ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    I'm not gay!! แต่คนที่ชอบบังเอิญเป็นผู้ชาย (Yaoi)

    ลำดับตอนที่ #37 : Rule 30 : KITKAT 2!!

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 10.87K
      31
      28 มี.ค. 56

    Rule 30 : KITKAT 2!!



    หลังจากนั้นพวกเราก็แยกกันกลับบ้าน  เจ๊ที่ขับรถมาแวะส่งผมที่หน้าบ้านก่อนที่ตัวเองจะขับรถเข้าบ้านที่อยู่ข้างๆ  ผมที่ยิ้มอารมณ์ดีเพราะวันนี้สนุกมากเดินลั่ลล้าเข้าบ้านพร้อมกับฮัมเพลงเบาๆ  แต่แล้วอารมณ์ของผมก็ดับวูบลงเมื่อรถคันคุ้นตาราคาแพงมาจอดเทียบท่าตรงหน้าบ้านหลังเล็กๆ ของผม
     

    ผมจำรถคันนี้ได้ครับ  เป็นรถราคาแพงคันแรกที่ผมเคยได้สัมผัสและนั่งด้วยก้นของผมเอง  แม้ผมจะชอบรถคันนี้มากแค่ไหนแต่ให้ตายอย่างไรผมก็เกลียดเจ้าของรถเข้าไส้ติ่ง
     

    “นายมาที่นี่ทำไม?” ผมถามก่อนจะขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจที่เห็นหน้าของไอ้คีตะในเวลานี้
     

    “ฉันมารับนายไปด้วยกัน” ไอ้คีตะพูดก่อนจะปิดประตูรถดังปัง
     

    “บอกว่าไม่ไปไง  ทำไมนายถึงเซ้าซี้ขนาดนี้นะ!” ผมทำเสียงไม่พอใจ
     

    “ฉันอยากให้นายไปสนุกด้วยกัน”
     

    “แค่นายอยู่ด้วยความสนุกฉันก็หมดแล้ว” ผมเบะปากพูดก่อนจะยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ
     

    “ฉันทำอะไรให้นายไม่พอใจเหรอชนินทร์?  บอกฉันสิ” ไอ้คีตะรวบตัวผมไปกอดก่อนจะกระซิบเบาๆ ที่ข้างหู  ผมตกใจก่อนจะรีบสะบัดกายให้หลุดจากอ้อมแขนแข็งแรง  เดี๋ยวพ่อกับคนอื่นๆ ก็เห็นหรอก ไอ้บ้านี่ไม่เคยสนใจสายตาของคนรอบข้างเลย ให้ตายสิ!
     

    “ฉันล้อนายเล่นนิดๆ หน่อยๆ เท่านั้นแหละคีตกวี  นายกลับไปหาพวกเพื่อนๆ ได้แล้ว  ฉันจะอยู่บ้านกับพ่อ” ผมแสร้งยิ้มออกไปเพื่อไม่ให้ไอ้หมอนั่นถามอะไรผมไปมากกว่านี้ผมกลัวผมหลุดปากบอกออกไปว่าผมโกรธที่มันหลอกผมซ้ำแล้วซ้ำเล่า  เพราะจากนี้ไปผมจะแก้แค้นที่มันทำให้ผมเสียใจฉะนั้นตอนนี้ผมจะยังไม่ทำให้เหยื่อไหวตัวทันถึงอันตรายที่คืบคลานเข้ามาหา
     

    “แค่เห็นนายยิ้มฉันก็พอใจแล้ว  แต่ฉันอุตส่าห์ขับรถมาจากต่างจังหวัดนายไม่คิดจะให้อะไรฉันเลยเหรอ?” ไอ้คีตะยิ้มทะเล้น  สงสัยติดเชื้อพี่ขิมมา
     

    “ฉันไม่ได้ขอร้องให้นายมาซักหน่อยทำไมฉันต้องให้อะไรนายด้วย” ผมยักไหล่กวนตีน
     

    “ทำไมใจร้ายอย่างนี้นะ” ไอ้คีตะถอนหายใจเบาๆ
     

    “เพิ่งรู้หรือไง” ผมแสยะปาก  กูใจร้ายได้มากกว่านี้รู้ไว้ซะไอ้คีตะ!
     

    “อย่างน้อยขอหอมแก้มให้ชื่นใจหน่อยไม่ได้เหรอ?” หมอนั่นพูดก่อนจะชะโงกหน้ามาจ้องตาผมใกล้ๆ โอย อันตรายๆ  ใจเต้นรัวเลยกู
     

    “ไม่ได้!” ผมรีบเบือนหน้าหนี  ให้ตายสิไอ้ชนินทร์!! ถ้าเอาแต่ใจเต้นผิดจังหวะแบบนี้จะแก้แค้นมันได้ยังไงเล่า!
     

    “ไรวะ” ไอ้คีตะถอนหายใจอย่างเซ็งๆ ก่อนจะเดินไปที่รถของตัวเอง “ช่างเถอะ  ยังมีเวลาอีกเยอะ” ไอ้คีตะยักไหล่ก่อนจะหยิบแว่นกันแดดอันเท่าบ้านมาใส่  พ่อง  ทำไมมันหล่อแบบนี้วะ หมั่นไส้วุ้ย!
     

    “จะไปไหนก็รีบไปเลยไป!” ผมโบกมือไล่ก่อนจะวิ่งเข้าไปในบ้าน  เมื่อเสียงเครื่องยนต์แล่นออกไปไกลผมก็โผล่หน้าออกมาดู
     

    เฮ่อ  มันไม่ง่ายเลยนะที่จะอยู่ใกล้หมอนั่นได้แบบปกติ  ใจผมเต้นไม่เป็นส่ำทุกครั้งที่สบตากับหมอนั่น  ผมควรจะทำอย่างไรดี  เรื่องที่มันหลอกผมก็แค้นมากอยู่หรอกแต่ว่า...   โธ่เว้ย!! แกไม่ใช่คนที่จะหวั่นไหวกับอะไรง่ายๆ ไม่ใช่เหรอวะไอ้ชนินทร์  แกเข้มแข็งกว่านี้ไม่ใช่หรือไง!



     

     

    วันต่อมาผมโทรนัดแคทไปเที่ยวด้วยกันอีกครั้ง  คราวนี้ผมไปกับแคทแค่สองคน  เรื่องอะไรผมจะต้องชวนเจ๊พริมไปขัดคอผมด้วยล่ะ  ยังไงก็เถอะ  ผมจะต้องเป็นแฟนกับแคทให้ได้  เดิมทีผมก็ชอบหลีหญิงอยู่แล้วแม้จะไม่ค่อยติดก็เถอะ  ผมหวั่นไหวกับผู้หญิงง่ายมาก  แค่ได้เห็นด้านน่ารักๆ ของผู้หญิงผมก็ชอบได้ง่ายๆ  และแน่นอนว่าผมจะต้องชอบแคทให้ได้เหมือนที่ชอบไอ้...เอ่อ...ช่างมันเถอะ
     

    “นี่เป็นร้านไอ้ติมที่เราเจอกันครั้งแรกนี่นา” แคทอุทานขึ้นเมื่อผมพาเธอมาที่ร้านไอติมใกล้โรงเรียนของผมซึ่งมันทำให้ผมต้องขี่มอเตอร์ไซค์มาไกลมาก  สงสารแคทเหลือเกินที่ต้องมานั่งซ้อนท้ายผมเพราะเธอใส่กระโปรงสั้นไม่ถนัดต่อการนั่งมอเตอร์ไซค์เป็นอย่างยิ่ง
     

    “ใช่แล้ว  ตอนนั้นผมจำได้นะว่าแคทชอบพ่อ  ผมโคตรน้อยใจเลยที่ไม่มีใครสนใจผม” ผมทำปากยื่นอย่างงอนๆ แคทจึงได้แต่ยิ้มอ้อนให้ผมหายงอน  อ่า...ผู้หญิงก็น่ารักแบบนี้แหละน้า
     

    “ก็คิทน่ารักเกินไปนี่นา  แต่ตอนนี้สูงขึ้นแล้วก็เท่ขึ้นแล้วนะ” แคทบีบๆ นวดๆ ไหล่ของผมเพื่อเอาใจก่อนเราทั้งสองจะเดินเข้าไปในร้าน



     

     

    หลังจากนั้นผมกับแคทก็กลับเข้าไปในเมืองเพื่อหาความบันเทิงใส่ตัว  ทั้งไปดูหนัง ร้องเพลง เล่นเกมจนเริ่มมืด  แคทกับผมเข้ากันได้อย่างดีเลยทีเดียวแม้จะมีขัดคอกันบ้างแต่ก็ถือว่าโอเคเลยทีเดียว  เราชอบอะไรที่เหมือนๆ กันอีกทั้งแคทยังชอบเล่นกีฬาอีกด้วย  พอผมบอกว่าเป็นนักบาสของโรงเรียนเธอก็ตกใจและขอคำแนะนำเกี่ยวกับกีฬาเสียเยอะ  แคทเป็นนักกีฬาเทนนิสของโรงเรียนเสียด้วย  แม้จะไม่อยากเชื่อเพราะเธอเป็นคนตัวบางร่างเล็กแต่ก็นะ  ขนาดผมยังเป็นนักบาสได้ทำไมแคทจะเป็นนักเทนนิสไม่ได้
     

    “ว้าว โรงเรียนคิทได้แชมป์ระดับเขตแล้วเหรอ? เก่งจังเลย” แคทชมเมื่อผมโม้เรื่องที่ได้แชมป์มาให้เธอฟัง
     

    “ผมแทบไม่ได้ทำอะไรเลย ฮ่าๆ ว่าแต่...ถ้าผมต้องแข่งกับโรงเรียนของแคทแคทจะเชียร์ฝ่ายไหน” ผมแอบถามแหย่ๆ  โรงเรียนผมกับแคทคนละเขตกัน  คงต้องเจอกันตอนเปิดเทอม
     

    “คิทก็ถามมาได้  แคทต้องเชียร์โรงเรียนแคทสิ ฮ่าๆ แต่ถ้าให้เชียร์รายบุคคลแคทเชียร์คิทนะ” เขินจังเลย
     

    “แหม แคทก็” ผมยิ้มเขินก่อนจะหยอกล้อกับแคทไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายก็ไปส่งเธอที่บ้าน



     

     

    ผมออกไปเที่ยวกับแคทเกือบทุกวันจนกระทั่งพวกเพื่อนๆ กลับมา  เพราะผมอยู่ในช่วงอินเลิฟพวกนั้นจึงสงสัยทั้งๆ ที่ผมไม่ได้อยู่กับไอ้คีตะแต่ทำไมผมถึงดูอินเลิฟเสียขนาดนั้น  ไอ้พวกนี้มันก็พอจะรู้เรื่องระหว่างผมกับไอ้คีตะอะนะ
     

    วันนี้พวกผมมารวมตัวกันเล่นไพ่ที่บ้านไอ้พีทและมาปรึกษากันเรื่องเรียนพิเศษด้วย  ไอ้พวกนั้นคุยฟุ้งเรื่องไปเที่ยวว่าสนุกอย่างนั้นสนุกอย่างนี้จนผมอิจฉาและแน่นอนว่าผมได้ของฝากมาเพียบเลย  ไอ้มินทร์มันหอบปลาหมึกสดถังใหญ่มาให้ผม ผมดีใจมากแต่หน้าผมก็เหี่ยวลงเพราะคำพูดต่อมาของไอ้มินทร์ “ทำยำปลาหมึกให้กูกินเยอะๆ ล่ะ”  ไอ้หอกชำรุดเอ๊ยกูจะทำยำตีนให้มึงแดกแทนซะเลยนี่!
     

    “กูถามจริง ที่มึงหน้าระรื่นนี่เพราะอะไรฟะ! ทั้งๆ ที่พี่คิทเอาแต่ทำหน้าอมทุกข์  หรือว่ามึงมีชู้” ไอ้ลิซหรี่ตามองผมก่อนจะชี้หน้าอย่างจับผิด
     

    “ชู้บ้าบออะไร? กูกับหมอนั่นไม่ได้เป็นไรกันซักหน่อย ฮึ่ย!” ผมขมวดคิ้วทำหน้ามุ่ย  กูกำลังอารมณ์ดีอย่าพูดถึงมันให้กูอารมณ์เสียเด่ะ
     

    “ปากแข็ง” ไอ้ลิซยักไหล่กวนตีน
     

    “พูดมากน่าเชี่ยลิซ  ระหว่างที่พวกมึงไปเที่ยวกันจนตัวดำกูก็กำลังจะมีแฟน ฮุๆ” ผมปิดปากหัวเราะเบาๆ  ไอ้พวกนั้นตกใจจนส่งเสียงดังแต่มือยังถือไพ่ไม่ห่าง
     

    “อะไรกันมึง!? มึงจะคบกับพี่คิทแล้วเหรอ? เร็วไปไหม?” ไอ้พีทแหกปากถาม
     

    “บ้าเส่ะ! พวกมึงจำแคทได้ไหม  คนนั้นแหละ” ผมตอบก่อนจะจั่วไพ่เมื่อถึงคิวผม
     

    “หา!?! มึงเอาเวลาไหนไปคุยกันวะ  แล้วเฮียล่ะ?” ไอ้วาหันมาถามผมสีหน้าเครียดๆ
     

    “เฮียของมึงทำไม?” ผมตวัดสายตาไปมองมันอย่างไม่ชอบใจ
     

    “ก็เฮียชอบมึงแล้วมึงเองก็...”
     

    “กูไม่มีทางไปชอบคนที่หลอกกูซ้ำแล้วซ้ำเล่าหรอกนะวา  ไอ้คีตะเฮียสุดที่รักของมึงน่ะมันไม่ได้ชอบกูจริงๆ หรอก  ความสัมพันธ์ระหว่างมันกับอาจารย์เป็นอย่างไรมึงก็รู้ดีไม่ใช่เหรอ?” ผมขมวดคิ้วก้มหน้าต่ำลง  พูดถึงเรื่องนี้แล้วเจ็บใจเป็นบ้าเลย
     

    “แต่เฮียก็เลิกไปแล้วนะ”
     

    “ไม่จริง  มึงจำคืนก่อนสอบครั้งสุดท้ายได้ไหม  คืนนั้นที่กูไปชมรมแล้วรีบกลับมาน่ะเพราะกูเห็น เห็นว่าสองคนนั้นกำลังจะทำอะไรกันแต่ว่ามึงโทรไปขัดเสียก่อน  แล้วมึงจะให้กูชอบมันได้ยังไงวะวา” ผมตะคอกเสียงดังจนเพื่อนหันมามองผมเป็นตาเดียว
     

    “จริงเหรอ?” ไอ้วาถามอย่างไม่เข้าใจ  มันกัดริมฝีปากก่อนจะขมวดคิ้ว
     

    “เออ! เพราะงั้นกูเลยต้องรีบหาแฟนเพื่อจะไม่ให้มันมายุ่งกับกู  กูเข็ดกับคนอย่างมันแล้ว” ผมปาไพ่ในมือลงจนไพ่กระจัดกระจายไปรวมกับไพ่ในกอง  พวกเพื่อนๆ โห่อย่างเสียดาย  ที่ผมปาผมมีจุดประสงค์ครับ  ก็แบบว่า...ไพ่ผมมันห่วยแตกไง เหอๆๆ
     

    “ถึงเฮียจะเจ้าชู้แต่ว่าเฮีย...”
     

    “มึงไม่ต้องพูดเลยวา  คนที่รู้จักมันดีก็คือตัวมึงเองไม่ใช่เหรอ?  มึงอยากให้กูกลับไปอยู่ในวังวนเดิมๆ คอยเสียใจกับสิ่งที่มันทำกับกูงั้นเหรอ?”
     

    “ถ้างั้นวาขอได้ไหม? อย่าทำให้เฮียเจ็บ”
     

    “กูจะไม่ทำอะไรทั้งนั้น  แค่จะตัดขาดความสัมพันธ์แปลกๆ กับหมอนั่น  แค่นั้นคงทำให้มันเจ็บไม่ได้” ผมพูด  ถ้ามันชอบผมจริงมันจะต้องเจ็บและมันต้องเจ็บมากกว่าผมด้วย!!
     

    “เรื่องนี้วาไม่ขอยุ่งละกัน  เพราะวาก็เจ็บ” ประโยคหลังมันพูดเสียงแผ่วจนผมไม่ได้ยิน  แต่ก็ช่างมันเถอะผมเดาว่ามันคงจะเป็นประโยคที่ทำร้ายตัวเอง
     

    “เฮ้ยๆๆ พวกมึงเริ่มทำบรรยากาศเสียแล้วนะเว้ย  แล้วนี่อะไรวะเชี่ยคิท  ที่มึงพังกองไพ่เพราะไพ่มึงเชี่ยใช่ป่ะ  ไอ้เจ้าเล่ห์เอ๊ย!!” ไอ้มินทร์พูดขัดบรรยากาศอึดอัดที่เริ่มก่อตัวขึ้น  อ้าว...ถูกจับได้ซะแล้ว เหอๆๆ
     

    “รู้อีก” ผมแลบลิ้นก่อนจะถูกตบหัวจนหน้าทิ่ม  ตบกูแรงจังนะเชี่ยมินทร์  ถ้าหน้ากูจิ้มกองไพ่จนดั้งหักใครจะรับผิดชอบวะ



     

     

    ผมโทรศัพท์คุยกับแคททุกวันจนเหมือนคนเป็นแฟนกันแล้วและนั่นทำให้ผมรู้ว่าผมลงเรียนพิเศษที่เดียวกันกับแคทผมจึงอาสาไปรับเธอไปเรียนพร้อมกันตอนเช้า  เดิมทีผมจะขี่มอเตอร์ไซค์ซ้อนกันไปเรียนกับไอ้พีทแต่วันนี้ผมให้มันไปเองเพราะผมจะไปรับสาว  คึๆ  เป็นเพื่อนที่ดีจริงๆ เลยกู
     

    ผมเดินเข้าไปในสถาบันสอนพิเศษพร้อมแคทก่อนจะไปเจอกลุ่มเพื่อนของผมที่กำลังนั่งจับกลุ่มคุยกันรอเข้าเรียนอยู่หน้าสถาบันสอนพิเศษวิชาเคมี
     

    “ไง” ไอ้พวกนั้นรีบนั่งเจี๋ยมเจี้ยมโบกมือทักทายแคททันทีที่เห็นซึ่งแคทเองก็ยิ้มเป็นมิตรและโบกมือทักทายกลับ
     

    “แคทคิดไงอ่ะถึงไปคบกับไอ้เตี้ยนี่” ไอ้วาลุกขึ้นยืนพลางเดินมากอดคอผม
     

    “แฮะๆ ยังไม่ได้คบกันซักหน่อย” แคทหันหน้าหนีก่อนจะเอ่ยเสียงเบา  ผมแอบเห็นแว้บๆ ว่าเธอหน้าแดงก่ำเลย  โอย  ถ้าจะน่ารักขนาดนี้!
     

    “อะไรวะคิท  ชักช้าเดี๋ยวถูกแย่งนะเว้ย” ไอ้มินทร์แซวก่อนจะทำเป็นจ้องแคทเหมือนจะบอกว่า ถ้ามึงไม่รีบ กูแย่งนะเว้ย
     

    “หุบปากน่า  เดี๋ยวกูฟ้องพี่จิ้นซะหรอก” ผมพูดจิกไอ้มินทร์จึงหุบปากไป  อ้าว...กูแค่หยอกเล่นเพราะเห็นทะเลาะกันอย่างกับผัวเมีย  เฮ้ย! หรือว่า...!!  เอาแล้วไงกลุ่มผม =..=
     

    “เชี่ยคิท  รีบนะมึง” ไอ้พีทเอ่ยแซวบ้าง
     

    “เออน่า” ผมยิ้มเขิน  และเมื่อผมตอบไปอย่างนั้นแคทก็หน้าแดงก่ำวิ่งเข้าห้องเรียนทันที  เห็นแคทเขินผมก็ยิ่งเขิน  ไอ้พวกเพื่อนเวรตะไลก็แซวพลางผลักผมเป็นเชิงล้อ  อ๊าก เขิน!!



     

     

    นั่งเรียนอยู่กับที่เป็นเวลาสามชั่วโมงพวกผมก็ถูกปล่อยออกมาเพื่อไปเรียนวิชาอื่นต่อ  ที่นั่งของพวกเรากระจัดกระจายกันออกไปจึงไม่ได้นั่งด้วยกันผมกับแคทเองก็นั่งไกลกันพอสมควร  พอเรียนเสร็จผมก็เดินเข้าไปหาเธอและดึงกระเป๋าสะพายเธอมาถือไว้  แคทมองหน้าผมเล็กน้อยก่อนจะเบือนหน้าแดงๆ หนี  อ่า...รู้สึกเหมือนตัวเองเท่มากเลยวุ้ย ฮ่าๆๆ
     

    “วิชาต่อไปแคทเรียนที่ไหน เดี๋ยวผมไปส่ง” ผมถามขณะเดินออกจากห้องเรียน
     

    “ชั้นบนน่ะจ้ะ” แคทตอบก่อนจะเดินนำขึ้นไป  ผมหันไปมองพวกเพื่อนๆ ที่กำลังจะตามมาด้วยสายตาห้ามปรามพวกมันจึงยิ้มและเดินไปรอที่ห้องเรียนต่อไปที่พวกเราจะต้องไปเรียนอย่างรู้งาน  ผมนี่ก็แอบเจ้าเล่ห์วุ้ย ฮี่ๆ



     

     

    ขณะที่ผมกำลังยื่นกระเป๋าส่งให้แคทเมื่อมาถึงห้องที่เธอจะเข้าเรียนหางตาของผมก็เผลอเหลือบไปเห็นกลุ่มผู้ชายหน้าตาโคตรดีตัวโคตรสูงยืนรออยู่หน้าห้องข้างๆ เข้า  ใจผมหล่นวูบเมื่อไอ้คีตะหันมาเห็นเข้าพอดี  ไอ้หมอนั่นยิ้มบางๆ ให้ผมก่อนจะทำท่าเดินเข้ามาหาแต่เมื่อมันเห็นแคทยืนอยู่ข้างหน้าของผมมันก็ชะงักและหุบยิ้ม
     

    “คิทเป็นไรไปอ่ะ?” แคทถามเมื่อเห็นผมยื่นกระเป๋าให้แต่ไม่ยอมปล่อยให้เธอเสียที
     

    “เอ๋? เปล่าครับเปล่า  แคทเลิกเรียนบ่ายโมงใช่ไหม?” ผมละสายตาจากไอ้คีตะก่อนจะหันมายิ้มให้แคท
     

    “ใช่จ้ะ” แคทพยักหน้ายิ้มๆ
     

    “ผมก็เลิกเรียนบ่าย  งั้นเราไปกินข้าวด้วยกันนะ” ผมชวน
     

    “แต่ว่าคิทมากับเพื่อนนี่  แคทไปกล้าไปหรอกมันดูไม่ดี” แคทยิ้มเจื่อนๆ  นั่นสินะ เธอเป็นผู้หญิงจะให้มาอยู่ในกลุ่มผู้ชายตั้งหลายคนได้อย่างไร
     

    “จริงด้วยสิ  งั้นเดี๋ยวผมไปกินข้าวกับแคทสองคนดีไหม?” ผมเสนอ
     

    “ไม่ดีหรอกจ้ะ  คิทมากับเพื่อนนะ  เดี๋ยวแคทไปกินข้าวกับเพื่อนก็ได้” แคทพูดก่อนจะชี้ไปที่กลุ่มเพื่อนสาวคุ้นหน้าคุ้นตาที่กำลังเดินเข้ามาหาเธอ
     

    “เอางั้นก็ได้ครับ” ผมพยักหน้าก่อนจะทักทายเพื่อนของแคทที่เข้ามาทักด้วยท่าทางเป็นกันเอง



     

     

    ผมรีบวิ่งกลับลงไปชั้นล่างเพราะไม่อยากอยู่ตรงนั้นนานเนื่องจากมีไอ้คีตะอยู่ด้วย  แต่ก็นะ...เมื่อผมแยกตัวออกมาจากแคทไอ้เวรนั่นก็รีบตามผมมาเช่นกัน
     

    “ตามมาทำไม?  จะรีบไปเรียน” ผมทำหน้ามุ่ย
     

    “นั่นใคร?” หมอนั่นถามเสียงเย็น  ใบหน้าของมันตอนนี้บอกได้เลยว่ากำลังโกรธ
     

    “ตอนนี้ยังเป็นเพื่อนกันอยู่” ผมตอบพลางแสยะปาก  ฮึ! มึงทำกับกูได้กูก็หักหลังมึงได้เหมือนกันนั่นแหละ
     

    “หมายความว่าไง?”
     

    “ก็อีกไม่นานคงได้เป็นแฟนกันไง” ผมแสยะยิ้มพลางหัวเราะในลำคอเบาๆ
     

    “แล้วฉันล่ะ  นายเป็นแฟนฉันไม่ใช่เหรอ?” หมอนั่นกัดฟันถามเสียงเบา
     

    “ตอนไหนเหรอ? ไม่เห็นจะเคยรู้มาก่อน” ผมถามเสียงห้วน
     

    “ท่าทางแปลกๆ ของนายก่อนหน้านี้คืออย่างนี้ใช่ไหม?  นายเห็นฉันเป็นอะไร?” ไอ้คีตะกระชากแขนผมไปจับไว้ก่อนจะบีบเสียแน่นจนผมต้องเบ้หน้าด้วยความเจ็บ
     

    “ควาย” ผมตอบก่อนจะปัดมือหมอนั่นออกและรีบวิ่งเข้าห้องเรียนทันที  ผมแอบหันกลับไปมองหมอนั่นผ่านกระจกใสของห้องเรียนก่อนจะพบว่ามันเองก็กำลังมองผมอยู่เช่นกัน  ผมทำเป็นไม่สนใจก่อนจะหันกลับไปสนใจการเรียน

     



     

    กว่าจะเรียนเสร็จก็เป็นเวลาสองทุ่ม  เห็นดึกแบบนี้ใช่ว่าพวกผมจะเรียนตลอดเวลานะครับ ฮ่าๆๆ  หลังบ่ายโมงพวกผมว่างจนถึงสี่โมงเย็นจึงยกโขยงกันไปเล่นเกม  ผมสงสารตู้เกมที่พวกผมเล่นกันเหลือเกินเพราะเวลาเล่นแต่ละครั้งพวกผมไม่ออมมือเลย  ใส่แต่ละทีเล่นเอาตู้เกมโยกเลยทีเดียว
     

    ผมไม่ได้ไปส่งแคทกลับบ้านเพราะเวลากลับของเธอเป็นเวลาเรียนของผม  แคทเองก็ไม่ได้โกรธที่ผมไม่ได้ไปส่งเธอเข้าใจว่าผมต้องเรียน  ก่อนกลับเธอยังอุตส่าห์แวะมาหาผมที่ห้องและเอาคุกกี้มาฝากให้ผมกินระหว่างเรียนเพราะกว่าจะได้กินข้าวเย็นก็ดึกเธอกลัวผมจะหิว  แหม...น่ารักจริงๆ
     

    ระหว่างที่ผมกำลังจะแยกจากแคทไอ้คีตะกับพวกพี่ๆ ก็เดินลงมาจากชั้นบนพอดี  มันมองผมด้วยสายตายากที่จะอ่านก่อนจะเบือนหน้าหนีและเดินต่อ  พี่จิ้นที่เหลือบมาเห็นผมจึงโบกมือให้  เอ...โบกให้ผมหรือโบกให้ไอ้มินทร์กันน้า ฮ่าๆๆ  ไม่หรอกๆ พี่แกโบกให้ผมนั่นแหละเพราะพอเห็นหน้าไอ้มินทร์ที่แอบหันหลังมองมาจากในห้องพี่แกก็หุบยิ้มและสะบัดหน้าเดินไปเฉยเลย  ผมแอบเหลือบมองไอ้มินทร์ก่อนจะขำเพราะมันเองก็ทำหน้าย่นเหมือนพี่จิ้นเมื่อกี้ไม่มีผิด

     



     

    “เฮ้ยพวกมึง  หลังจากนี้ไปคลับกันไหม?” หลังจากเดินออกจากห้องเรียนรอบสุดท้ายที่พวกผมจะเรียนไอ้วาก็เอ่ยชวน  คือแบบว่า...ผมรู้มาว่าในกลุ่มผมกินเหล้ากันเป็นทุกคนแต่ยังไม่เคยกินด้วยกันเลยสักครั้ง  แน่นอนครับว่าผมกับไอ้พีทก็ดื่มเป็น  อ่ะนะ...เห็นหน้าใสๆ แบบนี้แต่ผมกับไอ้พีทคอแข็งนะเออ  (พวกผมเริ่มกินเหล้าเป็นกันตอนม.สาม  พ่อให้พีทบอกให้หัดไว้แต่ไม่ได้ให้กินบ่อยๆ  ให้พอกินเป็นและไม่ถูกมอมง่ายๆ ก็พอ  แค่เหล้านะครับบุหรี่พวกผมไม่ยุ่ง)
     

    “จะเข้าได้ไงวะ  อายุเพิ่งสิบห้าสิบหกกันเองนะเว้ย” ไอ้พีทแย้งขึ้น  ในกลุ่มผมตอนนี้มีเพียงไอ้มินทร์ครับที่อายุสิบหกแล้วนอกนั้นยังสิบห้ากันอยู่เลย
     

    “กูมีเส้นละกัน  ถ้าพวกมึงอยากไปอ่ะนะ” ไอ้วายิ้มกริ่ม  ไอ้เชี่ยนี่เส้นเยอะฉิบหาย  พ่อมึงเป็นใครวะ!?!
     

    “ถ้าจะไปกูต้องขอพ่อก่อนว่ะไม่งั้นพ่อกูเอาตายแน่”ไอ้มินทร์พูด  เห็นด้วยกับมัน เปอร์เซ็นที่พ่อจะยอมให้เข้าผับคงมีน้อยมากเลยทีเดียว
     

    “แต่วันนี้กูว่าอย่าเลย  กูแต่งตัวสมถุยฉิบหาย” ผมพูดพลางมองเสื้อผ้าที่ตัวเองใส่มา  กางเกงลายสก็อตขาเท่าเข่าสีฟ้าเข้มตัดด้วยสีขาว  เสื้อเชิ้ตแขนสั้นลายเดียวกันกับกางเกงแต่คนละสีสวมทับเสื้อยืดแขนสั้นคอวีสีดำ และรองเท้าเตะคีบสีดำสนิท  สมถุยจริงใช่ป่ะล่ะ
     

    “กูก็เหมือนกัน” ไอ้ลิซมองผมก่อนจะมองตัวเอง  มันแต่งคล้ายๆ กับผมเลยครับ
     

    “เอางั้นก็ได้  ถ้าใครขอพ่อแม่ได้บอกกูละกันเดี๋ยวพาไป” ไอ้วายักคิ้วก่อนพวกเราจะเดินแยกย้ายกันไปเพราะจอดรถไว้คนละที่  ผมกับไอ้พีทไปด้วยกันเพราะต้องกลับทางเดียวกัน



     

     

    กลับถึงบ้านยังไม่ทันได้พักหายใจโทรศัพท์ผมดังขึ้น  ผมวางกระเป๋าสะพายข้างลงบนโซฟาก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงและส่ายหน้าอย่างอ่อนใจเมื่อเห็นเบอร์
     

    ผมไม่อยากรับเลย...ผมไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวกับหมอนี่ในช่วงนี้เลย  บอกตรงๆ ว่าผมยังทำใจไม่ได้  ถึงตอนนี้ผมจะชอบแคทแต่ผมก็ยังไม่สามารถตัดใจจากไอ้บ้านี่ได้เลยจริงๆ  ถึงจะเกลียดแต่ความรู้สึกดีๆ ที่มีให้มันก็ไม่เปลี่ยนไปเลย  ผมจะทำอย่างไรดี?
     

    ผมวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะและนั่งมองมันสั่นอยู่อย่างนั้น  เบอร์ที่โทรมายังเป็นเบอร์เดิมไม่เปลี่ยน  พอสายตัดไปมันก็ดังขึ้นมาอีกจนผมต้องเดินหนีจากโทรศัพท์เพราะผมไม่มั่นใจว่าจะใจแข็งได้อีกนานแค่ไหน  ถ้ายังนั่งมองอยู่อย่างนั้นผมอาจจะรับก็เป็นได้

    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    วันนี้แอบมาอัพตอนหลังเที่ยงคืน  เพราะวันที่ 28 เป็นวันรับใบจบและตอนกลางคืนมีเลี้ยงกับเพื่อนและครู ก็เลยมาอัพให้ตอนดึกๆ เช่นนี้แล

    ไม่โกรธกันนะ  เข้าใจกันนะจ๊ะ  ไปละ ฟิ้วววววววววว

    B B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×