คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : คุณธรรมข้อ 6 : หนีอย่างไรก็ไม่พ้น
ภายในท้องพระโรงอันกว้างขวางวิจิตร
บรรยากาศโดยรอบช่างอึมครึมผิดกับแสงสว่างที่สาดส่องมาจากหน้าต่างบานใหญ่โดยรอบ สีพระพักตร์ของผู้เป็นใหญ่ในแคว้นยามนี้ช่างถมึงทึงมืดดำราวกับคืนเดือนมืด
เหล่าขุนนางที่ยืนนิ่งอยู่เบื้องล่างต่างก็พากันเหงื่อแตกจนหน้าผากเปียกชุ่ม
แม้จะหายใจยังลำบากด้วยกลัวจะไปทำให้ต้าเจิงฮ่องเต้ทรงกริ้วโดยไม่ได้ตั้งใจ
แม้ราษฎรจะยังไม่ล่วงรู้เรื่องที่ไทฮองไทเฮาทรงมีพระประสงค์จะประกาศเรื่องมงคลในเร็ววันนี้
แต่ขุนนางที่นี่ไม่มีผู้ใดที่ไม่ทราบ เนื่องจากต้าเจิงฮ่องเต้ได้ย้ำชัดในท้องพระโรงตั้งแต่หลายวันก่อนแล้วว่าห้ามมิให้ผู้ใดนำเรื่องนี้ไปป่าวประกาศเด็ดขาดจนกว่าจะมีราชโองการออกมาให้ชัดเจนเสียก่อน
เหตุก็เพราะว่าเขายังหวังว่าเสด็จย่าของเขาจะทรงเปลี่ยนพระทัย
แต่มาจนถึงยามนี้ ไทฮองไทเฮากลับไม่มีทีท่าว่าจะทรงเปลี่ยนความคิดเลยแม้แต่น้อยซ้ำเมื่อเช้ายังให้คนมาแจ้งว่าต้องการพบบุตรสาวของแม่ทัพใหญ่หลิวเป็นการส่วนพระองค์อีกด้วย
ดังนั้นเพราะเหตุนี้ต้าเจิงฮ่องเต้จึงชักสีพระพักตร์บึ้งตึงตั้งแต่ก้าวเข้ามา
ทำให้จู่ๆทั่วท้องพระโรงก็หนาวยะเยือกราวกับเดือนสิบสองในฤดูเหมันต์
กระทั่งครู่ต่อมาก็มีทหารมารายงานว่าบัดนี้ขบวนกองทัพของแม่ทัพใหญ่หลิวซือหยางได้เดินทางมาถึงวังหลวงเรียบร้อยแล้ว
และพร้อมจะเข้าถวายบังคมนายเหนือหัวทันที ได้ยินเช่นนั้นพระพักตร์ของต้าเจิงฮ่องเต้ก็ยิ่งบูดบึ้งลงไปทุกขณะพลอยทำเอาขุนนางคนอื่นๆหายใจไม่ทั่วท้องไปหมด
ยามที่ร่างองอาจของแม่ทัพใหญ่ก้าวเข้ามาบรรยากาศกดดันรอบกายก็ยิ่งทบเท่าทวีคูณ
ว่ากันว่าหลิวซือหยางผู้นี้แม้จะรูปงามหล่อเหลาแต่ยามออกศึกกลับดุดันน่าเกรงขามไม่ต่างจากเทพสงครามในตำนาน
เขาสามารถปกครองทหารใต้อาณัติเรือนแสนราวกับบิดาดูแลบุตรเพียงไม่กี่คน
เพียงเอ่ยปากเหล่าทหารผู้ภักดีก็พร้อมจะพลีชีพเพื่อบ้านเมืองได้อย่างไม่มีข้อกังขา
ทว่าในความเข้มแข็งดุดันนั้นเขาก็ยังเปี่ยมไปด้วยคุณธรรมและความเมตตาอย่างยิ่ง
ด้วยเหตุนี้ไทฮองไทเฮาจึงได้ทรงพอพระทัยคนตระกูลหลิวมากกว่าตระกูลใด พระนางทรงมั่นใจอย่างมากว่าหลิวซือหยางผู้นี้จะเป็นกำลังสำคัญให้แก่ต้าเจิงฮ่องเต้ในภายภาคหน้าได้อย่างแน่นอน
ซึ่งนางก็คิดไม่ผิดไปเลยจริงๆ
ส่วนบุรุษร่างสูงใหญ่ที่เดินตามหลังมานั้นไม่ใช่ผู้ใดที่ไหน
เขาคือรองแม่ทัพหลี่ลู่เหอบุตรชายของใต้เท้าหลี่ลู่ฝานเจ้ากรมโยธาและยังเป็นศิษย์เอกคนสำคัญของแม่ทัพใหญ่หลิว
สร้างผลงานมากมาย ถือว่าเป็นอาวุธสำคัญของแคว้นลู่ในภายภาคหน้าเช่นกัน
“ถวายบังคมฝ่าบาท ขอพระองค์ทรงอายุยืนหมื่นปี หมื่นๆปีพ่ะย่ะค่ะ!”
“ลุกขึ้น” ต้าเจิงสะบัดพระหัตถ์หนึ่งครา สีหน้ายังบูดบึ้งเช่นเดิม
“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ!”
พลันนั้นบรรยากาศโดยรอบก็เงียบกริบ ซือหยางและลู่เหอจึงพากันเงยหน้าขึ้นมองว่าเกิดอันใดขึ้นก็เห็นว่าเหล่าขุนนางต่างก็หน้าซีดตัวสั่นคล้ายคนเห็นผี
เขาจึงหันไปมองบุรุษผู้อยู่สูงเหนือทุกคนก็พบว่าต้าเจิงฮ่องเต้กำลังส่งสายตาอาฆาตมาดร้ายมาให้
แม้จะรู้สึกว่าอีกฝ่ายต้องไม่พอพระทัยอันใดบางอย่างอยู่ แต่คนที่ผ่านศึกสงครามและได้พบกับชนเผ่าที่ดุร้ายน่ากลัวราวกับภูติผีปีศาจมามากมายเช่นเขาแทบจะไม่สะดุ้งสะเทือนอันใดเลยด้วยซ้ำ
“ทูลฝ่าบาท กระหม่อมหลิวซือหยางมาเพื่อรายงานผลการศึกที่ชายแดนพ่ะย่ะค่ะ”
คนที่พยายามส่งแววตาเกลียดชังให้เห็นหมายจะข่มขู่อีกฝ่ายเป็นนัยๆถึงกับคิ้วกระตุก
“ว่ามา” ฟังอย่างไรก็รู้ว่าฮ่องเต้หนุ่มพยายามกัดฟันพูดอยู่ชัดๆ
แม่ทัพใหญ่ผู้นี้จะอาจหาญเกินไปแล้ว
ในระหว่างที่แม่ทัพใหญ่กำลังรายงานการศึกที่ชายแดนให้แก่ผู้เป็นใหญ่ในแคว้นได้ทรงทราบ
อีกฝ่ายกลับแทบไม่ได้สนใจฟัง
ซ้ำในหัวยังเอาแต่คิดว่าจะจัดการคนตระกูลหลิวเช่นไรดีในเมื่อพวกเขามีไทฮองไทเฮาทรงคอยให้การสนับสนุนอยู่เช่นนี้
คิดแล้วก็ให้หงุดหงิดใจยิ่งนัก
ช่างสิ เขายังมีอีกหลายวิธีที่จะทำให้การอภิเษกสมรสที่ถูกยกเลิก
ตราบใดที่ไทฮองไทเฮายังไม่ได้กำหนดวันเขาก็ยังมีเวลา ส่วนวันนี้เขาก็แค่แต่งตั้งตำแหน่งกั๋วกงให้อีกฝ่ายได้ใจไปก่อนเท่านั้น
คิดได้เช่นนี้ฮ่องเต้หนุ่มก็อมยิ้มน้อยๆ
รอให้แม่ทัพใหญ่รายงานเรื่องสำคัญจนครบถ้วนจึงตรัสขึ้นว่า
“ศึกในครั้งนี้นับว่าแม่ทัพใหญ่หลิวมีคุณูปการต่อบ้านเมืองอย่างมาก
สามารถกำจัดชนเผ่าหมานที่สร้างความเดือดร้อนให้กับเมืองกว้านและเมืองข้างเคียงจนหมดสิ้น
เพื่อเป็นการตอบแทนในความกล้าหาญและจงรักภักดีที่พวกท่านมีต่อเราและบ้านเมืองในครั้งนี้
ตู้กงกง”
“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท” ขันทีสูงวัยค้อมกายลงรับพระบัญชาแล้วจึงก้าวออกมาด้านหน้าพระพักตร์เล็กน้อยพร้อมเอ่ยด้วยเสียงอันดัง
“เพื่อเชิดชูคุณงามความดีของแม่ทัพใหญ่หลิวซือหยางและเพื่อเป็นเกียรติประวัติแก่ตระกูลหลิวสืบไป
ฝ่าบาทจึงเห็นสมควรให้แต่งตั้งแม่ทัพใหญ่หลิวซือหยางขึ้นเป็นหลิวกั๋วกง รองแม่ทัพหลี่ลู่เหอให้แต่งตั้งขึ้นเป็นแม่ทัพใหญ่หลี่ลู่เหอนับแต่บัดนี้เป็นต้นไป
ส่วนนายทหารคนอื่นๆให้ปูนบำเหน็จรางวัลตาม...”
“ไทฮองไทเฮาเสด็จ!!”
ทันทีที่ทหารราชองครักษ์ด้านหน้าประกาศก้องพระโลมา[1]อ่อนทั่วสรรพางค์กายลุกชูชันพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย
ยิ่งได้เห็นสีหน้ายิ้มแย้มที่เกินความจริงไปมากของอีกฝ่ายเขาก็ยิ่งรู้สึกได้ว่าตนเองกำลังถึงคราวเคราะห์
ซ้ำยังเป็นเคราะห์ที่เขารู้ล่วงหน้าเสียด้วย
ริมฝีปากของต้าเจิงสั่นระริกอย่างไม่อาจห้าม ขอเถิด
อย่าได้ทรงตรัสเรื่องนั้นวันนี้เลย เขาไม่พร้อมจะรับรู้จริงๆ
“เสด็จย่า”
ไทฮองไทเฮาก้าวย่างสง่างามขึ้นไปนั่งเคียงข้างหลานตน
ก่อนจะผินพระพักตร์ไปแย้มสรวลแสนเยือกเย็นให้
“ฝ่าบาท ย่าจำได้ว่าย่าสั่งให้ซวนกงกงมาแจ้งพระองค์แล้วว่าให้รอย่าก่อน
ทรงลืมหรือ”
มุมปากของเขากระตุกน้อยๆ รู้สึกขยาดเสด็จย่าของตนขึ้นมาทีละน้อย “หลานไม่ได้...”
“เอาเถิด อย่างไรเสียย่าก็คิดว่ามาทันพอดี
เมื่อครู่นี้พระองค์กำลังจะประกาศแต่งตั้งแม่ทัพใหญ่หลิวใช่หรือไม่ ดีเลย
ย่าเองก็มีเรื่องจะประกาศให้ทุกคนได้รู้ด้วยเช่นกัน”
“มะ...”
ต้าเจิงอ้าปากจะแย้งอยู่หลายรอบ
ทว่าพอเห็นสายตาเฉียบคมที่ปรายมามองเขาก็ทำได้เพียงเก็บงำอารมณ์ตนเอาไว้ให้ลึก
ไม่ใช่ว่าเขาเกรงกลัวอันใดไทฮองไทเฮา
แต่เพราะเขารู้ดีว่าพระราชอำนาจของอีกฝ่ายมีมากกว่าที่เขารู้ผิวเผิน
หากเขาจะคานอำนาจสตรีที่ครั้งหนึ่งเคยปกครองแผ่นดินแทนเขามานับสิบปีให้ได้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดเขาจะใจร้อนไปไม่ได้
ทุกอย่างมันต้องมีแบบแผนและขั้นตอนที่รัดกุมกว่านี้
“อีกสามวันจะมีราชโองการแต่งตั้งแม่ทัพใหญ่หลิวอย่างเป็นทางการ
เราขอให้ท่านจงคงไว้ซึ่งคุณงามความดีเช่นนี้สืบต่อไป”
หลิวซือหยางรีบคุกเข่าลง
“กระหม่อมหลิวซือหยางขอขอบพระทัยฝ่าบาทอย่างหาที่สุดมิได้พ่ะย่ะค่ะ!!”
“อืม เช่นนั้นวันนี้ก็เลิก...”
“ฝ่าบาท...”
น้ำเสียงเย็นเยียบนั้นทำเอาต้าเจิงผู้ไม่เคยเกรงกลัวสิ่งใดจำต้องรีบหุบพระโอษฐ์ลงก่อนจะรีบหันพระพักตร์อันบูดบึ้งของตนไปทางอื่นอย่างเสียมิได้
“ขุนนางทั้งหลาย วันนี้ข้ามีเรื่องยินดีจะต้องแจ้งให้พวกท่านทราบ
จงตั้งใจฟังให้ดี”
จบประโยคนางก็หันไปพยักหน้าเชิงอนุญาตขันทีคู่พระทัยให้เป็นผู้แจ้งเรื่องสำคัญ
“นับตั้งแต่ฝ่าบาททรงครองราชย์มาเป็นระยะเวลานับสิบปี
แม้แคว้นลู่จะยิ่งใหญ่และมากด้วยอำนาจแผ่ไพศาลจนแคว้นต่างๆต้องยอมศิโรราบ
อาณาประชาราษฎร์ใช้ชีวิตอยู่ด้วยความผาสุกมาตลอด
แต่แคว้นลู่ก็ยังขาดซึ่งมารดาของแผ่นดิน ดังนั้น ไทฮองไทเฮาจึงเห็นสมควรยิ่งที่จะได้โอกาสแต่งตั้งฮองเฮาส่งเสริมบารมีของฝ่าบาทให้เป็นที่แซ่ซ้องสรรเสริญ
และไทฮองไทเฮาทรงเห็นสมควรแล้วว่าสตรีที่คู่ควรกับตำแหน่งฮองเฮามากที่สุดก็คือคุณหนูหลิวซือเย่วแห่งตระกูลหลิว
โดยให้กำหนดวันอภิเษกสมรสระหว่างทั้งสององค์คือในอีกเจ็ดวันข้างหน้า
ขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน”
สิ้นเสียงประกาศของซวนกงกงบรรยากาศทั่วท้องพระโรงก็เงียบกริบราวกับสุสาน
ไม่ใช่ว่าตกตะลึงอันใดเพราะอย่างไรพวกเขาก็รู้เรื่องนี้มาหลายวันแล้ว แต่เพราะสีหน้าโกรธเกรี้ยวของผู้ครองแคว้นยามนี้ต่างหากที่ทำให้พวกเขาไม่กล้าส่งเสียงอันใดแม้แต่น้อย
ผิดกับแม่ทัพใหญ่หลิวและรองแม่ทัพหลี่ที่ยามนี้มีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก
หากเป็นผู้อื่นคงดีใจที่ตระกูลหลิวกำลังจะได้เกี่ยวดองกับฮ่องเต้ผู้ครองแคว้น
แต่สำหรับหลิวซือหยางแล้วมันไม่ต่างอันใดกับการเอาบุตรสาวขึ้นแท่นประหารรอวันถูกเชือดดีๆนี่เอง
เหตุใดเขาจะไม่รู้เบื้องลึกเบื้องตื้นของวังหลวงที่สวยงามแต่แฝงไว้ด้วยหนามแหลมแห่งนี้ว่าน่ากลัวและเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมมากเพียงไร
ถึงเขาจะค่อนข้างมั่นใจว่าบุตรสาวของเขาเฉลียวฉลาดมากพอจะเอาตัวรอดได้
แต่อย่างไรนางก็คือแก้วตาดวงใจของเขาและทุกคนในจวนหลิว แล้วจะให้เขารู้สึกสบายใจได้อย่างไรกัน
“เจ็ดวัน เสด็จย่าคงล้อหลานเล่นแล้ว
หากจะเตรียมพิธีทั้งหมดหลานคิดว่าอย่างไรก็ไม่ทันการ อย่างไรให้เลื่อนออกไป...”
“ไม่ต้องห่วงเจิงเอ๋อร์ ย่าเตรียมการทุกอย่างล่วงหน้าหมดแล้ว”
คิ้วกระบี่กระตุกทันใด
ต้าเจิงหมายจะเอาเวลามาอ้างเพื่อถ่วงทุกอย่างออกไปกลับกลายเป็นว่าเสด็จย่าของเขาวางแผนทุกอย่างเอาไว้ทั้งหมดแล้วตั้งแต่ต้น
บัดซบเอ๊ย ให้ตายสิ ไทฮองไทเฮาจะเจ้าเล่ห์ไปถึงไหนกัน!!
“ทูลไทฮองไทเฮา กระหม่อมเองก็เห็นด้วยกับฝ่าบาท อย่างไรเรื่องนี้ควรเลื่อน...”
“แม่ทัพใหญ่หลิว”
“พ่ะ...พ่ะย่ะค่ะ”
“หวังว่าท่านคงจะไม่ลืมสัญญาระหว่างเราใช่หรือไม่ หืม”
“อะ...เอ่อ...” หลิวซือหยางได้แต่งับปากลงอย่างเสียมิได้ แน่นอนว่าตระกูลหลิวเป็นทหารรับใช้ราชบัลลังก์แคว้นลู่มาหลายชั่วอายุคน
จงรักภักดีจนหาที่สุดมิได้ และยังถือเรื่องคำสัตย์คำมั่นสัญญาเป็นอย่างมาก ฉะนั้นเรื่องสัญญานี้เขาย่อมไม่มีวันฉีกมันทิ้งได้เด็ดขาด
ทุกอย่างคงเป็นเพราะเบื้องบนได้ลิขิตไว้แล้ว
บุตรสาวของเขาคงหนีไม่พ้นโชคชะตานี้ไม่พ้นจริงๆ
ความคิดเห็น