กิจกรรมไปนา ยังคงมีเช่นทุกวัน แต่วันนี้ ได้ยินแว่ว ๆ ว่าผู้ใหญ่จะไปขุดงูกัน แค่ได้ยินคำว่างู ไม่ต้องพูดถึงแล้ว เราก็ไม่ไป ด้วยเด็ดขาด เพราะความกลัววิ่งไปถึงบนหัวแล้ว นอกจากไม่คิดที่จะไปแล้ว ก็ไม่คิดที่จะเห็นหรืออยากเห็น ประมาณบ่ายแก่ ก็เห็นญาติคนหนึ่ง ถือกระสอบปุ๋ยใบเขื่อง ๆ มา เราเองวิ่งตื๋อออกมาจากตรงนั้นทันที กลัวก็กลัว แต่ก็อยากไปดู ว่าถ้ามันรวมกันเยอะ ๆ จะเป็นอย่างไร จากนั้นเราก็เห็นเขาเอากระสอบเทลงไปในโอง ดินเผาทรงสูงใบหนึ่ง เราก็ค่อย ๆ เขย่งเท้าโผล่หน้าเข้าไปดู แล้วถามคนที่เอามาว่ามันคือ อะไร ได้รับคำตอบว่า มันคือ งูเห่าดำ
เราก็ถามต่อว่าเอามาทำไม เขาก็บอกว่าจะเอามากิน สภาพตอนนั้น นึกไม่ออกว่าเขาจะทำอย่างไร
แต่เราก็เห็นว่าหนึ่งในนั้น มีตาบอดอยู่หนึ่งตัว สักพักเราก็บอกว่า มันมีอยู่ตัวหนึ่งที่ตาบอดหนึ่งข้าง ส่วนอีกข้างหนึ่งเราไม่แน่ใจ เราก็เลยถามเขาว่า จะกินแม้แต่ตัวที่ตาบอดหรือ แล้วเราก็วิ่งไปบอกกับตาว่า ให้เอาเจ้าบอดไปปล่อยเถอะ ตาก็ไม่เชื่อ ถามว่ารู้ได้อย่างไรว่าตามันบอดเราก็บอกว่าตามันเป็นสีขาวขุ่น ไม่เหมือนกับตัวอื่น ตาก็เลยมาดู จึงได้เห็นว่าตามันบอดจริง ๆ ก็เลยสั่งให้เขาเอาไม้จับงูมาจับใส่กระสอบ เพื่อที่จะเอาไปปล่อย
เราก็อยากรู้อีก กลัวก็กลัว ขอเดินตามเขาไปดูด้วย อยากรู้ว่าเจ้าบอดจะมีชะตากรรมอย่างไร หลังจากที่เราเดินไปได้สักประมาณกลางทุ่งใกล้หนองน้ำ ช่วงนั้นนาบางผืนก็ทำการเกี่ยวข้าวไปแล้ว ก็จะมีซังข้าวยังคงอยู่ บ้างก็ถูกย่ำไปแล้วแต่บ้างก็ยังตั้งอยู่ ส่วนที่โดนย่ำไปแล้วก็จะราบลงกับพื้น คนปล่อยก็จัดการเปิดปากกระสอบ แล้วก็ใช้ไม้เขย่าก้นกระสอบให้มีเสียง จากนั้นเจ้าบอดก็เลื้อยออกมาจากปากกระสอบ แต่แทนที่เจ้าบอดจะเลื้อยไปข้างหน้า มันกลับเลื้อยมาทางด้านหลังทำให้เราต้องวิ่งกันกระจาย เพราะเราก็กลัวว่า เจ้าบอดจะแว้งมาเล่นงานมันหรือเปล่า
จำได้ว่าก่อนทำการปล่อยเจ้าบอด ก็ได้มองแล้วว่า รอบบริเวณนั้นไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว และเจ้าบอดก็หน้าจะปลอดภัยเพราะทางเดินแนวหนองน้ำค่อนข้างรก เรามองกันแต่ข้างล่าง แล้วส่วนเจ้าบอดก็ดันไม่เลื้อยเข้าที่รก แต่มันกับเลื้อยไปตามรอยราบของซังข้าว ขณะที่กำลังจะหันหลังเดินกลับนั้น ก็ได้ยินเสียง ดังพรึ่บตามมา จากนั้นก็ได้ยินเสียงดีปีกอีกพรึ่บพับตามมา พวกเราก็รีบออกวิ่่งแบบเอาตัวรอด คนละทิศคนละทาง ต่างคนได้แต่ตกตะลึงกัน เพราะภาพที่เห็นก็คือ เจ้าบอดอยู่ในกรงเล็บของเหยี่ยวสีน้ำตาล ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่ามันบินมาจากไหน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นมันเร็วมาก จนไม่ทันได้ตั้งตัว ความเป็นเด็กก็ทั้งตกใจและกลัว รวมกัน เราไม่ได้ยินเสียงเลยว่า มันบินมาจากทางไหน มาจากทางไหน และมันก็โจมตีเจ้าบอดอย่างรวดเร็ว
งานนี้เจ้าบอดเสียเปรียบเพราะเลื้อยไปในแนวราบของซังข้าวจึงตกเป็นเป้านิ่งของเหยี่ยวตัวนี้ น่าสงสารเจ้าบอดมาก ถึงแม้จะไม่ชอบงู และมองว่ามันเป็นสัตว์มีพิษ แต่พอเห็นสภาพนี้แล้ว น่าสงสารยิ่งนัก และ พวกเราก็ต้องรีบวิ่งให้ห่างจากเจ้าเหยี่ยวนี้ โดยเร็วเนื่องจากคนที่มาด้วย บอกให้รีบหนี เพราะมันอาจจะคิดว่า เราจะไปแย่งอาหารของมันหรือเปล่า เราก็ต้องยืนดูอยู่ห่าง เดี๋ยวจะพลอยโดนลูกหลงไปด้วย งานนี้เจ้าบอดไม่มีทางหนีได้เลย ได้เห็นว่ามันอยู่ในกรงเล็บของเจ้าเหยี่ยวตัวนี้ไปซะแล้ว รู้แล้วว่าเจ้าบอดจะเป็นอย่างไร อนิจจาเจ้าบอดผู้น่าสงสาร รอดจากการถูกฆ่า แต่ไม่สามารถหนีรอดจากกรงเล็บของพญาเหยี่ยวตัวนี้ได้เลย เคยเห็นแต่เหยี่ยวที่โฉบลูกไก่ แต่คราวนี้ จัดการกับงูตาบอดได้อย่างรวดเร็ว เราเดินคอตกกลับบ้าน และเศร้าใจกับเหตุการณ์ครั้งนี้ และเป็นเหตุการณ์ที่ลืมไม่ลงเลยทีเดียว
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น