คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : Rule 14 : รักน้องต้องเข้าค่าย (100%)
edit : 1/1/13
หลังจากอาหารมาส่งไอ้พี่ลันก็นั่งมองหน้าผมด้วยสายตาอ่านไม่ออก แกถอนหายใจนิดๆ ก่อนจะเดินไปหยิบน้ำจากตู้เย็นมาสองสามขวดพร้อมกับนมสดหนึ่งแกลลอน ผมมองการกระทำของแกอย่างงงๆ แต่ก็ไม่ได้ถามอะไร
กินได้สักพักไอ้พี่ลันก็เริ่มเทนมเทน้ำใส่อย่างละแก้วก่อนจะกรอกลงคออย่างรวดเร็ว ผมเงยหน้ามองหน้าไอ้พี่ลันนิดๆ ก่อนจะหัวเราะออกมา หน้าของไอ้พี่ลันตอนนี้แดงมากเลยครับ น้ำมูกน้ำตาเงี้ยไหลพรากจนหยิบทิชชู่แทบไม่ทัน ไอ้พี่ลันซับเหงื่อซับน้ำตาก่อนจะกินต่อ ท่าทางพี่ลันจะแพ้อาหารเผ็ดแต่ทำไมถึงยังกินอยู่อีกล่ะ?
“พี่เตี้ย ไหวไหมเนี่ย?” ผมถามเสียงกลั้วหัวเราะ ไม่คิดเลยว่าผู้ชายท่าทางดิบๆ อย่างไอ้พี่ลันจะกินเผ็ดไม่ได้ โอ๊ย! อยากจะลงไปกลิ้งจริงๆ
“ไหว” พี่ลันตอบก่อนจะหยิบทิชชู่มาซับน้ำมูก ฮ่าๆๆๆ น่าสงสารจริงโว้ย
“พอเลยพี่ พี่เลิกกินก็ได้เดี๋ยวผมทำอะไรง่ายๆ ให้กิน” ผมลุกขึ้นเดินไปเปิดตู้เย็นเพื่อหาเครื่องปรุงเพื่อทำอาหารง่ายๆ ให้พี่ลันกิน ท่าทางพี่แกตอนนี้ทั้งน่าขำทั้งน่าสงสารแต่ผมเยื้องไปทางสงสารแกมากกว่าแฮะ
“นายจะทำอะไร?” พี่ลันวางช้อนส้อมลงก่อนจะดื่มนมอึกใหญ่แล้วถาม
“มีแต่ไข่แบบนี้พี่จะกินอะไรล่ะ?” ผมถามพลางหยิบไข่ที่ฝาตู้เย็นมาสามใบ
“ไข่ม้วน” พี่ลันตอบเนิบๆ
“มันนานนะพี่” ผมบอก ขืนรอให้ผมทำไข่ม้วนเสร็จมีหวังไอ้พี่ลันคงอิ่มนมก่อนแน่ๆ
“เอาน่า” พี่ลันขมวดคิ้วนิดๆ ผมจึงยอมทำให้
ผมใช้สำลีชุบน้ำมันก่อนจะทาลงไปที่กระทะ ตีไข่ใส่เครื่องปรุงให้เรียบร้อยก่อนจะตั้งไฟอ่อนๆ แล้วบรรจงเทไข่ลงไปบางๆ รอให้ไข่สุกนิดๆ ก่อนจะค่อยๆ ม้วนไข่และเทไข่ดิบลงไปอีกชั้นพอมันสุกก็ม้วนอีกรอบ ผมทำอย่างนั้นสามสี่ครั้งก่อนจะปิดแก๊สและเอามีดมาตัดให้เป็นชิ้นๆ พอดีคำ
“สีสวยดีนะ” ไอ้พี่ลันพูดเบาๆ หลังจากผมวางจานใส่ไข่ม้วนที่ตัดเป็นชิ้นๆ ไว้ตรงหน้าพี่แก
“ทำยากนะเนี่ย” ผมแอบยืดนิดๆ ผมก็พอทำอาหารเป็นบ้างครับแต่ไม่ค่อยเก่ง ทำพอให้ตัวเองกินได้แต่ถ้าให้ทำเลี้ยงคนเยอะๆ ผมคงไม่ไหวเพราะฝีมือผมยังไม่ดีนัก ที่ทำให้ไอ้พี่ลันกินผมยังไม่แน่ใจเลยว่ามันจะออกมาอร่อย เหอๆ
“เออนี่ เดือนหน้าชมรมเราจะไปเข้าค่ายฝึกตัวกันที่ภูเขาทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นายจะไปไหม?” พี่ลันถามพลางตักไข่ม้วนเข้าปาก
“เอ๋? ว่าแต่จะไปกันทั้งชมรมเลยเหรอครับ คนเยอะขนาดนั้นผมไม่ไปหรอก” ผมบอก คนในชมรมตั้งเกือบสองร้อยคนมันจะดูแลกันทั่วถึงเหรอเนี่ย?
“ไม่ได้ไปทั้งชมรมหรอก ไปแค่พวกบีกินเนอร์กับครูฝึก ฉันกับไอ้ลุกซ์ที่เป็นครูฝึกชั่วคราวก็ต้องไปคุมด้วย” พี่ลันบอก
“ไปก็ได้ครับ ผมต้องไปดูแลไอ้เมฆด้วย” ผมพูด ก็ผมไม่ใช่บีกินเนอร์ถึงไม่ไปก็ไม่เป็นไรหรอก
“ดูจะเป็นห่วงเพื่อนคนนี้เหลือเกินนะ” ไอ้พี่ลันแซว...หรือประชดวะ?
“ก็มันเป็นคนอ่อนแอนี่ครับ อีกอย่างถ้าให้มันไปคนเดียวเดี๋ยวพี่ลุกซ์ก็แกล้งจนหอบขึ้นหรอก” ผมพูด มันน่าเป็นห่วงตรงไอ้พี่ลุกซ์ไปด้วยนี่แหละครับ
“เรื่องไอ้ลุกซ์นายควรจะห่วงตัวเองมากกว่านะ”
“ทำไมครับ?” ผมเงยหน้าถามไอ้พี่ลันทันที พูดแบบนี้เล่นซะผมระแวงเลย
“มันถูกใจนาย” ผมควรดีใจไหมครับที่พี่ปกครองชั้นสูงสุดถูกใจผม แต่ทำไมผมรู้สึกเหมือนอยากจะร้องไห้ล่ะครับ?
“ถูกใจผมแล้วทำไมผมต้องระวังตัวล่ะครับ?” ผมถามงงๆ
“มันถูกใจใครแล้วมักจะแกล้งคนนั้น” คำตอบของไอ้พี่ลันทำให้ผมหงอยเลยทีเดียว ตกลงคือผมไม่ต้องห่วงไอ้เมฆเรื่องที่จะถูกไอ้พี่ลันแกล้งแต่ผมสมควรห่วงตัวเองว่าอย่างนั้นเถอะ?
“แล้วผมควรจะต้องทำอย่างไรดีล่ะครับ ผมไม่อยากถูกแกล้งอ่ะ” ผมขมวดคิ้วเซ็งๆ ไอ้ผมก็แค่นักศึกษาธรรมดาๆ แล้วผมจะเอากำลังที่ไหนไปต่อกรกับประธานปกครองปีสูงสุดล่ะครับ?
“อยู่ใกล้ๆ ฉันไว้สิ” ฉ่า!! ได้ยินเสียงอะไรไหม้ไหมครับ? ไม่ต้องสงสัยนะ เสียงหน้าผมกำลังไหม้เองล่ะครับ สิ้นคำของพี่ลันผมก็รู้สึกร้อนฉ่าที่ใบหน้าทันที
“พี่จะช่วยผมเหรอ?” ผมถามโดยไม่มองหน้าไอ้พี่ลัน ทำไมน่ะหรือ? ผมเขินอยู่ครับ
“ลองขอดูสิ” ไอ้พี่ลันยิ้มที่มุมปากนิดๆ อย่างมีเลศนัย
“พี่เตี้ยช่วยผมด้วยนะครับ” ผมประนมมือไหว้ก่อนจะพูดเสียงยานคางอย่างกวนตีน เมื่อไม่ได้ดั่งใจไอ้พี่ลันก็นิ่งเงียบไม่พูดอะไร “พี่ลันช่วยผมด้วยนะ” ผมเลิกกวนตีนก่อนจะพูดอย่างจริงจังแต่ไอ้พี่ลันยังคงนิ่งไม่พูดอะไรหรือทำอะไรทั้งนั้น ไอ้พี่เวรนี่มันต้องคิดอะไรทะลึ่งๆ แน่เลย “เอางี้นะพี่เตี้ย ก่อนที่ผมจะขอร้องพี่ผมอยากแน่ใจว่าถ้าผมลงทุนขอร้องพี่ไปแล้วพี่จะช่วยผมจากไอ้พี่ลุกซ์ได้จริงๆ นะ” ผมถอนหายใจนิดๆ ก่อนจะถามเพื่อความแน่ใจ
“อืม” พี่ลันพยักหน้าส่งๆ ถ้าพี่แกกล้าพยักหน้าขนาดนี้แสดงว่าแกมั่นใจว่าจะช่วยผมได้ อย่างไอ้พี่ลันพยักหน้าแค่นี้ได้ก็บุญแล้วครับแต่ถ้าเป็นคนอื่นพยักหน้าส่งๆ แบบนี้ล่ะก็ผมจะไม่เชื่อถือ
ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะเดินอ้อมไปข้างหลังพี่ลันที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ ผมค่อยๆ ยื่นแขนออกไปก่อนจะโอบรอบคอไอ้พี่ลันไว้และโน้มหน้าลงไปใกล้ๆ หู “ช่วยผมด้วยนะครับ” ผมพูดเบาๆ ก่อนจะจุ๊บข้างแก้มแกเบาๆ
อ๊ากกกกกกก กูทำอะไรลงไปฟะ!?! เฮ้ย! ทำไมผมถึงกล้าผมแบบนั้นเนี่ยอะไรดลใจให้ผมทำแบบนั้น โอย ทำเองก็อายเอง
ขณะที่ผมกำลังจะดึงตัวเองกลับไปยืนดีๆ คอของผมก็ถูกมือข้างหนึ่งของไอ้พี่ลันตะปบเอาไว้ก่อนที่แกจะเอี้ยวตัวมาดึงผมเข้าไปจูบ โอย หัวใจจะวายตายแล้วครับ ไอ้พี่ลันชอบทำอะไรที่เสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจล้มเหลวจริงๆ
“ทำอย่างนี้ซะตั้งแต่ทีแรกก็ดีแล้วแท้ๆ” ไอ้พี่ลันยิ้มมุมปากก่อนจะลุกขึ้นหยิบจานชามไปวางไว้ที่อ่างล้างจานปล่อยให้ผมยืนนิ่งหน้าแดงตัวแดงอยู่คนเดียว นี่มีแค่ผมคนเดียวหรือที่ประหม่าจะแทบระเบิดตัวเอง ไอ้พี่ลันมันมีความรู้สึกอะไรกับเขาบ้างไหมเนี่ย
waiting for 60%
มาต่อจ้า
พอมีครั้งที่หนึ่งก็ต้องมีครั้งที่สอง...พอมีครั้งที่สองก็ต้องมีครั้งที่สาม...
หลังจากที่ผมกลับจากบ้านพี่ลันครั้งนั้นผมก็ถูกล่อลวงไปอีกสองสามครั้ง ไอ้เราก็อุตส่าห์บอกไว้ว่าจะไม่มีครั้งต่อไปสุดท้ายผมก็เลยตามเลยเหมือนถูกชักจูงจนปฏิเสธไม่ได้ ก็ใครบอกให้ไอ้พี่ลันมันทำตัวน่ารักน่าหยิกจนผมยอมไปด้วยง่ายๆ เองล่ะ ต้องโทษไอ้พี่ลันนะอย่ามาโทษความใจง่าย(?)ของผม
และวันนี้ก็เป็นวันที่เราจะต้องไปเข้าค่ายเก็บตัวฝึกซ้อมสำหรับคนฝึกเทควันโดเบื้องต้น ผมจำได้ว่าพี่ลันเคยบอกไว้ว่าคนที่จะไปเข้าค่ายมีพวกที่ฝึกบีกินเนอร์กับพวกครูฝึกอีกห้าคนรวมพี่ลันกับพี่ลุกซ์แต่จำนวนคนที่ผมเห็นในเวลานี้มันเหมือนจะมีมากกว่าจำนวนคนที่ผมคิดว่าจะไปนะครับ
พวกผู้หญิงจากหลายคณะแห่กับขึ้นรถบัสที่กำลังจะออกเดินทางเล่นเอาผมยืนงงเป็นไก่ตาแตก พวกผู้หญิงเหล่านั้นไม่ใช่คนในชมรมเทควันโดเลยสักคนเดียวและดูเหมือนว่าเป้าหมายของการไปเก็บตัวครั้งนี้ของพวกหล่อนก็คือสองพี่น้องลุกซ์กับลัน
“พี่ไท คนพวกนั้นมันใครกันน่ะ?” ผมถามอย่างสงสัย ไอ้พี่เสือกับไอ้พี่ขลุ่ยก็จะไปด้วยเพราะไอ้พี่ลันไปขอให้มาช่วยเป็นพี่สต๊าฟคอยดูแลน้องๆ ระหว่างฝึก พี่สต๊าฟก็มีหน้าที่ไม่มากหรอก ก็แค่คอยจัดหาเรื่องอาหาร เรื่องอุปกรณ์การฝึก เรื่องที่หลับที่นอน และอีกเยอะแยะมากมาย (เหอๆ) ซึ่งหน้าที่เหล่านั้นก็เหมาะกับพวกใช้แรงงานอย่างพี่เสือกับพี่ขลุ่ยจริงๆ
“ตอนที่ชมรมประกาศรับสมัครสต๊าฟพวกผู้หญิงก็แห่กันมาสมัครก็ให้พรึ่บเลย นี่แค่หนึ่งส่วนสี่ของจำนวนคนที่มาสมัครเองนะ” ไอ้พี่เสือบอก ผมอ้าปากค้าง จากที่ผมประมาณด้วยสายตา จำนวนคนที่มาเป็นสต๊าฟคือยี่สิบกว่าคนส่วนคนที่จะไปฝึกมีประมาณห้าสิบกว่าคน อื้อหือ ถ้าสต๊าฟจะเยอะขนาดนี้นะครับ
“โอ้ย ถ้ารู้ว่าคนจะไปเยอะขาดนี้ผมคงไม่ไปหรอก” ผมบ่น
“อย่าบ่นไปหน่อยเลยสุดที่รัก ขึ้นรถเหอะ เร็วๆ” ไอ้พี่เสือหัวเราะนิดๆ ก่อนจะกอดคอผมเดินไปขึ้นรถ
ตอนแรกผมก็เดินขึ้นรถไปกับพี่เสือโดยเดินตามหลังไอ้เมฆกับพี่ขลุ่ยไปพอผมจะเดินไปนั่งข้างไอ้เมฆพี่ขลุ่ยก็นั่งเสียก่อนแล้วผมจึงคิดว่าตัวเองคงจะได้นั่งข้างไอ้พี่เสือ ขณะที่ผมกำลังจะหย่อนก้นลงนั่งข้างๆ พี่เสือร่างของผมก็ถูกกระชากไปนั่งเบาะข้างๆ ผมนึกว่าพี่ลันจึงหันไปโวย
“เบาๆ หน่อยสิวะไอ้พี่เตี้ย!” ด้วยความที่ว่าผมมักจะถูกไอ้พี่ลันดึงแบบนี้เสมอมันจึงทำให้ผมพลั้งปากออกไปอัตโนมัติ
“โทษทีแต่พอดีว่าผมสูง” เสียงเย็นๆ ดังขึ้นผมจึงรีบหันไปมองคนที่คิดว่าเป็นไอ้พี่ลันทันที
เหี้ยเลยครับ...ไม่ใช่ไอ้พี่ลันแต่เป็นพี่ชายของพี่มันต่างหาก ซวยแล้วกู ตะคอกใส่ประธานปกแบบนี้กูโดนสอยร่วงแน่เลย
“ผะ...ผมขอโทษครับ” ผมก้มหัวขอโทษขอโพยก่อนจะรีบลุกออกจากเบาะที่นั่งข้างไอ้พี่ลุกซ์
“คุณจะไปไหน? นั่งกับผมนี่แหละ” ไอ้พี่ลุกซ์ดึงข้อมือผมเอาไว้ผมจึงรีบหันไปมองหน้าไอ้พี่เสืออย่างขอร้องแต่ไอ้พี่เสือกลับเมินผมอะครับ! คอยดูเถอะไอ้พี่ดำ มีโอกาสเมื่อไหร่ผมจะแกล้งให้น้ำตาไหลอาบหน้าเลยคอยดูสิ! ไม่ยอมช่วยน้องช่วยนุ่งเลยนะไอ้พี่เสือ
แล้วนี่...ไอ้พี่ลันไปอยู่ไหนวะ ไหนสัญญาอย่างดิบดีว่าจะมาช่วยพอถึงสถานการณ์จริงๆ กลับหายต๋อมไปแบบนี้ ไม่น่าเปลืองตัวขอร้องเลยจริงๆ ว่ะ
“พี่ลุกซ์คะ ไปนั่งกับพวกเราทางนั้นหน่อนะคะ” จู่ๆ ก็มีผู้หญิงกลุ่มหนึ่งเดินเบียดๆ กันมาหาไอ้พี่ลุกซ์ที่นั่งอยู่ข้างผม ผมแอบลุ้นในใจขอให้พี่มันไปซะ
“ไม่ล่ะครับ ผมนั่งตรงนี้ก็ดีอยู่แล้ว” พี่ลุกซ์ส่ายหน้าปฏิเสธ นี่มึง...สาวมาอ่อยถึงที่มึงยังจะเล่นตัวอีก ถ้าเขาชวนกูกูคงไปตั้งแต่เขาพูดจบแล้ว
“นะคะพี่ลุกซ์ นะคะนะ” พวกสาวๆ เริ่มงอแง อ่า...น่ารักอ่ะ อยากมีคนมางอแงใส่แบบนี้มั่งจัง
ไอ้พี่ลุกซ์แอบทำหน้าหงุดหงิดเล็กน้อยก่อนจะยอมลุกออกไปแต่ไม่วายหันมาพูดกับผมก่อนจะไป “นั่งอยู่ตรงนี้นะเดี๋ยวผมกลับมา” เรื่องอะไรกูจะอยู่ให้โง่ล่ะครับ พอมึงไปกูก็เผ่นสิ ฮ่าๆๆ
ผมหัวเราะอย่างบ้าคลั่งในใจก่อนจะลุกขึ้นเพื่อไปนั่งที่อื่นที่มันไกลๆ จากไอ้พี่ลุกซ์แต่แล้วผมก็ลุกไปไหนไม่ได้เมื่อผมถูกผลักให้กลับไปนั่งที่เดิมโดยมีคนตัวโตๆ นั่งข้างๆ ปิดทางไว้ พี่ไปน้องมาครับ
“พี่เตี้ย! ไปไหนมา ผมเกือบแย่” ผมตีแขนไอ้พี่เตี้ยเบาๆ เพราะโกรธที่พี่มันไม่มาช่วยผม
“ก็มาช่วยแล้วไง” พี่เตี้ยหันมามองหน้าผมนิดๆ ช่วงนี้เวลาที่ไม่ได้อยู่ในสายตาคนอื่นไอ้พี่ลันมันมักจะมองผมด้วยสายตาที่โคตร...เซ็กซี่(ในความคิดของผมอ่ะนะ)เล่นซะผมต้องรีบหันหน้าหนีก่อนที่หน้าตัวเองจะร้อนจนระเบิด พี่มันจะมองผมด้วยสายตาแบบนี้ทำไมกันมันรู้หรือเปล่าว่าผมเขิน!
“ช่วยตรงไหน?” ผมถามอย่างไม่เข้าใจ แค่มานั่งข้างๆ เนี่ยนะช่วย ชิ
“ก็น้องผู้หญิงพวกนั้นไง” พี่ลันพูด อ๋อ ผู้หญิงพวกนั้นเป็นเด็กในสังกัดของพี่ลันสินะ ดีจังเลยนะให้เด็กของตัวเองมาล่อพี่ชายออกไป
“พวกนั้นเป็นเด็กพี่เหรอ?” ผมถาม ถามเองหงุดหงิดเองว่ะ
“ก็...ทำนองนั้น” พอพี่ลันตอบผมก็เงียบไปและเบือนหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง ขุดหลุมฝังตัวเองจริงๆ เลยกู ไปถามเขาให้โมโหตัวเองทำไมวะเนี่ย หงุดหงิดเว้ย!!
“เอาน่า...ไม่ได้พาพวกนั้นไปคอนโดด้วยซักหน่อย” ไอ้พี่ลันเอียงหัวลงมาพิงหัวผมก่อนจะพูดเบาๆ ไม่ได้พาไปคอนโดแต่พาไปโรงแรมใช่ไหมล่ะ? ไอ้หื่นเอ๊ย!!
สถานที่ที่เรามาเข้าค่ายเก็บตัวกันคือรีสอร์ทแห่งหนึ่งบนเขาที่รายล้อมไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่ เป็นรีสอร์ทที่เงียบสงบนั่งท่องเที่ยวไม่มากนักแถมใกล้ๆ รีสอร์ทยังมีป่าไว้ให้ศึกษาพันธุ์ไม้อีกด้วย ข้างๆ ห้องอาหารของรีสอร์ทก็มีฟาร์มนกกระจอกเทศที่ทุกคนให้ความสนใจถ่ายรูปกันใหญ่ แต่ที่ผมสนใจที่สุดก็เห็นจะเป็นสระว่ายน้ำนี่แหละครับ ผมชอบว่ายน้ำมากเลย อยากจะหาเวลาไปเข้าคลับว่ายน้ำอยู่เหมือนกันแต่เวลาในตอนนี้ของผมยังไม่ลงตัวนัก ต้องไปเรียนต่อด้วยกินเหล้าเกือบทุกวันเล่นเอาผมไม่มีเวลาออกกำลังกายกันเลยทีเดียว
“เอาล่ะครับน้องๆ มาเข้าแถวกันอยู่ตรงนี้ก่อนนะครับพี่จะแบ่งห้องให้พัก บังกะโลหนึ่งหลังจะมีห้องอยู่สามห้องให้พักห้องละสองคน ให้จับกลุ่มกันมาหกคนมารับกุญแจไปนะครับ” ไอ้พี่ขลุ่ยพูดผ่านโทรโข่งเพื่อเรียกความสนใจจากชาวค่าย
ผมกับไอ้เมฆมองหน้ากันนิดหน่อยเพราะไม่รู้จะไปเข้ากลุ่มกับใคร คนอื่นๆ เขาก็ชุลมุนจับกลุ่มกันให้วุ่นวาย
“รอให้คนอื่นเขาจับกลุ่มกับเสร็จก่อนละกัน กลุ่มไหนขาดเราค่อยไปรวมกันเขา” ผมบอกไอ้เมฆ มันพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะเดินไปนั่งที่ขอบฟุตบาธเพื่อรอให้คนอื่นๆ เข้าแถวรับกุญแจห้องกันให้เสร็จก่อน
ผมกับไอ้เมฆยืนงงๆ มองคนอื่นๆ เดินจากไปช้าๆ ทุกคนเขามีกลุ่มกันหมดเลยอ่ะครับเหลือแต่ผมกับไอ้เมฆเท่านั้น แล้วคืนนี้...พวกกูจะไปนอนไหนวะครับ
“พวกคุณไปนอนบ้านเดียวกันกับพวกผมก็แล้วกัน” ไอ้พี่ลุกซ์พูดขึ้น กูจะบ้าตาย ได้ไปนอนบ้านเดียวกันกับประธานปกครองคณะวิศวะถึงสองคนผมควรดีใจดีไหมครับ
พวกผมเดินตามพี่ๆ ไปที่บังกะโลหลังที่ใกล้ที่สุดก่อนจะรับกุญแจห้องมาไขเข้าไปในห้องที่มีเตียงเดี่ยวขนาดคิงไซส์ ผมกับเมฆทิ้งกระเป๋าลงบนพื้นก่อนจะกระโดดลงบนเตียงด้วยสีหน้าระรื่น เตียงของรีสอร์ทให้ความรู้สึกดีชะมัดเลยอ่ะ
“นี่พวกนาย อย่าเพิ่งเล่นเป็นเด็กๆ ไป อีกห้านาทีต้องไปรวมตัวกันที่ห้องโถง รีบจัดข้าวของซะ” ไอ้พี่ไทเดินเข้ามาในห้องของพวกผมที่เปิดประตูแง้มเอาไว้
“พี่ไทนอนกับใครอ่ะครับ” ไอ้เมฆลุกจากเตียงก่อนจะถาม
“นอนกับไอ้ลันน่ะ”
“แสดงว่าพี่ขลุ่ยนอนกับพี่ลุกซ์หรือครับเนี่ย” ไอ้เมฆทำหน้าหงอยๆ อะไรกันวะเมฆทำหน้าบูดเหมือนกับกลัวว่าจะลอบเข้าไปหาไอ้พี่ขลุ่ยไม่ได้อย่างไรอย่างนั้นแหละ
“อะไรเมฆ ห่างกันไม่ได้เลยนะ” ไอ้พี่เสือยิ้มกวนๆ เฮ้ยๆๆ พูดแบบนี้หมายความว่าไงวะ ระหว่างที่ผมไปกินเหล้าเมาหัวราน้ำเกือบทุกวันไอ้เมฆไปมีอะไรกับใครวะเนี่ย เอาแล้วไง หรือน้องเมฆที่น่ารักของผมถูกล่อลวงไป!
“พี่ไทครับผมแค่ถามเฉยๆ ไม่เห็นต้องยิ้มแบบนั้นเลย ไม่ได้มีอะไรซักหน่อย” ไอ้เมฆก้มหน้าบ่น หน้ามันแดงก่ำเลยครับ นั่นไง...ไอ้เมฆมันมีอะไรปิดบังผมอยู่แน่ๆ
“อ๋อเหรอ? แล้วไปพี่ก็นึกว่าเราชอบเพื่อนพี่ซะอีก ฮ่าๆ” ไอ้พี่เสือแซวจนไอ้เมฆหน้าแดงกว่าเดิม
“ไม่ใช่ซักหน่อย พี่ไทอย่าพูดมั่วนะ” ไอ้เมฆโวยวาย ให้ตายเถอะครับ ไอ้เมฆเวลาเขินน่ารักมากครับ ถ้าไม่ติดว่ามันเป็นเพื่อนผมล่ะก็ผมจะจับมันปล้ำซะเดี๋ยวนี้เลย
“เอาล่ะๆ รีบเก็บของซะ เดี๋ยวพวกพี่รออยู่หน้าบ้าน” ไอ้พี่เสือยิ้มอย่างมีเลศนัยก่อนจะเดินออกจากห้องไป ผมหันหน้าไปมองไอ้เมฆอย่างสงสัยแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรเพราะผมมั่นใจว่าถ้าผมถามอะไรมันไปตอนนี้ล่ะก็หน้ามันคงแดงจนระเบิดออกมาเลยล่ะครับ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ไรเตอร์ต้องขอโทษด้วยนะคะที่มาแค่สี่สิบเปอร์เซ็นต์ เค้าเพิ่งสอบเสร็จอ่ะตัวเองอีกอย่างพรุ่งนี้เค้าต้องไปเที่ยวกันโรงเรียน(โดดมาหลายปีแล้วปีนี้ก็เลยต้องไป อิๆ) ถ้าพรุ่งนี้กลับมาเร็วคงได้แต่งต่อแต่ถ้ากลับมาช้าเอาเป็นวันหลังเนอะ
ช่วงนี้อิพี่ลันกับน้องไอสวีทกันเยอะไปหรือเปล่า? ให้มันดราม่าใส่กันดีไหมคะ? อืม...ดูจากสีหน้า(?)ของรีดเดอร์แล้วท่าทางจะดี โอเคเลย เดี๋ยวเค้าจัดดราม่ามาให้เนาะ ฮ่าๆๆ กร๊ากกกก ห้ามบ่นนะ สีหน้าของพวกคุณมันฟ้องว่าอยากอ่านมาม่าาาา เอิ๊กกกกกก ปิดหูปิดตาไม่ฟังความเห็น ฮ่าๆๆๆ (หัวเราะอย่างโรคจิต)
ช่วงนี้ไรเตอร์ต๊อแต๊มากกลัวจะสอบที่ไหนไม่ติด แต่การที่ไรเตอร์ได้อ่านคอมเม้นน่ารักๆ ขำๆ ฮาๆ ของรีดเดอร์ทำให้ไรเตอร์ผ่อนคลายขึ้นมาก (วันนี้นั่งอ่านคอมเม้นก่อนจะเข้าห้องสอบหลังจากไม่ได้เช็คมานาน ไรเตอร์ยิ้มจนเพื่อนหาว่าไรเตอร์บ้าอ่ะ เอิ๊กก)
ไรเตอร์ขอโทษนะที่มาช้าหน่อย พอดีไปเที่ยวน้ำตกมาแล้วเล่นเยอะไปหน่อยจนเป็นไข้ไม่สบายอ่ะ เค้าขอโทษนะ
ความคิดเห็น