ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    *ห้วงสนธยา ณ.สุดขอบจักรวาล*

    ลำดับตอนที่ #4 : 4. พันธนาการ หล่อหลอม จิตวิญญาณ (5%)

    • อัปเดตล่าสุด 10 มิ.ย. 52


                        เงาดำทะมึนปรากฏอยู่เบื้องหลังประตูดูน่าพรั่นพรึง เงาหนึ่งค่อยๆหลีกเร้นออกมาจากความมืด จึงทำให้สามารถมองเห็นร่างนั้นได้ว่าเป็นทหาร หรือเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอะไรสักอย่าง แต่ผมรู้สึกได้ว่ามันคงไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่ๆ อีกหลายคนก็ทยอยเผยตัวออกมาจากเงามืด จึงทำให้ทราบได้ว่าพวกเขามีกันทั้งหมด 6 คน

                        ชุดของพวกเขาเป็นชุดรัดรูปเช่นเดียวกันแต่จะดูหนาพองกว่าชุดธรรมดาทั่วๆไปที่เคยผ่านตามา และที่สังเกตุได้ชัดคือหมวกที่ครอบเต็มศรีษะสีเขียวเข้มมีรูรอบๆเหมือนลูกกอล์ฟและกรอบกระจกสีดำเข้มปิดลงมาถึงปลายจมูก นั่น    ผมจำหมวกลักษณะเช่นนี้ได้เป็นอย่างดีเพราะมันเป็นแบบเดียวกับที่ทหารซึ่งโผล่ออกมาจากยานลำใหญ่ที่เกือบจะขยี้ผมสวมใส่อยู่   สายสีดำคาดรั้งอยู่ตามข้อพับดูตัดกับชุดลายพรางสีเขียวเข้มทำให้ดูยิ่งน่าเกรงขามขึ้น
                       
                        ร่างหนึ่งในกลุ่มนั้นค่อยๆก้าวออกมาอย่างช้าๆด้วยฝีเท้าที่หนักแน่นและมั่นคง อีกห้าคนที่เหลือยังคงยืนสงบนิ่ง แต่ก็หันปากอาวุธที่ดูคล้ายปืนเลเซอร์ใน ภาพยนต์วิทยาศาสตร์   จ่อมาทางผมอย่างน่าเสียวไส้
                        
                        ทหารนายเดิมก้าวมาหยุดอยู่ข้างหน้า มือหนึ่งกำด้ามปืนอย่างระแวดระวังห้อยอยู่ข้างลำตัว   อีกมือค่อยๆเลื่อนเปิดกระจกที่บดบังใบหน้าขึ้น    จึงเผยสีหน้าเขร่งครึมของเขาออกมา   นายทหารมาดดุนั้นหันมองเราทั้งสามคนแต่มาหยุดสายตาลงที่ผม เขาจ้องทะลุเขามาในดวงตาและพยักหน้าช้าๆกับตัวเองอย่างพึงใจ แววตาหมอนั่นดูไร้ความรู้สึกใดๆดวงตาที่โบ๋เว้าลึก สันคิ้วที่นูนโปน ดั้งจมูกที่โด่งเป็นสันออกมาจนเกินพอดีและปากซึ่งหนาซีดของเขานั้น ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าชายผู้นี้อาจหลุดออกมาจากหนังสยองขวัญสักเรื่องก็เป็นได้   จึงทำให้ผมไม่ค่อยกล้าสบตากับเขาสักเท่าไหร่
                        
                        เชียวคงรวบรวมสติได้แล้วจึงก้าวออกมาเผชิญหน้ากับทหารผู้นั้น
                        
                        “ขออภัยครับคุณทหาร ! คุณกำลังละเมิดกฏความปลอดภัยของศูนย์ปฏิบัตการอยู่นะ
                        
                        ทหารนายนั้นจึงหันควับไปปะทะสายตากับแพทย์หนุ่มโดยไม่ยี่หระกับคำขู่ดังกล่าวเลยสักนิด อาการเช่นนั้นจึงทำให้เชียวผงะออกมาด้วยความแปลกใจระคนหวาดวิตก
                        
                        “หมดหน้าที่ของคุณแล้ว     คุณหมอ !”
                        
                        เขากล่าวขึ้นเนิบๆด้วยท่าทีที่ยังคงความสงบ      ประโยคนั้นทำให้เชียวต้องตะลึงด้วยสีหน้างุนงง
                        
                        “อะไรกัน พวกคุณมาทำอะไรที่นี่ ?
                        
                        เชียวย้อนถามอย่างค่อนข้างหัวเสีย   ทั้งยังเริ่มรูสึกระแวงขึ้น   ทหารนายเดิมจ้องเขาอยู่ด้วยแววตาไร้ความรู้สึกรู้สา เม้มริมฝีปากก่อนที่จะเผยอพูด น้ำลายเหนียว ที่ติดอยู่ระหว่างซี่ฟันยืดเป็นเส้นตลอดเวลาที่เขาอ้าปากพูด
                        
                        “จากนี้ไป ! ชายคนนี้จะอยุ่ในความควบคุมของเราแทน นั่นก็หมายความว่าได้หมดหน้าที่ของคุณแล้ว คุณหมอ!”  
                        
                        เขาชี้จี้ไปที่อกของเชียวเป็นการตอกย้ำ   ทำให้แพทย์ผู้สับสนต้องถอยหนีออกมาด้วยท่าทางอันกังวลและโกรธเคือง
                        
                        “ คุณ !ไม่มีอำนาจ ! คุณทหาร ผมเป็นแพทย์ซึ่งได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีในการรักษาผู้ป่วย และทหารอย่างคุณจะไปรู้เรื่องอะไรว่าเขากำลังต้องการความช่วยเหลือและดูแลเป็นพิเศษจากแพทย์ผู้เชียวชาญเช่นผมนี่!”
                        
                       เชียวโพล่งอธิบายออกมาพร้อมชี้ที่อกตัวเองอย่างท้าทาย   แต่ท่าทีดังกล่าวนั้นก็ไม่ได้ทำให้นายทหารผู้ไร้วิญญาณนั้นแสดงความรู้สึกตระหนกใดๆออกมาเลยสักนิด ราวกับว่าเขาได้ถือไพ่ที่เหนือกว่าอยู่และรู้ว่าสุดท้ายมันจะต้องจบลงเช่นไร

                        เขาไม่ได้ป่วย ! ทั้งยังปกติดีทุกอย่างและผมขอย้ำเป็นครั้งสุดท้ายว่าคุณ ! ได้หมดหน้าที่ลงแล้ว!”
                       
                        เชียวสะดุ้งเฮือก นัยน์ตาเบิกกว้าง และสวนออกมาทันควัน  
                        
                        “คุณรู้ได้ยังไง! พวกคุณไม่ได้เข้าใจอะไรเลยและไม่มีสิทธิจะปฏิบัติใดๆกับเขาทั้งสิ้นคุณทหาร เขาไม่ใช่ ศัตรู !”   
                        
                        ทหารนายนั้นหันไปที่กลุ่มพรรคพวกข้างหลัง 
    จ่า ลอว์ ช่วยมาอธิบายให้คุณหมอเขาเข้าใจทีซิ
                         
                        จ่าลอว์ ก้าวออกมาพร้อมลดอาวุธลงข้างลำตัวด้วยท่าทีกระตือรือล้นและเกรงใจ 
    ครับผม
                        
                        เขาเปิดกระจกที่หมวกขึ้น จึงทำให้เห็นได้ว่า จ่าลอว์นั้นยังดูหนุ่มแน่นและท่าทีดูเป็นมิตรกว่า เขาก้มหยิบเครื่องมือแบนๆขนาดประมาณฝ่ามือออกมาจากกระเป๋าคาดเอว   ก่อนที่จะหันไปโค้งต่อทหารนายแรกเพื่อเป็นการอนุญาต   
        
                        
                        “
    ขออนุญาต ครับผู้กอง
                        
                        ทหารนายแรก พยักหน้ารับโดยที่ไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่
                        
                        ผมเริ่มรู้สึกไม่ค่อยมั่นใจในสถานการณ์สักเท่าไหร่ ทหารพวกนี้รู้อะไรเกี่ยวกับตัวผมหรืออาจเป็นการเข้าใจผิดบางอย่าง     แต่เพราะจิตใจที่เข้มแข็งมากขึ้นในตอนนี้จึงทำให้ความรู้สึกกังวลเหล่านั้นจางหายไปในเมื่อผมได้มาเป็นตัวละครตัวหนึ่งในเรื่องราวอันแสนลึกลับเหล่านี้แล้ว ก็จะไม่ทำให้บทบาทของตนบกพร่องเลือนลับไป แต่จะต้องหนุนเนืองให้มันโด่นเด่นขึ้น เอาล่ะ
    ! เราจะเผชิญกับทุกเรื่องราวอย่างมีสติและกล้าหาญ จะพยายามเก็บเกี่ยวทุกเรื่องราวให้คุ้มค่าที่สุด   

                        ยังมีเรื่องราวอีกมากมายให้ค้นหา
                        
                         “สวัสดีครับ ทุกท่าน   จ่า ลอว์ เอ่ย ทักทายอย่างสุภาพด้วยท่าทีที่ค่อนข้างเกรงใจอันต่างจากผู้กองนายนั้นมาก ช่วยทำให้บรรยากาศตึงเครียดผ่อนคลายขึ้นเยอะ
                       
                        
    พวกท่านคงทราบ ว่าทาง จักรวรรดิ์ ของเราได้มีการจัดประชุมสัมมนาทางวิชาการขึ้น ซึ่งมีผู้คนมากมาย จากทุกๆจักรวรรดิ์เข้าร่วมในการสัมมนาครั้งนี้ ทางกองพิทักษ์จึงได้รับคำบัญชาจากคณะปกครองสูงสุด ให้ทำการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดในทุกๆสถานที่...
                        
                        เชียวหันไปสบตากับยูว อย่างกังวล ยูวมองตอบแต่ยังคงสงบท่าทีไว้
                       
                        
    ....และเพื่อตรวจสอบบุคคลต่างๆว่ามีการนำพาอาวุธหรือสิ่งที่อาจจะใช้ในการก่อการร้ายขึ้นได้ เราจึงได้ทำการติดตั้งเครื่องสแกนชีวภาพไว้ในหลายๆจุด         ขอเข้าประเด็นเลยดีกว่าครับ ยานยึดติดที่พวกท่านใช้โดยสารลงมาก็เป็นจุดหนึ่งที่มีการติดตั้งเครื่องมือดังกล่าวไว้    และร่างกายของเขาผู้นั้นได้ถูกสแกนไว้ ซึ่งเราไม่ได้ตรวจพบอาวุธหรือเครื่องมือสำหรับก่อเหตุร้ายแต่อย่างใด     แต่! เราตรวจพบสิ่งที่น่าสนใจกว่านั้น!”
                        
                        เขาหยุดมองไปที่เชียวอย่างรู้ทัน 
    ...ซึ่งเราคิดว่าคุณก็คงจะทราบดีแล้วเช่นกัน
                        
                        เชียวสูดหายใจลึกเพื่อพยายามระงับอารมณ์   ก่อนที่จะระบายลมหายใจออกมาช้าๆจากสีหน้าอันครุ่นคิดกลับกลายเป็นผ่อนคลาย บางอย่างอาจแจ้งขึ้น เขาคงจะไม่สามารถเหนี่ยวรั้งมันไว้ได้ต่อไปแล้ว แต่แม้ในเฮือกสุดท้ายเขาก็ยังไม่หมดความพยายาม     นี่สิ
    ! เชียวของผม
                        
                         “แล้วคุณทราบแน่ชัดได้อย่างไรเขาปกติดี อาการทางประสาทนั้นค่อนข้างรุนแรง พวกคุณไม่รู้ซินะว่าเขาพยายามฆ่าตัวตายด้วยการยืนขวางยานทหาร เรื่องของสภาพจิตเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน ซึ่งข้อมูลทางชีวภาพที่ได้จากเครื่องสแกนนั้นคงไม่สามารถบ่งบอกได้อย่างแน่ชัด   เอาล่ะ!งั้นผมขอเวลาตรวจเช็คอาการของเขาอีกสักหน่อยละกัน หากได้ข้อสรุปชัดเจนแล้วผมจะประสานไป
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×