คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #26 : 24 CHANGE | MISTAKE (100%)
DEAD,ALIVE or UNDEAD ?
JUST CHOOSE
24 | ผิดพลาด
*ผู้อ่านควรใช้จักรยานในการอ่าน
“มึงรู้มั้ยว่ากูดีใจแค่ไหนทีได้เจอมึงแบบนี้ !”
น้ำเสียงที่แสดงถึงความดีใจและจริงใจเอ่ยออกมาจากริมฝีปากหนาของร่างตรงหน้าผม ก่อนที่คนตรงหน้าจะจัดการกระชากร่างของผมเขาไปกอดอย่างอบอุ่นอีกครั้ง
“กูรู้. . .เพราะกูก็ดีใจไม่น้อยไปกว่ามึงนะเว้ย !”
ผมยกมือขึ้นกอดตอบ พร้อม ๆกับ เอื้อมมือไปขยี้หัวมันเล่น
มันเป็นอะไรที่ดีมาก. . .การที่ได้เจอเพื่อนรักของตัวเองในสถานการณ์ที่เกินกว่าคำว่า ย่ำแย่ ในเวลาแบบนี้
เพื่อนรักของผม คิม จงอิน
“ตอนแรกกูนึกว่ามึง. . .ตายไปแล้ว”
มันผละผมออก พูดพร้อมกับสีหน้าที่สลดลงเล็กน้อย
“. . .”
ผมเงียบ จงอินขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย ก่อนที่มันจะลากผมไปนั่งลงบนม้านั่งข้าง ๆ จุดที่พวกเรายืนอยู่ก่อนหน้า
“กูมีหลายเรื่องที่จะเล่าให้มึงฟัง”
“อ่ะ. . .มึงอยากเล่าอะไรก็เล่ามา กูจะนั่งรับฟังมึงก็แล้วกัน”
ผมพูดพร้อม ๆ กับหัวเราะออกมา จงอินยกมือขึ้นมาตบหัวผมเบา ๆ แล้วหัวเราะออกมาบ้าง
มันทำให้ผมนึกถึงเวลาที่ผมกับมันจะนั่งจับเข่าคุยกัน. . .เกี่ยวกับแทมิน หรือจะพูดให้ถูกก็คือ มันมักจะมาปรึกษาผมเสมอว่าควรจะไปจีบแทมินยังไงดี
นึก ๆ แล้วก็เป็นอะไรที่น่าขำสุด ๆ
“เออมึง. . .ว่าแต่ แทมิน ล่ะ ?”
ผมเอ่ยถามออกไป เมื่อนึกถึงเพื่อนสนิทอีกคนของตัวเองขึ้นมาได้
“. . .”
จงอินสะดุ้งเล็กน้อย พลางกลืนน้ำลายลงคออย่างอึกอัก แววตาของมันดูอ่อนลง. . .
อย่าบอกนะว่า
“กูขอโทษนะ”
“มึงไม่จำเป็นต้องขอโทษหรอกน่า มึงไม่ได้ทำอะไรผิด”
จงอินเงยหน้าขึ้นมาก่อนที่จะฉีกยิ้มให้ผม. . .ยิ้มที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด ผมตัดสินใจบอกให้มันเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ผมฟัง และมันก็เล่าออกมาซะหมดเปลือก น้ำเสียงของมันสั่นเครือ. . .และดูเหมือนมันพร้อมจะร้องไห้ได้ทุกเวลาเมื่อพูดชื่อแทมิน
“. . .”
“ไม่เอาน่า. . .”
ผมพูดเอ็ด ก่อนที่จะดึงมันเข้ามากอดไว้แน่น ผมรู้สึกถึงฝ่ามือที่ยกขึ้นมากอดตอบ แต่มือของมันสั่นเหลือเกิน. . .
“ความจริง. . .ถ้ากูกับแทมินไม่ได้ไปที่ห้างตอนนั้น แทมินอาจจะอยู่กับกูจนถึงตอนนี้ก็ได้”
“. . .”
“กูกับแทมินไปดูหนังกัน ช่วงที่มึงโคม่าอยู่ที่โรงพยาบาล,แล้วตอนที่พวกเรากำลังจะไปหาอะไรกิน ก็มีคนคลุ้มคลั่งไล่กัดคนไปทั่ว สถานการณ์ตอนนั้นมันโคตรเลวร้ายเลย. . .หลังจากนั้นพวกเราทุกคนก็ถูกกักตัวไว้ ถูกเจาะเลือดไปตรวจ และแทมินก็ถูกกล่าวหาว่าติดเชื้อ. . .ทั้งๆที่เขาไม่ได้โดนกัด โดนข่วน หรือแม้กระทั่งสัมผัสเลือด”
ผมนิ่งเงียบและรับฟังสิ่งที่ถูกเล่าออกมาอย่างยากลำบาก
“หลังจากนั้นแทมินก็ถูกควบคุมตัวไป กูพยายามยื้อแทมินทุกวิถีทาง แต่กูก็โดนยิงจนยืนแทบไม่ไหว กูหมดสติไปและพอตื่นขึ้นมาอีกที กูก็อยู่ในคุก. . .กับคนที่ชื่อโด คยองซู”
หลังจากที่จบประโยคนั้นผมก็เหลือบตามองผู้ชายตัวเล็กในชุดสีดำที่กำลังเดิน. . .จากแบคฮยอนไป
เขาสองคนรู้จักกันงั้นหรอ ?
“เราสองคนแหกคุกออกมา ก่อนที่จะรู้ว่าความจริงแทมินเป็นเพียงแค่แพะรับบาป. . .และแทมินก็ตายไปแล้วด้วย”
“. . .”
“กูกับคยองซูรีบออกมาจากที่นั่น และเขาก็บอกให้กูเก็บข้าวของและเดินทางมาที่โซล ดูเหมือนเขาจะคาดการณ์อะไรบางอย่างไว้ และมันก็ถูก. . .”
“ก่อนที่กูจะมาที่โซล กูพยายามติดต่อพี่คริสแต่ก็ไร้การตอบรับ กูเลยตัดสินใจไปที่โรงพยาบาลเพื่อจะพามึงออกมา. . .แต่โรงพยาบาลที่มึงพักรักษาตัวอยู่กลับถูกปิดตาย”
“ห. . .ห๊ะ ?”
ผมเบิกตากว้าง ก่อนที่จะเผลอร้องเสียงหลง
“ไม่มีเหตุผลชี้ชัดว่าทำไมถึงปิดตาย แต่ถ้าให้กูเดาคือในตอนนั้นโรงพยาบาลน่าจะกลายเป็นเขตที่มีผู้ติดเชื้อ”
“บ้า. . .หน่า”
ผมสบถออกมาน้ำเสียงสั่นเครือ. . .ถ้าเป็นอย่างที่จงอินว่าจริง ๆ นั่นก็แสดงว่าตลอดระยะเวลาที่ผมนอนโคม่าอยู่นั้น ผมอยู่ท่ามกลางฝันร้ายมาโดยตลอดน่ะสิ
ไม่อยากจะนึกเลยว่าถ้าผมตื่นขึ้นมาในขณะที่เกิดเรื่องบ้า ๆ นี่ ผมจะมีสภาพเป็นยังไง ?
“หลังจากนั้นกูกับคยองซูก็เดินทางมาที่โซล...เป็นไปตามคาด 3 อาทิตย์หลังจากที่กูแหกคุกออกมาได้ ก็เริ่มมีการให้ผู้คนที่ยังรอดชีวิตอพยพมาที่นี่...”
“. . .”
“รัฐบาลพยายามทุกวิถีทางที่จะสกัดการแพร่ระบาด และการโจมตีของสิ่งที่ไม่ใช่มนุษย์ แต่มันก็ยากเกินไป พวกมันตีวงแคบมากขึ้นเรื่อย ๆ จนเกินความควบคุม. . .รัฐบาลจัดการอพยผู้คนไปรวมกันที่สนามกีฬาแต่แล้ว...”
“ก็มีคนติดเชื้อเลยทำให้สนามกีฬาแตก. . .รัฐบาลหมดอำนาจและไม่มีใครที่จะรับผิดชอบ หรือแก้ไขสถานการณ์ ใช่มั้ย ?”
“ม. . .มึงรู้ ?”
“อือ. . .กูกับคนอื่น ๆ มาเดินทางมาที่นี่ตามประกาศทางวิทยุ แต่น่าเสียดายที่สภาพมันแย่มาก”
ผมสังเกตเห็นสีหน้าเศร้าสลดของจงอิน พวกเราถอนหายใจออกมาพร้อม ๆ กัน ก่อนที่ผมจะเริ่มพูดต่อ
“แต่มันคงไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้แล้วล่ะ ว่ามั้ย ?”
ผมพูดพร้อมๆ กับตบหลังจงอินเบาๆ ก่อนที่จะได้รับการตอบกลับมาเป็นเพียงรอยยิ้มแห้งๆ เท่านั้น
“เออ. . .เดี๋ยวนะ”
ผมลากเสียงยาวเมื่อเกิดความคิดบางอย่างขึ้นมาได้ จงอินหันมามองหน้าผมอย่างนึกสงสัย
“มึงเจอคริสบ้างมั้ยวะ ?. . .ตอนกูกลับไปที่คอนโดก่อนที่จะออกมาจากเมือง กูไม่เจอแม้แต่ร่องรอยของมันเลย ปืน. . .ก็ไม่อยู่ แถมสภาพห้องก็. . .”
ผมเริ่มยิงคำถาม ก่อนที่จะชะงักเมื่อนึกถึงสภาพห้องที่ผมเจอ. . .คราบเลือด และข้าวของที่กระจายเละเทะ
“เหตุผลที่กูเดินทางมาที่นี่เพราะคิดว่าคริสน่าจะอยู่ที่สนามกีฬาเหมือนกันคนอื่น ๆ ,แต่สนามกีฬากลับอยู่ในสภาพแบบนั้นแล้ว. . .มึงเจอมันบ้างมั้ย ? คริส พี่ชายกูน่ะ ?”
ผมพูดต่อไปเรื่อยๆ และน้ำเสียงของผมมันก็สั่นมากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไร้การควบคุม ผมหันไปมองหน้าเพื่อนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ก่อนที่จะสังเกตเห็นจงอินกลืนน้ำลายลงคอ และแววตาที่ดูร้อนรน. . .
หมายความว่าไง ?
“ว่าไง ?”
“เอ่อ. . .คือ”
จงอินอึกอักเล็กน้อย ก่อนที่จะหลบสายตาของผม. . .มันมักจะเป็นแบบนี้ทุกครั้งที่มีอะไรปิดบังผม
อะไร ? เกี่ยวกับคริสรึเปล่า ?
“เฮ้ ! นี่จงอิน”
แต่ทันใดนั้น เสียงของใครบางคนก็ดังมาจากทางด้านหลังของผม ผมหันไปมอง และพบว่าชายคนหนึ่งกำลังเดินเข้ามาทางผมกับจงอิน ก่อนที่จะทิ้งตัวนั่งลงข้าง ๆ จงอิน แววตาสงสัยของเขาจ้องมองมาที่ผมครู่หนึ่ง ก่อนที่จะหันกลับไปมองเพื่อนของผม
“จ. . .จงแด”
จงอินเอ่ยชื่อของเขาอย่างติดขัด ผมเบือนหน้าไปทางอื่น. . .
“ฉันจะมาถามว่าเป็นยังไงบ้าง. . .ฉันหมายถึงแผนที่พวกเราจะเดินทางออกจากที่นี่น่ะ โด คยองซูบอกฉันมาว่านายกับคริสอาสาไปดูทางให้ แล้วเป็นยังไงบ้างล่ะ ?”
ทั้ง ๆ ที่ผมพยายามจะไม่สนใจกับสิ่งที่พวกเขาสองคนคุยกัน แต่น่าแปลกที่เมื่อผมได้ยินชื่อของพี่ชายตัวเอง ความอยากรู้อยากเห็นและความสงสัยทำให้ผมแทบจะอยู่ไม่สุข
จงอินกับคริส ? อาสาไปดูทาง ? ข้างนอก ? หมายความว่ายังไง ?
“เออ. . .ว่าแต่คริสล่ะ ? ,ตั้งแต่นายกลับมาฉันยังไม่เห็นเขาเลย ?”
“เอ่อคือ. ..”
“หมายความว่าไงกันจงอิน !? คริส ? มึงเจอคริสแล้วงั้นหรอ ?”
ผมลุกขึ้น ก่อนที่จะยิงคำถามใส่เพื่อนรักของตัวเองไม่หยุด จนคนที่ชื่อจงแดต้องขมวดคิ้วอย่างนึกสงสัย
“ด. . .เดี๋ยวก่อนชานยอล. . .”
“ทำไมมึงไม่บอกกูตั้งแต่แรกวะ แล้วตอนนี้คริสอยู่ไหน ?”
ผมเอ่ยถามพร้อมกับกวาดสายตาไปรอบ ๆ แต่ก็ไม่พูดกับคนที่ผมอยากเจอเลย ไม่มีแม้แต่วี่แววด้วยซ้ำ
“เอ่อ. . .ชานยอลคือว่า”
“อะไร ? นี่มึงจะเซอร์ไพรสกูใช่ป่ะวะเพื่อน ?!”
“ก. . .กูขอโทษ”
“ห. . .ห๊ะ ?”
“พี่คริส. . .ไม่ได้กลับมาพร้อมกู”
“. . .ม. . .หมายความว่าไง ?”
ผม. . .ไม่เข้าใจ
“กูกับพี่เขาโดนโจมตี. . .กูไม่มีทางเลือก. . .คือ. . .”
“อย. . .อย่าบอกนะว่ามึงทิ้งพี่กูไว้ท่ามกลางไอ้ฝูงผีบ้านั่นแล้วหนีกลับมา ?”
“ชานยอล. . .คือ. . .กูขอโท-”
‘ผัวะ !’
“ชานยอล !”
“เฮ้ย ! จงอิน”
ผมไม่รู้เลยว่าตัวเองทำอะไรลงไป. . .มารู้สึกตัวอีกทีผมก็รู้สึกเจ็บที่มือซะแล้ว. . .มือของมันสั่นมากจนควบคุมไม่ได้ และภาพตรงหน้าของผมคือ จงอินที่ล้มลงไปนอนกับพื้น. . .
“มึงทำแบบนี้กับพี่กูได้ยังไงวะ !!!!!”
- - 50% - -
ผมยืนมองร่างของเพื่อนตรงหน้าที่ตอนนี้กำลังนอนกองกับพื้นพร้อมกับสีหน้าที่ดูตกใจสุดขีด มันยกมือขึ้นมาลูบแก้มตรงบริเวณที่ผมต่อย ตวัดมองผมอย่างไม่เชื่อตัวเอง
“ชานยอล. . .”
แบคฮยอนรีบวิ่งเข้ามาทางผมกับจงอิน เอ่ยเรียกชื่อผมเสียงอ่อน ผมกวาดสายตามองทุก ๆ อย่างรอบตัว. . .ทุกคนที่อยู่บริเวณนี้หันมามองทางผมกับจงอินกันหมด อาจเป็นเพราะเสียงตะคอกและการกระทำของผมเมื่อครู่ก็ได้
“. . .”
ผมหันกลับมามองคนที่ผมเพิ่งต่อยจนล้มไปกำลังค่อย ๆ พยุงตัวขึ้นมา และจ้องมองผมด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสำนึกผิด
“ชานยอล. . .”
“มึงจะขอโทษกูอีกงั้นหรอ ? หรือมึงจะหาเหตุผลอะไรมาแก้ตัว ?”
ความโกรธของผมพุ่งขึ้นสูงจนควบคุมไม่อยู่ ผมโกรธ. . .ผมโกรธที่จงอินทิ้งคริสไว้และเอาตัวรอดกลับมา ทั้งๆที่มันกับคริสก็รู้จักกัน และที่สำคัญเขาเป็นพี่ชายของผม
“มึงต้องฟังกูก่อนชานยอล”
“กูไม่ฟังอะไรทั้งนั้นแหละ มึงมัน. . .จงอินมึงมัน. . .แม่งเอ๊ย !”
ผมสบถออกมาเสียงดัง ก่อนที่จะกำหมัดแน่น และพุ่งตรงไปหาคนที่ยืนสลดตรงหน้า
“หยุดนะชานยอล !”
แต่แล้วร่างของผมก็ถูกกระชากให้กลับไปที่เดิม ผมจำได้ดีเสียงแบบนี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากแบคฮยอน เขาพยายามกระชากผมไว้ก่อนที่จะลงมืออัดหน้าเพื่อนของตัวเองอีกรอบ
“ปล่อย !”
ผมสะบัดตัวออกจากการเกาะกุมของเขา แต่ก็โดนมือหนารั้งร่างของตัวเองเอาไว้
“พี่ชานยอลใจเย็นก่อนสิครับ !”
เซฮุนที่เห็นท่าไม่ดีรีบตรงดิ่งมาจับร่างของผมเอาไว้แน่น และดูเหมือนเด็กคนนี้จะมีแรงมากกว่าแบคฮยอนซะอีก
“ฉันว่าถึงนายจะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟยังไง คริส...พี่ชายของนายก็คงจะไม่กลับมาหรอก”
ผมตวัดตามองไปทางข้างหลังจงอิน เมื่อมีคนอีกคนนึงเดินเข้าในเพิ่ม ถ้าจำไม่ผิดเขาเป็นคนที่ยืนคุยกับแบคฮยอนเมื่อกี๊นี้ ก่อนที่จะเดินหายไป ‘โด คยองซู’
ผมกัดฟันกรอดกับคำพูดที่แสนนิ่งเฉยนั่น...
“แล้วนายจะให้ฉันทำยังไง ?”
ผมสะบัดแขนออกจากเซฮุน ก่อนที่จะพยายามปรับน้ำเสียงให้นิ่งที่สุด กอดอกพลางเอ่ยถาม
“...”
“บางทีคริสอาจจะยังไม่ตายก็ได้...เขาก็ไม่ได้ขี้ขลาดนะ เผลอๆหมอนั่นอาจจะเอาตัวรอดเก่งกว่าพวกเราด้วยซ้ำ”
คนที่ชื่อจงแดโพล่งขึ้นมา เขาพูดอย่างใช้ความคิด
“ก็ถ้าเขายังไม่ตาย...เขาก็ต้องอยู่ในโซลนี่แหละ”
โด คยองซูตอบพลางจ้องมองผมด้วยแววตาเย็นชา ผมขมวดคิ้วแน่นจนแทบจะผูกกันเป็นปม ความรู้สึกขัดใจกับเขาทำให้ผมหงุดหงิด
“นายหมายความว่าไง ?”
“ก็หมายความว่า ถ้านายอยากเจอหน้าพี่ชายนายนักละก็ นายก็ต้องไปตามหาเขาน่ะสิ...”
ผมจ้องมองเหตุการณ์ที่ดูเหมือนจะแย่ลงเรื่อย ๆ มาได้ซักพัก
“ก็หมายความว่า ถ้านายอยากเจอหน้าพี่ชายนายนักละก็ นายก็ต้องไปตามหาเขาน่ะสิ...”
ก่อนที่ทุกอย่างจะสงบลง เมื่อสิ้นสุดคำพูดของคยองซู...
ชานยอลนิ่งเงียบไป สายตาของเขาหยุดนิ่งอยู่ที่หน้าต่างบานใหญ่ของห้าง และดูเหมือนเขากำลังใช้ความคิด
ส่วนเพื่อนของชานยอล...เขาก็ยังคงนิ่งเงียบอยู่อย่างนั้น
ความรู้สึกผิดมากมายถูกถ่ายทอดออกมาทางแววตาของเขา เขาคงไม่ได้ตั้งใจจะทิ้งพี่ชายของชานยอล แต่คงหมดทางเลือก
ตัวเลือกสุดท้ายคือ หนีเพื่อเอาชีวิตรอด
“โอเค ! ได้ ! ฉันจะไป”
หลังจากที่ใช้เวลาคิดอยู่ครู่หนึ่ง ชานยอลก็พยักหน้าและขานรับกับข้อแนะนำของคยองซู
“แต่มีข้อแม้ว่า...มึงต้องไปตามหาคริสกับกู”
แต่ชานยอลกับมีข้อแม้ เขาเดินตรงไปทางเพื่อนของเขาที่ยืนก้มหน้า ก่อนที่จะกระชากคอเสื้อของเขา จนร่างนั้นแทบจะเซไปชนกับตัวเอง
“ชานยอล...”
ผมเอ่ยเรียกชื่อชานยอล แววตาของเขาดูเปลี่ยนไป...จากชานยอลที่รู้สึกได้ถึงความอ่อนโยน ตอนนี้สิ่งที่ผมรู้สึกมีแต่ความโกรธและชิงชัง
“ว่าไง ?”
ชานยอลไม่ได้สนใจกับเสียงเรียกของผม เขาจ้องมองเพื่อนตัวเองแล้วถามย้ำ
“ถ้านั่นจะทำให้มึงยอมให้อภัยกู...กูก็จะไป”
คนถูกถามเงยหน้ามาสบตากับเพื่อนของเขา ตอบตกลงด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อน
“งั้นเราก็ไปกันเลยเถอะ”
ชานยอลปล่อยมือออกจากคอเสื้อของอีกคน ก่อนที่จะเดินตรงไปทางเคาน์เตอร์ที่เขาวางอาวุธไว้
แต่ก่อนที่เขาจะเดินไปถึง ผมรั้งเขาไว้จากทางด้านหลัง
“เดี๋ยวก่อนชานยอล...”
“อย่ามาห้ามฉัน”
ชานยอลหันขวับมามองผมด้วยสายตาแข็งกร้าว ผมกลืนน้ำลายลงคอ ก่อนที่จะจับแขนเสื้อของอีกคนแน่นขึ้นกว่าเดิม
“พี่ชานยอล...ผมว่าพี่อย่าไปเลยนะครับ,นี่มันก็จะมืดแล้วด้วย มันจะยิ่งอันตรายนะครับ...ไหนจะเจ้าพวกที่หลุดออกมาจากสนามกีฬาอีก”
เซฮุนเดินเข้ามาหาชานยอลอีกคน และพยายามอธิบายให้คนที่เคยรอบคอบอย่างชานยอลฟัง แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล
“ฉันไม่สนใจเรื่องนั้นหรอก...ขืนปล่อยคริสไว้แล้วไปช่วยพรุ่งนี้...ฉันอาจจะได้เจอศพเขามากกว่าที่จะได้เจอเขาเป็นๆ”
น้ำเสียงเย็นชาเอ่ยออกมาจากปากของชานยอล ก่อนที่เขาจะสะบัดมือออกแล้วเดินไปหยิบปืนพกออกมาจากกระเป๋า
“อย่าไปเลยนะชานยอล”
ลู่หานที่นิ่งเงียบอยู่นาน เริ่มเอ่ยปากอย่างเป็นห่วง
ชานยอลชักสีหน้านิ่ง ก่อนที่จะเดินผ่านลู่หานไป ชานยอลเดินตรงไปที่ลิฟต์พร้อมๆกับจงอินที่ถือปืนลูกซองและกระเป๋าสะพายอีกใบเดินตามไปติด ๆ
“พี่แบคฮยอนไม่คิดจะไปห้ามพี่ชานยอลเลยหรอครับ !”
เซฮุนเขย่าร่างของผม เอ่ยถามเสียงหลง ผมกัดฟันแน่น ก่อนที่จะส่ายหน้า
“ห้ามไปก็เท่านั้น...ตอนนี้ชานยอลเขาไม่ฟังอะไรทั้งนั้นหรอก”
ผมกำมือแน่น ก่อนที่จะเดินตรงไปที่เคาน์เตอร์แล้วหยิบปืนพกของตัวเองมา
“พ...พี่แบคฮยอน”
“ฉันจะไปกับพวกเขาด้วย...ชานยอลในตอนนี้...เสี่ยงเกินไป”
ผมหันไปพูดกับเซฮุนที่ยืนมองผมด้วยแววตาร้อนรน เซฮุนพยักหน้ารับ ริมฝีปากขบเม้มเข้าหากันแน่น
“นายอยู่ที่นี่แหละ...ฝากดูแลคนอื่น ๆ ด้วยนะ”
ผมยิ้มก่อนที่จะเดินไปตบบ่าเด็กผู้ชายตรงหน้า ก่อนที่จะรีบวิ่งตรงไปที่ลิฟต์
“เดี๋ยวก่อน !”
ผมรีบวิ่งตรงไปที่ลิฟต์ที่กำลังจะปิดลง เอื้อมมือไปแทรกระหว่างบานประตูลิฟต์ที่กำลังเลื่อนเข้ามาบรรจบกัน
ก่อนที่บานประตูจะค่อยๆเลื่อนออกจากกัน เผยให้เห็นร่างของคนสองคนที่ยืนอยู่ในนั้น
ชานยอลเบิกตากว้าง เมื่อเห็นผมเดินเข้าไปในลิฟต์ และจัดการกดปุ่มไปที่ชั้นใต้ดิน
“แบคฮยอนทำไมนาย...”
“ฉันจะไปกับพวกนายด้วย”
“แบคฮยอนฉันว่านายกลับไปเถอะ”
“ฉันห้ามนายไม่ได้...นายก็ห้ามฉันไม่ได้เหมือนกัน”
ผมปฏิเสธเสียงแข็ง ก่อนที่จะเดินไปยืนแทรกกลางระหว่างชานยอลและเพื่อนของเขา
บรรยากาศในลิฟต์เงียบซะจนน่าอึดอัด... ในขณะที่ลิฟต์เคลื่อนที่ลงไปเรื่อย ๆ ดูเหมือนไฟฟ้าภายในห้างนี้ยังพอใช้การได้ เพราะหม้อแปลงสำรองยังทำงานอยู่
‘ตึง...’
ลิฟต์กระตุกเล็กน้อย เมื่อตัวอักษรแสดงตำแหน่งชั้นขึ้นโชว์เป็นตัว U ชั้นใต้ดิน
ผมก้าวเท้าออกไป ก่อนที่จะมองซ้ายมองขวาอย่างระมัดระวัง โล่ง...ไม่มีอะไรเลยในชั้นใต้ดินนอกเสียจากรถประมาณสิบคันจอดอยู่ตามที่จอดรถ
ผมกวักมือเรียกคนอีกสองคนให้เดินออกมาได้เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง
“ไปกันเถอะ”
ชานยอลพูดเสียงนิ่ง ก่อนที่จะเดินนำไปตรงบริเวณทางขึ้นผ่านป้อมจุดตรวจที่มีไม้กั้นขวางอยู่
ก่อนที่จงอินจะเดินตามชานยอลไปติด ๆ ผมมองไปรอบ ๆ บริเวณไม่มีอะไรที่น่ากังวลหรอกมั้ง...
ผมเดินตามคนสองคนไป ขาของผมก้าวไปข้างหน้าช้า ๆ ก่อนที่ผมจะไปหยุดอยู่ที่ไม้กั้นที่มีป้อมตรวจอยู่ข้าง ๆ
“อือออออออออ..”
เสียงครางอื้ออึงดังมาจากข้างในป้อมตรวจ ก่อนที่จะมีร่างเน่าเฟะร่างหนึ่งลุกขึ้นมาและกำลังจะพุ่งตรงมาทางผม
“. . .”
ผมถอยหลังไปก้าวหนึ่ง ยกปืนขึ้นมาเล็งไปที่หัวของมันและกำลังจะเหนี่ยวไกปืน
แต่แล้ว
‘ฉึก !’
อะไรบางอย่างพุ่งปักลงบนหัวของมันอย่างแม่นยำ ก่อนที่มันจะล้มลงไปนอนกองจมเลือดกับพื้น ผมชักปืนลงแนบลำตัว เพ่งมองสิ่งที่ฝังลึกในหัวของร่างนั้น ก่อนที่จะพบว่าเป็นลูกศรธนู
“. . .”
หางตาผมเหลือบเห็นร่างของใครบางคนจากข้างบน เขาค่อยๆเดินลงมาอย่างสบาย ๆ เดินตรงมาที่ร่างแน่นิ่ง พร้อมกับดึงลูกศรธนูออกจากร่างนั้น สะบัดคราบเลือดที่ติดอยู่ออกอย่างไม่ใส่ใจมากนัก
“ค...คยองซู”
ผมเอ่ยเรียกคนที่อยู่ตรงหน้า ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้ใส่ใจกับสิ่งรอบตัวเท่าไหร่นัก เพราะเขาแทบจะไม่เหลียวมองผมเลยด้วยซ้ำ
“ฉันบอกไว้ก่อนเลยนะ...”
คยองซูเงยหน้าขึ้นมามองผม กับคนสองคนที่ยืนอยู่ไม่ห่างมากนัก
“ถ้าพวกนายใช้ปืนน่ะเสียงมันจะดังเกินไป... ถึงจะมีอุปกรณ์เก็บเสียงก็เถอะ”
“รู้แล้วหน่า...”
เพื่อนของชานยอลพูดด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย
“แล้วนายมาทำอะไรที่นี่ ?”
ตามมาด้วยชานยอลที่เอ่ยถามอย่างนึกสงสัย
“ฉันจะไปตามหาพี่ชายของนายด้วยคน...นายคงจะไม่รังเกียจสินะ ?”
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
สวัสดีค่ะมิตรรักและแฟนฟิคกลับมาอัพครบ 100% แล้วเด้อค่ะ ตอนนี้ก็ยังคงไม่มีอะไรเหมือนเดิม 55555555
แต่ก็ได้โปรดติดตามและรอกันต่อไปนะคะ เพราะคาดว่าตอนหน้าคงบู๊แหลกมากกว่านี้... #ทำหน้าเครียด
อย่าลืมเม้น ติดแท็กกันที่แท็กเดิม #อวออล นะคะ
ตอบคำถาม
สำหรับคนที่ยังงงว่าจงแดมาได้ยังไง จงแดก็มาของจงแดค่ะ 55555 ถ้าจำได้ ตอนพาร์ทของจงอินจงแดมาทักทายจงอินแล้วนางก็อันตรธานหายไปนั่นแหละค่ะ 555555 เดี๋ยวจะมีการแถลงไขนะคะว่า สุดท้ายทำไมถึงมารวมกลุ่มกับจงอินได้
แล้วก็อันนี้ก็พูดถึงกันเยอะสำหรับบทของคริส 555555555555555 ฟิคเรื่องนี้อพค.ค่าตัวแพงค่ะ ถูกเอ่ยถึงมาตลอด 20 กว่าตอนจนกระทั่งตอนนี้ยังไม่มีบทบาทเลย คาดว่าอีกนานค่ะกว่าจะมา ขอโทษสำหรับเมนอพค.ทุกท่านนะคะ ต้องรอต่อไปค่ะ คนนี้ค่าตัวแพงจริงๆ 5555555555555
ความคิดเห็น