คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #21 : 19 CHANGE | Twins
DEAD,ALIVE or UNDEAD ?
JUST CHOOSE
19 | ฝาแฝด
*เนื้อหาของตอนนี้ค่อนข้างแฟนตาซีแต่ไม่ตระการตา
ผู้อ่านควรใช้จักรยานในการอ่าน
“. . .”
แบคฮยอนรีบดึงเสื้อกันหนาวสีดำที่ผมสวมอยู่ออก มือของเขากระชากเสื้อยืดของผมอีกตัว ดึงแขนเสื้อของมันขึ้นจนถึงไหล่ มือของเขาไล่ดูทั่วไหล่กว้างของผม กวาดหารอยแผลที่โดนกัดอย่างกระวนกระวาย
“กัดเป็นรูเลยแฮะ”
ผมได้ยินเสียงที่พูดขึ้นมาอย่างตกใจ นี่ผมโดนกัดงั้นหรอ ?
“ชานยอล. . .นี่ !”
ผมรู้สึกได้ถึงความอุ่นของฝ่ามือเรียวที่ประคองหน้าของผมอยู่ ผมชำเลืองมองใบหน้าของแบคฮยอนที่อยู่เบื้องหน้าผม เขากำลังร้องเรียกผมอยู่ แต่สายตาของผมตอนนี้มันพร่ามัว. . .พร่ามัวเหลือเกิน
“ฉันคิดว่าตอนนี้เราควรจะรีบออกจากตรงนี้ก่อนนะ ไม้บาง ๆ แค่แผ่นเดียวน่ะ กันมันไว้ไม่อยู่แน่”
เสียงที่ไม่คุ้นเคยดังขึ้นมา ก่อนที่หางตาของผมจะมองเห็นลู่หานกำลังวิ่งมาทางพวกผมกับใครอีกคนนึงที่ไม่คุ้นหน้าเอาซะเลย
“อย่างที่จุนมยอนบอก รีบออกไปจากที่นี่ก่อนเถอะ”
คนอีกคนที่ถือกระเป๋าสะพายของผมพยักหน้า ก่อนที่แบคฮยอนกับเซฮุนจะพยุงร่างของผมขึ้นมา
“พี่ชานยอล. . .พี่โอเคนะ ?”
เซฮุนที่ยกแขนของผมพาดไหล่ของเขาหันมาถามด้วยน้ำเสียงห่วงใย ผมพยักหน้าเป็นคำตอบ
“แล้วเราจะไปที่ไหนดีล่ะ ? ตอนนี้พระอาทิตย์ก็ตกแล้วด้วย”
แบคฮยอนที่พยุงผมอยู่เช่นกัน เอ่ยถามคนข้างหน้า 2 คนนั่น ดูเหมือนจะมีคนนึงที่ชื่อ จุนมยอน แต่อีกคนผมยังไม่รู้ว่าเขาชื่ออะไร
ใครน่ะ ? คนรู้จักของเซฮุนงั้นหรอ ?
“คงต้องหาที่ ๆ ปลอดภัย แล้วก็ห่างจากสนามกีฬานี่ซักหน่อย. . .นายยังไหวใช่มั้ย ?”
คนที่เดินอยู่ข้าง ๆ จุนมยอนหันหน้ามาถามผม
“แค่นี้สบายมาก”
ผมฉีกยิ้มกว้าง พร้อมกับเอ่ยตอบ เขาพยักหน้ารับให้กับคำตอบนั่นก่อนที่จะเดินหน้าต่อ
“เซฮุน. . .”
“ครับ ?”
“ลู่หาน. . .โอเคมั้ย ?”
ผมถามเซฮุนเบาจนแทบจะกลายเป็นเสียงกระซิบ ทันทีที่เซฮุนได้ยินคำถามนั้นใบหน้าของเขาดูสลดลงเล็กน้อย
“โอเค. . .ผมคิดว่างั้นนะ”
เซฮุนตอบพลางยักไหล่ ผมพยักหน้าเล็กน้อย กวาดตามองลู่หานที่เดินอยู่ข้างหน้าพวกผม
เขาดูนิ่งมาก. . .ผมหวังว่าสภาพจิตใจของเขาในตอนนี้น่าจะโอเค
“เอาล่ะ. . .”
พวกเราเดินกันมาได้ซักพัก ตอนนี้ที่โซลมันมืดและเงียบมาก โชคยังดีที่เสาไฟที่ทำงานด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ยังทำงานได้ดี ไม่อย่างนั้นพวกผมคงไม่สามารถมองถนนรายทางได้
ตอนนี้เราหยุดอยู่ที่หน้าร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง ซึ่งมันก็เป็นแค่เพียงร้านเล็ก ๆ ในซอกมุมอับ ๆ ร้านนี้ตั้งอยู่ห่างจากสนามกีฬาประมาณ 3 กิโลเมตร
“มันล็อกแฮะ”
“ฉันจัดการเอง”
และก็เป็นอีกครั้งที่ลู่หานใช้ความสามารถของเขาได้อย่างเป็นประโยชน์ ทันทีที่ประตูร้านถูกเปิดออก จุนมยอนกับเพื่อนของเขา ก็อาสาเข้าไปดูความปลอดภัยในร้านก่อน
“โอเค”
จุนมยอนกวักมือเรียก ลู่หานหยิบกระเป๋าของพวกเราแล้วเดินเข้าไปในร้าน แบคฮยอนกับเซฮุนก็จัดการพยุงผมเข้าไปในร้าน
“ค่อย ๆ นะ”
แบคฮยอนหันไปบอกเซฮุน ทั้งสองคนค่อย ๆ ปล่อยร่างของผมให้นอนลงที่หน้าเคาน์เตอร์คิดเงิน ลู่หานรีบปิดประตู ก่อนที่จะจัดการดันชั้นวางหนังสือที่ตั้งอยู่ข้าง ๆ ประตูร้านไปกันประตูเอาไว้
“เพื่อนของนายโอเคมั้ย ?”
“อืม. . .คิดว่าโอเคนะมินซอก”
ในขณะที่ผมกำลังนอนราบอยู่กับพื้น คนๆ นั้นเดินเข้ามาถามเซฮุน ดูเหมือนว่าเขาจะชื่อมินซอก. . .
“นายโอเคนะชานยอล ?”
ลู่หานทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ ผมก่อนที่มือของเขาจะค่อย ๆ ดึงเสื้อยืดของผมขึ้น สายตากวาดมองไปรอบ ๆ บริเวณไหล่
“อ่ะนี่”
แบคฮยอนยื่นผ้าเช็ดหน้าของเขาให้กับลู่หาน ลู่หานรับมันมาก่อนที่จะค่อย ๆ ใช้ผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นเช็ดรอบ ๆ ใบหน้าของผมรวมถึงซอกคอและไหล่ มันเปื้อนเลือดเต็มไปหมด นั่นก็เพราะเลือดของไอ้ร่างหิวโซที่แบคฮยอนยิงมันกระเด็นเข้าหน้าของผมเต็ม ๆ
“เดี๋ยวฉันกับจุนมยอนจะไปเช็คข้างในซักหน่อยนะ”
มินซอกหันมาบอกพวกผม
“ผมไปด้วย”
เซฮุนลุกขึ้น ก่อนที่จะเดินตามมินซอกกับจุนมยอนไปติด ๆ
“. . .”
“เป็นไงบ้างลู่หาน ?”
“ไม่มีนะ. . .ไม่มีรอยกัด”
“ค. . .ค่อยยังชั่ว”
แบคฮยอนถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนที่จะหันมายิ้มให้ผม ผมเบิกตากว้างแล้วหันไปมองลู่หานอย่างนึกสงสัย
“ดูเหมือนจะกัดไม่เข้านะ”
ลู่หานฉีกยิ้มกว้าง ก่อนที่จะจัดเสื้อยืดของผมให้เข้าที่เหมือนเดิม
จริงหรือเปล่าเนี่ย. . .ให้ตายสิปาร์ค ชานยอล เกือบตายแล้วมั้ยล่ะ. .
ผมถอนหายใจออกมาช้า ๆ ก่อนที่จะหันไปขอบคุณลู่หานกับแบคฮยอน
ดูเหมือนว่ามันจะกัดเข้าสายสะพายกระเป๋า กับเสื้อกันหนาวของแบคฮยอนเต็ม ๆ โชคยังดีที่มันหนาพอ ทำให้มันยังกัดไม่เข้าเนื้อ
“นายพักไปก่อนเถอะชานยอล เดี๋ยวฉันขอตามไปดูพวกเซฮุนซักหน่อย”
แบคฮยอนตบบ่าผมเบา ๆ ก่อนที่จะลุกขึ้น แล้วเดินจ้ำอ้าวไปที่ประตูหลังร้าน ดูเหมือนว่าหลังประตูบ้านนั้นจะเป็นส่วนของห้องน้ำกับบันไดที่เชื่อมกับชั้นบน
ตอนนี้ก็เหลือเพียงผมกับลู่หานที่อยู่ชั้นล่าง
“นายโอเคมั้ย ?”
ผมค่อย ๆใช้มือทั้งสองข้างยันตัวเองให้ลุกขึ้นมานั่งขัดสมาธิสบาย ๆ ข้าง ๆ ลู่หานที่กำลังนั่งกอดเข่าอยู่ ผมถามเขาเบา ๆ แล้วจ้องมองใบหน้าที่เริ่มสลดลงของเขา
“โอเค.. .โอเคสิ โอเคมาก ๆ”
ลู่หานเงยหน้าขึ้นมาตอบผมเบา ๆ พร้อมกับรอยยิ้มที่ค่อย ๆ เผยออกมาช้า ๆ แต่ทำไมผมถึงรู้สึกว่า ทุกๆคำที่เขาเอื้อนเอ่ยออกมามันเหมือนจุกอยู่ที่หลอดลม. . .รอยยิ้มนั่นก็เหมือนภาพลวงตาที่ถูกปั้นขึ้นมา
“อย่าโกหกเลยลู่หาน”
ผมขมวดคิ้วเข้าหากัน พร้อม ๆ กับส่ายหน้าช้า ๆ
“ฉัน. . .ฉันเปล่านะ ! ฉันคิดว่ามันโอเคมาก ๆ จริง ๆ ได้เพื่อนร่วมทางมาเพิ่มแถมนายก็ยังไม่ถูกกัดด้วย มันโอเคมากๆเลยนะ. . .โอเค. . .สุด ๆ . . .ฮึก. . .โอ. . .เ ค”
ในตอนแรกลู่หานก็ปฏิเสธเสียงแข็ง แต่พอเขาเริ่มพูดต่อไปเรื่อย ๆ เสียงของเขามันก็สั่นถี่รัวมากยิ่งขึ้น มันสั่นจนแทบไม่มีเสียงออกมา และสิ่งที่เขามาแทนที่เสียงนั่นก็กลายเป็นน้ำตาที่ไหลออกมาเป็นสาย
“อยากร้องก็ร้องออกมาซะ ร้องไห้ให้พอ. . .”
ผมพูดพร้อม ๆ กับเอื้อมมือไปลูบหลังของเขา ตอนนี้แผ่นหลังของลู่หานมันสั่น สั่นไปหมด มันสั่นแรง พอ ๆ กับเสียงสะอื้นที่ดังขึ้นเรื่อย ๆ
“ขอโทษ. . .”
ลู่หานนั่งกอดเข่า ก่อนที่จะก้มหน้าซุกลงกับแขนของตัวเอง เขาเอ่ยขอโทษออกมาอย่างขมขื่น
“อย่า. . .อย่าขอโทษ ไม่ใช่ความผิดของใครทั้งนั้น”
“ฉันหวังว่าจะได้เจอกับพ่อ และแม่ที่นั่น แต่ทุก ๆ อย่างที่ฉันวาดหวังไว้มันผิด. . .มันผิดทุกอย่าง และที่แย่ไปกว่านั้นก็คือ การที่เห็นพ่อเป็นแบบนั้น แม่ก็น่าจะเป็นแบบนั้นเหมือนกัน. . .”
ลู่หานพูดไปเรื่อย ๆ เขาเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับยกหลังมือมาปาดน้ำตาที่ยังคงไหลไม่หยุด หยุดเพื่อกอบโกยอากาศเข้าให้ทั่วปอด แล้วพูดต่อ
“มันเป็นซะยิ่งกว่าฝันร้ายซะอีก”
“. . .”
ผมพยักหน้าลงช้าๆ มืออีกข้างก็ยังคงลูบหลังลู่หานอยู่อย่างนั้น ผมเข้าใจดี. . .ความรู้สึกนั้นน่ะ. . .อาจเพราะผมรู้สึกว่าลู่หานมีอะไรหลาย ๆ อย่างที่เหมือนกับผม ลู่หานยังคงร้องไห้ และดูเหมือนมันจะหนักมากขึ้นเรื่อย ๆ ตอนนี้เขาไม่ต่างอะไรจากเด็กเลย. . .
เหมือนกับเด็กที่ถูกพ่อแม่ทอดทิ้งไว้
ให้อยู่คนเดียว
ตอนนี้พวกเราอยู่ที่ชั้น 2 ของร้าน พวกเซฮุนกับมินซอกลงมาบอกผมกับลู่หานหลังจากที่พวกเขาเช็คที่นี่เสร็จเรียบร้อย มันปลอดภัยดีหมดทุกอย่าง และเราก็คิดว่าที่นี่คงจะเป็นที่ ๆ เหมาะกับการที่จะพักผ่อนในคืนนี้
เวลา ณ ตอนนี้น่าจะประมาณ 2 ทุ่มเศษ ๆ
โชคดีที่ร้านสะดวกซื้อนี่ยังพอมีอาหารและเครื่องดื่มให้พวกผม ถึงแม้ว่าบางอย่างมันจะหมดอายุไปแล้วก็เถอะ แต่ทำยังไงได้. . .เราคงต้องกินมันเพื่อประทังชีวิตจริง ๆ นั่นแหละ
พวกเรานั่งล้อมกันเป็นวงกลมโดยมีอาหารและเครื่องดื่มที่ไปขนมาจากชั้นล่างวางอยู่ตรงกลาง
ตอนนี้ลู่หานดีขึ้นแล้ว. . .ผมคิดว่างั้นนะ เพราะเขาร้องไห้อยู่นานพอสมควร และเขาก็บอกผมว่า เขาคงจะไม่ร้องไห้อีกแล้วหลังจากนี้
ผมสังเกตเห็นเซฮุนแอบมองลู่หานอยู่เป็นพัก ๆ ผมไม่รู้หรอกนะว่าตอนที่เราแยกกันมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง. . .แต่สองคนนี้ต้องมีอะไรแน่ ๆ เพราะหลังจากที่พวกเรามารวมตัวกันอีกครั้ง ผมสังเกตเห็นว่าเซฮุนไม่ได้คุยกับลู่หานเลย
“เอ้อ ! ลืมแนะนำตัวไปเลย ฉันชื่อมินซอกนะ คิมมินซอก”
และแล้วสติของผมก็ถูกดึงให้กับมาอยู่กับสถานการณ์ตรงหน้า คนที่นั่งตรงข้ามกับผมพูดแนะนำตัว ก่อนที่จะยิ้มให้พวกเรา ท่าทางของเขามันดูเป็นมิตรดี
“ส่วนฉันชื่อจุนมยอน คิมจุนมยอน,มินซอก กับฉันเราสองคนเป็นพี่น้องกัน”
คนผิวขาวที่นั่งข้าง ๆ มินซอกเริ่มแนะนำตัวบ้าง เขาชื่อจุนมยอนอันนี้ผมพอจะเดาได้แล้ว แต่ที่ทำให้ผมรู้สึกแปลกใจนิดหน่อยคือ จุนมยอนกับมินซอก 2 คนนี้เป็นพี่น้องกัน
“แฝดน่ะ”
มินซอกยิ้มเขิน ๆ ก่อนที่จะยกมือขึ้นาเกาท้ายทอย
“เห. . .แฝดหรอครับ ?”
เซฮุนวางกระป๋องน้ำอัดลมลง แล้วหันไปมองจุนมยอนสลับกับมินซอกอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง
“มินซอกเกิดก่อนฉัน 8 นาที”
“เพราะงั้นฉันจึงเป็นพี่”
“แค่ 8 นาที เองนะ ยังไง ๆ เราสองคนก็อายุเท่ากันอยู่ดีน่ะแหละ”
จุนมยอนพูดขัดมินซอก ก่อนที่จะยกขวดน้ำขึ้นมาดื่ม พวกผมนั่งหัวเราะกับท่าทางของคู่พี่น้องสองคนนี้ ท่าทางเรื่องตกลงกันว่าใครจะเป็นพี่ ใครจะเป็นน้องคงไม่จบง่าย ๆ แน่ ๆ
“ด . . .เดี๋ยวนะ”
ลู่หานที่นั่งเงียบอยู่นาน พูดขัดขึ้นมา ทำให้พวกเราที่เหลือเงียบปากก่อนที่สายตาทุกคู่จะหันไปจับจ้องที่ลู่หานกันหมด
“พวกนายชื่อ คิม มินซอก กับคิม จุนมยอนใช่มั้ย ?”
จุนมยอนและมินซอกพยักหน้าหงึก ๆ แทนคำตอบ
“แล้วพวกนายมีพี่ชายรึเปล่า ?”
“มี พวกเรามีพี่ชายคนโตอีกคนนึง”
มินซอกตอบลู่หาน ตอนนี้สายของเขาทั้งคู่มันดูเหมือนมีความรู้สึกอะไรบางอย่างแฝงอยู่
“. . .”
หลังจากที่ได้ฟังคำตอบ ผมสังเกตเห็นแววตาของลู่หานมันสั่นวูบอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่มันจะกลับมานิ่งเฉยเช่นเดิม
“ทำไมหรอ ?”
จุนมยอนขมวดคิ้วเข้าหากันก่อนที่จะเอ่ยถามลู่หานกลับบ้าง
“คือว่า. . .”
ลู่หานลากเสียงยาว เขาลุกขึ้นยืน ก่อนที่จะเดินไปหยิบกระเป๋าใบหนึ่งที่วางกองกับกระเป๋าใบอื่น ๆ ออกมา แล้วยื่นมันให้กับมินซอกและจุนมยอน
ลู่หานเดินกลับมานั่งข้าง ๆ ผมเหมือนเดิม มินซอกกับจุนมยอนจ้องมองกระเป๋าใบนั้น ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมามองลู่หานด้วยแววตาสับสนและสงสัย
ผมมองกระเป๋าใบนั้น แล้วนึกขึ้นมาได้ว่ามันเป็นกระเป๋าที่ลู่หานเดินไปหยิบมาจากหลังรถ ก่อนที่พวกเราจะทิ้งเทาไว้. . .
กระเป๋าของเทางั้นหรอ ?
“มันเป็นกระเป๋าของพี่ชายพวกนาย. . .กระเป๋าของคิมจงฮยอน”
ลู่หานค่อย ๆ อธิบายอย่างใจเย็น มินซอกกับจุนมยอนมองกระเป๋าใบนั้นสลับกับลู่หานอย่างสับสน
ใบหน้าของทั้งคู่ดูถอดสีเล็กน้อย
“ผู้ชายคนหนึ่งที่ชื่อว่า หวงจื่อเทา เขาฝากกระเป๋าใบนี้กับฉันเอาไว้ก่อนที่เขาจะเปลี่ยน. . .เขาบอกฉันว่า ให้เอากระเป๋าใบนี้ติดตัวมาด้วย มันเป็นกระเป๋าของพี่ชายของฝาแฝดคู่หนึ่งที่ชื่อว่า มินซอก กับจุนมยอน. . .”
“เขาบอกฉันว่าถ้ามาถึงโซลแล้วเจอฝาแฝดคู่นี้ ให้นำมันไปให้พวกเขา”
ลู่หานยังคงเล่าอย่างใจเย็น แต่น้ำเสียงของเขาก็ฟังดูเศร้าไปถนัด ผมมองมินซอกกับจุนมยอนที่นั่งนิ่งและฟังมันอย่างตั้งใจ แววตาของทั้งสองคนดูสลดลงไปทุก ๆ ที
“เขาบอกต่ออีกว่า จงฮยอน...พี่ชายของพวกนายฝากกระเป๋าใบนี้ไว้ให้กับเขาก่อนที่จงฮยอนจะเปลี่ยน. . .”
ทันทีที่ลู่หานเงียบลง จุนมยอนก็ยกมือขึ้นมาปิดปากเอาไว้ ดวงตาของเขามันเบิกกว้างและดูเหมือนจะไม่เชื่อกับสิ่งที่ตัวเองได้ยิน
“เทาเลยเก็บรักษากระเป๋าใบนั้นไว้เป็นอย่างดี และก่อนที่เขาจะเปลี่ยนเขาก็เลยตัดสินใจจะฝากกระเป๋าใบนี้ไว้กับฉัน และหวังว่ามันจะส่งถึงนายสองคน”
“เทาฝากให้ฉันมาบอกพวกนายด้วยว่า ‘เขาขอโทษและก็เสียใจที่ฆ่าจงฮยอน แต่เขาจำเป็นต้องทำ เพราะงั้นช่วยยกโทษให้เขาด้วย’”
“. . .งั้นก็แสดงว่าพี่จงฮยอน. . .ตายแล้ว. . .ใช่มั้ย ?”
มินซอกเอ่ยถาม พร้อม ๆ กับฝ่ามือที่กำกระเป๋าใบนั้นแน่น มันแน่นมากซะจนมือของเขาสั่น
“. . .”
ลู่หานพยักหน้าลงช้า ๆ ก่อนที่จะก้มหน้าลงต่ำ
ผมพอจะปะติปะต่อเรื่องได้บ้าง. . .เท่าที่ผมจำได้ เทาเคยเล่าให้ฟังว่าหนีอยู่ในป่ากับคนอีก 2 คน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือจงฮยอน แต่มันดันเกินเรื่องวุ่นวายขึ้นเพราะจงฮยอนดันเปลี่ยน และจะทำร้ายเทา ทำให้เทาต้องฆ่าจงฮยอน แต่สุดท้ายเขาก็โดนกัด. . .
ดูเหมือนว่าคนที่ชื่อจงฮยอน จะฝากกระเป๋าใบนี้ให้เทา ก่อนที่เขาจะตาย แต่เทาก็ติดเชื้อและไปไม่รอด จึงฝากกระเป๋าใบนี้ให้กับลู่หาน
และดูเหมือนว่าโชคจะเข้าข้าง เพราะว่าพวกเราก็ดันเจอกับน้องของจงฮยอนพอดี
“พี่จงฮยอน. . .”
จุนมยอนดึงกระเป๋าใบนั้นมาแนบตัว ก่อนที่จะกอดมันแน่น มินซอกที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ก็เอื้อมมือไปโอบไหล่จุนมยอน ก่อนที่จะกอดน้องไว้อีกทีหนึ่ง
“จุนมยอนเราสัญญากันไว้แล้วนะว่าจะไม่ร้องไห้น่ะ,อย่าผิดสัญญาสิ”
“ขอโทษ. . .”
ผมนั่งมองคู่ฝาแฝดที่กำลังจะร้องไห้ด้วยแววตานิ่ง ๆ ตอนนี้หัวสมองผมมันก็เริ่มคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย คิดถึงพี่ชาย. . .ที่ไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นตายร้ายดียังไง
“ชานยอลนายคิดมากอีกแล้วนะ”
แบคฮยอนที่นั่งอยู่อีกข้างของผม สะกิดผมให้หลุดออกจากห้วงความคิด คิ้วของเขาขมวดเข้าหากัน ก่อนที่จะมองผมด้วยสายตาอ้อนวอน
“เลิกคิดมากได้แล้ว”
“โอเค. . .จะพยายาม”
ผมฉีกยิ้มเล็ก ๆ แล้วตอบรับแบคฮยอน คนตัวเล็กค่อย ๆ คลายคิ้วที่ขมวดกันออกช้า ๆ ก่อนที่จะหันไปดื่มน้ำเงียบ ๆ
“ในกระเป๋าใบนี้มีอะไร นายพอจะรู้รึเปล่า ?”
มินซอกเอ่ยถามลู่หาน แต่ก็ได้รับการส่ายหน้ากลับมาเป็นคำตอบเท่านั้น
“. . .”
และสุดท้ายมินซอกก็ตัดสินใจที่จะเปิดมัน มือข้างหนึ่งของเขาจับที่ซิปกระเป๋า ก่อนที่จะรูดมันให้เปิดออก
มินซอกหยิบของเขาในกระเป๋าออกมาสมุดโน้ตเล่มหนึ่ง โน้ตบุค 1 เครื่อง และแฟลชไดร์ฟอีก 1 อันเท่านั้น. . .
“อะไร. . .”
“ไม่รู้. . .แต่ฉันเคยได้ยินพี่จงฮยอนบอกว่า มีข้อมูลสำคัญอยู่ในแฟลชไดร์ฟอันนี้”
มินซอกหยิบแฟลชไดร์ฟอันนั้นขึ้นมา จ้องมองมันแล้วนึกถึงบางสิ่งที่เขาเคยได้ยิน
“เปิดดูได้มั้ยครับ ?”
เซฮุนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ มินซอกชะเง้อหน้ามองอย่างอยากรู้อยากเห็น
“โอเค. . .”
มินซอกตอบตกลง เขาค่อย ๆ เปิดจอโน้ตบุคขึ้น นิ้วเรียวกดที่ปุ่มเปิด ก่อนที่แสงบนหน้าจอจะสว่างวาบขึ้นมา
มินซอกลุกขึ้น แล้วยกโน้ตบุคไปตั้งบนโต๊ะ เพื่อที่พวกเราจะได้เห็นอะไรบางอย่างในนั้นได้ง่ายขึ้น
“. . .”
ทันทีที่เครื่องเปิด มินซอกก็เสียบแฟลชไดร์ฟเข้าไปทางช่อง USB โปรแกรมเริ่มรันและวินโดวส์ก็เด้งขึ้นมา ผมได้ยินเสียงเมาส์คลิกอยู่ได้ซักพัก
“โอเค !”
มินซอกละมือออกจากโน้ตบุค ก่อนที่เขาจะขยับออกจากหน้าจอ แล้วมานั่งตรงที่เดิม พวกเราจ้องมองหน้าจอโน้ตบุคที่กำลังฉายวิดีโออะไรบางอย่างอยู่
“ห้องของพี่จงฮยอนนี่. . .”
จุนมยอนพูดพร้อม ๆ กับขมวดคิ้ว
ใช่ภาพในวิดีโอมันเป็นภาพของห้องนอนที่ถูกตกแต่งอย่างเรียบ ๆ ดูเหมือนเขาจะอัดวิดีโอนี่โดยตั้งกล้องไว้บนโต๊ะทำงาน หลังจากนั้นไม่นานผมก็พบกับผู้ชายคนหนึ่งอยู่เบื้องหน้าของวิดีโอ เขานั่งลงบนเก้าอี้ ปรับทิศทางกล้องให้เหมาะสม
เขาคือ คิมจงฮยอน ไม่ผิดแน่
“เอาล่ะ. . .”
เขาในวิดีโอมีสีหน้าที่ดูเคร่งเครียดอยู่ไม่น้อยเลย
“ผมไม่แน่ใจว่า ตอนที่พวกคุณกำลังดูวิดีโอนี้อยู่ผมยังมีชีวิตอยู่รึเปล่า แต่ได้โปรดฟังสิ่งที่ผมจะพูดต่อจากนี้ให้ดี”
ให้ตายเถอะ ทำไมผมถึงรู้สึกว่าหัวใจเต้นรัวขนาดนี้นะ
คิมจงฮยอนในวิดีโอค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจออกช้า ๆ และสีหน้าของเขาก็จริงจังมากขึ้นเรื่อย ๆ
“อีกไม่นาน. . .ผมคิดว่าจะต้องเกิดเรื่องอะไรที่มันไม่น่าเชื่อสุด ๆ มันอาจจะทำให้ประเทศของเราสั่นคลอนไปเลยก็ได้. . .สิ่งที่พวกเรากำลังทำอยู่ในตอนนี้มันเสี่ยง เสี่ยงเกินไป.. .”
“เพราะงั้น เราเลยคิดว่าเราควรจะล้มเลิกมัน แต่แน่นอน. . .มันต้องมีคนไม่เห็นด้วยอยู่แล้ว ผมไม่สามารถการันตีได้ว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้จะเกิดในรูปแบบไหน และจะมีวิธีแก้อย่างไร. . .”
“. . .”
“และ. . .สิ่งที่ผมจะบอกพวกคุณต่อจากนี้เป็นข้อมูลลับที่. . .ไม่สามารถเปิดเผยต่อสาธารณชนได้ แต่ผมคิดว่ามันสมควรแล้วที่จะต้องให้พวกคุณทุกคนได้รับรู้”
“งานที่ผมกำลังทำอยู่ในตอนนี้มัน. . .”
‘ฟึ่บ !’
อารมณ์ของผมมันหยุดกึก เมื่อหน้าจอโน้ตบุคนั้นดับลง
ดับสนิท. . .
โอเค
ต้องขอโทษก่อนเลย ทิ้งระยะการอัพนานมาก T_T
ช่วงนี้อาจจะเว้นระยะอัพนานหน่อยเพราะว่าติดเรียน 55555 แต่จะพยายาม
ไม่รู้ว่าจะรู้สึกผิดหวังกับตอนนี้มั้ย เพราะค่อนข้างน่าเบื่อพอสมควร
แต่ก็ใช่ว่ามันไม่มีอะไรเลยนะ 55555
แล้วก็ที่สำคัญ ขอบคุณสำหรับโหวตและวิจารณ์มากเลยนะคะ ไม่ใช่ว่าไม่เห็นนะ
ถือโอกาสขอบคุณตรงนี้เลย T_______T แบบปริ่มมาก เลิฟฟ ><
และที่สำคัญอีกอย่าง
. . .
*สิ้นเดือนนี้ไรท์เตอร์มุก
จะเปิดจองฟิค The Hospital แล้ว
รีบเก็บเงินเก็บตังค์กันไว้ด้วยนะ
2 เล่ม 500 บาท (บวกลบอีก 50 บาท)
ถือว่าเป็นฟิคดีๆ ที่ควรมีเก็บไว้ ^_^
(ตัวใหญ่เท่าฝาบ้าน อ่ะช่างเถอะ 5555555)
ปล. อย่าลืมเม้น + ติดแท็ก #อวออล กันด้วยนะจ๊ะ เลิฟฟฟฟฟ ><
ขอบคุณธีมสวยๆ : △ C R A Z E ˊ
ความคิดเห็น