ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    I'm not gay!! แต่คนที่ชอบบังเอิญเป็นผู้ชาย (Yaoi)

    ลำดับตอนที่ #15 : Rule 10 : ความรู้สึกแปลกๆ

    • อัปเดตล่าสุด 20 ม.ค. 56


    edit : 20/01/13
    Rule 10 : ความรู้สึกแปลกๆ


                    หลังจากนั้นเหตุการณ์ชุลมุนในห้องน้ำก็เริ่มขึ้น   พี่จิ้นและพวกพี่นักบาสที่อยู่หอเดียวกันมาอาบน้ำด้วย  ต่างคนก็ต่างแกล้งกันจนอับอายขายขี้หน้า  ผมกะไอ้พีทถูกโลมเลียทางสายตาแต่ก็ไม่ได้หวั่น เพราะดูเหมือนว่าพวกพี่ๆ นักบาสจะจ้องจิกไอ้พวกโรคจิตทั้งหลายจนพวกมันหงอ  แหม...พวกพี่ๆ นี่ก็นิสัยดีเนอะ รู้จักปกป้องรุ่นน้อง ฮ่าๆๆ
     

                    การแกล้งกันอย่างสนุกสนานของพวกเราหยุดลงเมื่อเสียงกรี๊ดกร๊าดพวกตุ๊ดเกย์ดังขึ้น  พวกมึงจะสะดิ้งไปถึงไหนวะ ให้ตาย
     

                    แล้วไอ้ต้นเหตุก็ไม่ใช่ใครที่ไหน  ไอ้คีตะนั่นเองที่ดึงจิตวิญญาณตุ๊ดของเหล่าผู้ชายให้ออกมาหลั่นล้า  เชี่ยนี่เดินเข้ามาพร้อมกับร่างสูงๆ และหุ่นดีๆ ที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อไร้ไขมันส่วนเกิน  ไอ้พวกผู้ชายวิปริตที่ชอบไอ้คีตะก็ต่างทำเป็นเหนียมอายและแอบเนียนไปยืนใกล้ๆ  ส่วนไอ้พวกผู้ชายหัวใจเมะก็กัดฟันอิจฉากันยกใหญ่  หนึ่งในผู้คนที่อิจฉามันมีผมรวมอยู่ด้วยแน่นอนครับ

                    “โห ไอ้โหดมันเรียกเรตติ้งอีกละ” พี่จิ้นพูด
     

                    “ก็ดูเฮียแกสิ หล่อซะ  ขนาดพวกผู้ชายที่ชอบผู้หญิงโนตมๆ ยังพูดไว้ว่า  ถ้าเป็นพี่คิทล่ะก็  ฉันยอมพลีกาย  เลย” ไอ้วาพูด  เฮ้ย ขนาดนั้นเลยเหรอ?
     

                    “เป็นฉัน ฉันก็ยอมว่ะ” พี่นักบาสบางคนพูดขึ้น  ไม่รู้ว่าแกพูดเล่นหรือพูดจริงแหละ

                    “แต่ไอ้คิทโหดมันชอบผู้หญิงนี่เนอะ  ยังไงพวกนั้นก็ไม่มีหวังหรอก” พี่จิ้นพูด
     

                    “ใช่ๆ เฮียแกชอบซาลาเปาลูกโตๆ คิกๆ” ไอ้วาหัวเราะ  นั่นสินะ...หมอนั่นคงไม่มีทางหันมาชอบผู้ชายด้วยกันได้หรอก
     

                    ไอ้คีตะพยายามเบียดคนที่แอบเนียนไปยืนรุมล้อมแล้วเดินมาหาพวกผมที่ยืนเล่นกันเป็นกลุ่มใหญ่
     

                    “เชี่ยจิ้น  ทำไมมึงไม่รอกูเลยวะ  พวกมึงเหมือนกัน” ไอ้คีตะขมวดคิ้วพลางชี้หน้าพวกพี่นักบาสเกือบทุกคน  เออว่ะ  พวกพี่นักบาสหลายคนก็เรียนอยู่ห้องเดียวกันกะไอ้คีตะนี่นา
     

                    “ถ้ามากับมึงกูอาจจะโดนตุ๊ดแต๊ะอั๋งก็ได้” พี่จิ้นยักไหล่ตอบ   พวกเขาสองคนสนิทกันสินะ  ผมเพิ่งเคยเห็นคนอื่นนอกจากกรรมการนักเรียนสนิทกับหมอนี่นี่แหละ
     

                    “แม่ง ไม่รักกูเลย” ไอ้คีตะกอดอกก่อนจะสบัดหน้าไปด้านอื่น  นี่งอนเหรอ??  ตัวเท่าควายเสือกงอนเป็นเด็ก  น่ารักโคตรเลยมึง
     

                    “แล้วนี่ไอ้ขิมไม่มาอาบน้ำที่หอเราเหรอวะ เห็นมันบ่นอยากมานักหนา  ไม่รู้จะอยากมาทำด๋อยอะไร” พี่จิ้นบ่น  ผมเชื่อว่าประโยคที่พี่จิ้นพูดเมื่อกี้จะจี้ใจดำไอ้มินทร์เต็มๆ มันจึงหันมามองจิกพี่จิ้น  แต่ดูเหมือนพี่จิ้นจะรู้ตัวจึงจิกกลับอย่างไม่ลดละ 
     

                    “เหตุผลเดียว” ไอ้คีตะหรี่ตามองไอ้พีทนิดๆ ก่อนจะยักไหล่แล้วเดินไปแย่งฝักบัวคนอื่นอาบน้ำ  นิสัยดีจริงๆ  ทีผมยังใช้แค่ขันตักน้ำอาบเลยเพราะฝักบัวถูกคนอื่นใช้หมดแล้ว
     

                    ห้องอาบน้ำรวมของที่นี่ดูหรูหราจริงๆ มีอ่างบรรจุน้ำขนาดใหญ่อยู่ตรงกลางและมีก๊อกน้ำกว่าร้อยเรียงกันเป็นตับ  ฝาหนังก็มีฝักบัวประมาณหนึ่งร้อยอันเรียงไว้ให้ใช้พร้อมกับอ่างล้างหน้าที่อยู่ข้างๆ  ดูดีจริงๆ แต่เพราะพวกเราเข้ามาทีหลังจึงไม่มีฝักบัวใช้เพราะมันไม่พอ  น่าเสียดายๆ



     

     

                    เมื่ออาบน้ำเสร็จพวกเราก็นัดรวมตัวกันอยู่ที่ห้องพี่จิ้นแต่ไอ้พีทไอ้มินทร์แล้วก็ไอ้ลิซไม่มาด้วยเพราะมันไม่ค่อยสนิทกับพวกพี่ๆ แต่ทำไมไอ้เชี่ยวาเสือกเสร่อมาด้วยล่ะเนี่ย
     

                    “มีอะไรสนุกๆ เล่นกันเหรอครับ” ผมถามเมื่อเข้าไปในห้องของพี่จิ้น
     

                    เตียงสองเตียงถูกขยับมาชิดกันจนกลายเป็นเตียงขนาดใหญ่  บนเตียงก็มีผู้ชายร่างยักษ์ห้าคนนั่งล้อมวงกันซึ่งในมือของแต่ละคนไม่พ้นมีไพ่กันเต็มมือ  อะไรสนุกๆ ที่ว่านี่คือเล่นไพ่หรอกเหรอ?
     

                    “มาๆ มาเล่นกัน  ไอ้จิ้นเป็นเจ้า” รุ่นพี่นักบาสที่อยู่ม.หกพูดขึ้น  ดูจากหน้าพี่จิ้นแล้วสงสัยจะเสียไปเยอะ
     

                    “พวกพี่กล้ามากนะครับเนี่ย  ถ้าเฮียคิทมาหาจะทำไงครับ?” ไอ้วาถาม
     

                    “น่าๆ เราเล่นเสียงเบาๆ ถ้าเสียงดังไอ้คิทมันมาแน่  เชี่ยนี่หูดียิ่งกว่าหมา” พี่นักบาสอีกคนพูด
     

                    “แย่จังนะครับที่ได้มาอยู่ห้องข้างกันกับเฮียคิท  อันตรายๆ” ไอ้วาพูดพลางล้วงกระเป๋ากางเกงเพื่อเอากระเป๋าตังค์พร้อมกับเดินไปร่วมวง  ตอนแรกเราก็นึกว่ามันจะห้าม  ที่ไหนได้เตรียมเงินมาซะพร้อม
     

                    “อ่า งั้นเดี๋ยวผมไปเอาตังค์ก่อนละกัน  ไม่ได้ถือมาด้วย” ผมพูดพลางจะเดินออกไปแต่ไอ้วารั้งไว้เพราะมันจะให้ผมกู้ก่อน  แหม...ไม่ค่อยจะสนับสนุนกูเลยนะมึง
     

                    “อย่างต่ำยี่สิบบาทนะน้องๆ” พี่จิ้นพูด
     

                    “พี่จิ้น พี่เสียไปเท่าไหร่ละ?” ไอ้วาถามขึ้น  ดูสนิทกันดีเนอะ
     

                    “อย่าถามมากน่า เล่นๆ เถอะ” พี่จิ้นขมวดคิ้วพลางรีบแจกไพ่ในมือ
     

                    “ใครจะอยากตอบว่าเสียไปสองพัน ฮ่าๆๆ” พวกพี่ๆ ในวงแซว  ดูท่าคนอื่นๆ จะรวยเหลือเกินยกเว้นพี่จิ้นที่กำลังน้ำตาตกในเพราะเสียเงินไปเป็นพัน



     

     

                    “ป๊อกเก้าสองเด้ง!” เมื่อไพ่ส่งถึงมือผมครบสองใบผมก็โยนมันลงตรงหน้าทันที  พี่จิ้นหน้าเหวอเล็กน้อยก่อนจะปาดเหงื่อแล้วดูไพ่ตัวเอง  ฮุๆๆ เล่นมาตั้งหลายรอบผมยังไม่เสียเงินซักกะบาทหนำซ้ำยังได้เงินมาเต็มสองมือ ฮ่าๆๆ
     

                    “โห ไรวะ!!” พี่จิ้นบ่นอย่างหัวเสียเมื่อเปิดไพ่ออกมาแล้วพบว่าตัวเองไอ้เพียงแต้มเดียวแม้จะจั่วเพิ่มไปก็ไม่มีประโยชน์  แต่แต้มเดียวของพี่แกดันเป็นสามเด้งซะงั้น
     

                    “ขนาดกูได้สองแต้มกูยังได้กินมึงเลยว่ะจิ้น ฮ่าๆๆ” พวกพี่ๆ หัวเราะอย่างมีความสุข  ได้ตังค์ก็มีความสุขเป็นธรรมดา
     

                    “พวกมึงได้ฝึกโหดแน่คอยดู!” พี่จิ้นคาดโทษ 
     

                    “นี่ยังโหดไม่พออีกเหรอวะ!?!” พวกพี่นักบาสโอดครวญกันใหญ่แต่ยังบ่นกันได้ไม่นานก็มีใครบางคนมาเคาะประตูเสียก่อน
     

                    ก๊อกๆ
     

                    “เฮ้ย! ซวยละ เชี่ยคิทหรือเปล่าวะ” พวกพี่ๆ แตกตื่นรีบซ่อนไพ่
     

                    “รีบไปหลบในห้องน้ำไปเดี๋ยวกูไปดู” พี่คนที่เป็นรูมเมทกับพี่จิ้นพูดก่อนจะไปเปิดประตูต้อนรับผู้มาเยือน
     

                    ห้องน้ำที่ผมคิดว่ากว้างบัดนี้แคบลงถนัดตาเมื่อมีเด็กหนุ่มวัยละอ่อนแต่ร่างอย่างกับควายอัดกันอยู่ด้านในถึงห้าคน  จะมีแค่ผมนี่แหละที่กินเนื้อที่ไปเพียงจึ๋งเดียว
     

                    พวกผมต่างก็พยายามเอาหูแนบกับประตูเพื่อจะฟังเสียงของผู้มาเยือน  อยากรู้อยากเห็นเหลือเกินว่าเสียงนั้นเป็นของใคร
     

                    “พวกมึงสองคน...” เสียงเย็นๆ ที่มั่นใจได้ว่าต้องเป็นเสียงของไอ้คีตะดังขึ้น  น้ำเสียงของมันทำให้พวกผมถึงกับเสียวสันหลังวาบ
     

                    “อะ...อะไรของมึง มาดึกๆ ดื่นๆ” เสียงพี่จิ้นถาม
     

                    “พวกมึง...มียาแก้ไข้ไหม  กูไม่อยากไปรบกวนผู้ดูแลตอนดึกๆ ว่ะ” แป่ว!! เสียงแม่งโคตรน่ากลัว  ตอนแรกนึกว่าจะมาจับพวกเล่นไพ่  ที่แท้มาขอยาแก้ไข้  ให้ตาย!!
     

                    “เออ มีๆ เชี่ยจิ้นเป็นไข้บ่อยเลยต้องมีติดไว้” พี่รูมเมทพูดก่อนจะได้ยินเสียงฝีเท้าพี่แกวิ่งวุ่นหายา
     

                    “มึงเป็นไร  ไม่สบายเหรอ?” พี่จิ้นถาม
     

                    “เออ รู้สึกมึนๆ เลยกะจะกินยาดักไว้ก่อน” ไอ้คีตะพูดเสียงอ่อนลง
     

                    “มึงทำงานหนักไปแล้วนะเชี่ยคิท พักบ้างละกัน  ถ้ามึงเป็นอะไรขึ้นมาหมาตัวไหนจะจับพวกสูบบุหรี่ที่ดาดฟ้าวะ” พี่จิ้นพูดกวนๆ
     

                    “เออน่า กูไม่เป็นไรหรอก  ให้กูต่อยกับมึงตอนนี้กูยังสู้ได้สบาย”
     

                    “เฮ้ยๆ ขืนกูต่อยกะมึงกูก็ตายดิวะไอ้โหด  มึงรีบกลับห้องไปได้แล้วไป” พี่จิ้นพูดพลางไล่และคาดว่าน่าจะไล่ไปได้แล้วเพราะผมได้ยินเสียงประตูปิดดังปัง
     

                    “เฮ้อ เกือบซวย” พวกผมเปิดประตูห้องน้ำออกไปเจอร่างพี่จิ้นไหลลงกับพื้นเหมือนกับคนเหนื่อยมาก
     

                    “โอย โคตรร้อนเลยเหอะ!” ไอ้วาบ่นหลังจากหลุดออกมาจากห้องน้ำ  ผู้ชายหลายคนเข้าไปอัดกันในห้องน้ำเล็กๆ ไม่ร้อนก็ให้มันรู้ไปสิวะ
     

                    “เชี่ยคิทแม่งน่ากลัว  เล่นเอาใจหายใจคว่ำกลัวมันจับได้ชะมัด” พี่จิ้นถอนหายใจเบาๆ
     

                    “ผมว่าเราแยกย้ายกันกลับก่อนดีไหมครับ  กลัวไอ้คีตะวกกลับมาอีก  ไหนๆ เราทุกคนก็ได้เงินเยอะแล้ว” ผมพูดพลางแอบลอบยิ้มแล้วเหล่ตามองพี่จิ้น
     

                    “ใช่สิ  ได้เงินแล้วก็ทิ้ง” พี่จิ้นค้อนขวับ  ฮ่าๆๆ ผมได้เงินพี่แกตั้งเจ็ดร้อยกว่าบาท  มีเงินกินข้าวไปอีกหลายวันเลย  เล่นไพ่กับคนไม่มีดวงนี่มีแต่ได้กับได้เว้ย ฮ่าๆๆ



     

                   

                    พวกผมบอกลาเจ้าของห้องทั้งสองก่อนจะเดินออกมาจากห้อง  ขณะที่กำลังจะเดินลงบันไดผมก็ชะงักแล้วหันไปบอกให้ไอ้วามันกลับห้องไปก่อน
     

                    “วา มึงกลับไปก่อนนะเดี๋ยวกูทำธุระก่อนแป๊บ” ผมหยุดเดิน
     

                    “ทำอะไร เดี๋ยวฉันไปด้วย” ไอ้วายิ้ม
     

                    “เออน่า เดี๋ยวกูตามลงไป” ผมไล่พลางดันหลังมันให้เดินลงไป  มันมองผมงงๆ แต่ก็ยอมเดินลงจากชั้นสามแต่โดยดี  (พวกม.ห้าอยู่ชั้นสาม พวกผมอยู่ชั้นสอง)
     

                    ผมหันไปมองห้องที่อยู่ตรงข้ามกับบันไดอย่างชั่งใจก่อนจะตัดสินใจเดินไปเคาะห้องที่มีป้ายชื่อติดไว้ว่า  คีตกวี  ก็แค่เห็นว่าหมอนั่นไม่สบายเลยจะไปดูอาการเท่านั้นเอง
     

                    ก๊อกๆ
     

                    ผมเคาะประตูก่อนที่เจ้าของห้องจะออกมาเปิดให้
     

                    “นาย...”
     

                    ฮวบ!!!
     

                    “เฮ้ย!!” จู่ๆ ร่างยักษ์ๆ ที่มาเปิดประตูให้ก็ทรุดฮวบลงกับพื้นผมจึงใช้ร่างของตัวเองไปรับไว้  แต่เนื่องจากขนาดมันต่างกันเกินไปผมจึงล้มลงกับพื้นโดยมีไอ้คีตะล้มทับ
     

                    “นี่นาย!! ลุกขึ้นมาก่อนเซ่!” ผมเขย่าร่างยักษ์ๆ ของหมอนั่นแรงๆ  อ่า...ตัวมันร้อนมาก
     

                    “ปวด...หัว” ไอ้หมอนั่นครางเบาๆ ก่อนจะคลานออกจากตัวผม
     

                    “ไปทำอะไรมา  ทำไมถึงตัวร้อนได้ขนาดนี้วะ” ผมถามพลางลุกขึ้นและช่วยพยุงร่างหนักๆ ของหมอนั่นไปที่เตียง
     

                    “สงสัยไม่ได้นอนมาหลายวัน” ไอ้หมอนั่นนอนลงบนเตียงและหลับตาลงก่อนจะเอาแขนก่ายหน้าผากแล้วพูดขึ้น
     

                    “แล้วนั่นอะไร  ห้องแม่งโคตรรกเลย  ถ้าอยู่แล้วไม่ป่วยก็ให้มันรู้กันไป!” ผมมองไปรอบๆ ห้องแล้วถอนหายใจ  เห็นหมอนี่โคตรเนี้ยบ เสื้อผ้าไม่ยอมให้ยับ เรียนก็แม่งเก่งไม่นึกเลยว่าจะไร้ระเบียบขนาดนี้
     

                    “ก็ฉันไม่ชอบจัดห้องนี่หว่า” ไอ้หมอนั่นพูด
     

                    “แล้วนี่ทำไมจู่ๆ ถึงป่วยล่ะ  ตอนอาบน้ำก็ยังดีๆ อยู่เลยไม่ใช่รึไง” ผมถามอย่างสงสัย
     

                    “ไม่หรอก  ฉันมีอาการมานานแล้วแหละ  ทุกครั้งที่ออกไปข้างนอกก็ฝืนทั้งนั้นแหละ แค่ก” ไอ้หมอนั่นพูดก่อนจะไอเป็นเอฟเฟ็คท์ประกอบ  ถึงมึงไม่ไอกูก็เชื่อว่ามึงป่วย
     

                    ระหว่างที่ให้หมอนั่นนอนพักผมก็เริ่มจัดการเก็บห้องให้มันซะ  ห้องนี้เป็นพักของมันเพียงคนเดียวจึงมีเตียงเดียวและทำให้ห้องดูกว้างยิ่งขึ้น  ขยะในห้องหมอนี่ส่วนมากเป็นกระดาษที่เขียนตัวโน้ตยึกยักยึกยือที่ผมไม่มีทางเข้าใจได้เพราะผมไม่เคยตั้งใจเรียนวิชาดนตรีเลยสักครั้ง  แหม...ผิดคาดนะที่หมอนี่สนใจเรื่องดนตรี
     

                    ผมยัดกระดาษที่ทิ้งเกลื่อนกลาดเต็มพื้นห้องลงถังขยะ  ผมคิดว่าหมอนั่นคงไม่ใช้แล้วล่ะเพราะกระดาษถูกขยำจนยับยู่ยี่  นอกจากกระดาษโน้ตเพลงแล้วยังมีกระดาษที่เขียนเกี่ยวกับการจัดทีมบาสไว้อีกต่างหาก  หมอนี่มันก็ฝักใฝ่เรื่องบาสนี่นา  เสียอย่างเดียวไม่ยอมไปซ้อมที่ชมรมซักที
     

                    ผมจัดภายในตัวห้องเสร็จแล้วจึงเข้าไปจัดในห้องน้ำ
     

                    ฮุๆ หมอนี่ไม่มีทิชชู่หรือไงนะ  สงสัยไม่เคยช่วยตัวเอง  อ่อนหัดจริงๆ  แต่น่าแปลกตรงที่ทั้งๆ ที่ห้องสกปรกโสโครกสุดๆ แต่ในห้องน้ำกลับสะอาดนิ้งจนน่าแปลกใจ
     

                    หืม? ตรงหน้ากระจกในห้องน้ำมีกล่องคอนแท็คเลนส์ด้วย  หมอนี่สายตาสั้นเหรอ??  เอ๊ะ?! คอนแท็คเลนส์สีดำ  มิน่าล่ะสีตาเข้มสุดๆ เพราะใส่คอนแท็คเลนส์ช่วยนี่เอง
     

                    ผมเก็บขยะมายัดใส่ถุงดำก่อนจะหันไปเปิดตูเสื้อผ้าเพื่อจะจัดให้  ห้องรกแบบนี้ตู้เสื้อผ้าก็ต้องรกไม่แพ้กันแน่ๆ
     

                    ก่อนที่ผมจะเปิดตู้เสื้อผ้าของหมอนั่นผมก็เหลือบไปเห็นกล่องเครื่องดนตรีสีดำๆ ที่ข้างตู้  ผมขมวดคิ้วก่อนจะเดินไปหยิบมันมาเปิดดู
     

                    วะ...ไวโอลิน!?! หมอนี่เล่นไวโอลิน?? คุณนักดนตรีลึกลับก็เล่นไวโอลิน??  ไม่นะ...คงไม่จริงใช่ไหม!?!
     

                    ผมหันไปมองร่างยาวๆ ที่นอนก่ายหน้าผากหลับตาอยู่บนเตียงอย่างตกใจ  ไม่หรอก...พวกพี่ๆ กรรมการนักเรียนบอกว่าคุณนักดนตรีลึกลับผมสีทองตาสีฟ้าเป็นลูกครึ่งไม่ใช่รึไง  แต่หมอนี่ทั้งผมสีดำ  ตาก็สีดำ...??
     

                    “นี่นาย ลืมตาซิ!!” ผมนึกถึงคอนแท็คเลนส์ในห้องน้ำก่อนจะรีบกระโจนไปเขย่าตัวหมอนั่น
     

                    “อะไรของนาย” หมอนั่นขมวดคิ้วแล้วลืมตาขึ้นพร้อมกับดันหน้าผมที่ยื่นไปใกล้ๆ เพื่อดูสีตาออกด้วยสีหน้ารำคาญ  ก็คนจะนอนถ้าใครไปกวนก็ต้องรำคาญเป็นธรรมดา
     

                    โอ้วไม่!!! ไอ้บ้าเอ๊ย!!
     

                    “นาย!?! ตกลงนายคือดีเจนั่นใช่ไหม!?!” เมื่อผมเห็นสีตาของหมอนั่นผมก็แทบทรุด  ให้ตายเถอะ!
     

                    “ชิ” หมอนั่นทำสีหน้าไม่พอใจก่อนจะเอามือกุมขมับตัวเอง
     

                    “นี่ ไอ้บ้านี่! นายจริงๆ ใช่ไหม!?! โอ๊ย! ไม่น่าเลย  ฉันไม่น่าไปรู้สึกประทับใจดีเจนั่นเลยจริงๆ ถ้ารู้ว่าเป็นนายฉันคงไม่...ชิ!!” ผมทรุดลงนั่งกับพื้นสะอาดใสที่ผมบรรจงกวาดเองกับมือ
     

                    “ทำไม ถ้าเป็นฉันแล้วนายจะเกลียดใช่ไหม!? นั่นสินะ ฮึ!” ไอ้หมอนั่นหันหน้าไปทางอื่นก่อนจะกระตุกยิ้มเหมือนสมเพชตัวเอง
     

                    “เอ่อ...ชะ...ฉันไม่ได้หมายความ...”
     

                    “นายออกไปเถอะ  เกลียดฉันไม่ใช่เหรอ  อ้อ คราวหน้าถ้ามีรายการนั้นนายก็ปิดหูซะนะ หรือไม่ก็ทำอะไรก็ได้ที่จะทำให้ไม่ได้ยินเสียงนั้น” หมอนั่นนั่นลุกขึ้นก่อนจะหันหลังให้ผม
     

                    “นาย...โกรธเหรอ??” ผมรู้สึกผิดที่พูดออกไปโดยไม่คิดจึงเอื้อมมือไปจิ้มไหล่กว้างๆ แข็งๆ ของหมอนั่น
     

                    “ฉันทำอย่างนั้นได้ด้วยเหรอ?” น้ำเสียงแบบนี้งอนกูชัดๆ
     

                    “ฉันยังไม่ได้พูดซักคำว่าเกลียดนาย” ผมกระโดดขึ้นเตียงแล้วคลานไปนั่งข้างๆ กับหมอนั่น  เมื่อเห็นผมไปนั่งข้างๆ มันก็หันไปทางอื่นทันที  งอนเป็นเด็กเชียวนะมึง
     

                    “ฮึ! เมื่อก่อนนายเกลียดฉันไม่ใช่เหรอ จะเลิกเกลียดกันง่ายไปมั้ง”
     

                    “อยากให้ฉันเกลียดนายว่างั้น” ง้อยากนักเดี๋ยวแม่งเลิกง้อซะเลยนี่
     

                    “เออ”
     

                    “โอ๋ๆ อย่างอนเป็นเด็กดิ  แค่นายไม่ล้อฉันเรื่องหน้าตาของฉันฉันก็ไม่เกลียดนายหรอกน่า  ไอ้โหดอย่างนายมางอนฉันแบบนี้มันไม่ได้น่ารักเลยนะ” ผมเอาคางไปเกยไหล่หมอนั่น
     

                    “ฉันไม่ได้อยากน่ารักซัก...” หมอนั่นที่ดูเหมือนจะโกรธหันมาจะวีนใส่ผมแต่บังเอิญว่าผมเกยคางไว้บนไหล่ของมันอยู่พอมันเบี่ยงตัวมาผมก็หงายหลังล้มลงนอนบนเตียงทันที  ส่วนมันพอหันมาเจอผมนอนแผ่หลาอยู่บนเตียงมันก็ถึงกับเบิกตาแล้วหน้าแดง เฮ้ยๆๆ อย่ามาหน้าแดงใส่กูนะ  กูเขินตามเลยไอ้เชี่ย


    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
    ตัดฉับ!!! ฮ่าๆๆๆ


    B B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×