ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (exo) AWAKE & ALIVE.

    ลำดับตอนที่ #25 : 23 CHANGE | Christmas (Special ep.)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.3K
      5
      25 ธ.ค. 56


    DEAD,ALIVE or UNDEAD ?

    JUST CHOOSE

    23 | คริสต์มาส
     




    หมายเหตุ - ตอนนี้เป็นตอนพิเศษสำหรับวันคริสต์มาส เป็นเหตุการณ์ของแต่ละคนก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ซอมบี้หมีพูห์ถล่มโลกานะคะ


    *ผู้อ่านควรใช้จักรยานในการอ่าน



     

    16.30 P.M. - 24  December ,Bucheon gyeonggi

     

     “พี่แบค ! มานี่เร็ว ”

    เสียงตะโกนเรียกชื่อของผมดังขึ้น เมื่อผมก้าวเท้าเข้ามาภายในโบสถ์. . .บ้านหลังเดียวที่ผมคิดถึงอยู่เสมอ

     

    “ไง ~”

    ผมวางกระเป๋าสัมภาระของตัวเองลงข้าง ๆ เท้า ก่อนที่จะย่อตัวลงแล้วอ้าแขนโอบกอดเด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชายที่วิ่งถลาเข้ามาหาผมอย่างอบอุ่น

    พวกเขากระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น ผมผละพวกเขาออกก่อนที่จะเอื้อมมือไปลูบหัวแต่ละคนอย่างเอ็นดู

    รอยยิ้มกว้างมากมายถูกส่งมาให้ผมอย่างจริงใจ มันทำให้ผมรู้สึกดี. . .ดีมาก ๆ

     

    ผมกวาดสายตามองไปรอบ ๆ บริเวณที่แทบไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไรเลย แต่แล้วสายตาของผมก็ไปสะดุดเข้ากับ คนอีกสองคนที่ยืนมองดูพวกเราอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนัก

     

    “แม่. . .หลวงพ่อ”

    “ยินดีต้อนรับกลับบ้านจ๊ะ”

    ผมหยัดตัวยืนขึ้นเต็มความสูง ก่อนที่จะเดินไปหาหลวงพ่อและคุณแม่ที่ยืนอยู่

    รอยยิ้มถูกส่งกลับมา พร้อม ๆกับแขนที่อ้าออกจากกัน ผมเดินเข้าไปแล้วโอบกอดหญิงวัยกลางคนนั้นแน่น. . .

    ความรู้สึกคิดถึงมากมายเอ่อล้นทั่วบริเวณ ปฏิเสธไม่ได้เลยมีความสุขมากแค่ไหน

    ผมคิดถึงทุก ๆ อย่างที่นี่

     

    “ไปเก็บข้าวเก็บของกันเร็วเข้าเด็กน้อย เดี๋ยวพรุ่งนี้เราต้องเตรียมตัวทำพิธีนะ”

    หลวงพ่อเดินเข้ามาลูบหัวผมอย่างอ่อนโยน ผมพยักหน้ารับ ก่อนที่จะเดินกลับไปที่หน้าประตูโบสถ์ จัดการยกกระเป๋าขึ้นมาสะพายไว้

    ผมเดินไปตามทางเพื่อกลับไปที่ห้องพักของตัวเอง สายตาของผมมองไปรอบ ๆ ภายนอกโบสถ์ถูกตกแต่งด้วยต้นคริสต์มาสและสายรุ้งระโยงรยางค์ ผมสังเกตเห็นหลอดไฟหลากสีด้วย ตอนกลางคืนมันต้องสวยมากแน่ ๆ

     

    “น้อง ๆ ช่วยกันตกแต่งหรอครับ ?”

    ผมเอ่ยถามหลวงพ่อที่เดินมาพร้อม ๆ กับผม หลวงพ่อพยักหน้าพร้อมกับยิ้มบาง ๆ

    “ใช่. . .แทมุนชวนน้อง ๆ คนอื่น ๆ จัดตกแต่งรอบ ๆ บริเวณนี้ เพื่อเธอเลยนะ,แบคฮยอน”

    ผมยิ้มออกมาโดยที่ไม่รู้ตัว. . .

     

    ตั้งแต่ที่ผมเรียนจบมัธยมปลาย ผมก็ตัดสินใจไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัย ผมไปอยู่ที่นั่นคนเดียว เรียนและทำงานไปด้วยผมเลือกที่จะทำงานหาเงินมา อย่างน้อย ๆ ก็จะได้ไม่เป็นภาระของแม่และหลวงพ่อมากนัก เพราะทุกวันนี้ได้เงินจากการกุศลที่คนมากมายต่างบริจาคมาให้เด็กกำพร้าอย่างพวกเราก็ใช้จ่ายกันแทบจะไม่พออยู่แล้ว

     

    ทุกวันนี้ผมคิดเพียงแค่ว่าตั้งใจเรียน พอเรียนจบก็หางานดี ๆ ทำ เก็บโกยเงินเอาไว้มาก ๆ เพื่อให้น้องคนอื่น ๆ ได้มีโอกาสเรียนได้สูง ๆ เหมือนกับผม

     

    และเนื่องด้วยเป็นเทศกาลหยุดยาว. . .ผมจึงตัดสินใจกลับมาที่นี่ มาฉลองวันคริสต์มาสกับน้อง ๆ หลวงพ่อ และคุณแม่

     

    ผมแยกกับหลวงพ่อที่หน้าห้องของตัวเอง จัดการเอื้อมมือไปจับที่ลูกบิดประตูเย็นเฉียบนั่น ก่อนที่จะเปิดมันออก

    อา. . .ห้องของผมยังเหมือนเดิม แทบทุกอย่าง เตียง ตู้ ชั้นหนังสือ โต๊ะ หรือแม้แต่พรม. . .ทุกอย่างยังเหมือนเดิมจริง ๆ เท่าที่จำได้ผมกลับมาที่คยองกีก็น่าจะเมื่อฤดูร้อนที่ผ่านมา, 6 เดือน . . .น่าจะประมาณนั้น

     

    ผมวางกระเป๋าของตัวเองลงบนโต๊ะ ก่อนที่จะถอดเสื้อคลุมตัวนอกออก ทิ้งตัวลงบนเตียงตัวเดิม. . .

    ผมตะแคงมองไปรอบ ๆ ห้อง ก่อนที่จะสะดุดตาเข้ากับชั้นหนังสือ. . .

    มันกำลังจะทำให้ผมร้องไห้ออกมาอีกแล้ว

     

     

     

     

     

     

     

    ท้องฟ้ามืดสนิทลง และเริ่มปกคลุมไปด้วยสีขาว. . .หิมะยังคงตก. . .ผมจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าและนำของขวัญบางส่วนที่ผมตั้งใจจะซื้อมาให้น้อง ๆ และมุ่งหน้าไปที่ห้องนั่งเล่น วันนี้เป็นคริสต์มาสอีฟ . .

     

    “เอาล่ะเด็ก ๆ ถึงเวลาแล้ว !

    คุณแม่พูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ก่อนที่น้อง ๆ จะตะโกนโหวกเหวกกัน

    มันเป็นช่วงเวลาที่ใคร ๆ ต่างก็รอคอย การให้ของขวัญ พวกเราจัดมันทุก ๆ ปีและปีนี้ก็เช่นกัน

    ผมและน้อง ๆ นั่งรวมกันเป็นวงกลมล้อมรอบกล่องของขวัญอยู่ในห้องนั่งเล่น ทุก ๆ คนสนุกสนานกับเทศกาลคริสต์มาสเสมอ

     

    ใช่. . .ผมปฏิเสธไม่ได้เลยว่าตัวเองรู้สึกสนุกและมีความสุขขนาดไหนแต่น่าแปลกที่ในใจลึก ๆ ของผมกลับมีความรู้สึกอะไรบางอย่างซ่อนอยู่. . .

     

    หลังจากที่จับของขวัญเสร็จเรียบร้อย น้อง ๆ ก็กลับเข้าไปนอน ผมเดินกลับเข้าไปในห้องของตัวเอง วางกล่องของขวัญที่ได้บนเตียง ก่อนที่จะค่อย ๆ แกะมัน

     

    มันเป็นของขวัญที่หลวงพ่อให้กับผม

     

    “อา. . .”

    ทันทีที่กล่องกระดาษถูกดึงออก ผมก็จัดการหยิบของข้างในออกมา แต่แล้วดวงตาของผมก็เบิกกว้าง ก่อนที่มือของผมจะเริ่มสั่น. . .

     

    สุขสันต์วันคริสต์มาสนะแบคฮยอน

    มันเป็นข้อความที่เขียนอยู่บนกระดาษ กระดาษที่แปะอยู่กับของบางอย่าง

    ผมค่อย ๆ ดึงกระดาษแผ่นนั้นออก และมองของที่อยู่ในมือให้เต็มตา

     

    . . .ผมรู้สึกเหมือนกับมีน้ำใส ๆ มาคลออยู่ที่เบ้าตา. . .

    ของขวัญที่หลวงพ่อให้กับผมมันคือ กรอบรูปไม้สีน้ำตาลอ่อน . . .และในกรอบรูปนั้นก็เป็นรูปของผมกับคยองซู ตอนที่ใส่ชุดนักเรียน. . .ผมจำได้ว่ามันเป็นวันแรกที่ผมพาคยองซูไปที่โรงเรียน

    เขาถ่ายมันตอนไหน ?. . .

     

    ผมพลิกกรอบรูปนั้นไปด้านหลัง ก่อนที่จะเห็นข้อความที่เขียนไว้ที่ด้านหลังของกรอบรูป

    ทุกคนย่อมหวาดกลัวการสูญเสียสิ่งสำคัญ แต่การมีชีวิตอยู่ต่อไปโดยที่ปราศจากสิ่งสำคัญต่างหากที่น่าหวาดกลัวยิ่งกว่า

     

    ผมไม่เข้าใจว่าหลวงพ่อต้องการจะบอกอะไรกับผม น้ำตาหยดหนึ่งของผมหยดลงบนกรอบรูป ผมสะดุ้งก่อนที่จะยกมือขึ้นมาปาดน้ำตาออกอย่างลวก ๆ

    ก่อนที่จะพยุงตัวลุกขึ้นจากเตียง จัดการวางกรอบรูปนั่นบนชั้นหนังสือข้าง ๆ กับกรอบรูปไม้สีขาวที่ว่างเปล่า

    มันเป็นกรอบรูปที่เคยใส่รูปของผมกับคยองซูตอนงานวันเกิดเอาไว้. . .

    ไม่ใช่เพราะว่าผมทิ้งรูปนั้นไปแล้ว แต่ผมเลือกที่จะพกรูปนั้นติดตัวไปด้วยตอนที่ไปเรียนอยู่ที่มหาลัย. . .มันพับเก็บอยู่ในกระเป๋าสตางค์ของผม

     

    หลังจากเหตุการณ์วันนั้นมันผ่านมาได้ 10 ปีกว่า ๆ แล้ว. . .

    ผมไม่ได้ยินข่าวคราวของคยองซูอีกเลย. . .ทุก ๆคนลงความเห็นว่าเขาตายแล้วทั้ง ๆ ที่ยังไม่เจอศพของเขาเลยด้วยซ้ำ เขาหายสาบสูญ

    ผมยอมรับเลยว่าผมคิดถึงเขามาก. . .คิดถึงในทุก ๆ วัน คิดถึงในทุก ๆครั้งที่ผมกลับมาที่นี่ ความทรงจำเป็นเครื่องย้ำเตือนเรื่องของเขาเป็นอย่างดี. . .

     

    พรคริสต์มาสที่ผมขอจากพระเจ้าในทุก ๆ ปีก็คือ ขอให้คยองซูยังคงมีชีวิตอยู่ และขอให้เขามีความสุข. . .

    ผมเชื่อว่าเขายังไม่ตาย และคงมีซักวันที่ผมจะได้เจอเขา

     

     

    “ฉันคิดถึงนาย. . .คยองซู

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    พี่คยองซู !

     

    20.30 P.M. - 24  December ,Gangnum

     

    ก๊อก ก๊อก ก๊อก

     

    “พี่คยองซูคร้าบบบบบบบ !

    ผมตะโกนเรียกคนที่อยู่ในห้อง พร้อม ๆ กับยกมือขึ้นมาเคาะประตูไม้อีกสองถึงสามรอบ

    นี่พี่เขาไม่คิดจะออกมาเจอผู้คนบ้างเลยรึไงกันเนี่ย !

     

    “. . .”

    ไวดังใจคิด พี่คยองซูเปิดประตูห้องของเขาออก ก่อนที่ผมจะเห็นร่างเล็กที่ยืนประจันหน้ากับผม พี่คยองซูใส่เสื้อสเวตเตอร์สีดำกับกางเกงขายาวสีดำ. . .อาดำทั้งตัวจริง ๆ ยกเว้นปลายจมูกสีแดงระเรื่อ ๆ นั่นน่ะนะ

    ท่าทางจะไม่สบาย. . .

     

    “มีอะไรหรอเซฮุน

    พี่คยองซูกระแอมไอเล็กน้อย ก่อนที่จะเอ่ยถามผมด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย แววตากลมโตตวัดมองผมอย่างนึกสงสัย

     

    “ไปปาร์ตี้กัน”

    “ปาร์ตี้ ?”

    ผมเอ่ยชวนพร้อม ๆกับเนียน ๆ แทรกตัวเข้าไปในห้องของพี่คยองซู จนเจ้าของห้องถึงกับเซหลบผมแล้วเอ่ยถามถึงสิ่งที่ผมพูดขึ้นมา

     

    “ปาร์ตี้คริสต์มาสอีฟไงพี่”

    ผมพูดพร้อม ๆกับเดินเข้ามาภายในห้อง. . .นี่พี่คยองซูไม่คิดจะจัดห้องเลยรึไง ?

    ตั้งแต่ที่ผมเดินลงมาจากชั้นที่ห้องตัวเองอยู่ หน้าประตูห้องของแทบทุกห้องจะมีถุงเท้า สายรุ้ง สเนอมีส ไม่ก็สมึคก้าแขวนอยู่ที่ประตู แต่ห้องของพี่คยองซูกลับไม่มีอะไรซักอย่าง

    ไม่มีเลย. . .

     

    “นี่พี่ไม่คิดจะตกแต่งห้องเลยรึไงกันครับเนี่ย...”

    ผมเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงจับผิด พร้อม ๆ กับหรี่ตามองร่างรุ่นพี่ที่ยืนมึนอยู่ข้างหลัง

    “เปลืองตังค์”

    “โหยยยยยยยยยยยย ! พี่คยองซู ! หนึ่งปีมีครั้งนะครับพี่”

    ผมอุทานเสียงหลงพร้อม ๆ กับเอื้อมไปจับมือรุ่นพี่คยองซูแล้วแกว่งมันไปมา

     

    “แล้วแต่งตัวอะไรของนายกันเนี่ยเซฮุน ?”

    รุ่นพี่ตัวน้อยขมวดคิ้วถามอย่างสงสัย ผมก้มมองชุดที่ตัวเองสวมอยู่ ก่อนที่จะส่ายหน้าไปมา

    “ซานต้าครอสไงพี่. . .”

    “. . .”

     

    “. . .”

    “เออช่างมันเหอะ ! ไป ! เราไปปาร์ตี้กัน ลุงคังเขาอุตส่าห์จัดให้พวกเรา รีบเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วไปปาร์ตี้กัน !

    ผมพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นพร้อม ๆ กับผลักไสคนตัวเล็กให้เข้าไปในห้องนอนของเขา

     

    “แต่พี่ไม่สบา. . .”

    “ช่างมันเถอะ !

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    การลากพี่คยองซูออกมาจากห้องไม่ใช่เรื่องง่ายเลย. . .

    พี่คยองซูเป็นรุ่นพี่ที่มหาลัยของผม และด้วยความที่พวกเราพักอยู่ที่อพาร์ทเมนต์เดียวกัน ทำให้ผมกับพี่คยองซูค่อนข้างที่จะสนิทกัน เพราะบางครั้งเราก็จะเดินกลับบ้านด้วยกัน รึไม่ผมก็จะมาขอให้เขาช่วย. . .เอ่อ ทำงานอะไรประมาณนั้น

     

    แต่พี่คยองซูเขาเป็นคนที่ค่อนข้างจะเงียบ ? ไม่ค่อยสุงสิงกับใครซักเท่าไหร่ ซึ่งแตกต่างจากผมโดยสิ้นเชิง ผมทำงานพิเศษเป็นเด็กส่งหนังสือพิมพ์. . .

    คือผมกำลังเก็บเงินเพื่อซื้อ Nintendo Wii อยู่น่ะ. . .

     

    “พี่ขอนอนพักอยู่ในห้องได้มั้ยอ่ะ. . .”

    “พี่ไม่อยากเจอคนเยอะๆ ก็บอกผมมาเหอะ”

    “. . .”

    “ไม่เป็นไรหรอกน่าพี่คยองซู งานนี้เชิญเฉพาะคนในอพาร์ทเมนต์นะครับ”

    ผมพูดพร้อม ๆกับผลักไหล่พี่คยองซูให้เดินขึ้นไปตามบันได

     

    พวกเรากำลังจะไปสถานที่จัดงาน หรือก็คือบนดาดฟ้าของอพาร์ทเมนต์นั่นเอง

    ลุงคังเป็นเจ้าของอพาร์ทเมนต์และลุงแกก็จัดงานคริสต์มาสอีฟนี้ขึ้นมาเพื่อให้พวกเรามาสนุกสนานกัน

     

     

    “สวัสดีครับ ~”

    ผมผลักประตูดาดฟ้าให้เปิดออก ก่อนที่แสงระยิบระยับจากหลอดไฟหลากสีและต้นคริสต์มาสขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ตรงกลางจะสะท้อนเข้าตา ท้องฟ้าสีดำที่ถูกแต้มด้วยสีขาวของหิมะ. . .

    มันสวยมากจริง ๆ

     

    ผมลากพี่คยองซู(ที่ไม่ได้เต็มใจจะมา)ไปที่โต๊ะที่มีอาหาร จัดการหยิบจาน และช้อนส้อมยัดใส่มือพี่คยองซู และเริ่มตักอาหาร

    คนที่พักอยู่ในอพาร์ทเมนต์แห่งนี้ต่างก็พูดคุยและรับประทานอาหารที่เตรียมไว้กันอย่างสนุกสนาน ร่วมไปถึงผมด้วย !

    เพลงคริสต์มาสที่ลุงคังคัดมาเปิดก็โอเคเลย. . .

     

    มันเป็นคริสต์มาสอีฟอีกปีที่ผมรู้สึกมีความสุข

     

    “มานั่งกินตรงนี้กันพี่คยองซู”

    ผมกวักมือเรียกพี่คยองซูที่ยืนถือจานอาหารอย่างมึนงงอยู่ พี่คยองซูรีบหันมาหาผม พยักหน้าสองสามทีก่อนที่จะเดินมานั่งข้าง ๆ

     

    มันเป็นโต๊ะที่ตั้งอยู่ตรงมุมตึก. . .ตรงนี้สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเมืองได้ แสงจากอาคาร หลอดไฟที่ตกแต่งเต็มสถานที่ มันสวยงามมาก

     

    “เอ่อ. . .ขอนั่งด้วยคนได้มั้ย ?”

    เสียงของใครบางคนดังมาจากด้านหลังของผมกับพี่คยองซู ผมรีบหันขวับไปหาต้นเสียงก่อนที่จะพบกับ

     

    ลู่หาน. . .

     

    “ด. . .ได้สิ”

    ผมลุกขึ้นก่อนที่จะตอบคำถาม พร้อม ๆกับเลื่อนเก้าอี้ที่ยังว่างอีกตัวหนึ่งให้ลู่หาน ลู่หานพยักหน้าพร้อมกับฉีกยิ้มกว้าง ก่อนที่จะทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอีตัวนั้น

     

    “อากาศดีจังเลยเนอะ”

    ลู่หานพูดพร้อม ๆ กับสูดอากาศเข้าไปเต็มปอด ผมพยักหน้ารับ ก่อนที่จะตักข้าวผัดในจานยัดใส่ปากแล้วเคี้ยวมันเร็ว ๆ

    เฮ้ ๆ. . .นี่ผมกำลังทำบ้าอะไรอยู่เนี่ย ? ผมควรตอบเขากลับไปว่า ใช่ มันดีมากเลยไม่ก็ ผ้าพันคอนายดูเท่ดีนะไม่ใช่หรอ ?

     

    “แค่ก แค่ก แค่ก”

    ในขณะที่ผมกำลังเคี้ยวอยู่ดี ๆ ก็มีเศษฝุ่นอะไรไม่รู้มาอุดที่จมูก ทำเอาผมแทบจะสำลักข้าวผัดในปากตัวเองออกมา

     

    “เฮ้ ๆ ใจเย็น ๆ”

    ลู่หานที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ยกมืออุ่น ๆ ของเขาขึ้นมาลูบหลังของผม พร้อม ๆ กับหยิบแก้วน้ำที่วางอยู่ข้าง ๆ มืออีกข้างขึ้นมาให้ผม

     

    “ขอบคุณนะ”

    ผมรีบรับแก้วใบนั้นมาแล้วจัดการกระดกดื่มมันอย่างรวดเร็ว

    ทำไมผมถึงรู้สึกประหม่าขนาดนี้. . .

     

    “เอ้อ. . .แล้วนาย ชื่อคยองซูใช่มั้ย ?”

    ลู่หาน เบนความสนใจไปหาพี่คยองซูที่ยังคงกินสปาเกตตี้เงียบ ๆ คนเดียว พี่คยองซูหันหน้ามามองก่อนที่จะพยักหน้าลงช้า ๆ

     

    “ฉันลู่หานนะ เคยเห็นนายอยู่เหมือนกันแต่ไม่มีโอกาสได้คุยเลย”

    ลู่หานยิ้มพร้อมกับยื่นมือออกไป

    “เช่นกัน”

    พี่คยองซูเอื้อมมือไปจับก่อนที่ทั้งสองคนจะยิ้มให้กัน

     

    “ลู่หาน. . .แล้วคุณป้าล่ะ ?”

    “หืม. . .อ๋อคุณแม่คุยกับพวกคุณนายคิมอยู่น่ะ”

     

    “ได้ข่าวว่านายจะไปที่เกาะเชจูหน้าร้อนนี้งั้นหรอ ?”

    ผมเอ่ยถามลู่หาน ก่อนที่จะสังเกตเห็นแววตาที่กระตุกวูบของเขาครู่หนึ่ง ก่อนจะกลับมานิ่งเหมือนเดิม

    “อ่าใช่ ความจริงก็ตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์เลยน่ะ”

    “นายไปทำอะไรที่เกาะเชจูงั้นหรอ ?”

    พี่คยองซูที่นั่งเงียบอยู่นานเอ่ยถามขึ้นมาด้วยความสนใจ

     

    “ไปฝึกน่ะ”

     

    อา. . .ใช่ ลู่หานเป็นนักเรียนนายร้อย และผมเคยได้ยินลุงคังเล่าว่าช่วงนี้ลู่หานไม่ค่อยจะอยู่ที่อพาร์ทเมนต์เพราะต้องไปฝึกตามสถานที่ต่าง ๆ และสถานที่ต่อไปที่เขาจะต้องไปฝึกในปีหน้าคือ เกาะเชจู

     

    “ฝึกเกี่ยวกับ ?”

    พี่คยองซูยังคงถามต่อไป ผมสังเกตเห็นลู่หานมีสีหน้าที่ดูหนักใจเล็กน้อย แต่เขาก็เลือกที่จะตอบคำถามนั้น

     

    “เกี่ยวกับอาวุธ. . .สงครามอะไรประมาณนั้น”

     

    อาวุธสงครามงั้นหรอ ?

     

    “มันก็เป็นการฝึกทั่ว ๆ ไปตามที่เคยไปฝึกในที่อื่น ๆ นั่นแหละ แค่เปลี่ยนสภาพแวดล้อมน่ะ”

    เมื่อลู่หานพูดจบ เจ้าตัวก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนที่จะเลื่อนเก้าอี้ออก และหยิบจานมาถือไว้ในมือ

     

    “ดูเหมือนแม่จะคุยเสร็จแล้ว. . .ฉันคงต้องขอตัวก่อนนะ แล้วเจอกันใหม่”

    ลู่หานกล่าวลาพร้อมรอยยิ้ม ก่อนที่จะเดินออกไปจากโต๊ะที่ผมกับพี่คยองซูนั่งอยู่

     

    “. . .”

    “. . .”

    ผมมองลู่หานที่กำลังเดินออกจากดาดฟ้าพร้อม ๆ กับคุณพ่อและคุณแม่ของเขา แต่ก็ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อมือเย็นเฉียบของพี่คยองซูเอื้อมมาจับที่ไหล่ของผมอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว

     

    “เซฮุน. . .”

    “ห๊ะ ?! ครับ ? พี่คยองซูผมตกใจหมดเลย”

    “นายชอบลู่หานหรอ ?”

     

    ถาม – ตรง – มาก

    ผมผงะไปเล็กน้อยกับคำถามที่เอ่ยออกมาจากรุ่นพี่ตัวเล็ก ผมกลืนน้ำลายลงคอที่แห้งผากของตัวเองอย่างลืมตัว ก่อนที่จะสังเกตเห็นรอยยิ้มที่มุมปากของพี่คยองซู

     

    “เอ่อคือ. . .”

    “ไม่ต้องตอบพี่ก็ได้”

    “. . .”

    “นายเห็นนั่นมั้ย ?”

    พี่คยองซูละมือออกจากไหล่ของผม ก่อนที่จะชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้า ที่มีหิมะตกลงมา. . .

    พี่เขาหมายถึงหิมะงั้นหรอ ?

     

    “เห็น. . .ทำไมหรอครับ”

    “หิมะ. . .มันสวยก็จริง แต่เดี๋ยวพอหมดฤดูหนาวมันก็ละลายกลายเป็นน้ำอยู่. . .และสุดท้ายมันก็หมดความหมาย เพราะงั้นมันถึงสวยที่สุดในเวลาแบบนี้”

    “. . .”

     

    “มนุษย์ก็เหมือนกัน. . .พอหมดเหตุผลที่ต้องอยู่ร่วมกัน สุดท้ายตอนจบจะเป็นยังไง ?”

     

    เอาอีกแล้ว. . .

    พี่คยองซูชอบพูดอะไรให้ผมงงทุกที

    “พี่เลิกเพ้อเจ้อเถอะครับ พูดอย่างกับตัวเองเป็นนักกวี”

    ผมยกมือขึ้นขยี้หัวรุ่นพี่ที่นั่งข้าง ก่อนที่คนตัวเล็กจะหันมามองค้อนใส่ผม แล้วล้วงหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเสื้อ. . .

     

    “สุขสันต์วันคริสต์มาส”

    พี่คยองซูพูดพร้อม ๆ กับเอาหมวกซานต้าครอสสีแดงมาสวมให้ผม

    เขายังคงเป็นคนที่เดาอารมณ์ได้อยากเหลือเกิน. . .

     

     

    “วันคริสต์มาสมันวันพรุ่งนี้ต่างหาก. . .”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    21.15 P.M. - 24  December ,Gangnam

     

    “อา. . .ให้ตายเถอะ นี่เลทมา 15 นาทีแล้วนะ”

     

    “ใจเย็น ๆ หน่า. . .เดี๋ยวจงอินก็มา คงติดไฟแดงอยู่ละมั้ง ?”

    ผู้ชายร่างสูง เจ้าของเสียงทุ้มต่ำนั่นพูดขึ้นมา ก่อนที่จะทิ้งตัวนอนราบบนโซฟา โดยที่บนตัวของเขามีชามที่ใส่ป๊อปคอร์นอยู่ เจ้าตัวพูดด้วยท่าทีสบาย ๆ ก่อนที่จะเอื้ออมือหยิบรีโมทที่วางอยู่มากดเปลี่ยนช่อง

    ผมกำลังรอจงอินกับแทมินมาที่นี่. . .วันนี้เป็นวันคริสต์มาสอีฟ เพราะงั้นผมจึงนัดจงอินกับแทมินมาทานอาหารกับดูหนังซักเรื่องที่นี่

     

    ผมถอนหายใจออกมายาว ๆ ก่อนที่จะทิ้งตัวนั่งลงบนพื้นข้างหน้าโซฟาที่พี่ชายของผม หรือ คริส นอนเหยียดกายอยู่

     

    “เดี๋ยวนี้ชักทำตัวเหมือนพวกคุณป้าเข้าทุกวันแล้วนะ”

    คริสเอื้อมมือของมันลงมาขยี้หัวของผมเล่น ผมรีบหันขวับไปมองด้วยแววตาเคือง ๆ ก่อนที่จะหันกลับไปสนใจทีวีเหมือนเดิม

     

    “อยากตายรึไงคริส”

    “อา. . .เหมือนพวกคุณป้าจริงๆ ด้วย”

    คริสพูดพร้อม ๆ กับหัวเราะออกมา ผมรีบลุกขึ้นคว้าหมอนอิงใกล้ ๆ มือมาอุดปากมัน ก่อนที่จะทุบเข้าที่แขนของพี่ชายตัวดีสองสามที

     

    “โอ้ยยยยยย ชานยอล ! เดี๋ยวเด้ !

    มันผลักหมอนที่ผมใช้อุดปากมันออก ก่อนที่จะเด้งตัวขึ้นมานั่งบนโซฟา

     

    “นี่ถ้าฉันหายใจไม่ออกตายขึ้นมาจะทำไง”

    “ก็ไปงานศพดิ”

              ผมเอ่ยตอบคำถามพี่ชายอย่างกวนประสาท ผมสังเกตเห็นคริสถอนหายใจออกมาพร้อม ๆ กับยกมือขึ้นมาเกาท้ายทอยตัวเอง

     

    “ไอ้น้องคนนี้. . .”

     

    ผมกับคริสมักจะกัดกันแบบนี้อยู่บ่อย ๆ ด้วยความที่อายุของพวกเราก็ไล่เลี่ยกัน เพราะงั้นเรื่องขัดใจกันมันก็พอมีบ้างประปราย แต่สุดท้ายก็มักจะลงเอยด้วยการกวนกันไปกวนกันมาแบบเมื่อครู่

    ผมกับคริสอยู่ด้วยกันสองคนในคอนโดแห่งนี้. . .เรามีกันแค่สองคน

     

    “ฉันถามไรอย่างหนึ่งได้มั้ยคริส ?”

    “หืม ? อะไรงั้นหรอ ?”

    สถานการณ์เริ่มตึงเครียด เมื่อผมเงียบและตัดสินใจเอ่ยปากถามในสิ่งที่คาใจตัวเองมาได้สองวันแล้ว

     

    เมื่อสองวันก่อนผมทำความสะอาดและเก็บข้าวของที่เกะกะในห้องของพวกเราในขณะที่คริสออกไปทำธุระ จนผมไปพบเข้ากับบางสิ่งบางอย่างภายในห้องของคริส

    ในลิ้นชักของโต๊ะทำงานรก ๆ นั่น. . .

     

    “พี่ไปซื้อปืนมางั้นหรอ ?”

    ผมเอ่ยถามพร้อมกับจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาที่เบิกกว้างเพราะความตกใจของพี่ชาย

     

    “ช. . .ใช่,นายเจอมันงั้นหรอ ?”

    “อือ. . .ตอนกำลังทำความสะอาดห้องพี่น่ะ”

     

    เงียบ. . .

    หลังจากที่ผมเอ่ยตอบคำถามของเขาทุกอย่างก็ตกอยู่ในความเงียบ และมันโคตรจะอึดอัด. . .

     

    “พี่. . .ผมไม่อยากให้พี่ไปยุ่งกับเจ้าพวกนั้นอีกแล้วนะ ไม่เอาแล้ว”

    ผมเลือกที่จะทำลายความเงียบลง ผมพูดพร้อม ๆ กับลุกขึ้นแล้วทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาข้าง ๆ พี่ชายที่นั่งนิ่ง

     

    “คือพี่. . .”

    “พี่อย่าไปยุ่งกับเจ้าพวกนั้นอีกเลยนะ ผมขอร้อง. . .”

    ผมขอร้องพร้อม ๆ กับเอื้อมมือไปจับไหล่ของพี่ชายไว้แน่น

     

    “มันจำเป็นยอล. . .นายไม่เข้าใจหรอก”

    “ผมจะไปเข้าใจได้ยังไง ในเมื่อพี่ไม่บอกความจริงกับผมเลย”

     

    “เราสัญญากันแล้วไม่ใช่หรอยอล ว่าจะไม่พูดเรื่องนี้อีก”

    คริสสะบัดไหล่ออกจากการเกาะกุมของผม พูดด้วยน้ำเสียงรำคาญก่อนที่จะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง

     

    “ผมขอโทษที่ทำตามสัญญาไม่ได้ เพราะพี่ก็ไม่ทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับผมเหมือนกัน !

    ผมลุกขึ้นยืน ตะโกนออกไปอย่างเดือดดาล และกำลังจะเดินไปประจันหน้ากับพี่ชายที่กำลังเดินหนีหน้าผม

     

    “อย่ามาขึ้นเสียงกับพี่นะชานยอล”

    คริสหันมาประจันหน้ากับผม แววตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธและเย็นชา. . .

    “ผมแค่ต้องการให้พี่บอกความจริงกับผม ! พี่ไม่เคยบอกอะไรกับผมเลย พี่เอาแต่พูดว่าผมไม่ควรรู้ มันเป็นสิ่งที่ผมไม่จำเป็นต้องรู้ พี่ไม่เคย. .”

    “เลิกงี่เง่าได้แล้วชานยอล !!

    คริสตะคอกใส่หน้าผม. . .ก่อนที่จะกำมือแล้วจัดการต่อยเข้าที่หน้าของผมอย่างจัง จนผมเซล้มลงไปนอนกองกับพื้น

     

    “คริส. . .”

    “. . .”

    ผมเอ่ยเรียกชื่อพี่ชายด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ยกมือขึ้นมาจับที่แก้มที่ตอนนี้มันชาไปหมด. . .ผมทั้งกลัวและตกใจกับการกระทำเมื่อครู่ของเขา

    เขามักจะเป็นพี่ชายอบอุ่นและใจดีเสมอ

    แต่พักหลัง ๆ นี้มันเปลี่ยนไป เขาเปลี่ยนไป ความลับและระยะห่างของผมกับเขามีมากขึ้นเรื่อย ๆ จนผมรู้สึกอึดอัด

     

    “ชานยอล. . .คือพี่. . .”

    แต่ดูเหมือนว่าตัวเขาเองก็จะตกใจกับการกระทำของตัวเองเหมือนกัน คริสเอ่ยเรียกชื่อผมอย่างสับสน

     

    “พี่ขอโท. . .”

    “ผมจะคิดซะว่านี่คือของขวัญวันคริสต์มาสที่พี่ให้ผม ขอบคุณนะครับ”

    ผมพูดแทรกก่อนที่เขาจะได้เอ่ยอะไรออกมา ก่อนที่ยันตัวเองให้ลุกขึ้น แล้วเดินไปที่ประตูห้อง จัดการหยิบเสื้อโค้ทที่แขวนอยู่มาสวมใส่เอาไว้ แล้วเดินออกไปจากห้อง

    ตอนนี้ตัวผมเต็มไปด้วยความรู้สึกโกรธ สับสน และเสียใจ

     

    มันช่างเป็นคริสต์มาสอีฟที่. . .เฮงซวยสิ้นดี

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    21.20 P.M. - 24  December ,Gangnam

     

    “โอย. . .รถติดชะมัดเลย,ให้ตายเถอะ”

    ผมบ่นอุบอิบพร้อม ๆกับยกมือขึ้นเคาะพวงมาลัยเบา ๆ ตอนนี้ผมกำลังติดแหง่กอยู่บนถนน. . .รถติดมาก คาดว่าผู้คนมากมายตัดสินใจที่จะไปทางอาหารกันนอกบ้านหรือไม่ก็เลี้ยงฉลองกันข้างนอก. . .

    ต้องโดนไอ้ชานยอลบ่นจนหูชาแน่ ๆ

     

    “เอาหน่าจงอิน

    คนที่นั่งข้าง ๆ ผมพูดด้วยน้ำเสียงใจเย็น ก่อนที่จะยื่นขนมในมือมาจ่อที่ปากของผม

    ผมอ้าปากกว้างเป็นเชิงให้เขาป้อนขนมในมือเข้าปาก ก่อนที่จะเคี้ยวแกเซ็ง

     

    “ดีเหมือนกันนะที่ชานยอลโทรมาชวนให้ไปฉลองคริสมาสต์ที่คอนโดน่ะ”

    คนที่นั่งอยู่บนรถตรงเบาะข้างคนขับพูดขึ้น พร้อม ๆ กับหยิบขนมในมือขึ้นมากินอย่างสบายอารมณ์

     

    ให้ตายสิ. . .แทมิน จะใจเย็นเกินไปแล้วนะ

     

    “ก็คิดว่างั้นเหมือนกัน ตอนแรกนึกว่ามันจะฉลองคริสต์มาสกับพี่คริสซะอีก”

    “นายพูดเหมือนกับไม่อยากฉลองคริสต์มาสกับชานยอลแล้วก็พี่คริสเลยนะ”

    แทมินพูดพร้อม ๆ กับหันมาจ้องหน้าผมด้วยแววตาจับผิด ผมถอนหายใจออกมา ก่อนที่จะพูด

     

    “ฉันอยากฉลองคริสต์มาสกับนายแค่  2 คนมากกว่า”

    ผมเกาท้ายทอยแก้เขิน ก่อนที่จะสังเกตเห็นใบหน้าของคนข้าง ๆ เริ่มขึ้นสี ผมเอื้อมมือไปขยี้ผมแทมินจนมันฟูฟ่อง แล้วหัวเราะออกมา

     

    ‘Baby 제발 그의 손을 잡지마 Cuz you should be my Lady ~’

    ในขณะที่ผมกำลัง เอ่อ. . .จะเรียกว่า จู๋จี้ ก็ได้ เสียงริงโทนก็ดังขึ้นมา ผมจิ๊ปากอย่างขัดใจ ก่อนที่จะล้วงโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงออกมา

     

    “ชานยอล. . .โอ้ยยยย มันต้องโทรมาบ่นที่ฉันมาสายแน่ ๆ. . .”

    เมื่อชื่อของคนที่ต่อสายมาปรากฏแก่สายตาของผม ผมก็บ่นออกมาอย่างเคยชิน และกำลังจะตัดสายทิ้ง แต่แล้วคนข้าง ๆ กลับดึงมันออกไปจากมือของผม

     

    “เดี๋ยวคุยให้แล้วกัน. . .นายเนี่ยนะ. . .กลัวในเรื่องที่ไม่ควรจะกลัว”

    แทมินถอนหายใจออกมา ก่อนที่จะกดรับสาย

     

    “ว่าไงชานยอล. . .ใกล้ถึงแล้วนะ รออีกแป๊ป. . .”

     

    “ห๊ะ ? ว่าไงนะ ?”

    ผมหันไปมองแทมินที่พูดเสียงหลง ขมวดคิ้วเข้ากันเมื่อสังเกตเห็นสีหน้าถอดสีของคนข้าง  ๆ

     

    “มีอะไรงั้นหรอแทมิน ?”

    “. . .”

    ผมเอ่ยถามอย่างสงสัย แต่คำตอบที่ได้รับกลับเป็นการเอามือป้องปากเป็นเชิงให้เงียบลงของแทมิน

     

    “อา. . .โอเค ตอนนี้รถติดอยู่แถว ๆ หน้าร้านหนังสือ จะจอดรถรอแล้วกันนะ. . .”

     

    “อืม ๆ โอเค เจอกัน”

    แทมินพูดจบก็รีบวางสาย ก่อนที่จะถอนหายใจพรูดยาวออกมา คิ้วของผมขมวดเข้าหากันแน่นกว่าเดิม ผมยื่นมืออกไปรับโทรศัพท์ที่ถูกส่งกลับคืนมา

     

    “มีอะไร ? ชานยอลทำไม ?”

    “มันบอกว่าทะเลาะกับพี่คริส. . .เลยจะขอไปนอนบ้านนายซักคืน”

    “ทะเลาะ ?”

    “อื้ม. . .”

     

    ชานยอลทะเลาะกับพี่คริส ? มันเป็นปกติที่พี่น้องจะต้องทะเลาะกัน แต่. . .มันแปลกตรงที่ชานยอลออกมาจากคอนโดด้วยเหตุผลที่ว่าทะเลาะกับคริส ?

    มันต้องไม่ใช่การทะเลาะธรรมดา ๆ แน่ๆ  สองคนนั้นทะเลาะกันรุนแรงถึงขั้นที่ชานยอลออกมาจากคอนโดเลยงั้นหรอ ?

     

    “นายเลี้ยวรถไปจอดที่หน้าร้านหนังสือด้วยนะ เดี๋ยวชานยอลกำลังจะมาแล้ว”

    แทมินบอกผม ผมพยักหน้ารับแล้วหักพวงมาลัยให้ไปจอดสนิทอยู่ที่หน้าร้านหนังสือ ไม่ใกล้ไม่ไกลจากคอนโดของมัน

     

    ก่อนที่ร่างสูงของเพื่อนรักของผมจะปรากฏ

     

    มันเดินโซซัดโซเซอย่างกับคนไร้เรี่ยวแรงมาที่รถ ก่อนที่จะเปิดประตูด้านหลังแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนเบาะเงียบ ๆ

     

    “เฮ้ย. . .มึงโอเคนะ ?”

    ผมเอ่ยทักมัน แล้วเหลือบตามองเพื่อนรักของตัวเองที่นั่งอยู่บนเบาะหลัง ผ่านทางกระจก

     

    “คิดว่างั้นนะ. . .”

    “มึงทะเลาะอะไรกับพี่เขาอีกล่ะ”

    ผมพูดพร้อม ๆ กับหักพวงมาลัยเพื่อเคลื่อนรถออก ตอนนี้คงจะต้องขับไปส่งแทมินที่บ้านก่อนแล้วค่อยกลับไปที่บ้านของผม

     

    “เรื่องเดิม ๆ”

    “นายดูไม่ค่อยดีเลยนะชานยอล. . .แผลที่แก้มนั่นอีก”

    แทมินที่นั่งอยู่ตรงเบาะข้าง ๆ คนขับหันไปพูดกับชานยอลด้วยน้ำเสียงห่วงใย

     

    “นิดหน่อยน่า. . .”

    ชานยอลพูดพร้อมกับกระตุกยิ้มบาง ๆ มันไม่ใช่รอยยิ้มที่มีความสุข แต่มันเป็นรอยยิ้มที่เหมือนกับกำลังสมเพชตัวเองอยู่

     

    ตลอดเส้นทางที่ผมไปส่งแทมินที่บ้านเต็มไปด้วยความอึดอัดและความเงียบ. . .หลังจากที่ส่งแทมินแล้ว ผมก็ให้ไอ้ชานยอลมานั่งที่เบาะคนขับแทนที่แทมิน

    ก่อนที่จะออกตัวรถเพื่อกลับไปที่ห้องของตัวเอง

     

    “พอถึงห้องมึงก็จัดการทำแผลที่หน้ามึงซะนะ หมดหล่อเลยว่ะเพื่อนกู”

    ผมเอ่ยขึ้นมาลอย ๆ ในขณะที่สายตาก็ยังคงสนใจถนนตรงหน้า

     

    “. . .”

    “แฮปปี้หน่อยดิวะ คริสต์มาสนะเว้ยคริสต์มาส”

    “กูกำลังพยายาม”

    “หรือว่ามึงจะร้องไห้ขี้มูกโป่งเหมือนตอนนั้น กูก็ไม่ว่านะ”

    ผมเอ่ยด้วยน้ำเสียงขี้เล่น ก่อนที่จะเอื้อมมือไปตบบ่ามันเบา ๆ

    นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มันทะเลาะกับพี่คริสแล้วมาหาผม. . .แต่ดูเหมือนครั้งนี้จะหนักเอาการก็ตรงที่มันได้แผลมานี่แหละ. . .ไม่คิดเหมือนกันว่าพี่คริสจะต่อยหน้ามันจริง ๆ

     

    “อยู่เป็นเพื่อนกูก็พอ”

    “แน่นอน. . .อย่าลืมที่กูเคยบอกมึงดิ”

    “. . .”

    “ถ้ามึงล้มกูคนหนึ่งล่ะจะไม่ช่วยพยุงมึง แต่กูจะยืนรอจนกว่ามึงจะลุกขึ้นมาเดินต่อไปพร้อม ๆ กับกู”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    มินซอกกกกกก

    “อะไร ๆ”

    “เร็ว ๆ สิ ! จะคอลไปหาพี่จงฮยอนแล้วนะ”

     

    22.00  P.M. – 24 December ,Seoul

     

    ผมรีบวิ่งออกจากห้องครัวพร้อมกับถาดขนมขบเคี้ยวในมือไปที่ห้องนั่งเล่น ตรงโต๊ะกลางที่วางอยู่กลางห้อง โดยที่มีโน้ตบุ๊กและฝาแฝดของผม จุนมยอนนั่งอยู่

    ท่าทางของจุนมยอนดูตื่นเต้นอยู่ไม่น้อยเลย

     

    “มาแล้ว !

    ผมทิ้งตัวลงนั่งข้างจุนมยอน วางถาดขนมไว้ที่ตักระหว่างผมกับเขา ก่อนที่สายตาจะจับจ้องไปที่หน้าจอโน้ตบุ๊ก

    ตอนนี้ผมกับจุนมยอนกำลังสไกป์ไปหาพี่จงฮยอน

     

    มันน่าเสียดายมาก ๆ ที่พี่จงฮยอนไม่ได้มีโอกาสมาเยี่ยมพวกเรา ทั้ง ๆ ที่มีโอกาสได้หยุดยาวช่วงคริสต์มาสแท้ ๆ

    เพราะเขามีโปรเจคใหญ่ที่ต้องทำ เขาว่างั้นนะ

     

    “มาแล้ว ๆ”

    จุนมยอนพูดด้วยนำเสียงตื่นเต้นพร้อม ๆ กับยกมือขึ้นชี้หน้าจอที่ตอนนี้จากช่องสี่เหลี่ยมมืดสนิทปรากฏเป็นร่างของผู้ชายคนหนึ่งนั่งอยู่ตรงหน้าพวกเรา

     

    พี่จงฮยอน. . .

     

    “ไง ~”

    พี่จงฮยอนฉีกยิ้มกว้าง พร้อม ๆ กับยกมือขึ้นโบกไปมา ผมกับจุนมยอนต่างฝ่ายต่างก็เอ่ยทักทายพี่จงฮยอนอย่างพร้อมเพรียง พวกเราไม่ได้นัดกันไว้ก่อนหน้า แต่มันมักจะเป็นแบบนี้ทุกครั้ง

    เรามักจะทำอะไรเหมือน ๆ กัน และรู้สึกเหมือน ๆ กัน. . .มันเป็นสายสัมพันธ์ของฝาแฝด

     

    ผมเกิดก่อนจุนมยอน 8 นาที เพราะงั้นผมถึงเป็นแฝดพี่ และจุนมยอนก็เป็นแฝดน้อง แต่ด้วยความที่เราเกิดวันเดียวกัน เราจึงตกลงว่าพวกเราเป็นเพื่อนกัน และมีพี่ชายคนเดียวก็คือ คิมจงฮยอน

     

    “อากาศที่นู่นเป็นไงบ้าง”

    พี่จงฮยอนเอ่ยถาม ก่อนที่จะยกแก้วกาแฟข้าง ๆมาจิบ

    ผมสังเกตเห็นว่าขอบตาของเขามันค่อนข้างที่จะคล้ำและเขาดูผอมลง. . .สันกรามของเขามันเด่นชัดมาก ดูเหมือนเขาจะไม่ค่อยได้พักผ่อนซักเท่าไหร่

     

    “ก็หนาวดีครับ ยังดีนะที่พี่ซื้อฮีตเตอร์มาให้พวกเรา ไม่งั้นผมกับมินซอกอาจจะต้องจุดกองไฟไว้กลางห้อง”

    จุนมยอนพูดติดตลก ก่อนที่จะขำออกมาพร้อม ๆ กับพี่จงฮยอน

     

    “แล้วพี่ล่ะเป็นไงบ้าง ? สบายดีมั้ย ?. . .พี่ดูผอมลง”

    ผมเอ่ยถามออกไป พี่จงฮยอนเบิกตากว้างเล็กน้อย ก่อนที่จะถอยหายใจ

     

    “พี่โอเคนะไม่ต้องเป็นห่วง”

    ตอบกลับมาพร้อมรอยยิ้ม. . .

     

    “เฮ้ ! จงฮยอน เบา ๆ หน่อยสิ นายรู้มั้ยว่าการคอลสไกป์ของนายทำให้ฉันเสียสมาธิน่ะ”

    แต่แล้วเสียงของใครซักคนก็แทรกเข้ามา ก่อนที่พี่จงฮยอนจะสะดุ้งแล้วหันไปหาต้นเสียงที่พวกผมมองไม่เห็น

     

    “อ้า ! ขอโทษทีนะจงแด ฉันใกล้จะเลิกละ”

    จงแด ? ใครกัน ? เพื่อนร่วมงานงั้นหรอ

     

    “โทษทีนะมินซอก จุนมยอน แต่พี่คงต้องไปแล้วล่ะ เลยเวลาพักมาแล้วด้วย,รักษาสุขภาพด้วยล่ะ แล้วก็ดูแลกันและกันให้ดีนะ พี่รักพวกนาย”

    พี่จงฮยอนหันกลับมาที่หน้าจอคอมอีกครั้ง ก่อนที่จะเอ่ยลา ผมกับจุนมยอนมีสีหน้าที่ดูสลดลงเล็กน้อย พวกเรายังคุยกันไม่ถึง 5 นาทีด้วยซ้ำ

     

    “ครับ”

    ขานรับคำของพี่ชายพร้อม ๆ กันอีกครั้ง

     

    “สุขสันต์วันคริสต์มาสนะเด็กน้อย”

    ประโยคสุดท้ายเอ่ยขึ้นมา ก่อนที่หน้าจอจะดับลงกลายเป็นสี่เหลี่ยมสีดำ ๆ เหมือนกับตอนแรก

     

    “แย่จัง. . .ฉันคิดว่าเราจะได้คุยกับพี่จงฮยอนนานกว่านี้ซะอีก”

    จุนมยอนถอนหายใจออกมา ก่อนที่จะหยิบขนมในถาดไปกินแก้เซ็ง

    “เอาหน่าก็ยังดีกว่าไม่ได้คุยนี่จริงมั้ย ?”

    ผมตบบ่าจุนมยอนเบา ๆ ก่อนที่จะพยุงตัวลุกขึ้น

     

    “เอ้อ ลืมไปเลย ฉันมีของขวัญจะให้น่ะ”

    “ของขวัญ ?”

    “อื้อ”

    “ฉันก็มีของขวัญจะให้นายเหมือนกัน”

     

    เราสองคนหัวเราะออกมาพร้อม ๆ กัน ว่าแล้วว่าจุนมยอนก็น่าจะเตรียมของขวัญให้กับผมเหมือนกัน

     

    เราสองคนเดินแยกไปที่ห้องนอนของตัวเอง ก่อนที่จะเดินออกมาพร้อมกับกล่องของขวัญในมือ

    กล่องของขวัญของผมถูกห่อด้วยกระดาษห่อของขวัญสีดำที่มีลายตกแต่งสีทอง

    ส่วนกล่องของขวัญของจุนมยอนถูกห่อด้วยกระดาษห่อของขวัญสีทองที่มีลายตกแต่งสีเงิน

    เราสองคนถือของขวัญที่ตัวเองซื้อให้อีกฝ่ายมา ก่อนที่จะยืนประจันหน้ากัน

     

    “สุขสันต์วันคริสต์มาส !

    เอ่ยขึ้นมาพร้อม ๆ กัน แล้วยื่นกล่องของขวัญของตัวเองให้อีกฝ่ายพร้อมกัน

     

    “ฉันรักนายนะมินซอก !

    “ฉันก็รักนายเหมือนที่นายรักฉันนั่นแหละ”

     

    “ก็เราเป็นแฝดกันนี่นา”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    22.15 P.M. – 24 December , Jeju Island

     

    “ขอโทษทีน้าจงแด ~”

    เสียงที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดดังขึ้นมาเป็นรอบที่ 4 หลังจากที่ผมเพิ่งจะเอ็ดรูมเมทของตัวเองไปว่าเสียงดังรบกวนสมาธิ

    การคอลสไกป์กับน้องชายของรูมเมทของผม คิมจงฮยอน เป็นอะไรที่โคตรจะน่ารำคาญ. . .เพราะเสียงดัง ๆ ของน้องชายหมอนั่น ทำให้สมาธิในการอ่านหนังสือในช่วงเวลาพักของผมมันพังพินาศ

    นึกแล้วก็หงุดหงิดหัวใจ

     

    “เออช่างมันเถอะ ฉันขี้เกียจฟังคำขอโทษของนายแล้วว่ะ”

    ผมขมวดคิ้วเข้าหากัน ก่อนที่จะปัดมือที่เกาะแขนของผมออก

     

    “จงแดใจร้าย”

    จงฮยอนทำแววตาน่าสงสาร ก่อนที่มันจะคลานกลับไปที่เตียงของตัวเอง

     

    ผมชื่อคิมจงแด และรูมเมทของผมชื่อคิมจงฮยอน ชื่อของผมกับหมอนั่นมันคล้ายกัน ทั้งนามสกุล และคำต้นของชื่อ นี่แหละคือประเด็นที่ผมต้องมาอยู่ห้องเดียวกับมัน. . .การจับรูมเมทโดยใช้ชื่อเป็นเหตุผลที่ไม่เข้าท่าเลยซักนิด

     

    “เฮ้อออออ !

    ผมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ยกมือขึ้นเท้าคางก่อนที่จะจดจ้องไปที่โน้ตบุ๊กที่อยู่ตรงหน้าของตัวเอง

     

    “น่าเซ็งจังเลยเนอะจงแด ทั้ง ๆที่เป็นเทศกาลหยุดยาวแท้ ๆ กลับต้องมาทำงานในรังแบบนี้. . .”

    “นั่นสิ”

    ผมตอบกลับไปทั้ง ๆ ที่สายตายังคงให้ความสนใจกับหน้าจอโน้ตบุ๊กตรงหน้าอยู่

    ผมคลิ๊กเมาส์เข้าไปในไฟล์วิดีโอที่ถูกบันทึกเอาไว้เมื่อ 2 ชั่วโมงที่แล้วของห้องทดลองที่ 14

     

    “. . .”

    ผมเอื้อมมือไปหยิบแว่นตากรอบหนามาใส่ไว้ก่อนที่จะเพ่งเข้าไปในหน้าจอ พลางใช้มือที่จับเมาส์อยู่คลิ๊กให้วิดีโอนั้นเล่นตามคำสั่ง

     

    “ดูอะไรน่ะจงแด ?”

    รูมเมทที่นอนกกอยู่บนเตียงก่อนหน้านี้ พยุงตัวขึ้นมาก่อนที่จะมายืนอยู่ข้าง ๆ ผม จงฮยอนก้มตัวลงเล็กน้อยเพื่อมองวิดีโอในโน้ตบุ๊กได้สะดวกยิ่งขึ้น

     

    “ห้องที่ 14 น่ะ. . .ฉันว่ามันแปลก ๆ”

    “หืม. . .”

    “. . .”

    “แปลกยังไง. . .”

    “. . .”

    “จงแด. . .”

    “. . .”

    “ไม่เห็นมี. . .”

     

    ตึง !’

    ผมลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วจนรูมเมทของผมถึงกับผงะ ก่อนที่ผมจะรีบคว้าเสื้อคลุมแล้วกำลังจะเดินไปที่หน้าประตูห้อง

    “จะไปไหนน่ะจงแด !?

    จงฮยอนรีบเอ่ยถามเมื่อสังเกตเห็นถึงท่าที่แปลก ๆ ของผม

     

    “สูดอากาศน่ะ”

    ผมตอบกลับไป ก่อนที่จะจัดการเปิดประตูและเดินออกไปจากห้องอย่างรวดเร็วจนจงฮยอนไม่สามารถถามอะไรผมได้อีก

     

    มันแปลก. . .ใช่มันแปลก,แปลกมาก

    ความจริงผมไม่ได้ต้องการที่จะมาสูดอากาศคลายเครียดอะไรนั่นตามที่บอกจงฮยอนหรอก

    ผมแค่ต้องการไปดูให้แน่ใจ. . .

     

    ผมดันกรอบแว่นตัวเองขึ้นให้ชิดกับสันจมูก ในขณะที่ก้าวมาตามทางเดิน ตอนนี้ผมเดินออกมาจากส่วนของห้องพักเจ้าหน้าที่ และกำลังจะเลี้ยวไปส่วนของห้องทดลอง. . .

     

    “. . .”

    ผมหยุดชะงักเมื่อพบกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ยืนอยู่ที่หน้าประตูทางเข้าส่วนของห้องทดลอง

     

    “นี่ไม่ใช่เวลาทำงานไม่ใช่หรอครับ ?”

    “ผมลืมของไว้ในแลปน่ะ. . .”

    “. . .”

    “. . .”

    “ขอบัตรผ่านด้วยครับ”

    “คิมจงแดครับ”

    ผมพูดชื่อพร้อม ๆ กับยื่นบัตรเจ้าหน้าที่ให้เขาดู เจ้าตัวพยักหน้ารับ ก่อนที่จะเปิดประตูให้ผมเข้าไป

     

    มันเงียบ. . .และค่อนข้างมืดตลอดทาง

    ผมยกมือขึ้นมาดูนาฬิกาตรงข้อมือ 11.30 ห้าทุ่มครึ่งแล้วงั้นหรอ. . .ไม่แปลกเลยที่มันจะเงียบ บริเวณของห้องทดลองไม่ค่อยมีใครอยากจะเข้ามาเหยียบนักหรอกถ้าไม่ใช่เวลางาน

    ทั้งกลิ่นของน้ำยาฆ่าเชื้อโรคเหม็น ๆ กับอะไรต่อมิอะไรที่ค่อนข้างน่าเบื่อ. . .การเอาแต่หมกตัวอยู่ในห้องแลปทั้งวันทั้งคืนทุก ๆ วันนานเกือบปี มันเป็นอะไรที่. . .สุดจะบรรยาย

     

    ผมค่อย ๆ สาวเท้าไปตามระเบียงที่เงียบสงัด และปกคลุมไปด้วยความมืด มีเพียงแสงจากเสาไฟฟ้าข้างนอกเท่านั้นที่สาดส่องเข้ามา. . .

     

    “. . .”

    ผมเดินมาเรื่อย ๆ จนหยุดอยู่ที่หน้าห้องทดลองที่ 14 ผมค่อย ๆ มองลอดเข้าไปในห้องผ่านทางกระจกตรงประตู

     

    มันก็ไม่ได้มีอะไรที่แปลกไปนี่นา. . .แต่ทำไมผมถึงรู้สึก

     

    “นายรู้สึกแปลก ๆ งั้นหรอจงแด ?”

    ผมสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินเสียงของใครซักคนดังมาจากข้างหลัง ก่อนที่จะหันไปหาต้นเสียงอย่างรวดเร็ว

     

    “จงฮยอน. . .”

    ผมพูดชื่อของคนที่เป็นต้นเสียงออกมาอย่างตื่นตระหนก

    “ไหนบอกว่าจะมาสูดอากาศ. . .สูดอากาศในนี้มันคงไม่ค่อยสดชื่นเท่าไหร่หรอกนะ”

    “หึ. . .”

    ผมหัวเราะในลำคอกับคำพูดดักของรูมเมทตัวเอง ก่อนที่จะหันมองไปทางอื่น

     

    “ดูเหมือนนายไม่ค่อยจะสบายใจเท่าไหร่. . .”

    น้ำเสียงของเขาดูอ่อนลง

    “ฉันแค่รู้สึกแปลก ๆ”

    “ความจริง. . ฉันก็รู้สึกแปลก ๆเหมือนกัน”

     

     

     

     

    “หรือว่าพวกเราคิดมากกันเกินไปกับโปรเจคนี้ ?”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “หนีห่าว ~ ปาป๊า หม่าม๊า”

     

    13.40 P.M. – 25 December ,Gwangjin

     

    “เมอร์รี่คริสต์มาส”

    เสียงปลายสายตอบกลับมาอย่างสดใส ผมสูดอากาศเย็น ๆ เข้าปอด ก่อนที่จะเริ่มพูดตอบกลับไป

    “เมอร์รี่คริสต์มาสเช่นกันครับป๊าม๊า”

     

    มันช่างเป็นช่วงเวลาที่วิเศษ

     

    “เป็นยังไงบ้างอาเทา. . .ที่นู่นอากาศเป็นยังไงบ้าง ? ป๊ากับม๊าคิดถึงมากเลยรู้มั้ย ? ดูแลตัวเองด้วยนะ ดื่มน้ำอุ่น ๆ ใส่เสื้อผ้าหนา ๆ นะ”

    เสียงปลายสายร่ายยาวด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใย ผมถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนที่จะตอบกลับไป

     

    “ป๊าม๊าทำเหมือนผมยังเป็นเด็กอยู่เลย นี่ผมโตแล้วนะครับ ไม่ต้องห่วง สุขภาพร่างกายแข็งแรงดี”

    ผมกรอกเสียงกลับไป ก่อนที่จะได้ยินเสียงถอนหายใจของปลายสายดังมาเบา ๆ

    “ป๊าม๊าเสียดายมากเลยนะที่อาเทาไม่ได้กลับมาฉลองคริสต์มาสที่บ้านน่ะ”

    “ผมก็เสียดายเหมือนกัน. . .พอดีช่วงนี้ต้องทำรายงานส่งอาจารย์น่ะครับ ไม่รู้เหมือนกันว่าจะมีโอกาสได้กลับไปเยี่ยมอีกเมื่อไหร่”

    ผมพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าใจเล็กน้อย

     

    “แต่ไม่เป็นไรนะครับ ถ้าว่างเมื่อไหร่จะรีบกลับไปหาทันทีเลย”

    ผมรีบพูดตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงมีความหวัง เพราะหวังว่ามันจะทำให้ปลายสายรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง

    “ป๊ากับม๊าจะรอนะ”

    “คร้าบบบบ แค่นี้ก่อนนะครับ รถมาแล้ว”

    ผมพูดส่งท้ายก่อนที่จะกดตัดสาย จัดการเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกง ลุกขึ้นยืนสะพายเป้แล้วเดินขึ้นรถโดยสารประจำทางที่มาจอดเทียบป้าย

     

    ผมเดินเข้าไปในตัวรถ ก่อนที่จะนั่งตรงที่นั่งข้างริมหน้าต่างที่ว่างอยู่

     

    ความจริงแล้วผมเป็นคนจีน แต่มาเรียนที่เกาหลีน่ะ. . .ถ้าถามว่าผมคิดถึงพ่อแม่มั้ย ? ก็ค่อนข้างที่จะคิดถึงนะ

    แต่โชคยังดีที่มีรุ่นพี่ชาวจีนที่มาเรียนที่นี่อยู่เหมือนกันเขาชื่อว่า จาง อี้ชิง

     

    ผมกับพี่อี้ชิงไม่ได้สนิทสนมอะไรกันมากมายนัก พวกเราสองคนบังเอิญเจอกันที่ร้านอาหารจีนที่ผมไปทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟอยู่ที่นั่น

    และ ตอนนี้ผมก็กำลังจะมุ่งหน้าไปที่คยองกี

     

    ผมนัดกับพี่อี้ชิงไว้ว่าจะไปทำพิธีวันคริสต์มาสที่คยองกีกับพี่เขา

    “. . .”

    ในขณะที่ผมกำลังนั่งทอดมองไปเรื่อย ๆ โทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงก็สั่นเตือนขึ้นมา ผมรีบล้วงมันขึ้นมาก่อนที่จะกดดู

    ข้อความเขาจาก. . .พี่อี้ชิง

     

    พี่รอนายอยู่ที่ท่ารถนะ. . .แล้วเจอกันนะเทา J

    ผมอ่านข้อความที่ถูกส่งมานั่นช้า ๆ ก่อนที่จะกดปิดมัน จัดการเก็บโทรศัพท์มือถือเข้ากระเป๋ากางเกงตามเดิม

     

    ผมรู้จักพี่อี้ชิงมาได้ประมาณเกือบ 1 ปีแล้ว ผมพักและเรียนอยู่ที่กวางจิน ส่วนพี่อี้ชิงอยู่คยองกี พวกเราสองคนมักจะคุยกันผ่านทางไลน์หรือไม่ก็โทรศัพท์คุยกัน ด้วยความที่ผมเป็นคนจีนที่มาเรียนที่เกาหลีตามลำพังเหมือนพี่อี้ชิง เพราะงั้นเวลาผมมีเรื่องไม่สบายใจ พี่อี้ชิงคือคนแรกที่ผมจะไปปรึกษา

    ซึ่งพี่เขาก็เป็นคนที่ให้คำปรึกษาได้ดีมาก ๆ. . .

     

    ทัศนคติที่ไม่เหมือนใคร และการพูดจาของเขามันเป็นอะไรที่ค่อนข้างเข้าใจได้ยาก แต่มันก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจมาก ๆ ในตัวของเขา

     

     

     

     

    หลังจากที่ผมนั่ง ๆ หลับ ๆ จนรถโดยสารเคลื่อนตัวจนมาถึงท่ารถคยองกี ผมก็รีบเดินลงมาจากรถอย่างรีบร้อน ยกมือขึ้นมานาฬิกาดิจิตอลตรงข้อมือ

    16.30 P.M. อะไรกันเนี่ย. . .ผ่านไปเกือบ  2 ชั่วโมงแล้วงั้นหรอ ?

     

    ผมเงยหน้าจากนาฬิกา ก่อนที่จะกวาดสายตาหาพี่อี้ชิง ผู้คนมากมายเดินกันขวักไขว่ไปหมด. . .

     

    “เทา ! ทางนี้”

    แต่แล้วผมก็ได้ยินเสียงเรียกชื่อของผมดังขึ้นมา ผมรีบกวาดสายตามองหาเจ้าของเสีย ก่อนที่จะเห็นพี่อี้ชิงยืนโบกต้อย ๆ อยู่ที่ม้านั่งห่างจากผมไปไม่กี่เมตร

     

    “สวัสดีครับพี่อี้ชิง”

    ผมรีบวิ่งไปหาพี่อี้ชิง ก่อนที่จะกล่าวทักทายและโค้งให้เล็กน้อย พี่อี้ชิงฉีกยิ้มออกมาก่อนที่จะยกกระเป๋าเป้ที่วางอยู่บนม้านั่งมาสะพายไว้

    “เหนื่อยแย่เลยสิเทา. . .พี่ว่าเราไปหาอะไรกินรองท้องกันก่อนดีมั้ย ?”

    เขาพูดก่อนที่จะเดินนำหน้าผมไป ผมพยักหน้ารับช้า ๆ ก่อนที่จะเร่งฝีเท้าเดินตามพี่เขาไปติด ๆ

     

    “วันนี้ที่โบสถ์น่ะ. . .เห็นเขาว่ามีบิงโกชิงของรางวัลด้วยนะ น่าสนุกดีด้วย,วันนี้ดวงบอกมาว่าราศีกันย์จะโชคดี ไม่แน่พี่อาจจะได้ของรางวัลก็ได้นะ”

    พี่อี้ชิงพูดก่อนที่จะหัวเราะออกมาเบา ๆ เขาเป็นคนที่สนใจเรื่องดวง. . .อะไรเทือกนี้

    “ส่วนเทา. . .นายราศีเมษใช่มั้ย ?”

    “อา. . .น่าจะมั้งครับ”

    “ดวงวันนี้บอกว่าราศีเมษค่อนข้างอัปโชค ยังไม่เหมาะกับการเสี่ยงซักเท่าไหร่นะ”

    พี่อี้ชิงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเสียดายก่อนที่จะยกมือขึ้นมาตบบ่าผมเบา ๆ

     

    ผมกับพี่อี้ชิงตัดสินจะมาหาอะไรกินร้องท้องที่ร้านกาแฟร้านหนึ่ง และพี่อี้ชิงก็เสนอที่จะเลี้ยงเครื่องดื่มให้กับผม เขาบอกว่า ถือซะว่าเป็นของขวัญวันคริสต์มาส

     

    “เอ่อ พี่อี้ชิง ผมถามอะไรหน่อยได้มั้ยครับ ?”

    ผมพูดอย่างตะกุกตะกัก ก่อนที่จะเงยหน้าจากแก้วกาแฟร้อน ๆ มาสบตากับคนตรงหน้าที่นั่งจิบกาแฟอยู่

    “หืม ? ได้สิ”

    พี่อี้ชิงพยักหน้าตอบตกลง ก่อนที่จะวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะ

     

    “คือ. . .พี่สนใจพวกเรื่องโชคชะตา อะไรประมาณนี้งั้นหรอครับ ?”

    ผมเอ่ยถามออกไป ในขณะที่มือยังคงลูบถ้วยกาแฟไปมา

    “สนใจนะ. . .พี่ชอบนั่งมองคนไปเรื่อย ๆ ลองเดาลักษณะนิสัยอะไรทำนองนั้น. . .”

    พี่อี้ชิงอธิบายในขณะที่สายตาก็กวาดมองคนในร้านไปเรื่อย ๆ ก่อนที่สายตาจะหยุดอยู่ที่ผม

     

    สายตานั่นทำให้ผมรู้สึกอึดอัด. . .

    “ขอเดาว่านายรู้สึกอึดอัดอยู่ใช่มั้ย ?”

    ผมสะดุ้งเฮือก เมื่อคำที่พี่อี้ชิงพูดออกมามันตรงกับสิ่งที่ผมรู้สึกอยู่ในตอนนี้

     

    “อย่าทำหน้าตกใจแบบนั้นสิเทา. . .ใคร ๆ ก็ดูออกหน่าว่านายรู้สึกอึดอัดอยู่ ดูนายสินั่งเกร็งซะขนาดนั้น”

    พี่อี้ชิงฉีกยิ้ม ก่อนที่จะหยิบกระจกออกมาส่องใส่ผม

     

    “ก็. . .นิดหน่อยน่ะครับ”

    “งั้นพี่ขอถามอะไรนายซักอย่างหนึ่งสิ”

    “ค. . .ครับ ?”

    ผมเบิกตากว้างเมื่อได้ยินน้ำเสียงอยากรู้อยากเห็นของพี่อี้ชิงดังขึ้นมา

     

    “นายคิดว่าอะไรคือเหตุผลที่บนโลกของเราต้องมีคนดี. . .กับคนเลวกันล่ะ ?”

    พี่อี้ชิงใช้มือข้างหนึ่งเท้าคาง และใช้มืออีกข้างจับช้อนคนกาแฟภายในแก้ววนไปมา ก่อนที่จะตวัดตาขึ้นมาผม

    แววตาที่เดาอารมณ์ไม่ได้เลย. . .

     

    “คงเป็นเพราะ. . .ความสมดุลละมั้งครับ ?”

    “หืม. . .ก็คงจะจริงละมั้ง ?”

    ผมกลืนน้ำลายลงคอที่แห้งผากช้า ๆ เมื่อพี่อี้ชิงหยุดคนกาแฟแล้วยกมือข้างนั้นขึ้นมาเท้าคางเอาไว้อีกข้าง

     

     

    “แต่พี่ว่า. . .อีกไม่นานสมดุลที่นายว่าก็อาจจะพังพินาศก็ได้นะ ?”

    “. . .”

     

    “เพราะในตอนนี้คนเลวกับคนดี ก็แทบจะไม่ได้มีความแตกต่างกันเลยซักนิด”

     

     

    “นายคิดเหมือนกับที่พี่คิดรึเปล่า ?”




     






    เมอร์รี่คริสต์มาสจ้าทุกโค้นนน 5555555
    หลังจากที่ไม่ได้อัพมานานเกือบเดือน มาอัพละนะ คือตอนนี้ยาวเป็นพิเศษ 
    เป็นตอนพิเศษส่งท้ายปีนะ พิเศษตรงที่คนที่แทบไม่ได้โผล่เลยเริ่มจะมีบทบาทละ
    มารอลุ้นกันต่อไปดีกว่าว่าจะเป็นยังไงต่อไป 555555
    อย่าลืมเม้น + ติดแท๊ก #อวออล แม็กเดิมนะเอ้อ
    สุขสันต์วันคริสมาสนะจย้าา ขอให้ทุกคนมีความสุขมาก ๆ นะเออ เลิฟฟฟฟ <3
    ขอบคุณธีมสวยๆ :△ C R A Z E ˊ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×