ปราณกระบี่วิถียุทธ์ - นิยาย ปราณกระบี่วิถียุทธ์ : Dek-D.com - Writer
×

    ปราณกระบี่วิถียุทธ์

    การแย่งชิงอำนาจของสามอาณาจักร สี่สำนักยุทธ์ ร้อยกลยุทธชิงแผ่นดิน หมื่นปราณกระบี่ปราบมาร การเมือง สงคราม วรยุทธ์ สิ่งใดคือที่มาแห่งอำนาจ

    ผู้เข้าชมรวม

    2,299

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    96

    ผู้เข้าชมรวม


    2.29K

    ความคิดเห็น


    8

    คนติดตาม


    64
    จำนวนตอน :  46 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  25 มิ.ย. 67 / 16:49 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    ข้อมูลสถานที่และตัวละครสำคัญ

    อาณาจักรฉู่
    1 ใน 3 อาณาจักรมีที่ตั้งทางทิศตะวันออกของทวีป ถูกปกครองด้วยราชวงศ์ฉู่มายาวนานกว่า 200 ปี มีความเจริญรุ่งเรืองทางวัฒนธรรมเป็นอย่างมาก อุดมสมบูรณ์ในด้านทรัพยากรแร่ธาตุกว่าอาณาจักรอื่น จึงเป็นที่หมายปอง ที่มักจะถูกรุกรานอยู่เสมอ แต่ด้วยโครงสร้างที่แข็งแกร่งของอาณาจักรและมีสำนักปราณกระบี่คอยสนับสนุน จึงทำให้ถูกรุกรานได้ยาก แม้จะป้องกันการรุกรานจากภายนอกได้ดี แต่สงครามภายในของ 2 ตระกูลใหญ่ในวังหลวง ที่ปรากฎรอยร้าวมายาวนาน อาจกลายเป็นหนึ่งชนวนเหตุสำคัญในการทำสงคราม

    จักรพรรดิฉู่เซินฉี (จักรพรรดิฉู่ผู้รุ่งเรืองดั่งหยก)
    จักรพรรดิผู้ปกครองอาณาจักรฉู่ มีจิตใจที่อ่อนโยนเป็นที่รักของราษฎรและขุนนางฝ่ายบุ๋น พระองค์ไม่มีวรยุทธ์ใดๆ เพียงแต่มี"ผนึกฟ้าดิน"คอยคุ้มครองพระองค์ ด้วยความเมตตาของพระองค์ จึงไม่เป็นที่พึงพอใจของสมุหกลาโหมและขุนนางฝ่ายบู้เท่าที่ควร พระองค์มีพระชนมายุราว 35 พรรษา ร่างกายสมส่วน สง่างามตามจักรพรรดิวัยหนุ่ม แววตาดั่งกวางแรกรุ่น บ่งบอกถึงความเมตตา เมื่อผู้ใดได้สัมผัสจะรับรู้ถึงความเย็นใจและความอ่อนโยนของพระองค์


    ฉู่อ๋องหรือฉู่ตงหยาง (อ๋องราชสกุลฉู่)
    เป็นอ๋องผู้รอบรู้ในราชการแผ่นดินทั้งมวล อดีตผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เป็นเสมือนจุดยึดเหนียวของราชสำนัก มีลำดับศักดิ์เป็นพี่ชายขององค์จักรพรรดิ นิสัยรักสันโดด เรียบง่าย ไม่แสวงหาอำนาจการเมืองใดในราชสำนัก แต่กลับแสวงหาความรู้ภายนอก เป็นดั่งปราชญ์ท่านหนึ่ง อายุ 37 ปี ร่างกายผอมบางราวสตรีอรชร น่าค้นหา ผมสีดำขลับยาวปะบ่า ตัดกับผิวกายที่ขาวเนียน สายตามุ่งมั่น แต่งกายด้วยสีแดงเข้มตามฉายาที่ถูกขนานนาม ในเรื่องวรยุทธ์นับว่าอยู่ในระดับต้นๆของแผ่นดิน เพราะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับสำนักยุทธ รอบรู้ศาสตร์หลายแขนง จึงฝึกเพลงกระบี่อันทรงพลัง จนได้รับการขนานนามฉายาว่า “กระบี่รุ่งอรุณ”

    จ้านอ๋องหรือเฉาจ้าน (สมุหกลาโหมและอาวุโสแห่งจักรวรรดิ)
    จ้านอ๋องคือผู้สืบทอดราชสกุลจ้าน อายุราว 39 ปี ตระกูลจ้านคือตระกูลที่ร่วมสถาปนาจักรวรรดิ จึงได้รับตำแหน่งเป็นอ๋องตามสัญญาของอดีตจักพรรดิผู้ก่อตั้งราชวงศ์ ที่ต้องเชิดชูสกุลจ้านเช่นเดียวกับตระกูลฉู่ จ้านอ๋องยังดำรงตำแหน่งเป็นสมุหกลาโหมผู้กุมอำนาจฝ่ายการทหารของอาณาจักร มักทำนิสัยลึกลับชอบบงการและวางแผน คอยสร้างความบาดหมางในจักรวรรดิ นิสัยกระหายในสงครามและคลั่งในอำนาจ ร่างกายบึกบึนใหญ่โตกว่าบุรุษทั่วไป ผิวกายสีคล้ายถ่านไม้ไหม้ไฟ สายตาดุราวราชสีห์ เสียงดังและกังวานสมชายชาตินักรบ วรยุทธ์สูงล้ำไม่เป็นรองฉู่ฮ๋อง เพลงกระบี่ลึกลับน่าค้นหา ดุดัน ตามอุปนิสัยของทหารหาญ

    จางเหวิน (ราชครูและมหาเสนาบดีสำนักบัณฑิตหลวง)
    จางเหวินมหาเสนาบดีผู้ดูแลสำนักบัณฑิตหลวง ชายชราเครายาวแต่งกายด้วยชุดขาวทองราวเทพเซียน ใบหน้าบ่งบอกถึงความเมตตา สายตาแอบแฝงสรรพสิ่งน่าค้นหา อายุ ไม่ทราบแน่ชัด เป็นราชครูขององค์จักรพรรดิ ฉู่อ๋องและจ้านอ๋อง มีความรู้ เชี่ยวชาญด้านคัมภีร์และประวัติศาสตร์ มีนิสัยสงบและยุติธรรม ไม่ชอบในสงครามเนื่องจากบุตรชายของจางเหวิน ได้เสียชีวิตในสงครามระหว่างจักรวรรดิเว่ยและฉู่ เพลงยุทธ์กระบี่ของจางเหวิน เป็นเพลงกระบี่สายช่วยเหลือ อ่อนโยนและมีพลังบริสุทธิ์ตามวิสัยผู้ถือพรต จึงถูกราชสำนักขนานนามว่า “กระบี่ผดุงแคว้น”

    ...................

    อาณาจักรเว่ย
    อาณาจักรเว่ย 1 ใน 3 อาณาจักรใหญ่ เป็นอาณาจักรที่มีพื้นที่และทรัพยากรมนุษย์มากที่สุด ปกครองด้วยราชวงศ์โจว เป็นแผ่นดินเก่าแก่ อายุราว 230 ปี ราชวงศ์โจวมีความสำพันธ์อันดีงานกับ "ตระกูลเหอ”และอีกหนึ่งตระกูลใหญ่ต่างจักรวรรดิ แม้จักรวรรดิเว่ยจะยิ่งใหญ่มายาวนาน แต่ 15 ปีที่ผ่านมา จากสงครามการขยายดินแดนทำให้ทรัพยากรต่างๆลดลง การทหารอ่อนแอลงอย่างมาก อาณาจักรจึงอยู่ในช่วงของการพัฒนาความมั่นคง แต่ด้วยนิสัยระห่ำคลั่งสงครามจึงมีการทำสงครามขนาดเล็กตามหัวเมืองอยู่เสมอ


    จักรพรรดิโจวเลี่ยงหวง (จักรพรรดิผู้ส่องสว่างราวดวงอาทิตย์)
    จักรพรรดิโจวเลี่ยงหวง ขึ้นครองราชย์หลังสุดเมื่อเทียบกับจักรพรรดิของจักรวรรดิอื่น พระองค์ครองราชต่อจากบิดาได้เพียง 2 ปีเศษ พระองค์เป็นจักรพรรดินักพัฒนา พระองค์มีความสามารถทางยุทธสงครามเป็นอย่างมาก เหล่าขุนนางต่างสมัญญานามพระองค์ว่า “ณรงค์มัจจุราช” หรือมัจจุราชแห่งสงคราม เพราะองค์มีความลับอีกมากมาย ที่ยังไม่ถูกนำออกมาเปิดเผย พระองค์มีพระชนมายุเพียง 31 พรรษา พระองค์ประทับอยู่ ณ พระราชวังที่ประดับด้วยมุกและหยก สวมฉลองพระองค์สีฟ้าสดใส พระพักตร์อ่อนเยาว์ มีเรื่องกล่าวขานกันจากในวังว่า ยามใดที่พระองค์ร่ายกระบี่ ยามน้ำฟ้าฝนจะมืดมน ด้วยอำนาจที่มีของพระองค์แม้แต่เทพเซียนก็ยังหวั่นเกรง

    โจวอ๋องหรือโจวเลี่ยงหรู (อ๋องแห่งราชวงศ์โจว)
    โจวอ๋องเป็นพี่ชายต่างมารดาขององค์จักรพรรดิ อายุ 38 ปี เป็นพระญาติคนสนิทและเป็นที่เคารพขององค์จักรพรรดิ อีกยังได้รับการยกย่องเป็นจักรพรรดิน้อย อ๋องเลี่ยงหรูเป็นผู้ที่ใคร่ต่อการศึกษา แต่เป็นผู้มีอารมณ์ร้อน ลักษณะทั่วไปเป็นอ๋องผู้สูงศักดิ์ ชื่นชอบในการพนันขันแข่งการสู้รบและการประลอง มักแฝงกายไปตามที่ต่างๆเพื่อขอท้าประลอง โจวอ๋องเป็นศิษย์ของสำนักหยกแก้ว เป็นศิษย์คนสนิทของเหอเจา ชำนาญในการใช้ทวนยาวและพัดวิญญาณ อาภรณ์เครื่องแต่งกายพริ้วไหวราวสายลม สีขาวอ่อนละมุน ประดับหยกสลักราชตระกูล ดวงตาสีฟ้าอมม่วง 

    เส้าเอิน (องครักษ์โจวอ๋อง)
    เส้าเอินองครักษ์คนสนิทของโจวอ๋อง ฝีมือการต่อสู้และวรยุทธ์ล้ำลึก แม้ลมปราณจะบกพร่อง แต่ไม่ใช่ปัญหาสำคัญสำหรับเส้าเอิน เพราะเส้าเอินได้แอบเข้าไปขโมยสนุนไพรวิเศษจากสำนักกวางโลหิต จึงใช้ชดเชยในความบกพร่องของลมปราณนี้ได้ เส้าเอินเป็นเสมือนเงาตามติดโจวอ๋อง หากพบโจวอ๋องที่ไหน หมายความว่าเส้าเอินย่อมอยู่ไม่ไกล แม้เส้าเอินจะมีอายุเพียง 26 ปี แต่ก็เป็นที่ยอมรับในอาณาจักรเว่ยในเรื่องของฝีมือ
    ...................
    อาณาจักรหาน
    อาณาจักรหานเป็นอาราจักรที่มีขนาดเล็กที่สุดและถูกรุกรานจากอาณาจักรเว่ยอยู่บ่อยครั้ง จนเมื่อสงครามครั้งที่ผ่านมา ได้รับความช่วยเหลือจากสำนักปราณกระบี่ จึงทำให้ยังสามารถรักษาเอกภาพของอาณาจักรไว้ได้ อาณาจักรหานมีพื้นที่ธรรมชาติมากที่สุดและยังเป็นเมืองการค้าสำคัญ อาณาจักรหานอ่อนแอลงตลอดในช่วง 10 ปีหลัง เพราะมีสงครามต่อเนื่อง ราชสกุลก็ลดน้อยลงจากการเสียชีวิตในสงคราม ขุนนางที่ภักดีต่อราชวงศ์ก็เหลือน้อยลงเต็มที อดีตจักรพรรดิก่อสงครามไว้มาก จึงเป็นภาระติดพันมาถึงปัจจุบัน อาณาจักรหานมีอายุราว 170 ปี มีจักรพรรดิ 6 พระองค์ องค์ปัจจุบันคือองค์ที่ 7 นามว่า “จักรพรรดิหานเนี่ยนเจิน”

    จักรพรรดิหานเนี่ยนเจิน (จักรพรรดิผู้ยึดถือความสัตย์)
    จักรพรรดิหานเนี่ยนเจินเป็นจักพรรดิที่ร่างกายไม่สมบูรณ์มากนัก เนื่องจากพระองค์ประชวรด้วยไข้ประหลาดหลายครั้ง แต่พระองค์ก็ทรงตั้งอยู่ในหลักการที่ดีงามของจักรพรรดิ จึงเป็นที่เคารพต่อกลุ่มคนในราชสำนัก แต่ด้วยพระวรกายที่ไม่แข็งแรงของพระองค์ ผู้มีอำนาจในราชสำนักหลายคน จึงมีความคิดจะปลดพระองค์บ่อยครั้งและมักดูถูกหยามหมิ่นพระองค์ว่า “จักรพรรดิขี้โรค” พระองค์ทรงทราบแต่ก็ไม่ได้เอาความแต่อย่างไร พระพักตร์ของพระองค์ดูเศร้าหมองจากโรคร้าย แต่แววพระเนตรมุ่งมั่น เด็ดเดี่ยวเป็นอย่างมาก พระองค์องค์มีพระชนมายุ 34 พรรษา 

    หานอ่องหรือหานเฟยเทียน (อ๋องแห่งสกุลหาน)
    หานอ๋องเป็นน้องชายของจักรพรรดิหานเนี่ยนเจิน หานอ๋องรักพี่ชายของตนมาก ที่ผ่านมาได้แสวงหาวิธีในการรักษาอาการป่วยของพี่ชายตนตลอดมา หานอ๋องได้ขอความช่วยเหลือจาก “หานลี่ฉุน” เพื่อขอยามารักษาจักรพรรดิเสมอ หานอ๋องเป็นผู้มีสติปัญญาในแผ่นดินเพราะเป็นคนบุคลิกอ่อนน้อมถ่อมตน จึงเป็นที่รักของปราชญ์และอาจารย์ทั่วหล้า หานอ่องมักถูกยุแหย่ให้ชิงบัลลังก์เสมอ แต่ก็ได้ทำการปฏิเสธไป เพราะนิสัยที่สัตย์ซื่อ หานอ๋องมีกิริยาอ่อนโยน ร่างกายสมบูรณ์สง่างามราวเทพสวรรค์ น้ำเสียงไพเราะกังวาล จึงได้ฉายาว่า “ระฆังทอง” ด้วยการออกกระบี่ที่งดงามและน้ำเสียงที่กังวาลสดใส

    กู้ไฉ่หง (ขุนนางอาวุโส)
    กู้ไฉ่หง มหาเสนาบดีผู้กุมอำนาจในวังหลวง อายุราว 53 ปีเป็นขุนนางคนสนิทอดีตจักรพรรดิ มีความละโมบในอำนาจ หวังตั้งตนเป็นใหญ่ กู้ไฉ่หงพยายามปลดองค์จักรพรรดิ แต่ติดที่หานอ๋องและสำนักกวางโลหิต ที่ตอนนี้เริ่มมีอำนาจในราชสำนักพอที่จะค้านอำนาจกับกู้ไฉ่หงได้ ด้านวรยุทธ์

    ของกู้ไฉ่หงแม้ไม่สูงส่ง แต่เป็นการฝึกวรยุทธ์ปีศาจ สามารถออกกระบี่เป็นสายรุ้ง เพื่อดูดกลืนวิญญาณมนุษย์ได้ ร่างกายเตี้ยแคระ ปากกว้าง ตาโพง ลักษณะละม้ายคล้ายปีศาจ แต่แววตาแฝงความเจ้าเล่ห์ มีข่าวลือว่ากู้ไฉ่หงอาจจะเป็นผู้ปลิดชีพอดีตจักรพรรดิ แต่เพราะไม่มีหลักฐานแน่ชัด จึงยังลอยนวล


    เซี่ยอวี่ (หัวหน้า 7 ขุนนาง)
    เซี่ยอวี่ประมุขสภาขุนนางแห่งอาณาจักรหาน เป็นอดีตมหาเสนาบดีผู้ดูแลกองทัพในจักรวรรดิ ผู้มีอำนาจทางการทหารเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการวางแผนล้มจักรพรรดิหานเนี่ยนเจิน เซี่ยอวี่มีอำนาจในสภาขุนนางระดับสูงเป็นอย่างมาก แต่ในเรื่องวรยุทธ์และปราณในกายนั้น ไม่ได้สูงส่งไปกว่าคนปกติเท่าไหร่นัก เว้นแต่ได้ตั้งค่ายกลร่วมกับ 7 ขุนนางจึงจะนับได้ว่าเป็นยอดฝีมือที่ยากหาใครมาเทียบเทียม เซี่ยอวี่ชายชราร่างท้วม ผิวขาวเหลืองน้ำผึ้ง อายุราว 60 ปี เจ้าเล่ห์แสนกล ดวงตาคล้ายสุนัขจิ้งจอก 
    ...................
    ข้อมูล 4 สำนักใหญ่


    สำนักปราณกระบี่
    สำนักสายโจมตีอันดับ 1 ของแผ่นดิน เชี่ยวชาญการใช้อาวุธประชิดและการโจมตีหนัก อาวุธระดับสูงในสำนักคือ “กระบี่” เป็นกำลังหลักของราชวงศ์ฉู่ วิถีการฝึกล้ำลึก ปราชญ์วิญญาณในแผ่นดิน ต่างให้ความเคารพต่อสำนักปราณกระบี่ อีกยังยกย่องให้เป็นสำนักอันดับ 1 

    การปกครองภายในสำนักแบ่งเป็น 3 ตำหนักใหญ่คือ 

    ตำหนัก “กระบี่ปราชญ์” เป็นที่รวมการฝึกลมปราณและการศึกษาทางด้านทฤษฎี เมื่อบรรลุความรู้ผ่านการทดสอบจะได้รับการส่งตัวเข้าไปฝึกต่อยังตำหนักใน ซึ่งก็คือตำหนัก “กระบี่ยุทธ์”เป็นตำหนักที่มีการฝึกกระบี่ให้กับผู้มีความสามารถที่ผ่านการทดสอบเข้ามาได้ ส่วนตำหนัก “เทียนเจี้ยน”เป็นตำหนักของเหล่าอาวุโสและเจ้าสำนัก เป็นที่เก็บกระบี่สำคัญทั้ง 4 เล่ม ที่ปัจจุบันหลงเหลืออยู่เพียง 2 เล่ม

    หวงหมิง (เจ้าสำนักปราณกระบี่)
    หวงหมิง เจ้าสำนักปราณกระบี่ บรรลุผ่านการทดสอบจากตำหนักกระบี่ยุทธ์ตั้งแต่อายุ 19 ปี หวงหมิงเป็นบุรุษรูปงาม ผมสีขาวสลับเขียวราวหยกที่ถูกเจียระไน มีความเชี่ยวชาญในด้านการใช้กระบี่เป็นอาวุธ มีใจยุติธรรมเป็นกลาง ไม่เล่นพรรคเล่นพวกและมีความคิดที่กว้างไกล 

    ในชีวิตของหวงหมิงมีเพียง”จักรวรรดิเว่ย”เท่านั้นที่หวงหมิง เกลียดชังเพราะครอบครัวของตนถูกกวาดล้างจากสงคราม  จึงเป็นรอยแผลลึกในใจตลอดมาและยังเป็นอีกหนึ่งแรงปรารถนาที่จะชำระแค้น เจ้าสำนักหวงมีสหายคนสนิทคือ “กระบี่รุ่งอรุณ” เพราะหวงหมิงมีฉายาว่า “กระบี่อัสดง” กระบี่ยุทธ์ระดับต้นของจักรวรรดิ


    หวงหลิง (ปราชญ์กระบี่)
    ฉายา”กระบี่เหมันต์”เป็นเจ้าตำหนักกระบี่ปราชญ์ น้องสาวของหวงหมิง ร่างกายอรชรงดงามราวเทพธิดา กลิ่นกายหอมบริสุทธิ์ นัยน์ตาสีแดงราวผลทับทิม นิสัยสุขุม เยือกเย็น ด้วยความเยือกเย็นของนิสัยนาง จึงทำให้นางได้ฉายา “กระบี่เหมันต์” อีกเพราะปราณกระบี่นางเป็นหยกน้ำแข็งอันล้ำค่า นางมักจะเร้นกายไม่พบผู้คนยากนักที่จะออกมาเจอใคร ความลึกลับของนางแม้แต่หวงหมิงพี่ชายก็ยากที่จะเข้าใจ แม้กายเป็นสตรีแต่จิตใจของนางนั้นหาญกล้าราวบุรุษนักรบ นางเกลียดชังจ้านอ๋องเข้ากระดูก เพราะจ้างอ๋องไม่ยกทัพไปสมทบครอบครัวของนางในสงคราม จึงทำให้ถูกจักรวรรดิเว่ยกวาดล้าง

    เฉินผิง (กระบี่ยุทธ์)
    เฉินผิงผู้สืบทอดวิถีกระบี่ของตระกูล “เฉิน”กล่าวว่าเป็นเพลงกระบี่ที่มีความลึกลับและทรงอำนาจมากที่สุดวิถีหนึ่ง บรรพบุรุษเฉินผิง เคยใช้กระบี่เดียว กวาดล้างทหารในสงครามล้มตายดั่งตวัดกระบี่ใส่ยอดหญ้าอ่อน เฉินผิงเจ้าตำหนักกระบี่ยุทธ์ อุปนิสัยสุขุม รอบคอบ มีความห่วงใย 2 พี่น้องตระกูลหวง เฉินผิงเป็นสหายของหวงหมิงและฉู่อ๋อง เฉินผิงเป็นชายหนุ่มที่ใบหน้าเยาว์วัยแม้อายุราวสามสิบเศษ แต่ใบหน้ากลับหมดจดงดงามราวหยกเหมือนหนุ่มวัยดรุณ ผมสีฟ้าราวน้ำทะเล ร่างกายสง่างาม แม้จะมีใบหน้าราวเด็กหนุ่มแต่เมื่อออกกระบี่กลับมีกลิ่นสังหารอย่างหน้าตกใจ ทั่วแผ่นขนานนามว่า “กระบี่พินาศ”

    สำนักเทพพิสุทธ์
    สำนักสายพลังวิญญาณ ใช้ปราณเวทย์มนต์เป็นหลักในการต่อสู้มากกว่าอาวุธทั่วไป มีสมบัติล้ำค่าคือ "เจดีย์ขังวิญญาณ"เป็นอาวุธเทพบรรพกาลที่ล้ำค่าในแผ่นดิน เพราะมีอาวุธเทพบรรพกาลจึงทำให้สำนักเทพพิสุทธิ์กล้าที่จะยกตนขึ้นมาเทียบกับสำนักปราณกระบี่ ซึ่งสำนักเทพพิสุทธิ์มีความลึกลับ ซับซ้อนในการสืบทอดตำแหน่งเจ้าสำนักเป็นอย่างมาก ที่ผ่านมาจนมาถึงเจ้าสำนักคนปัจจุบัน ผู้มีตำแหน่งเจ้าสำนักล้วนเป็นสตรีทั้งสิ้น การปกครองสำนักนั้นเจ้าสำนักมีอำนาจชี้ขาดเพียงแต่ผู้เดียว จึงไม่มีการแบ่งการปกครองออกไป

    หลี่ฟางหรง (เจ้าสำนักเทพพิสุทธิ์)
    หลี่ฟางหรง เจ้าสำนักหญิงผู้หยิ่งทระนงในศักดิ์ศรี เด็ดขาด กล้าหาญ รูปร่างสูงสง่างามแต่งกายสีม่วงดอกอัญชันเข้มสลับขาว แวดตาดุดันราวพญายมราช ผิวกายขาวราวหยกเย็นกลางหิมะ ท่วงท่าแฝงกลิ่นการสังหาร ทุกย่างก้าวของนางสุขุมและมีอำนาจ มักถือแส้หางจามรีสีขาวติดมือเสมอ นางเป็นบุตรสาวคนเดียวของสกุลหลี่ ที่ถูกส่งมาฝึกวิทยายุทธ์ ด้วยพรสวรรค์อันล้ำลึกส่งผลให้นางบรรลุอำนาจจิตระดับสูงได้ในวัย 23 ปี ปัจจุบันนางมีอายุเพียง 36 ปีก็ได้ขึ้นเป็นเจ้าสำนัก พลังจิตและลมปราณของนางลึกลับพิสดารแอบแฝงความซับซ้อน เร้นลับ บ้างว่านางเป็นเทพมารมากำเนิดเพราะการลงมือที่อมหิตของนาง นางเป็นที่รู้จักในฉายา “กระบี่พรหมพิสุทธิ์” 


    เหยาอิน (ศิษย์สำนักเทพพิสุทธิ์)
    เหยาอินสตรีสาวรูปงาม ร่างกายงดงามเพรียบพร้อม ใบหน้างดงามราวแก้วผลึก อารมณ์ร้อน บ้าบิ่น ถือดีในความสมารถของตนเอง มีอายุเพียง 20 ปี แม้วรยุทธ์ของนางไม่โดดเด่นเท่ากับศิษย์รุ่นเดียวกันในสำนัก แต่พลังปราณที่แฝงมาในกายนางส่งผลให้นางมีพรสวรรค์ สามารถบรรลุการฝึกปรือเรื่องพลังจิตได้อย่างราวเร็ว นางยังเป็นศิษย์คนสำคัญของสำนัก แต่กลับไม่เป็นที่พอใจใจของ หลี่ฟางหรง นางจึงไม่ได้รับการถ่ายทอดวิทยายุทธขึ้นสูงใดๆ 


    สำนักกวางโลหิต
    สำนักฝ่ายช่วยเหลือ เชี่ยวชาญการปรุงสมุนไพร พิธีกรรมและการช่วยเหลือ เป็นสำนักที่ศิษย์รับราชการในราชสำนักหานจำนวนมาก ได้รับการยกย่องว่าเป็นปราญช์ของแผ่นดินเพราะมีผู้ทรงคุณาวุฒิมากที่สุด รอบรู้ทุกสรรพสิ่ง อีกทั้งยังเป็นสำนักที่มั่งคั่งมากที่สุดใน 4 สำนักใหญ่ แบ่งการปกครองออกเป็น 2 ตำหนักใหญ่คือ "ตำหนักโหรเทวภพ”และ "ตำหนักสยบมลทิน” 

    เซียนลู่จิว (ปรมาจารย์พยากรณ์) 
    เซียนลู่จิว เป็นปรมาจารย์ที่ถูกขนานนามว่าเป็น “เซียนพิภพ”เพราะความเชี่ยวชาญในด้านการพยากรณ์ ความสามารถทั้งหมดของเขาอยู่ที่ “หยกแห่งโชคชะตา” ทุกครั้งที่เขาพยากรณ์จะสลักไว้บนหินหน้าสำนัก เซียนลู่จิวหมกมุ่นอยู่กับสนุนไพรและคัมภีร์ มักเร้นกายหลบผู้คน มีคนเคยพบเซียนลู่จิวแล้วบรรยายว่า เป็นชายวัยกลางคนรูปร่างสมส่วน มีผลึกแก้วในสีฟ้าคล้ายน้ำทะเลระหว่างหัวคิ้ว แต่งกายคล้ายขุนนางชุดสีดำสลับแดง เคลื่อนไหวรวดเร็วสุดเปรียบปราณ ด้านวรยุทธ์ไม่ปรากฎแน่ชัด 

    หานลี่ฉุน (เจ้าตำหนักสยบมลทิน)
    นางมีฉายาว่า “กระบี่วิสุทธิ์”เพราะความบริสุทธิ์ของนาง แม้ฉายานางจะบ่งบอกถึงความบริสุทธิ์ แต่การแต่งกายของนางกลับขัดแย้งกับฉายา ด้วยนางเป็นสตรีวัยกลางคนอายุราว 32 อุปนิสัยไม่ถือตัว จึงมักแต่งกายคล้ายชาวนา ท่องเที่ยวไปในยามว่าง หน้าตาเปรอะเปื้อน ควันไฟและดินโคลน กำลังปราณของนางสูงส่ง แม้นางจะอยู่ในสำนักสายช่วยเหลือ แต่นางกลับมีเพลงกระบี่ที่ลึกล้ำ นางเป็นเสมือนคู่รักคู่แค้นกับหลี่ฟางหรง เมื่อเจอกันคราใดย่อมมีเหตุให้ปะมือกัน 

     

    สำนักหยกแก้ว
    1 ใน 4 สำนักใหญ่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของจักรรดิฉู่ระหว่างทางเชื่อมของจักรวรรดิเว่ย เป็นสำนักที่มีความอิสระมากที่สุด ทำการค้าให้กับ 2 จักรรดิคือจักรวรรดิฉู่และเว่ย ความพิเศษของสำนักหยกแก้วคือการฝึกปรืออาวุธยาวเช่น ทวน หอก ง้าวและอาวุธระยะไกล ศิษย์ในสำนักส่วนใหญ่ล้วนเป็นชาวนอกด่าน ที่มีกำลังกายแข็งแรง การปกครองในสำนักแบ่งออกเป็น 2 หอบัญชาการ ที่เป็นเสมือนศูนย์บัญชาการขนาดใหญ่ “หอหยกสุริยันต์”สำหรับฝึกอาวุธและลมปราณ มีศิษย์เข้าศึกษามากกว่า “หอแก้วจันทรา”ที่เป็นหอตำรา แต่แม้จะเป็นหอตำราก็สร้างศิษย์ที่ทีพลังจิตแก่กล้าออกมานับไม่ถ้วน สำนักหยกแก้วสืบทอดดดย. "สกุลเหอ"

    เหอเจา (ประมุขหอหยกสุริยันต์)
    ปรมาจารย์ผู้เชี่ยวชาญในการใช้ทวนยาว อาวุธข้างกายคือทวนยาวสีดำรวดลายกิเลน แต่งกายด้วยไหมสีทองแซมขาว คลุมเกาะดำ เข็มขัดหยกล้ำค่า ดวงตาสุกใสหมดจด รอยยิ้มดูน่าสนใจลึกลับ สุขุมพูดน้อย จิตใจอยากหยั่งถึง “ฉายากิเลนไฟ” เป็นประมุขที่มีอายุเพียง 34 ปี ถือว่ามีความสามารถโดดเด่นมากที่สุดในสายหอหยกสุริยันต์

    เหอจง (ประมุขหอแก้วจันทรา)
    ผู้ครอบครองผลึกแก้วแห่งดวงจันทร์ มีลมปราณที่หนาวเหน็บ วรยุทธ์ของนางเป็นการทำลายจิตใจภายใน อมหิตมืดดำ ฝีมือการฝึกปรือของนางเป็นอันดับต้นๆของแผ่นดิน อีกทั้งได้ถือครอง. "กระบี่มารโลหิต”ยากที่คนทั่วไปจะเอาชัยจากนาง อุปนิสัยเปิดเผย กระหายในการต่อสู้ นางจึงฝึกศิษย์ในสำนักออกมาโดดเด่น แม้จะอยู่ในหอตำราก็ตามที สีหน้าคล้ายเทพยดา แต่งกายคล้ายจันทร์สีเลือด มือขวาถือกุมกระบี่ มือซ้ายถือดอกเหม่ย ผู้พบเห็นนางยากนักที่จะเอาชีวิตรอด นางในวัย 39 ปีกับสังหารปราชญ์วิญาณไปแล้วกว่า 30 คนจึงเป็นที่ครั่นคร้ามต่อผู้พบเห็น

    เหอจางหย่ง (ศิษย์เอกของเหอจง)
    เสมือนผู้สืบทอดนิสัยใจคอร้ายกาจมาจากอาจารย์นาง เหอจางหย่งเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกเหอจงเลี้ยงมา เหอจงภูมิใจในฝีมือการฝึกของจางหย่งเป็นอย่างมาก แม้พลังการฝึกปรือจะไม่เก่งกาจเทียบเท่าศิษย์คนอื่น แต่ความเด็ดขาดและความอมหิตของจางหย่งได้ถอดออกมาจากเหอจงเกือบทั้งสิ้น เหอจางหย่งชายหนุ่มรูปงาม สง่างามราวองค์ชาย ถือกระบี่คู่เคียงข้างกายเสมอ ปัจจุบันจางหย่งมีอายุเพียง 17 ปี เหอจงจึงมุ่งมั่นฝึกเขาด้วยความหวัง เพื่อความภูมิใจของอาจารย์


    ตัวละครหลักของ"ปราณกระบี่วิถียุทธ์"


    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น