เหงาด้วยกัน - เหงาด้วยกัน นิยาย เหงาด้วยกัน : Dek-D.com - Writer

    เหงาด้วยกัน

    คงต้องมีบางช่วงเวลาที่คุณรู้สึกเหงา แล้วเมื่อนั้นคุณจะทำอย่างไร ถ้าไม่รู้จะทำยังไงก็ลองมาเหงาด้วยกันจะดีมั๊ย

    ผู้เข้าชมรวม

    128

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    128

    ความคิดเห็น


    5

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  หักมุม
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  21 ก.พ. 49 / 21:38 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

                 

                  ค่ำคืนที่มืดมิด บรรยากาศเงียบสงบและวังเวง เสียงหมาหอนคลอเคล้ามากับเสียงลมเบา ๆ ชวนให้ใจที่เหว่ว้า รู้สึกเหงาขึ้นมาจับใจ แล้วเหตุการณ์ในวันนั้นก็หวนกลับคืนมาสู่ห้วงคำนึง ถ้าเพียงแต่จะไม่ทำอย่างนั้น ก็คงจะไม่ต้องมาโดดเดี่ยวเดียวดายอย่างนี้ ครั้นเมื่อคิดได้ว่าสายไปเสียแล้ว จึงทำได้แค่เพียงร้องได้อย่างเดียวดาย....................

                  คุณเคยรู้สึกเหงาบ้างมั๊ย ?

                คำถามนี้ไม่เห็นจะน่าถามเลยจริงมั๊ย คงจะไม่มีใครหรอกนะที่ไม่เคยรู้สึกเหงา หรือถ้ามีคนคนนั้นก็คงจะเป็นคนที่โชคดีและน่าอิจฉาที่สุดในโลกเลยหละ สำหรับฉันแล้วความเหงาเปรียบเสมือนเพื่อนสนิทที่รู้จักกันมานาน และอยู่ใกล้ชิดกับตัวฉันมากที่สุด ฉันก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมจึงกลายเป็นคนขี้เหงาไปได้ถึงขนาดนี้ ทั้ง ๆ ที่ครอบครัวของฉันก็แสนจะอบอุ่นและมีความสุขดี แต่ฉันก็ยังมีความสามารถพิเศษในการที่จะเหงาได้ไม่ใช่เพียงเฉพาะเวลาที่ต้องอยู่คนเดียวหรือเวลาที่มีเรื่องเศร้าเท่านั้นหรอกนะ แม้กระทั่งเวลาที่มีผู้คนมากมาย ฉันก็ยังเหงาได้ คุณก็คิดดูเองก็แล้วกัน ว่าฉันนะเก่งขนาดไหน ใคร ๆ ต่างก็คิดว่าฉันเป็นโรคประสาท พากันยุยงให้พ่อกับแม่พาฉันไปรักษา แต่จะมีใครรู้ดีไปกว่าตัวของฉัน ฉันรู้ว่าฉันเป็นอะไร ทำอะไรอยู่และต้องการอะไร ไม่มีใครกล้าขัดใจฉันแม้แต่พ่อกับแม่ของฉันเองก็ตาม เพราะทุกคนต่างก็ดีว่าเวลาที่ฉันร้ายขึ้นมาใครก็ฉุดไว้ไม่อยู่ แต่ใช่ว่าฉันจะเป็นแบบนี้บ่อย ๆ หรอกนะ เฉพาะเวลาที่ฉันรู้สึกว่ามีคนเข้ามายุ่งกับโลกส่วนตัวของฉันมากเกินไปก็เท่านั้น

                อาจเป็นเพราะฉันเป็นคนที่ค่อนข้างจะปิดตัวเอง ไม่ค่อยพูดจากับใคร ชอบที่จะอยู่คนเดียวในห้อง ซึ่งเปรียบเสมือนอาณาจักรส่วนตัวของฉัน นั่งทำงานต่าง ๆ ที่ฉันสามารถจะสรรหามาทำได้ และเมื่อใดที่ฉันมีเรื่องเศร้าใจหรือมีปัญหา ฉันก็จะไม่ปรึกษาใครทั้งนั้น เพราะฉันไม่เชื่อหรอกว่าจะมีใครตัดสินใจเรื่องของเราได้ดีไปกว่าตัวของเราเอง และพ่อก็เคยสอนฉันว่า "ตนนี่แหละเป็นที่พึ่งแห่งตน" ฉันจำคำสอนนี้ได้เสมอ เพราะมันคงจะเป็นคำสอนเดียวละมั้งที่ฉันได้จากพ่อ ซึ่งส่วนใหญ่ทั้งพ่อและแม่ก็ไม่มีเวลามาสอนอะไรฉันสักเท่าไหร่หรอก เดือนนึงฉันจะเห็นหน้าพ่อกับแม่สัก 4-5 ครั้งได้มั้ง ที่เหลือก็ห้องสี่เหลี่ยมกับตัวเองในกระจกเงา ที่จะคอยตอบคำถามฉันทุกคำถาม ฉันรักตัวตนในกระจกเงาของฉันจัง

                เช้าวันนี้อากาศดีกว่าทุก ๆ วัน แต่มันก็ไม่ได้มีผลอะไรกับชีวิตฉันมากนักหรอก เพียงแต่ช่วยให้ฉันรู้สึกสดชื่นขึ้นบ้างก็เท่านั้นเอง ฉันไม่ได้เฉลียวใจสักนิดว่าวันที่อากาศดี ๆ เช่นนี้จะทำให้เส้นทางเดินชีวิตของฉันเปลี่ยนไปจากที่เคยเป็น

                วันนี้ฉันได้พบกับผู้ชายคนหนึ่ง ในสายตาฉันเค้าหล่อมากทีเดียว เราบังเอิญพบกันที่ห้องสมุด ขณะที่ฉันกำลังหาหนังสือเพื่อไปทำรายงานส่งอาจารย์ ความจริงถ้าไม่มีงานอะไรฉันก็มักจะมาเก็บตัวอยู่ที่นี่อยู่แล้วเพราะนักศึกษาดีเด่น มีลุ้นเกียรตินิยมอย่างฉันไม่มีวันปล่อยให้มันหลุดมือไปง่าย ๆ หรอก แต่ก็ไม่เคยพบเขาคนนี้สักที หรือเป็นเพราะฉันมัวแต่ก้มหน้าอยู่กับพวกตำราเลยทำให้ไม่เคยสังเกตเห็นเขา ด้วยความซุ่มซ่ามของฉันที่ไม่ทันได้ดูทาง จึงเดินชนเค้าเข้าจนหนังสือตกกระจาย ฉันรีบกล่าวขอโทษเค้าเป็นการใหญ่ แล้วเค้าก็สุภาพบุรุษมาก ๆ ไม่ว่าสักคำแถมยังช่วยฉันเก็บหนังสือและถือไปให้ที่โต๊ะอีกต่างหาก โอ๊ย !.........................ช่างโรแมนติกอะไรอย่างนี้ ฉันแทบอยากจะร้องกรี๊ด.............ออกมาดัง ๆ ติดที่ว่าอยู่ในห้องสมุดจึงทำอย่างที่คิดไม่ได้ คุณคงจะคิดเหมือนกันละสิว่าอะไรมันจะเหมือนกับตอนพระเอกพบรักกับนางเอกในละครน้ำเน่าอย่างนี้ ฉันก็ว่าอย่างนั้นเหมือนกัน แต่ฉันไม่สนหรอกก็ในเมื่อชายหนุ่มตรงหน้าฉันนี่น่าสนใจกว่าตั้งเยอะ และเพราะความที่เป็นคนร่าเริงแจ่มใส มีอัธยาศัยดีของเขา ทำให้เราสองคนสนิทสนมกันได้อย่างรวดเร็ว คนขี้เหงาอย่างฉันจึงเริ่มมองโลกนี้สดใสขึ้น ไม่ว่าฉันจะทำอะไร ก็จะได้ไปปรึกษาขอความเห็นจากเค้าทุกที ซึ่งมันไม่ใช่นิสัยของฉันเลย แต่ฉันก็บอกแล้วไงว่าทุก ๆ อย่างมันดูจะเปลี่ยนไปตั้งแต่วันที่ฉันพบเค้า จนคนที่บ้านต่างก็พากันแปลกใจ

                         ฉันน่าจะเอะใจอยู่แล้วนะว่าเรื่องราวของฉันมันไม่น่าจะเป็นไปได้ด้วยดีอย่างนี้เลย เพราะละครน้ำเน่าที่ฉันเคยดูมาบ้างนั้น มันต้องมีอุปสรรคให้พระเอกและนางเอกได้ฝ่าฟันกันบ้าง มันถึงจะทำให้ความรักของทั้งสองคนลึกซึ้งและแนบแน่นขึ้น แต่นี่ฉันกับเค้าแทบจะไม่เคยมีเรื่องทะเลาะกันเลยด้วยซ้ำไป เพราะดูเหมือนว่าไม่ว่าเค้าจะมีความคิดเห็นยังไง ฉันก็จะพลอยเห็นดีเห็นงามไปด้วยเสมอ และแล้วลางร้ายก็เริ่มก่อตัวให้เห็นในเย็นวันหนึ่งหลังจากที่เรารู้จักกันมาได้เกือบ 7 เดือน ซึ่งตลอดเวลาที่รู้จักกันมาฉันคิดว่าเราสองคนเป็นแฟนกันแล้ว นี่ฉันเข้าข้างตัวเองไปรึปล่าว แต่ฉันรู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ นะ ถึงแม้ว่าเค้าจะไม่เคยบอกรักฉัน แต่ฉันก็สัมผัสได้ถึงความห่วงหาอาทรที่เขามีให้กับฉัน ฉันถือว่านี่แหละเป็นคำบอกรักของเขา แล้วเรื่องที่ฉันกลัวก็เกิดขึ้นจนได้ เย็นนี้เขายืนรอฉันอยู่ที่เดิม ที่ซึ่งเขามักจะมายืนรอเพื่อจะกลับบ้านพร้อมกัน สีหน้าของเขาดูกังวลนิดหน่อย แต่เขามีเรื่องอะไรให้ต้องกังวลกันเล่า หรือว่าฉันจะคิดไปเอง

                เขายิ้มให้ฉันเมื่อเห็นฉันเดินเข้ามาใกล้ ก่อนที่จะบอกกับฉันว่า

                "วันนี้คงไม่ได้กลับบ้านด้วยนะ"

                ฉันจึงยิ้มให้แล้วตอบกลับไปว่า "ไม่เป็นไรนี่" ทั้งที่ในใจนั้นสงสัยแต่ก็ไม่กล้าถามว่าเขาจะไปไหน เพราะฉันเชื่อว่าเค้าจะต้องเล่าให้ฉันฟังแน่ ๆ ฉันจึงหันหลังจะเดินกลับไป แต่แล้วเขาก็เรียกฉันไว้แล้วบอกว่า

             "อย่าเพิ่งกลับสิ มีคนจะแนะนำให้รู้จัก นั่นไงมาแล้ว"

                ฉันมองไปตามมือของเขาที่กำลังชี้อยู่ แล้วก็พบว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งรูปร่างน่าตาดีกำลังเดินมาทางนี้ ฉันคิดน่าจะเป็นน้องสาวของเขา เพราะเขาเคยเล่าให้ฟังว่าเขามีน้องสาว 1 คน และเขาก็รักน้องสาวคนนี้มากด้วย เขาคงอยากจะให้ฉันทำความรู้จักกันไว้ เผื่อวันข้างหน้าจะได้เข้ากันได้ ฉันเองก็ยินดีที่จะรู้จักกับน้องสาวของเขาเช่นกัน

                จากนั้นเขาก็แนะนำให้ฉันรู้จักกับผู้หญิงที่ยืนอยู่เคียงข้างกับเขา ซึ่งมันทำให้ฉันถึงกับตะลึงจ้องตาค้าง พูดและทำอะไรไม่ถูกเลย เมื่อเขาบอกว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นคนรักของเขาซึ่งคบกันมา 5 ปีแล้ว และจะแต่งงานกันทันทีเมื่อเรียนจบ ก่อนหน้านี้ที่ฉันไม่เคยได้พบเห็นเธอมาก่อนก็เพราะเธอเรียนอยู่ที่ต่างประเทศและขณะนี้ก็กลับมาเยี่ยมบ้าน ฉันแทบอยากจะร้องกรี๊ด...........ออกมาดัง ๆ แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะสมองมันยังสั่งการอยู่ว่าให้รู้สึกอายคนที่ผ่านไปผ่านมาอยู่รอบ ๆ บ้าง ฉันรู้สึกว่าผู้หญิงที่ฉันคิดว่าน่ารักดีเมื่อสักครู่นี้กลับกลายเป็นนางปีศาจชั่วร้ายไปในทันที ฉันอยากจะทำทุกวิธีเพื่อให้ผู้หญิงคนนี้หายไปตรงนี้ให้ได้ แต่เมื่อเธอยิ้มตอบมามาแล้วพูดกับฉันว่า "ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ" ฉันก็จำต้องสวมบทนางเอกที่ฉันยึดมาตลอดเอามาเป็นเกราะกำบังหน้าไว้ก่อน แล้วตอบกลับไปว่า "ยินดีเช่นกันค่ะ" และฉันก็ยังได้รู้อีกอย่างหนึ่งว่าที่เขาสนิทสนมและทำดีกับฉันนั้น เพราะบังเอิญหน้าตาของฉันไปละม้ายคล้ายคลึงกับน้องสาวของเขาซึ่งเสียชีวิตไปแล้ว น้ำเน่าสิ้นดีเลยไหมล่ะคะ เพียงแค่รักครั้งแรกฉันก็แห้วซะแล้ว ทำไมโชคถึงไม่เข้าข้างฉันบ้างเลย ฉันรู้สึกเสียใจและผิดหวังมากแต่ก็คงทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าการร้องไห้ ฉันไม่รู้ว่าตัวเองกลับมาถึงที่ห้องได้ยังไง และแยกออกมาจากเหตุการณ์สะเทือนใจตรงนั้นได้อย่างไร ทุกอย่างมันดูล่องลอยไปหมด ฉันไม่รู้ตัวเลยสักนิด

                และแล้วฉันก็ต้องกลับมาโดดเดี่ยวเดียวดายอยู่ในห้องของตัวเองอีกครั้ง ฉันยอมรับว่าเรื่องนี้มีผลกระทบต่อจิตใจฉันมาก เพราะมันทำให้ฉันได้รู้ว่าไม่มีใครอีกแล้วที่จะรักและเข้าใจเรามากไปกว่าตัวของเราเอง ก็ในเมื่อเรื่องของฉันมันเริ่มต้นมาดั่งละครน้ำเน่าแล้วมันจะจบลงแบบละครน้ำเน่าไม่ได้เลยเชียวหรือ เป็นอันว่าฉันแพ้ราบคาบ เพราะตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ฉันก็พยายามทำทุกอย่างที่ฉันคิดว่าฉันจะได้เค้าคืนกลับมาจากผู้หญิงน่าเกลียดคนนั้น แต่มันกลับไม่เป็นอย่างที่ฉันคิดไว้เลย ยิ่งฉันพยายามทำมากขึ้นเท่าไหร่ ก็ดูเหมือนกับว่าเค้าจะยิ่งเกลียดฉันมากขึ้นเท่านั้น จนกระทั่งหนสุดท้ายที่เราพบกันเค้าดุฉันอย่างแรงอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน และบอกว่าผิดหวังในตัวฉันมาก ฉันไม่รู้จะทำอย่างไรดี ไม่รู้จะไปที่ไหน ฉันรู้แต่ว่าฉันเสียใจมาก แล้วภาพต่าง ๆ ก็มืดลง ดังกับถูกใครบางคนเอาสีดำมาเทราดลงไป มันมืดมากจนมองไม่เห็นอะไรเลย หรือจะเป็นเพราะฉันร้องไห้มากไปจนน้ำตามันบังทำให้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น มารู้สึกตัวอีกครั้งฉันก็กลับมาอยู่ที่ห้องของตัวเองแล้ว ฉันรู้สึกว่าฉันใช้เวลาจมอยู่กับความรู้สึกของตัวเองในห้องนานมาก สุดท้ายฉันก็ต้องยอมรับความจริงและออกมาเผชิญกับโลกภายนอกเสียที

                วันนี้น่าแปลกจังที่พ่อกับแม่อยู่บ้านพร้อมกันทั้งสองคนกำลังนั่งดูข่าวกันอยู่ ฉันละเบื่อจังไอ้ข่าวฆ่ากันตาย ไม่ก็ฆ่าตัวตายเนี่ยะ ไม่รู้อะไรกันนักหนา เรียนมาก็ตั้งเยอะตั้งแยะคิดกันได้แค่นี้เองรึไงนะ ชีวิตยังมีอะไรอีกตั้งมากมายจะรีบตายกันไปไหนเนี่ยะ ตายไปแล้วจะสบายรึปล่าวก็ยังไม่รู้เลย ฉันคิดได้เพียงแค่นี้ก็รู้สึกปวดหัวเหมือนหัวจะระเบิดออกเป็นเสี่ยง ๆ สงสัยต้องเป็นเพราะฉันเครียดกับเรื่องนั้นมากนั้นเอง ต่อไปฉันจะต้องรักตัวเองให้มากกว่านี้ ฉันสัญญากับตัวเอง

                หลังจากนั้นไม่นานครอบครัวของฉันก็ต้องย้ายขึ้นไปอยู่ทางเหนือ เนื่องจากคุณพ่อของฉันต้องย้ายไปรับตำแหน่งใหม่ทางโน้น จึงจำต้องเป็นต้องทิ้งบ้านไว้ทางนี้ ซึ่งได้บอกขายไปแล้ว แต่ก็ยังขายไม่ได้ และก็คงจะขายไม่ได้ตลอดไป (ฉันคิดอย่างนั้น)

                ครอบครัวของฉันไม่เคยกลับมาที่บ้านเก่าอีกเลย ตั้งแต่ย้ายไป ปล่อยบ้านนั้นไว้เป็นบ้านร้าง มีคนบอกว่าเคยได้ยินเสียงผู้หญิงร้องไห้เวลากลางคืนในบ้านหลังนั้น จึงไม่มีใครกล้าเข้าไปช่วยดูแลทำความสะอาดบ้าน แม้ว่าคุณพ่อจะให้ค่าจ้างแพงแค่ไหนก็ตาม เคยมีคนรับจ้างเข้าไปทำ 2-3 คน แต่ทุกคนก็ทำได้ไม่เกิน 1 วัน แล้วก็เผ่นหายกันไปหมด ต่อจากนั้นมาก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปอีกเลย บ้านนั้นจึงร้างมาจนทุกวันนี้

                คุณคงสงสัยว่าทำไมฉันไม่กล่าวถึงพระเอกของฉันเลยเค้าหายไปไหน เค้าก็ได้แต่งงานกับนางเอกของเค้านั่นแหละค่ะ แล้วก็พากันไปอยู่ที่ต่างประเทศ เขาเคยมาเยี่ยมฉันครั้งหนึ่งก่อนที่เขาจะออกเดินทางมากับนางเอกของเขานั่นแหละ พร้อมด้วยเด็กน้อยหน้าตาน่ารักคนหนึ่งด้วย ฉันเข้าใจได้ในทันทีว่านั่นต้องเป็นลูกของเขาทั้งสองคนแน่ เด็กน้อยน่ารักมาก เขาส่งยิ้มให้ฉันด้วย แค่รอยยิ้มที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสานั้นก็ทำให้ฉันหลงรักเขาทันที ผู้แพ้ยังไงก็ยังเป็นผู้แพ้ จากวันนั้นมาเส้นทางของฉันกับเขาก็ไม่เคยโคจรมาบรรจบกันอีกเลย

                ถ้าฉันรู้จักคิดให้ดีกว่านี้ ไม่ใช้อารมณ์ชั่ววูบในการตัดสินใจ ฉันคงไม่ต้องมาเป็นแบบนี้หรอก ฉันอยู่ที่นี่มานาน...................นานมากแล้ว ไม่มีใครคุยด้วย ถ้าคุณเคยเหงาคุณคงจะเข้าใจดีว่าการอยู่คนเดียวมันเหงาแค่ไหน เหงาจนต้องร้องไห้ทุกคืน ทำไมต้องเป็นกลางคืนนะหรือ ก็เพราะว่ากลางคืนมันเงียบและวังเวงนะซิ ฉันไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้เลย มันเหงา..............เหงาเหลือเกิน ถ้าคุณเหงาเหมือนกัน มาอยู่ด้วยกันไหม บ้านนี้ยินดีต้อนรับ เราสองคนจะได้ไม่ต้องเหงาอีกต่อไป

                อ๊ะ.............สงสัยละสิว่าฉันเริ่มรู้ว่าตัวเองตายไปแล้วเมื่อไหร่กัน

                ก็...............เมื่อไม่มีใครคุยกับฉันเลยนะสิ ไม่ว่าฉันจะพยายามคุยกับเค้ายังไงก็ตาม ทุกคนก็ทำเหมือนกับว่าไม่เห็นฉัน

                ฮือ..............ฮือ.................ฮือ...................เสียงร้องไห้ถูกกลืนหายไปกับเสียงหมาหอน ในยามดึกสงัด ใครไม่เคยเหงาไม่มีทางรู้หรอกว่ามันทรมานแค่ไหน

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×