คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ
บทนำ
ตึก ตึก ตึก
รองเท้าผ้าใบสีขาวหยุดลงที่หน้าประตูไม้บานใหญ่ มือข้างหนึ่งล้วงหยิบกุญแจจากกระเป๋ากางเกงขึ้นมาไขก่อนจะก้าวเข้าไปในตัวบ้าน ถอดรองเท้าวางบนชั้นได้ก็ตรงดิ่งเข้าครัวทันที
ใครบางคนกำลังก้มๆเงยๆอยู่ตรงเตาแก๊ส กลิ่นหอมของอาหารลอยแตะจมูก คนมาใหม่วางถุงพลาสติกจากซุปเปอร์มาร์เก็ตลงบนเคาท์เตอร์ตรงกลางก่อนจะทรุดตัวลงนั่งแถวๆนั้น
“ทำไรวะ” เอ่ยถามตอนที่อีกคนหันมาเห็นเข้าพอดี ใครคนนั้นพยักหน้าเหมือนจะทักทายก่อนจะยกหม้อใบเล็กมาตั้งตรงหน้า
“กลับดึกจังวะ” ว่าแล้วทรุดตัวลงนั่งตรงข้ามพลางใช้ตะเกียบคนอาหารในหม้อไปมา “ต้มบะหมี่อ่ะ กินป่ะ”
เมื่ออีกคนส่ายหน้าปฏิเสธคำชวน เขาก็ลงมือกินอย่างไม่สนใจ
เงียบกันอยู่ได้สักพักคนที่นั่งสูดเส้นบะหมี่อย่างเอาเป็นเอาตายก็ลุกไปเปิดตู้เย็นคว้าเอาน้ำขวดใหญ่ขึ้นมาดื่มแก้อาการเผ็ด อีกคนที่ยังนั่งอยู่ปรายตามองคราบเลอะเทอะบนโต๊ะแล้วส่ายหัว “กินได้หมามาก”
“โหย ไอ้นัม ไอ้พี่หมา ไอ้หน้าส้นตีน” อีกฝ่ายรีบสวนขึ้นทันควัน ก้าวกลับมายังโต๊ะก่อนจะเริ่มลงมือคุ้ยถุงที่ถูกวางทิ้งไว้
“แล้วหน้าเหมือนกันมั้ยครับ” หยอกไปอีกหน “ท่าหาของกินยังหมาอ่ะ” คราวนี้คนที่กำลังคุ้ยหาขนมอยู่ทำเพียงแค่ส่งสายตาไม่พอใจไปให้ อีกฝ่ายหัวเราะในลำคอก่อนจะเงียบลงอีกครั้ง
“ทำไมซื้อมาเยอะผิดปกติวะ มีของสดด้วย มึงจะฝึกเป็นแม่ศรีเรือนเหรอ” เลิกคิ้วกับตัวเองอย่างแปลกใจ หยิบผักหลากชนิดขึ้นมาพลิกดูไปมา
ปกติเรื่องอาหารการกินพวกเขาตัวใครตัวมันอยู่แล้วเพราะคิดว่าโตขนาดนี้หากินเองไม่ได้ก็ควรจะอดตายไปซะ ไม่มีหรอกจะมานั่งทำอาหารเป็นเรื่องเป็นราว
“อือ แม่ศรีเรือน...” คนเป็นพี่เอ่ย “...แต่ไม่ใช่กูนะ”
อีกฝ่ายเลิกคิ้วสงสัยเต็มที่ มองตามคนที่พูดจาพางงลุกขึ้นยืนโดยไม่อธิบายอะไรเพิ่มเติม
“เดี๋ยวเล่าให้ฟัง แยกของสดใส่ตู้เย็นด้วยนะ กูไปอาบน้ำก่อน” พูดแล้วก็เดินออกไปทิ้งให้อีกคนยืนอยู่ที่เดิม
คนเป็นน้องยืนนิ่ง สองมือลองเปิดถุงอื่นๆดูก็พบว่ามีของสดอีกมากมายที่บางอย่างเขายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันเรียกว่าอะไร แล้วนี่จะให้มาแยกเข้าตู้เย็น ยัดทั้งถุงเลยได้มั้ย?
เมื่อคิดว่าทำไม่ได้ ชายหนุ่มก็เลิกสนใจของตรงหน้าแล้วหันกลับไปกินบะหมี่ที่ยังเหลืออีกครึ่งอย่างสบายใจ
นั่งอยู่อีกสักพักก็ลุกไปล้างจาน เก็บข้าวของที่ทำเลอะไว้แล้วก้าวออกไปจากครัวสวนกับอีกคนที่เดินกลับมาในสภาพมีผ้าขนหนูผืนเล็กโปะอยู่บนหัว
“มึงนี่เชื่อฟังกูสุดๆเลยนะ” คนมาใหม่ส่ายหน้า “บอกให้ทำอะไรก็ทำ”
“อย่ามาประชดเป็นตุ๊ดครับ” เขาหยุดเดินเปลี่ยนใจตามอีกคนเข้าไปในครัว “กูรอถามมึงไงว่าฟองน้ำล้างจานนี่ใช่ของสดหรือเปล่า”
“…” คนเป็นพี่พูดอะไรไม่ออกได้แต่ทำหน้าเอือมระอาใส่อีกฝ่ายก่อนจะลงมือจัดการกับของที่ซื้อมาด้วยตัวเอง
“มีไรจะบอก บอกมาดิ” ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ จ้องหน้าอีกคนอย่างรอคอย “ถ้าลีลามากกูจะไปนอนแล้วนะครับ”
“มึงจะว่าไงถ้ากูจะเอารุ่นน้องมาอยู่ด้วย” ถามขณะที่ยังง่วนอยู่กับการจัดข้าวของเข้าตู้เย็น
“สะบึมป่ะล่ะ” แต่สิ่งที่คนเป็นน้องตอบกลับมาทำเอาอยากขว้างแครอทในมือใส่หัวกลวงๆนั่นให้สะเทือนสักทีสองที
คนเป็นพี่ตีหน้าจริงจังใส่ให้รู้ว่าไม่ได้ล้อเล่น ก่อนจะถามย้ำอีกครั้ง
“จริงจังหน่อยดิ๊ มึงโอเครึเปล่า นี่กูอุตส่าห์ถามเพราะคิดว่ามึงก็ผู้อาศัยคนนึงนะ” ว่าเสียงเรียบ “แล้วรุ่นน้องกูก็เป็นผู้ชายเหอะ”
“ถ้ากูบอกว่าไม่ได้มึงจะว่าไง” อีกฝ่ายทำหน้ายียวนใส่อย่างไม่เกรงกลัว กลัวก็หมาแล้วครับ กลัวพี่ก็เหมือนกลัวตัวเอง มองหน้ามันแล้วก็เหมือนส่องกระจก
“ก็ไม่ว่าไง...” พูดพลางยักไหล่ “...ยังไงกูก็ตัดสินใจไปแล้ว”
“ถามกูเพื่อ?”
“มารยาท”
ต่อปากต่อคำกันอย่างไม่มีใครยอมใคร คนเป็นน้องเงียบลงไปได้สักพักก็เอ่ยขึ้นมาอีกหน
“แล้วคิดไงจะเอาคนอื่นมาอยู่ด้วยวะ บ้านก็ใช่ว่าจะใหญ่โต”
ไร้เสียงตอบกลับจากอีกฝ่าย มือที่จัดของยังคงทำงานไม่มีสะดุด คนที่นั่งรอคำตอบได้แต่ถอนหายใจยาวแล้วทำท่าจะลุกออกไป
“วันนี้กูไปงานศพมา” คนพี่เอ่ยขึ้นลอยๆ ชะงักปลายเท้าอีกคนให้ก้าวกลับมานั่งที่เดิม
“ต่อดิ”
“เป็นงานศพของคุณย่ารุ่นน้องกู...” พูดแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ “...ญาติคนสุดท้ายของมัน”
“...” อีกฝ่ายได้แต่เงียบ พอจะเข้าใจเหตุผลของพี่ชายขึ้นมาบ้าง
“กูเป็นห่วงมันก็เลยชวนมาอยู่ด้วย พรุ่งนี้ว่าจะเข้าไปรับ มึงโอเคมั้ยล่ะ” ถามย้ำอีกหน คราวนี้คนเป็นน้องไม่ยียวนกลับอย่างเคย ทำเพียงแค่พยักหน้าเบาๆตาม
“ก็ไม่ได้ว่าอะไร” พูดเสียงเบา “แต่น่าสงสารว่ะ”
คนพี่ยิ้มกว้างขณะมองน้องชายทำสีหน้าสลด เขารู้ว่าหลังหน้าตาและคำพูดกวนประสาทนั่นซ่อนจิตใจที่อ่อนโยนไว้ขนาดไหน นี่ขนาดไม่ใช่คนรู้จักน้องเขายังซึมขึ้นมาขนาดนี้
“เออ จริงๆแล้วมันก็รุ่นเดียวกับพวกเราแหละนะ แต่คงเรียนช้ากว่าเกณฑ์ ยังไงมึงก็ช่วยเป็นเพื่อนกับมันด้วยละกัน” ชายหนุ่มยัดของชิ้นสุดท้ายเข้าตู้เย็นแล้วลุกขึ้นยืน คว้าเอาถุงพลาสติกไปทิ้งถังขยะก่อนจะเดินไปโอบบ่าน้องชายที่ยังนั่งนิ่ง
“เลิกดราม่าได้แล้วมึง ไปนอนไป” ตบบ่าแข็งนั่นสองสามที
“ตลกแล้ว ใครดราม่าวะ”
“มีน้ำที่หางตาแน่ะ” ยังไม่วายหยอกอีกครั้ง คนน้องรีบยกหลังมือขึ้นปาดลวกๆก่อนจะพบว่ามันไม่มีอะไรอย่างที่อีกคนว่า
“นัม กวนตีนแล้วมึง” ผลักพี่ชายออกแล้วลุกขึ้นยืน คว้าเอาขนมสองสามถุงขึ้นมาถือแล้วก้าวออกไปจากครัว
คนเป็นพี่เดินหัวเราะตามหลัง เมื่อก้าวขึ้นทันกันก็วาดมือลงคล้องคอน้องชายแรงๆอย่างหยอกล้อ
“แล้วรุ่นน้องมึงชื่ออะไรล่ะ เจอหน้าจะได้ทักถูก” หยุดถามเมื่อเดินมาถึงหน้าห้องนอนตัวเอง เอื้อมมือไปเปิดประตูค้างไว้แล้วยืนรอคำตอบ
คนเป็นพี่ยิ้มกว้างในความใส่ใจของอีกฝ่าย ก้าวเดินมาหยุดที่ประตูห้องข้างๆกันแล้วเอ่ยคำพูดสุดท้ายของวัน
“ฮิมชาน คิมฮิมชาน”
ขอบคุณทุกความคิดเห็นค่ะ ^^
ความคิดเห็น