[รีวิว] Mr. Feeding สามีน่ะเหรออ๋อ! เดี๋ยวฝึกให้เชื่อง
[รีวิวหนังสือ] Mr. Feeding สามีน่ะเหรอ...อ๋อ! เดี๋ยวฝึกให้เชื่อง
ผู้เข้าชมรวม
504
ผู้เข้าชมเดือนนี้
4
ผู้เข้าชมรวม
[รีวิว] Mr.
Feeding สามีน่ะเหรอ...อ๋อ! เดี๋ยวฝึกให้เชื่อง
นักเขียน: ราชานกฮูก ราคา: 480 จำนวนหน้า: 520
สิ่งที่ชอบ
1.
พล็อตเรื่องน่าสนใจมาก เอาเรื่องการพูดกับสัตว์ได้มาเป็นเมนหลักของเรื่อง
2.
ปกออกแบบใดสวย แปลกตาดี
3.
เนื้อเรื่อง happy ending และรู้สึกอบอุ่น
4.
ที่เป็นเสน่ห์ของเรื่องนี้คือ
สไตล์การเขียนของนักเขียนเองที่เขียนได้ ฮากระจายตลอดเกือบทั้งเล่มไม่มีตก
สิ่งที่ขัด
1.
เนื้อเรื่องค่อนข้างเดินช้าไปมาก (มี 552 หน้า เจอพระเอก หน้าที่ 100 กว่า เริ่มหวานหน้าที่ 300
กว่า) แต่ทั้งนี้ก็เป็นเพราะสไตล์การเล่าเรื่องของนักเขียนเอง
แนวฮาตลอดทั้งเล่มไม่มีตกจึงต้องเล่าเรื่องให้มันยืดยาว บ่นๆเสียมากกว่า
แต่ก็ถือว่าอ่านเพลินดี
2.
ควรมีบทที่ สิริ (พระเอก) แทรกเล่ากลางๆเรื่องเลย
จะทำให้น่าติดตามมากกว่าไปเฉลยที่เดียวตอนท้ายเล่ม
เพราะเหมือนเล่าๆไปด้วยไปคายปมอะไรสักอย่าง มันทำให้ตอนกลางๆเรื่องเอื่อยๆไปมาก
รู้สึกว่าเล่มหนาถนัดตา
3.
น่าจะมีเหตุการณ์ที่รุนแรงกว่านี้อีกเท่าเพื่อเพิ่มอรรถรสให้กบเรื่อง
คือ อาเฮียควรจะมีเรื่องราวใหญ่กว่านี้
4.
นิกกี้ (นายเอง ซึ่งเป็นรุ่นน้อง)
ควรพูดกับ สิริ ซึ่งเป็นพระเอกและรุ่นพี่ให้สุภาพกว่านี้ อย่างน้อยก็ควรจะเรียก
พี่สิริ หรือ คุณ หรืออื่นๆที่สำควร เพื่อจะได้มองว่า นิกกี้
เป็นเด็กที่มีสัมมาคารวะต่อผู้ใหญ่
5.
เนื้อเรื่องคุยกับสัตว์มากเกินไป
ประมาณ 70%
ของทั้งเรื่อง ส่วนเรื่องรักๆของตัวเอกไม่ค่อยจะหวานกันเท่าไหร่ หรือแทบจะไปมีฉากไปเที่ยวหรือตกในสถานการณ์สองต่อสองเลย
มาอีกที่ก็ต้องท้ายๆเล่มแล้ว
6.
ดีน (รุ่นพี่อีกคน) ตอนแรกเหมือนจะเป็นตัวร้ายที่จะคอยแย่ง
นิกกี้ ไปจาก สิริ แต่ก็คิดผิด ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับรักสามเศร้าใดๆเลย
จริงๆน่าจะเล่นให้ ดีน เป็นมือที่สาม และเรื่องต่อของ ดีน (อีกเล่ม)
จะมีสีสันมากขึ้น
เหมาะสำหรับ
1.
คนที่อยากอ่านเรื่องไม่เครียด
2.
คนที่มีเวลาอ่านมาก
3.
คนที่ชอบมุกฮาๆ
4.
คนที่อยากลองอ่านแนววายใหม่ๆ
ไม่เหมาะสำหรับ
1.
คนที่หาอ่านฉากรักหวานๆ เศร้าๆ เหมือนนิยายวายอื่นๆ
เพราะเรื่องนี้เน้นสายฮาๆมากว่า
2.
คนที่ชอบภาษาหรือสำนวนสวยๆ
เพราะเรื่องนี้เขียนภาษาพูดมากกว่า
3.
คนที่ชอบพล็อตเรื่องใหญ่ๆ เพราะเรื่องค่อนข้างเดินช้าไปหน่อย
4.
คนที่ชอบเรื่องกระชับๆ
เพราะเรื่องนี้เป็นแนวบรรยายเสียมากกว่า
เนื้อเรื่องที่น่าจะเป็น
(คหสต.)
1.
นิกกี้ บุคลิกน่าจะเป็นเด็กที่ขยัน
จิตใจดี ร่าเริง อ่อนน้อม พูดจาสุภาพ เข้ากับผู้ใหญ่ได้ดี ฉลาดในการใช้ชีวิต
ออกเปิ่นๆ
2.
สิริ มาดนิ่ง หล่อๆ ออกจะเย็นชา ฉลาดหลักแหลม
มองคนออก ไม่ชอบคนเซ้าซี้ แต่เข้ากับทุกคนได้ดี วางตัวดี ไม่ถือตัว
3.
ดีน อบอุ่น มีเหตุผล ชอบความยุติธรรม
มีเหตุผล ไม่ชอบใช้อารมณ์
เนื้อเรื่องน่าจะเริ่มแบบนี้ [spoiler]
นิกกี้ เข้ามาเรียนในกรุงเทพ แต่ต้องทำงานไปด้วยเพราะไม่อยากรบกวนเงินของแม่ที่ส่งมา
(เพราะต้องเอาเงินไปรักษาอาการป่วยของยายด้วย) และเขาก็ได้งานที่ศูนย์การค้าใหม่ยานเศรษฐกิจ
เป็นกึ่งคลินิกรักษาสัตว์กึ่งร้านขายอาหารสัตว์
เจ้าของร้านเป็นสัตว์แพทย์ที่ค่อนข้างมีอายุแล้วจึง ได้จ้างสัตว์แพทย์มาประจำ
และหาคนขายพวกอาหารสัตว์ไปด้วย
ความสามารถพิเศษที่สามารถคุยกับสัตว์ได้ นิกกี้ไม่เคยบอกใคร
เพราะกลัวหาว่าบ้า คนเดียวที่เชื่อเขาคือยาย
เพราะตาเขาก็สามารถฟังภาษาสัตว์รู้เรื่อง ทั้งนี้คนที่ฟังภาษาสัตว์รู้เรื่องจะเรื่องว่า
แอนนิมโซเนีย เกิดจากการที่ระบบประสาทส่วนกลาง สมองและหู
สามารถรับแปลงคลื่นความถี่ต่ำได้ มากกว่าระดับที่คนปกติได้ยินกัน
นิกกี้ ได้พบกับ สิริ ที่คลินิกกึ่งร้านขายอาหารสัตว์แห่งนี้
เพราะสิริเป็นนักศึกษาสัตว์แพทย์ใกล้เรียนจบเลยต้องหาประสบการณ์ทดลองงานดู
ซึ่งพอดีกับอาจารย์ทางมหาลัยได้รู้จักกับเจ้าของคลินิกนี้
เขาเลยได้มาฝึกงานที่นี้ชั่วคราว
นิกกี้ ไม่ค่อยชอบขี้หน้า สิริ สักเท่าไหร่เพราะเขาเป็นคนไม่ค่อยพูด
ดูเย็นชา และมีหลายครั้งที่เขาพาสาวๆมาเยในร้าน ซึ่ง นิกกี้ทนพฤติกรรมนี้ไม่ไหว
เลยไปฟ้องเฮียเจ้าของร้าน แต่ใครจะเชื่อเด็กอย่างเขา แถมโดนด่ามาอีกว่าสร้างเรื่อง
เขายิ่งเกลียด สิริ เข้าไปใหญ่
แต่ยิ่งนานวันเข้า
สิริ ก็เริ่มสังเกตเห็นอะไรแปลกๆในตัว นิกกี้ ที่ชอบพูดคนเดียวบ้าง
กระชิบเบาๆกับสัตว์บ้าง และนั้นก็ทำให้ สิริ ยิ่งหาทางแกล้งแหย่ นิกกี้เข้าไปอีก
จนเขาไม่รู้เลยว่า เขาชอบเวลาที่ นิกกี้หัวเสียเอาเสียมากๆ
จนเวลาเริ่มผ่านไปก็เกิดเป็นความผูกพันของทั้งสองโดยไม่รู้ตัว
ความลับอย่างนึงที่ สิริ รู้คือ นิกกี้ ไม่ได้ชอบผู้หญิง และ
นิกกี้ก็เหมือนจะไม่รู้ว่า สิริ รู้เรื่องเขา และก็ไม่รู้ด้วยว่า สิริ เป็น bisexual (ได้ทั้งชายและหญิง) และอยู่มาวันหนึ่งก็มาคนนำสัตว์เลี้ยงมารักษาที่คลินิก
และพอดีที่ผู้ช่วยคลินิกลาป่วย นิกกี้จึงตกอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องเข้าไปช่วยแทน
นิกกี้ ได้ยินที่กระต่ายพูด เขาจึงบอกกับ สิริ ว่ากระต่ายเจ็บตรงไหนอาการเป็นยังไง
ซึ่ง สิริ ตรวจดูก็เป็นแบบนั้นจริงๆ และเขาพยายามเค้นเอาความจริงจาก นิกกี้ให้ได้
แต่ก็ไม่ได้ความอะไร จน สิริ เริ่มตั้งของสงสัยว่า นิกกี้
ต้องฟังสัตว์รู้เรื่องแน่ๆ ถึงมันจะฟังดูประหลาดก็ตาม
เจ้าของกระต่ายสีน้ำตาลตัวนั้น
เป็นของ ดีน ซึ่งเขาก็ขอบใจ สิริ และ นิกกี้ ที่ช่วยสัตว์เลี้ยงของเขามาได้
และก่อนกลับ นิกกี้ ก็ได้บอก ดีน ว่าสัตว์เลี้ยงเขาต้องการอะไรบ้าง นั้นยิ่งทำให้
ดีน อึ้งในความสามารถของ นิกกกี้ จากนั้น ดีน
ก็มักจะมาแวะเวียนซื้ออาหารกระต่ายที่ร้านนี้เสมอ จนบ้างครั้งทำให้ สิริ
เป็นพอใจโดยไม่มีสาเหตุ
มีรู้ความหลังของ
สิริ ไม่ใช่ความเปิ่นๆ กวนตีนของ นิกกี้ ที่ทำให้ สิริ สนใจเขาขึ้นมา แต่ นิกกี้
เองมีอะไรเหมือนเขาอีกอย่าง ก็คือ ฟังภาษาสัตว์ออก ซึ่งเขาตกใจมากที่เห็น นิกกี้
ฟังกระต่ายตัวนั้นรู้เรื่อง ความสามารถพิเศษนี้ สิริ
พยายามเก็บไว้ไม่บอกให้ใครรู้แม้แต่เพื่อนสนิทกัน
เพราะว่าคนมักจะมองเขาประสาทและไม่เข้ากับบุคลิกของเขา
เขาโดนล้อเรื่องนี้ตั้งแต่เด็กๆจนเป็นปม
ดังนั้นเขาจึงปิดกันทุกอย่างที่เกี่ยวกับสัตว์ แต่นั้นไม่ใช่ทางออกที่ดี
เขาจึงเลือกเรียน สัตวแพทย์เพื่อที่ว่าอย่างน้อยก็สามารถช่วยสัตว์ที่บาดเจ็บได้ (เหมือนที่หมาสุดรักของเขาได้จากไปในวัยเด็ก)
เมื่อเขารู้ว่าไม่ใช่มีเขาคนเดียวที่ฟังเสียงสัตว์ได้
เขาก็ไม่รู้สึกโดดเดียวอีกต่อไป นิกกี้ คือสิ่งที่ทำให้ชีวิตเขากลับมาสดใสอีกครั้ง
วันหนึ่งก็เกิดคดีที่อยู่ๆก็มีสัตว์เลี้ยงหาย
ติดต่อกันหลายคดี จนกระทั้ง นิกกี้ ได้ยินเสียงนกคุยกันว่าสักตอนประมาณตี 2 ของทุกคืนมักจะมีชายชุดดำออกมาเก็บสัตว์ไปเสมอ
เมื่อได้ยินดังนั้นเขาจึงดักรอชายชุดดำ เพื่อสะกดรอยตัวไป โดยมีแมวที่เขาคุ้นเคยคอยตามเขามาด้วย
พอไปถึงก็พบว่าที่นี้เป็นตึกร้างละแวกไม่ไกลจากเมืองเท่าไหร่ ในนั้น
นิกกี้เห็นชายแก่คนหนึ่งกำลังทดลองสารอะไรบางอย่างกับสัตว์อยู่
ซึ่งถ้าเขาจำไม่ผิดก็คือ สัตว์ที่ออกประกาศตามหาอยู่นั้นเอง
เมื่อนักทดลองออกไปจากห้องแล้ว นิกกี้ จึงสบโอกาสเข้าไปสำรวจภายในห้องทดลองนั้น
ซึ่งเขาเห็นนักทดลองคนนั้นขับรถออกไปแล้ว มันมึดมากเขาจึงไม่เห็นหน้าคนนั้นชัดเจน
นิกกี้ ถ่ายรูป สัตว์ทดลองในห้อง และสารเคมีที่ใช้ทดลอง เขาเห็นซากสัตว์ถูกชำแหละ
โครงกระดูกนับไม่ถ้วนกองอยู่กับพื้นห้องฝั่งนึง เขาคิดว่าเรื่องนี้มันผิดเต็มๆแน่ๆ
เรื่องนี้ต้องถึงหูตำรวจให้เร็วที่สุด ไม่ทันจะออกจาห้องไฟก็ดับลง
พร้อมกับสติที่ดับลงด้วย
นักทดลองคนนั้น
ก็คือ เจ้าของร้านของเขานั้นเอง เฮียเฒ่าแก่ สัตวแพทย์วัย 60 ปี แอบมาสุ่มทดลองวิจัยในสัตว์โดยเลี่ยงจรรยาบรรณสัตว์ทดลอง
เพราะก็ทดลองเซลุ่ม และการผ่าเหล่าของสัตว์ย่อมสำคัญกว่าชีวิตสัตว์พวกนี้ นิกกี้
โดยตีหัวและดมยาสลบ เมื่อได้สติเขาถึงกับตกใจที่เป็นเฮียเจ้านายเขา
และนักทดลองก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องปิดปากคนที่รู้การทดลองของเขาเข้าโดยบังเอิญ
เฮียแก่เฉลยให้ นิกี้ ฟังว่าที่เขารับ นิกกี้ เข้ามาทำงานเพราะรู้ว่า
นิกกี้ฟังเสียงสัตว์ออกเหมือนเขา เขาจึงตั้งใจเก็บนิกกี้เป็นกลุ่มทดลองอะไรบ้างอย่างเกี่ยวกับความสามารถพิเศษนี้
ซึ่งก็ดันรู้เรื่องเข้าจนได้ แต่เขาบอกต่อว่าก็ไม่ได้เสียดาย
เพราะมีอีกคนที่ฟังเสียงสัตว์ได้เหมือนกัน นั้นก็คือ สิริ
ใช่ เฮียแกสามารถรู้ว่าใครมีความสามารถนี้
เพราะผีย่อมเห็นผี และเรื่องราวก็ดำเนินไปโดยแนวดำที่ตาม นิกกี้ มาก็ได้ไปบอกกับ
สิริ อย่างที่มันได้รับรู้มา ทันใดนั้นก็ที่ นิกกี้จะถูกฉีดเซลุ่มใดๆ
เขาก็เข้าไปช่วยได้ทัน และได้มีการต่อสู้กัน จนยาไปฉีดที่เฮียนักทดลองเอง
จนเขามีอาการประสาทหลอนไปเลย
หลังจากเหตุการณ์นั้น
สิริ เรียนจบและเขาก็ ซื้อคลินิกนี้ต่อเจ้าของเก่า และให้
นิกกี้เป็นหุ้นส่วนในการขายอาหารสัตว์ต่อไป
..............................................................................................................................................
ความเห็นส่วนตัว โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านครับ
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ผลงานอื่นๆ ของ Billy#901 ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Billy#901
ความคิดเห็น