God's Pride เกียรติภูมิแห่งเทพ - นิยาย God's Pride เกียรติภูมิแห่งเทพ : Dek-D.com - Writer
×

    God's Pride เกียรติภูมิแห่งเทพ

    ผมเป็นเทพ ย่อมต้องมีหน้าที่ของตัวเอง มีศักดิ์ศรีที่มิอาจทำลาย และยังมีสิ่งที่ต้องปกป้องให้ได้.....

    ผู้เข้าชมรวม

    7,947

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    13

    ผู้เข้าชมรวม


    7.94K

    ความคิดเห็น


    129

    คนติดตาม


    310
    หมวด :  แฟนตาซี
    จำนวนตอน :  69 ตอน (จบแล้ว)
    อัปเดตล่าสุด :  13 ต.ค. 60 / 12:34 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    ชื่อใหม่กับคำโปรยนี่มันอะไรกัน!? เข้าข่ายหลอกลวงแล้วมั้งเนี่ย... 





     คอนเซ็ปต์ของเรื่องคือ นิยายแฟนตาซีแบบอินดี้ที่ชวนให้ปวดหัวกับความมึนของเรื่องที่มีการหักมุมแบบแปลกๆ รวมถึงการยัดข้อคิดที่แทบไม่จำเป็นเข้ามาในโลกที่ถูกสร้างขึ้นมาแบบมีหลักการที่คิดโดยไรต์เอง





    เรื่องนี้จะไม่มีการออกทะเลใดๆทั้งสิ้น เพราะตอนนี้เราน่าจะอยู่แถบขอบๆทางช้างเผือกแล้ว





    Vocabulary

    NOTE : ข้อมูลต่างๆเป็นข้อมูลเฉพาะของเรื่องนี้ หากคุณอ่านแล้วคิด "อุ้ย! มันเป็นหลักการจุงเบย" แล้วเอาไปปรับใช้กับนิยายคุณก็ไม่ว่า แต่ส่งลิงค์มาด้วย ตรูจะอ่าน และก็อย่าเอาไปแย้งกับนิยายชาวบ้านเขา หน้าจะแหกโดยไม่รู้ตัว เพราะผมถือว่านิยายของแต่ละคนคือโลกแต่ละใบที่ไม่เหมือนกัน





    [ลมปราณ]

    เป็นพลังที่เกิดขึ้นจากการมีชีวิต หรือก็คือเป็นพลังที่เกิดขึ้นจากพลังชีวิตซึ่งต่างจากเวทมนต์ที่มีต้นกำเนิดจากพลังวิญญาณ พลังลมปราณนั้น เป็นพลังที่ค่อยข้างมีวิธีการใช้สอยน้อยกว่าเวทมนต์พอสมควร เพราะว่ายึดหลัก เรียบง่ายแต่ทรงพลัง ตามประวัติศาสตร์ ปรากฎการใช้ลมปราณในการต่อสู้มากกว่าการใช้ในทางอื่นเป็นอย่างมาก เพราะลมปราณเป็นศาสตร์แห่งการฝืนธรรมชาติต่อต้านสวรรค์ ต่างจากเวทมนต์ที่เน้นการหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับสรรพสิ่งมากกว่า ลมปราณนั้นเกี่ยวข้องกับสภาพร่างกายอย่างยิ่งยวด ซึ่งขึ้นอยู่กับพลังลมปราณ เส้นชีพจรลมปราณ และความสมบูรณ์ของลมปราณ
    พลังลมปราณนั้นจะบ่งบอกถึงระดับลมปราณของผู้นั้น
    พลังลมปราณสามารถเพิ่มพูนด้วย3วิธี 
    1. การฝึกฝนและทำซ้ำ - เปรียบได้กับการที่น้ำไหลผ่านลำธาร ยิ่งไหลผ่านนานเท่าไหร่ แม่น้ำก็ยิ่งเปิดกว้างมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งเป็นการ "กรุย" เส้นชีพจรลมปราณ เพื่อให้พลังลมปราณไหลเวียนได้สะดวกและรวดเร็วขึ้น
    2. การเพิ่มพูนพลังชีวิต ตามที่กล่าวข้างต้น พลังลมปราณกำเนิดจากพลังชีวิต ดังนั้นการเพิ่มพลังชีวิตจะเป็นการส่งเสริมลมปราณไปในตัว
    3. การเพิ่มพลังลมปราณโดยตรง แต่วิธีนี้อาจเป็นอันตรายได้หากพลังลมปราณที่เพิ่มขึ้นกับพลังชีวิตไม่สอดคล้องกัน
    ทั้งนี้ พลังลมปราณตั้งอยู่ในหลักความสมดุลของพลังตามคำสอนของลัทธิเต๋า





    [ลมปราณเทียม]

    เนื่องจากเหล่าเทพไม่สามารถใช้ลมปราณ ซึ่งเป็นตัวแทนแห่งการขัดขืนฟ้าดินได้ จึงได้มีการคิดค้นลมปราณเทียมขึ้นมา
    โดยใช้พลังเวทย์กลั่นออกมาเป็นลมปราณ ทั้งนี้ลมปราณที่ได้มาจะมีคุณภาพด้อยกว่าลมปราณแท้จริงและยังต้องใช้พลังเวทย์มากกว่าพลังลมปราณที่ได้พอสมควรด้วย




    [พลังเวทมนต์]
    แปป






    [พลังจิต]

    เป็นพลังที่เกิดจากเจตจำนงอันแน่วแน่ มีอำนาจควบคุมอนุภาคพลังธรรมชาติโดยรอบ พลังจิตนั้นเป็นพลังที่เกิดจากเจตจำนงของสิ่งมีชิวิตเท่านั้น



    [Skill]

    สกิล หรือทักษะ
    ใช้เรียกชุดคำสั่งของการกระทำ อย่างเช่น สกิล[สายลมเทพสังหาร] ประกอบไปด้วย
    การอวยพรของเทพสายลม(เวทย์) --> วายุคำราม(กระบวนท่าลมปราณ) --> เชือดเฉือนดั่งร้อยคมดาบ(กระบวนท่า)
    โดยอาจมีการปรับเปลี่ยนไปตามบุคคล หากมีรูปแบบเฉพาะตัวก็จะถือได้ว่าเป็นปัจเจกวิชาของบุคคลนั้นๆ
    และในการผสานเวทมนต์บางชนิดจะเกิดการสอดคล้องของพลังธรรมชาติกับพลังวิญญาณ ทำให้เกิดผลมากกว่าที่ควรเป็น ซึ่งเรียกว่า [คอมโบ(Combo)] ซึ่งสิ่งนี้ไม่เคยปรากฏในลมปราณแต่อย่างใด




    [การโจมตีระยะไกลของนักดาบ] - เจตจำนงแห่งดาบ

    คิดค้นโดยปรมาจารย์ดาบท่านหนึ่ง
    เป็นการรวมเจตจำนงที่จะฟาดฟันศัตรูให้รวมไว้ที่ใบดาบแล้วฟาดฟันออกมา ไม่จำเป็นต้องใช้พลังวิเศษเฉกเช่นกระบวนท่าลมปราณแต่อย่างใด ถึงกระนั้นก็สามารถสร้างผลลัพท์ที่น่าตื่นตระหนกออกมาได้

    และท่านี้คาดว่าอาจมีตัวตนในประวัติศาสตร์โลกจริงๆก็เป็นได้ ถึงตอนนี้จะเป็นแค่ตำนานที่ยังพิสูจน์ไม่ได้ก็เถอะ





























    [ความหมายและความแตกต่างของมาร ปีศาจ และอสูรในแกรนด์]

    มาร - One who stand against the god and belong to this world

     ผู้ที่นับได้ว่าเป็นมารคือผู้ที่ยืนหยัดต่อต้านพระเจ้าแท้จริง
    ไม่เกี่ยวกับดีหรือชั่ว ไม่ว่าจะแข็งแกร่งหรืออ่อนแอ หากว่าไม่ได้ยืนอยู่บนฝั่งเดียวกับพระเจ้าแล้ว พวกเขาทุกคนล้วนเป็นมาร
     แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เป็นมารก็ไม่ได้หมายความว่าจะโดนรังเกียจ บลาๆๆ  พวกเขาก็ยังคงทำมาหากินเลี้ยงปากท้องในโลกแกรนด์ตามฉบับชาวบ้านชาวเมืองทั่วไป จนไม่รู้ว่าจะคิดค้นคำคำนี้มาเพื่อเปลืองสมองเล่นๆหรือยังไง?




    ปีศาจ - The Wicked One

     คำว่าปีศาจนั้น มีไว้เพื่อเรียกเหล่าสิ่งมีชีวิตผู้ชั่วร้าย ซึ่งคนบนแกรนด์ไม่ได้เหมารวมว่าสิ่งที่แปลกประหลาดจากตนว่าปีศาจ แต่พวกเขาจะเรียกตามชื่อสายพันธ์ อย่างวัวรูปร่างมนุษย์มีเขาก็เรียกว่ามิโนทอร์ ปลาหมึกตัวใหญ่ๆก็เรียกคราเคน เป็นต้น ดังนั้นคุณๆทั้งหลายไม่ต้องมาดราม่าประมาณว่า "ปีศาจก็มีดีเลวไม่ต่างจากมนุษย์หรอก!" จ้าๆ เอาที่สบายใจเลย แต่ในแกรนด์ ถ้าไม่เลวจริงเขาไม่เรียกว่าปีศาจหรอก และนั่นก็หมายความว่า ถ้าเลวจริงๆ แม้แต่มนุษย์ก็ถูกเรียกว่าเป็นปีศาจได้





    อสูร - The One who different and special

     เป็นปัจเจกชีวิต หรือก็คือสิ่งมีชีวิตที่มีเอกลักษณ์ของตัวเอง และมีเพียงตัวเดียว ซึ่งทำให้หลายๆคนขี้เกียจต้องมานั่งคิดชื่อเผ่าพันธ์ุ ถ้ามีลูกหลายมากกว่านี้ค่อยคิดละกัน ก่อนหน้านั้นก็ยัดมารวมๆไว้เผ่านี้ก่อน





    [4ขอบเขตหลัก]

    ตามที่ได้เคยกล่าวไว้ตั้งแต่แรก พลังธรรมชาติ คือพลังอันน่าอัศจรรย์ที่อยู่รอบๆตัวเรา พลังปราณ และพลังเวทมนต์นั้นก็ต่างเป็นพลังธรรมชาติ เพียงแต่พวกเราแบ่งแยกตามรูปแบบการใช้งานและการก่อกำเนิด

    เวทมนต์นั้นเกิดจากการที่เราใช้พลังวิญญาณไปกระตุ้นอนุภาคเวทมนต์โดยรอบเพื่อก่อให้เกิดปฏิกิริยาต่างๆขึ้น

    พลังปราณเกิดจากการแปรเปลี่ยนพลังชีวิตเป็นพลังวัตร หรือบำเพ็ญตบะอันแน่วแน่เพื่อก่อเกิดพลัง


    ซึ่งทางเราได้จำกัดความของระดับการเข้าถึงพลังธรรมชาติไว้ 4 ขอบเขต


    1. บัวใต้โคลนตม

     ไม่สามารถเข้าถึงพลังธรรมชาติได้ ไม่ว่าจะทำสิ่งใด พลังธรรมชาติล้วนไม่ตอบสนอง
    เปรียบเสมือนบัวที่ไม่อาจสัมผัสแสงตะวันไปชั่วชีวิต



    2. บัวใต้น้ำ

     พวกนี้จะสามารถใช้เวทมนต์ ปราณ และจิตได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ทำได้แค่ตามรูปแบบที่เคยกำหนดไว้ เพราะไม่สามารถสัมผัสพลังธรรมชาติที่แท้จริงได้
    *เป็นส่วนที่มากที่สุด รวมทั้งสกายลิกส์ด้วย (เพราะมันไม่ได้ใช้การเชื่อมต่อพลังธรรมชาติโดยตรง เพียงแค่ใช้บทเวทย์ที่กำหนดไว้ในการร่าย)
    เปรียบเสมือนบัวที่อยู่ใต้น้ำ แม้จะมองเห็นแสงสุริยัน แต่ก็ไม่อาจสัมผัส



    3. บัวปริ่มน้ำ

     ผู้ที่อยู่ระดับนี้ได้นั้นต้องมีระดับจิตวิญญาณอันสูงส่ง ถึงอย่างนั้นก็ไม่จำเป็นต้องตัดรัก โลภ โกรธ หลงไปก็ได้ แต่จะต้องไม่ถูกอารมณ์แทรกแซงได้โดยง่าย โดยกลุ่มคนระดับนี้นั้น จะมีการรับรู้ถึงอนุภาคพลังโดยรอบ สามารถดึงพลังมาใช้ได้อย่างอิสระ การต่อสู้ของคนระดับนี้มักจะวัดที่ว่าใครควบคุมและเชื่อมต่อพลังได้ดีกว่า แต่ถึงจะใช้พลังได้อย่างอิสระและฟื้นพลังได้ไม่มีขีดจำกัด แต่ก็ยังคงมีความเหนื่อยล้าทางจิตใจอยู่ จึงไม่ถือกับไร้เทียมทานซะทีเดียว
    (ในขณะนี้ผู้ที่เข้าถึงขอบเขตที่3นั้น สามารถนับได้ด้วยมือเดียว)



    4. บัวเหนือน้ำ

     เชื่อมต่อกับพลังธรรมชาติโดยสมบูรณ์ เป็นหนึ่งเดียวกับสรรพสิ่ง


















    All is Edit by ไรต์ผู้หล่อเหลาหน้าตาดี
    (ตามตรง ผมไม่มั่นใจว่าจะต้องเปลี่ยนนามแฝงหรืออะไรอีกรึเปล่า เลยได้แต่ใช้จุดเด่นของผมในการแทนตัวเอง หวังว่ารีดเดอร์จะเข้าใจในตัวผมนะ)












    เกือบลืมเลย ผมกะว่าจะหาชื่อใหม่แต่คิดชื่อดีๆไม่ได้เลย

    ช่วยคิดหน่อย




    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น