คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : Rule 08 : คำขอโทษ กับ ตารางฝึกโคตรโหด
edit : 16/01/13
Rule 08 : คำขอโทษ กับ ตารางฝึกโคตรโหด
ผมที่กำลังจะเปิดประตูเข้าไปในห้องผู้ดูแลต้องหยุดชะงักเมื่อมือหนาๆ กับแขนยาวๆ ของใครบางคนจับประตูก่อนที่ผมจะจับ อย่าถามเลยครับว่าเป็นใคร
“ถ้าจะเข้าก็รีบเข้าไปอย่ามาลีลา” ผมทำหน้าเบื่อโลก ไม่อยากเจอไอ้หมอนี่เลย คนกำลังอารมณ์ดีแท้ๆ แต่พอหนังหน้ามันโผล่มาทำเอาผมหงอยไปเลยทีเดียว
“กลับดึก” มันพูดสั้นๆ มึงเป็นพ่อกูรึไงวะ
“หนักหัวหมาตัวไหนล่ะวะ ยังไม่ถึงเวลาหอปิดไม่ใช่รึไง ถ้าอยากจะทำโทษอะไรฉันไม่ต้องเอาเรื่องกลับดึกมาอ้างหรอก” ผมจิก ทำตัวเป็นไก่เชียวกู
“พูดอะไร”
“พูดอย่างที่นายคิดนั่นแหละ เกลียดฉันนักนี่ ฮึ! จะทำอะไรก็รีบทำซะในขณะที่ยังมีอำนาจในหอนี้อยู่ ปีหน้าต้องเปลี่ยนประธานหอแล้วไม่ใช่เหรอ” ผมพูดเยาะ
“ฉันถามว่านายกำลังพูดบ้าอะไร!!” ไอ้หมอนั่นเปลี่ยนมือที่จับลูกบิดมาบีบไหล่ผมแทน อุก! เจ็บชะมัด มันคิดว่าไหล่ผมเป็นนมสาวๆ หรือไงกัน
“ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องรึไง” แม้ไหล่จะห่อจนดูไม่มีความเท่อยู่ในตัวแต่ผมก็ต้องทำหน้าตาท่าทางอวดดีไว้ก่อน
“รู้น่ะมันรู้แต่ฉันไม่เข้าใจว่านายหมายถึงอะไร ทำไมฉันต้องเกลียดนาย แล้วนายจะให้ฉันทำอะไร” ไอ้คีตะมองหน้าผมเหมือนต้องการจะบอกอะไรบางอย่าง
ผมก้มหน้าหลบสายตานั่นอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน ผมไม่รู้จะพูดอะไรแล้วจริงๆ สายตาแบบนั้นผมอ่านไม่ออกเลย
“แค่อยากจะขอโทษ ฉันไม่คิดว่านายจะรังเกียจมากมายขนาดนี้” ไอ้คีตะปล่อยมือออกจากไหล่ผมก่อนที่เงาที่คลุมตัวผมเมื่อกี้จะค่อยๆ เลื่อนห่างออกไป
เดี๋ยวนะ เมื่อกี้มันพูดว่าอะไร
“เดี๋ยว!” ผมเอื้อมมือไปคว้าข้อมือของมันไว้
“มีอะไรอีกล่ะ?”
“เมื่อกี้นายพูดว่าอะไรนะขออีกทีได้ไหม” ผมก้มหน้าพูด แอบยิ้มอยู่น่ะสิ ฮี่ๆ
“...ขอโทษ...ก็ไม่ได้ตั้งใจจะว่าหน้าตาของนายหรอกนะ ฉันก็เป็นอย่างนี้แหละ อย่าใส่ใจเลย” ไอ้คีตะเงยหน้ามองเพดาน อายล่ะสิๆ
“จะขอโทษก็พูดให้มันดีๆ หน่อยเด่ะ เดี๋ยวก็ไม่ยกโทษให้ซะหรอก” ผมทำเป็นวางท่าแต่ตอนนี้ผมกลั้นขำสุดขีดเลยล่ะเพราะสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกของหมอนั่น
“ฉันก็พูดดีได้แค่นี้แหละ ถ้าไม่พอใจก็เชิญโกรธต่อไปเถอะ”
“เออ! โกรธเว้ย ไม่พอใจ!” ผมพ่นหายใจแรงๆ ก่อนจะหันหลังเพื่อเข้าไปในห้องผู้ดูแล แต่แล้ว...
หมับ!
ผมยืนอ้าปากค้าง มือที่จับลูกบิดเมื่อกี้หล่นลงข้างลำตัว หัวผมซบลงกับบางอย่างแข็งๆ แต่ก็พอจะรู้ว่านั่นคืออกของคนด้านหลัง
อะ...ไอ้คีตะมันกอดผม! แถมยังเอาคางมาวางไว้บนไหล่ผมอีก ลมหายใจที่รดอยู่ข้างๆ หูผมนี่มันอะไรก๊าน สยิวชะมัด! อึ๊ย
ไม่นานไอ้คีตะก็ผละออกจากผมก่อนที่เสียงฝีเท้าของมันจะดังห่างออกไป
นะ...นี่คือวิธีขอโทษของมันใช่ไหม? ความรู้สึก...เหมือนผมได้รับความรู้สึกขอโทษจากหมอนั่นเลย เฮ้ย!! ร้อนหน้าวุ้ย!!
ผมเดินเข้าไปในห้องผู้ดูแลก่อนจะลงชื่อให้มันเรียบร้อยก่อนจะกลับไปหาเพื่อนๆ พวกมันแซวผมว่ายังไม่เลิกเขินเรื่องหญิงสาวคนที่ให้เบอร์ผมมาแต่ผมรู้สึกว่า...ผมลืมเรื่องแคทไปแล้ว ผมเอาเรื่องไหนมาให้เขินกันนะ
สุดท้ายผมก็ไม่มีความกล้าที่จะโทรหาเธอ
“สวัสดีครับทุกคนผมกลับมาแล้วคร้าบ เมื่อวานขอโทษนะฮะที่ผมหายไป แบบว่า...มีเรื่องยุ่งๆ นิดหน่อยผมก็เลยต้องไปแก้ปัญหานั้น เพื่อเป็นการไถ่โทษเรื่องเมื่อวานนะครับเพราะฉะนั้นวันนี้ผมจะไม่พักทานข้าวเลยครับ” เสียงคุณนักดนตรีลึกลับดังขึ้นหลังจากที่ผมเพิ่งเดินออกจากห้องได้เพียงสองก้าว วันนี้มาจัดรายการเร็วดีจังแฮะ ทำไมวันนี้ผมถึงอยากฟังเสียงเขาจังเลย รู้สึกดีชะมัด
ผมเดินอมยิ้มไปโรงอาหาร ไอ้พวกเพื่อนๆ ต่างก็แซวว่าเป็นเพราะแคท มันอาจจะเป็นอย่างนั้นหรืออาจจะไม่ใช่
“อ๋า วันนี้น้องคิทก็น่ารักเหมือนเดิมเลยนะครับ” รุ่นพี่ที่ผมเดินผ่านทักทาย
“ถ้าชมว่าหล่อจะดีใจกว่านี้นะครับรุ่นพี่ คิก” ผมยิ้มพลางจับคางรุ่นพี่คนนั้นหมุนไปมา ไอ้รุ่นพี่คนนั้นทำหน้าอึ้งๆ ก่อนจะหน้าแดงเรื่อ
“เฮ้ย วันนี้เชี่ยคิทเป็นไรวะ หลงสาวจนเป็นบ้าไปแล้วเหรอเนี่ย” เสียงไอ้พีทดังแว่วขึ้นมาแต่วันนี้ผมอารมณ์ดี ไม่ฟังเสียงนกเสียงกาหรอก ฮี่ๆ
“กูไม่รู้ เมื่อคืนก็เอาแต่นอนยิ้มจนกูหงุดหงิด กูจีบแทบตายแต่แม่งเอาแต่ด่ากูทีสาวให้เบอร์แค่เนี้ยแม่งเคลิ้ม ถ้าเจอยัยนั่นเมื่อไหร่พ่อจะดักฆ่า” วันนี้ผมจะไม่แจกมะเหงกให้ไอ้วาเพราะผมอารมณ์ดี๊ดี
“โห แม่ง ตอนนี้คนมองตามไอ้คิทใหญ่เลยนะเว้ยแต่ในขณะเดียวกันพวกตุ๊ดทั้งหลายแหล่ก็กำลังปล่อยกระแสจิตแปลกๆ ออกมา โอ้วแม่ง น่ากลัว” ไอ้มินทร์พูดด้วยเสียงสยองๆ
เมื่อทานข้าวเสร็จผมก็ถลาแล่นลมไปเข้าห้องชมรมทันที อารมณ์ดีก็เล่นบาส อารมณ์เสียก็เล่นบาส ลัลล้า
“อ้าว เข้าชมรมด้วยเหรอน้องคิท” พี่จิ้นที่นั่งผิวปากอยู่คนเดียวในห้องชมรมถามขึ้น ผมก็อยากจะถามพี่เหมือนกันนั่นแหละครับว่ามาที่ห้องชมรมอะไรเอาตอนนี้
“พอดีผมอยากซ้อมหน่อยนะครับ” ผมส่งยิ้มให้รุ่นพี่พลางเดินไปที่กรงใส่ลูกบาสเพื่อหยิบมันขึ้นมาเล่น
“นี่ก็ใกล้จะถึงเทศกาลแข่งบาสแล้วนะ น้องคิทสนใจอยากจะลงเป็นนักกีฬาหน่อยไหมล่ะ หืม?” คำพูดของพี่จิ้นทำให้ผมยิ้มหน้าบาน
“ได้เหรอครับ!?! ผมเป็นเด็กใหม่ถ้าหากได้ลงจะไม่ถูกหมั่นไส้เอาเหรอ” ผมถาม อีกอย่างตัวผมเตี้ยโคตรๆ หากเทียบกับนักกีฬาบาสตัวจริง
“ถึงเวลานั้นพี่ว่าพวกนั้นคงจะยอมรับความสามารถของน้องคิท ถ้าจะให้เทียบกับนักกีฬาของทีมโรงเรียนเราน้องคิทน่ะสู้ไม่ได้เลยแต่ถ้าได้ฝึกเพิ่มเติมอีกนิดหน่อยไม่เกินหนึ่งเดือนหรอกครับ น้องตามพวกนั้นทันแน่ เป็นไง สนใจตารางฝึกของพี่ไหมล่ะ” พี่จิ้นค้ำคางไขว่ห้างถามผม ท่าทางอย่างกับราชินีแน่ะ
“สนครับ!” ผมตอบทันที
“อ่ะนี่ ตารางการฝึกที่พี่ทำไว้ให้พวกนักบาสตัวจริงสมัยที่ยังอยู่ ม.4 แม้แต่ไอ้บอลกับไอ้คิทก็ยังต้องใช้ตารางฝึกแผ่นนี้เชียวนะ”
“เอ๊ะ เดี๋ยวนะครับ พี่บอลผมก็เข้าใจอยู่หรอกครับว่าต้องฝึกแต่ไอ้คีตะนี่มันอะไรกันครับ” ผมถามอย่างคลางใจที่ได้ยินชื่อมันด้วย
“นั่นสินะ ตั้งแต่เปิดเทอมมามันก็ยังไม่โผล่หัวมาที่ชมรมเลยซักครั้งทั้งๆ ที่เป็นนักกีฬาตัวจริงแท้ๆ ไม่แปลกหรอกที่น้องคิทจะไม่รู้ว่ามันอยู่ชมรมนี้ด้วย นี่พี่ก็กะว่าจะปลดมันออกจากตัวจริงอยู่ด้วย” พี่จิ้นถอนหายใจอย่างระอา
“หรือว่า...พี่โหดที่คนในชมรมเรียกกันก็คือหมอนั่น” ผมถาม
“อืม เข้ามาชมรมทีนึงนี่ก็สั่งคนในชมรมให้ซ้อมจนแต่ละคนสะบักสบอมแทบจะคลานกลับหอไปเลยทีเดียวแต่ตัวเองกลับเอาแต่นั่งกระดกโค้กอยู่ได้”
“แล้วทำไมถึงยังได้เป็นตัวจริงอยู่ล่ะครับ”
“มันก็แปลกตรงที่ทั้งๆ ที่มันไม่ซ้อมแต่มันกลับเก่งกว่าไอ้บอลที่ได้ชื่อว่าเป็นกัปตันเสียอีกนะ เป็นตัวเก็งที่น่าหมั่นไส้จริงๆ เลยนะหมอนั่น” พี่จิ้นเปลี่ยนจากนั่งไขว่ห้างมาเป็นเอาขาพาดโต๊ะแทน อื้อหือ! ยกขาทีนี่กะจะให้ฟาดหน้าผมเลยว่างั้น ถ้าจะยกอย่างนี้ถีบหน้าผมเลยเหอะพี่
“พอเถอะ อย่าชมมันให้ผมฟังเลย” ผมบอกปัดๆ ก่อนจะรับกระดาษจากมือพี่จิ้น
เมื่อสายตาของผมกวาดมองตารางฝึกอย่างละเอียดถี่ถ้วน บอกตรงๆ ว่าผมอยากจะเป็นลมเสียตรงนั้น ตารางฝึกคนหรือฝึกควายครับพี่ท่าน!?! ถ้าฝึกอย่างนี้กว่าจะได้เป็นนักบาสตัวจริงผมคงได้ไปนอนหยอดน้ำเกลืออยู่โรงพยาบาล
ตารางการฝึก
05.00 น. วิ่งสิบกิโล
16.45 น. ชู้ตลูกให้ลงห่วงสองร้อยลูก
กระโดดเชือกครึ่งชั่วโมง
วิ่งสไลด์ห้าสิบรอบ
ดูเหมือนจะน้อยเนอะ ตารางก็สั้นแค่จึ๋งเดียว แต่ข้อมูลที่ต้องให้ทำตามนี่มันเยอะมากเหลือเกิน แค่วิ่งสิบกิโลก็ลิ้นห้อยไปสามวันแล้วครับ!!
“นี่ผมต้องทำหมดนี่เลยเหรอ?” ผมกลืนน้ำลายอึกใหญ่
“อืม สำหรับนายยังถือว่ามือใหม่ ถ้าทำได้จนชินก็จะเพิ่มตารางฝึกซ้อมเข้าไปอีก” พี่จิ้นพูด คราวนี้ผมอ้าปากกว้างจนจะยัดควายเข้ามาได้ทั้งตัวแล้ว
“เอิ่ม...ถ้าพี่เพิ่มผมว่าผมคงไม่มีเวลานอนแล้วล่ะครับ”
“จะเพิ่มรอบเช้าน่ะ รอบเย็นใช้เวลาเยอะเกินไป” พี่จิ้นพูด แต่ดูเหมือนกำลังใจผมจะไม่ได้เพิ่มขึ้นเลยซักกะติ๊ด
“พี่จิ้น ผมถามจริงเถอะ นักบาสของที่นี่ผ่านการฝึกนี้มาแล้วจริงๆ เหรอ” ผมถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ ก็ดูแต่ละคนสิ ไม่ได้ดูน่าเกรงขามหรือดูแข็งแกร่งเลยซักนิด ผมเข้ามาทีไรไม่เคยเห็นพวกนี้ฝึกกันอย่างจริงจังซักครั้งเห็นแต่ทำตัวเป็นลิงค่างบ่างชะนี(?)ไปวันๆ
“อืม จริงสิ” พี่จิ้นยืนยัน
“ทำไมดูพวกนั้นไม่เห็นจะเหมือนนักกีฬาที่ตั้งใจจะเล่นกีฬาจริงๆ เลย” ผมขมวดคิ้ว
“ถ้านายทำตามตารางที่พี่ให้ไปทุกอย่างนายจะรู้เองนั่นแหละ เอาล่ะๆ นี่ก็จะได้เวลาเข้าเรียนแล้วไปเข้าเรียนกันเถอะ อ้อ ตารางนี้น่ะเริ่มใช้ตั้งแต่พรุ่งนี้นะ เทศกาลแข่งบาสใกล้เข้ามาแล้ว” พี่จิ้นขยิบตาก่อนจะเดินล้วงกระเป๋าออกจากห้องชมรม
อ่า...กูตายชัวร์!!
ผมตั้งนาฬิกาปลุกตีสี่ห้าสิบซึ่งตอนนี้มันกำลังดังรบกวนการนอนของผมอยู่
“คิทตี้ ตื่นนนน” แต่ไอ้คนที่ตื่นมันไม่ใช่ผมน่ะสิเพราะตอนนี้ผมกำลังเอาหมอนปิดหูไม่อยากรับรู้เสียงใดๆ ทั้งสิ้นโดยมีไอ้วาปาหมอนใส่ผมเพื่อปลุก
เชี่ยวา อย่าปลุกกู กูง่วง
“คิทตี้ หนวกหูวววว” เสียงยานคางของคนเพิ่งตื่นอย่างไอ้วาดังขึ้นอีกพร้อมกับหมอนอีกใบที่ถูกปามาใส่ผม มึงปามาอีกทีกูโดดถีบแน่
ติ๊ง ง งง ง ง ง งง
“คิทตี้ ปิดนาฬิกาปลุกเซ่” เสียงมันมาหมอนต้องตามมาแน่นอน คิดได้ดังนั้นผมจึงทะลึ่งพรวดจากที่นอนเพื่อถีบไอ้วาแต่...
บังเอิญว่าไอ้วามันไม่ได้ปาหมอนมาแต่มันเนรเทศตัวเองมาแทน ผมที่ทะลึ่งพรวดขึ้นเมื่อกี้จึงปะทะเข้ากับอกของมันพอดิบพอดี โอ้ววว อกเชี่ยนี่แข็งชะมัดเลย มันเอาเวลาไหนไปฟิตกล้ามเนี่ย อิจฉาวุ้ย!!
“ทำไมตั้งปลุกเร็วจังล่า” ไอ้วาเดินมึนๆ พลางล้มตัวลงนอนบนเตียงของผมก่อนจะถามเสียงยานคาง ที่ชนกันไปเมื่อกี้มีแค่ผมคนเดียวนะที่ล้ม ให้ตายเถอะโรบิ้นให้ดิ้นเถอะโรเบิร์ต! อนาถร่างกายตัวเองจริงวุ้ย
“เออ กูจะไปวิ่งนี่หว่า!” ผมนึกขึ้นได้ก่อนจะรีบจรลีเข้าห้องน้ำเพื่อล้างหน้าแปรงฟัน
“วากูยืมรองเท้าหน่อย” ผมหันไปขอไอ้วาที่นอนกองก้นอยู่บนที่นอนของผม นี่มึงไม่คิดจะกลับถิ่นตัวเองเลยรึไงวะ
“เลือกเอาเลยยย” ไอ้วาพูดงึมงำซึ่งผมฟังไม่รู้เรื่องแต่ก็เหมาเอาเองว่าไอ้วามันอนุญาตแล้ว
“เยส!” ผมหยิบรองเท้าของมันออกมาก่อนจะตระหนักได้ว่า...
ตีนผมเล็กกว่าตีนมันเยอะ!!
ผมถอนหายใจก่อนจะหยิบรองเท้าของตัวเองออกมาเพราะดูเหมือนถ้าใส่รองเท้าไอ้วาวิ่งผมคงเปลี่ยนจากวิ่งระยะไกลเป็นวิ่งเก็บของแทน คงได้วิ่งเก็บรองเท้าเพราะมันหลุดน่ะสิ เฮ้อ ร่างกายของผมคงมีแค่ส่วนเดียวที่บ่งบอกความเป็นชาย >///<
ผมเดินออกมาหน้าหอก่อนจะยืนทำหน้าโง่อยู่ท่ามกลางความมืดของเวลาเช้าตรู่ในหน้าฝน ผมเพิ่งตระหนักได้ถึงความโง่ของตัวเองอีกครั้งหลังจากที่ไม่มีที่ไป รู้ว่าจะต้องมาวิ่งสิบกิโลตามที่พี่จิ้นบอก
แต่ไอ้สิบกิโลนี่มันจากไหนถึงไหนวะ!!
ซวยอีกแล้วกู! ความซวยนี่มันเกิดมาจากความโง่ใช่ไหมเนี่ย!?!
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ตอนนี้คีตะน่ารักอ่ะ ><
B B
ความคิดเห็น