เด็กชายที่เสียแม่ไปให้กับอุบัติเหตุทางรถยนต์ ก่อนจากกันผู้เป็นแม่ได้มอบสร้อยคอจี้เหรียญหน้าตาแปลกๆไว้ให้ พร้อมกับคำพูดที่ว่า “วันหนึ่งจะมีคนมารับลูกไปที่ซึ่งไกลแสนไกล เก็บสร้อยนี้ไว้ให้ดี “ ดุจคำสั่งเสียสุดท้ายก่อนจะขับรถคันเดียวกันที่ประสบอุบัติเหตุในค่ำคืนของวันเดียวกันนั้นออกไป และไม่ได้กลับมาอีกตลอดกาล
ความสูญเสียนั้นเจ็บปวด เด็กชายคนนั้นได้แต่นั่งมองรูปภาพของมารดาที่จากไปอย่างไม่มีวันหวนคืนกลับ น้ำตาของเด็กชายคนนี้ไม่ได้มีใครเลยที่จะเห็นมัน ดวงตาสีน้ำตาลไร้ซึ่งแววของความรู้สึก เสมือนร่างที่ไร้วิญญาณแต่ยังมีลมหายใจ “ ลิน เข้มแข็งมันก็ดีอยู่หรอก แต่ถ้าหลานอยากจะร้องไห้ก็ร้องออกมาเลย ไม่มีคนมาต่อว่าหลานหรอก แม้น้ำตาจะไม่ช่วยให้ทุกอย่างเป็นเหมือนเดิม แต่น้ำตามันจะช่วยให้เรารู้ว่า เรายังมีชีวิตอยู่ เพราะว่าเรายังรู้สึกเจ็บปวดยังไงล่ะ “ ชายชราผู้เป็นตาได้แต่โอบกอดหลานชายไว้ในอ้อมแขน ร่างเล็กนั้นสั่นเทิ้ม ชายชรารู้สึกถึงความทรมานข้างในจิตใจของเด็กน้อย อายุเพียง 13 ปี ต้องสูญเสียทั้งพ่อและแม่ ไร้ซึ้งคนที่เป็นเสาหลักให้ใจนั้นได้พึ่งพิง
วันเวลาผ่านไปไวเพราะคนเขียนโกหก จากเด็กชายในวันนั้น โตเป็นหนุ่มหน้ามนต์คนขยัน ทั้งเรียนไปทำงานไป ชีวิตสดใสในวัย 19ปี เขาอาศัยอยู่กับคุณตาที่ชนบท ไม่มีความวุ่นวายเหมือนเมืองใหญ่ แต่จนแล้วจนรอดชะตาถูกกำหนดไว้แล้วไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้
“ ลิน พรุ่งนี้วันเกิดหลานอายุครบ 20 ปี อยากได้อะไรไหม “ ชายชรากล่าว
“ ไม่เป็นไรครับตา งั้นพรุ่งนี้ผมจะลางานมาอยู่กับคุณตาทั้งวันเลย ไปก่อนน่ะครับคุณตา “ ลินพร้อมจักรยานคู่ใจ มุ่งหน้าสู่โรงเรียนในวันศุกร์สุดท้ายของสัปดาห์
เช้าวันต่อมา วันนี้เป็นวันที่แปลกประหลาด ชายหนุ่มรู้สึกถึงบางอย่าง ที่ไกลออกไปมีความกดดันมหาศาล ทำให้หายใจไม่ออก จวนจะอาเจียนออกมา แล้วเพียงชั่วอึดใจหนึ่งมันก็เป็นปกติ “ เมื่อกี้มันอะไรทำไมเรารู้สึกแปลกๆ “ นั่งพินิจคิดทบทวนอยู่นานก็ไร้ซึ่งคำตอบที่ชัดเจน เขาจึงทิ้งความรู้นั้นและลืมมันไป
“ ลิน ข้าวเช้าจะกินไหม ถ้าไม่กินตาให้ไอด่างกินน่ะ “ เสียงตะโกนขึ้นมาข่มขวัญกระเพาะที่ว่างเปล่ายามเช้าตรู่
“ คุณตา !!”
“ ตึก ตึก ตึก “ เสียงเท้าซอยอย่างเร่งรีบ พาตัวเขาลงมาจากพื้นที่สิงสถิตชั้นบน ลงมาชั้นล่างที่โต๊ะอาหารอย่างรวดเร็ว
“ กินข้าวเช้าส่ะ แล้วไปเตรียมตัวให้พร้อม “
ชายชรากล่าว
“ ทำไมครับคุณตา เราจะไปไหนกันครับ “ ชายหนุ่มสงสัย
“ ไม่ใช่เรา แค่ลินคนเดียว “
ชายชรายื้น จดหมายฉบับหนึ่งมาให้ “ อ้าวรีบกินเข้า แล้วไปเตรียมตัว “
“จดหมายที่มีแต่ชื่อผู้รับไม่มีชื่อผู้ส่ง แต่ตราประทับนั้นเหมือนเคยเห็นที่ไหนสักที่ “ ชายหนุ่มสงสัย เขาแกะซองออกมา ภายในมีบัตรที่มีรูป และชื่อ ของเขา
“ นาย ลินเนโร่ เคอเฟราเซีย ( Linnero kerferazia ) สถานะ ยมทูตฝึกหัด !!” ชายหนุ่มมองชายชราอย่างสงสัย
“ เอาเป็นว่าไปชุดนี้แหละ ตาขี้เกียจอธิบาย เดี๋ยวมันจะเสียเวลาต้องรีบไปแล้ว “
“ อะไรครับคุณตา ผมงงไปหมดแล้ว “
สิ้นคำพูดแค่เพียงแว็บเดียว เพียงแค่สายตากระพริบเพียงครั้งเดียว ภาพคุณตาตรงหน้าก็หายวับไป ดังเรื่องโกหก ที่เขาอยู่บนทางเดินทางเดินกว้างๆ ทอดยาวไปข้างหน้า เขาขยี้ตาเท่าไหร่ภาพตรงหน้าก็ยังเป็นเช่นเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง
“ เดินไป “ เสียงกระซิปแหบแห้งชวนขนลุกแว่วมาอยู่ข้างๆหู ทำให้สมองต้องสั่งให้สองเท้านั้นก้าวย่างไปข้างหน้าอย่างช้าๆ
ชายหนุ่มเดินเรื่อยไปสายตากวาดส่องรอบข้างอย่างสงสัย “ นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย “ สิ่งที่เขามองเห็นสองข้างทางนั้นไม่มีสิ่งใดเลยนอกจากความมืดมิด มันทำให้เขาเริ่มหวาดกลัว ก้าวย่างต่อเรื่อยไป จนความสนใจของตัวเขา ไม่ได้อยู่ปลายทางเดินที่เขากำลังจะมุ่งไป พอรู้สึกตัวอีกทีเขาก็หยุดและสายตาจับจ้างไปที่เบื้องหน้า ประตูบานใหญ่ ตั้งตระหง่านอยู่ปลายทาง มันสูงมากกว่าตึกที่เขาเคยเห็น มันกว้างเท่ารถบรรทุกสองคันจอดเรียงกัน ประตูบานนี้ก็มีลวดลายแปลกตา แต่กลางบานประตูมีสัญลักษณ์แบบเดียวกับในจดหมายแบ่งกันบานล่ะครึ่งซีก เขารู้ด้วยสัญชาตญาณว่าไม่ควรก้าวเดินต่อไป ควรจะหลีกหนีถอยห่างมัน แต่ไม่ทันที่เขาจะหันหลังให้ประตูบานนั้นพ้นสายตา เสียงอึกทึกก็ดังก้อง ดั้งมีบางอย่างที่ใหญ่และหนักมากตกลงมา พื้นที่เขายืนสั่นไหว ไอความร้อนก่อให้เกินหมอกควันและผิวหนังของเขารู้สึกได้ถึงความร้อนนั้น มันทำให้รู้ว่านี่ไม่ใช่ความฝันแต่อย่างใด
“ ยินดีต้อนรับ สู่ ยมโลก “ เสียงประสานกันมากกว่าหนึ่งเสียงเนื้อเสียงนั้นทุ้มลึก แน่นอนคนที่จะเปล่งเสียงแบบนี้นั้นบนโลกไม่มีใครทำได้ หากแต่ต้องใช้การตัดแต่งเสียงแบบในหนังสยองขวัญเพื่อให้ตัวร้ายดูดุดันและน่าหวาดกลัว
หมอกไอร้อนยังปกคลุมหน้าประตูบานนั้น ภายใต้หมอกนั้นเผยเงาดำทมิฬรูปร่างใหญ่โตยืนตระหง่านขว้างเส้นทางที่จะไปที่ประตูบานนั้นหลังจากเสียงที่ทุ้มต่ำนั้นทำให้เขาหันกลับไปมองหาเจ้าของเสียงที่น่าหวาดหวั่น
“ ฟู่ ! “ เสียงลมหายใจซ้อนกันเขาได้ยินชัดเจนว่ามีมากกว่าสองเสียง ความแรงของลมหายใจนั้นพัดไอหมอกให้จางหาย เผยร่างเนื้อของเจ้าของเสียงนั่น แน่นอนชายหนุ่มทันทีที่เห็นชัดเจนแล้วว่าเบื้องหน้านั้น ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่อยู่บนโลกใบเดียวกับเขา ใจนั้นก็เต้นรัวราวจะทลักออกมาจากอก ความหวาดกลัวเข้าเกาะกุมหัวใจ สมองที่มีไว้ใช้แก้ปัญหานั้นก็ไร้ประโยชน์ขึ้นมาทันที คิดอยู่แค่เพียงสิ่งที่อยู่เบื้องหน้านั้นเป็นแค่ภาพในจินตนาการของเขา แล้วส่วนไหนกันล่ะจินตนาการที่มีอสูรกายน่ากลัว ตอนยังเด็กน่ะหรอไม่เลยความคิดที่เรื่องแบบนี้จะอยู่ในหัวนั้นไม่เคยมี ร่างนั้นชัดเจนสูงใหญ่น่ากลัว รูปร่างคือสุนัขที่มีสามหัว แล้วภาพหนึ่งในหนังสือของห้องสมุดก็แว็บเข้ามาในความคิดของเขา ใช่มันเคยมีภาพแบบนี้ในตำนานเรื่องเล่าหรือในหนังบางเรื่อง ประตูบานใหญ่ทางเดินกว้างๆที่ทอดยาวเข้ามา และอสูรกายผู้เฝ้าประตูบานนั้น
“ เซอร์เบอรัส ( Cerberus ) “
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น