[Topp Dogg] เริ่มต้นจากศูนย์ (ฟิคแปล)
เมื่อเซฮยอกอายุสิบห้า เขาเริ่มลองดื่มกาแฟดำ เป็นฟิคแปลแนวมาเฟียของ Topp Dogg
ผู้เข้าชมรวม
414
ผู้เข้าชมเดือนนี้
2
ผู้เข้าชมรวม
“เมื่อเซฮยอกอายุสิบห้า เขาเริ่มลองดื่มกาแฟดำ”
Title : Started From the Bottom (เริ่มต้นจากศูนย์)
Status: SF
Fandom: Topp Dogg
Pairing: ??
Author: dreaminginside
Translater: awika
Note:…. เป็นฟิคมาเฟียท๊อปด๊อกซึ่งเราคิดว่ามันเท่มากๆเลยค่ะ ชอบเลยแปลมา เมามันส์และภาษายากมากเลยค่ะ สนุกดี ฮ่าๆๆๆๆ
ต้นฉบับค่ะ http://archiveofourown.org/works/1230064#work_endnotes
Thanks for Beautiful Theme : SQWEEZ THEME
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
Title : Started From the Bottom (เริ่มต้นจากศูนย์)
Status: SF
Fandom: Topp Dogg
Pairing: ??
Author: dreaminginside
Translater: awika
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
I
เมื่อเซฮยอกอายุสิบห้า เขาเริ่มลองดื่มกาแฟดำ
แทยังระเบิดหัวเราะออกมาเมื่อเขารู้เรื่องนี้ เป็นเวลาสองโมงของตอนเช้า ณ ร้านอาหารแสนสกปรกที่พวกเขามักมากันบ่อยๆหลังเสร็จงาน แทยังเตะขาไปมาอย่างหนักเมื่อรองเท้าบูทของเซฮยอกเตะเข้าไปที่เข่าของเขาอย่างจังใต้โต๊ะ
“มันก็เหมือนหัวใจของนายนั้นล่ะ” แทยังยิ้มกริ่มบนแก้วของเขา เซฮยอกเลิกคิ้วด้วยความสงสัย เมื่อเขาเห็นรอยเลือดบนข้อมือมือของแทยัง ขี้เกียจคิดสงสัยว่าตั้งแต่เมื่อไรที่เขาทั้งสองคนกลายเป็นแบบนี้
ความร้อนของกาแฟไหลผ่านร่างกายเซฮยอก เขาดื่มมันต่อไปเรื่อยๆ ได้แต่หวังว่าแทยังนั้นพูดถูก หวังว่ามันจะเคลือบจิตใจของเขาให้เย็นชา ดำมืด และไม่มีความปราณี
เพื่อที่เขาจะไม่คิดถึงน้ำหนักของปืนซึ่งอยู่ในกระเป๋าหลังอีกต่อไป
II
แทยังมั่นใจว่าเขาเผลหลับฝันไปชั่ววูบ ซึ่งในฝันนั้นไม่รวมถึงรอยแผลและกระดูกหักภายในกำปั้นของเขา
เขาทำสีหน้าเจ็บปวดระหว่างสะบัดกำปั้นไปมาจากแมชต์ล้างแค้น และเริ่มคิดถึงว่าเขาควรมีกลยุทธิ์ใหม่ซะแล้ว การทะเลาะวิวาทมันหนักเกินไปสำหรับมือของเขา เขาถุ้ยน้ำลายที่เต็มไปด้วยเลือด พยายามองภาพสะท้อนของตัวเองจากภายนอกอาคารขณะที่เขาเดินผ่านไป และคิดว่าใบหน้าของเขามันยับเยินไม่น้อยเลย
แต่ธนบัตรปึกใหญ่ในกระเป๋าของเขาเป็นหลักฐานอย่างดีว่างานได้เสร็จสิ้นลงแล้ว และนั้นเป็นสิ่งที่เขาไม่ต้องบ่นถึงมัน
แทยังโยนเงินก้อนนั้นลงบนโต๊ะ เมื่อเขากลับไปถึงห้องพักขนาดกระจอยร่อยสุดแสนน่าภาคภูมิใจของเขาและเซฮยอก แปลกใจที่เจอเซฮยอกอยู่ที่นี่พร้อมกับอาวุธขนาดเล็กวางเรียงไว้บนพื้นก่อนที่เขาจะมา
“ตอนนี้พวกเราจะกลายเป็นพ่อค้าอาวุธแล้วหรอ?” แทยังพูดกึ่งขำ เพราะมันเป็นสิ่งที่เขาสมควรได้รับอยู่ ซึ่งบางทีเขาอาจจะไม่ต้องเจ็บมือขนาดนี้จากการออกหมัดที่ไร้ประโยชน์ เซฮยอกมองแทยังอย่างถี่ถ้วน ก่อนเดินเข้าไปหาเขา เชยคางของแทยังขึ้นมาและยิ้มกริ่ม และแทยังคิดว่าเขาชอบภาพที่เขามองเห็นในตาของเซฮยอก
เซฮยอกรสชาติเหมือนกาแฟที่เขาชอบดื่ม และเลือดยังคงซึมตรงริมฝีปากของแทยัง แต่มันช่างน่าตื่นเต้น และแทยังรู้ว่ามีบางอย่างถึงเวลาเปลี่ยนแปลง
“ได้เวลาเริ่มยึดครองทุกอย่างด้วยมือเราแล้ว”
III
“ไม่มีทาง”
ถ้ามีบางสิ่งที่แทยังเกลียดมากกว่าตัวดงซองนั้นคือการต้องมาเจราต่อรองกับดงซอง
“ฉันไม่คิดจะขอร้องนายหรอกนะ นายยักษ์ปักหลั่น” แทยังบ่น เขาได้แต่สงสัยว่าเซฮยอกจะโกรธเขาไหมถ้าเขาฆ่าคนตรงหน้าซะก่อนเขาจะบ้าคลั่งแล้วพวกเขาต้องมาช่วยกันฆ่า ดงซองเป็นตัวใหญ่ งี่เง่า และเก่งเรื่องการใช้ปืน ถึงแม้ว่าแทยังเกลียดเขา แต่เขาปฏิเสธไม่ได้ว่าดงซองนั้นมีประโยชน์ “นายก็รู้ว่าเป็นข้อแลกเปลี่ยนที่ดี พวกเราอาจจะสามารถยึกครองเมืองนี้อย่างรวดเร็ว”
“ถ้าด้วยสมองนาย คงไม่มีทาง” ดงซองเตะเท้าของเขาใต้โต๊ะและมองแทยัง มองลงมาที่แทยังแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ยืนอยู่ แทยังระลึกถึงได้ทันทีว่าทำไมพวกเขาไม่ค่อยติดต่อกันนักและต้องคอยข่มอารมณ์ไม่ให้ยื่นมือไปหยิบสนับมือทองเหลืองในกระเป๋าของเขา “ทำไมนายถึงสนใจฉันล่ะ แทยัง? ไอเดียของนายไม่เคยได้ผลสักครั้ง ถ้าแก๊งค์อื่นไม่ได้ตัวพวกเรา พวกตำรวจคง...”
“ไม่ใช่ไอเดียฉัน เป็นไอเดียเซฮยอก”
“โอ้ว”
แทยังคงเป็นคนตัวเล็ก งี่เง่า แต่เก่งเรื่องการใช้ปืน ถึงแม้ว่าดงซอกเกลียดเขา แต่ถ้าไอเดียทั้งหมดเป็นของเซฮยอก งั้นดงซองรู้ว่าผลสุดท้ายมันจะคุ้มค่าแน่นอน
“นั้นหมายถึงตกลงสินะ”
IV
ซังกยูนต้องทำใจ ว่าเขาจะต้องปัญหานิดหน่อยเมื่อไรที่มันระเบิดตู้ม
เขายังต้องทำใจว่าอาจจะต้องมีอะไรสะดุดเล็กน้อยเมื่อเขาต้องเขาคุกด้วยคดีขายระเบิดโดยผิดกฏหมาย และนั้นคงเป็นความจริงเมื่อเขามีปัญหาอีกหนึ่งหรือสองข้อจากการมีสารเคมีในครอบครองเกินขนาดในหอพักของเขา
แต่นั้นไม่ได้หมายถึงว่าเขาตั้งใจระเบิดห้องน้ำครึ่งนึงของเพื่อนบ้านเขาในระหว่างชั้นเรียนทฤษฏีการสร้างระเบิดที่ดีหรอกนะ เขาแค่ลองเอาทฤษฏีมาปฏิบัติซึ่งเขาไม่คิดว่าเขาควรกักความรู้ไว้ นายตำรวจดูเหนื่อยล้าเมื่อซังกยูนพยายามจะอธิบายเหตุผล และเขาจบลงที่ถูกโยนเข้าคุกอย่างไร้จุดหมาย จนกว่าพวกตำรวจจะรู้ว่าควรทำอย่างไรกับเขาดี
เขาได้แต่สงสัยว่ามันหมายความว่าอย่างไร เมื่อคุณถูกจับเป็นประจำอยู่ในสถาณีตำรวจท้องถิ่น
ซูวุงปฏิเสธที่จะมาและประกันตัวซังกยูน(อีกครั้ง) ทำให้เขาได้แค่นั่งอยู่ข้างผู้ชายสองคนที่กำลังเถียงกันอย่างรุนแรงซึ่งเขาคิดว่าอีกไม่นานคงได้แลกหมัดกันแน่นอน เขาล้วงกระเป๋าจะหยิบไฟแช็กแต่มันไม่ได้อยู่ในนั้นอย่างที่เขาคิดไว้
สองชั่วโมงสำหรับการเถียงอย่าไม่หยุดหย่อนจนเกือบจะได้แลกหมัดกันแล้ว ผู้คุมประตูเข้ามาเปิดประตูสำหรับทั้งสองคนนั้นและเขาแปลกใจว่ารวมถึงตัวเขาเช่นกัน
เขาไม่ได้คำตอบใดเมื่อถามถึงการถูกประกันตัว และเขาสงสัยว่าคงเป็นซูวุงที่ตัดสินใจมาประกันตัวเขา จนกระทั่งเขาเห็นนามบัตรซึ่งมีเบอร์โทรศัพท์และข้อความอยู่บนนั้นรวมอยู่กับของของเขา
‘ได้ยินว่านายเก่งเกี่ยวกับระเบิด โทรมาถ้าสนใจ ปาร์คเซฮยอก’
V
โฮจุนเป็นบางอย่างที่เรียกว่าพ่อค้ายาโดยบังเอิญ
จากอาชีพอาจารย์สอนเคมีสู่การแอบผลิตยาผิดกฏหมายและทุกเงินตอบแทนที่เหล่านักเรียนติดเขาไว้เพิ่มมากขึ้น เขารับรู้ได้ว่าเขาฉลาดเพียงพอสำหรับการวิเคราะห์โลกของธุรกิจการค้ายาเสพติด เมื่อนึกถึงอดีตเขาได้แต่ทำใจว่าเป็นการตัดสินใจชีวิตอันแสนย่ำแย่จริงๆในช่วงเวลาที่คาดหวังว่าจะมีชีวิตใหม่ แต่มันมักมีบางอย่างที่เรียกว่าความตื่นเต้นในชีวิตอยู่ดี
ด้วยหัวข้อการหลีกเลี่ยงการตายตั้งแต่วัยเยาว์ซึ่งรอเขาอยู่ เขาเลือกอยู่ใต้ปีกของเหล่าแก๊งค์ท้องถิ่นทั้งหลาย ต่อรองราคาด้วยผลกำไรและความสามารถของเขาเป็นสิ่งพิสูจน์ตัวเขาเอง สร้างรากฐานภายใต้ธุรกิจของเขา ณ จุดนี้ ธุรกิจขนาดย่อยของโฮจุนแตกหน่อออกไป ซึ่งเขาพบว่ามันการที่มันดีเกินไปมันก็สร้างปัญหาเช่นกัน ยิ่งมีสมาชิกเข้ามาเป็นลูกค้ามากเท่าไรการที่เขาถูกลอบทำร้ายนั้นมีมากตาม
เขาเลือกทำอาชีพบาร์เทนเดอร์แทนการคลายเครียดเป็นอาชีพเสริม ความเครียดจากการอยู่ใกล้การฆาตกรรมและก็ถูกจับกุม หรือว่าถูกจับกุมแล้วค่อยฆาตกรรมอย่างต่อเนื่อง เขาได้แต่สงสัยถ้าการทำอาชีพนี้คือการเยาะเย้ยจากเขา คำตอบคงเป็นแน่นอน
วันหนึ่งเขาขายเครื่องดื่มให้กับผู้ชายในชุดสูทภูมิฐานและพกปืนไว้ที่กระเป๋าหลังของเขา คนนั้นผู้เป็นหัวหน้าแก๊งค์ คนนั้นผู้ดูฉลาดเพียงพอที่จะเจรจาต่อรอง เขาเลิกคิ้วซึ่งมีรอยบากสองรอยขึ้นตอนที่โฮจุนพูดคุยกับเขา และโฮจุนคิดว่าเขาเจอผู้ชนะแล้วล่ะ
“เรามาทำสัญญากันหน่อยไหม?”
VI
เมื่อฮโยซังไม่สามารถเลือกระหว่างไม้หน้าสามหรือปืน เพื่อความปลอดภัยก็แค่เอามันไปทั้งคู่เท่านั้นเอง
เขาก็มาจากการเป็นเบี้ยล่างเหมือนทั่วๆไป ณ เวลานั้นเซฮยอกตัดสินใจว่าพวกเขาต้องมีคนทวงหนี้และบาดแผลของการใช้กำลังบังคับเป็นสิ่งเดียวที่รับรองได้ การใช้ชีวิตบนถนนทำให้คุณฉลาดขึ้น แต่เขาสามารถเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วว่าข่าวสารคือทุกอย่าง และที่สำคัญที่สุดคือการทำให้ไม้หน้าสามของเขาติดต่อกับใบหน้าคนเลวที่น่าสงสารที่มีผลต่อการเงินของท็อปด็อก
ในทุกๆวัน เขามีความสุขกับการเตะประตูซ่องของเหล่าพวกติดยาให้พังลงเพื่อพวกติดยาเหล่านั้นต้องประสบกับการบริการยอดแย่ของเขา ด้วยกฏง่ายๆที่เขาสร้างขึ้นมา ทำลายก่อน ถามคำถามทีหลัง ทำงานเสร็จเร็วได้เท่าไรยิ่งดี
มือถือของเขาสั่นอย่างบ้างคลั่งในกระเป๋าของเขา ในจังหวะที่เขาพึ่งก้าวเท้าผ่านประตูและเสียงกรีดร้องพึ่งเริ่มขึ้น และเขารู้ว่าคงเป็นเซฮยอกที่โทรมาบอกเขาว่า อย่าทำอะไรให้เก็บกวาดยากหนัก หรือไม่ก็คงเป็นซอกจินโทรมา แต่ว่าสายที่โทรมามักจบลงว่าเป็นข่าวร้าย และขณะที่ยังเลือกไม่ถูกระหว่างปืนกับไม้หน้าสาม เขาจบลงที่ นี่คือเวลาที่จะเข้าถึงแก่นแท้ของปืนอย่างแท้จริง
“สวัสดีหนุ่มๆทั้งหลาย อยากให้มันจบลงง่ายๆหรือหนักหน่วงดีล่ะ?”
VII
“แทยังนาย ทำพลาดอีกแล้ว”
“ไปตายซะไป ดงซอง”
ฮยอนโฮรู้สึกเสียใจที่เข้าร่วมกลุ่มนี้ทันที
จากบางอย่างอันโชคร้ายที่เรียกว่าสายสัมพันธ์ของเพื่อน คนรู้จัก และผ่านคนสนิท เขากลายมาเป็นคนรู้จักกับปาร์คเซฮยอกผู้ที่ต้องการคนที่สามารถใช้ปืนได้เสริมด้วยคุณสมบัติที่ว่าเป็น ‘บางคนที่สามารถยิงบางอย่างซึ่งไม่ได้อยู่ตรงหน้าเขา’ ฮยอนโฮถูกใจเซฮยอกและเซฮยอกสามารถจ่ายค่าจ้างมากกว่าจากที่เขาขอซะอีกและธุรกิจนี้ทำให้สุขภาพจิตของเขาดีและกระปรี่ประเปร่ามากกว่าความคิดที่จะยิงบอสของเขา
เขาไม่ชอบดงซองและแทยัง
เขาไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมผู้ชายสองคนที่นิสัยใจคอโคตรเหมือนกันขนาดนี้กลับเกลียดกันด้วยนิสัยจิกกัดอย่างกับพวกสาวม.ปลาย แต่เขาสามารถหยุดทั้งสองคนนั้นได้จากการที่เลือกที่จะนั่งด้านหลังรถแทน เหตุการณ์ดำเนินไปอย่างสงบสุขภายใต้คำสบทอยู่ภายใน จนกระทั่งดงซองพูดบางอย่างประมาณว่า ‘คนอย่างมึงถึงจ่ายเงินให้พวกร่าน ไม่มีใครอยากเอาคนอย่างมึงหรอก’ ฮยอนโฮแทบจะกัดลิ้นของเขาทันที่แทยังเอามือของเขาไปบังคับพวงมาลัยรถในมือดงซอง ส่งผลให้รถของทั้งสามคนหยุดนิ่งอย่างกระทันหันอยู่ตรงข้างทาง
สายตาของฮยอนโฮลงมากองอยู่ตรงคอจากตำแหน่งของเขาเหมือนกับขนมเพรเซลที่น่าสงสารถูกยืดพาดไว้กับประตูรถ และแทยังหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง แม้กระทั่งดงซองยังยิ้มออกมาอย่างหวั่นๆ พยายามยื่นมือไปหาฮยอนโฮ
“เฮ นายโอเคใช่ไหม?”
“อย่ามาแตะตัวฉัน”
VIII
ซังโดพิจารณจุดแข็งตัวเองนั้นคงเป็นว่าเขาทนรับแรงกดดันได้ดี เขาอยู่บนพื้นฐานของเหตุผลและศีลธรรมซึ่งนั้นเป็นสิ่งหลายๆคนไม่มีแล้ว และความภาคภูมิของเขาด้านความสามารถในการเจรจาต่อรองเพื่อหยุดยั้งการใช้กำลังโดยไม่จำเป็น
เขาได้ยินเสียงเซฮยอกปลดเซฟตี้ของปืนมาจากด้านหลัง ทำให้เขารู้ว่าครั้งนี้คงไม่สำเร็จ
“นี่ตั้งแต่ฉันเข้าร่วมแก๊งค์ การเจรจาต่อรองจบลงไม่สวยเสมอเลยหรอ?” ซังโดบ่นขณะที่เซฮยอกพิงหลังของเขาอย่างกับเป็นกำแพงส่วนตัวขอตัวเองและคลายไทด์ออก เซฮยอกหัวเราะเบาๆ มองข้ามไหล่เขาเพื่อยิ้มให้ซังโด ณ เวลานั้น ซังโดลืมไปเลยว่าผู้ชายคนนี้สามารถยิงผู้ชายทั้งหกคนที่ล้อมพวกเขาไว้ตายลงในพริบตา
“นายก็แค่เป็นเครื่องรางนำโชคดีมา” เซฮยอกยักไหล่ให้เขา และซังโดคิดว่าเขาเห็นเซฮยอกบ่นอยู่ในใจว่าจะต้องใช้เวลานานสักเท่าไร ซังโดเริ่มคิดต้องร้องเรียนบ้างกับสิ่งที่เขาต้องเจอ “นายน่าจะใส่ถุงมือสักหน่อยนะ”
ซังโดถอนหายใจและขยับสายรัดถุงมือของเขาให้แน่นขึ้น หวังไว้ในใจว่าคงไม่จบลงที่เขาต้องทำความสะอาดรอยเลือดบนเสื้อของเขาทีหลัง เซฮยอกละออกจากหลังเขาและเตรียมกล่าวปราศรัยกับกลุ่มคน นิ้วชี้ของเขาแตะไปตามรอยข่วนบนไกปืนของเขา
“จากที่เห็น หนุ่มๆทั้งหลาย พวกคุณคงไม่รู้ว่ากำลังเล่นกับใครอยู่ ดังนั้นผมขอเตือนด้วยความหวังดี ถ้าพวกคุณจะหลีกทางไปจะเป็นอันดีมาก”เซฮยอกยิ้มให้ และซังโดถึงกับทำหน้าเซ็งเมื่อชายคนหนึ่งถอยหลังและยื่นมือไปหยิบปืนในกระเป๋าหลังแทนคำตอบ
ชายคนนั้นคนไปนอนกองลงอยู่ที่พื้นก่อนที่นิ้วของเขาถึงไกปืนเสียอีก และซังโดเห็นริบๆว่ามีอีกคนตามลงไปกับเขาแล้ว
ซังโดถอนหายใจ เสื้อเชิ้ตของเขาต้องส่งไปซักแห้งอีกแล้วสินะ
IX
ซังวอนชอบมองขี้เถ้าร่วงลงจากปลายบุหรี่ของเขา
กลิ่นของควันบุหรี่นั้นฉุนแสบจมูก ต่างจากกลิ่นควันที่เขาเคยได้กลิ่นจากระเบิดของซังกยูน แต่มันมีเสน่ห์ผ่อนคลายบางอย่างยามควันนั้นจางหายไปในอากาศ เขายกบุหรี่ขึ้นมาจรดปาก จนกระทั่งได้จนเสียงผ่านเข้ามา
“นายกำลังคิดว่านายกำลังทำอะไรอยู่วะ?” ซังกยูนบ่น ขณะที่สำรวจอย่างรวดเร็วกับชุดทดลองทางวิทยาศาสตร์ของเขา ถอนใจอย่างโล่งอกว่าไม่มีสิ่งใดถูกมือมารชอบทำลายของซังวอนแตะ “สิ่งนั้นมันจะฆ่านาย”
“พวกเราอยู่ในแก๊งค์มาเฟียนะ แล้วนายกังวลเกี่ยวกับบุหรี่เนี่ยนะ?” ซังวอนหัวเราะสั้นๆและเสียงดัง ปากของซังกยูนยู่อย่างบูดบึ้งเมื่อเขาเห็นรอยไหม้บนพื้น ซังวอนกระโดดลงมาจากที่นั่งบนกล่องไม้ เดินไปข้างห้องทดลอง หยิบบุหรี่อีกมวนมาจากกล่อง “นายควรคิดถึงลำดับความสำคัญของตัวเองใหม่อีกรอบนะ”
“พูดโดยคนที่ขอให้ฉันเกลี่ยกล่อมเซฮยอกเพื่อให้ตัวเองเข้าแก๊งค์เนี่ยนะ” ซังกยูนบ่นออกมา ซังวอนยกยิ้มขึ้นมา มีบางอย่างซึ่งน่าสบายใจเวลาพูดจาล้อเล่นกัน และไม่มีอะไรสนุกเท่าสีหน้าของซังกยูนเมื่อเขาโยนระเบิดคำพูดลูกใหญ่ใส่เขา “แล้วบุหรี่พวกนั้นของแทยังไม่ใช่หรอ? เขาฆ่านายแน่ถ้าเขารู้ว่านายขโมยลูกรักของเขา”
“เขาเลิกแล้ว” ซังวอนพูดอย่างไม่สนใจ ตาของซังกยูนเบิกกว้างเท่าตาของซังวอนตอนที่แทยังยัดกล่องบุหรี่ใส่มือเขา คิมแทยังผู้ซึ่งสูบบุหรี่หนักอย่างกับจะเตรียมไปแข่งโอลิมปิกตั้งแต่ซังวอนเข้ามาที่นี่ และน่าจะก่อนหน้านี้ “แด่เหยื่อคนใหม่”
“ใช่คิมแทยังคนเดียวกับที่เมื่อเช้ายิงปืนทะลุกำแพงมาห้องฉันเพราะฉันทำเสียงดังนั้นอ่ะนะ?”
“คนเดียวกัน”
“ทำบางอย่างสำหรับคนอื่น? สำหรับเด็กน้อยที่น่าสงสาร ผู้ไม่รู้ว่ากำลังเดินเข้าสู่อะไร”
“โลกนี้ดำเนินไปในทางแสนแปลกประหลาดเสมอล่ะซังกยูนเอ้ย”
ซังกยูนโยนหนังสือเคมีโดนหัวซังวอนอย่างจัง
X
จีโฮชอบคิดว่าเขาเป็นพวกเข้ากับคนง่ายและนั้นเป็นสิ่งที่เขาภาคภูมิใจเกี่ยวกับการมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีแม้ยามเขาตีหัวคนอื่นด้วยไม้เบสบอลก็ตาม จุดนี้เขาคิดว่าสามารถมีช่วงเวลาที่ดีกับคนส่วนใหญ่ที่เขาพบ
ยกเว้นพวกคนที่ต้องเจอกับไม้เบสบอลของเขา ก็คงมีแค่จินฮโยซัง จีโฮอยากจะคิดว่าพวกเขามีความสัมพันธ์ที่ดีในสถานะเพื่อนร่วมงาน แต่ฮโยซังมักเตือนให้เขารู้ว่าเขาไม่ค่อยสนใจเรื่องพวกนี้เท่าไรด้วยปลายกระบอกปืนของเขา
“ตื่นได้แล้ว” ฮโยซังบ่นขณะเตะเข้าไปที่หัวของจีโฮ จีโฮดึงหนังสือพิมพ์ที่เขาเอามาบังแสงแยงตาจากดวงไฟโรงรถลงมา ทั้งคืนที่ผ่านมาหมดไปกับความพยายามซ่อมรถซึ่งดูเหมือนจะใช้งานได้ของฮโยซัง และสิ่งสุดท้ายที่เขาไม่อยากจะพบคือความรู้สึกของรองเท้าบูทของฮโยซังสัมผัสลงที่หน้าของเขา “นี่ไม่ใช่การทำงานเป็นกะ ตอนนี้มีงานต้องทำกัน นายซ่อมเด็กน้อยของฉันเสร็จหรือยัง?”
จีโฮครางอย่างไม่พอใจ สงสัยว่าทำไมเขาทั้งสองคนถึงเข้ากันไม่ได้
อาจจะเพราะว่าเขาชนรถของฮโยซังตอนแข่งดริฟหลังจากการพบกันครั้งแรกก็ได้ แต่ตอนนี้เขาสาบานได้ว่ามันสามารถวิ่งได้ดีเหมือนใหม่แน่นอนและทำชุดกรอบล้อให้ใหม่ด้วย จีโฮแบะปากใส่ฮโยซังเมื่อฮโยซังส่งสายตาเบื่อหน่ายให้
“มีพวกติดยาที่ไม่ยอมจ่ายค่ายาให้โฮจุน” ฮโยซังบ่นขณะไล่นิ้วไปตามกระโปรงรถที่จีโฮซ่อมอย่างเนียบ จีโฮครางอย่างไม่พอใจเมื่อเห็นปืนสั่งทำพิเศษในกระเป๋ากางเกงหลังของฮโยซังแทนความหมาย เขาเกลียดการเคลียร์ปัญหากับพวกติดยาที่สุด “นายคงรู้ว่าฉันหมายความว่ายังไง”
“ได้เวลาสนุกแล้วสิ ใช่ม่ะ?”
“อย่าพังรถฉันแล้วกันคราวนี้”
XI XII
ฮันโซลแต่งหน้าของเขาอย่างกับเขาเป็นอีกคนหนึ่ง
จมูกของบยองจูย่นลงจังหวะเดียวกับฮันโซลยู่ปากใส่เขา ทาทับลงไปด้วยสีแดงเข้ม เขาคิดว่าฮันโซลดูลั่นล่ากับการหาสีสันและกรีดกรายเครื่องสำอางลงบนใบหน้าเพื่อธีมของงานนี้
“นายสนุกเกินไปแล้ว” บยองจูบ่น ขณะจัดไทด์ของเขาให้เข้าที่ ลูบผมที่พึ่งย้อมให้เข้าทรง ชุดสูทของเขาดูธรรมดาเมื่อเปรียบเทียบกับชุดเดรสสีดำของฮันโซล ทั้งคู่พยายามเป็นแค่คู่รักธรรมดาๆ มันเป็นบางอย่างที่น่าสนุกในส่วนเล็กๆของงานพวกเขามากกว่าธุรกิจน่าเบื่อที่พวกเขาทำกันเล่นๆ “ทำไมฉันต้องเป็นผู้ชายถือปืนที่น่าเบื่อทุกครั้ง แล้วนายได้แต่งตาสุดเชี่ยวและได้เข้าไปหลอกชาวบ้านด้วย?”
“เพราะฉันสวยกว่าไง” ฮันโซลยักไหล่ให้อย่างไม่สนใจ แต่งตาด้วยอายชาโดว์เป็นครั้งสุดท้าย และปัดแป้งออกจากชุดตรงไหล่ สีหน้าของบยองจูเปลี่ยนไปเมื่อฮันโซลถลกชายกระโปรงขึ้นมาเพื่อเช็กมืดที่เก็บไว้อย่างดีเสียบไว้กับแทบรัด บยองจูแกล้งไอจนฮันโซลชายตาขึ้นมามองผ่านขนตางอนงาม “ฉันจะทำให้พวกนั้นเมา นายก็ล้วงข้อมูลมา ทำให้โชว์นี้สวยงามเหมือนอย่างเคย”
“เซฮยอกควรจ่ายให้ฉันสองเท่าที่ต้องมาทำงานกับนาย” บยองจูบ่น รอยยิ้มบนหน้าของเขาพร้อม ยื่นแขนมาทางฮันโซล เล็บของฮันโซลจิกลงไปที่ศอกของเขาแทนคำยอมรับ
“งั้นฉันควรได้สามเท่า”
XIII
เหงื่อของยูนชอลเกือบไหลซึมผ่านสูทของเขาระหว่างที่เดินไปยังห้องประชุมเป็นครั้งแรก
ไทด์ตรงคอเขาผูกแน่นเกินไป ชายเสื้อตรงแขนของเขาก็สั้นเกินไปสำหรับแขนของเขาเช่นกัน เขากำลังสติแตกขณะที่มือเขาวางอยู่บนลูกบิดประตู ได้ยินเสียงโต้เถียงผ่านประตูไม้ตรงหน้า พยายามเรียกความมั่นใจให้ตัวเองว่าเขาไม่ได้มาสายเกินไป เขากัดริมฝีปากของเขาในจังหวะตัวเขาบิดไปมา สงสัยว่าเขาทำอะไรลงไปตอนที่เขาคลิกโฆษณาในบอร์ดของพวกแฮกเกอร์และจบลงที่เข้าร่วมแก๊งค์ซึ่งมีชื่อเสียงในทางที่ไม่ดีที่สุดแก๊งค์หนึ่ง
“อืม นายจะเข้าไปหรือไม่เข้า?
เสียงแหบพูดขึ้นมาจากด้านหลังเขาทำให้ยูนชอลแทบกระโดดด้วยความตกใจ มือของเขายกขึ้นจากลูกบิดประตูราวกับว่ามันร้อนดั่งกับไฟ เจ้าของเสียงได้แต่พ่นลมออกทางจมูกอย่างไม่พอใจ ยูนชอลรู้สึกได้ว่าเขาต้องมองต่ำลงมาแค่ไหนเพื่อให้ระดับสายตาพอดีกับคนตรงหน้า หลบทางให้กับเขา ก่อนเดินตามเข้าไปในห้อง สังเกตุเห็นเก้าอี้ว่างสองตัวที่ยังเหลืออยู่
“นายเป็นเด็กใหม่ล่ะสิท่า เจ้าชาย?” ชายคนเดิมหยิบแว่นตากันแดดขึ้นมาใส่ขณะที่พูด ท่าทางที่เขาแสดงออกกับยูนชอล ทำให้เขารู้สึกถึงการว่าเป็นกระทำที่อาจจะเหตุผล ซึ่งเขายังไม่เข้าใจเท่าไร เขาเดินไปฝั่งข้ามของโต๊ะระหว่างนั้นสายตามากมายทิ่มแทงมาที่ตัวเขา “อย่ากลัวไปเลย พวกเราไม่กัดหรอก”
“เลิกขู่เด็กใหม่ได้แล้วแทยัง”
“จัดไป”
เซฮยอก ใบหน้าอันคุ้นเคยภายในมรสุมทะเลอันบ้าคลั่งของคนในห้องนี้ยิ้มให้ยูนชอลขณะที่เขากำลังนั่งลง ยูนชอลทำได้แต่ส่งยิ้มแห้งๆตอบกลับไป ปืนและมีดวางกระจายอยู่ทั่วโต๊ะประชุม และยูนชอลไม่รู้ว่าจะทำไงดีในเมื่อเขามีแค่ไฟแช็กอยู่ในกระเป๋าเขา
เขารู้สึกเหมือนมาผิดที่
“โอเค สุภาพบุรุษทั้งหลาย เรามาเริ่มกันดีกว่า”
ผลงานอื่นๆ ของ awika2002 ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ awika2002
ความคิดเห็น