คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : 10 เกาหลีใต้มีร้านขายเสื้อผ้าแค่ร้านเดียว
ดูรายละเอียดการสั่งซื้อฟิคได้ตามลิ้งค์นี้เลยค่ะ > https://goo.gl/I5IzBy
PINKGRAY
เกาหลีใต้มีร้านขายเสื้อผ้าแค่ร้านเดียว
ยิ่งใกล้วันงาน Noise Market นักร้องนำและมือกีต้าร์อย่างเขายิ่งตื่นเต้นเข้าไปใหญ่ ยิ่งเห็นสถานที่จัดงานและเวทีกลางแจ้งขนาดใหญ่ คัง ซึงยุนยิ่งมือไม้สั่นไปหมด อีกแค่ 3 วันก็จะถึงวันงานเข้าให้แล้วและแน่นอนว่าวงอื่นๆคงฟิตซ้อมจนเป๊ะทุกโน้ตในห้องซ้อม
ถ้าลองตัดภาพมาที่ The Grayish ดูจะเห็นภาพของสมาชิกในวงทั้ง 4 คนนั่งเลียไอติมแท่งรสฟรุ๊ตตี้ห้อยขาลงไประหว่างราวระเบียงชั้นสองของทางเชื่อมมองภาพเด็กนักเรียนที่ชั้นล่างกำลังช่วยกันทำงานอย่างสบายใจเฉิบ
“นี่พี่ไม่คิดจะซ้อมจริงหรอ” อันนี้ถามจากใจจริง.. ในฐานะที่พี่แกเป็นหัวหน้าวงแต่ดันมาชวนนั่งกินไอติมห้อยขาให้ลมพัดหน้าม้าปลิวเล่นแบบนี้
“ซ้อมบ่อยๆเดี๋ยวเวลาเล่นจริงมันไม่สดเว้ย” เห็นอีกคนตอบกลับทั้งๆที่ไอติมเต็มปากแล้วรู้สึกชาปากแทนยังไงก็ไม่รู้
แต่ไอ่คำตอบเมื่อกี้น่ะน้องขอเพลียแปรป นี่มันข้ออ้างของคนขี้เกียจชัดๆ
“เด็กอาร์ตนี่ก็เก่งเนอะ ไปเอากีต้าร์มาจากไหนเยอะแยะวะน่ะ” จุนฮเวที่นั่งถัดจากซึงฮุนพูดไปก็แกะไอติมห่อที่สองไป มองตามไอ่ Sculpture ที่อีกฝ่ายพูดถึงก็อดสงสัยไม่ได้เหมือนกันว่าไอ่กีต้าร์เกือบ 100 ตัวนั่นคิดดีแล้วหรอที่เอาไปทำเป็นงาน
ยุนก็คิดนะ..ว่าเอามาแบ่งให้กูสะสมดีกว่ามั้ย5555555555555555555
มันเป็น Sculpture ที่ใช้ลวดหรือเหล็กอะไรประมาณนั้นขึ้นเป็นโครงสร้างคล้ายแจกันก้นเล็กแล้วใส่กีต้าร์จำนวนที่ว่าลงไปเห็นแล้วนึกถึงพิพิธภัณฑ์ที่ต่างประเทศยังไงอย่างงั้น
“เขาก็ทำขึ้นเอามั้ง ไม่ได้ซื้อมาจริงๆหรอก” โซฮยอนผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มทที่นั่งข้างเขาออกความเห็นบ้าง
จากนั้นทุกคนก็เงียบกันไปทิ้งไว้แค่ช่องว่างของบทสนทนาให้ได้เหม่อลอยกันไปตามประสา ซึงยุนที่อยู่ไม่สุขเป็นอันต้องกัดไม้ไอติมเล่นมองไปยังสนามฟุตบอลที่เริ่มเต็มไปด้วยซุ้มขายของหรือนิทรรศการต่างๆล้อมรอบเวทีคอนเสิร์ต มองเห็นเพื่อนในห้องบางส่วนที่ลงไปจับจองพื้นที่ขายของเปิดท้ายแล้วนึกอยากทำอะไรแบบนั้บ้าง แต่ของงี้มันก็ได้อย่างเสียอย่างไง
“มึงรู้ป่ะปีที่แล้วอ่ะแม่มมันส์มาก อย่างกะคอนเสิร์ตของศิลปินจริงๆอ่ะ” สปอยอีกละ ผมนี่ตื่นเต้นไม่หายเลยครับ
“พวกมึงอ่ะอย่าคิดมากเพราะว่ามีชื่อวงพ่วงท้ายอยู่เลย” มาโหมดจริงจังแต่นั่งเหม่อกัดไม่ไอติมแบบนี้น้องๆก็ไปไม่ถูกนะฮร่ะพี่ฮุน
“เป็นตัวของพวกมึงก็พอแล้ว กูเชื่อว่ากูมองคนไม่ผิด.. นี่ใคร? มือกลองที่เก่งที่สุดในประเทศนะครับ”
โอเคจ้า
ได้ยินจากปากหัวหน้าวงที่อยู่ The Grayish มาแล้วถึง 2 รุ่นพูดแบบนี้เขาก็เริ่มหายกังวลไปบ้าง.. เขาจะมัวแต่มาวิตกกับคำพูดของแฟนคลับวงนี้รุ่นก่อนๆไม่ได้แล้ว รุ่นของเขาเองก็ต้องประกาศให้รู้ไว้ว่ารุ่นนี้ก็ไม่แพ้รุ่นเก่าๆเหมือนกัน เย้ะ!
กว่าจะได้ฤกษ์ซ้อมกันก็หลังจากกินข้าวเที่ยง ซึงยุนไม่อยากจะโม้เท่าไหร่ว่าซ้อมแต่ละครั้งมันสนุกทุกๆครั้งถึงแม้ว่าจะซ้อมแต่เพลงเดิมๆก็ตามที
2 ชั่วโมงเต็มๆที่ทุ้มเวลาไปกับการซ้อมในห้องซ้อมประจำก่อนจะตกลงกันว่าให้แยกย้ายไปช่วยงานในสาขา เขากับโซฮยอนเลยได้ลงมาดูซุ้มนิทรรศการหลักของดุริยางคศิลป์ที่เสร็จเกือบทั้งหมดแล้ว เห็นนัม แทฮยอนปีนบันไดช่วยรุ่นพี่ติดป้ายเลยไม่อยากกวนอะไร
“ทำไรดีว่ะ” บอกเลยว่าเข้ามานี่โคตรงง เขาวุ่นกันทำนู้นทำนี่แต่พวกเขาที่พึ่งเข้ามาใหม่ดันไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหนดี เหลือบไปเห็นหัวหน้าห้องกำลังยืนถือใบสั่งนู้นสั่งนี่เลยตัดสินใจเดินเข้าไปหา
“มีไรให้ช่วยบ้างป่ะๆ”
“มาทำไมป่านนี้ครับเพ่” คิม ฮันบินคิ้วกระตุกมองตาขวางด้วยท่าทีหยอกล้อแต่เขาไม่ค่อยรู้สึกว่าอีกฝ่ายกำลังล้อเล่นเท่าไหร่.. ก็ดูเหมือนไอ่นี่จะทำอะไรก็ดูจริงจังไปซะทุกอย่าง
“โหย ก็พึ่งซ้อมดนตรีเสร็จอ้า”โซฮยอนออกรับแทน
“เออๆ ไปเอาน้ำมาให้เพื่อนหน่อยดิ” โหย มาถึงก็ได้เป็นเบ๊แต่ก็โอเคอ่ะยังดีกว่าไม่ได้ช่วยอะไรเลย ชวนโซฮยอนไปโรงอาหารที่มีอาหารว่างและน้ำดื่มที่โรงเรียนจัดเตรียมไว้ให้ในวันทำงานในวันหยุด
และการที่ต้องเดินไปโรงอาหารมันทำให้น้องยุนสามารถอู้ไปดูนั่นโน่นนี่ได้โดยง่าย เริ่มมีคนมาจับจองพื้นที่ไว้ค่าขายเต็มไปหมด เหลือบไปเห็นเด็กศิลป์กำลังช่วยกันแบกงานมาวางไว้ บ้างก็ยืนวิเคราะห์ไอ่กองกีต้าร์อันเสียดฟ้านั่นอยู่
“เห้ยพี่จีโฮ!” ได้ยินเสียงเรียกชื่อนี้แล้วมันรู้สึกหงิด
เสียงที่ไล่ตามหลังมาทำให้เขาต้องเร่งฝีเท้าออกไปจากตรงนั้นให้ไวที่สุดแต่คงไม่ไวเท่าไอ่คนที่วิ่งตามมา แรงแตะที่ไหล่ทำให้ซึงยุต้องหันกลับไปมอง
เห็นคนไม่คุ้นหน้าหนึ่งคนกำลังมองด้วยความอึ้ง
“พี่จีโฮครับ”
“....” กี่ครั้งละบอกน้องยุนที
“ผมเอานี่มาให้” ก้มมองขวดน้ำกับแผงยาในมือสลับกับมองหน้าอีกฝ่ายงงๆ คราวนี้ผู้ชายหรอ? วดฟ? นี่กะจะเหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัยเลยใช่มั้ยอู จีโฮ..
ป๊าบ!
“มึงเบิกตาเล็กๆของมึงดูดีๆคิม จีวอน นี่มันน้องหม..เอ้ย ซึงยุน ปี 1” ในที่สุดก็มีอัศวินตัวดำมาช่วย ซง มินโฮที่เดินเข้ามาในบทตอนไหนไม่รู้ยื่นมือมาตีหัวของคนที่เข้าใจผิดคนนั้น คนตรงหน้ามองหน้าเขาด้วยท่าทีตกใจชนิดที่ว่าพึ่งรู้ว่าจีโฮมีแฝดแต่จริงๆแล้วไม่ใช่
“ใครจะไปรู้วะ ดูมันดิ..แต่งตัวเหมือนพี่จีโฮด้วย”
“นั่นน่ะสิ”
อะไร? แต่งตัวเหมือนคืออะไร?
“พึ่งรู้วันนี้นี่แหละว่าเกาหลีใต้มีร้านเสื้อผ้าร้านเดียว”
พูดเรื่องอะไรกัน???????
ซึงยุนก้มมองชุดตัวเองเป็นการใหญ่ ทำไมวะ แค่เสื้อลายสก็อตสีดำนี่มันผิดตรงไหน ซื้อมานะ ใช้ตังค์ซื้อมานะไม่ได้ขโมยใครมาตะไมต้องมองด้วยหน้าตาเจ้าเล่ห์แบบนั้นอ่ะซง มินตุ๊ด T v T
“น้องหมวยจะไปไหนอ่าล์” เกลียด ‘อ่าล์’ ของพี่มากบอกตรงๆ
ตากแดดคุยกันกลางสนามไปนิดหน่อยมินโฮก็ตามมาสมทบว่าจะเดินไปโรงอาหารด้วยพร้อมเหตุผลที่ว่า ‘พอดีเลย พี่จีโฮอยู่ที่นั่น’ แล้วังดึงขวดน้ำกับแผงยาจากมือจีวอนมา
สรุปคือ.....จีโฮอยู่โรงอาหาร แล้วเขาก็กำลังจะไปโรงอาหาร แน่นอนว่ามันเป็นสับเซตของการที่ต้องไปเจอหน้าผู้ชายคนนั้นด้วย
“เอ่อพี่..ผมต้องรีบเอาของไปให้เพื่อนอ่ะดิ ไว้เจอกันนะ!” เผ่นก่อนได้เปรียบครับเวลานี้
แต่ถึงจะรีบชิ่งมาก่อนแต่ปลายทางมันก็เท่ากันอยู่ดี ซึงยุนยกลังและถุงขนมใส่รถเข็นโดยที่สายตาดันไปโฟกัสกับคนที่ใส่เสื้อแบบเดียวกับเขาที่นอนฟุบหน้าอยุ่บนโต๊ะไกลๆนู้น คราวนี้ถึงได้เข้าใจล่ะกับไอ่ประโยค ‘เกาหลีมีร้านเสื้อแค่ร้านเดียว’ ของซง มินโฮ
บอกทีว่าอู จีโฮมันซื้อตามเขาใช่มั้ย?
คิดดูเอาเองว่าคนที่หน้าตาเหมือนกัน ใส่เสื้อเหมือนกัน ใครเดินผ่านไปผ่านมาก็ต้องทักว่าเป็นแฝดกันแน่นอน.. แต่ไม่ ต้องไม่ใช่สิในเมื่อไอ่ห้อยคนพี่มันเป็นถึงคนที่ติด Top 3 คนที่เขาไม่อยากเจอหน้าด้วยซ้ำ!
“รีบไปเหอะโซฮยอน” ทันทีที่ว่าขนข้าวของเสร็จก็เร่งเพื่อนสนิทจนอีกฝ่ายตีหน้ามึนเดินตามเขาที่เข็นรถไปก่อนไม่ทัน แต่ไอ่เส้นทางที่จะเดินกลับมันดันมีผู้ชายคนนั้นนั่งอยู่นี่ล่ะคือปัญหาและซึงยุนภาวนาไว้ว่าอย่าให้ซง มินตุ๊ดมันหันมาทักตอนนี้
แต่ดูเหมือนน้องยุนจะมีบุญน้อยกว่าบาป..
“เห้ยน้องหมวย มาๆ พี่ช่วย” มองหน้าคนตัวดำ(?)ที่พุ่งถลาเข้ามาหาด้วยความหงุดหงิด แอบสบถเงียบๆคนเดียวก่อนจะส่งตาขวางๆไปให้มินโฮ
“ไม่เป็นไรผมทำเองได้” จับราวรถเข็นแน่นตั้งท่าจะเข็นไปต่อแต่ไม่วายตัวป่วนอย่างมินโฮยื้อว่าจะช่วยอยู่ได้
“มาให้พี่ไปส่ง”
เออออออ แล้วแต่พี่เลย
สะบัดมือออกจากที่จับมองซง มินโฮยิ้มแฉ่งให้เหมือนกับว่าจีบสาวติดยังไงอย่างงั้น “พี่จีโฮอย่าลืมกินยานะฮร้า” ไม่พอยังหันไปโบกมือลากำชับคนที่นอนดูสถานการณ์ยื้อยุดราวรถเข็นนั่น
ซึงยุนแอบเหลือบมองอู จีโฮด้วยหางตาและดันไปเจอกับเหตุการณ์ที่ทำให้น่าหงุดหงิดยิ่งขึ้นเมื่อคนตรงนั้นกำลังโบกมือทักทายเพื่อนสนิทของเขาที่อยู่ข้างๆตรงนี้
ฮึ่ย ขัดใจ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
แย่งถุงขนมมาจากมือโซฮยอนพร้อมกับส่งสายตาอันแสนอาฆาตไปหาห้อยคนพี่ก่อนจะสะบัดตูดเดินออกไป
เวลาล่วงเลยไปจนถึง 2 ทุ่มคัง ซึงยุนรวมถึงผองเพื่อนถูกว่ายวานจากกลุ่มชายโฉดสาขาทัศนศิลป์ให้ออกไปซื้อชานมไข่มุกร้านกาแฟหน้าโรงเรียน.. ตอนแรกก็ว่าแค่มาช่วยขึ้นป้ายนู้นนั่นนี่ไปๆมาๆดันถูกใช้เป็นเบ๊ไปโดยปริยายเฉย เลยชวนซง มินโฮบุคคลที่น่าจะได้รับบทพระร๊องพระรองมาช่วยถือของที่สั่งอีกที
“พี่จะกลับหอกี่ทุ่มอ่ะ”
“อึ้ย! ทำไมหรอน้องหมวย หรือจะให้พี่ไปส่งที่หอ”
ตุ๊ดนี่มีนิสัยขี้มโนจริมๆ
เปิดประตูเข้าร้านไม่หวังคำตอบแสนไร้สาระจากผู้ชายข้างๆ ก่อนจะเป็นคนใช้คนที่มีศักดิ์เป็นรุ่นพี่ให้ไปเอาของที่สั่งไว้ น้องยุนมีอำนาจแค่ไหนใครๆก็รู้
เดินออกจากร้านกันโดยมือทั้งสองมีถุงใส่แก้วชานมและกาแฟกันเต็มถุง บรรยากาศในโรงเรียนตอนกลางคืนดูสงบและสวยไปอีกแบบ ไฟจากตึกเรียนยังเปิดอยู่เป็นบางห้องถ้าไม่รวมกับสตูดิโอของเด็กอาร์ตที่เปิดทิ้งไว้ตลอดทั้งวันทั้งคืน
“ทำไมผมไม่เคยเห็นตึกสตูปิดเลยอ่ะ” เอาจริงๆ ยังไม่เคยเห็นเลยจริงๆ บางทีลุกขึ้นมีฉี่กลางดึกแล้วมองมาก็ยังเห็นว่ามีตึกนึงที่ไฟยังสว่างโล่อย่างตึกสตูนี่ล่ะ
“ก็มันมีคนมาทำงานตลอดอ่ะ บางคนก็กินนอนอยู่นี่เลย”
พยักหน้ารับอย่างเข้าใจก่อนที่พวกเขาจะเดินมาถึงตึกที่ว่า ซึงยุนก็ว่าถุงลงกับโต๊ะที่น่าจะว่างที่สุดเพราะเกือบทุกโต๊ะดันถูกวางด้วยกระป๋องสี ถังน้ำล้างพู่กัน เลื่อยอะไรเทือกนั้นเต็มไปหมด มองหาคนที่สนิทที่สุดในบรรดากลุ่มนี้อย่างคิม จินอูที่ยังขะมักเขม้นทำอะไรซักอย่างอยู่คนเดียว
“พี่จะกลับหอยัง?”
“เออ แปปนะ พี่ฝากของแปป” ดูเหมือนจินอูจะวุ่นและยุ่งมากในตอนนี้ เห็นคนตัวเล็กกว่ารีบรุดเดินไปหาซงมินโฮพร้อมกับของอะไรบางอย่างซึ่งซึงยุนไม่ใช่คนขี้อยากรู้เท่าไหร่หรอก จริงๆ
เลยก้มหน้าเล่นเศษไม้อัดที่กองรวมๆไว้ด้วยความว่างงาน
จู่ๆก็ได้ยินเสียงไอค่อกแค่กของใครบางคนใกล้ๆจนต้องหันไปหา.. มันไม่ใช่ใคร มันคือคนที่พวกคุณรอคอยแต่ตรงกันข้ามกับน้องยุนไง
เขามองหน้าอู จีโฮที่มีแมสก์ปิดปากเอาไว้และแน่นอนว่าถ้าอีกฝ่ายไม่ได้กำลังหลับอยู่เขาคงไม่มีทางที่จะกล้าจ้องหน้าแบบนี้แน่ๆ คนอะไรไม่สบายแล้วยังมาทำงานงกๆอยู่ตรงนี้
พอเห็นอีกฝ่ายก็ดันเหลือบไปมองเสื้อผ้าที่เหมือนเสื้อของเขาซะเหลือเกินและมันทำให้วันทั้งวันของวันนี้ที่ซึงยุนถูกเข้าใจผิดคิดว่าเป็นหัวหน้าฝ่ายงาน sculpture มากอย่างมากที่สุดในรอบปี เป็นการถูกเข้าใจผิดที่น่าหงุดหงิดซะเหลือเกิน
“มองอะไรหนู” ซึงยุนสะดุ้งตกใจเมื่อจู่ๆคนที่นอนหลับตาอยู่เกิดนึกอยากลืมตาขึ้นมา คนที่นั่งจ้องอยู่นานกลับทำอะไรไม่ถูกรีบหลบสายตาหันไปมองฟ้าดินอย่างช่วยไม่ได้
“แปลกดีว่ะ…”
“พูดอะไรวะพี่?” คนอะไร นึกอยากพูดก็พูด นึกอยากเปลี่ยน topic ก็เปลี่ยน โลเลซะจริ้ง~
“มึงไม่ชอบหน้ากูแต่ดันทำอะไรคล้ายๆกัน”
พอได้ยินประโยคนั้นน้องยุนถึงกับจุก ก่อนจะก้มมองดูเสื้อตัวเองอย่างที่อีกฝ่ายว่าแหละว่าทั้งๆที่เขาไม่ค่อยชอบหน้าอู จีโฮซักเท่าไหร่ แต่ดันมีหน้าตาคล้ายกัน แล้วล่าสุดยังใส่เสื้อเหมือนกัน..
อะไรมันจะโคตรเหมือนฟ้าลิขิตขนาดนี้
ไม่.. เปลี่ยนจากคำว่าลิขิตเป็นกลั่นแกล้งดีกว่าไม่งั้นเดี๋ยวดูเหมือนคู่รักกันเกิ้น!
“ช่วงนี้ไปไหนมาไม่ค่อยเห็นหน้าเลย”
ถามจริง แล้วทำไมกูต้องไปเห็นพี่หน้าทุกๆวันด้วยยยยย
ยอมรับว่าหลายสัปดาห์มานี้เขายุ่งกับการซ้อมดนตรีและช่วยงานเพื่อนในห้องเอามากๆทำให้ไม่มีเวลาเล่นไร้สาระ หรือ ‘บังเอิญ’เจอคนตรงหน้าซะเท่าไหร่ แถมดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะดูยุ่งมากกว่าเขาซะอีก
“พอไม่เจอหน้ามึงแล้วกูไม่สบายเลยเห็นมั้ย”
“มันเกี่ยวกันตรงไหน” อะไร…. ตกแกทเชื่อมโยงรึเปล่า เคยทำข้อสอบคิดวิเคราะห์บ้างมั้ย ไม่ยักกะรู้ว่าไอ่การไม่ได้เจอหน้าคนๆนึงมันจะสามารถทำให้ป่วยได้
“ก็กูอยากเห็นหน้ามึงบ่อยๆ”
“...”
จุ้งเลย
ขอ BGM เป็นเพลง ‘อยากเห็นหน้าคุณ’ มาประกอบที... อะไร? จะบอกอะไร? จะสื่ออะไรกันแน่? ถ้าคนตรงหน้าไม่ใช่อู จีโฮหรือคนฟังไม่ใช่คัง ซึงยุน ถ้านี่เป็นหนังเรื่องนึงและถ้าเขาเป็นคนดูเขาคงคิดว่ามันเป็นประโยคจีบเสี่ยวๆของพระเอกด้วยซ้ำ
แล้วไอ่ประโยคบ้านั่นมันก็ทำให้หัวใจแทบหยุดเต้นไม่แพ้ไอ่ประโยคคล้ายๆกันที่อีกฝ่ายเคยพูดก่อนหน้านี้เลย
“ป--..ป่วยจนเพี้ยนหรอพี่”
ถ้านี่เป็นประโยคจีบเสี่ยวๆของพระเอกเขาอยากจะบัญญัติคำศัพท์อาการที่เป็นอยู่ตอนนี้ซะเหลื่อเกินว่า ‘โคตรเขิน’
อยากเห็นหน้าผมหรอพี่? ก็ลองส่องกระจกดูดิ ฟหกหฟเด่หก่ดฟหก่ดหกฟาดสวากหสดากเส่
โอ้ย รู้สึกเกร็งปากเอามากๆ.. กลั้นยิ้มing
ซึงยุนไม่รู้ว่าตัวเองเป็นคนหัวใจอ่อนไหวไปกับคำพูดบ้าๆบอๆของอีกฝ่ายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไม! คนๆนึงที่เปลี่ยนแปลงทุกๆอย่างไป คนที่ทำให้ยิ้มได้และเป็นคนที่ทำให้หงุดหงิดได้ในเวลาเดียวกัน
ประโยคธรรมดาจากผู้ชายธรรมดาที่พูดด้วยใบหน้าป่วยๆดันทำให้หัวใจคนฟังเต้นไปผิดจังหวะและคิดเอาเองว่าไอ่ประโยค ‘ก็กูอยากเห็นหน้ามึงบ่อยๆ’ มันก็เป็นสับเซตหนึ่งของคำว่า ‘คิดถึง’ เหมือนกัน..ใช่มั้ย?
โคตรอยากกรีดร้องออกมาดังๆ
ลืมหมดแล้วว่าเคยหงุดหงิดเรื่องอะไรไว้
#ฟิคพี่โค่น้องยูน
ช่วงนี้ขี้เกียจ.. (ได้ข่าวพาทที่แล้วบอกอยากลงมาก)
555555555555555555555555555555
รักคนอ่านมากๆโลย
เดี๋ยวถึงวันงานละมันต้องวุ่นวายมากแน่ๆ5555
ขอบคุณที่อ่านข้าบ
อยากแต่งมิโนxซิโค่ยาวๆแมนๆมากเลยแกร
อิ_______________อิ
ฟิคโนโค่<ฝากร้านคนับ._.
ความคิดเห็น