[Fic KNB] Because...you (AoKaga)
ความรักเป็นสิ่งสวยงาม เหมือนดอกกุหลาบที่มีหนามดั่งดาบสองคม
ผู้เข้าชมรวม
1,905
ผู้เข้าชมเดือนนี้
5
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
Title : Because...you
Rate : PG-13
Pairing : Kagami Taiga x Aomine Daiki
Warning : Drama , Yaoi , BL , Bad End
Note : เรื่องนี้มีเนื้อหาดราม่า ตอนจบไม่สมหวัง แต่ไม่มีใครตายค่ะ กรุณาเตรียมใจให้พร้อม
อาโอมิเนะชอบคุโรโกะ...
เรื่องนี้ใครๆก็รู้ แม้แต่เขาก็รู้ ท่าทางที่อาโอมิเนะแสดงออกต่อคุโรโกะนั่นช่างโอนโยน ทุกคนเห็น และทุกคนสนับสนุน
เขาชอบอาโอมิเนะ...
เจ้าคนที่มีความสัมพันธ์กับเขาเป็นดั่งดำกับขาว เจอหน้าเมื่อไหร่ต้องมีปากเสียงกับทุกครั้ง แต่เมื่อไหร่กัน ที่เขามองการทะเลาะกันเป็นช่วงเวลาดีๆในชีวิตไปแล้ว พอรู้ตัวก็รู้แล้วว่า ความรู้สึกนั้นคือ ความรัก
“เท็ตสึ!”
เสียงตะโกนที่ดังมาจากหน้าประตูยิม เรียกความสนใจของนักกีฬาบาสแห่งโรงเรียนเซย์รินหันไปมอง
“เจ้าอาโอมิเนะมาอีกแล้ว” เสียงบ่นของกัปตันฮิวงะที่พูดกับรุ่นพี่คิโยชิผ่านโสตประสาตเขาไป แม้จะรู้ดีว่าภาพข้างหน้ามันจะทำให้เจ็บปวดขนาดไหน แม้จะรู้ดีกว่าควรหันกลับไปเล่นบาสต่อ แต่สมองกลับสั่งให้เขายืนอยู่นิ่งๆ มองภาพข้างหน้าที่ทำให้เขาเจ็บปวดครั้งแล้วครั้งเล่า
“ผมบอกว่าอย่ามาที่นี่ไงครับ อาโอมิเนะคุง”
“หา! นายมีสิทธิ์อะไรมาสั่งฉันวะ”
อาโอมิเนะขยี้หัวคุโรโกะอย่างหมั่นไส้ ใบหน้าเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม ส่วนคุโรโกะแม้จะไม่ได้ยิ้มกว้างเหมือนอาโอมิเนะ แต่รอยยิ้มบางๆนั้นก็เป็นสิ่งที่สื่อได้ดี
คุโรโกะก็ชอบอาโอมิเนะ...
“เจ้าบ้ากามิ มองอะไรฟะ!” อาโอมิเนะที่รู้สึกตัวว่าโดนเขาจ้องมอง หันมาหาเรื่องใส่เขาเหมือนทุกที ถ้าเป็นปกติเขาต้องปะทะฝีปากกันอีกสองสามประโยค ก่อนที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะเป็นคนเลิกราไป
แต่คราวนี้เขากลับมองหน้าอาโอมิเนะนิ่งๆ แล้วหันกลับมาเล่นบาสต่อ ไม่อยากทะเลาะกับอาโอมิเนะอีกแล้ว ยิ่งทะเลาะ ความรู้สึกนี้ก็ยิ่งเพิ่มขึ้น รู้ว่าไม่มีหวัง ก็ควรจะพอได้แล้ว
ไม่เอาแล้ว...
“คากามิ?” เสียงของกัปตันปลุกเขาให้ตื่นขึ้นมาจากภวังค์ ลูกบาสยังคงค้างอยู่ในมือเขา ดูเหมือนว่าเขาจะถือลูกบาสนานเกินไปหน่อย จึงทำให้กัปตันต้องเรียกเขา
“ผม...ขอตัวกลับก่อนนะครับ”
คากามิเอ่ยขึ้นหลังจากก้มมองลูกบาสในมือนานแสนนาน ไม่รอฟังคำตอบของกัปตัน เขาก็ส่งลูกบาสให้กัปตันแล้วเดินเลี่ยงออกมา
“ฉันนี่มันบ้าจริงๆ” คากามิหัวเราะอย่างสมเพชให้กับตัวเอง พลางมองดูรูปอาโอมิเนะที่ติดในล็อกเกอร์เต็มไปหมด ภาพแล้วภาพเล่าที่เขาจ้างคนอื่นให้แอบถ่ายรูปอาโอมิเนะไว้ ทั้งภาพที่กำลังหาว ภาพที่กำลังกิน ภาพที่กำลังเล่นบาส หรือแม้แต่ภาพที่กำลังยิ้ม... ในภาพที่อาโอมิเนะกำลังยิ้มนั้น ขอบรูปมีผมสีฟ้าติดมานิดหน่อย สีผม ที่เขารู้จักเพียงคนเดียว
อาโอมิเนะยิ้มให้คุโรโกะ
ถึงแม้อาโอมิเนะจะเคยยิ้มให้เขาบ้าง แต่ก็ไม่ใช่รอยยิ้มเช่นนี้ รอยยิ้มที่อ่อนโยนและเปี่ยมไปด้วยความรัก รอยที่ยิ้มที่มอบให้คุโรโกะเพียงคนเดียว เขาอิจฉาคุโรโกะ อิจฉาจนแทบอยากจะฆ่าคุโรโกะแล้วเข้าไปแทนที่ตรงนั้นเสีย
“ฉันนี่มันบ้าไปแล้วจริงด้วย ฮะๆ” คากามิหัวเราะออกมาพร้อมกับมองรูปอย่างเหม่อลอย จากนั้นเสียงหัวเราะก็ค่อยๆกลายเป็นเสียงสะอื้น เขาร้องไห้...น้ำตาที่ไม่ได้หลั่งมานาน กลับหลั่งได้เพียงง่ายๆแค่ผู้ชายคนเดียว
คากามิหันไปมองดูนาฬิกาที่ติดอยู่บนผนัง เขาร้องไห้มายี่สิบนาทีแล้ว ควรจะออกไปได้แล้ว พอคิดได้ถึงตรงนี้ คากามิก็จัดการเปลี่ยนชุดเป็นชุดนักเรียน และตอนที่จะปิดล็อกเกอร์นั้น สายตาก็ไปสะดุดกับภาพอาโอมิเนะ
“พอได้แล้วละ” คากามิยิ้มให้กับตัวเอง...หรือกับคนในรูป ตัวเขาก็ยังไม่แน่ใจ คากามิแกะรูปอาโอมิเนะทั้งหมดออกมา แล้วยัดใส่กระเป๋าลวกๆ คิดไว้ว่าจะทิ้งตอนที่ผ่านที่ทิ้งขยะระหว่างทางกลับบ้าน
“วันนี้ขอบคุณมากครับ”
เมื่อเดินออกมา คากามิขอบคุณและบอกลากับคนอื่นเหมือนปกติ ตอนที่ส่องกระจกเมื่อกี้ตาเขาก็แดงๆอยู่ ไม่รู้ว่าคนอื่นจะสังเกตหรือไม่ คากามิหยุดมองภาพที่อาโอมิเนะกำลังสอนคุโรโกะชู๊ตบาสอย่างลังเล เขาไม่คิดจะคุยกับอาโอมิเนะอยู่แล้ว แต่คุโรโกะเนี่ยสิ เขาควรจะเขาไปทักก่อนกลับเหมือนอย่างทุกทีไหม
ระหว่างที่กำลังตัดสินใจอยู่นั้น คุโรโกะก็หันหน้ามามองเหมือนรู้ดี คากามิจึงชี้ที่ตัวเองแล้วชี้ไปที่ประตู เป็นสัญญาณว่าเขาจะกลับแล้ว คุโรโกะพยักหน้ารับรู้ และกำลังจะหันไปเรียกอาโอมิเนะ เห็นดังนั้นคากามิจึงรีบหนีออกมา
เขาไม่พร้อมจะคุยกับอาโอมิเนะจริงๆ
“ขี้ขลาดชะมัด...” คากามิบ่นกับตัวเองหลังจากเดินเลยประตูออกมา เรื่องนี้อาโอมิเนะไม่ผิด คุโรโกะไม่ผิด เขาต่างหากเองที่ผิด ผิดที่ชอบทั้งๆที่รู้อยู่แล้ว...เขาต่างหากที่ไม่ควรมาอยู่ที่นี่ ยืนอยู่ตรงนี้
แม้กระทั่งตอนเซย์รินชนะโทโอ ตอนที่อาโอมิเนะร้องไห้ เขาอยากจะเข้าไปกอดปลอบประโลม อยากพูดว่า ‘ไม่เป็นไร ฉันอยู่ตรงนี้’ เหลือเกิน แต่เขาก็ทำไม่ได้ ได้แต่ยืนมองคุโรโกะที่เดินเข้าไปหาอาโอมิเนะช้าๆ และคนที่ทำให้อาโอมิเนะหยุดร้องไห้ ไม่ใช่เขา แต่เป็นคุโรโกะ
“ฉันมีค่าขนาดไหนกันนะ อาโอมิเนะ...”
“คากามิคุง...” น้ำเสียงที่คุ้นเคยทำให้คากามิสะดุ้ง คำพูดเมื่อกี้ คุโรโกะได้ยินสินะ ได้ยินเต็มๆเลยด้วย
“คากามิคุง ชอบอาโอมิเนะคุงสินะครับ” คากามิพูดไม่ออก ถึงแม้เขาจะรู้แล้วว่าคำถามนี้จะต้องโดนคุโรโกะถามในสักวัน แม้จะทำใจและเตรียมคำตอบไว้แล้ว แต่พอเจอเข้าจริงๆ มันไม่ง่ายเลย
“ฉัน...เปล่า”
พูดจบคากามิก็นึกขำในใจ ช่างเป็นคำพูดที่ไม่มีความมั่นคงเสียเลย ขนาดตัวเองยังรู้ว่าโกหก แล้วคนหัวไวแบบคุโรโกะจะไม่รู้ได้ยังไง
“ผมรู้มาตั้งนานแล้วละครับ ตั้งแต่ช่วงประมาณเดือนก่อน” คุโรโกะพูดออกมาเนิบๆ แต่ทำให้คากามิตกใจ เขาพึ่งชอบอาโอมิเนะมาได้เดือนครึ่ง แสดงว่าหมอนี่รู้ภายในครึ่งเดือนงั้นหรอ?
“นายนี่น่ากลัวเป็นบ้า” คากามิก้าวขาเดินต่อ โดยจุดหมายก็ไม่ใช่ที่ไหน ที่บ้านของเขานั่นเอง
“ขอบคุณครับ แต่ว่า อาโอมิเนะคุงของผม” ประโยคเรียบๆ กับหน้าตานิ่งๆของคุโรโกะทำเอาคากามิจุกไม่น้อย
“เจ็บชะมัด” คากามิคิดว่าคุโรโกะออกมาเพื่อพูดแค่สิ่งนี้ แล้วจะกลับเข้าไปในยิมต่อ กลับไป...หาคนรักของเขา แต่เปล่า คุโรโกะเดินตามคากามิมา พอสังเกตดีๆ คุโรโกะก็สะพายเป้เปลี่ยนชุดเรียบร้อย
“อาโอมิเนะล่ะ”
“ผมให้เขากลับไปก่อนครับ โดยทางประตูหลัง”
คากามิหันมามองคุโรโกะอย่างสงสัย แปลก... อาโอมิเนะไม่น่าปล่อยคุโรโกะมาแบบนี้แน่ๆ
“ผมบอกว่าต้องการคุยธุระกับคากามิคุงระหว่างกลับบ้านครับ” คุโรโกะอธิบายต่อโดยไม่ต้องรอให้คากามิถาม ถึงแบบนั้นก็เถอะ อาโอมิเนะก็ไม่น่าปล่อยมาง่ายๆนี่
“แล้วก็บอกต่อว่า จะคุยกันเรื่องอ่อนไหวที่คนแข็งทื่ออย่างอาโอมิเนะคุงไม่เข้าใจครับ”
คุโรโกะพูดหน้าตาย ทำให้คากามิหัวเราะออกมา
“นั่นสินะ เจ้านั่นแข็งทื่อจริงๆนั่นแหละ”
แข็งทื่อ...แต่ตรงไปตรงมา ยิ้มคือยิ้ม หัวเราะคือหัวเราะ ร้องไห้คือร้องไห้ ถ้าเปรียบเขาเป็นแสดงสว่าง อาโอมิเนะก็เป็นพระอาทิตย์ ถ้าเปรียบเขาเป็นนางฟ้า อาโอมิเนะก็เป็นดั่งเทวดา ที่แม้ไม่สวยงาม แต่ก็เจิดจรัส
เดินไปได้ครึ่งทาง ก็ถึงที่ทิ้งขยะ คากามิหันไปมองหน้าคุโรโกะ เขาจะทิ้งต่อหน้าคุโรโกะเลยดีไหมนะ หรือว่าจะทิ้งทีหลังดี ยืนลังเลอยู่นาน สุดท้ายก็ตัดสินใจทิ้งต่อหน้าคุโรโกะเสีย คุโรโกะเองก็คงรู้สึกดีขึ้นเหมือนกัน ถ้าเขาทำอะไรที่แสดงว่าจะเลิกชอบอาโอมิเนะเป็นชิ้นเป็นอันให้คุโรโกะสบายใจเสียดี
“นั่น รูปอาโอมิเนะหรอครับ” คุโรโกะชะเง้อหน้าเข้ามาดูรูปที่คากามิหยิบออกมา คากามิรู้สึกเขินๆอยู่สักหน่อย ก็เก็บสะสมรูปคนที่ชอบมันเหมือนสาวน้อยในห้วงความรักเลยไม่ใช่หรือไง
“นายอยากได้ไหมล่ะ”
คุโรโกะส่ายหน้าปฏิเสธ คากามิคิดไว้แล้ว คงไม่มีใครอยากได้รูปแฟนตัวเองต่อจากคนที่แอบชอบแฟนตัวเองหรอก
“ที่บ้านผมมีเยอะแล้วครับ เอาไปก็ไม่รู้จะวางไว้ไหน” เหตุผลของคุโรโกะทำเอาคากามิชะงักความคิด เขาลืมไปได้ไงกันนะว่าเจ้าคุโรโกะมันไม่เหมือนคนอื่น
“นั่นสินะ…”
คากามิมองภาพในมือเป็นครั้งสุดท้าย มือของเขาสั่น... คากามิสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อเรียกความกล้าของตัวเองกลับมา
แคว่ก แคว่ก แคว่ก
เสียงฉีกกระดาษเพียงแค่สามครั้ง แต่ใจของเขาเหมือนถูกฉีกเป็นร้อยครั้ง คากามิปล่อยเศษรูปภาพในมือให้ล่วงหล่นลงไปในถังขยะ ระหว่างนั้นก็เหมือนใจของเขาหล่นตามไปด้วย
โครตเจ็บ...
นั่นคือคำๆเดียวที่คากามิสามารถอธิบายความรู้สึกเขาได้ในตอนนี้ ความรักเป็นสิ่งสวยงาม เหมือนดอกกุหลาบที่มีหนามดั่งดาบสองคม ถ้าความรักไปได้ดี ก็จะมีความสุขยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด เหมือนกับอาโอมิเนะและคุโรโกะ แต่ถ้าความรักมันผิดหวัง ก็เจ็บเจียนตายดั่งเขาในตอนนี้
“คุโรโกะ...”
ถ้าฉันเอ่ยขออาโอมิเนะกับนาย นายจะให้ฉันไหม...
ถ้าฉันเอ่ยขออาโอมิเนะมาเยียวยาหัวใจ นายจะให้ฉันได้รึเปล่า...
“คุโรโกะ?” คากามิหันไปหาเพื่อนตัวเล็กแสนจืดจางของเขา เมื่อจู่ๆฝ่ายตรงข้ามเงียบไป
ภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้คากามิเบิกตากว้าง คุโรโกะนอนอยู่ทื่พื้น โดยมีผ้ามัดมือมันเท้าไว้ ยังไม่ทันที่จะก้าวขาเข้าไปหาเขาก็ถูกผ้าสีขาวปิดปากไว้ จากนั้นสติก็พร่าเลือน...
“คากามิคุง คากามิคุงครับ”
เสียงเรียกชื่อของเขาทำให้สติของคากามิเริ่มกลับมา เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเจออะไรเข้า สติก็กลับมาครบทันที
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
คากามิหันไปมองรอบๆ พวกเขาอยู่ในห้องโล่งๆสีขาว ในห้องไม่มีอะไรเลยนอกจากฟูก2อัน ที่เขากับคุโรโกะนั่งอยู่คนละอัน
“ไม่รู้สิครับ ผมก็พึ่งตื่นขึ้นมาได้ไม่นาน”
คากามิพยายามตั้งสติแล้วคิดความเป็นไปได้ เขาเคยทะเลาะกับคนอื่นอยู่บ้าง แต่ไม่ถึงขั้นจะลักพาตัวขนาดนี้ แต่ถ้าแค้นถึงขั้นนี้จริงๆ แล้วคุโรโกะเกี่ยวอะไรด้วย หรือว่าคุโรโกะดันอยู่ในตอนนั้นพอดี เลยเลี่ยงที่ต้องจับตัวมาไม่ได้?
“แต่ผมก็พอจะสันนิษฐานได้นะครับ ถึงแม้จะไม่แน่ใจก็เถอะ”
คุโรโกะพูดออกมา คากามิหันไปสนใจกับสิ่งที่คุโรโกะพูด นี่นายเป็นนักสืบหรือไง
“พรุ่งนี้ หรือไม่ก็อาจจะวันนี้ ในกรณีที่เราสลบข้ามวันนะครับ จะมีการแข่งกระชับมิตรระหว่างเซย์รินกับฮิโรอิน”
คำพูดเกริ่นๆของคุโรโกะทำให้คากามิรู้อะไรบางอย่าง อย่าบอกนะ...
“เจ้าพวกฮิโรอินอยากชนะจนถึงต้องลักพาตัวพวกเรามาแบบนี้?”
“ก็แค่สันนิษฐานครับ”
คากามิเริ่มเครียดขึ้นมาแล้วจริงๆ ถึงแม้พวกรุ่นพี่จะเก่งก็เถอะ แต่ขาดกำลังสำคัญอย่างเขากับคุโรโกะไปก็น่าเป็นห่วงเหมือนกัน แล้วก็ได้ยินมาว่า ฮิโรอินก็เก่งในระดับนึง ถึงแม้จะยังห่างกับเซย์ริน โทวโอ หรือโรงเรียนอื่นหลายขุมก็เถอะ
“อ้าวๆ ตื่นกันแล้วหรอ”
คากามิและคุโรโกะหันไปมองเจ้าของเสียง พอเห็นหน้าก็จำได้ทันทีเลยว่า
“กัปตันของฮิโรอิน คานาเบะ ฮิโรกิ” อีกฝ่ายแนะนำตัวพร้อมรอยยิ้ม แสดงว่าสันนิษฐานของคุโรโกะถูกจริงๆเสียด้วย นายน่าจะเป็นไปนักสืบนะ คุโรโกะ
“นายมันขี้ขลาด” คากามิด่ากลับทันทีเมื่อมีช่องว่างให้พูด คานาเบะหันมามองคากามิทั้งหน้ายิ้ม
“ปากเสียนะ คากามิ ไทกะ” ปกติเขาจะชอบชื่อของตัวเองมากๆ ยิ่งเวลาอาโอมิเนะเรียก... แต่พอเป็นหมอนี่เรียกแล้วอยากจะเปลี่ยนชื่อให้รู้แล้วรู้รอดจริงๆ
“ที่ผมจับตัวพวกคุณมาก็ไม่มีอะไร ก็แค่อยากทำให้ฮิโรอินชนะแค่นั้น แต่ถ้าดูเค้าโคร่งแล้วว่าจะแพ้ พวกผมก็จะเอาพวกคุณมาเป็นขู่เท่านั้นเอง”
“แก...ไอบัดซบ!” คากามิกำลังจะพุ่งออกไปต่อยคานาเบะ แต่กลับล้มหน้าทิ่มพื้น พอหน้าทิ่มเท่านั้นแหละ ถึงได้รู้ว่าเขาโดนกุญแจมือล็อกระหว่างขาทั้งสองข้างอยู่
“คากามิคุง” เสียงห้ามปรามของคุโรโกะทำให้คากามิได้แค่คำรามในคออย่างอารมณ์เสีย คานาเบะหัวเราะปากกว้างอย่างสะใจก่อนเดินออกจากห้องไป จากนั้นก็มีคนเข้ามาแทน เป็นผู้ชายล่ำบึกสองคน ดูท่าทางจะไม่ดีเสียแล้ว
“ถ้าพวกนายจะทำอะไรก็เชิญมาทำกับฉัน หมอนั่นไม่เกี่ยว” คากามิพูดออกมาด้วยเสียงดังฟังชัด เขาไม่ได้โง่จนขนาดไม่รู้ว่าพวกนี้เข้ามาทำอะไร และดูเหมือนพวกมันจะสนองความต้องการของเขาให้
“อึก!” ดอกแรกเข้าที่ท้อง มันเจ็บเสียจนคากามิต้องกดปากไม่ให้หลุดเสียงร้องออกมา
“คากามิคุง!” คุโรโกะร้องอย่างตกใจแล้วพยายามเข้ามาห้าม เจ้าโง่คุโรโกะเอ้ย!
“นายอยู่เงียบๆไป! อยากจะโดนหรือไง ฉันไม่ยอมหรอกนะ ถ้าอาโอมิเนะเห็นนายในสภาพแบบนั้น มีหวังได้เสียใจแน่!”
ดอกที่สองเขาที่แก้มขวาทันทีที่คากามิพูดจบ คุโรโกะเงียบไปแล้ว แบบนี้คากามิค่อยโล่งใจหน่อย อย่างน้อยถ้าคุโรโกะปลอดภัย อาโอมิเนะก็จะไม่ต้องเสียใจ ดีแล้ว...
แบบนี้แหละดีแล้ว...
ครั้งแล้ว ครั้งเล่า ที่คากามิโดนต่อยและเตะ ทั้งที่ท้อง ตัว และหน้า จนทั้งตัวเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ ยังดีที่พวกนี้ไม่เล่นรุนแรงจนถึงขนาดกระดูกหัก เพราะถ้าเป็นแบบนั้น อาจถึงขั้นเขาเล่นบาสต่อไปไม่ได้เลย
“เฮ้ย พอได้แล้ว จะเริ่มแข่งแล้ว”
เสียงของคานาเบะเรียกให้ชายทั้งสองคนหยุด จะเริ่มแข่งแล้ว...พวกรุ่นพี่จะเป็นยังไงบ้างนะ แล้วทีมจะเป็นยังไงบ้าง คงไม่ยอมแพ้เพราะพวกเขาใช่ไหม
อย่าให้เขาต้องรู้สึกผิดไปมากกว่านี้เลย....
เสียงเอะอะโวยวายข้างนอก ดึงความสนใจของคากามิและคุโรโกะไปหันไปมอง ไม่รู้เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ไม่รู้ว่าการแข่งจบรึยังไง... เวลาในนี้ไม่รู้จะเรียกว่าเดินเร็วหรือช้า มันอาจจะช้า หรือเร็วก็ได้
ปัง!
เสียงประตูถูกกระแทกเข้ามา ทำให้คากามิที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับประตูอดสะดุ้งไม่ได้ หัวสีน้ำเงินกับผิวสีแทนกึ่งดำอันเป็นเอกลักษณ์แบบนี้เขาจำได้ดี
“อาโอมิเนะ...” คากามิพึมพำอย่างตกใจ ทำไมอาโอมิเนะมาอยู่ที่นี่ได้? อาโอมิเนะมองคากามิแล้วเมินเลยไป หันซ้ายหันขวาเพื่อหาใครสักคน คนที่สำคัญสำหรับเขา...
“เท็ตสึ!”
อาโอมิเนะวิ่งเข้าไปหาคุโรโกะแล้วดึงเข้ามากอดอย่างรวดเร็ว เร็วพอๆกับหัวใจของคากามิถูกเข็มนับพันทิ่มแทง
อาโอมิเนะไม่สนใจเขา
เขาที่ทั้งตัวเต็มไปด้วยบาดแผล แต่กลับถูกเมิน
เขาสู้คุโรโกะไม่ได้จริงๆ
“คากามิ นายไม่เป็นอะไรนะ” กัปตันฮิวงะเดินเข้ามาถามอย่างห่วงๆ กัปตันยังสนใจเขามากกว่าไอบ้านั่นเลย ทำไมเขาต้องไปรักคนแบบนั้นด้วยนะ
“ไม่แย่เท่าที่เห็นหรอกครับ” คากามิตอบ ใข่แล้ว ไม่แย่เท่าที่เห็นหรอก แต่มันแย่กว่าที่เห็นเยอะ หมายถึงหัวใจของเขา หัวใจที่ถูกขยำแล้วขยำอีก ย่ำยีแล้วย่ำยีอีก
“ลุกไหวไหม” เมื่อรุ่นพี่คิโยชิแก้มันที่แขนกับขาเขาไว้แล้ว รุ่นพี่ฮิวงะก็ถามพร้อมกับยื่นมือให้ เขามองมือของรุ่นพี่แล้วตัดสินใจลุกขึ้นเอง ถึงแม้จะเซนิดหน่อยก็เถอะ
“เฮ้ คากามิ นายเดินไหวหรอ ไม่ไหวหรอกน่า” เสียงทุ้มอันคุ้นเคยของอาโอมิเนะทำให้ในใจเขาเจ็บปวดกว่าเดิม ทีนี้แบบนี้มาทำดีด้วย แต่เมื่อกี้กลับเมินกันไม่ใช่หรอ
“ไม่เป็นไร ฉันเดินไหว” ถึงปากจะบอกแบบนั้น แต่ขากลับไม่ให้ความร่วมมือแม้แต่น้อย แต่ก้าวขาก็ราวกับมือหินมาถ่วงให้ล้มแล้ว
“บอกแล้ว นายเดินไม่ไหวหรอก มานี่!” อาโอมิเนะเข้าไปช่วยประคองคากามิ แต่กลับถูกคากามิผลักออก
“นายไม่ต้อง ไปดูแลคุโรโกะเถอะ...รุ่นพี่คิโยชิครับ ผมขอรบกวนหน่อย” คากามิเบือนหน้าหนีอาโอมิเนะแล้วหันไปขอให้รุ่นพี่เทปเปช่วยแทน ซึ่งรุ่นพี่ก็เข้ามาช่วยอย่างง่ายๆ
“เจ้าบ้านั่นเป็นอะไรไปนะ” อาโอมิเนะบ่นพลางเกาคางอย่างแปลกใจ ปกติคากามิไม่เคยมีท่าทีแบบนี้ อีกทั้งการเล่นบาสของคากามิเองก็ดูใจเย็นขึ้นเยอะ ไม่เหมือนเมื่อก่อน ที่ใส่พลังเต็มที่
“คุณมันโง่จริงๆด้วย อาโฮ่มิเนะ”
“ว่าไงนะ เท็ตสึ!!”
ต่อจากเรื่องของอาโอมิเนะ ก็เป็นเรื่องของคุณพ่อ
คากามิมองของในมืออย่างเหม่อลอย ตั๋วเครื่องบินไปอเมริกา ลงวันที่ไว้สัปดาห์หน้า พร้อมกับจดหมายที่เขียนไว้สั้นๆ
‘แกกลับไปเรียนที่อเมริกาซะ ไปเล่นบาสที่นั่นก็ได้ ให้อเล็กซานเดรียช่วยสอนแกเหมือนตอนเด็กๆด้วย’
เขาไม่รู้ว่าทำไม เพราะอะไร พ่อถึงอยากให้เข้ากลับไปเรียนที่อเมริกา ถึงแม้อเมริกาบาสจะแกร่งกว่าที่นี่ แต่คนสำคัญของเขาอยู่ที่นี่หมด คุโรโกะ กัปตัน โค้ช รุ่นพี่คิโยชิ เพื่อนๆร่วมทีม หรือแม้แต่...อาโอมิเนะ
หรือว่าเขาจะใช้จังหวะนี้เพื่อลืมอาโอมิเนะดี
คากามิตัดสินใจกลับไปเรียนต่อที่อเมริกา แม้จะรู้สึกผิดต่อคนในชมรมไปหน่อย แต่ก็คงดีกับทั้งสองฝ่าย ดีกับเขา และดีกับคุโรโกะ อาโอมิเนะเหมือนกัน
พอบอกคนในชมรมและเพื่อนๆก็ถูกด่าซะยกใหญ่ ด่าว่าทำไมไม่บอกเร็วกว่านี้ ก็เขาพึ่งรู้เหมือนกันนะ คากามิขอให้คุโรโกะช่วยปิดเป็นความลับกับอาโอมิเนะไว้ ซึ่งคุโรโกะก็รับปากอย่างว่าง่าย ชีวิตยังคงดำเนินไปตามปกติ ไปเรียน เข้าชมรม แต่ที่ต่างจากปกติคือเขาไม่ได้ลงเล่น เนื่องจากแผลฟกช้ำต่างๆยังไม่หายไปง่ายๆ และขาของเขายังไม่พร้อมรับภาระการกระโดดของเขา จึงทำให้โค้ชสั่งห้ามให้เขาลงเล่นเด็ดขาด อาโอมิเนะยังคงมาหาคุโรโกะทุกวัน เขาก็พยายามเลี่ยงที่จะเจอหน้าอาโอมิเนะ ไม่ว่าจะอาสาออกไปซื้อน้ำ ออกไปวิ่ง หรือทำธุระกะทันหัน จนชีวิตที่ไม่คุยกับอาโอมิเนะเริ่มกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว ทั้งๆที่แรกๆก็เหงาเกือบตาย แต่ตอนนี้กลับชาชิน ชินเสียจนตัวเขากลัวไปเลย....
1สัปดาห์ต่อมา
คากามิมองหน้าคนที่มาส่งเขาด้วยรอยยิ้ม ถึงแม้จะเป็นช่วงเวลาไม่นาน แต่เขาก็รู้สึกดีจริงๆ เพื่อนร่วมทีมแบบนี้หาไมได้อีกแล้วที่อเมริกา เพราะทีมแบบนี้ ทีมที่ประกอบไปด้วยคนแบบนี้ มันมีแค่ทีมเซย์รินเพียงทีมเดียว
“คุโรโกะ นายจะเอาน้ำอะไรไหม ฉันจะออกไปซื้อน้ำ” คากามิถามเพื่อนจืดจางที่วันนี้ก็มาส่งเขาด้วย คุโรโกะลุกตามเข้ามา คากามิแปลกใจนิดหน่อยแต่ก็ยอมให้คุโรโกะเดินตามมาอยู่ดี
“ที่ตามมาด้วยนี่มีอะไรจะคุย ฉันไม่โง่เหมือนที่นายคิดนะ” คากามิถามพลางกดน้ำจากตู้ขายอัตโนมัติ
“คุโรโกะ?” อีกแล้ว...คุโรโกะเงียบไปอีกแล้ว คากามิหันไปดูด้วยความตกใจ หวังว่าคราวนึคงไม่โดนใครลักพาตัวอีกนะ
คากามิเบิกตากว้างด้วยความตกใจเหมือนเดิม แต่คราวนี้กลับแตกต่างออกไป สิ่งที่ทำให้เขาต้องใจไม่ใช่อะไรที่ไหน สิ่งมีชีวิตสปีชีย์ที่เขาหลบหน้าเป็นอาทิตย์ นามว่าอาโอมิเนะกำลังยืนอยู่หน้าเขา
“จับตัวได้สักที คากามิ”
คากามิพูดไม่ออก ได้แต่มองอาโอมิเนะค้าง เขาควรจะวิ่งหนีหรือเปล่า หรือว่าจะต่อยหน้ามันก่อนแล้วค่อยวิ่ง
“เท็ตสึบอกว่านายชอบฉัน” คำถามที่ถูกถามกะทันหันทำให้คากามิอึนไม่น้อย ปากกำลังจะอ้าตอบปฏิเสธ แต่ก็ถูกชิงพูดก่อน
“อย่ามาปฏิเสธ เท็ตสึไม่เคยโกหก” คากามิหยุดคำพูดที่จะปฏิเสธ ก้มลงมองพื้นแล้วค่อยๆสารภาพออกไป
“ใช่ ฉันชอบนาย” เกิดความเงียบหลังจากที่คากามิพูดจบ บรรยากาศที่อึดอัดนี้ คากามิอยากจะตะโกนให้ใครสักคนช่วยเข้ามาทำลายที
“ขอโทษ แต่ฉันชอบเท็ตสึ” อาโอมิเนะเป็นฝ่ายพูดก่อน พอโดนพูดตรงๆแล้วมันเจ็บกว่สที่คิดไว้เยอะแหะ คากามิเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้
“ฉันรู้” ใช่ ฉันรู้ ฉันรู้ทุกอย่าง นายชอบเท็ตสึ เท็ตสึชอบนาย ฉันมันก็แค่มือที่สาม ที่อกหักตั้งแต่ยังไม่เข้าไปแทรก
“ขอโทษ” คำขอโทษที่หลุดออกมาจากปากอาโอมิเนะทำให้คากามิแปลกใจ อาโอมิเนะไม่ใช่คนที่จะพูดขอโทษได้ง่ายๆ แถมยังทิฐิสูงเหลือเชื่ออีก
“ไม่มีอะไรที่นายต้องขอโทษหรอก” คากามิตบบ่าของอาโอมิเนะเบาๆแล้วเดินออกมา เสียงประกาศเครื่องเขาดังขึ้นแล้ว เขาควรจะไปได้แล้ว
“งั้นผมไปก่อนนะครับ”
คากามิบอกลอคนอื่นๆครั้งสุดท้าย โคกาเนะร้องไห้ไปแล้ว ส่วนโค้ชก็มีน้ำตาซึมปลายๆ คากามิมองภาพตรงหน้าเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะหันหลังเดินเข้าเกท
“คากามิ!”
เสียงของอาโอมิเนะทำให้คากามิหันหลังกลับไปมอง แอบเข้าข้างในใจเล็กน้อย ว่าอาโอมิเนะจะเข้ามารั้งไม่ให้เขาไป
“นาย อยู่ที่นั่นต้องมีความสุขนะเฟ้ย!” อาโอมิเนะชี้หน้าสั่งเขาอย่างไร้มารยาท คากามิขำให้กับท่าทางของอาโอมิเนะแล้วทำสิ่งที่เขาอยากทำมานาน
“คนมนุษย์สัมพันธ์แย่แบบนายไม่มีสิทธิมาสั่งฉันหรอก อาโฮ่มิเนะ!”
“นายว่ายังไงนะ บากะกามิ!”
“จะเอาหรอ ไอคนแข็งทื่อซื่อบื้อไม่มีใครเทียบ!”
คากามิกับอาโอมิเนะเงียบแล้วก็หัวเราะขึ้นมาพร้อมกัน ก่อนที่คากามิจะเป็นฝ่ายถอยเพราะถึงเวลาแล้วจริงๆ
“นายต้องเจอคนที่เขารักนายและนายก็รักเขาแน่ๆ”
อาโอมิเนะพูดประโยคสุดท้าย คากามิยิ้มให้ ก่อนจะหันหลังโบกมือให้อย่างเท่ๆ
ฉันอยู่ที่ไหนก็ไม่มีความสุขหรอก
ต่อให้มีเพื่อนเป็นร้อยเป็นพัน
มีคนมารักฉันมากมาย
ฉันก็ไม่สามารถมีความสุขได้
เพราะคนที่ฉันรักมีเพียงนายคนเดียว
ความสุขของฉันคือการที่ฉันมีนาย
อาโอมิเนะ...
ผลงานอื่นๆ ของ Krapao Tang ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Krapao Tang
ความคิดเห็น