คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : Rule 09 : กล้าม
ผมยืนงงเป็นควายโง่(?)อยู่ตรงนั้นได้ไม่ถึงสองนาที เสียงแซววี้ดวิ้วคุ้นหูก็ดังขึ้น ซึ่งตัวผมเองก็ไม่ได้ขยาดกับเสียงแซวเหล่านั้นเพราะผมรู้ว่าคนแซวน่ะมันไม่ได้มีเจตนาร้าย
ก็พวกนั้นเป็นนั้นนักบาสที่แสนกวนตีนนี่นา
“ตื่นมาทำอะไรแต่เช้าเนี่ยคิทตี้” พี่บอลที่เดินมาพร้อมกับกลุ่มนักบาสของโรงเรียน(ไม่มีไอ้คีตะ)ถามขึ้น ตอนนี้พวกพี่ๆ กำลังยืดเส้นยืดสายกันเชียว แหม...ดูเป็นงานเป็นการเสียจริง
“พี่จิ้นบอกให้ผมมาวิ่งสิบกิโลครับ” ผมตอบ
“อ้องั้นดีเลย พวกพี่กำลังเตรียมตัวไปวิ่งพอดี ถ้าไม่รังเกียจก็ไปด้วยกันสิ” พี่บอลเอ่ยชวนและแน่นอนว่าผมตอบรับมันอย่างเต็มอกเต็มใจ
แหม...ตอนอยู่ที่ชมรมไม่เห็นพวกนักกีฬาจะกระตือรือร้น ที่แท้ก็แอบมาซุ่มฝึกกันนี่เอง
ขณะที่กำลังวิ่งกันอยู่ไอ้พวกรุ่นพี่ทั้งหลายแหล่ต่างก็พากันแกล้งผมเล่นเสียสนุกสนานแต่ไอ้คนที่โดนแกล้งอย่างผมไม่สนุกด้วยนี่สิ พวกรุ่นพี่น่ะมีแต่คนสูงๆ สูงร้อยเจ็ดสิบห้าอัพกันทั้งนั้นแล้วไอ้เตี้ยอย่างผมที่สูงไม่ถึงร้อยเจ็ดสิบก็เลยโดนข่มเรื่องส่วนสูง ชิ!! ใช่สิ เพราะตัวสูงก็เลยเล่นหัวผมใหญ่เลยนี่
ตอนนี้ผมรู้สึกว่าตัวเองเด่นเหลือเกิน ถ้ามีคนยืนดูพวกเราซ้อมผมมั่นใจเลยว่าไอ้คนที่เตะตาที่สุดน่ะผมแน่ๆ แม้ว่าคนที่มองอยู่จะไม่เห็นหน้าผมก็ตาม พวกพี่ๆ นักบาสต่างก็ใส่ชุดวอร์มของนักบาสมาวิ่งกันทั้งนั้นส่วนผมนี่สิที่ใส่เสื้อสีแสดแสบตาอยู่คนเดียว คอยดูเถอะ...ซักวันผมจะต้องใส่ชุดแบบพวกพี่ๆ บ้าง
“พวกแกหยุดแกล้งคิทตี้กันได้แล้ว” พี่บอลที่วิ่งนำหน้าหันมาต่อว่าพวกพี่ๆ ที่กำลังแกล้งผมอยู่ บางคนก็ล็อคคอผม บางคนก็ขยี้ผมของผมจนยุ่งเหยิง บางคนก็จี้เอวแต่เสียใจที่ผมไม่บ้าจี้ที่เอว เอิ๊กๆ
“คร้าบ” พวกพี่ๆ รับคำเสียงยานคางก่อนจะปล่อยให้ผมวิ่งอย่างอิสระแต่โดยดี
หลังจากนั้นหนึ่งอาทิตย์ ดูเหมือนว่าร่างกายของผมจะชินกับการทารุณกรรมอย่างหนักที่ต้องซ้อมอย่างเอาเป็นเอาตาย วันแรกที่ผมเริ่มทำตามตารางของพี่จิ้นผมปวดตามเนื้อตัวเสมือนเอาเหล็กหนักๆ มาหน่วงตัวไว้ แต่ถึงยังไงผมก็ยังต้องฝึกให้เป็นกิจวัตรแม้ร่างกายผมจะหนักอย่างนั้นก็ตาม
และในที่สุด!!!
ร่างกายที่กล้ามเนื้อขึ้นยากเย็นแสนเข็ญก็เริ่มมีกล้ามเนื้อแข็งๆ โผล่ออกมาให้ยลโฉมแล้ว โฮะๆๆ คราวนี้ผมก็จะได้โตเป็นหนุ่มอย่างเต็มตัว
“ทำอะไรวะคิตตี้ ทำไมนายถึงทำท่าทางเหมือนนักมวยปล้ำที่กล้ามใหญ่นักหนาแบบนั้น เห็นแล้วรู้สึกขยาดยังไงก็ไม่รู้” ไอ้วาที่ดูเหมือนจะนั่งมองพฤติกรรมแปลกๆ ของผมมานานแล้วถามขึ้น
“ฮึๆ มึงไม่รู้อะไร วาเอ๊ย อีกไม่นานไอ้คิทก็จะโตเป็นหนุ่มอย่างเต็มภาคภูมิแล้วเว้ย เห็นมะๆ กล้ามกูขึ้นด้วย วะฮะฮ่า!!” ผมหัวเราะร่าอย่างพึงพอใจ แหมๆ ถึงจะเหนื่อยกับการฝึกซ้อมแต่ถ้ากล้ามขึ้นกูก็ยอมวะ!!
“คิทตี้ดูนี่” ไอ้วาเรียกผมให้หันไปตามเสียงเมื่อผมไม่ยอมละสายตาจากกล้ามเนื้อของตัวเองเลย
โอ้ว! พระเจ้ายอดมันจอร์จมาก เมื่อผมหันไปมองไอ้วาผู้ที่ผมไม่เคยเห็นเล่นกีฬาเลยซักครั้งผมแทบกระอัก กล้ามที่อุตส่าห์ฟิตมาอย่างยากลำบากพลันหายหดไปในบัดดล
เชี่ยวามันถลกเสื้อขึ้นโชว์กล้ามเนื้อหน้าท้องที่เรียงตัวกันอย่างสวยงามอย่างภาคภูมิใจ ไอ้เสร่อ! กูอยากจะร้องไห้ให้ตายกันไปข้าง!! ไม่ใช่ว่าผมเพิ่งมาเริ่มเล่นกีฬานะ ผมเล่นมาตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าจะศิลปะป้องกันตัวหรือบาสเก็ตบอลก็ตาม โฮววว พ่อครับ! ทำไมพ่อไม่แบ่งกรรมพันธุ์พ่อมาให้ผมบ้าง
“ซักวันกูต้องชนะมึงเชี่ยวา” ผมทำหน้าเบ้ก่อนจะฟาดหมอนใส่มัน
“เอาน่า คิทตี้ไม่ต้องพยายามก็ได้ เพราะต่อไปนี้วาจะดูแลคิทตี้เอง” ไอ้วาพูดพลางบีบตาหวาน ผมโห่ก่อนจะโยนหมอนใส่มันสองใบ ไม่ได้เขินแต่อย่างใด แต่มันเลี่ยน ผมจะอ้วก
ไอ้วาไม่ได้หลบหรือปัดป้องหมอนที่ผมโยนใส่มัน หมอนร่วงตกลงกระทบพื้นก่อนสายตาจริงจังของมันจะมุ่งตรงมาจนผมรีบหลบสายตาพลางเปลี่ยนเรื่อง
จนถึงตอนนี้ผมยังไม่มั่นใจว่าที่ไอ้วาบอกรักผมทุกวันๆ เนี่ยมันจริงหรือแค่หยอก แต่ตอนนี้ผมยอมรับสนิทใจเลยว่าผมกับมันสนิทกันมาก แม้จะไม่มากเท่าไอ้พีทก็ตาม แต่เวลามีเรื่องอะไร ไม่ว่าจะทุกข์หรือสุขผมก็เล่าให้มันฟังแทบทุกอย่าง จะให้เปลี่ยนความสัมพันธ์น่ะหรือ? ผมทำไม่ได้หรอก
หลายวันต่อมาหลังจากซ้อมตอนเช้าเสร็จผมก็ไปโรงเรียนพร้อมกับกลุ่มเพื่อน รู้สึกว่าหลังจากที่เจอช็อตที่ไอ้เชี่ยคีตะจูบผมไอ้บิลก็ไม่มายุ่งวุ่นวายกับผมอีกเลย
“คิท เดี๋ยวนี้ไม่เห็นไอ้บิลมาเกาะมึงเลยเนอะ” ไอ้มินทร์พูดขึ้นพลางมองไปรอบๆ ปกติเวลานี้ไอ้บิลมันต้องเสนอหน้ามาแล้วแน่ๆ
“ดีแล้วว่ะ กูรำคาญเหอะ” ผมส่ายหน้าอย่างระอา ตอนนี้ผมยังไม่เลิกเห่อกล้ามเนื้อที่ผุดขึ้นมา ผมเอาไปอวดไอ้พวกนั้นจนพวกมันทำหน้าตาเบื่อหน่าย
“ยังไงมึงก็ระวังไอ้บิลไว้ละกัน ตอนอยู่แผนกม.ต้นมันเคยมีเรื่องตีกันแย่งผู้ชายจนเกือบถูกไล่ออกมาแล้ว” ไอ้เสือซ่อนเล็บลิซพูดขึ้น
“และแน่นอนว่าไอ้ผู้ชายที่ถูกตีกันแย่งน่ะก็คือเฮียคิทเจ้าเก่า หลังจากที่มีเรื่องกันคราวนั้นดูเหมือนว่ามันจะเลิกชอบเฮียคิทไปแล้วนะ ไม่คิดว่ามันจะกลับมาชอบอีกครั้ง” ไอ้วาพูดเสริม
“ลองมาเด่ะ กูจะซัดให้ลงไปกราบตีนเลย” ผมพูดพลางหักข้อนิ้วมือและแสยะยิ้ม
“คิท มึงสัญญากับพวกพี่กรรมการนักเรียนแล้วนะว่ามึงจะไม่ใช้กำลังตัดสินปัญหา” ไอ้พีทพูดทำให้ผมนึกขึ้นได้ เออว่ะ ปกติเอะอะอะไรผมก็ตีตีตี
“ใช่ คิทตี้สัญญาแล้วนะ” เสียงนุ่มคุ้นหูดังขึ้น
“เย้ย พี่ดิน! โห พี่ ตกอกตกใจหมด” ผมถอนหายใจ เมื่อกี้ผมตกใจจริงๆ นะเนี่ย พวกพี่ๆ มาพร้อมกับครบเลย แม้แต่ไอ้โหดคีตะกับพี่จิ้นก็มาด้วย
“น้องพีทครับ คิดถึงพี่ไหมเอ่ย” เมื่อพี่ขิมเห็นไอ้พีทพี่แกก็ถลาแล่นลมไปหามันทันทีและแน่นอนว่ากระแสไฟฟ้าปะหลาดๆ ระหว่างพี่ขิมกะไอ้มินทร์ก็เริ่มขึ้น
พวกนี้นี่จริงๆ เลย จีบกันแบบไม่มีปิดบัง ตกลงพี่ขิมแกเล่นๆ หรือแกจริงจังวะเนี่ย ถ้าแกจริงจังผมค้านสุดใจขาดดิ้นเลยนะขอบอก
“เมื่อกี้ได้ยิน ว่าน้องบิลมาเกาะแกะนายเหรอ” ไอ้คีตะเดินหนีจากสังครามประสาทก่อนจะเข้ามาคุยกับผม เอ่อ...รู้สึกแปลกๆ แฮะ จะว่าไงดี...ใจเต้นยังไงก็ไม่รู้
“เออสิ เพราะใครก็ไม่รู้” ผมทำหน้าบูดบึ้ง แม้จะไม่ได้ตั้งใจทำก็เถอะ แต่ไม่รู้ว่าทำไมผมถึงยิ้มต่อหน้าหมอนี่ไม่ได้ซักที ความรู้สึกผมบอกว่าถ้าผมยิ้มผมอาจจะพลาด...พลาดอะไรก็ไม่รู้แหละ รู้แต่ว่าผมพลาดแน่
“นั่นสินะ ระวังตัวไว้ก็แล้วกัน” ไอ้คีตะพูดก่อนจะเดินผ่านผมไป
“ทำไมฉันต้องระวัง” ผมถามขึ้นอีกครั้งหมอนั่นจึงหยุดเดิน
“นั่นสินะ ก็นายมันคนเก่งนี่ ไม่จำเป็นต้องระวังก็ได้ ฉันแค่พูดไปอย่างนั้นแหละ” ไอ้คีตะยักไหล่ก่อนจะเดินต่อ พวกพี่ดินเห็นหมอนั่นเดินไปจึงวิ่งตามเหลือแต่ไอ้พี่ขิมที่อาลัยอาวรณ์ไอ้พีทไม่เลิก
แต่เมื่อกี้...หมอนั่นบอกว่าผมเก่งเหรอ?? ดีใจแปลกๆ แฮะ
พอเดินเข้ามาให้ห้องผมถึงกับชะงักเมื่อสายตาของเพื่อนร่วมห้องจับจ้องมาที่ผมเป็นตาเดียว เสียงซุบซิบดังขึ้นตามมาจนผมอดไม่ได้ที่จะถาม
“นี่มันอะไร พวกนายมองฉันหรือเปล่า” ผมถามก่อนที่เพื่อนในห้องจะชี้ไปที่โต๊ะเรียนของผม ผมเดินเข้าไปก่อนจะถอนหายใจและอ่านข้อความที่ถูกเขียนด้วยหมึกสีแดงเต็มโต๊ะของผม
ชอบแย่งผัวชาวบ้าน ตอแหล ปากก็บอกเกลียดเกย์ๆ แต่กลับจูบกับผู้ชายต่อหน้าคนทั้งโรงอาหาร ไร้ยางอาย ไม่รู้หรือไงว่าคนนั้นมีเมียเป็นตัวเป็นตน ไอ้ทุเรศ มีผัวมากี่คนแล้วล่ะ
โครม!!!
หลังจากที่อ่านจบโต๊ะของผมก็ถูกถีบกระเด็นไปชนโต๊ะอื่นๆ ล้มกระจัดกระจาย เพื่อนๆ ที่นั่งอยู่ด้านหน้าผมหลบแทบไม่ทัน
บอกไว้ก่อนนะว่านั่นไม่ใช่ฝีเท้าผม แต่เป็นของไอ้วาต่างหาก
“พวกมึง! พวกมึงเห็นใช่มะว่าไอ้ห่ารากตัวไหนมันเขียน!” ไอ้วาตะโกนลั่นห้องด้วยเสียงวางอำนาจซึ่งดูเหมือนจะได้ผลเพราะพวกเพื่อนๆ ไม่ซุบซิบอะไรกันอีกเลย
“ให้กูเดา! เชี่ยบิลใช่มะ!?! ฮึ กูว่าไม่ต้องเดาให้เสียเวลาหรอก เป็นมันชัวร์!!” แล้วมึงจะถามเพื่อนหาพระแสงของ้าวทำไมวะถ้ามึงจะพูดเองเออเองสรุปเองจนคนอื่นไม่มีบทแบบนี้น่ะนะ =..=
“แล้วคิท เป็นอย่างที่มันว่ารึเปล่าล่ะ?” เพื่อนคนหนึ่งถามขึ้น
“ที่ถามออกมาน่ะปรึกษาสมองตัวเองยังวะ คิทเนี่ยเหรอจะทำแบบนั้น!” มึงพูดได้เจ็บมากว่ะวา เหมือนมึงด่ามันว่ามันโง่เลยนะ แต่เท่าที่กูจำได้ไอ้ที่มึงพูดกะมันเมื่อกี้คะแนนสอบของมันสูงที่สุดในห้องเราเลยนะเว้ย
“แต่มันก็จริงไม่ใช่เหรอที่คิทจูบกับพี่คิทหน้าโรงอาหารน่ะ” อีกคนถามขึ้น ให้ตายเถอะ กูอยากลืมเหตุการณ์นั้นให้เร็วที่สุด คิดถึงแล้วกูอยากฆ่าตัวตาย จูบที่กูสงวนไว้ให้ผู้หญิง
“นั่นเฮียคิทมันบังคับทำต่างหาก คิทตี้ยังไม่รู้เรื่องด้วยซ้ำ อีกอย่างไอ้พวกเด็กเก่าที่เคยเรียนแผนกม.ต้นด้วยกันคงจะรู้ดีไม่ใช่เหรอว่านิสัยเชี่ยบิลมันเป็นไง ใครเชื่อมันกูว่าโง่ยิ่งกว่าควาย!” ไอ้วาพูดแก้ต่างให้ผมจนเพื่อนๆ เริ่มคล้อยตามไปกับมัน แหม...ผมมีเพื่อนดีจริงๆ ผมยังไม่ได้อ้าปากด่าใครซักคำเพราะไอ้วามันทำแทนหมด
“เอาเถอะๆ ยังไงเรื่องนี้มันก็ไม่เกี่ยวกับพวกเรา ฉันว่าพวกนายช่วยกันทำความสะอาดโต๊ะเถอะ เดี๋ยวฉันไปยืมอุปกรณ์จากแม่บ้านมาให้ ถ้าอาจารย์มาเห็นมันคงไม่ดี” หัวหน้าห้องพูด อ่า นอกจากแกจะหล่อแล้วยังนิสัยดีอีกนะหัวหน้า(ชมมันแค่วันนี้เท่านั้นแหละ)
“ถ้าเห็นมันเข้ามาก่อกวนอีกฉันอนุญาตให้พวกนายรุมสหบาทามันได้เลย” แล้วมึงไปมีสิทธิ์อะไรวะไอ้บ้านี่ วางท่าใหญ่เหลือเกินนะมึง
ตกเย็นผมก็มาซ้อมที่ชมรมเหมือนเดิม
“ไหนๆ ได้ข่าวว่ากล้ามขึ้นแล้วนี่คิทตี้ โชว์ซิกแพ็คหน่อยดิ” พวกพี่นักบาสทั้งหลายแหล่วิ่งเข้ารุมล้อมผมเมื่อเห็นผมเดินเข้าชมรม
“ฮุๆ แน่นอน” ผมพูดพลางดึงเสื้อขึ้นโชว์กล้ามเนื้อหน้าท้อง
ในขณะที่ผมกำลังภูมิใจนำเสนอพวกพี่ๆ ก็ถอยออกไปก่อนจะไปซ้อมตามปกติ เฮ้ย!! นี่ไม่มีใครคิดจะชมกล้ามผมหน่อยเหรอ ยากนะเว้ยกว่าจะขึ้น!! เฮ้ย! กลับมาชมก่อนค่อยไปซ้อมเซ่!!
“ฮะๆ ก๊ากกก นั่นกล้ามหรือก้างวะ แห้งซะไม่มี” เฮ้ยๆ เสียงแบบนี้มันไอ้คีตะนี่หว่า ไหนพี่จิ้นบอกว่ามันไม่ค่อยเข้าชมรมไงวะ
“เฮ้ อย่าดูถูกนะเว้ย ซักวันฉันจะตัวใหญ่ล่ำบึ้กให้ดู” ผมเชิดใส่มัน
“ฮึๆ ฉันว่าแบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว” พอพูดจบมันก็เดินหนีไปเสียเฉยๆ เล่นเอาผมอึ้งอยู่นานก่อนจะรู้สึกร้อนที่หน้าแปลกๆ เมื่อกี้ที่มันพูดมันหมายความว่ายังไงกันนะ คงไม่คิดจะดูถูกหนังหน้าผมอีกหรอก
“นี่ๆ วันนี้มีอาบน้ำรวมนี่นา ไปอาบกับพี่ไหมน้องคิท” พี่จิ้นเดินมาทักผมที่นอนแผ่บนพื้นโรงยิม ไอ้พวกพี่ๆ นักบาสทั้งหลายแหล่ที่เดินไปเดินมานี่แทบจะเหยียบผมอยู่แล้ว เห็นคนนอนอยู่ก็ไม่คิดจะหลบ ชิ! รู้หรอกว่าตั้งใจจะแกล้ง แต่เข้าใจหน่อยว่าผมเหนื่อย ถึงจะชินกับการฝึกบ้างแต่ก็ไม่ได้ทนได้เหมือนควายถึกอย่างพวกพี่นะคร้าบ!
“ก็ดีนะครับ ไปอาบด้วยกันหลายๆ คนสนุกดีออก” ผมยิ้ม ผมชอบอาบน้ำกับเพื่อนๆ นะ ผมว่ามันสนุกดีเพราะได้แกล้งกัน อาจจะแกล้งกันในเชิงลามกไปหน่อยแต่ผู้ชายด้วยนี่นา ฮ่าๆๆ
“โอเค งั้นเจอกันที่ห้องโถงนะ แล้วหลังจากอาบน้ำเสร็จพี่มีอะไรสนุกๆ มาให้เล่น” พี่จิ้นยิ้มก่อนจะเดินไปไล่ให้พวกพี่ๆ นักบาสฝึกซ้อมต่อ พวกพี่ๆ มีโปรแกรมการฝึกซ้อมที่หนักกว่าผมอ่ะนะ
เฮ้อ เหนื่อยจัง
ผมสวมกางเกงบ็อกเซอร์พร้อมกับถือตะกร้าเล็กๆ ใส่อุปกรณ์อาบน้ำลงมาที่ห้องโถงพร้อมเพื่อนอีกสี่คนเพื่อมารอพี่จิ้น แน่นอนว่าผมไม่ได้ใส่เสื้อและมีผ้าขนหนูลายการ์ตูนพาดอยู่ที่คอ
“เชี่ยคิท กูว่ามึงน่าจะใส่เสื้อบ้างนะเว้ย พวกกูน่ะไม่มีปัญหาถ้าถอดเสื้อแต่มึงกะไอ้พีทน่ะปัญหาหนักเลย” ไอ้มินทร์พูด ไอ้เชี่ยพีทก็ไม่ได้ใส่เสื้อ แต่เฮ้ย!! ทำไมไอ้พีทมันรูปร่างฟิตจังวะ ไม่ยอมนะถ้าไอ้พีทมีกล้ามมากกว่าผม
“อย่าไปสนน่า เฮ้ยพวกมึง กูกะไอ้พีทใครกล้ามใหญ่กว่ากันวะ” ผมดึงไอ้พีทมายืนข้างๆ ก่อนจะถามเพื่อนๆ เชี่ยพีทมันเอาเวลาไหนไปฟิตกล้ามวะเนี่ย
“ไอ้พีท!” ตอบเป็นเสียงเดียวกัน
“ToT เชี่ยพีท มึงไปเอากล้ามมาจากไหน ฮือ!!” ผมทรุดลงกับพื้นพลางเขย่าขามันและไม่วายทำท่าจะดึงกางเกงมันลงด้วยแต่มันรู้ทันจึงจับขอบกางเกงไว้
“เดี๋ยวนี้กูซิตอัพทุกวัน อีกอย่างกล้ามเนื้อมึงขึ้นยากจะตาย กูเห็นเล่นกีฬาเกือบตายเสือกไม่ขึ้นซักที เอาเถอะ ยังไงมึงก็แข็งแรงกว่ากูล้านเท่า” ไอ้พีทจิกหัวผมให้ยืนขึ้นเหมือนเดิมเพราะถ้าผมนั่งอยู่อย่างนั้นพีทน้อยได้ออกมาทักทายทุกคนแน่ๆ เพราะผมพยายามจะดึงกางเกงของมันลง
“เดี๋ยวกูซิตอัพบ้าง TT” ผมพูด
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
คิทตี้...บางทีนายก็แมนไปนะ ฮ่าๆๆๆ
B B
ความคิดเห็น