ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    I'm not gay!! แต่คนที่ชอบบังเอิญเป็นผู้ชาย (Yaoi)

    ลำดับตอนที่ #7 : Rule 04 : เข้าชมรม

    • อัปเดตล่าสุด 12 ม.ค. 56


    12/01/13
    Rule 04 : เข้าชมรม
     

                    จังหวะเพลงของนักร้องหญิงชาวต่างชาติสุดเซ็กซี่ดังขึ้นผมจึงเหลือบตาไปมองไอ้คีตะที่ดูท่าว่าคงจะยืนนิ่งเหมือนผม...
     

                    เอิ่ม...ใครก็ได้บอกผมทีว่านั่นคือไอ้ขี้เก๊กคีตะ!!
     

                    คือว่า...พอเพลงเริ่มไอ้บ้าคีตะก็เริ่มดึงคอเสื้อของตัวเองลงพร้อมกับกัดริมฝีปาก  อ๊ากกกก เซ็กซี่ชะมัด!! เฮ้ย!! ไม่ใช่! ไอ้คีตะเดินวนเสาอย่างเป็นจังหวะก่อนจะจับเสาแล้วก็เต้น!! อ๊อกกกกก!!
     

    ผมถึงกับสำลักน้ำลายเลยทีเดียว  ไอ้คีตะไม่ได้เต้นยั่วแบบโคโยตี้แต่มันเต้นเซ็กซี่แบบผู้ชาย ใครเคยดูท่าเต้นเพลง Love song ของพี่เรนนะฮะ  นั่นแหละ ใช่เลย!! ใครไม่เคยดู Youtube ช่วยคุณได้
     

    ไอ้เวรคีตะมันเอวดีเนอะ  สงสัยบริหารบ่อย
     

    “ฮึๆ กระจอกว่ะ” ไอ้คิทย่างก้าวมาหาผมที่ยืนกอดเสาอยู่ตามจังหวะเพลงพร้อมกับใช้นิ้วชี้ไล้คางผมเบาๆ
     

    “ไอ้ควาย” ผมทำปากบู้อย่างหมั่นไส้
     

    “ถ้าไม่อยากโดนรุมโทรมก็ทำตามฉันซะ  บอกไว้ก่อนว่าพวกนั้นมันเอาจริง” ไอ้คีตะก้มลงมากระซิบเบาๆ ที่ข้างหูผม อึ๋ย สยิววุ้ย
     

    ไอ้คีตะเดินอ้อมไปด้านหลังของผมก่อนจะตบกลางหลังผมเบาๆ ผมสะดุ้งยืดตัวขึ้นมันจึงจับข้อมือของผมพร้อมกับออกแรงตวัดร่างผมจนหมุนติ้วจวนเจียนจะล้มแต่มันก็ใช้มืออีกข้างยึดข้อมือผมไว้ทัน  นี่ผม...กำลังเต้นไปกับมันใช่ไหม!?!
     

    แปะๆๆ
     

    เสียงปรบมือดังขึ้นพวกเราจะหยุดการเต้นลงแต่เพียงเท่านั้น  ไอ้คีตะสะบัดมือที่จับข้อมือผมออกก่อนจะเดินเก๊กๆ ไปยืนข้างๆ พี่รองประธานหอ
     

    แว้บหนึ่ง...ผมรู้สึกสนุกไปกับมัน
     

    แต่ก็ต้องกลับมาอารมณ์เสียเพราะหน้าตาขี้เก๊กของมันนี่แหละ  เออ กูรู้ว่าหล่อ อย่าเก๊กให้มากนัก ไอ้สลัดผัก!
     

    ไอ้คีตะกระซิบกระซาบกับพี่รองประธานหอก่อนจะเดินออกจากโรงยิมไป  เออไปเลย!! หมั่นไส้ว้อย!!



     

    “สวัสดีตอนเที่ยงครับทุกคน  ผมกลับมาอีกแล้วนะครับ  จะเจอกับผมทุกๆ เที่ยงแบบนี้อย่าเบื่อกันล่ะครับ โฮะๆ” มาแล้วๆ เสียงที่ผมรอคอย
     

    “วันนี้ผมอยู่ได้ไม่นานนักนะครับเพราะวันนี้เป็นวันรับน้องของทุกคน  ผมไม่อยากรบกวนความสนุกของพวกคุณน่ะครับ  แน่นอนว่าวันนี้ผมมีเพลงมาฝาก เป็นบทเพลงของนักดนตรีชื่อดังก้องโลกอย่างเบโธเฟนนะครับ  บทเพลงซิมโฟนีหมายเลขสิบเอ็ด” คุณนักดนตรีลึกลับพูดพลางลองเสียงไวโอลินเล็กน้อยก่อนจะเริ่มบรรเลง
     

    ด้วยความพิเรนทร์ในกมลสันดานผมจึงค่อยๆ แอบย่องออกจากโรงยิมโดยไม่ลืมที่จะลากไอ้พีทกับไอ้มินทร์ออกมาด้วยและมุ่งตรงไปที่ห้องกระจายเสียงทันที
     

    “เชี่ยคิท มึงจะลากพวกกูออกมาทำด๋อยอะไรวะ” ไอ้พีทบ่นแต่ก็ยอมเดินตามมาแต่โดยดี
     

    “เออน่า”
     

    “แล้วมึงจะไปไหน” ไอ้มินทร์ถาม
     

    “ไปห้องกระจายเสียง  กูอยากรู้จักคุณนักดนตรีลึกลับ” ผมพูด
     

    “แล้วที่ลากพวกกูไปเนี่ย  มึงรู้จักห้องกระจายเสียงหรือไงวะ  ขนาดทางไปห้องน้ำมึงยังจำไม่ค่อยจะได้เลย” ไอ้มินทร์กอดอกมองหน้าผม  ผมชะงักฝีเท้าก่อนจะหันไปมองหน้ามันบ้าง
     

    “เออว่ะ”
     

    “ไอ้โง่! เฮ้อ กูรู้จักเดี๋ยวกูจะเดินนำไปเอง  บ้าจริงๆ เดินมาคนละทางกับห้องกระจายเสียงเลยนะเนี่ย” ไอ้มินทร์ส่ายหน้าอย่างระอาพร้อมกับหันหลังและเดินนำ
     

    “มึงจะหลงใหลอะไรขนาดนั้นวะคิท  ถ้าชอบขนาดนั้นก็ไปอัดเสียงเขามานอนฟังซะเลยสิ” ไอ้พีทพูด
     

    “ถ้ากูทำได้กูทำไปนานแล้ว”
     

    “แต่กูว่าถ้ามึงรู้ตัวตนที่แท้จริงของเขามึงอาจจะไม่อยากฟังเสียงเขาตลอดไปเลยก็ได้นะคิท” ไอ้มินทร์เปรยขึ้น
     

    “ทำไมวะ มึงไปรู้อะไรมา” ผมถามเสียงจริงจัง
     

    “เขาลือกันให้แซ่ดว่าคุณนักดนตรีลึกลับน่ะคือพี่คิทที่มึงเกลียดนักเกลียดหนานั่นแหละคิท” ไอ้มินทร์พูดแต่แทนที่ผมจะเครียดผมกลับหัวเราะออกมาเสียอย่างนั้น
     

    “จะเป็นไปได้อย่างไรกันวะ  เสียงก็คนละเสียงกันแล้วแถมหน้าอย่างไอ้คีตะเนี่ยนะจะเล่นดนตรีเป็น” ผมหัวเราะขำๆ  แล้วหน้าตาอย่างมันไม่มีทางพูดแบบคุณนักดนตรีลึกลับได้หรอก
     

    “คิท มึงลองฟังเสียงของพี่คิทดีๆ สิ  ตอนพี่เค้าจริงจังเสียงก็เป็นอีกแบบตอนพูดเล่นๆ ก็เป็นอีกแบบ  ถ้าพี่เขาดัดเสียงนิดๆ หน่อยๆ ก็คงแยกไม่ออกแล้วล่ะ  ได้ยินเขาก็ลือกันด้วยนะว่าคุณนักดนตรีลึกลับเป็นลูกครึ่ง  แล้วชื่อจริงๆ ของพี่คิทน่ะคือ  คีตกวี ครอยล์ พิบูลวงศ์สวัสดิ์” ไอ้มินทร์พูดเสียงเรียบ  ผมนิ่งเงียบและคิดตาม
     

    ลูกครึ่ง...น้ำเสียงปรับเปลี่ยนได้...ชื่อของหมอนั่นก็เกี่ยวกับดนตรี...และที่สำคัญ...หมอนั่นชอบหายไปตอนเที่ยงๆ ที่มีการกระจายเสียงของคุณนักดนตรีลึกลับ  แต่...ยังไงผมก็ไม่ปักใจเชื่อว่าเป็นมันหรอก
     

    “บังเอิญล่ะมั้ง  ลูกครึ่งในโรงเรียนนี้มีคนเดียวซะที่ไหน  อีกอย่างพวกพี่ๆ กรรมการนักเรียนบอกว่าคุณนักดนตรีลึกลับน่ะมีผมสีทองตาสีฟ้าเทาแต่ไอ้คีตะไม่ใช่  ผมก็สีดำตาก็ไม่ใช่สีฟ้าเทาซักหน่อย” ผมเถียง  ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน  หน้าตาของไอ้หมอนั่นก็ออกจะดูดีในแบบไทยๆ แค่ผิวขาวกับจมูกโด่งมากก็เท่านั้น

    “ไม่รู้ล่ะ  ก็เขาว่ากันมาอย่างเงี้ย  แต่ยังไงมันก็เป็นแค่ข่าวลือนั่นแหละ คนคนนั้นอาจจะไม่ใช่พี่เขาก็ได้” ไอ้มินทร์พูดพลางตบไหล่ผมเบาๆ
     

    ถึงมันจะพูดว่าอาจจะไม่ใช่ในตอนสุดท้ายแต่ท้ายที่สุดผมก็กังวลอยู่ดี  ถ้าคนคนนั้นคือไอ้คีตะจริงๆ ผมคงช็อค!
     

    เดินไปคุยไปในที่สุดพวกเราก็มาถึงห้องกระจายเสียง  หัวใจผมเต้นโครมครามราวกับตื่นเต้นในสิ่งที่กำลังจะรับรู้
     

    “ไง ทำไมถึงมาที่นี่กันล่ะ” ความหวังผมดับวูบเมื่อได้ยินเสียงคุ้นหู  มือที่จับลูกบิดประตูถูกชักกลับมาวางข้างลำตัวเหมือนเดิม
     

    “พี่...พี่บอล” ผมอุทานเบาๆ  ทำไมพี่บอลถึงมาอยู่นี่ได้ล่ะ  อย่าบอกนะว่ามาเฝ้าประตู
     

    “คิทตี้มาทำอะไรที่นี่ฮึ? ห้องนี้ห้ามใครเข้านะรู้ไหม?” เฮ้ย! พี่ดินกับพี่ขิมก็อยู่ด้วยว่ะเฮ้ย  เสาต้นแค่นี้ไหงบังผู้ชายตัวเป้งได้ตั้งสามคนล่ะเนี่ย
     

    “ผมมาดูว่าคุณนักดนตรีลึกลับคือใคร” ผมตอบไปตรงๆ
     

    “คงจะให้ดูไม่ได้หรอกเพราะเขามาช่วยงานตรงนี้แค่เที่ยงและแน่นอนว่าเขาไม่อยากให้ใครรู้จัก” พี่ขิมพูดสีหน้าจริงจัง  ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นพี่ขิมทำหน้าจริงจังเสียที
     

    “จะปิดบังไปทำไมก็ไม่รู้ไม่เห็นจะสำคัญตรงไหนเลย” ไอ้พีทพูดทำขิมจึงยิ้มและเดินอ้อมไปด้านหลังไอ้พีท
     

    “แล้วน้องๆ จะอยากรู้ไปทำไมล่ะครับ หืม?” เฮ้ย! ทีพูดกับผมทำไมทำเสียงแข็งแต่เวลาพูดกับไอ้พีทไหงทำเสียงหวานอย่างนั้นล่ะ!?!
     

    “ก็แค่อยากจะรู้เฉยๆ ครับว่าทำไมต้องปิดบังกันด้วยทั้งๆ ที่มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร  อีกอย่างคนที่ชื่นชมคุณนักดนตรีลึกลับอะไรนั่นก็มีออกจะเยอะ  เปิดเผยให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลยสิครับ” ไอ้มินทร์ชักสีหน้าไม่พอใจพลางดึงไม่พีทไปหลบด้านหลัง
     

    นับวันพวกมึงยิ่งเหมือนผัวเมียเข้าไปเรื่อยๆ เลยนะครับเพื่อน
     

    ผมบ่นในใจพลางสอดส่องสายตาหาใครบางคนที่ควรจะอยู่ในกลุ่มกรรมการนักเรียนด้วยแต่กลับไม่มีแม้แต่เงา  และนั่นมันยิ่งทำให้ผมสงสัยมากกว่าเดิม
     

    “เอ้า! ถ้าไม่ทำให้เป็นความลับก็ไม่สนุกน่ะสิ  อีกอย่างเรื่องนี้ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับพวกนายแม้แต่น้อยเพราะฉะนั้นกลับกันไปได้แล้วไป” พี่ขิมหันไปพูดกับไอ้มินทร์เสียงเขียว  เอาแล้วไง...ศึกชิงนางรึไงกันเนี่ย
     

    “กลับกันเถอะพีท คิท” ไอ้มินทร์ทำเสียงเขียวไม่แพ้กัน  ผมว่า...อีกไม่นานสองคนนี้ได้ตีกันแน่  แต่ไอ้มินทร์จะสู้ได้เหรอ  มันตัวเตี้ยกว่าพี่ขิมพอสมควรเลยล่ะ

     

     

    “เฮ้ย เมื่อกี้ใครมาวะ เอะอะเชียว” ชายหนุ่มร่างสูงเดินมาที่หน้าห้องกระจายเสียงหลังจากเข้าห้องน้ำไปปลดทุกข์เรียบร้อยแล้ว
     

    “พวกน้องคิทตี้น่ะ  อยากรู้จักนักดนตรีลึกลับ” บดินทร์ส่ายหน้าอย่างระอา  นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีคนมาแอบดูนักดนตรีลึกลับ  และยิ่งข่าวลือที่ว่าคีตกวีคือนักดนตรีลึกลับแพร่ออกไป เหล่านักเรียนที่ชื่นชอบทั้งคีตกวีและนักดนตรีลึกลับก็แห่กันมาจนกรรมการนักเรียนรับมือแทบไม่ไหว
     

    “ไร้สาระจริงๆ อุก! ข้าศึกบุกอีกแล้ว” คีตกวีหน้าเสียเมื่อสิ่งแปลกปลอมอยากจะออกจากร่างกาย
     

    “ไปกินอะไรมาวะ” เพื่อนส่ายหน้าพลางโบกมือไล่ให้เพื่อนหนุ่มไปเข้าห้องน้ำขณะที่เสียงของนักดนตรีลุกลับยังคงดังต่อไป



     

    พวกผมเดินไปที่สนามบาสกลางแจ้งอย่างหงุดหงิดงุ่นง่าน  ผมหงุดหงิดที่ไม่ได้รู้ความจริงส่วนไอ้มินทร์ไม่รู้มันหงุดหงิดเรื่องเชี่ยอะไร 
     

    “โธ่เว้ย!!” ผมระบายอารมณ์โดยการกระโดดตบแป้นบาสอย่างรุนแรง
     

    “โอ้ว! โดดสูงว่ะคิท” ไอ้มินทร์หันมามองผมอึ้งๆ ก็คนตัวเตี้ยๆ อย่างผมกระโดดถึงห่วงที่สูงชะลูดขนาดนั้นก็คงต้องมีอึ้งบ้างอะไรบ้าง
     

    “มันเป็นนักบาสของโรงเรียนสมัยม.ต้นน่ะ” ไอ้พีทพูด
     

    “งั้นมึงก็ไปเข้าชมรมบาสสิคิท  กูว่ารุ่งว่ะ” ไอ้มินทร์ตบไหล่ผมเป็นเชิงยุยง
     

    “อืม กูก็คิดอย่างนั้นแหละ  แต่ไม่รู้ว่าจะไปสมัครเข้าชมรมอย่างไร” ผมถอนหายใจเบาๆ แต่ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อจู่ๆ ก็มีคนเดินเข้ามาหาและยื่นเอกสารซักอย่างมาให้
     

    “เมื่อกี้น้องกระโดดสูงมากเลยนะ เตะตาพี่เลย  พี่เป็นผู้จัดการชมรมบาสชื่อจิ้นนะครับ” รุ่นพี่ที่ยื่นเอกสารให้ผมเมื่อครู่แนะนำตัว  พี่เขาหน้าตาดีพอสมควรอถวตัวก็สูงแต่ไม่มากเท่าไหร่ ตัวสูงเกือบๆ เท่าไอ้มินทร์เลยล่ะครับ  คือ...ตั้งแต่ผมเข้ามาในโรงเรียนนี้ผมยังหาคนที่เตี้ยกว่าผมไม่เจอเลย  ขนาดไอ้พีทยังตัวสูงกว่าผมเลยฮะ  รันทดของแท้  พ่อมึงก็สูงอยู่นะคิท ฮือๆ
     

    “ผมชื่อคิทครับอยู่ม.4ห้องสอง” ผมยื่นมือออกไปรับเอกสารการสมัครเข้าชมรม
     

    “ถ้าน้องสนใจจะสมัครเข้าชมรมจริงๆ ก็มาหาพี่ได้ที่ห้องชมรมบาสที่อยู่ในโรงยิมสามนะครับ  หลังเลิกเรียนพี่อยู่จนถึงหกโมงเย็น” พี่จิ้นพูดเสียงนุ่มน่าฟัง  โรงเรียนนี้นี่มันอะไรก๊าน! มีแต่คนหน้าตาดีๆ เล่นเอาหนังหน้าอย่างผมหมองไปเลยทีเดียว  เจ็บใจ!
     

    “เอ๊ะ แล้วทำไมไม่อยู่ร่วมกิจกรรมรับน้องล่ะ ฮึ? หนีออกมาแบบนี้ไอ้โหดคิทไม่ว่าเอาเหรอ”
     

    “ไม่ว่าหรอกครับเพราะหมอนั่นหนีออกมาก่อนพวกผมเสียอีก” ผมเบ้หน้าเบื่อหน่าย
     

    “คงจะไปห้องกระจายเสียงล่ะสิ” พี่จิ้นบ่นพึมพำ
     

    “อ๊ะ! รุ่นพี่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับดีเจคนนั้นเหรอครับ?” ผมรีบถามออกไปอย่างอยากรู้อยากเห็น
     

    “ไม่รู้สิ ถึงรู้พี่ก็พูดไม่ได้หรอกครับ  เอาล่ะๆ ออกมานานแล้วกลับเข้าไปกันเถอะเพราะอีกเดี๋ยวไอ้กรรมการฝ่ายกครองที่โคตรจะดุคงจะกลับมาแล้วล่ะ” พี่จิ้นตัดบทพลางรุนหลังพวกผมทั้งสามให้เข้าไปที่โรงยิม


     

     

    หลังจากวันรับน้องผมก็ไปสมัครเข้าชมรมบาสอย่างที่พี่จิ้นบอก  ในวันรับน้องอย่าให้ผมพูดถึงเลยนะครับว่าผมโดนไปเยอะมากแค่ไหน  กว่าผมจะล้างตัวให้สะอาดได้นี่ใช้เวลาไปนานทีเดียว
     

    “วี้ดวิ้ว! ไม่นึกเลยว่านางฟ้าจะมาโปรดชมรมของเรา” เสียงพวกสมาชิกชมรมแซวผมไม่ขาดปากหลังจากที่ผมเดินเข้าไปในห้องชมรมเพื่อเอาของไปเก็บในล็อกเกอร์ที่พี่จิ้นเตรียมไว้ให้อยู่ก่อนแล้ว
     

    “หุบปากไปเลยนะพวกมึงถ้ายังไม่อยากเดี้ยง  อย่าทำให้เด็กน่ารักๆ ต้องหนีหายไปจากชมรมอีกเลยว่ะ  เห็นแต่หน้าถึกๆ อย่างพวกมึงกูเบื่อจะตายอยู่แล้ว” พี่จิ้นตีหน้าขรึมชี้หน้าด่ากราด วะวุ้ย! สะใจเว้ย!
     

    “อะไรวะผู้จัดการ เห็นแต่หน้าผู้จัดการพวกูก็เบื่อเหมือนกันนั่นแหละ โด่ว!” พวกนักบาสทั้งหลายเริ่มส่งเสียงเป่าปากอีกระลอก
     

    “ถ้าพวกมึงไม่หุบปากกูจะบอกไอ้โหดมาจัดการ” พี่จิ้นอ้างถึงใครบางคนพวกที่ส่งเสียงหนวกหูเมื่อซักครู่พลันเงียบไปทันที
     

    “อย่าเอาเฮียโหดมาอ้างหน่อยเลยน่า  เฮียแกไม่เข้าชมรมมาเป็นชาติแล้ว” ใครบางคนส่งเสียงกล้าๆ กลัวๆ ออกมา
     

    “แต่นี่มันเริ่มมีการแข่งบ้างแล้วเดี๋ยวมันก็เข้ามาเองแหละ  แล้วนี่กัปตันอยู่ไหนจะแนะนำสมาชิกใหม่อีกสิบคนให้รู้จัก” พี่จิ้นถามหากัปตัน
     

    “ตั้งแต่เปิดเทอมมาก็ยังไม่เห็นเลยครับ...” พูดยังไม่ทันขาดคำเสียงคุ้นหูก็ดังขึ้นทำให้ผมรีบหันไปมองหน้ากัปตัน
     

    “พี่บอล!” ผมพูดพลางกระโดดกอดคอพี่บอล  ผมน่ะชอบอ้อนพี่บอลเพราะพี่แกทั้งใจดีและอ่อนโยนแถมยังไม่มีพิษมีภัยอีกด้วย
     

    “มาสมัครเข้าชมรมบาสเหรอคิทตี้  ยินดีต้อนรับนะ” พี่บอลลูบหัวผมเบาๆ
     

    “โด่ว!! ไม่ยุติธรรมเลยว่ะบอล  ทีพวกกูน้องคิทเขาทำไมไม่เห็นวิ่งเข้ามากอดมั่งล่ะ” ใครบางคนส่งเสียงแซวและแน่นอนว่าต้องมีคนเสริม
     

    “ก็พวกมึงมันไม่น่าไว้ใจนี่หว่า เนอะคิทตี้”
     

    “ครับ แบร่!” ผมพยักหน้าพลางหันไปแลบลิ้นใส่พวกบ้า 
     

    และแล้วเสียงหัวเราะก็ดังลั่นห้องชมรมบาสอย่างสนุกสนาน  พวกพี่ๆ ในชมรมเป็นพวกกวนส้นตีนแต่ก็ไม่ได้มีพิษมีภัย  อาจจะมีแซวผมบ้างแต่พวกพี่ๆ ก็นิสัยดีไม่ได้แตะเนื้อต้องตัวผมอย่างมีความหมาย
     

    พวกที่พูดเล่นขำขันกับผมส่วนมากจะมีแต่พวกที่เป็นนักกีฬาซึ่งดูจากชุดบาสที่พวกเขาสวมส่วนสมาชิกชมรมอีกพวกหนึ่งไม่รู้มันโกรธแค้นผมมาตั้งแต่ชาติปางไหนถึงเอาแต่มองจิกจนผมรู้สึกได้แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร  สงสัยพวกที่เขม่นผมจะเป็นแฟนคลับของพี่บอลล่ะมั้งเพราะรายนั้นเขาดูดีแถมใจดีขนาดผมยังรักและเคารพพี่บอลเลย
     

    ผมสนิทกับพวกพี่นักบาสได้อย่างรวดเร็วเพราะพวกพี่ๆ นิสัยดีและคารมดีสุดๆ ถ้าได้อยู่โรงเรียนที่มีผู้หญิงพวกพี่ๆ ต้องป๊อบแน่แม้บางคนจะไม่ได้หน้าตาดีก็ตาม

    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
    ^+++++^

    B B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×