ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [B.A.P] MOVE (Bangchan)

    ลำดับตอนที่ #6 : บทที่ห้า

    • อัปเดตล่าสุด 17 พ.ค. 57


     

     

    บทที่ 5

               

                “...ข้อนี้ให้หาความเร่งเฉลี่ยของรถยนต์คันนี้...” แดฮยอนงึมงำขณะก้มหน้าก้มตาอ่านสมุดการบ้านตรงหน้าที่ยังคงว่างเปล่าไร้รอยขีดเขียนใดๆก่อนจะเงยหน้าขึ้นหารุ่นพี่ข้างตัวที่นั่งอยู่บนโซฟาเดียวกัน “...แล้วมันทำยังไงอ่ะลูกพี่?”

     

                “แม่.งเอ๊ย!” คนถูกเรียกไม่แม้แต่จะหันไปมองคนเป็นน้อง ยงกุกขยับตัวฟึดฟัดอยู่คนเดียวตอนที่สายตาจับจ้องไปยังคนสองคนที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องครัวด้วยกัน

     

                ฮิมชานและจุนฮงช่วยกันเก็บจานไปล้างหลังจากเสร็จมื้อเช้าที่ปราศจากเงาของคนโตสุดในบ้านอย่างยงนัม ทั้งคู่ส่งเสียงหัวร่อต่อกระซิกกันมาตลอดทางกระทั่งถึงโซฟาที่ยงกุกและแดฮยอนนั่งอยู่ ลองเหลือบสายตาลงไปมองเล็กน้อยก็พบว่าถูกจ้องมาก่อนแล้ว

     

                “เดี๋ยวพี่ฮิมชานจะทำอะไรต่อเหรอฮะ?” เด็กหนุ่มตัวสูงเอ่ยถามขณะแกล้งตบมือชื้นๆเข้ากับแขนเสื้อของเพื่อนตัวเล็กพลางหัวเราะร่วน

     

                “ไอ้สัดเผือก ไอ้สันดาน!

     

                “เอ่อ...” เขาอึกอัก จ้องมองเด็กสองคนตบตีกันไปมายิ้มๆ “...พี่ว่าจะซักผ้าน่ะ ยงกุก...” ว่าพลางหันไปหาเจ้าของชื่อที่นั่งทำหน้าไม่สบอารมณ์อยู่ใกล้ๆ “นายพอจะมีอุปกรณ์ซักผ้าหรือเปล่า พวกกะละมังหรือถังน้ำพวกนั้น”

     

                “มึงจะซักอะไร ผ้าก็ส่งซักไปแล้วเมื่อวาน”

     

                “เอ่อ...” ฮิมชานอึกอัก ลังเลเล็กน้อยก่อนจะโน้มตัวเข้าไปใกล้เพื่อบอกอีกฝ่ายเสียงเบา “...ชั้นในน่ะ ชุดชั้นใน”

     

                “ผมช่วยนะ!!!

     

                “เสือ.ก!!!” ฉับพลันที่จุนฮงโพล่งประโยคอาสาออกมาหน้าระรื่น ยงกุกก็สวนกลับพร้อมฟาดมือลงบนศีรษะรุ่นน้องแรงๆอย่างมีความนัยทันที ฮิมชานยืนมองอึ้ง ส่วนแดฮยอนระเบิดหัวเราะอย่างเอาเป็นเอาตาย

     

                “ฮ่าฮ่าฮ่า สมน้ำหน้าไอ้เสาไฟฟ้าขี้เสือ.ก”

     

                “มึงอยู่ช่วยสอนการบ้านแดฮยอนมันตรงนี้เลยนะ อย่าริขยันไม่เข้าเรื่อง”

     

                “โห่พี่ยงกุก ผมทำไรผิดอ่ะ ตีมาได้กะโหลกแทบร้าว” เด็กหนุ่มโอดครวญ ยกมือขึ้นลูบศีรษะตัวเองป้อยๆ

     

                “สมควร” คนเป็นพี่ว่าสั้นๆแล้วลุกขึ้นยืน คว้าเศษขยะบนโต๊ะที่กินทิ้งไว้แล้วทำท่าจะเดินออกไป

     

                “อ้าว ลูกพี่จะไปไหนอ่ะ” แดฮยอนที่นั่งมองอยู่เอ่ยถาม มือขวายื่นไปคว้าสมุดการบ้านบนโต๊ะขึ้นมาชูก่อนจะสะบัดไปมา “การบ้านผมยังไม่เสร็จเลย”

     

                “ไปหากะละมัง แล้วก็จะซักผ้าด้วย มึงก็ให้ไอ้จุนฮงมันสอนไปก่อนละกัน” เขาว่าเสียงเรียบ หันหน้าไปหาฮิมชานที่ยืนนิ่งก่อนจะรุนหลังให้ออกเดิน “มึงไปกับกู”

     

                “อะแฮ่ม! น้องชายครับ...” เสียงทุ้มใหญ่ที่ดังขึ้นตรงขั้นบันไดมาพร้อมกับการปรากฏตัวของพี่ใหญ่อย่างยงนัม ชายหนุ่มลากเท้าเอื่อยๆมาตามทางพลางยกยิ้มล้อเลียน “...ไม่ทราบว่าคุณมึงหัดซักผ้าเองตั้งแต่เมื่อไหร่ เท่าที่จำความได้หนังกำพร้ามึงแทบไม่เคยแตะผงซักฟอกเลยนะครับ”

     

                “สัดนัม!” บังยงกุกขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “มึงอย่ามาเพ้อเจ้อ กูเคยซักผ้าเองเหอะ มาตอนนี้กูจะซักผ้าเองแล้วมันแปลกตรงไหน”

     

                “แปลก” ชายหนุ่มว่ากลั้วหัวเราะ เดินไปวาดมือลงคล้องคอรุ่นน้องอย่างฮิมชานก่อนจะหยิกแก้มไปที “มึงแปลกทุกอย่างตั้งแต่มีรุ่นน้องหน้าโง่ของกูเข้ามา”

     

                “พี่ยงนัม” ฮิมชานขมวดคิ้ว สะบัดตัวให้หลุดออกจากพันธนาการของคนข้างๆ “ผมผิดไรเนี่ย ว่าผมทำไม”

     

                “เงียบเหอะน่า” เขาตัดบท หันไปไล่เบี้ยเอากับคนที่ยืนเลิ่กลั่ก “ว่าไงไอ้น้องชาย บอกเหตุผลที่ฟังขึ้นมาหน่อยสิ”

     

                “ตื่นมาทำไมเนี่ยเชี่ยนัมมมม” ยงกุกหัวเสีย กระฟัดกระเฟียดเดินไปกระแทกตัวลงบนโซฟาดังเดิม “กูไม่มีเหตุผล เพราะกูไม่ได้เปลี่ยนหรือว่าแปลกไปจากเดิมทั้งนั้น...” เขาคว้าเอาคอเสื้อรุ่นน้องอย่างแดฮยอนระบายอารมณ์ “...สัดแด้ มาทำการบ้าน”

     

                “ฮ่าฮ่าฮ่า สนุกโว้ยยยย” ยงนัมหัวเราะลั่น เดินไปสะกิดขาจุนฮงด้วยปลายเท้าก่อนจะเอ่ยปาก “ไอ้จงฮุน ไปนั่งที่อื่นดิ๊”

     

                “พี่ บอกกี่ทีแล้วว่าผมชื่อจุนฮง”

     

                “เออนั่นแหละ ออกไปนั่งที่โรงรถไป กูจะนั่งตรงนี้” เขาพูดพลางชี้นิ้ว ซึ่งตรงนี้ที่ว่าของยงนัมก็คือข้างๆแดฮยอนที่นั่งนิ่งทำหน้าเหมือนเห็นผี

     

                “ใจร้ายแม่.งทั้งพี่ทั้งน้อง...” จุนฮงบ่นอุบอิบ “...นี่กูเอาชีวิตมาโดนทารุณกรรมที่นี่ทำไมวะเนี่ย”

     

                  “ยังอีก!

     

                “ไปแล้วครับๆ” เด็กหนุ่มกระโจนพรวดเมื่อเห็นว่าคนโตกว่ายกเท้าเตรียมประเคนใส่ แต่ก่อนจะไปยังไม่วายหาเรื่องใส่ตัวอีกระลอก “ต้องการความช่วยเหลืออะไรเรียกผมได้เสมอนะครับพี่ฮิมชาน ผมจะรออยู่แถวนี้แหละ” ว่าแล้วขยิบตาให้หนึ่งดอก ซึ่งแทบไม่ต้องเดาเลยว่าบังยงกุกจะมีปฏิกิริยาตอบกลับอย่างไร

     

                “เสือ.ก!!!

     

                ยงนัมหัวเราะเบาๆก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งข้างๆเด็กหนุ่มตัวเล็กที่พยายามขยับกายออกห่าง ชายหนุ่มกระตุกรอยยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยตอนที่แกล้งวาดมือโอบลงบนไหล่ลาดนั่น

     

    “โอ๊ะโอ สวัสดีครับน้องแดฮยอนคน...” เขาขยับใบหน้าเข้าไปใกล้หูอีกฝ่ายในประโยคถัดมา “...ดำ

     

    “ไอ้บ้า ไอ้หื่นกาม ถอยออกไปนะโว้ยยยยย!” เด็กหนุ่มโวยวายลั่นขณะที่สองมือจัดการทุบตีต้นแขนแกร่งแรงๆหลายที

     

    “โอ๊ยๆ พอเลยๆ นี่กูเป็นรุ่นพี่มึงนะ” ยงนัมจัดการรวบข้อมือคนเป็นน้อง ซึ่งก็ถูกอีกฝ่ายสะบัดจนหลุดในทันที ดวงตากลมโตของแดฮยอนจ้องหน้าคนโตกว่านิ่ง ก่อนจะเสตาหลบเมื่อรู้สึกเหมือนใบหน้าเริ่มร้อนผ่าว

     

    “กูทักทายแค่นี้ถึงกับต้องใช้กำลังเลยเหรอวะ” ชายหนุ่มจิ๊ปาก แสร้งทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเหมือนไม่พอใจเสียเต็มประดา “แล้วเมื่อกี้ว่าใครหื่นกาม พูดให้มันดีๆนะเว้ย กล่าวหากันแบบนี้เดี๋ยวกูก็ใช้ศาลเตี้ยจัดการซะหรอก”

     

    “ใครกล่าวหา นายมันหื่นกามจริงๆต่างหาก ไอ้วิปริต!

     

    “แดฮยอน ไอ้นัมมันพี่มึงนะ พูดดีๆหน่อย” ยงกุกที่นั่งอยู่ข้างๆเอ่ยปราม แม้จะยังไม่รู้ว่าเรื่องราวเป็นยังไงมายังไงแต่เขาก็ไม่อยากให้รุ่นน้องตัวเองกลายเป็นคนก้าวร้าวแบบนี้

     

    “ขอโทษครับ” เด็กหนุ่มหน้าสลด แต่แล้วก็เปลี่ยนเป็นแบบเดิมแทบจะทันทีเมื่อนึกอะไรได้ “แต่ผมไม่ได้กล่าวหาเขานะ ก็มั... เอ่อ พี่ ก็พี่เขาหื่นกามจริงๆนี่นา”

     

    “หื่นกามยังไง?” ยงนัมลอยหน้าลอยตาถามกลับ ยกมือขึ้นกอดอกทำตัวสบายๆท่ามกลางสายตาสงสัยของคนอีกสองคนอย่างยงกุกและฮิมชาน

     

    ฮิมชานที่ยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิมชักจะรู้สึกเป็นส่วนเกิน เขาสะกิดเบาๆที่แขนเสื้อของอีกคนก่อนจะพยายามกระซิบกระซาบ

     

    “เอ่อ ยงกุก กะละมัง...”

     

    “เอาไว้ก่อนน่า มานี่เลยมึง” ชายหนุ่มฉุดแขนเรียวให้ทิ้งตัวลงนั่งข้างกายก่อนจะหันไปกำชับ “นั่งอยู่นี่นิ่งๆ”

     

    “ว่าไงล่ะ กูหื่นกามยังไง?”

     

    “กะ ก็ตอนนั้น...” พอเริ่มนึกถึงเรื่องที่เคยเกิดขึ้น แดฮยอนก็หน้าแดงซ่านขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ เด็กหนุ่มอึกอักจะพูดดีไม่พูดดีซึ่งกลายมาเป็นที่รำคาญสายตาของรุ่นพี่ข้างตัวจนต้องประเคนฝ่ามือลงฟาดเบาๆบนไหล่เล็ก

     

    “เร็วๆดิวะ ลุ้นจนเยี่ยวเหนียวแล้วเนี่ย ไอ้นัมมันไปทำอะไรให้มึงถึงไปว่ามันแบบนั้น”

     

    “ก็พี่เขา พี่เขา คือ...”

     

    “จะลีลาอีกนานมั้ย ถ้าไม่รีบพูดกูจะเตะส่งมึงกลับบ้านแล้วนะ”

     

    “เดี๋ยวดิลูกพี่ พูดแล้วๆ” แดฮยอนสูดหายใจเข้าปอดหนึ่งทีลึกๆก่อนเอ่ยปาก “ก็วันนั้นอ่ะ ครั้งก่อนที่มาบ้านพี่ ผมขึ้นไปตามพี่ชั้นบน แต่ดันเข้าห้องผิด ไปเข้าห้องพี่ยงนัมเข้า รู้มั้ยผมเจออะไร”

     

    “อะไร?”

     

    “พี่ชายพี่นั่งดู เอ่อ หนัง คือแบบ หนัง...” เด็กหนุ่มติดอ่าง พูดไปหน้าแดงเถือกไปอย่างน่าตลก

     

    “หนังโป๊?”

     

    “ชะ ใช่ หนังนั่นแหละ”

     

    “แล้วยังไงวะ? แปลกตรงไหนดูหนังโป๊ ผู้ชายใครๆก็ดูกันทั้งนั้นอ่ะ ใช่มั้ยไอ้ฮิม” ยงกุกยักไหล่ หันหน้าไปขอความคิดเห็นจากคนข้างๆแต่กลับพบใบหน้าแดงก่ำเหมือนจะระเบิดนั่นแทน “เอ้าไอ้นี่ หน้าแดงทำไมเนี่ย อย่าบอกนะว่ามึงไม่เคย?”

     

    “อะ อะไรเล่า พูดมากจังเลยนายเนี่ย” ฮิมชานเสหน้าหลบทำทีเป็นบ่นกลบเกลื่อน “แล้วเมื่อไหร่เราจะได้ซักผ้าเนี่ย แค่บอกที่เก็บกะละมังมาเฉยๆก็ได้”

     

    “แปปนึงดิ” ยงกุกว่าก่อนจะหันไปไล่เบี้ยเอากับแดฮยอน “เรื่องที่มึงว่ามีแค่นี้ใช่มั้ย จะบอกอะไรให้นะ คอมกูมีเยอะกว่าไอ้นัมอีก เรื่องแบบนี้ทำมาเป็นไร้เดียงสา ไอ้ดำเอ๊ย” ว่าแล้วขยี้หัวทุยๆนั่นไปที

     

    “คือ...”

     

    “มึงเล่าไม่จบนี่หว่า” ยงนัมที่นั่งเงียบฟังอยู่นานเอ่ยขึ้นกลางวง หันไปจ้องหน้าเอากับเด็กหนุ่มที่คอยแต่หลบสายตาด้วยความขบขัน “ถ้าเป็นเรื่องวันนั้นมันมีต่ออยู่นะ ไคลแม็กซ์ซะด้วย”

     

    “อะ อะไร มะ ไม่มีซะหน่อย” แดฮยอนละล่ำละลักบอก เลิ่กลั่กทันทีที่เห็นว่าอีกฝ่ายทำท่าจะพูดอะไรออกมา

     

    “มึงไม่พูดงั้นกูพูดเอง” เขาดุนกระพุ้งแก้มเล่นกวนๆขณะมองอีกคนทำอะไรไม่ถูก

     

    “อย่านะ!

     

    “วันนั้นน่ะ...” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นช้าๆ กวาดสายตามองหน้าน้องชายและรุ่นน้องที่รอคอยอย่างใจจดใจจ่อแล้วยกยิ้มมุมปาก “...กูกับเด็กนี่...”

     

    “พี่ยงนัม หยุด!

     

    “จูบกัน”

     

    “ห๊ะ!/ห๊ะ!/เหยดดด!

     

    “ไอ้จุนฮง!!!” สามเสียงอุทานขึ้นมาพร้อมกันก่อนที่ทุกคนจะหันไปเหวใส่เด็กหนุ่มตัวสูงที่โพล่งคำพูดออกมาโดยไม่ได้รับเชิญ จุนฮงหัวเราะเจื่อนๆสองสามทีแล้วก้าวออกมาจากมุมเสาที่ใช้ปกปิดร่างตัวเองเมื่อครู่ เขาเดินกระมิดกระเมี้ยนเข้าไปนั่งเรียบร้อยอยู่ตรงที่ว่างเล็กๆข้างฮิมชาน ก่อนจะถูกยันโครมจนก้นกระแทกพื้นโดยฝีมือของรุ่นพี่หน้าโหดใกล้ตัว

     

    “โอ๊ย พี่ยงกุกอ่ะ...” เด็กหนุ่มทำปากคว่ำ “...ผมแค่จะมาเข้าห้องน้ำแค่นี้เอง ไม่ได้จะแอบฟังซะหน่อย”

     

    “กูถีบมึงเรื่องนั้นที่ไหน” คนโตกว่าพึมพำเบาๆ

     

    “ว่าไงนะฮะ?”

     

    “เปล่า!” เขารีบเสียงดังกลบเกลื่อน หันไปจ้องหน้าพี่ชายฝาแฝดอย่างคาดคั้น “สรุปนี่มันเรื่องอะไรวะไอ้นัม มึงกับไอ้แด้...เป็นตุ๊ดเหรอ?”

     

    “มะ ไม่ใช่นะฮะลูกพี่ นี่มันเรื่องเข้าใจผิดแล้ว ผมกับเขาไม่ได้มีอะไรกันนะฮะ” แดฮยอนที่เหมือนจะเพิ่งได้สติรีบปฏิเสธทันควัน มือไม้ที่ว่างอยู่ตะครุบเข้ากับต้นแขนของยงกุกแล้วเขย่าไปมา “ลูกพี่เชื่อผมนะฮะ”

     

    “สรุปมันจริงไม่จริงวะเนี่ย?”

     

    “ไม่ต้องมามองหน้ากู กูไม่มีคำอธิบายอะไรเพิ่มเติมทั้งนั้นอ่ะ แน่จริงมึงก็ให้เหตุผลเรื่องมึงกับไอ้ฮิมมาก่อนดิ” ยงนัมพยักเพยิดใบหน้ากวนประสาทใส่น้องชาย เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายทำหน้าไม่ถูกก็หัวเราะเสียงต่ำในลำคอ

     

    “อะไรนัม ถ้าง่วงก็ไปนอนต่อเถอะนะ” ยงกุกยียวนกลับ ยกมือขึ้นสะบัดโบกในอากาศไปมา “โอ๊ะ สายมากแล้วนี่หว่า กูว่าเรารีบไปซักผ้ากันเหอะ เดี๋ยวแดดจะหุบซะเปล่าๆ ลุกเร็วมึง” ว่าแล้วสะกิดเข้าที่หัวไหล่ของฮิมชาน คนที่ยังตามสถานการณ์ไม่ค่อยทันก็เออออลุกขึ้นเดินตามอีกฝ่ายต้อยๆ

     

    “กะละมัง กะละมัง กะละมัง”

     

    “บ่นอะไรของนาย?” ฮิมชานขมวดคิ้วใส่แผ่นหลังของคนที่ฮึมฮัมร้องเพลงเหมือนอารมณ์ดี ซึ่งนั่นทำให้อีกฝ่ายถึงกับชะงักแล้วหันมาวาดแขนคล้องคอเขาแรงๆจนตัวเซ

     

    “มึงนี่ พูดมากจริง มานี่เลยๆ” มือใหญ่ขยี้ลงบนหัวคนในอ้อมแขน ก่อนทั้งคู่จะพากันหายไปทางประตูหลังบ้าน 

     

    คนสามคนที่ยังคงนั่งอยู่บริเวณโซฟาเงียบกริบ จุนฮงกระถดตัวขึ้นจากพื้นได้ก็เอนหลังลงกับเบาะนุ่มเต็มแรง ยงนัมนั่งพาดแขนกับพนักสบายๆโดยที่สายตาไม่ได้ละไปจากใบหน้าหงุดหงิดของเด็กหนุ่มข้างตัวเลยสักนิด เมื่อเห็นว่าบรรยากาศดูเหมือนจะเงียบเกินไป คนตัวสูงที่เหมือนจะเป็นส่วนเกินจึงตัดสินใจเอ่ยปาก

     

    “พี่ไม่มีอะไรจะเล่าต่อเหรอ เช่นรายละเอียดปลีกย่อยไรงี้อ่ะ ผมอยากรู้ๆ” จุนฮงกระเถิบตัวเข้ากระแซะเพื่อนตัวเล็กข้างๆพร้อมกับเสนอหน้าอยากรู้อยากเห็นใส่ยงนัมเต็มที่ คนเป็นพี่ทำแค่เพียงส่ายหน้าให้ช้าๆก่อนจะเปลี่ยนเรื่องคุย

     

    “ไม่คิดจะไปช่วยพี่มึงซักผ้าเหรอวะ” ชายหนุ่มพยักเพยิดไปทางที่คนสองคนเดินหายไปเมื่อครู่ อีกฝ่ายส่ายหน้าช้าๆและเบ้ปาก

     

    “ไม่อ่ะ เข้าไปก็โดนพี่ยงกุกเล่นงานอีกดิ”

     

    “ไม่หรอกมั้ง มันอาจจะกำลังรอมึงอยู่ก็ได้”

     

    “ไม่จริงหรอก เข้าใกล้พี่ฮิมชานทีไรผมโดนทำร้ายร่างกายทุกที”

     

    “ลองอีกสักครั้งเถอะ”

     

    “ม่ายอ่ะ นั่งอยู่นี่...”

     

    “จุนฮง” ยงนัมเอ่ยเสียงเรียบกริบขัดประโยคที่กำลังจะพูดของรุ่นน้อง เจ้าของชื่อเงยหน้าขึ้นสบสายตาคนเป็นพี่ก่อนจะพยักหน้าเหมือนเข้าใจอะไรบางอย่าง

     

    “เอ่อ ความจริงพี่ยงกุกคงต้องการความช่วยเหลือจริงๆแหละ” เขาเหลือบไปมองเพื่อนข้างตัวก็เห็นว่าก้มหน้านิ่งไม่พูดไม่จา “งั้นผมไปก่อนดีกว่าเนอะ ไปเป็นราวตากผ้าให้เขาก็ยังดี แหะๆ”

     

    จุนฮงลุกออกไปแล้ว แต่บรรยากาศตรงห้องนั่งเล่นไม่ได้ดีขึ้นเลยสักนิด แดฮยอนยังคงนั่งนิ่ง ส่วนยงนัมก็ไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไร ชายหนุ่มทำเพียงแค่จ้องมองใบหน้าแสนจะหงุดหงิดนั่นเงียบๆ และเมื่อเห็นว่าอยู่ไปคงไม่มีอะไรดีขึ้น คนตัวเล็กกว่าจึงลุกพรวดแล้วทำท่าจะเดินออกไป

     

    “เดี๋ยว” มือใหญ่กระตุกชายเสื้อยืดอีกคนให้ทรุดตัวลงนั่งที่เดิม ดวงตากลมโตตวัดฉับเข้าใส่อย่างไม่พอใจก่อนจะเอ่ยเสียงห้วน

     

    “อะไร”

     

    “ลามปามอีกแล้วนะ”

     

    “อะไร...ครับ”

     

    “มึงจะปฏิเสธทำไมทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจ” ยงนัมหันไปจ้องหน้าอีกฝ่ายแล้วเลิกคิ้วถาม ลอบพิจารณาใบหน้าจิ้มลิ้มนั่นตรงๆก็พบว่าน่ารักดีไม่หยอก เขาเองก็แค่อยากแกล้ง เพราะเวลาเห็นใบหน้านั่นหงุดหงิดทีไรแล้วมันสุขใจแปลกๆ

     

    “พี่พูดเรื่องอะไร”

     

    “เรื่องจูบ” เขาสวนหน้าตาย “มึงจะไปแก้ตัวกับไอ้ยงกุกทำไมว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง”

     

    “ก็มันไม่จริง!

     

    “อ๋อเหรอ แล้วไอ้คนที่ยืนหลับตาพริ้มให้กูเอาเปรียบวันนั้นมันใครวะ?” เสียงทุ้มยียวนพลางหัวเราะต่ำๆในลำคอ แดฮยอนกำมือแน่นข่มอารมณ์โมโหไว้ในใจ เด็กหนุ่มสูดหายใจลึกๆแล้วแสร้งตีหน้าเรียบ

     

    “หึ รู้ตัวด้วยเหรอว่าเอาเปรียบคนอื่น”

     

    “...” คราวนี้ยงนัมไม่พูดอะไรต่อ ทำเพียงแค่ยักไหล่กวนๆใส่อีกฝ่ายที่นั่งหน้างอ แดฮยอนจ้องใบหน้ากวนประสาทพลางขบฟันแน่นอย่างคนทำอะไรไม่ได้ก่อนจะตัดสินใจลุกพรวดขึ้นอีกครั้ง

     

    “เดี๋ยวซี่ จะรีบไปไหนเล่า” มือใหญ่ของคนโตกว่าดึงรั้งไว้อีกครา คราวนี้เป็นกระชากข้อมือเล็กนั่นเข้าหาตัว

     

    “ปล่อย” เด็กหนุ่มว่าเสียงเขียว ยื้อยุดข้อมือตัวเองออกอย่างแรง แต่อีกคนกลับส่งยิ้มรื่นเริงมาให้

     

    “ดูทำหน้าเข้า ขี้ไม่ออกหรือไง มียาถ่ายนะ หยิบให้เอามั้ย?”

     

    “ไอ้บ้า นิสัยเสีย ปล่อยนะโว้ย”

     

    “จุ๊ๆๆ แก้ไม่หายจริงๆสินะไอ้นิสัยลามปามผู้ใหญ่เนี่ย” คราวนี้ยงนัมเปลี่ยนเป็นรวบข้อมือของคนเด็กกว่าเอาไว้ทั้งสองข้าง เขาฉุดร่างอีกฝ่ายเข้าหาตัวจนขาแทบจะเกยกันก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้ “ถ้าจำไม่ผิด คราวที่แล้วก็เพราะสาเหตุนี้แหละใช่มั้ยถึงได้โดนจูบเอา เอ ลงโทษแบบเก่าดีมั้ยนะ?”

     

    “ไอ้วิปริต ปล่อยนะโว้ย ปล่อยๆๆๆ” แดฮยอนดิ้นขลุกขลักไปมาท่ามกลางเสียงหัวเราะลั่นของคนขี้แกล้ง ยงนัมอาศัยจังหวะทีเผลอรวบตัวอีกฝ่ายแล้วดึงเข้าหา ซึ่งกลายเป็นว่าตอนนี้ร่างกายด้านบนของเด็กหนุ่มเกยเข้ากับอกกว้างของคนเป็นพี่เรียบร้อย

     

    “พี่ยงนัม ผมบอกแล้วว่าเข้าไปก็โด...โอ๊ะโอ” เสียงโวยวายที่มาก่อนตัวของจุนฮงชะงักกึกเมื่อปรายตาไปเจอเข้ากับภาพชวนคิดลึก เด็กหนุ่มแอบเห็นว่าแขนแกร่งคู่นั้นกดศีรษะเพื่อนตัวเล็กของเขาที่ดิ้นพราดจนจมลงไปในอกก่อนจะส่งสายตาไม่พอใจมาให้

     

    “ว่าไง”

     

    “เอ่อ คือผมขอโทษนะที่ขัดจังหวะ” เขาลอบกลืนน้ำลายดังเอื๊อก “แต่ผมไม่รู้จะวางตัวเองไว้ตรงไหนจริงๆครับ”

     

    “ไอ้เผือก ช่วยด้...อุ๊บ!” แดฮยอนพยายามร้องขอความช่วยเหลือแต่กลับถูกแขนแข็งนั่นกดแรงขึ้นอีก “อู้อี้ อู้อี้ อะ อ่อยยยย!

     

    “โรงรถมั้ย ถ้าไม่มีอะไรทำล้างรถกูรอก็ได้นะ”

     

    “แหม่ กิจกรรมสร้างสรรค์ นับถือพี่จริงๆครับ” จุนฮงแสร้งทำหน้ารื่นก่อนจะค่อยๆก้าวถอยหลังโดยสายตายังคงจดจ่ออยู่กับเพื่อนตัวดีที่ดูจะไม่หมดแรงดิ้นเอาง่ายๆ “โทษทีนะเว้ยดำ กูไม่อยากหาเรื่องใส่ตัว” พึมพำเบาๆกับตัวเองก่อนจะหมุนตัวจากไป

     

    “อึก อ๋ายไอไอ้ออก อ่อยยยยย” คล้อยหลังเพื่อนตัวดีแล้วแดฮยอนก็ออกแรงสะบัดตัวอีกครั้ง คราวนี้ยงนัมยอมปล่อยแต่โดยดี แต่ก็ยังคงดึงข้อมือบางเอาไว้ไม่ให้ลุกไปไหนไกล

     

    “ทำบ้าอะไรของพี่เนี่ย! เจ็บจมูกไปหมดแล้วรู้มั้ย”

     

    “ไหนดูซิ” คนโตกว่าเอื้อมมือไปแตะปลายจมูกแดงก่ำเบาๆก่อนจะโดนปัดออกแทบจะทันที

     

    “ไม่ต้องมายุ่ง! จะปล่อยได้ยัง”

     

    “แกล้งนิดแกล้งหน่อยทำเป็นโมโหรุนแรงไปได้”

     

    “ว่าไงนะ?”

     

    “อะไร ก็บอกว่าแกล้งนิ...”

     

    “แกล้งเหรอ!? นี่ที่ทำคือแกล้งเอาสนุกงั้นเหรอ?” แดฮยอนเหวเสียงสูงใส่หน้าคนเป็นพี่ สายตาที่ส่งไปให้ดูเจ็บแค้นจนอยากจะซัดใบหน้ากวนประสาทนั่นสักทีให้หายโมโห “พี่สนุกมากมั้ย ห๊ะ!

     

    “อะ อะไรวะ ทำไมต้องโมโหรุนแรงด้วยเนี่ย” ยงนัมอึกอักเมื่อเห็นอาการต่อต้านรุนแรงจากอีกคน เสียงเหอะในลำคอดังเบาๆมาจากคนตรงหน้าก่อนที่ฝ่ายนั้นจะพูดต่อ

     

    “พี่...” เด็กหนุ่มพยายามสงบอารมณ์ “...จูบผม เพียงเพราะอยากแกล้ง ใช่มั้ย?”

     

    “ก็...” เขาติดอ่าง นึกไม่ออกว่าควรจะพูดอะไรให้อีกฝ่ายพอใจดี

     

    “ไอ้บ้าเอ๊ย! ไอ้คนนิสัยไม่ดี! พี่ทำอย่างนี้ได้ไงวะ ใครเขาเอาเรื่องแบบนี้มาแกล้งกันบ้าง พี่สนุกมากใช่มั้ย เห็นผมเป็นตัวอะไรห๊ะ!” แดฮยอนระเบิดอารมณ์โกรธใส่ สะบัดข้อมือให้หลุดจากการเกาะกุมก่อนจะระดมทุบตีไปทั่วทั้งตัวคนโตกว่าตรงหน้า เขาพ่นคำด่าออกมาอีกสารพัดจนเหนื่อยหอบจึงหยุดการกระทำเปลี่ยนมานั่งจ้องหน้าอีกฝ่ายนิ่ง “พี่แม่.งโคตรเลว”

     

    “มึงว่าไงนะ!

     

    “บอกว่าพี่แม่.งโคตรเชี่ยเลย! ชัดมั้ย!” ตะโกนลั่นใส่หน้าอีกคนก่อนจะพยายามลุกขึ้นยืนเพื่อที่จะไปให้พ้นจากตรงนั้น แต่อีกฝ่ายกลับไม่ยอมปล่อยเขาไปเสียที

     

    “มึงจะโกรธจริงจังไปทำไมวะ!” คราวนี้เป็นฝ่ายยงนัมเองบ้างที่เริ่มโมโห เมื่อเด็กหนุ่มตรงหน้าเอาแต่สะบัดสะบิ้งร่ำจะให้เข้าปล่อยมือท่าเดียว “เรื่องมันเล็กนิดเดียว ไม่ได้ไปฆ่าใครตายซะหน่อย!

     

    “วะ ว่าไงนะ” แดฮยอนตัวสั่น หน้าแดงก่ำพร้อมกับน้ำตาคลอ แทบจะควบคุมความโกรธเอาไว้ไม่ไหวเมื่อได้ยินประโยคเห็นแก่ตัวเมื่อครู่ “พี่นี่มัน...เหอะ...พูดไม่ออกเลย”

     

    “...”

     

    “ปล่อยผมได้แล้ว” เขาว่าเสียงสั่น กัดริมฝีปากตัวเองแน่นเมื่อน้ำตาเหมือนจะไหลออกมาอยู่รอมร่อ

     

    “ไม่”

     

    “บอกให้ปล่อยไง”

     

    “ไม่ คุยกันให้รู้เรื่องก่อน” ยงนัมจับพลิกตัวคนตรงหน้าให้หันเข้าหาเมื่ออีกฝ่ายเอาแต่หลบสายตากัน แล้วเขาก็เห็น ว่าดวงตากลมโตคู่นั้นฉ่ำไปด้วยน้ำใสเตรียมพร้อมจะไหลได้ทุกเมื่อ “มึง...”

     

    “ปล่อยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!” เมื่อจนหนทางแดฮยอนจึงหลับหูหลับตาตะโกนสุดเสียงพร้อมกับน้ำใสที่ไหลเป็นทางตรงสองแก้ม ยงนัมที่เห็นดังนั้นถึงกับทำอะไรไม่ถูก เผลอปล่อยมือที่เกาะกุมไว้จนอีกฝ่ายสามารถลุกพรวดคว้าสมุดการบ้านและข้าวของเดินหนีไปทันที

     

    ยงกุกและฮิมชานที่ได้ยินเสียงโวยวายของแดฮยอนรีบเดินออกมาดู ทันเห็นแค่หลังไวๆของรุ่นน้องที่หายลับไปทางประตูหน้าบ้าน ทั้งคู่หันมาจ้องเอาคำตอบกับยงนัมที่ยังคงนั่งนิ่งอยู่ตรงโซฟาตัวเดิม สีหน้าของพี่ชายฝาแฝดดูจะไม่สู้ดีนัก ยงกุกจึงหันไปมองหน้ากันกับฮิมชานก่อนตัดสินใจเดินเข้าไปใกล้

     

    “ไปทำอะไรไอ้แดฮยอนมันวะ มันถึงได้พรวดพราดออกไปแบบนั้น” คนเป็นน้องเอ่ยถามพอดีกับที่เสียงสตาร์ทรถจักรยานยนต์ดังมาจากทางหน้าบ้าน

     

    ฮิมชานเดินไปชะเง้อคอมองก่อนจะยกมือโบกเบาๆให้กับเด็กสองคนที่หันมากล่าวคำลา อันที่จริงบอกว่าคนเดียวจะถูกกว่า เพราะแดฮยอนเอาแต่นั่งซุกหน้าเข้ากับแผ่นหลังของจุนฮงไม่ยอมขยับเขยื้อนตัวสักนิด ชายหนุ่มหันหลังให้กับภาพนั้นก่อนจะเอ่ยปากถามรุ่นพี่ตรงหน้า

     

    “พี่กำลังรู้สึกผิดใช่มั้ย?”

     

    “...” ยงนัมเงยหน้าขึ้นมองคนพูดแล้วขมวดคิ้วสงสัย ตัวเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ากำลังรู้สึกอย่างไร เขาก็แค่ไม่คิด ว่าเด็กนั่นจะถึงกับร้องไห้ออกมาแบบนี้

     

    “พี่กำลังวุ่นวายใจเพราะเห็นน้ำตาเด็กคนนั้นหรือเปล่า?”

     

    “...”

     

    “เดี๋ยวๆ ไอ้แดฮยอนร้องไห้เหรอ? เป็นไปได้ไงวะ?” ยงกุกแทรกขึ้นกลางคันพลางทำหน้าเหมือนไม่อยากเชื่อก่อนจะหันไปเอาเรื่องกับพี่ชายตัวเองเสียงเข้ม “มึงไปแกล้งอะไรมันรุนแรงหรือไง ทำร้ายร่างกายมันหรือเปล่า”

     

    “มึงจะบ้าเหรอ ตัวแค่นั้นใครจะไปกล้าทำอะไรวะ”

     

    “งั้นแล้วมันร้องไห้ทำไม”

     

    “กูก็แค่...” เขาทำท่านึก ก่อนจะว่าออกมาเสียงอ่อย “...พูดจาไม่เข้าหูมันนิดหน่อย”

     

    “นิดหน่อยน่ะมันแค่ไหน” ยงกุกคาดคั้น เหลือบไปมองฮิมชานก็เห็นว่ากำลังยืนฟังอย่างตั้งใจเหมือนกัน

     

    “ก็แบบ พูดไม่คิด พูดในสิ่งที่ไม่ควรพูด พูดทำร้ายจิตใจ...ทำนองนั้น”

     

    “ปากหมาสไตล์ยงนัมสินะ” คนเป็นน้องหัวเราะหึเมื่ออีกฝ่ายตวัดสายตาขุ่นเคืองใส่ เงียบกันไปได้สักพักต่างฝ่ายก็ต่างถอนหายใจพรืดก่อนยงกุกจะเอ่ยปากอีกครั้ง

     

    “นัม กูไม่รู้หรอกนะว่าเรื่องที่มึงพูดน่ะร้ายแรงแค่ไหน แต่กูจะบอกอะไรให้อย่าง...” เขาชะงักคำพูดรอดูปฏิกิริยาของพี่ชาย ก่อนจะพบว่าฝ่ายนั้นดูจะสนใจอยู่ไม่น้อย “...กูไม่เคยเห็นไอ้แดฮยอนร้องไห้

     

    “...”

     

    “ถ้ามึงเองก็รู้สึกผิด ก็หาทางขอโทษมันซะ” เขาตบมือลงกับบ่ากว้างเบาๆสองสามทีก่อนจะหันไปส่งสัญญาณให้ฮิมชานเดินออกไปด้วยกัน

     

    เมื่อร่างของน้องสองคนพ้นสายตา ยงนัมก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ มือข้างหนึ่งยกขึ้นขยี้ศีรษะตัวเองแรงๆหลายทีแล้วก้มหน้ามองพื้น ในหัวปรากฏแต่ภาพใบหน้าเปื้อนน้ำตาที่เขามีโอกาสได้เห็นเพียงแวบเดียวก่อนแยกจากกัน ซึ่งมันทำให้เขารู้สึกผิดขนาดนี้ได้ยังไงก็ไม่รู้

     

    “กูไม่ปล่อยให้มึงปั่นหัวกูเล่นแบบนี้แน่ จองแดฮยอน”

     

     

     

    คุยกันก่อนนนนนนนนน

    ที่เห็นเนื้อเรื่องมันขึ้นๆลงๆแบบนี้ ขอชี้แจงก่อนเลยนะคะว่ามันไม่มีพล็อต ทุกอย่างกลับตาลปัตรได้ตลอดเวลาตามอารมณ์คนเขียน 55555555

    ว่าด้วยเรื่องของนัมแด้ ค่ะ สองคนนี้เป็นอีกคู่หนึ่งในนิยายเรื่องนี้ อยู่ๆก็ผุดขึ้นมาซะงั้น -*-

    เราขอบคุณทุกคนที่ตามอ่านตามเม้นท์จริงๆนะคะ ตื้นตันจนไม่รู้จะพูดยังไง ตอนนี้เราว่ามันเนือยๆ ติได้เต็มที่เลยนะไม่ต้องเกรงใจ จะเอาไปปรับปรุงค่ะ

                ขอบคุณทุกความคิดเห็นค่ะ ^^

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×