ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ม่านบังใจ

    ลำดับตอนที่ #3 : บทที่4

    • อัปเดตล่าสุด 23 มี.ค. 52


    บทที่4
     
                    พี่ภา แม่จอยเป็นอย่างไรบ้างคะ
                    คุณหมอผ่าตัดเรียบร้อยแล้ว แต่ยังต้องอยู่ในห้อง ICU เพราะยังไม่พ้นขีดอันตราย เอ่อ...มณ มณไปเอาเงินมากมายมาจากไหน ค่าผ่าตัดแม่จอยไม่ใช่น้อยๆเลยนะ และยังต้องรักษาต่อเนื่องอีก มณจะไหวเหรอจ๊ะ
                    ไม่ไหวก็ต้องไหวจ๊ะพี่ภา ไม่ต้องเป็นห่วงมณหรอก บ้านนี้ และแม่จอย เป็นผู้ให้ชีวิตใหม่แก่มณ มณก็ให้แม่จอยและบ้านหลังนี้ได้เช่นกัน
                    มณ เธอช่างกตัญญูจริงๆ พี่และแม่จอยขอให้เธอได้รับสิ่งดีๆ พบเจอแต่สิ่งดีๆนะจ๊ะ
                    ภาพูดให้กำลังใจกับหล่อน โดยไม่รู้ถึงสิ่งที่มณชญาตัดสินใจทำลงไปในครั้งนี้เลย เธอทราบแต่เพียงว่าเจ้านายที่มณชญาไปทำงานด้วยนั้น ให้เธอเบิกเงินล่วงหน้ามาเพื่อรักษาแม่จอยได้ ซึ่งนั่นก็เป็นความต้องการของมณชญาเองที่อยากให้ภารู้เพียงเท่านี้ ส่วนสิ่งที่มณชญาจะต้องประสบในอนาคตนั้น หล่อนขอเผชิญมันด้วยตัวเอง แม้ว่าผลจะอออกมาเป็นเช่นไร หล่อนก็ขอรับมันไว้แต้พียงผู้เดียว
                    หลังจากนั้นไม่นาน หมอก็อนุญาตให้แม่จอยกลับไปพักฟื้นที่บ้านได้ โชคดีที่การผ่าตัดสำเร็จด้วยดี ไม่มีอาการแทรกซ้อน แต่ผลจากการผ่าตัดก็ทำให้สภาพร่างกายของแม่จอยนั้น ไม่สามารถที่จะทำงานได้ดังปกติ เมื่อขาดผู้ดูแลซึ่งเป็นเสาหลักของบ้าน หน้าที่ที่เหลือจึงต้องตกเป็นของคนอื่นๆที่ต้องดูแลรับผิดชอบเรื่องการบริหารบ้านสงเคราะห์แห่งนี้ให้ดำเนินต่อไปได้ นั่นรวมถึงมณชญาด้วยเช่นกัน
                    หนูมณชญา เชิญๆ คุณพ่อท่านกำลังรออยู่ ดูท่านตื่นเต้นมากที่จะได้พบกับหนูในเช้าวันนี้ ท่านตื่นแต่เช้าเลย
                    หนูไม่ค่อยมั่นใจเลยคะ ว่าจะทำได้ดีอย่างที่ท่านคาดหวังไว้หรือเปล่า หนูกลัวทำให้ท่านผิดหวังค่ะ
                    เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงหรอก เดี๋ยวมันก็ค่อยๆเป็นค่อยๆไปของมันเอง แต่ตอนนี้หนูเอาข้าวของไปเก็บก่อน แม่บัวจะเป็นคนพาเธอไป แล้วเจอกันตอนอาหารเช้า เจ็ดโมงครึ่งนะ
                    หญิงสาวรับคำ พร้อมกับหิ้วกระเป๋าเดินตามแม่บัวไปยังห้องพัก ตอนแรกหล่อนรู้สึกตกใจและกังวลที่จะต้องเข้ามาพักอยู่ในที่นี้ด้วย แต่ด้วยเหตุผลของนายจ้าง ถึงเรื่องการเดินทางที่ไกลและความไม่สะดวกทั้งหลาย โดยเฉพาะตัวเธอซึ่งเป็นผู้หญิง และอนาคตของตระกูลที่ต้องให้เธออุ้มชูนั้น การนำเธอมาดูแลที่บ้านหลังนี้เองดูจะเหมาะสมกว่า
                    ห้องพักที่จัดเอาไว้สำหรับมณชญาดูช่างหรูหรา จนรู้สึกว่าไม่เหมาะสมกับตำแหน่งลูกจ้างอย่างหล่อน เฟอร์นิเจอร์ เครื่องนอนที่ถูกออกแบบอย่างประณีต ทำให้มณชญาคิดว่ามันเกินความจำเป็นสำหรับหล่อน..
    จริงสินะ ลืมไปเสียสนิทว่า หน้าที่ของหล่อนไม่ใช่ดูแลปรณิบัติประมุขของบ้านนี้เท่านั้น หล่อนยังคงต้องทำหน้าที่ผู้ให้กำเนิดทายาทให้กับตระกูลนี้ด้วย และห้องนี้คงอาจเตรียมเอาไว้เพื่อให้กำเนิดทายาทสุดที่รักของท่าน โดยที่หล่อนเองคือของสิ่งนั้นที่ถูกเตรียมเอาไว้รอการกลับมาของหลานชายคนเดียวของตระกูล มื่อมาถึงตรงนี้ มณชญาก็รู้สึกว่าสิ่งที่เธอทำลงไปนั้นอาจทำให้เธอต้องพบกับความทุกข์ทรมาณที่เธอไม่เคยพบมาก่อน ลมหายใจของเธอสะดุดวูบไหว จะถอนตัวตอนนี้ก็ไม่ได้แล้ว เพราะความช่วยเหลือที่ได้รับจากท่านนั้น ทำให้หญิงสาวตกอยู่ในภาวะจำยอม ถึงแม้ท่านจะเอ่ยปากออกมาว่าทั้งหมดนี้เป็นการช่วยเหลือด้วยใจ ไม่ได้หวังสิ่งตอบแทนอะไรก็ตาม แต่สำหรับมณชญาคำว่า กตัญญู นั้นเป็นสิ่งหนึ่งที่เธอยึดมั่นเสมอมา
                    แม่บัวเดินออกไปเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ด้วยซ้ำ ได้ยินเสียงเธอบอกว่าถ้าต้องการอะไรก็ให้เรียกเด็กๆได้ คนรับใช้มนบ้านให้หล่อนสามารถเรียกใช้ได้ทุกคน ท่านสั่งไว้อย่างนั้น
                    มณชญาจัดข้าวของซึ่งมีไม่กี่อย่างจนเข้าที่เข้าทางเรียบร้อยแล้ว เธอเดินเข้าห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตา หวีผมให้เรียบร้อย จากนั้นก็เดินออกจากห้องตรงไปยังห้องอขงท่านเจ้าบ้าน ห้องนี้จะไม่เปิดประตูทิ้งไว้ตลอดเวลา และมีม่านบางๆปิดอยู่เพื่อง่านต่อการมองเห็นตคนที่อยู่ข้างใน
                    ท่านคะ หล่อนเรียกก่อนเดินเข้าไปในห้อง
                    สวัสดีคะท่าน
                    หนูมณ เข้ามาลูก มา มาแต่เช้าเชียว เป็นอย่างไรบ้าง ห้องพักเรียบร้อยดีไหม ขาดเหลืออะไรก็บอกแม่บัวเขาได้เลยไม่ต้องเกรงใจ ถือซะว่าเป็นบ้านของหนูเองก็แล้วกัน
                    ขอบคุณคะท่าน ทุกอย่างที่นี่มันมากจนเกินล้นความต้องการของหนูคะ หนู่รู้สึกเกรงใจมากๆเลยคะ
                    ไม่ได้ๆ ยังไงหนูก็ต้องรับในสิ่งที่ฉันให้ หนูยอมเสียสละความสุขในชีวิตของหนู หนูก็ควรได้รับในสิ่งที่สมควรแก่กัน ไม่อย่างนั้นฉันคงนอนตายตาไม่หลับ
                    เห็นคุณพงษ์เทพแจ้งว่า เวลาอาหารเช้าของท่าน เจ็ดโมงครึ่งใช่ไหมคะ ปกติท่านรับอาหารเช้าบนห้อง หรือที่ห้องอาหาร หนูจะได้จัดเตรียม
                    เรื่องอาหารเช้าเป็นหน้าที่ของแม่บัวเขา หนูแค่มาทานอาหารร่วมกับฉันและพ่อเทพก็พอแล้ว เราทานอาหารพร้อมกันที่ห้องอาหารทุกคนนั่นแหละ
                    ถ้าอย่างนั้นหนูขออนุญาตพาท่านไปห้องอาหารเลยนะคะ
                    ไปซิไป
                    มีหนูมณมาดูแลคุณพ่ออย่างนี้ ผมค่อยสบายใจหน่อย ไม่ต้องคอยเป็นห่วงเวลาออกไปทำงานที่บริษัท ลำพังเมื่อก่อนแม่บัวกับเด็กๆดู ก็ไม่ค่อยถูกใจท่านเท่าสักใหร่ แม่บัวเองเขาก็ไม่มีเวลาดูแลท่านตลอด เพราะงานในบ้านและคนในบ้านที่ต้องดูแลทุกอย่าง แค่นี้ก็จะหมดแรงแล้ว จริงไหมแม่บัว
                “ใครว่าละคะคุณ อิฉันนะยังมีแรงเลี้ยงเหลนท่านได้อีกรุ่นนะคะ อย่าดูถูกคนแก่เชียวแม่บัวกล่าวอย่างภูมิใจ
                    เออ จริงสินะ ลืมบอกไปว่าแม่บัวเป็นคนเก่าแก่ของที่นี่ รู้มั้ยเลี้ยงตาชยุตมาตั้งแต่เด็กๆเลย พูดถึงตาชยุต อยทิตย์หน้าก็จะกลับจากอังกฤษแล้ว หนูมณจะได้เจอเขาสักที เอาละสายมากแล้ว ฉันต้องไปทำงานก่อน คุณพ่อผมไปก่อนนะครับ
                    หนูมณ คงยังไม่เคยเห็นหน้าตาของตาชยุตสินะ ท่านประมุขของบ้านแอ่ยถามหล่อนขึ้น ระหว่างที่หล่อนพาท่านออกมารับลมตรงสนามหญ้าซึ่งถูกจัดเป็นสวนที่สวยงามและร่มรื่น เพราะเห็นว่าแดดตอนเช้าไม่แรงจึงได้แนะนำให้ท่านออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์ตอนเช้าบ้าง ซึ่งท่านก็ทำตามอย่างว่าง่ายและเต็มใจ เห็นคนแก่สีหน้ามีความสุข หล่อนก็สุขใจไปด้วย
                    พ่อชยุตน่ะ เขาเป็นคนปรดของแม่บัว เลี้ยงมาตั้งแต่อ้อนแต่ออดจนโตเกือบเป็นหนุ่มถึงได้ห่างอกไปอยู่อักฤษ นานๆจะกลับมาทีพอเจอหน้ากัน แม่บัวก็น้ำตาร่วงทุกที คนแก่ก็อย่างนี้แหละหนู บั้นปลายชีวิตไม่ต้องการอะไรมากมาย นอกจาการดูและและความเข้าอกเข้าใจของลูกหลาน ฉันเองก็ถือว่าโชคดีที่ลูกหลานของฉันดูแลเป็นอย่างดี ถึงแม้บางครั้งมันจะขัดใจฉันบ้างก็ตาม แต่เมื่อแก่ตัวลงและแต่ละคนก็ต้องแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ มันก็อดเหงาไม่ได้เหมือนกัน
                    ไม่หรอกค่ะ หนูคิดว่ามันเป็นเรื่องธรรมชาติของคน อย่างคุณท่านซึ่งโชคดีที่อยู่ในฐานพระดับสูงในสังคม แม้ว่าลูกหลานจะไม่ได้ดูแลเอาใจใส่ด้วยตนเอง เพราะภาระหน้าที่การงาน แต่ก็ยังจัดหาผู้ดูแลและปัจจัยในการดำรงชีพมาทดแทนอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ยังมีอีกมากที่อยู่ในสังคมแต่ไม่ได้อยู่ในฐานะแบบท่าน เขาเหล่านั้นขาดทั้งคนที่จะมาดูแล และปัจจัยในการดำรงชีวิต กลุ่มนี้สิน่าสงสารน่าเวทนานัก
                    จริงสินะ ฉันก็มัวแต่มองตัวเอง จนลืมไปว่าคนที่แย่กว่าเรานั้นยังมีอีกมากมาย ขอบใจมากนะหนูที่ให้ข้อคิดกับคนแก่ วันหลังหนูช่วยพาฉันไปเยี่ยมเยียนเพื่อนๆ ญาติๆของหนูที่บ้านสงเคราะห์บ้างนะ ฉันอาจทำประโยชน์ให้กับคนที่ด้อยโอกาสได้บ้าง
                    ได้ค่ะท่าน หนูว่าท่านเข้าไปในบ้านก่อนดีกว่า ได้เวลารับยาหลังอาหารเช้าแล้ว และหนูจะอ่านหนังสือให้ท่านฟัง ไม่ทราบว่าท่านชอบหนังสือประเภทไหน หนูจะได้เลือกอ่านให้ฟังค่ะ หล่อนถามพลางเข็นรถเข็นเจ้าไปมนบ้าน
                    แล้วแต่หนูก็แล้วกัน ฉันเชื่อว่าหนูสามารถเลือกหนังสือที่เหมาะกับคนแก่อย่างฉันมาอ่านให้ฟัง รู้ไหมได้เพื่อนคุยอย่างหนูฉันรู้สึกสบายใจขึ้นมาก ไม่รู้สึกว่าตัวเองไร้ค่าอย่างเมื่อก่อน ไม่มีใครมาคอยคุยกับฉันแบบนี้หรอก แค่ทำหน้าที่ของตัวเองให้เสร็จๆไปเท่านั้น ที่เอาใจใส่ฉันก็มีแต่แม่บัวเท่านั้น นึกๆแล้วก็....เสียงแสดงความเหนื่อยอ่อนพร้อมกับถอนหายใจทำให้มณชญาคิดว่าหล่อนต้องหาทางเยียวยาท่านให้กลับมาสดชื่นและมีความสุขอีกครั้ง ขอให้เธอได้ศึกษาท่านเสียก่อนว่า ท่านเป็นคนแบบไหน ชื่นชอบอะไร คงไม่ยากนักสำหรับการที่คนแก่ซึ่งถูกทิ้งให้อยู่อย่างโดดเดี่ยว จะกลับมามีความสุขและมีชีวิตชีวาอีกครั้ง เมื่อได้เข้ามาสัมผัสกับที่นี่ทำให้หล่อนได้เห็นถึงความสำคัญของครอบครัว สายสัมพันธ์อันอบอุ่นนั้นมีค่ามากกว่าเงินทองหรือทรัพย์สินอื่นใด ถึงตรงนี้ หัวใจของมณชญาก็ไหววูบอีกครั้ง วันข้างหน้าจะเป็นเช่นไร เมื่อข้อตกลงระหว่างเธอกับประมุขของบ้านบรรลุแล้ว หล่อนจะกลายเป็นตัวอะไรสำหรับคนเหล่านี้ จะทำใจรับสภาพเช่นเดียวกับคนสูงอายุที่อยู่ตรงหน้าเราแบบนี้ได้หรือ เธอสลัดความคิดเหล่านี้ออกไป เมื่อพาท่านเข้ามาถึงห้องพักผ่อน ที่ริมระเบียงห้องลมพัดเย็นสบาย เธอปลีกตตัวไปเพื่อจัดยาให้กับท่าน และไม่ลืมแวะไปที่ห้องหนังสือเพื่อเลือกหนังสือที่หล่อนคิดว่าคงทำให้ท่านคลายความทุกข์ลงไปได้บ้าง
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×