต่บ่นพร้อมกับเดินลงบันไดไป จุนฮงงงงแกคงไม่ได้คิดจะทิ้งให้ฉันอยู่กับไอ้หน้าสวยแต่หน้ากลัวนี่รึไง
“เอ้ามาลุกกันดีกว่า”ผมเงยหน้ามองผู้ชายที่ชื่อฮิมชานนั่นที่กำลังยืนแล้วโน้มตัวลงมาพร้อมอ้าแขนออกเหมือนกำลังจะอุ้มเด็ก น่าอายจะตายชัก!
“ฉันลุกเองได้”ผมเหล่มองแล้วพยายามจะลุกขึ้นแต่ขาผมไม่ทำตามคำสั่งเลยอ่ะ
“งั้นก็ลุกสิเร็วๆ”เจ้าหมอนั่นมันคงรู้ว่าผมลุกไม่ได้ก็เลยกอดอกแล้วยืนจ้อง ชิ
“......”
“ลุกดิ ลุกเร็วๆ”
“......”
“รีบๆลุกดิ”
“Y^Y”แม่งงงงงงงงง
“ไงล่ะ ลุกไม่ได้เหรอยองแจ~~”
“นายรู้ชื่อฉันได้ไงฮิมชาน!!!”
“เรื่องของฉัน ตกลงลุกได้ไหมจะช่วยดีไหมน้า~”หมอนั่นพูดด้วยสีหน้ายียวนและหน้าตายียวน อ้ากกกกถ้าผมไม่เจ็บขานะลุกถีบไปแล้ว
“ฮึ่ม จะทำอะไรก็ทำ”หมอนั่นมองผมด้วยสายตาผู้ชนะ
“เอาค่อยๆลุก”หมอนั่นค่อยพยุงผมขึ้นพอผมลุกได้แล้วก็เอาเท้าข้างที่เจ็บลงพื้นอย่างแรงด้วยความลืมตัว
“เจ็บๆๆๆ T[]T ”ด้วยความที่ผมกลัวจะได้ลงไปนั่งกับพื้นอีกครั้งสองแขนของผมก็ยื่นออกไปของคอของอีกฝ่ายแน่น
ทางฝั่ง จุนฮง
ผมเดินลงบันไดมาที่ชั้นสองด้วยสีหน้าเซ็งจิต พี่ฮิมชานบ้าที่สุด!!! ตอนที่กำลังจะเดินลงบันต่อคนข้างๆผมก็เลือกที่จะเดินไปทางห้องเรียน
“นี่ผมจะไปโรงอาหารนะครับ.....”
“นายคิดจะไปด้วยสภาพนั้นจริงๆน่ะเหรอ”ตอนแรกผมเอียงหัวมองอีกฝ่ายแบบไม่เข้าใจ แต่ก็พึ่งนึกขึ้นได้ว่ามือผมมีกุญแจมือคาอยู่นี่นะ
“ก็จริง”
“ฉันพอมีขนมปังมาอยู่ ไปกินที่นั่นแล้วกัน”
“ที่นั่น?”
“ห้องประธานนักเรียนไง”นั่นสิเนอะ ก็นายเป็นประธานนักเรียนนี่นะ
ยังดีที่ห้องประธานนักเรียนอยู่ติดกับบันไดพอดีทำให้ไม่มีใครเห็นพวกผมสองคน ไม่งั้นต้องโดนหาว่าเป็นพวกโรคจิตแน่เลย = =!!!
“เข้ามาสิ”ผมหยักหน้าให้แล้วเดินตามหลังหมอนั่นเข้าไป หลังจากนั้นยงกุกก็หันกลับไปล็อกประตู
“.........”ขนมปังรสสตอเบอรี่ถูกโยนมาใส่ตักของร่างบางที่นั่งอยู่บนโซฟา ถึงแม้หน้าจะบึ้งตึงแค่ไหนก็ตาม แต่เมื่อเห็นขนมปังรสโปรดของตัวเองตรงหน้าแล้วก็อดไม่ได้ที่จะทำตาวาวเหมือนเด็กได้ของเล่นแล้วแกะถุงอย่างรวดเร็ว มีเพียงยงกุกที่นั่งข้างๆเท่านั้นที่หันหน้าตรงไปเหมือนไม่สนใจแต่ก็ยังแอบมองด้วยหางตาอยู่ตลอด
“นายจะกินไหม”จุนฮงยื่นขนมปังที่ถูกกัดไปครึ่งนึงยื่นให้ยงกุก คนร่างสูงมองอย่างใช้ความคิดแล้วก็ส่ายหัว
“......”
“นี่ นายน่ะไปบอกพี่ฮิมชานให้ทีสิให้เอากุญแจมือออกได้แล้ว”
“ฉันชื่อยงกุกไม่ได้ชื่อนาย”เสียงเย็นตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว จุนฮงมองอีกฝ่ายผ่านทางกรอบแว่นตานั่นหรี่ลงเล็กน้อย
“เรื่องของนาย”น้ำเสียงประชดประชันเอ่ยขึ้นก่อนจะหันไปกินขนมปังต่อเหมือนเดิม ความเงียบเข้าครอบคลุมก่อนที่โทรศัพท์ของร่างบางจะสั่นขึ้น เขาใช้มือซ้ายดึงมันออกมาจากกระเป๋ากางเกงอย่างยากลำบาก
“ว่าไง?”
‘จุนฮงนี่มันเที่ยงกว่าแล้วนะ ฉันรอจนหิวแล้วนะ T_T ’เสียงโอดโอยดังลั่นออกมา ลืมสนิทเลยสิว่านัดกินข้าวเที่ยงกับพี่แดฮยอน
“คือผมคงไปไม่ได้แล้วอ่ะ ต้องรีบปั่นงานส่งครูตอนบ่าย”
‘งั้นเหรอ ให้ฉันซื้อข้าวไปให้ไหมล่ะ’
“ไม่อ่ะ ไม่ต้อง ผมกินขนมปังแล้ว พี่กินไปเลยนะครับแล้วเดี๋ยวตอนเย็นเจอกัน”จุนฮงพูดด้วยน้ำเสียงร้อนรนเพราะถึงแดฮยอนมาก็คงไม่เจอเขาหรอก
‘อืมก็ได้ อย่าลืมกินเยอะๆล่ะฉันชอบกอดนายแบบที่ตัวนุ่มนิ่มที่สุด’ร่างบางคิดว่าอีกคนที่นั่งอยู่ข้างๆคงได้ยินเสียงคนในโทรศัพท์แน่ๆพอเขาหันไปมองก็พบว่าอีกฝ่ายหันหน้าไปอีกด้านนึงแล้ว
“ครับๆ งั้นแค่นี้แหละนะ พี่กินข้าวไปเถอะ”ร่างบางกดตัดสายทิ้งอย่างรวดเร็วแล้วยัดโทรศัพท์เข้ากางเกงเหมือนเดิม
“มันดูแลนายดีไหม”ระหว่างที่กำลังเหม่ออยู่ๆอีกฝ่ายนึกคึกอะไรก็ไม่รู้ถามคำถามแปลกๆขึ้นมา จุนฮงเหลือบมองด้วยหางตา ก่อนจะกรอกตาไปมา
นั่นสินะ.......
“พี่แดฮยอนดูแลผมได้ดีกว่าคุณ”จุนฮงนึกแล้วก็อยากตบปากตัวเองซักร้อยรอบที่ตอบแบบนั้นออกไป เหมือนตัวเองกำลังประชด เหมือนกับว่าเขายังตัดใจจากหมอนี่ไม่ได้อย่างนั้นแหละ.... เพราะตอนนี้เจ้าของคำถามยังหันหน้าไปทางอื่นอยู่เขาเลยไม่อาจรู้ได้เลยว่าตอนนี้หมอนั่นกำลังทำสีหน้ายังไงที่เจอเขาตอบแบบนี้ไป
คราวนี้โทรศัพท์ที่สั่นเข้ามาเป็นของยงกุก จุนฮงมองด้วยความสนใจนิดหน่อยเมื่ออีกฝ่ายดึงมันออกมารับสาย
“ว่าไงจีอึน”แค่ได้ยินชื่อของคนที่โทรเข้ามา จุนฮงก็แทบอยากปิดหูแล้ววิ่งออกไปจากห้องนี้ซะ ติดอยู่ที่ว่าไอ้กุญแจมือเฮงซวยนี่เท่านั้นแหละ ร่างบางจึงควักหูฟังออกมาอย่างรวดเร็วแล้วต่อมันเข้าโทรศัพท์พร้อมกับเปิดเสียงดังที่สุดที่จะได้ไม่ต้องได้ยินเสียงโลกภายนอก
พอมานั่งคิดดูดีๆแล้ว หมอนั่นไม่ชอบกินพวกสตอรเบอรี่นี่แล้วทำไมถึงได้มีขนมปังนี่ติดตัวเอาไว้ เหมือนเมื่อก่อนเลย จุนฮงแอบคิดเข้าข้างตัวเองไปแวบนึงว่า ยงกุกคงเตรียมเอาไว้เผื่อวันไหนที่เขาโผล่มาห้องนี้
ไม่มีทาง!!!! หลังจากคิดไปเพียงชั่วครู่ เจ้าตัวก็ตั้งสติด้วยการตบหน้าตัวเองเบาๆ จะบ้ารึไงนะจุนฮง ที่หมอนี่พกเอาไว้คงเพราะเตรียมไว้ให้จีอึนมากกว่า รายนั้นอาจจะชอบกินเหมือนเขาก็ได้ ‘โว้ยยยยแม่งปวดหัว’คิดแล้วร่างบางก็กอดเข่าในท่าเคยชินแล้วเอาหัวซบลงไป ‘บ้าชิบหยุดคิดซะทีดิวะ’
ความคิดเห็น