ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (exo) AWAKE & ALIVE.

    ลำดับตอนที่ #21 : 19 CHANGE | Twins

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.34K
      7
      15 ต.ค. 56

    DEAD,ALIVE or UNDEAD ?

    JUST CHOOSE

    19 | ฝาแฝด






    *เนื้อหาของตอนนี้ค่อนข้างแฟนตาซีแต่ไม่ตระการตา
    ผู้อ่านควรใช้จักรยานในการอ่าน













     



     

    “. . .”

    แบคฮยอนรีบดึงเสื้อกันหนาวสีดำที่ผมสวมอยู่ออก มือของเขากระชากเสื้อยืดของผมอีกตัว ดึงแขนเสื้อของมันขึ้นจนถึงไหล่ มือของเขาไล่ดูทั่วไหล่กว้างของผม กวาดหารอยแผลที่โดนกัดอย่างกระวนกระวาย

     

    “กัดเป็นรูเลยแฮะ”

    ผมได้ยินเสียงที่พูดขึ้นมาอย่างตกใจ นี่ผมโดนกัดงั้นหรอ ?

     

    “ชานยอล. . .นี่ !

    ผมรู้สึกได้ถึงความอุ่นของฝ่ามือเรียวที่ประคองหน้าของผมอยู่ ผมชำเลืองมองใบหน้าของแบคฮยอนที่อยู่เบื้องหน้าผม เขากำลังร้องเรียกผมอยู่ แต่สายตาของผมตอนนี้มันพร่ามัว. . .พร่ามัวเหลือเกิน

     

    “ฉันคิดว่าตอนนี้เราควรจะรีบออกจากตรงนี้ก่อนนะ ไม้บาง ๆ แค่แผ่นเดียวน่ะ กันมันไว้ไม่อยู่แน่”

              เสียงที่ไม่คุ้นเคยดังขึ้นมา ก่อนที่หางตาของผมจะมองเห็นลู่หานกำลังวิ่งมาทางพวกผมกับใครอีกคนนึงที่ไม่คุ้นหน้าเอาซะเลย

     

              “อย่างที่จุนมยอนบอก รีบออกไปจากที่นี่ก่อนเถอะ”

    คนอีกคนที่ถือกระเป๋าสะพายของผมพยักหน้า ก่อนที่แบคฮยอนกับเซฮุนจะพยุงร่างของผมขึ้นมา

     

    “พี่ชานยอล. . .พี่โอเคนะ ?”

    เซฮุนที่ยกแขนของผมพาดไหล่ของเขาหันมาถามด้วยน้ำเสียงห่วงใย ผมพยักหน้าเป็นคำตอบ

     

    “แล้วเราจะไปที่ไหนดีล่ะ ? ตอนนี้พระอาทิตย์ก็ตกแล้วด้วย”

    แบคฮยอนที่พยุงผมอยู่เช่นกัน เอ่ยถามคนข้างหน้า 2 คนนั่น ดูเหมือนจะมีคนนึงที่ชื่อ จุนมยอน แต่อีกคนผมยังไม่รู้ว่าเขาชื่ออะไร

     

    ใครน่ะ ? คนรู้จักของเซฮุนงั้นหรอ ?

     

    “คงต้องหาที่ ๆ ปลอดภัย แล้วก็ห่างจากสนามกีฬานี่ซักหน่อย. . .นายยังไหวใช่มั้ย ?”

    คนที่เดินอยู่ข้าง ๆ จุนมยอนหันหน้ามาถามผม

     

    “แค่นี้สบายมาก”

    ผมฉีกยิ้มกว้าง พร้อมกับเอ่ยตอบ เขาพยักหน้ารับให้กับคำตอบนั่นก่อนที่จะเดินหน้าต่อ

     

    “เซฮุน. . .”

     

    “ครับ ?”

     

    “ลู่หาน. . .โอเคมั้ย ?”

    ผมถามเซฮุนเบาจนแทบจะกลายเป็นเสียงกระซิบ ทันทีที่เซฮุนได้ยินคำถามนั้นใบหน้าของเขาดูสลดลงเล็กน้อย

     

    “โอเค. . .ผมคิดว่างั้นนะ”

    เซฮุนตอบพลางยักไหล่ ผมพยักหน้าเล็กน้อย กวาดตามองลู่หานที่เดินอยู่ข้างหน้าพวกผม

     

    เขาดูนิ่งมาก. . .ผมหวังว่าสภาพจิตใจของเขาในตอนนี้น่าจะโอเค

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “เอาล่ะ. . .”

    พวกเราเดินกันมาได้ซักพัก ตอนนี้ที่โซลมันมืดและเงียบมาก โชคยังดีที่เสาไฟที่ทำงานด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ยังทำงานได้ดี ไม่อย่างนั้นพวกผมคงไม่สามารถมองถนนรายทางได้

     

    ตอนนี้เราหยุดอยู่ที่หน้าร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง ซึ่งมันก็เป็นแค่เพียงร้านเล็ก ๆ ในซอกมุมอับ ๆ ร้านนี้ตั้งอยู่ห่างจากสนามกีฬาประมาณ 3 กิโลเมตร

     

    “มันล็อกแฮะ”

     

    “ฉันจัดการเอง”

    และก็เป็นอีกครั้งที่ลู่หานใช้ความสามารถของเขาได้อย่างเป็นประโยชน์ ทันทีที่ประตูร้านถูกเปิดออก จุนมยอนกับเพื่อนของเขา ก็อาสาเข้าไปดูความปลอดภัยในร้านก่อน

     

    “โอเค”

    จุนมยอนกวักมือเรียก ลู่หานหยิบกระเป๋าของพวกเราแล้วเดินเข้าไปในร้าน แบคฮยอนกับเซฮุนก็จัดการพยุงผมเข้าไปในร้าน

     

    “ค่อย ๆ นะ”

    แบคฮยอนหันไปบอกเซฮุน ทั้งสองคนค่อย ๆ ปล่อยร่างของผมให้นอนลงที่หน้าเคาน์เตอร์คิดเงิน ลู่หานรีบปิดประตู ก่อนที่จะจัดการดันชั้นวางหนังสือที่ตั้งอยู่ข้าง ๆ ประตูร้านไปกันประตูเอาไว้

     

    “เพื่อนของนายโอเคมั้ย ?”

     

    “อืม. . .คิดว่าโอเคนะมินซอก”

    ในขณะที่ผมกำลังนอนราบอยู่กับพื้น คนๆ นั้นเดินเข้ามาถามเซฮุน ดูเหมือนว่าเขาจะชื่อมินซอก. . .

     

    “นายโอเคนะชานยอล ?”

    ลู่หานทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ ผมก่อนที่มือของเขาจะค่อย ๆ ดึงเสื้อยืดของผมขึ้น สายตากวาดมองไปรอบ ๆ บริเวณไหล่

     

    “อ่ะนี่”

    แบคฮยอนยื่นผ้าเช็ดหน้าของเขาให้กับลู่หาน ลู่หานรับมันมาก่อนที่จะค่อย ๆ ใช้ผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นเช็ดรอบ ๆ ใบหน้าของผมรวมถึงซอกคอและไหล่ มันเปื้อนเลือดเต็มไปหมด นั่นก็เพราะเลือดของไอ้ร่างหิวโซที่แบคฮยอนยิงมันกระเด็นเข้าหน้าของผมเต็ม ๆ

     

    “เดี๋ยวฉันกับจุนมยอนจะไปเช็คข้างในซักหน่อยนะ”

    มินซอกหันมาบอกพวกผม

     

    “ผมไปด้วย”

    เซฮุนลุกขึ้น ก่อนที่จะเดินตามมินซอกกับจุนมยอนไปติด ๆ

     

     

    “. . .”

     

    “เป็นไงบ้างลู่หาน ?”

    “ไม่มีนะ. . .ไม่มีรอยกัด”

     

    “ค. . .ค่อยยังชั่ว”

    แบคฮยอนถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนที่จะหันมายิ้มให้ผม ผมเบิกตากว้างแล้วหันไปมองลู่หานอย่างนึกสงสัย

     

    “ดูเหมือนจะกัดไม่เข้านะ”

    ลู่หานฉีกยิ้มกว้าง ก่อนที่จะจัดเสื้อยืดของผมให้เข้าที่เหมือนเดิม

     

    จริงหรือเปล่าเนี่ย. . .ให้ตายสิปาร์ค ชานยอล เกือบตายแล้วมั้ยล่ะ. .

    ผมถอนหายใจออกมาช้า ๆ ก่อนที่จะหันไปขอบคุณลู่หานกับแบคฮยอน

    ดูเหมือนว่ามันจะกัดเข้าสายสะพายกระเป๋า กับเสื้อกันหนาวของแบคฮยอนเต็ม ๆ โชคยังดีที่มันหนาพอ ทำให้มันยังกัดไม่เข้าเนื้อ

     

    “นายพักไปก่อนเถอะชานยอล เดี๋ยวฉันขอตามไปดูพวกเซฮุนซักหน่อย”

    แบคฮยอนตบบ่าผมเบา ๆ ก่อนที่จะลุกขึ้น แล้วเดินจ้ำอ้าวไปที่ประตูหลังร้าน ดูเหมือนว่าหลังประตูบ้านนั้นจะเป็นส่วนของห้องน้ำกับบันไดที่เชื่อมกับชั้นบน

     

    ตอนนี้ก็เหลือเพียงผมกับลู่หานที่อยู่ชั้นล่าง

     

    “นายโอเคมั้ย ?”

    ผมค่อย ๆใช้มือทั้งสองข้างยันตัวเองให้ลุกขึ้นมานั่งขัดสมาธิสบาย ๆ ข้าง ๆ ลู่หานที่กำลังนั่งกอดเข่าอยู่ ผมถามเขาเบา ๆ แล้วจ้องมองใบหน้าที่เริ่มสลดลงของเขา

     

    “โอเค.. .โอเคสิ โอเคมาก ๆ”

    ลู่หานเงยหน้าขึ้นมาตอบผมเบา ๆ พร้อมกับรอยยิ้มที่ค่อย ๆ เผยออกมาช้า ๆ แต่ทำไมผมถึงรู้สึกว่า ทุกๆคำที่เขาเอื้อนเอ่ยออกมามันเหมือนจุกอยู่ที่หลอดลม. . .รอยยิ้มนั่นก็เหมือนภาพลวงตาที่ถูกปั้นขึ้นมา

     

    “อย่าโกหกเลยลู่หาน”

    ผมขมวดคิ้วเข้าหากัน พร้อม ๆ กับส่ายหน้าช้า ๆ

     

    “ฉัน. . .ฉันเปล่านะ ! ฉันคิดว่ามันโอเคมาก ๆ จริง ๆ  ได้เพื่อนร่วมทางมาเพิ่มแถมนายก็ยังไม่ถูกกัดด้วย มันโอเคมากๆเลยนะ. . .โอเค. . .สุด ๆ . . .ฮึก. . .โอ. . .เ ค”

    ในตอนแรกลู่หานก็ปฏิเสธเสียงแข็ง แต่พอเขาเริ่มพูดต่อไปเรื่อย ๆ เสียงของเขามันก็สั่นถี่รัวมากยิ่งขึ้น มันสั่นจนแทบไม่มีเสียงออกมา และสิ่งที่เขามาแทนที่เสียงนั่นก็กลายเป็นน้ำตาที่ไหลออกมาเป็นสาย

     

    “อยากร้องก็ร้องออกมาซะ ร้องไห้ให้พอ. . .”

    ผมพูดพร้อม ๆ กับเอื้อมมือไปลูบหลังของเขา ตอนนี้แผ่นหลังของลู่หานมันสั่น สั่นไปหมด มันสั่นแรง พอ ๆ กับเสียงสะอื้นที่ดังขึ้นเรื่อย ๆ

     

    “ขอโทษ. . .”

    ลู่หานนั่งกอดเข่า ก่อนที่จะก้มหน้าซุกลงกับแขนของตัวเอง เขาเอ่ยขอโทษออกมาอย่างขมขื่น

     

    “อย่า. . .อย่าขอโทษ ไม่ใช่ความผิดของใครทั้งนั้น”

     

    “ฉันหวังว่าจะได้เจอกับพ่อ และแม่ที่นั่น แต่ทุก ๆ อย่างที่ฉันวาดหวังไว้มันผิด. . .มันผิดทุกอย่าง และที่แย่ไปกว่านั้นก็คือ การที่เห็นพ่อเป็นแบบนั้น แม่ก็น่าจะเป็นแบบนั้นเหมือนกัน. . .”

    ลู่หานพูดไปเรื่อย ๆ เขาเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับยกหลังมือมาปาดน้ำตาที่ยังคงไหลไม่หยุด หยุดเพื่อกอบโกยอากาศเข้าให้ทั่วปอด แล้วพูดต่อ

     

    “มันเป็นซะยิ่งกว่าฝันร้ายซะอีก”

    “. . .”

    ผมพยักหน้าลงช้าๆ มืออีกข้างก็ยังคงลูบหลังลู่หานอยู่อย่างนั้น ผมเข้าใจดี. . .ความรู้สึกนั้นน่ะ. . .อาจเพราะผมรู้สึกว่าลู่หานมีอะไรหลาย ๆ อย่างที่เหมือนกับผม ลู่หานยังคงร้องไห้ และดูเหมือนมันจะหนักมากขึ้นเรื่อย ๆ ตอนนี้เขาไม่ต่างอะไรจากเด็กเลย. . .

    เหมือนกับเด็กที่ถูกพ่อแม่ทอดทิ้งไว้

    ให้อยู่คนเดียว

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ตอนนี้พวกเราอยู่ที่ชั้น 2 ของร้าน พวกเซฮุนกับมินซอกลงมาบอกผมกับลู่หานหลังจากที่พวกเขาเช็คที่นี่เสร็จเรียบร้อย มันปลอดภัยดีหมดทุกอย่าง และเราก็คิดว่าที่นี่คงจะเป็นที่ ๆ เหมาะกับการที่จะพักผ่อนในคืนนี้

    เวลา ณ ตอนนี้น่าจะประมาณ 2 ทุ่มเศษ ๆ

     

    โชคดีที่ร้านสะดวกซื้อนี่ยังพอมีอาหารและเครื่องดื่มให้พวกผม ถึงแม้ว่าบางอย่างมันจะหมดอายุไปแล้วก็เถอะ แต่ทำยังไงได้. . .เราคงต้องกินมันเพื่อประทังชีวิตจริง ๆ นั่นแหละ

     

    พวกเรานั่งล้อมกันเป็นวงกลมโดยมีอาหารและเครื่องดื่มที่ไปขนมาจากชั้นล่างวางอยู่ตรงกลาง

    ตอนนี้ลู่หานดีขึ้นแล้ว. . .ผมคิดว่างั้นนะ เพราะเขาร้องไห้อยู่นานพอสมควร และเขาก็บอกผมว่า เขาคงจะไม่ร้องไห้อีกแล้วหลังจากนี้

     

    ผมสังเกตเห็นเซฮุนแอบมองลู่หานอยู่เป็นพัก ๆ ผมไม่รู้หรอกนะว่าตอนที่เราแยกกันมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง. . .แต่สองคนนี้ต้องมีอะไรแน่ ๆ เพราะหลังจากที่พวกเรามารวมตัวกันอีกครั้ง ผมสังเกตเห็นว่าเซฮุนไม่ได้คุยกับลู่หานเลย

     

    “เอ้อ ! ลืมแนะนำตัวไปเลย ฉันชื่อมินซอกนะ คิมมินซอก”

    และแล้วสติของผมก็ถูกดึงให้กับมาอยู่กับสถานการณ์ตรงหน้า คนที่นั่งตรงข้ามกับผมพูดแนะนำตัว ก่อนที่จะยิ้มให้พวกเรา ท่าทางของเขามันดูเป็นมิตรดี

     

    “ส่วนฉันชื่อจุนมยอน คิมจุนมยอน,มินซอก กับฉันเราสองคนเป็นพี่น้องกัน”

    คนผิวขาวที่นั่งข้าง ๆ มินซอกเริ่มแนะนำตัวบ้าง เขาชื่อจุนมยอนอันนี้ผมพอจะเดาได้แล้ว แต่ที่ทำให้ผมรู้สึกแปลกใจนิดหน่อยคือ จุนมยอนกับมินซอก 2 คนนี้เป็นพี่น้องกัน

     

    แฝดน่ะ”

    มินซอกยิ้มเขิน ๆ ก่อนที่จะยกมือขึ้นาเกาท้ายทอย

     

    “เห. . .แฝดหรอครับ ?”

    เซฮุนวางกระป๋องน้ำอัดลมลง แล้วหันไปมองจุนมยอนสลับกับมินซอกอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง

     

    “มินซอกเกิดก่อนฉัน  8 นาที”

    “เพราะงั้นฉันจึงเป็นพี่”

    “แค่ 8 นาที เองนะ ยังไง ๆ เราสองคนก็อายุเท่ากันอยู่ดีน่ะแหละ”

    จุนมยอนพูดขัดมินซอก ก่อนที่จะยกขวดน้ำขึ้นมาดื่ม พวกผมนั่งหัวเราะกับท่าทางของคู่พี่น้องสองคนนี้ ท่าทางเรื่องตกลงกันว่าใครจะเป็นพี่ ใครจะเป็นน้องคงไม่จบง่าย ๆ แน่ ๆ

     

    “ด . . .เดี๋ยวนะ”

    ลู่หานที่นั่งเงียบอยู่นาน พูดขัดขึ้นมา ทำให้พวกเราที่เหลือเงียบปากก่อนที่สายตาทุกคู่จะหันไปจับจ้องที่ลู่หานกันหมด

     

    “พวกนายชื่อ คิม มินซอก กับคิม จุนมยอนใช่มั้ย ?”

     

    จุนมยอนและมินซอกพยักหน้าหงึก ๆ แทนคำตอบ

     

    “แล้วพวกนายมีพี่ชายรึเปล่า ?”

     

    “มี พวกเรามีพี่ชายคนโตอีกคนนึง”

    มินซอกตอบลู่หาน ตอนนี้สายของเขาทั้งคู่มันดูเหมือนมีความรู้สึกอะไรบางอย่างแฝงอยู่

     

    “. . .”

    หลังจากที่ได้ฟังคำตอบ ผมสังเกตเห็นแววตาของลู่หานมันสั่นวูบอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่มันจะกลับมานิ่งเฉยเช่นเดิม

     

    “ทำไมหรอ ?”

    จุนมยอนขมวดคิ้วเข้าหากันก่อนที่จะเอ่ยถามลู่หานกลับบ้าง

     

     “คือว่า. . .”

    ลู่หานลากเสียงยาว เขาลุกขึ้นยืน ก่อนที่จะเดินไปหยิบกระเป๋าใบหนึ่งที่วางกองกับกระเป๋าใบอื่น ๆ ออกมา แล้วยื่นมันให้กับมินซอกและจุนมยอน

    ลู่หานเดินกลับมานั่งข้าง ๆ ผมเหมือนเดิม มินซอกกับจุนมยอนจ้องมองกระเป๋าใบนั้น ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมามองลู่หานด้วยแววตาสับสนและสงสัย

     

    ผมมองกระเป๋าใบนั้น แล้วนึกขึ้นมาได้ว่ามันเป็นกระเป๋าที่ลู่หานเดินไปหยิบมาจากหลังรถ ก่อนที่พวกเราจะทิ้งเทาไว้. . .

    กระเป๋าของเทางั้นหรอ ?

     

    “มันเป็นกระเป๋าของพี่ชายพวกนาย. . .กระเป๋าของคิมจงฮยอน

    ลู่หานค่อย ๆ อธิบายอย่างใจเย็น มินซอกกับจุนมยอนมองกระเป๋าใบนั้นสลับกับลู่หานอย่างสับสน

    ใบหน้าของทั้งคู่ดูถอดสีเล็กน้อย

     

    “ผู้ชายคนหนึ่งที่ชื่อว่า หวงจื่อเทา เขาฝากกระเป๋าใบนี้กับฉันเอาไว้ก่อนที่เขาจะเปลี่ยน. . .เขาบอกฉันว่า ให้เอากระเป๋าใบนี้ติดตัวมาด้วย มันเป็นกระเป๋าของพี่ชายของฝาแฝดคู่หนึ่งที่ชื่อว่า มินซอก กับจุนมยอน. . .”

     

    “เขาบอกฉันว่าถ้ามาถึงโซลแล้วเจอฝาแฝดคู่นี้ ให้นำมันไปให้พวกเขา”

    ลู่หานยังคงเล่าอย่างใจเย็น แต่น้ำเสียงของเขาก็ฟังดูเศร้าไปถนัด ผมมองมินซอกกับจุนมยอนที่นั่งนิ่งและฟังมันอย่างตั้งใจ แววตาของทั้งสองคนดูสลดลงไปทุก ๆ ที

     

    “เขาบอกต่ออีกว่า จงฮยอน...พี่ชายของพวกนายฝากกระเป๋าใบนี้ไว้ให้กับเขาก่อนที่จงฮยอนจะเปลี่ยน. . .”

    ทันทีที่ลู่หานเงียบลง จุนมยอนก็ยกมือขึ้นมาปิดปากเอาไว้ ดวงตาของเขามันเบิกกว้างและดูเหมือนจะไม่เชื่อกับสิ่งที่ตัวเองได้ยิน

     

    “เทาเลยเก็บรักษากระเป๋าใบนั้นไว้เป็นอย่างดี และก่อนที่เขาจะเปลี่ยนเขาก็เลยตัดสินใจจะฝากกระเป๋าใบนี้ไว้กับฉัน และหวังว่ามันจะส่งถึงนายสองคน”

     

    “เทาฝากให้ฉันมาบอกพวกนายด้วยว่า เขาขอโทษและก็เสียใจที่ฆ่าจงฮยอน แต่เขาจำเป็นต้องทำ เพราะงั้นช่วยยกโทษให้เขาด้วย

     

    “. . .งั้นก็แสดงว่าพี่จงฮยอน. . .ตายแล้ว. . .ใช่มั้ย ?”

    มินซอกเอ่ยถาม พร้อม ๆ กับฝ่ามือที่กำกระเป๋าใบนั้นแน่น มันแน่นมากซะจนมือของเขาสั่น

     

    “. . .”

    ลู่หานพยักหน้าลงช้า ๆ ก่อนที่จะก้มหน้าลงต่ำ

     

    ผมพอจะปะติปะต่อเรื่องได้บ้าง. . .เท่าที่ผมจำได้ เทาเคยเล่าให้ฟังว่าหนีอยู่ในป่ากับคนอีก 2 คน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือจงฮยอน แต่มันดันเกินเรื่องวุ่นวายขึ้นเพราะจงฮยอนดันเปลี่ยน และจะทำร้ายเทา ทำให้เทาต้องฆ่าจงฮยอน แต่สุดท้ายเขาก็โดนกัด. . .

    ดูเหมือนว่าคนที่ชื่อจงฮยอน จะฝากกระเป๋าใบนี้ให้เทา ก่อนที่เขาจะตาย แต่เทาก็ติดเชื้อและไปไม่รอด จึงฝากกระเป๋าใบนี้ให้กับลู่หาน

     

    และดูเหมือนว่าโชคจะเข้าข้าง เพราะว่าพวกเราก็ดันเจอกับน้องของจงฮยอนพอดี

     

    “พี่จงฮยอน. . .”

    จุนมยอนดึงกระเป๋าใบนั้นมาแนบตัว ก่อนที่จะกอดมันแน่น มินซอกที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ก็เอื้อมมือไปโอบไหล่จุนมยอน ก่อนที่จะกอดน้องไว้อีกทีหนึ่ง

     

    “จุนมยอนเราสัญญากันไว้แล้วนะว่าจะไม่ร้องไห้น่ะ,อย่าผิดสัญญาสิ”

     

    “ขอโทษ. . .”

     

    ผมนั่งมองคู่ฝาแฝดที่กำลังจะร้องไห้ด้วยแววตานิ่ง ๆ ตอนนี้หัวสมองผมมันก็เริ่มคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย คิดถึงพี่ชาย. . .ที่ไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นตายร้ายดียังไง

     

    “ชานยอลนายคิดมากอีกแล้วนะ”

    แบคฮยอนที่นั่งอยู่อีกข้างของผม สะกิดผมให้หลุดออกจากห้วงความคิด คิ้วของเขาขมวดเข้าหากัน ก่อนที่จะมองผมด้วยสายตาอ้อนวอน

     

    “เลิกคิดมากได้แล้ว”

     

    “โอเค. . .จะพยายาม”

    ผมฉีกยิ้มเล็ก ๆ แล้วตอบรับแบคฮยอน คนตัวเล็กค่อย ๆ คลายคิ้วที่ขมวดกันออกช้า ๆ ก่อนที่จะหันไปดื่มน้ำเงียบ ๆ

     

    “ในกระเป๋าใบนี้มีอะไร นายพอจะรู้รึเปล่า ?”

    มินซอกเอ่ยถามลู่หาน แต่ก็ได้รับการส่ายหน้ากลับมาเป็นคำตอบเท่านั้น

     

    “. . .”

    และสุดท้ายมินซอกก็ตัดสินใจที่จะเปิดมัน มือข้างหนึ่งของเขาจับที่ซิปกระเป๋า ก่อนที่จะรูดมันให้เปิดออก

    มินซอกหยิบของเขาในกระเป๋าออกมาสมุดโน้ตเล่มหนึ่ง โน้ตบุค 1 เครื่อง และแฟลชไดร์ฟอีก 1 อันเท่านั้น. . .

     

     

    “อะไร. . .”

    “ไม่รู้. . .แต่ฉันเคยได้ยินพี่จงฮยอนบอกว่า มีข้อมูลสำคัญอยู่ในแฟลชไดร์ฟอันนี้”

    มินซอกหยิบแฟลชไดร์ฟอันนั้นขึ้นมา จ้องมองมันแล้วนึกถึงบางสิ่งที่เขาเคยได้ยิน

     

    “เปิดดูได้มั้ยครับ ?”

    เซฮุนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ มินซอกชะเง้อหน้ามองอย่างอยากรู้อยากเห็น

     

    “โอเค. . .”

    มินซอกตอบตกลง เขาค่อย ๆ เปิดจอโน้ตบุคขึ้น นิ้วเรียวกดที่ปุ่มเปิด ก่อนที่แสงบนหน้าจอจะสว่างวาบขึ้นมา

     

    มินซอกลุกขึ้น แล้วยกโน้ตบุคไปตั้งบนโต๊ะ เพื่อที่พวกเราจะได้เห็นอะไรบางอย่างในนั้นได้ง่ายขึ้น

     

    “. . .”

    ทันทีที่เครื่องเปิด มินซอกก็เสียบแฟลชไดร์ฟเข้าไปทางช่อง USB โปรแกรมเริ่มรันและวินโดวส์ก็เด้งขึ้นมา ผมได้ยินเสียงเมาส์คลิกอยู่ได้ซักพัก

     

    “โอเค !

    มินซอกละมือออกจากโน้ตบุค ก่อนที่เขาจะขยับออกจากหน้าจอ แล้วมานั่งตรงที่เดิม พวกเราจ้องมองหน้าจอโน้ตบุคที่กำลังฉายวิดีโออะไรบางอย่างอยู่

     

    “ห้องของพี่จงฮยอนนี่. . .”

    จุนมยอนพูดพร้อม ๆ กับขมวดคิ้ว

    ใช่ภาพในวิดีโอมันเป็นภาพของห้องนอนที่ถูกตกแต่งอย่างเรียบ ๆ ดูเหมือนเขาจะอัดวิดีโอนี่โดยตั้งกล้องไว้บนโต๊ะทำงาน หลังจากนั้นไม่นานผมก็พบกับผู้ชายคนหนึ่งอยู่เบื้องหน้าของวิดีโอ เขานั่งลงบนเก้าอี้ ปรับทิศทางกล้องให้เหมาะสม

    เขาคือ คิมจงฮยอน ไม่ผิดแน่

     

    “เอาล่ะ. . .”

    เขาในวิดีโอมีสีหน้าที่ดูเคร่งเครียดอยู่ไม่น้อยเลย

    “ผมไม่แน่ใจว่า ตอนที่พวกคุณกำลังดูวิดีโอนี้อยู่ผมยังมีชีวิตอยู่รึเปล่า แต่ได้โปรดฟังสิ่งที่ผมจะพูดต่อจากนี้ให้ดี”

     

    ให้ตายเถอะ ทำไมผมถึงรู้สึกว่าหัวใจเต้นรัวขนาดนี้นะ

    คิมจงฮยอนในวิดีโอค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจออกช้า ๆ และสีหน้าของเขาก็จริงจังมากขึ้นเรื่อย ๆ

     

    “อีกไม่นาน. . .ผมคิดว่าจะต้องเกิดเรื่องอะไรที่มันไม่น่าเชื่อสุด ๆ มันอาจจะทำให้ประเทศของเราสั่นคลอนไปเลยก็ได้. . .สิ่งที่พวกเรากำลังทำอยู่ในตอนนี้มันเสี่ยง เสี่ยงเกินไป.. .”

     

    “เพราะงั้น เราเลยคิดว่าเราควรจะล้มเลิกมัน แต่แน่นอน. . .มันต้องมีคนไม่เห็นด้วยอยู่แล้ว ผมไม่สามารถการันตีได้ว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้จะเกิดในรูปแบบไหน และจะมีวิธีแก้อย่างไร. . .”

     

    “. . .”

     

    “และ. . .สิ่งที่ผมจะบอกพวกคุณต่อจากนี้เป็นข้อมูลลับที่. . .ไม่สามารถเปิดเผยต่อสาธารณชนได้ แต่ผมคิดว่ามันสมควรแล้วที่จะต้องให้พวกคุณทุกคนได้รับรู้”

     

    “งานที่ผมกำลังทำอยู่ในตอนนี้มัน. . .”

     

     

    ฟึ่บ !’

    อารมณ์ของผมมันหยุดกึก เมื่อหน้าจอโน้ตบุคนั้นดับลง

    ดับสนิท. . .









    โอเค
    ต้องขอโทษก่อนเลย ทิ้งระยะการอัพนานมาก T_T
    ช่วงนี้อาจจะเว้นระยะอัพนานหน่อยเพราะว่าติดเรียน 55555 แต่จะพยายาม
    ไม่รู้ว่าจะรู้สึกผิดหวังกับตอนนี้มั้ย เพราะค่อนข้างน่าเบื่อพอสมควร
    แต่ก็ใช่ว่ามันไม่มีอะไรเลยนะ 55555
    แล้วก็ที่สำคัญ ขอบคุณสำหรับโหวตและวิจารณ์มากเลยนะคะ ไม่ใช่ว่าไม่เห็นนะ
    ถือโอกาสขอบคุณตรงนี้เลย T_______T แบบปริ่มมาก เลิฟฟ ><

    และที่สำคัญอีกอย่าง
    . . .

    *สิ้นเดือนนี้ไรท์เตอร์มุก
    จะเปิดจองฟิค The Hospital แล้ว
    รีบเก็บเงินเก็บตังค์กันไว้ด้วยนะ
    2 เล่ม 500 บาท (บวกลบอีก 50 บาท)
    ถือว่าเป็นฟิคดีๆ ที่ควรมีเก็บไว้ ^_^

    (ตัวใหญ่เท่าฝาบ้าน อ่ะช่างเถอะ 5555555)
    ปล. อย่าลืมเม้น + ติดแท็ก #อวออล กันด้วยนะจ๊ะ เลิฟฟฟฟฟ ><
    ขอบคุณธีมสวยๆ : 
    △ C R A Z E ˊ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×