ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [จบแล้ว/มี E-BOOK] ฮองเฮาตัวร้าย จอมใจจักรพรรดิ

    ลำดับตอนที่ #7 : คุณธรรมข้อ 6 : หนีอย่างไรก็ไม่พ้น

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.31K
      355
      23 ก.พ. 64


    ภายในท้องพระโรงอันกว้างขวางวิจิตร บรรยากาศโดยรอบช่างอึมครึมผิดกับแสงสว่างที่สาดส่องมาจากหน้าต่างบานใหญ่โดยรอบ สีพระพักตร์ของผู้เป็นใหญ่ในแคว้นยามนี้ช่างถมึงทึงมืดดำราวกับคืนเดือนมืด เหล่าขุนนางที่ยืนนิ่งอยู่เบื้องล่างต่างก็พากันเหงื่อแตกจนหน้าผากเปียกชุ่ม แม้จะหายใจยังลำบากด้วยกลัวจะไปทำให้ต้าเจิงฮ่องเต้ทรงกริ้วโดยไม่ได้ตั้งใจ

    แม้ราษฎรจะยังไม่ล่วงรู้เรื่องที่ไทฮองไทเฮาทรงมีพระประสงค์จะประกาศเรื่องมงคลในเร็ววันนี้ แต่ขุนนางที่นี่ไม่มีผู้ใดที่ไม่ทราบ เนื่องจากต้าเจิงฮ่องเต้ได้ย้ำชัดในท้องพระโรงตั้งแต่หลายวันก่อนแล้วว่าห้ามมิให้ผู้ใดนำเรื่องนี้ไปป่าวประกาศเด็ดขาดจนกว่าจะมีราชโองการออกมาให้ชัดเจนเสียก่อน

    เหตุก็เพราะว่าเขายังหวังว่าเสด็จย่าของเขาจะทรงเปลี่ยนพระทัย แต่มาจนถึงยามนี้ ไทฮองไทเฮากลับไม่มีทีท่าว่าจะทรงเปลี่ยนความคิดเลยแม้แต่น้อยซ้ำเมื่อเช้ายังให้คนมาแจ้งว่าต้องการพบบุตรสาวของแม่ทัพใหญ่หลิวเป็นการส่วนพระองค์อีกด้วย ดังนั้นเพราะเหตุนี้ต้าเจิงฮ่องเต้จึงชักสีพระพักตร์บึ้งตึงตั้งแต่ก้าวเข้ามา ทำให้จู่ๆทั่วท้องพระโรงก็หนาวยะเยือกราวกับเดือนสิบสองในฤดูเหมันต์

    กระทั่งครู่ต่อมาก็มีทหารมารายงานว่าบัดนี้ขบวนกองทัพของแม่ทัพใหญ่หลิวซือหยางได้เดินทางมาถึงวังหลวงเรียบร้อยแล้ว และพร้อมจะเข้าถวายบังคมนายเหนือหัวทันที ได้ยินเช่นนั้นพระพักตร์ของต้าเจิงฮ่องเต้ก็ยิ่งบูดบึ้งลงไปทุกขณะพลอยทำเอาขุนนางคนอื่นๆหายใจไม่ทั่วท้องไปหมด

    ยามที่ร่างองอาจของแม่ทัพใหญ่ก้าวเข้ามาบรรยากาศกดดันรอบกายก็ยิ่งทบเท่าทวีคูณ ว่ากันว่าหลิวซือหยางผู้นี้แม้จะรูปงามหล่อเหลาแต่ยามออกศึกกลับดุดันน่าเกรงขามไม่ต่างจากเทพสงครามในตำนาน เขาสามารถปกครองทหารใต้อาณัติเรือนแสนราวกับบิดาดูแลบุตรเพียงไม่กี่คน เพียงเอ่ยปากเหล่าทหารผู้ภักดีก็พร้อมจะพลีชีพเพื่อบ้านเมืองได้อย่างไม่มีข้อกังขา

    ทว่าในความเข้มแข็งดุดันนั้นเขาก็ยังเปี่ยมไปด้วยคุณธรรมและความเมตตาอย่างยิ่ง ด้วยเหตุนี้ไทฮองไทเฮาจึงได้ทรงพอพระทัยคนตระกูลหลิวมากกว่าตระกูลใด พระนางทรงมั่นใจอย่างมากว่าหลิวซือหยางผู้นี้จะเป็นกำลังสำคัญให้แก่ต้าเจิงฮ่องเต้ในภายภาคหน้าได้อย่างแน่นอน ซึ่งนางก็คิดไม่ผิดไปเลยจริงๆ

    ส่วนบุรุษร่างสูงใหญ่ที่เดินตามหลังมานั้นไม่ใช่ผู้ใดที่ไหน เขาคือรองแม่ทัพหลี่ลู่เหอบุตรชายของใต้เท้าหลี่ลู่ฝานเจ้ากรมโยธาและยังเป็นศิษย์เอกคนสำคัญของแม่ทัพใหญ่หลิว สร้างผลงานมากมาย ถือว่าเป็นอาวุธสำคัญของแคว้นลู่ในภายภาคหน้าเช่นกัน

    “ถวายบังคมฝ่าบาท ขอพระองค์ทรงอายุยืนหมื่นปี หมื่นๆปีพ่ะย่ะค่ะ!

    “ลุกขึ้น” ต้าเจิงสะบัดพระหัตถ์หนึ่งครา สีหน้ายังบูดบึ้งเช่นเดิม

    “ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ!

    พลันนั้นบรรยากาศโดยรอบก็เงียบกริบ ซือหยางและลู่เหอจึงพากันเงยหน้าขึ้นมองว่าเกิดอันใดขึ้นก็เห็นว่าเหล่าขุนนางต่างก็หน้าซีดตัวสั่นคล้ายคนเห็นผี เขาจึงหันไปมองบุรุษผู้อยู่สูงเหนือทุกคนก็พบว่าต้าเจิงฮ่องเต้กำลังส่งสายตาอาฆาตมาดร้ายมาให้ แม้จะรู้สึกว่าอีกฝ่ายต้องไม่พอพระทัยอันใดบางอย่างอยู่ แต่คนที่ผ่านศึกสงครามและได้พบกับชนเผ่าที่ดุร้ายน่ากลัวราวกับภูติผีปีศาจมามากมายเช่นเขาแทบจะไม่สะดุ้งสะเทือนอันใดเลยด้วยซ้ำ

    “ทูลฝ่าบาท กระหม่อมหลิวซือหยางมาเพื่อรายงานผลการศึกที่ชายแดนพ่ะย่ะค่ะ”

    คนที่พยายามส่งแววตาเกลียดชังให้เห็นหมายจะข่มขู่อีกฝ่ายเป็นนัยๆถึงกับคิ้วกระตุก

    “ว่ามา” ฟังอย่างไรก็รู้ว่าฮ่องเต้หนุ่มพยายามกัดฟันพูดอยู่ชัดๆ แม่ทัพใหญ่ผู้นี้จะอาจหาญเกินไปแล้ว

    ในระหว่างที่แม่ทัพใหญ่กำลังรายงานการศึกที่ชายแดนให้แก่ผู้เป็นใหญ่ในแคว้นได้ทรงทราบ อีกฝ่ายกลับแทบไม่ได้สนใจฟัง ซ้ำในหัวยังเอาแต่คิดว่าจะจัดการคนตระกูลหลิวเช่นไรดีในเมื่อพวกเขามีไทฮองไทเฮาทรงคอยให้การสนับสนุนอยู่เช่นนี้ คิดแล้วก็ให้หงุดหงิดใจยิ่งนัก

    ช่างสิ เขายังมีอีกหลายวิธีที่จะทำให้การอภิเษกสมรสที่ถูกยกเลิก ตราบใดที่ไทฮองไทเฮายังไม่ได้กำหนดวันเขาก็ยังมีเวลา ส่วนวันนี้เขาก็แค่แต่งตั้งตำแหน่งกั๋วกงให้อีกฝ่ายได้ใจไปก่อนเท่านั้น

    คิดได้เช่นนี้ฮ่องเต้หนุ่มก็อมยิ้มน้อยๆ รอให้แม่ทัพใหญ่รายงานเรื่องสำคัญจนครบถ้วนจึงตรัสขึ้นว่า

    “ศึกในครั้งนี้นับว่าแม่ทัพใหญ่หลิวมีคุณูปการต่อบ้านเมืองอย่างมาก สามารถกำจัดชนเผ่าหมานที่สร้างความเดือดร้อนให้กับเมืองกว้านและเมืองข้างเคียงจนหมดสิ้น เพื่อเป็นการตอบแทนในความกล้าหาญและจงรักภักดีที่พวกท่านมีต่อเราและบ้านเมืองในครั้งนี้ ตู้กงกง”

    “พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท” ขันทีสูงวัยค้อมกายลงรับพระบัญชาแล้วจึงก้าวออกมาด้านหน้าพระพักตร์เล็กน้อยพร้อมเอ่ยด้วยเสียงอันดัง “เพื่อเชิดชูคุณงามความดีของแม่ทัพใหญ่หลิวซือหยางและเพื่อเป็นเกียรติประวัติแก่ตระกูลหลิวสืบไป ฝ่าบาทจึงเห็นสมควรให้แต่งตั้งแม่ทัพใหญ่หลิวซือหยางขึ้นเป็นหลิวกั๋วกง รองแม่ทัพหลี่ลู่เหอให้แต่งตั้งขึ้นเป็นแม่ทัพใหญ่หลี่ลู่เหอนับแต่บัดนี้เป็นต้นไป ส่วนนายทหารคนอื่นๆให้ปูนบำเหน็จรางวัลตาม...”

    “ไทฮองไทเฮาเสด็จ!!

    ทันทีที่ทหารราชองครักษ์ด้านหน้าประกาศก้องพระโลมา[1]อ่อนทั่วสรรพางค์กายลุกชูชันพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย ยิ่งได้เห็นสีหน้ายิ้มแย้มที่เกินความจริงไปมากของอีกฝ่ายเขาก็ยิ่งรู้สึกได้ว่าตนเองกำลังถึงคราวเคราะห์ ซ้ำยังเป็นเคราะห์ที่เขารู้ล่วงหน้าเสียด้วย

    ริมฝีปากของต้าเจิงสั่นระริกอย่างไม่อาจห้าม ขอเถิด อย่าได้ทรงตรัสเรื่องนั้นวันนี้เลย เขาไม่พร้อมจะรับรู้จริงๆ

    “เสด็จย่า”

    ไทฮองไทเฮาก้าวย่างสง่างามขึ้นไปนั่งเคียงข้างหลานตน ก่อนจะผินพระพักตร์ไปแย้มสรวลแสนเยือกเย็นให้

    “ฝ่าบาท ย่าจำได้ว่าย่าสั่งให้ซวนกงกงมาแจ้งพระองค์แล้วว่าให้รอย่าก่อน ทรงลืมหรือ”

    มุมปากของเขากระตุกน้อยๆ รู้สึกขยาดเสด็จย่าของตนขึ้นมาทีละน้อย “หลานไม่ได้...”

    “เอาเถิด อย่างไรเสียย่าก็คิดว่ามาทันพอดี เมื่อครู่นี้พระองค์กำลังจะประกาศแต่งตั้งแม่ทัพใหญ่หลิวใช่หรือไม่ ดีเลย ย่าเองก็มีเรื่องจะประกาศให้ทุกคนได้รู้ด้วยเช่นกัน”

    “มะ...”

    ต้าเจิงอ้าปากจะแย้งอยู่หลายรอบ ทว่าพอเห็นสายตาเฉียบคมที่ปรายมามองเขาก็ทำได้เพียงเก็บงำอารมณ์ตนเอาไว้ให้ลึก ไม่ใช่ว่าเขาเกรงกลัวอันใดไทฮองไทเฮา แต่เพราะเขารู้ดีว่าพระราชอำนาจของอีกฝ่ายมีมากกว่าที่เขารู้ผิวเผิน หากเขาจะคานอำนาจสตรีที่ครั้งหนึ่งเคยปกครองแผ่นดินแทนเขามานับสิบปีให้ได้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดเขาจะใจร้อนไปไม่ได้ ทุกอย่างมันต้องมีแบบแผนและขั้นตอนที่รัดกุมกว่านี้

    “อีกสามวันจะมีราชโองการแต่งตั้งแม่ทัพใหญ่หลิวอย่างเป็นทางการ เราขอให้ท่านจงคงไว้ซึ่งคุณงามความดีเช่นนี้สืบต่อไป”

    หลิวซือหยางรีบคุกเข่าลง “กระหม่อมหลิวซือหยางขอขอบพระทัยฝ่าบาทอย่างหาที่สุดมิได้พ่ะย่ะค่ะ!!

    “อืม เช่นนั้นวันนี้ก็เลิก...”

    “ฝ่าบาท...” น้ำเสียงเย็นเยียบนั้นทำเอาต้าเจิงผู้ไม่เคยเกรงกลัวสิ่งใดจำต้องรีบหุบพระโอษฐ์ลงก่อนจะรีบหันพระพักตร์อันบูดบึ้งของตนไปทางอื่นอย่างเสียมิได้

    “ขุนนางทั้งหลาย วันนี้ข้ามีเรื่องยินดีจะต้องแจ้งให้พวกท่านทราบ จงตั้งใจฟังให้ดี” จบประโยคนางก็หันไปพยักหน้าเชิงอนุญาตขันทีคู่พระทัยให้เป็นผู้แจ้งเรื่องสำคัญ

    “นับตั้งแต่ฝ่าบาททรงครองราชย์มาเป็นระยะเวลานับสิบปี แม้แคว้นลู่จะยิ่งใหญ่และมากด้วยอำนาจแผ่ไพศาลจนแคว้นต่างๆต้องยอมศิโรราบ อาณาประชาราษฎร์ใช้ชีวิตอยู่ด้วยความผาสุกมาตลอด แต่แคว้นลู่ก็ยังขาดซึ่งมารดาของแผ่นดิน ดังนั้น ไทฮองไทเฮาจึงเห็นสมควรยิ่งที่จะได้โอกาสแต่งตั้งฮองเฮาส่งเสริมบารมีของฝ่าบาทให้เป็นที่แซ่ซ้องสรรเสริญ และไทฮองไทเฮาทรงเห็นสมควรแล้วว่าสตรีที่คู่ควรกับตำแหน่งฮองเฮามากที่สุดก็คือคุณหนูหลิวซือเย่วแห่งตระกูลหลิว โดยให้กำหนดวันอภิเษกสมรสระหว่างทั้งสององค์คือในอีกเจ็ดวันข้างหน้า ขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน”

    สิ้นเสียงประกาศของซวนกงกงบรรยากาศทั่วท้องพระโรงก็เงียบกริบราวกับสุสาน ไม่ใช่ว่าตกตะลึงอันใดเพราะอย่างไรพวกเขาก็รู้เรื่องนี้มาหลายวันแล้ว แต่เพราะสีหน้าโกรธเกรี้ยวของผู้ครองแคว้นยามนี้ต่างหากที่ทำให้พวกเขาไม่กล้าส่งเสียงอันใดแม้แต่น้อย

    ผิดกับแม่ทัพใหญ่หลิวและรองแม่ทัพหลี่ที่ยามนี้มีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก  หากเป็นผู้อื่นคงดีใจที่ตระกูลหลิวกำลังจะได้เกี่ยวดองกับฮ่องเต้ผู้ครองแคว้น แต่สำหรับหลิวซือหยางแล้วมันไม่ต่างอันใดกับการเอาบุตรสาวขึ้นแท่นประหารรอวันถูกเชือดดีๆนี่เอง เหตุใดเขาจะไม่รู้เบื้องลึกเบื้องตื้นของวังหลวงที่สวยงามแต่แฝงไว้ด้วยหนามแหลมแห่งนี้ว่าน่ากลัวและเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมมากเพียงไร ถึงเขาจะค่อนข้างมั่นใจว่าบุตรสาวของเขาเฉลียวฉลาดมากพอจะเอาตัวรอดได้ แต่อย่างไรนางก็คือแก้วตาดวงใจของเขาและทุกคนในจวนหลิว แล้วจะให้เขารู้สึกสบายใจได้อย่างไรกัน

    “เจ็ดวัน เสด็จย่าคงล้อหลานเล่นแล้ว หากจะเตรียมพิธีทั้งหมดหลานคิดว่าอย่างไรก็ไม่ทันการ อย่างไรให้เลื่อนออกไป...”

    “ไม่ต้องห่วงเจิงเอ๋อร์ ย่าเตรียมการทุกอย่างล่วงหน้าหมดแล้ว”

    คิ้วกระบี่กระตุกทันใด ต้าเจิงหมายจะเอาเวลามาอ้างเพื่อถ่วงทุกอย่างออกไปกลับกลายเป็นว่าเสด็จย่าของเขาวางแผนทุกอย่างเอาไว้ทั้งหมดแล้วตั้งแต่ต้น

    บัดซบเอ๊ย ให้ตายสิ ไทฮองไทเฮาจะเจ้าเล่ห์ไปถึงไหนกัน!!

    “ทูลไทฮองไทเฮา กระหม่อมเองก็เห็นด้วยกับฝ่าบาท อย่างไรเรื่องนี้ควรเลื่อน...”

    “แม่ทัพใหญ่หลิว”

    “พ่ะ...พ่ะย่ะค่ะ”

    “หวังว่าท่านคงจะไม่ลืมสัญญาระหว่างเราใช่หรือไม่ หืม”

    “อะ...เอ่อ...” หลิวซือหยางได้แต่งับปากลงอย่างเสียมิได้ แน่นอนว่าตระกูลหลิวเป็นทหารรับใช้ราชบัลลังก์แคว้นลู่มาหลายชั่วอายุคน จงรักภักดีจนหาที่สุดมิได้ และยังถือเรื่องคำสัตย์คำมั่นสัญญาเป็นอย่างมาก ฉะนั้นเรื่องสัญญานี้เขาย่อมไม่มีวันฉีกมันทิ้งได้เด็ดขาด

    ทุกอย่างคงเป็นเพราะเบื้องบนได้ลิขิตไว้แล้ว บุตรสาวของเขาคงหนีไม่พ้นโชคชะตานี้ไม่พ้นจริงๆ



    [1] พระโลมา แปลว่า เส้นขน


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×