คุณเคยใจเต้นแรงเพราะ "ผู้ชายที่รักผู้ชาย" หรือเปล่า - คุณเคยใจเต้นแรงเพราะ "ผู้ชายที่รักผู้ชาย" หรือเปล่า นิยาย คุณเคยใจเต้นแรงเพราะ "ผู้ชายที่รักผู้ชาย" หรือเปล่า : Dek-D.com - Writer

    คุณเคยใจเต้นแรงเพราะ "ผู้ชายที่รักผู้ชาย" หรือเปล่า

    เรื่องนี่คือเรื่องจริงที่ลงบอร์ดกระทู้ไม่ได้เพราะมันบอกเกิน 20000 ตัวอักษร ก็เลยมาลงเรื่องสั้นแทน

    ผู้เข้าชมรวม

    197

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    197

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  31 ต.ค. 57 / 17:40 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    เรื่องราวที่กำลังจะเล่าให้ทุกคนฟังต่อไปนี้คือเรื่องจริง เรื่องที่เกิดขึ้นเริ่มต้นเมื่อ 6 ปีที่แล้ว

    เด็กน้อยมัธยมต้นอายุ 14 ปี ที่กำลังเติบโตขึ้น เริ่มรู้จักและสนิทกับเพื่อนๆ รู้จักคนมากมายในโรงเรียน ชีวิตที่มีแต่ความร่าเริงและสีสันในชีวิต จนวันนึงเราได้พบกับผู้ชายคนหนึ่ง ผู้ชายคนนั้น (ขอใช่นามสมมุติว่า พี่ 'น้ำ"นะค่ะ) "พี่น้ำ" เราเจอกันครั้งแรก ไม่สิเราเจอพี่เขาครั้งแรกที่สนามหญ้าที่โรงเรียน วันนั้นเป็นวันเปิดเทอมวันแรก ครูกำลังเริ่มพิธีหน้าเสาธง สายตาของเรากลับหันไปสะดุดกับพี่มอสี่ ที่วิ่งถือจาค็อปกับถุงข้าวมาอย่างหน้าตื่น เรานี่อดขำไม่ได้ถึงกับต้องเอามือปิดปากก่อนจะถูกเพื่อนสนิทที่หันมามองก่อนจะถามอย่างสนใจ เราก็บอกว่าไม่มีอะไร ก่อนจะหันไปมองพี่คนนั้นอีกครั้ง พี่เขารีบวางกระเป๋าก่อนจะยืนพักเหนื่อยด้วยท่าแมนมาก เรามองพี่เขาสักพักก่อนจะรู้สึกตัวเมื่อ ตัวเองยิ้มออกมาทั้งๆที่ไม่รู้ตัว หลังจากวันนั้นเราก็ไม่ค่อยเจอพี่เขาที่แถวเท่าไรแต่ก็อดจะอยากรู้ไม่ได้ว่าพี่เขาเป็นใคร เรียนอยู่ชั้นไหน แล้วเขามีแฟนหรือยังนะ มันค่อนข้างแก่แดดจังเลยนะ เด็กตัวแค่นี้มาคิดเรื่องอะไรแบบนี้ แต่นี้คือ ป็อปปี้เลิฟเลยก็ว่าได้ อ้อพอหลังจากนั้นสองอาทิตย์เราก็ได้ เมลพี่เขามา ตอนนั้นก็ฮิตคุย msn กันสินะ ตอนแรกก็ลังเลว่าจะแอดเข้าไปดีไหมแต่ในที่สุดก็แอดไปจนได้ ตอนนั้นเหมือนเพิ่มพี่เขาเข้ามาประดับใน msn เพราะในนั้นมีเพื่อนแค่พี่เขาแค่คนเดียว นานมากเลยแหละกว่าจะตัดสินใจทักพี่เขาไป ประโยคแรกที่คุยกันคือ "สวัสดี" โคตรคลาสสิคเลยนะ แล้วสองนาทีหลังจาดนั้นเจ้าตัวที่ออนอยู่ก็ตอบเรามาว่า "สวัสดีจ้า" ไอ่เราที่รอเขาตอบด้วยใจจดจ่อนี่ถึงกับกัดหมอน ตัวบิดเป็นเกลียวเลย เราก็ถามชื่อพี่เขาไปทั้งๆที่ก็รู้ว่าพี่เขาชื่ออะไร พี่เขาก็ถามชื่อเรา ถามว่าเราเรียนอยู่ห้องไหน อยากเข้าสายอะไร ตอนนั้นก็เด็กอะนะก็เลยบอกว่าอยากเข้าสายวิทย์-คณิต พี่เขาเลยบอกว่าพี่เขาก็เรียนสายวิทย์คณิตอยู่ห้อง 2 เขาก็บอกว่าให้ตั้งใจเรียนนู้นนี้นั้น  หลังจากนั้นพอถึงบ้านตัวเราก็รีบเร่งทำการบ้านให้เสร็จ ก่อนจะรอเวลาที่พี่เขาออนก่อนจะทักพี่เขาไป ชวนคุยอยู่ตลอด พี่เขาเองก็ไม่ได้ทำเหมือนจะไม่อยากคุยกับเรา อันที่จริงพี่เขาดูเฟรนลี่มากๆเลยแหละ เวลาที่ได้คุยกับพี่เขามันรู้สึกมีความสุขมากจริงๆ พอเวลาไปโรงเรียนก็จะชอบมองหาพี่เขาอยู่ตลอดเวลาว่า พี่เขาอยู่ไหน จนวันหนึ่งในโรงอาหาร ไอ้ตัวเราที่หิวไง ก็รีบวิ่งไปต่อแถวซื้อข้าว ก็วิ่งไปต่อหลังพี่ผู้ชายคนนึง พี่เขากำลังยืนเมาส์กับผู้หญิงที่คาดว่าน่าจะเพื่อน เพราะยืนเมาส์กันสนุกสนานมากๆ แล้วแบบพี่แกคงเมาส์มันส์เกินไปเลยทำให้ถอยหลังมาเหยียบเท้าเราเต็มๆเท้าเลยค่ะ เราก็แบบด้วยความเจ็บก็เลยก้มหน้าปิดบังความเจ็บปวด แล้วเหมือนพี่แกคงเห็นเราเจ็บก็เลยเอื้อมมือมาจับไหล่เราเบาๆพร้อมเขย่าๆด้วยนะ ก่อนจะถามเราว่า น้องโอเคเปล่าครับ พี่ขอโทษน้าพอเราได้ยินอย่างนั้นก็เลยรีบเงยหน้าขึ้นแบบเร็วมาก จังหวะนั้นแทบช็อคแล้วก็ผงะมากอ้ะ คือคนที่เหยียบเท้าเราตะกี้นั้นคือ พี่น้ำ ตัวพี่แกกับเราใกล้กันมากจนเราต้องขยับถอยออกมา เราก็นิ่งเพราะตกใจที่เป็นพี่เขาก็เลยอึ้งไม่ได้พูดอะไร จนพี่เขาถามมาอีกว่า น้องโอเคหรือเปล่าครับเราก็เลยตั้งสติก่อนจะตอบพี่เขาไปว่าเราโอเค พี่เขาก็ยิ้มก่อนขอโทษอีกหลายครั้งก่อนจะหันไปเมาส์กับเพื่อนพี่เขาอีกครั้ง เราก็ทำได้แค่มองเขาต่อไป พี่เขาคงจำเราไม่ได้แต่รูปเราก็ไม่เฟคมากนี่หว่า นั้นเป็นครั้งแรกเลยล่ะที่ได้เห็นพี่เขาใกล้ๆและนั้นก็เป็นครั้งแรกที่ได้รู้ความจริงที่ว่าพี่เขาเป็น เกย์”  ออกแนวตุ้ดด้วยแหละ เป็นใครก็คงดูออก พอพี่เขาซื้อข้าวเสร็จก่อนหันมายิ้มให้เราอีกครั้ง เราก็ยิ้มกลับไปแต่ใจที่มันสั่นแปลกๆ มันทำให้รู้สึกจี้ดๆบอกไม่ถูก แต่ถึงกระนั้นมันก็ไม่สามารถทำให้เราเลิกทักเลิกคุยกับพี่เขาได้เลย เพราะอะไรน่ะหรอ พี่เขาดีไง นอกจากจะให้คำปรึกษาแล้ว ยังติวภาษาอังกฤษที่เป็นวิชาที่เราไม่ถนัดให้อีก  จนวันนึงตอนกำลังที่จะขึ้นมอสามนี่เป็นเหตุการณ์นึงที่เราตกใจกับสิ่งที่พี่เขาพิมมากมากๆ วันนั้นเป็นวันที่เราว่างมากๆ ก็เลยทักไปคุยกับพี่เขาแล้วเหมือนพี่เขาจะมีงาน พี่เขาเลยพิมพ์มาประมาณว่า เอ่อน้องคับ พี่ยุ่งอยู่น่ะ เราก็อึ้งอยู่หน้าคอมไม่กล้าทักอะไรอีกทั้งสิ้น ไม่ทักพี่เข่าตัวเราขึ้น ม.3 ตอนนั้นเป็นช่วงของกีฬาสีแล้วเหมือนโชคฟ้ากลั่นแกล้งหรือบันดาลใจก็ไม่รู้ให้ เรากับพี่เขาอยู่สีเดียวกัน แล้วพี่เขายังเป็นประธานสีอีกด้วย มันง่ายมากที่จะเจอพี่เขา เพราะว่าพี่เขาประสานงานกับรุ่นน้องทุกชั้น แล้วเหมือนมีอยู่วันนึงค่า ทางพี่ห้องที่เป็นพี่คลุมงานห้องที่เป็นห้องพี่น้ำ เขาก็มาเรียกห้องเราให้ไปลงว่าใครจะลงกีฬาอะไร แล้วมอสามคือต้องรับผิดชอบเรื่องกิจกรรมเกี่ยวกับงานแสดง เราก็เด็กกิจกรรมจัดไงเลยอยากลงก็เลยไปลงชื่อที่ห้องพี่น้ำแต่ไม่คิดว่าจะเจอพี่เขานะ แต่ปรากฏคือคนที่นั่งเป็นคนให้น้องๆลงชื่อ คือพี่น้ำ ตอนแรกตัวเราก็ยืนอยู่หน้าห้องพี่เขาตั้งนานไม่กล้าเขา จนเพื่อนเดินออกมาจับมือลากเขาไป แต่ตอนนั้นเพื่อนยังไม่รู้นะว่าเราแอบชอบพี่น้ำน่ะ  ตอนแรกเราก็นั่งนิ่งๆต่อแถว แค่คนมาสะกิดนิดเดียวก็สะดุ้งละ แบบตื่นเต้นกระวนกระวายเบาๆ แต่ก็ยังคงมีสติจนถึงตาเราที่ต้องลงชื่อ เหมือนพี่เขาจะยังจำเราไม่ได้ พี่เขามองหน้าเราก่อนจะยื่นกระดาษที่เพื่อนก่อนหน้านี้ลงชื่อไว้หลายคนแล้ว เราก็รีบรับมันมาก่อนจะเขียนชื่อสกุลอย่างแบบติดจรวดมากอ้ะ พอเขียนเสร็จก็กำลังจะลุกขึ้นออกจากห้องแล้วล่ะ จังหวะที่กำลังหันหลังกลับพี่น้ำก็เรียกเราไว้ก่อน น้องครับด้วยความที่แบบตื่นเต้นจัดก็เลยสะดุ้งก่อนจะรีบหันกลับไปหาพี่เขา พี่เขาก็เหมือนจะหัวเราะนิดๆกับท่าทีของเรา ก่อนจะพูดขึ้น ทำไมตกใจแบบนั้นน่ พี่น่ากลัวหรอเขาก็พูดก่อนจะยิ้มให้เราแบบละลายเลยค่ะ เราก็ทำแค่ส่ายหน้าและยิ้มเจื่อนๆให้พี่เขา  พี่เขาก็เลยพูดต่อว่า เรายังไม่ได้เขียนชื่อเล่นเราฟังพี่เขาพูดเสร็จก่อนทำทีจะหยิบกระดาษมาเขียนอีกรอบแต่พี่เขากลับจับกระดาษไว้แล้วก็พูดว่า ไม่เป็น บอกชื่อเรามาสิ พี่เขียนให้เรานี่แบบโอ้บ้ะแบบพูดกระอักกระอ่วนกันเลยทีเดียว ก็บอกชื่อพี่เขาไป และสิ่งที่ไม่น่าเชื่อ สิ่งที่ทำให้เราแทบจะอดเขินไม่ได้ พี่เขาก็พูดบางอย่างขึ้นมา น้องมิน(ขอแทนตัวเองด้วยนามสมมุตว่า มินนะค่ะ) เอ้านี่น้องมินหรอเราถึงกลับเบิกตากว้างเลยนะคือมันทั้งดีใจทั้งตกใจไม่คิดว่าพี่เขาจะจำเราได้จริงๆ ค่ะ มินค่ะพอเราพูดพี่เขาเลยแบบพูดต่อว่า แล้วทำไมไม่ทักพี่เลยอ้ะ”  เรานี่อึ้งเลยแต่ก็คิดในใจนะว่าทำไมเขาไม่ทักเราก่อน ล่ะ เราเป็นผู้หญิงจะให้ทักก่อนได้ไง ตัวเองเป็นผู้ชายหรือเปล่า แต่ก็ช่างมันเถอะพี่เขาจำเราได้แล้วที่นี้ ชีวิตคงสนุกชอบกล  แต่พอช่วงที่ต้องซ่อมการแสดงนี่ก็ทำเราเกร็งมากๆเลยแหละ พี่น้ำชอบแวะมาตรงลานซ้อมบ่อยๆแถมยังชอบมานั่งจ้องเราอีก นี่เราว่าเราไม่ได้คิดไปเองนะ แต่พี่เขาชอบมองแล้วทำหน้าแปลกๆอ้ะ เขาก็ชอบแบบแซวว่าเต้นพริ้วเชียวนะ เราก็แบบทำได้แค่พูดว่า พี่น้ำอ่า พี่น้ำอ่า แล้วจะให้เราพูดอะไรมากกว่านี้ล่ะ แค่เขามองสติสตังก็แทบเลือนหายละ ช่วงมอสามนอกจากจะเรียนหนักแล้วกิจกรรมก็เยอะอีกด้วย ไหนจะต้องเตรียมตัวขึ้นมามอสี่อีก ถือว่างงกับชีวิตมากๆเลย แล้ววันกีฬาสีก็มาถึง วันนี้เราก็แต่งชุดเต้นแต่งหน้าถือว่ามาเต็มมากๆ แต่ถ้าคิดว่าเราเต็มแล้ว รุ่นพี่แต่ละแม่สีนี้มาเต็มอลังการกว่าตั้งเยอะ และคนหนึ่งที่ถือว่าเป็นไฮไลท์ของงานก็คงไม่พ้นประธานสีทั้งสี่สี แล้วไฮไลท์คณะสีปีนี้สำหรับเราคงนี้ไม่พ้นพี่น้ำ พี่น้ำทำเราช็อคอีกแล้วเพราะพี่เขาเต้นหลีดด้วย ชุดและหน้านี่ถือว่าโอ้บ้ะจริงๆ เรานี่ถึงทำมองพี่เขาเต้นด้วยความรู้สึกที่ว่า เราผิดมนุษย์ป่ะวะนี่ ถึงได้ไปชอบผู้ชายที่ออกแนวจะลัลล้าขนาดนี้ วันกีฬาสีเราไม่ได้ถ่ายรูปคู่กับพี่เขานะเพราะว่ารีบกลับบ้านมากเพราะทางบ้านติดธุระ พอกลับไปบ้านตอนกลางคืนเราก็เปิดเฟสเล่น อ่ะตอนนั้นก็มีเฟสแล้วสินะ ก็เล่นๆอยู่แชทมันก็เด้งพี่น้ำเขาก็ทักมาถามว่า ไม่เห็นมาถ่ายรูปกับพี่เลยเราก็เลยพูดว่ารีบกลับบ้าน หลังจากนั้นก็คุยกันเรื่อง สายที่จะเข้า ตอนี้เรารู้แล้วว่าเราอยากจะเข้าสายวิทย์จริงๆ แต่พูดเลยนะว่าจบมอหกมาไม่ได้เข้าคณะที่เป็นทางสายวิทย์เลยค่ะ  พี่เขาก็พูดประมาณว่ามาอยู่ห้องสองนะอะไรแบบนี้ วันเวลาผ่านไปเราก็ได้สายวิทย์จริงๆได้มอสี่ห้องสองด้วยพี่น้ำก็ชอบแวะไปหาที่ห้อง จนเพื่อนๆเริ่มแซวละ แต่ตอนนี้เพื่อนก็ยังไม่รู้อีกนะว่าเราชอบพี่น้ำ ทุกคนก็ทำได้แค่แซว พอเริ่มกับรู้จักพี่น้ำมากขึ้นเรื่อยๆเราก็รู้สึกว่าพี่น้ำเขาดีกับเรามากจริงๆ พี่เขาเป็นที่ปรึกษาที่ดี เขาร่าเริงทำให้คนรอบข้างได้รับความสุขจากพี่เขาด้วย พอยิ่งนานวันเขาความสาวของพี่เขาก็เพิ่มมากขึ้นตามอายุของพี่เขา แต่คือเรารู้แล้วว่าพี่เองมีแฟนเป็นตัวเป็นตนด้วย แฟนก็คือผู้ชายรุ่นพี่นี้แหละ แต่พี่น้ำไม่ได้เปิดเผย พี่เขาบอกแค่คนรู้จักเท่านั้น  แต่นั้นก็ไม่ทำให้เราชอบพี่เขาน้อยลงได้เลย ทุกๆอย่างที่เป็นพี่น้ำมันทำให้เราไม่สามารถเลิกอยู่ใกล้พี่เขาได้เลย จนวันนึงเหมือนความจะแตกเพื่อนสนิทของพี่น้ำเขาเหมือนจะรู้ว่า เราแอบชอบพี่น้ำ ขอแทนชื่อพี่คนนั้น ว่า พี่บีนะค่ะ ด้วยความที่พอรู้จักกับพี่น้ำก็ชอบไปเที่ยวกับพี่น้ำแล้วพอไปก็จะเจอแก้งค์พี่น้ำด้วย แต่ทุกครั้งที่ไปเที่ยวเราก็จะลากเพื่อนเราไปด้วยคนหนึ่งนะ พี่บีเขาก็เหมือนจะรู้ว่าเราชอบ แถมยังเบิ้ลสองเขารู้ด้วยว่าเราเป็นคนเอาดอกมะลิกับโพสอิตสีเหลืองไปวางใต้โต๊ะพี่น้ำทุกวัน พี่เขาคงจะเห็น ใช่เราลืมเล่าเรื่องดอกมะลิกับโพสอิตสีเหลืองให้ฟัง คืออย่าหาว่าเราบ้าผู้ชายหรืออะไรเลยนะ ที่เราทำแบบนั้นเพราะว่า เราคิดว่ามันเป็นปีสุดท้ายแล้วที่เราจะได้เจอพี่เขา เพราะพี่เขาก็มอหกแล้วด้วย ส่วนดอกมะลิ ดอกมะลิเป็นดอกไม้ที่เราชอบแล้วที่บ้านเราปลูก เรามักจะนำดอกมะลิสองถึงสามดอกไปวางใต้โต๊ะพี่เขาตอนเช้าพร้อมทั้งโพสอิตที่เขียนอวยพร เขียนถึงพี่เขาต่างๆมากมาย เราทำแบบนั้นประมาณสี่ถึงห้าเดือนเลยนะจนถึงวันที่พี่เขาจบเลยล่ะ พี่น้ำก็เคยเอาเรื่องเจ้าของดอกมะลิกับโพสอิตมาเล่าให้ฟังนะ แต่เราเราก็เนียนบอกว่า คงเป็นเด็กผู้ชายแอบชอบพี่น้ำล่ะมั้ง พี่เขาก็บอกว่าถ้าทำขนาดนี้มาบอกพี่นะพี่ยอมเลิกกับแฟนมาคบกับคนนั้นเลย ถึงพี่เขาจะพูดติดตลกแต่มันก็ทำให้เราถึงกับยิ้มออกมาเลยนะ มาเรื่องพี่บีต่อ พี่บีเขามาถามว่า เราชอบพี่น้ำหรอ แต่เราก็ทำเป็นปฎิเสธ แต่เหมือนพี่เขาก็ไม่เชื่อก็เค้นเราจนเรายอมบอกความจริง พี่บีเขาดีกับเรานะ พี่บีเป็นพี่สาวอีกคนนึงที่เราชอบเราสนิทด้วย พี่เขาก็รับปากว่าเรื่องนี้พี่น้ำไม่รู้แน่นอนแต่ก็พูดประมาณว่าถ้าน้ำรู้งี้น้ำมันคงจะดีใจที่เป็นมิน เราก็บอกพี่เขาว่าปล่อยให้เป็นแบบนี้แหละ แบบนี้เราคิดว่ามันดีกับเราทั้งสองคนมากกว่านะ สรุปก็คือเรื่องที่เราชอบพี่น้ำก็มีแค่พี่บีรู้ พอจนวันที่เป็นกิจกรรมอำลาพี่มอหกก็มาถึง กิจกรรมนี้เป็นกิจกรรมที่น้องจัดให้พี่มอหกที่กำลังจะจบ เราคิดว่าวันนี้จะเป็นวันที่เราสารภาพบอกชอบพี่เขาไปนะ แต่ความคิดนั้นมันก็ไม่ได้พูดออกไปแม้สักอย่างเดียว เพราะประโยคๆหนึ่งที่พี่เขาพูดตอนเราเอาของขวัญไปให้ว่า พี่ดีใจนะที่มีเราเหมือนน้องสาวประโยคนั้นทำเราแบบพูดไม่ออกเลย ที่ผ่านมาคือพี่เขารักเราแบบน้องสาวจริงๆ ทุกๆครั้งที่พี่เขามีปัญหาพี่น้ำก็บอกว่าก็ได้เรานี้แหละที่ช่วยมันหรือทำให้มันดีขึ้น เราเป็นน้องสาวที่น่ารักมากๆ ชอบให้ขนมพี่เขาอะไรแบบนี้น่ะค่ะ แล้วพี่เขาก็กอดเรา เข้าใจใช่ไหมค่ะกอดแบบพี่กอดน้อง กอดแบบผู้หญิงกอดผู้หญิงแล้วก็บอกว่า พี่จะกลับมาหาเราบ่อยๆประมาณนี้อ้ะค่ะ เราก็อั้นน้ำตาอยู่ตั้งนาน คือมันซึ้งด้วยแล้วก็รู้สึกดีที่พี่เขามีความรู้สึกดีๆให้เรา พอหลังจากพี่เขาจบไปพี่เขาได้มหาวิทยาลัยต่างจังหวัดค่ะ ทำให้ต้องย้ายไปเรียนที่นั้น ไปอยู่หอที่นั้น ตอนเราขึ้นม5 ก็ยังได้คุยกับพี่เขาผ่านเฟสอยู่นะค่ะ แต่เหมือนเรากิจกรรมก็เยอะ เรียนก็หนักเลยทำให้คุยกันน้อยลง จนเวลาผ่านไปเราเรียนจบมอหก แล้วดันติดมหาวิทยาลัยเดียวกับพี่น้ำ คณะเดียวกัน แต่คนละสาขา คือหลายคนอาจจะต้องคิดแน่ๆเลยว่าเราเรียนทางด้านนี้เพื่อจะนำไปสอบเข้าคณะนี้เพื่อเข้าคณะเดียวกับพี่น้ำหรือเปล่า จริงๆอาจเป็นส่วนหนึ่งน่ะค่ะ แต่ใจจริงเราคิดว่าคณะนี้เหมาะสำหรับเราที่สุดแล้ว พอพี่น้ำรู้เขาเลยโทรมาหาเราถามแบบติดจริงๆหรอ น้ำเสียงเขาดีใจมากๆอ้ะค่ะ เขาบอกว่าทีนี้ก็ได้อยู่ใกล้ๆกันสักที พี่น้ำเป็นแบบนี้เสมอล่ะค่ะ แต่ละคำพูดนี้ทำเราคิดไปเองได้เสมอ พอหลังจากนั้นก็เป็นเด็กปีหนึ่งเต็มตัว ย้ายไปอยู่หอเรียบร้อย แต่อยู่หอนอกน่ะค่ะ พี่น้ำมันยุให้ไปอยู่หอนั้น แล้วเหมือนได้มาเจอพี่บีด้วยค่ะเพราะพี่บีก็ติดมหาลัยนี้ ส่วนรูมเมทเราเป็นเพื่อนจากเพื่อนต่างห้อง เรานี้ถือว่าโชคดีนะเจอเพื่อนดีด้วย ตอนปีหนึ่งเข้ามาก็ยังปรับตัวไม่ค่อยทัน เรียนก็แบบงูๆปลาๆ แต่ก็ได้เพื่อนช่วย รวมถึงพี่น้ำด้วย พี่น้ำชอบเอาสมุดเล็กเชอร์พี่พี่เขาเรียนตอนปีหนึ่งมาให้อ่านเสมอ แล้วก็ชอบมาติวให้เสมอด้วยถ้าถามว่าตอนนี้ยังชอบพี่น้ำอยู่ไหม  ความรู้สึกมันก็เหมือนเดิมแต่ก็ไม่ได้รุนแรงขนาดนั้น ด้วยความที่เราสนิทกับพี่น้ำมากขึ้น มุมมองหลายมุมมอง โตขึ้นได้เจอคนมากมาย ความรู้สึกก็เหมือนจะแตกต่างออกไป หลังจากนั้นไม่นานเราก็มีแฟนอยู่คนละคณะ พี่น้ำก็รู้จักแฟนเราเพราะแฟนเราเรียนอยู่ปีเดียวกับพี่น้ำ ปีสาม แถมยังชอบแซวเราอีกว่าแฟนแกอ่ะแซ่บนะ พอมีแฟนก็เหมือนจะคุยกับพี่น้ำน้อยลงเพราะก็ต้องคุยกับแฟนถูกใช่ไหม แล้วเหมือนมีอยู่วันหนึ่งพี่น้ำก็มาเตือนเราว่าแฟนเราเหมือนจะนอกใจไปคบกับพี่ปีสอง เราก็บอกพี่น้ำแบบคงไม่มีไรหรอก แล้วพอหลังจากนั้นไม่นานแฟนเราก็มาขอเลิกแล้วเราก็รู้ทีหลังว่าตอนที่เขายังคบกับเราเขาก็คบซ่อนกับพี่ปีสองจริง ตอนที่เขาขอเลิกเรานี่อึ้งพูดไรไม่ถูก เพราะเราไม่คิดว่าสิ่งที่พี่น้ำพูดจะเป็นความจริง แล้ววันที่เขามาขอเลิกพอดีตอนนั้นเราเลิกเรียนพอดี ก็เลยเดินออกจากเขาไม่พูดอะไร คือไม่รู้จะร้องไห้ดีไหม แต่ความรู้สึกคือมันเศร้า ตอนนั้นทั้งช็อคทั้งเสียใจ เพราะเขาก็คือแฟนคนแรก ไม่คิดว่ามันจะเจ็บแบบนี้ ไม่คิดว่าจะเจอสถานการณ์แบบนี้กับตัวเอง ตอนนั้นก็สติแตกพอสมควร ก็เลยพาตัวเองไปร้านคาเฟ่กาแฟร้านแถวมหาลัยที่ไปเป็นประจำ สั่งโกโก้ปั่นมานั่งดูดประมาณสามถึงสี่แก้ว จนพอถึงแก้วที่สี่ พี่น้ำก็วิ่งตื่นมาในร้านคาเฟ่ เหมือนพี่เขาจะรู้สถานการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น พี่เขาก็นั่งลงข้างแต่เราก็ไม่พูดอะไร แล้วพี่เขาก็เลยเริ่มพูดขึ้นก่อน ขอจำลองบทสนธนานิดนึง

    พี่น้ำ---แกอกหักแล้วกินโกโก้ปั่นหรอ เดี๋ยวก็อ้วนอ้ะ

    เรา— คงงั้นมั้ง มินน่าจะเชื่อพี่ตั้งแต่ตอนนั้น (เราก็พูดๆจนแบบอั้นน้ำตาไม่ไหว จนน้ำตาไหลจนร้องไห้ออกมาพี่เขาก็คงตกใจแหละเพราะว่าตั้งแต่รู้จักกันมาพี่เขาไม่เคยเห็นเราร้องไห้เลย พี่เขาก็ตกใจไม่พูดอะไรก็ทำได้แค่ปลอบๆเราด้วยการลูบหัว รู้ไหมขนาดในตอนที่ตัวเองอกหัก ความรู้สึกที่มันจี้ดตรงหัวใจในทุกครั้งที่พี่น้ำทำแบบนี้มันก็ยังเหมือนเดิม แค่พี่น้ำปลอบทุกอย่างมันก็เหมือนจะดีขึ้น )

    พี่น้ำ—เลิกร้องไห้ได้แล้ว แกทำให้พี่จะร้องไห้ตามแกนะ แกตลกอ้ะ ดูดิอายไลเนอร์เหยิ้มเลย พี่บอกกี่ครั้งแล้วว่าให้ซื้อแบบกันน้ำอ้ะ (พอพี่น้ำพูดจบก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ พี่แกนอกจากจะพูดไม่พอยังทำหน้าตาตลกอีก)

    แปลกเหมือนกันนะมีแฟนคนแรกอกหักครั้งแรกแต่กลับไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดขนาดนั้น เพราะแค่เห็นหน้าพี่น้ำทุกอย่างที่เจ็บปวดมันก็เหมือนถูกซ่อมแซมให้ดีขึ้น เรานั่งคุยกันในร้านคาเฟ่อยู่นาน ด่าแฟนเก่าของตัวเองแบบเสียหายมาก ดีนะที่วันนั้นคนไม่ค่อยมี พอเราคุยกันเสร็จพี่น้ำก็เดินมาส่งที่หอพัก แล้วระหว่างทางไม่รู้ตัวด้วยว่าเผลอไปจับมือกันตอนไหน เหมือนพี่น้ำจะคว้ามือเราให้ลุกจากเก้าอี้ แล้วก็เดินจับมือกันมาตลอดทางกลับหอ พี่น้ำไม่คิดอะไรหรอกเรารู้ แต่เรานี้สิหัวใจนี้แบบจะหลุดออกมาเต้นข้างนอกอยู่แล้ว พี่น้ำก็พูดในตอนที่เราสองคนยังจับมือกันอยู่ พูดว่าเข้มแข็งด้วย ผู้ชายในสต็อกของพี่แกยังมีเยอะ เดี๋ยวจะพามาดามหัวใจอะไรแบบนี้ เราก็ทำแค่ยิ้มเจื่อนๆ จังหวะนั้นเราสองคนก็ถูกเรียกจากผู้ชายคนนึงที่อยู่ข้างหลัง พอพี่น้ำเห็นผู้ชายคนนั้นก็รีบปล่อยมือออกจากเราอย่างรวดเร็ว ก่อนจะบอกให้เราขึ้นหอไปพักผ่อนได้แล้ว เราก็จำใจต้องเดินเข้าหอมาแต่ก็ยังคงหยุดมองสองคนคุยกัน คนนั้นคงจะเป็นแฟนของพี่น้ำแน่ๆ เขาคุยกันด้วยสีหน้าไม่ค่อยดีก่อนที่พี่น้ำจะขึ้นรถไปกับเขา งงเหมือนนะพอเห็นว่าพี่น้ำอยู่กับแฟนเขามันก็อดที่จะรู้สึกแบบนั้นไม่ได้ และนั้นล่ะเป็นสิ่งที่ทำให้เรารู้ตัวว่า เรายังเลิกชอบพี่น้ำไม่ได้อยู่ดี พอขึ้นมาบนห้องก็เหมือนจะร้องไห้ต่อ แต่สาเหตุที่ร้องไห้ไม่ใช่เพราะอกหัก แต่เป็นเพราะพี่น้ำต่างหาก หลังจากวันนั้นก็ไม่ค่อยได้เจอแฟนเก่าสักเท่าไร ต่างคนก็ต่างมีชีวิต และแปลกมากที่เราทำใจได้เร็วจนคนรอบข้างถามเป็นเสียงเดียวกัน ความสัมพันธ์เรากับพี่น้ำก็เท่าเดิมมาตลอด จนวันนึงเป็นวันที่ค่อนข้างพีคมากเลยล่ะ พี่น้ำประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ จนเข้าโรงพยาบาล วันนั้นเราเรียนอยู่คือพอพี่บีโทรมาบอกคือช็อคเรียนไม่รู้เรื่องและวันนั้นคือดีมากที่เราเรียนแค่ครึ่งวันแล้ววันนั้นเป็นคาบสุดท้ายของวัน พอเรียนเสร็จก็คือวิ่งออกจากมหาลัยต่อรถไปที่โรงพยาบาลทันที พี่บีก็โทรมาบอกว่าออกจากห้องฉุกเฉินแล้ว อยู่ที่ห้องผ่าตัด อยู่ห้องผ่าตัดอ้ะพอใครได้ยินก็ช็อคดิ มันไม่รู้เลยว่าพี่เขาปลอดภัยหรือเปล่า พ่อกับแม่ของพี่น้ำพอรู้เรื่องก็รีบขับรถมาเลย แต่ดีนะที่มหาลัยที่เราเรียนเป็นจังหวัดที่ไม่ค่อยไกลจากกรุงเทพมากนัก แม่พี่น้ำคงเป็นห่วงมากร้องไห้ออกมาหนักพอสมควร พ่อพี่น้ำก็เลยช่วยปลอบเธอ พี่บีบอกว่าพี่น้ำนั่งรถไปกับแฟนเขา แต่ไม่รู้เกิดอะไรขึ้น เหมือนจะชนกับรถยนต์ที่เลี้ยวมาอีกทางก็เลยชนกัน เรานั่งรอหน้าห้องผ่าตัดนานมากเลยนะเท่าที่จำได้ เดินไปนั่งข้างแม่พี่น้ำพยายามปลอบว่าพี่เขาต้องปลอดภัย กุมมือแม่เขาไว้ทั้งๆที่ตัวเองข้างในมันจะระเบิดออกมาอยู่แล้ว แต่มันต้องไม่ร้องไห้ให้ใครรู้ จนเวลาผ่านไปหมอก็เดินออกมา บอกว่าพี่น้ำปลอดภัย เหมือนในทีวีเลย พี่เขากระดูกหักที่แขนคือต้องเข้าเฝือก แขนข้างซ้ายแต่รายละเอียดที่หมอบอกคือจำไม่ค่อยได้เลย คือมันเบลอมากคือรู้อย่างเดียวคือพี่ปลอดภัยมันก็ดีมากแล้ว หลังจากนั้นหมอก็ย้ายพี่น้ำไปห้องพักเดี่ยวปกติ แต่พี่น้ำยังคงหมดสติอยู่ พี่บีก็ยังคงนั่งอยู่กับเรา พ่อกับแม่พี่น้ำก็นั่งอยู่ข้างๆเตียง เรานั่งเงียบกันอยู่นานก่อนที่พ่อของพี่น้ำจะถามขึ้นว่า ผู้ชายที่ขับรถเป็นใคร จริงๆเราตกใจกับคำถามของพ่อของพี่น้ำนิดหน่อยนะ เหมือนพ่อพี่น้ำไม่รู้จักแฟนของพี่น้ำ และเหมือนว่าพ่อกับแม่พี่น้ำจะยังไม่รู้ว่าพี่น้ำเป็นอะไร เราสองคนเงียบกันอยู่นานมากจนพ่อเขาเค้นจนพี่บีต้องพูดความจริง สังเกตเลยว่าพ่อกับแม่ของพี่เขาตกใจมากนะที่รู้ว่าลูกชายเพียงคนเดียวของเขามีแฟนเป็นผู้ชาย พี่บีก็พยายามอธิบายให้ท่านทั้งสองเข้าใจว่าเขาสองคนรักกันจริงคบกันมาสี่ปีแล้ว และเขาก็รักกันมากจริงๆ คำว่ารักมากจริงๆมันทำให้เราจี้ดอีกแล้วล่ะ พ่อกับแม่ของพี่น้ำก็แสดงออกเหมือนพยายามที่จะเข้าใจ แต่สีหน้าที่ช็อคซ่อนไม่ได้อยู่ดี พี่น้ำเป็นลูกชายคนเดียวของเขา กับการที่ลูกชายของตัวเองคบกับผู้ชายด้วยการเป็นใครก็ต้องตกใจเป็นธรรมดา แต่เราว่าด้วยยุคสมัยที่เพิ่มขึ้น เราเริ่มปรับตัวอยู่กับสิ่งพวกนี้ มองเป็นสิ่งที่ธรรมดานะ เพราะคนเรามีสิทธิ์เลือกที่จะรักใครก็ได้ ความรักมันไม่ได้มีเหตุผลที่ตายตัวว่าคนที่เรารักต้องเป็นเพศตรงข้ามเสมอไป มันเป็นใครก็ได้ที่เรารักเขาและเขาก็รักเราเหมือนกัน พร้อมที่จะอยู่ด้วยกันทั้งเวลาสุขและทุกข์ พร้อมก้าวผ่านเรื่องราวที่ผ่านเข้ามาในชีวิตด้วยกัน พี่น้ำฟื้นขึ้นมาในตอนเย็น ตอนนี้พี่บีกลับไปที่หอเพราะติดธุระ ส่วนเราก็อยู่กับรูมเมทและเพื่อนของพี่น้ำอีกหนึ่งคนในห้องพักผู้ป่วย พ่อกับแม่พี่น้ำยังคงเป็นห่วงพี่น้ำแม้ว่าพี่น้ำจะฟื้นแล้ว เราที่นั่งอยู่ตรงโซฟาลุกขึ้นเดินไปข้างเตียงที่พี่นอนห่างๆ แล้วคำแรกที่พี่เอ่ยขึ้นมันก็ทำให้เราไม่ค่อยอยากได้ยินเท่าไร พี่ปาล์ม (ขอใช้นามสมมุตแฟนพี่น้ำว่า ปาล์มน่ะค่ะ)อยู่ไหนพี่น้ำพูดขึ้นตอนที่เขาตื่นขึ้น แม่พี่น้ำบอกว่าเขาปลอดภัยดีแต่อาการหนักกว่าพี่น้ำเพราะแขนและขาหักเข้าเฝือกเหมือนกัน หัวก็กระแทกแรงจนหัวแตกต้องเย็บ ตอนนี้ฟื้นแล้ว พี่เขาดูแข็งแรงมากเลยล่ะ เพราะเราก็เข้าไปดูอาการเขาเหมือนกัน  พี่น้ำที่รู้ว่าเขาปลอดภัยแต่เขาก็ทำเหมือนจะร้องไห้อยู่ดี  แต่แม่พี่น้ำก็บอกว่าเขาต้องพักผ่อนไม่ต้องคิดมาก สักพักพี่น้ำก็หลับไปอีกรอบ เราอยู่อีกไม่นานก็กลับเพราะมันก็สี่ทุ่มกว่าแล้ว แม่กับพ่อของพี่เขากล่าวขอบคุณที่เป็นห่วงลูกชายเขา วันนี้แม่ของพี่น้ำมานอนเฝ้าเองส่วนพ่อของเขากลับบ้านไปแล้ว เรากลับบ้านไปพร้อมพี่บีที่ขับรถมารับ วันต่อมาเราก็ไปซื้อโจ้กสองถุงไปฝากแม่กับพี่น้ำ ก่อนจะออกมาเรียนทั้งๆที่ยังไม่ได้ทักพี่น้ำเลยเพราะเขายังหลับอยู่ เราก็เลยบอกแม่ของพี่น้ำว่าจะมาหาตอนเย็นนะ แล้วคือตอนเย็นเราก็มานะแล้วก็เห็นเหตุการณ์ที่เราก็ตกใจเหมือนกัน พ่อเหมือนจะทะเลาะพี่น้ำแล้วพี่น้ำก็ร้องไห้ออกมา เราจำได้ว่าพ่อพี่น้ำพูดประมาณว่า มีอะไรทำไมไม่บอกพ่อ ผู้ชายคนนั้นคือใคร ไว้ใจได้หรอ ทะเลาะกันใช่ไหมถึงได้รถชน เรายืนฟังจนไม่กล้าเดินเข้าห้องไปเลยล่ะ ไม่อยากเข้าไปเจอพี่เขาในสภาพนั้น เราก็เลยกลับบ้านมา พี่บีเขาโทรมาบอกว่าพ่อกับแม่ของพี่น้ำกลับกรุงเทพไปแล้ว เพราะเพื่อนพี่น้ำอาสาจะเฝ้าให้ สงสารพี่เขาเหมือนกันนะประสบอุบัติเหตุแถมยังต้องมารับรู้เรื่องที่พ่อแม่รู้ความลับของเขาอีก วันต่อมาเราเลยเก็บดอกมะลิหน้าหอ โชคดีมากเลยแหละที่หน้าหอปลูก พร้อมกับโพสอิตสีเหลืองที่เขียนว่า หายเร็วๆนะพี่น้ำ ไม่ต้องคิดอะไรมาก ก่อนจะนำมันไปวางในห้องของพี่น้ำ เพื่อนพี่น้ำยังคงหลับอยู่ พี่น้ำก็หลับอยู่เหมือนกัน เราก็เลยถือโอกาสนี้แอบเอาไปวางไว้หัวเตียง อันที่จริงเราก็ไม่ตั้งใจให้ใครรู้หรอกว่าเป็นเรา วางเสร็จก็รีบวิ่งออกมาทันที เพราะกลัวว่าพี่น้ำจะตื่นขึ้นมาเจอ พอเลิกเรียนก็มาเยี่ยมพี่น้ำอีกอีกแต่เห็นว่าเพเอนพี่น้ำอยู่เต็มห้องเลยไปทำการบ้านที่ร้านกาแฟข้างล่างโรงพยาบาลและก็ได้เจอกับพี่บี พี่บีก็แอบแซวเรานะว่า เจ้าดอกมะลิมันกลับมาอีกแล้วหรอเราก็บอกว่าเผื่อพี่น้ำเห็นจะโอเคขึ้น พี่บียังเล่าให้เราฟังอีกว่าที่เกิดอุบัติเหตุเพราะพี่สองคนทะเลาะกันจริงๆ แล้วพี่ปาล์มไม่ทันมองรถที่เลี้ยวมาเลยชนกันเต็มๆ แต่สาเหตุที่ทะเลาะกันไม่ทราบแน่ชัด พอเราได้ยินแบบนั้นก็เลยไม่พูดอะไรต่อรอเวลาจนเพื่อนพี่เขาทยอยกันกลับบ้านกัน พอขึ้นไปข้างบนหอพักเพื่อนพี่น้ำที่มาเฝ้าก็บอกว่าพี่น้ำลงไปนั่งเล่นที่สวนหย่อม เหตุการณ์นี้ก็ถือว่าพีคสุด ขอจำลองสถานการณ์นิดนึง

    เรา—ไง เสียศูนย์หรอ (เราย่องไปข้างหลังแต่ไม่เห็นหน้าพี่น้ำหรอกว่าเขาอยู่ในโหมดไหน ปรากฏเขาอยู่ในโหมดเศร้า คราบน้ำตายังไม่หาย เราก็อึ้งดิ) เห้ยเป็นอะไรพี่น้ำ

    พี่น้ำ— โอเค ไม่เป็นไรแล้ว

    เรา—ไหนบอกเป็นพี่น้องกันจะบอกทุกเรื่องไง (เราก็ถามต่อนานเลยนะกว่าพี่น้ำจะยอมพูด)

    พี่น้ำ— พ่อกับแม่เหมือนจะไม่เข้าใจเรื่องของพี่ว่ะ แล้วพี่ก็ดันทะเลาะกับพี่ปาล์มด้วย ทำไงดีมิน (พี่น้ำกลั้นน้ำตาไม่ได้อีกเขาเลยปล่อยโฮออกมา นี้เป็นครั้งแรกที่เห็นพี่น้ำร้องไห้ พี่เขาดูเจ็บปวดมาก แล้วคิดว่าเราที่นั่งข้างๆเขา คนที่ชอบเขามากต้องมาเห็นเขาในสถานการณ์แบบนี้มันก็ทำอะไรไม่ถูก น้ำตาที่กลั้นมาตั้งแต่วันแรกที่พี่เข้าโรงพยาบาลก็ไหลออกมาพร้อมกับความรู้สึกที่เป็นห่วงพี่น้ำด้วย ฉันทำได้แค่ไม่พูดอะไรมากไปกว่านี้เลยทำได้แค่ลูบไหล่เขาเบาๆ มากกว่านี้ก็เกินหน้าเกินตาไปเขาเป็นผู้หญิงต้องรักษาระยะห่างนิดนึง แต่มันก็ไม่ได้ห่างเสมอไปเพราะตอนนั้นพี่น้ำคงต้องการที่พักจริงก็เลยกอดเราพร้อมๆกับร้องไห้ออกมาจนน้ำตาชุ่มเสื้อเราไปหมด นานเลยนะที่เราอยู่แบบนั้น จนเราต้องชวนพี่เขาคุยให้พี่เขาสบายใจขึ้น)

    เรา— เลิกร้องไห้ก่อนน้า ร้องไห้เดี่ยวหน้าบวมนะ

    พี่น้ำ—ตอนนี้พี่ว่าก็บวมอยู่แล้วป่ะ แปลกว่าอยู่กับเราแล้วพี่รู้สึกดีขึ้นมากๆเลย ขอบใจมากนะที่อยู่เป็นเพื่อนพี่

    เรา—ไม่ต้องมาดราม่าเลย ยิ้มๆ พี่น้ำต้องยิ้มเยอะๆ

    พี่น้ำ— ใครจะยิ้มลงอะ เออแต่เราอ่ะพี่เข้าโรงพยาบาลมาสามวันละ ทำไมพึ่งมาเยี่ยมพี่ พี่ไม่มีความสำคัญอ้ะดิ

    เรา— แหม มินมาหาพี่ทุกวันเลยนะ แต่พี่อ่ะแหละขี้เซา มินไปหานะพี่หลับทุกทีเลย

    พี่น้ำ— ก็มันเพลียดูดิ หมอบอกว่าพี่ต้องเข้าเฝือกตั้งสามเดือน คงทำไรลำบากแน่เลย เราต้องมาเทคแคร์พี่ด้วย

    เรา— อะไรแฟนเธอล่ะ

    พี่น้ำ— ทะเลาะกันอยู่อีนี้ เออมินเจ้าของดอกมะลิที่พี่เคยเล่าให้ฟังมันกลับมาอีกแล้วว่ะ (พอพี่น้ำพูดแบบนั้นเราถึงกะสะดุ้งเลยนะ พี่เขาคงเห็นสิ่งที่เรานำไปให้แล้วแน่ๆ)

    เรา— เอ้าหรอ

    พี่น้ำ— ใช่อ้ะดิ้ ตอนที่ตื่นมาก็เจอดอกมะลิกับโพสอิตแต่ไม่พบคนให้ พี่ว่าเขาต้องเรียนมหาลัยเดียวกับพี่แน่เลย

    เรา— ถ้าพี่เจอเขาพี่จะทำยังไง (เราหลอกถามพี่เขาเล่นๆ แต่พี่เขาดูซีเรียสขึ้นมา)

    พี่น้ำ— พี่ก็คงบอกขอบคุณเขา ขอบคุณที่ส่งดอกมะลิกับโพสอิตมาให้พี่ตั้งนาน มินรู้ป่ะทุกทีที่พี่เห็นมันพี่รู้สึกดีมากๆเลยนะ กับการที่มีคนรู้สึกเป็นห่วงเรา มันทำให้ตัวเองรู้สึกมีค่า และถ้าพี่เจอเขาพี่ก็จะขอคบเขา555

    เรา—หลายใจว่ะ (พอได้ยินแบบนั้นเราก็ยิ้มเลยแหละ แต่ก็ต้องเก็บอาการอีกตามเคย)

    พี่น้ำ— ดึกแล้วกลับหอไปเดี๋ยวเดินไปส่ง

    แล้วพอหลังจากนั้นพี่น้ำก็เดินไปส่งที่ประตูทางออก พี่น้ำพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลเกือบสองอาทิตย์ วันที่พี่เขากลับมาหอเราก็อยู่นะ พ่อกับแม่พี่น้ำดูสีหน้าขึ้น ดูเหมือนทุกอย่างจะดีขึ้นด้วย คาดว่าครอบครัวคงจะได้คุยกันแล้ว พี่น้ำอาการดีขึ้น พี่ปาล์มเองก็ดีขึ้นกลับกรุงเทพไปพักรักษาตัวต่อด้วย พี่น้ำต้องใส่เฝือกไปเรียน เป็นเวลาลาสามเดือน  สามเดือนนี้ก็เหมือนเดิมเราเรียนหนักเหมือนกัน แต่ก็ยังมีเวลาไปเที่ยวน้า พอสอบเสร็จช่วงนี้ก็ปิดเทอมแล้ว เหตุการณ์ต่อมาคือการไปเที่ยวที่สร้างความจำที่ไม่ดีเท่าไรอีกแล้ว พี่น้ำบอกว่าจะไปเที่ยวกับพี่ปาล์ม พี่ปาล์มบอกพี่น้ำว่าให้ชวนเราไปด้วย เราไปเที่ยวตามปกติ ไปซื้อของ การที่ได้เห็นพี่น้ำตอนอยู่กับพี่ปาล์มนี่ก็เป็นความรู้สึกที่ต่างออกไปเหมือนกันนะ พี่น้ำดูมีความสุขมากๆ จนตอนที่เราสามคนไปกินข้าวกัน แล้วพี่น้ำเขาขอไปเข้าห้องน้ำ พี่ปาล์มก็ถามคำถามที่เราแปลกใจมากๆ มินกับน้ำเป็นอะไรกันหรอเรานี้แทบจะพ่นข้าวออกมาเลยแหละแต่ก็ตอบคำถามนั้นไปด้วยหน้าที่นิ่งๆ มินกับพี่น้ำ เรารู้จักกันตั้งแต่เรียนมัธยมน่ะค่ะ พี่น้ำเป็นพี่ที่ดีเราเลยสนิทกันน่ะค่ะพี่ปาล์มยังคงแสดงสีหน้านิ่งๆเหมือนเดิมก่อนพูดขึ้น มิน ช่วยเลือกยุ่งกับน้ำได้ไหม พี่พูดตามตรงนะ พี่ไม่ค่อยชอบตอนเห็นเธอสองคนอยู่ใกล้กัน มันมากเกินไปน่ะ”  พอพี่เขาพูดเราก็พูดไม่ออกสิ พี่เขารู้หรอว่าเรารู้สึกยังไงกับพี่น้ำ เราเลยพูดต่อ แต่พี่ก็รู้หนิค่ะ ว่าพี่น้ำเขาชอบผู้ชายพี่ปาล์มก็พูดอีก ถ้าเป็นมิน มินจะทนได้หรอถ้าเห็นคนที่เรารัก ดูมีความสุขกับคนอื่นมากกว่าแฟนของตัวเองพอฟังแบบนั้นเราก็รู้นะว่าพี่ปาล์มหึง พี่ปาล์มพูดขึ้นอีก ครั้งที่แล้ว ที่ทะเลาะกันก็เพราะมิน”  พอรู้ว่าตัวเองเป็นสาเหตุเราก็ไม่สามารถทนนั่งกินข้าวได้อีก ก็เลยขอตัวกลับมาก่อน และยังไม่ทันอยู่ตอนพี่น้ำกลับมาเลย ในใจก็ถามตัวเองนะว่าเราผิดหรอที่อยากอยู่ใกล้คนที่เรารักและพยายามรักษาระยะห่างให้มากที่สุด แล้วที่งงคือสรุปเราเป็นสาเหตุให้เขาสองคนทะเลาะกันอีก สาเหตุก็คือการที่พี่น้ำดูสนิทกับเรามากเกินไป หลายอาทิตย์เลยนะที่พยายามไม่ไปให้พี่น้ำเห็นหน้า หลบตลอด พีน้ำโทรมาไม่ยอมรับ จนพี่น้ำให้พี่บีมาถามว่าเราเป็นอะไร แต่เราก็บอกว่าพี่บีว่าเรากลับกรุงเทพ พี่บีรู้เรื่องทั้งหมดนะ พี่บีดูเข้าใจเรานะ พอวันนึงเหมือนฟ้าก็กลั่นแกล้งดันเจอกับพี่น้ำหน้าห้อง เพราะพี่น้ำมาดักรอ จะวิ่งเข้าห้องก็ไม่ทันแล้ว พี่น้ำไม่ให้เราไปแน่นอน สีหน้าเขาดูไม่ดีเลยนะ เขาถามประมาณว่าทำไมต้องโกหกพี่ว่ากลับกรุงเทพเป็นอะไร แล้วตอนที่ไปกินข้าวกันกลับบ้านก่อนทำไม วันนั้นเกิดอะไรขึ้น เราก็ยิ้มตอบแบบว่าไม่มีอะไรหรอกพี่คิดไปเอง แต่พี่เขาก็ไม่หยุด ต้องจำลองสถานการณ์อีกแล้ว

    พี่น้ำ—เพราะพี่ปาล์มหรอ

    เรา—ไม่ใช่หรอกค่ะ

    พี่น้ำ— พี่คุยกับพี่ปาล์มแล้ว พี่รู้แล้วนะมิน  พี่ขอโทษแทนพี่ปาล์มนะ แต่มินเลิกหลบหน้าพี่สักที พี่ไม่ชอบให้เป็นแบบนี้

    เรา—งั้นพี่คงเข้าใจเหตุการณ์ทั้งหมดใช่ไหมค่ะ งั้นพี่น้ำก็ควรจะเข้าใจ มินไม่อยากเป็นต้นเหตุ

    พี่น้ำ— มินไม่ใช่ต้นเหตุ

    เรา— แล้วครั้งที่แล้วที่รถชนก็เพราะมิน มินไม่อยากให้พี่ต้องมาเจ็บตัวและไม่อยากให้พี่สองคนรู้สึกไม่ดีต่อกัน

    พี่น้ำ— แต่มินก็ไม่ควรหลบหน้าพี่แบบนี้ใช่ไหม เหมือนเดิมไงมิน

    เรา— มินวางตัวไม่ถูกแล้วพี่น้ำ (เราเหมือนจะทะเลาะกับพี่น้ำอยู่แล้ว เราเลยตัดสินใจที่จะจบบทสนธนาด้วยการเข้าห้องไปแต่ประโยคต่อมามันทำให้เราเดินไม่ไหวเลยล่ะ)

    พี่น้ำ— พี่ไม่อยากเสียมินไปนะ พี่ขอโทษนะที่ไม่เคยรู้เรื่องอะไรเลย เป็นมินทุกครั้งเลยที่อยู่กับพี่ เจ้าของดอกมะลิกับโพสอิตคือมิน ถ้าต้องเสียมินไปมันคงจะต้องรู้สึกไม่ดี (เราพอได้ฟังแบบนั้นก็ตกใจที่ในที่สุดพี่เขาก็รู้ความจริงจนได้ ปิดไม่ได้อีกต่อไป พี่น้ำก็ร้องไห้ออกมา เราเองก็ร้องไห้ออกมา)

    เรา— ปิดไม่ได้แล้วสินะ พี่บีคงบอกพี่น้ำหมดแล้ว

    พี่น้ำ— ไม่ใช่บีหรอกมิน วันนั้นที่มินเอาดอกมะลิมาให้พี่ไม่ได้หลับ พี่เห็นว่าเป็นมินพี่ทำอะไรไม่ถูก แต่พี่กลับรู้สึกดีที่เป็นมิน

    เรา— พี่น้ำ ทีนี้พี่เข้าใจมินแล้วใช่ไหม ว่ามินรู้สึกยังไง มินพยายามแล้วที่จะไม่แสดงออก แต่พอมาเจอแบบนี้มินทำตัวไม่ถูกแล้วพี่น้ำ มินไม่รู้ว่าจะมองหน้าพี่ยังไง มองหน้าพี่ปาล์มยังไง แล้วเราจะเป็นเหมือนเดิมได้หรือเปล่า

    พี่น้ำ— พี่เข้าใจๆ ขอบใจนะที่เป็นมิน  แต่พี่ขอโทษที่ไม่สามารถรักมินแบบนั้นได้ แต่สำหรับมินมินยังเป็นน้องสาวที่พี่รักและไม่อยากเสียไป มินรู้ใช่ไหม

    เรา— มินรู้ค่ะ แต่พี่น้ำให้เวลามินหน่อยนะ

    เราร้องไห้ก่อนจะเดินเข้าห้องไปในห้องวันนั้นเป็นวันที่เราร้องไห้หนักแบบหนักอลังการมากเลยนะ พี่บีเข้ามาปลอบ เพื่อนมาปลอบก็ยังไม่เลิกร้อง เราเป็นซอมบี้อยู่ตั้งหลายวันจนเริ่มกลับเข้าสภาวะปกติเหมือนเดิม ได้คุยกับพี่น้ำ พี่น้ำเล่าให้ฟังทุกอย่างกับเรื่องในอดีต พี่เขาบอกว่าเขามีรักแรกเป็นผู้หญิง ผู้หญิงคนนั้นคือพี่บี นั้นเป็นรักแรกที่พี่พี่น้ำเจ็บปวดมากเพราะพี่บีไม่รับรักและคบกับเพื่อนสนิทของพี่น้ำ นั้นถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้พี่น้ำเปลี่ยนมาเป็นเกย์ พี่บีต้องการที่จะทำทุกอย่างเพื่อแทนคำขอโทษจากพี่น้ำแต่จริงๆพี่น้ำไม่เคยโกรธอะไรพี่บีเลย พี่น้ำเคยบอกว่าเคยรู้สึกแปลกกับเราด้วย แต่พี่น้ำก็คงจะลังเลและเราเองก็สนิทกันมาก พี่น้ำบอกว่าตัวเองเป็นเกย์จริงๆคงยากที่จะกลับไปเป็นผู้ชายที่รักผู้หญิงได้อีก ตอนนี้ความสัมพันธ์ของเรากลับมาดีขึ้นอีกครั้ง น้องสาวกับพี่ชายยังเหมือนเดิม แต่ความในใจของเราก็ยังไม่ได้หายไป หวังว่าถ้าพี่รู้ว่าพี่คือพี่น้ำพี่คงจะเข้าใจเหตุการณ์ตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกัน พี่คงรู้ว่าเราชอบพี่มากแค่ไหน อย่างที่เราเคยบอกพี่นะว่าไม่ว่าพี่จะเป็นอะไรพี่คือพี่ชายที่เรารัก และก็ไม่อยากเสียพี่ไปด้วย แต่การที่จะให้เลิกรักใครง่ายๆ รักในอีกรูปแบบนั้น มันคงยากเหมือนกันที่จะทำได้ แต่เราสัญญานะเราจะกลับมาเป็นน้องสาวคนเดิมของพี่อีกครั้ง และตอนนี้เราคิดว่าเราเริ่มทำได้แล้วล

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×