Assemble Land Warrior ขุนพลรวมแผ่นดิน - Assemble Land Warrior ขุนพลรวมแผ่นดิน นิยาย Assemble Land Warrior ขุนพลรวมแผ่นดิน : Dek-D.com - Writer

    Assemble Land Warrior ขุนพลรวมแผ่นดิน

    แม่ทัพหนุ่มผู้รอวันถอนแค้นจากโจรปล้นแผ่นดินที่บังอาจบุกปล้นนครหลวงจนเป็นเหตุให้แผ่นดินถูกแยกเป็นสอง บัดนี้ถึงคราถอนแค้นคืนและรวมแผ่นดินแล้ว เขาจักทำได้หรือไม่

    ผู้เข้าชมรวม

    222

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    222

    ความคิดเห็น


    6

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  แฟนตาซี
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  22 ม.ค. 50 / 21:35 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
           ยามนี้"กรุงภัทราประชาสวรรค์"นครหลวงแห่งแคว้นสุชนาลัยถูกกองกำลังเกือบสิบแสนทั้งจากราชอาณาจักรมณีรินทร์ของแม่ทัพ"คำแก้ว" ทั้งจากหัวเมืองอาสาทั้งผู้ยอมผู้สวามิภักดิ์รวม 31 หัวเมือง ยกกำลังเข้าโอบล้อม
      ----------------------------------------------------------------------------------------
           เดิมทีแคว้นสุชนาลัยและราชอาณาจักรมณีรินทร์คือแผ่นดินเดียวกันแต่ถูกแบ่งเป็นสองในภายหลัง ครั้งนั้นแม่ทัพ"หมุ่นตอง"ได้ตั้งตนเป็นกบฏอาศัยช่วงที่แผ่นดินทางทิศประจิมของ"ราชอาณาจักรศรีสมบูรณผ์ภมรประเทศ"เกิดแห้งแล้งหนัก  อ้างเหตุเจ้าผู้ครองราชอาณาจักรเป็นทรราชย์ยกกำลังกว่าสี่สิบหมื่นเข้าบุกประชิดกรุงภัทราประชาสวรรค์ ขณะที่ในกำแพงนครหลวงเองกองกำลังทหารก็อ่อนล้ากับการปราบกองโจรปล้นเสบียงบรรเทาทุกข์ที่ลำเลียงช่วยเหลือหัวเมืองทิศประจิมจึงหมดหนทางต่อกร
           การณ์ครั้งนั้น"เจ้าใบพลู"หรือ"องค์ใบพลูมหาบดินทราธิราช"แห่งราชอาณาจักรมณีรินทร์ในยามนี้ ทรงเล็งเห็นว่านครหลวงคงถูกตีแตกในเร็ววันเป็นแน่  จึงได้ร่วมมือกับ"แม่ทัพคำตา"คนสนิทอพยพราษฎรพร้อมไพร่พลเจ็ดหมื่นมุ่งสู่ทิศบูรพา จึงถูกจอมกบฏไล่ล่าด้วยไพร่พลถึงสิบหมื่น แต่ก็ถูกแม่ทัพคำตาต้านเอาไว้จนต้องหยุดการไล่ล่า ฝ่ายแม่ทัพคำตานั้นหลังจากผู้ไล่ล่าถอยกลับก็พลันสิ้นลม
      ----------------------------------------------------------------------------------------
           เฟี้ยว ! ฉึก ! ธนูปักลงต่อหน้าแม่ทัพหนุ่มในชุดเข้ารูปสีขาวแต่ทนทานที่นั่งบนหลังม้าแสดงสีหน้าเรียบเฉย และแหงนหน้าส่งสายตาขึ้นไปบนกำแพง มือซ้ายก็ชี้ไปที่ศรที่ปักอยู่
           "ขุนวิจิตรแสนศร"มือขวาแม่ทัพคำแก้วแกะสาส์นที่มาพร้อมลูกธนูออกมาอ่าน
           "ถึงแม่ทัพคำแก้วและหัวเมืองน้อยใหญ่ทั้งหลาย พวกเจ้ายกทัพมาประชิดกำแพงเมืองแล้ว ไยเจ้ามิเข้ามาต่อตีเล่า หรือตำแหน่งแม่ทัพของเจ้าได้มาเพราะโชคช่วยกระนั้นหรือ หรือเจ้ามิได้เก่งจริงดังคำร่ำลือกันมา พวกเจ้ามากันถึงสิบแสนเพียงเพื่อประชิดกำแพงเมืองดอกหรือ แม้นขี้ขลาดนักก็จงพากันกลับบ้านไปมุดกระโปรงเมียเสียเถิด ลงชื่อ จ้าวแคว้นสุชาลัย" 
            สิ้นเสียงอ่านสาส์นผู้มาล้อมต่างชักอาวุธจะเข้าสู้ด้วยความหุนหัน
            แต่มีอยู่ผู้หนึ่งอาการหนักกว่าผู้ใด นั่นคือ"มินกอง"มือซ้ายของแม่ทัพหนุ่มร่างระหงเอง 
            "เจ้าจำมิได้หรือมินกอง  เราบอกเจ้าแล้วว่าความหุนหันมิได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นมา" เพียงประโยคนี้สมุนซ้ายถึงกับสงบลงได้ มินกองจำได้ว่าเคยเสียท่ามาแล้วเมื่อคราที่ยกกองโจรผ้าแพรดำบุกเข้าโจมตีกองกำลังปกป้องชายแดนของแม่ทัพคำแก้ว ไพร่พลกว่าสิบห้าหมื่นเสียทีกองกำลังป้องกันชายแดนจนเหลือเพียงแปดหมื่นเศษทั้งที่อีกฝ่ายมีไพร่พลเพียงสามหมื่นเท่านั้น  และวันนี้ก็เป็นไพร่พลในสังกัดของแม่ทัพคำแก้วเสียสิ้นรวมถึงตัวมหาโจรมินกองเอง
            มินกองและเหล่าอดีตกองโจรผ้าแพรดำแท้จริงแล้วเป็นชาวแคว้นสุชนาลัยแห่งนี้แต่ด้วยความลำบากและเกิดกลียุคมาตลอดสามปีหลังจึงต้องกลายเป็นโจร  เพราะเจ้าแคว้นมิเคยใส่ใจไยดีราษฎรเลย และโจรเมื่อถูกจับได้ก็จะถูกสังหารอย่างทารุณพวกที่หนีรอดจึงไปรวมตัวกันที่ชายแดนเกิดเป็นกองโจรผ้าแพรดำขึ้นมา พอจักเข้าไปปล้นในราชอาณาจักรมณีรินทร์จึงเสียท่าให้แม่ทัพหนุ่มและถูกเกลี้ยกล่อมจึงเข้าเป็นพวกด้วย
             แม่ทัพหนุ่มยกมือขวาขึ้นห้ามทัพแล้วสงสัญญาณให้มือขวาคนสนิท ร่างสาส์นขึ้นมา และอ่านออกมาด้วยเสียงที่ดังฟังชัด
             "ถึงอ้ายหมุ่นตองโจรแยกแผ่นดิน เจ้าจงรู้ไว้เถิดว่าที่เรายกทัพมากันเกือบสิบแสนในครานี้เรามิได้หวังจักตีทำลายนครหลวงแห่งนี้ให้ย่อยยับเสียหายหากเจ้าต้องการเยี่ยงนั้นเราก็มิได้ว่ากระไรเพราะเนื้อแท้แล้วเจ้าก็เพียงกบฏแยกแผ่นดิน มิได้มีคุณสมบัติอันใดเลยที่จักปกครองแผ่นดินได้ ราษฎรทุกข์ยากเจ้ายังมิเคยใส่ใจ เจ้าก็ดูเอาเถิดไพร่พลสิบเอ็ดแสนเศษของกองกำลังอาสาปกป้องชายแดนของข้าในวันนี้มีอดีตกองโจรผ้าแพรดำร่วมด้วยถึงแปดหมื่น แม้นจักยกกองทัพเข้าไปยามนี้ก็ยังได้ แต่ราษฎรตาดำๆ นั้นเล่าจักเป็นเยี่ยงไร   นั่นน่ะสินะเพราะเจ้ามันมิเคยไยดีอยู่แล้วนี่ เอาเป็นว่าหากวันพรุ่งเจ้ามิออกมาสวามิภักดิ์ให้เรา หรือมิเปิดประตูเมืองต้อนรับเราแล้วเจ้าจักได้รู้ว่าการถูกรุกรานนั้นมีรสชาดเป็นเยี่ยงไร นึกขึ้นมาได้ข้ายังมีอีกหนึ่งข้อเสนอหากเจ้าคิดว่าแน่ออกมาต่อกรกับข้าตัวต่อได้  รอยแผลที่พ่อข้า"แม่ทัพคำตา" ฝากไว้ยังอยู่หรือไม่เล่า แล้ววันพรุ่งข้าจักคอยดูว่าเจ้าจักเลือกทางใด"            
             อ่านจบแม่ทัพหนุ่มจึงส่งสาส์นให้สมุนขวายิงขึ้นไปมันปักเข้าที่ปลายด้ามธงบนกำแพงพอดี
             ทหารกำลังเอื้อมมือไปหยิบพลันเงาหนึ่งกระโดดมาคว้าลูกธนูนั้นเสียก่อน ร่างสูงใหญ่ในชุดสีครีมหมวกขนสัตว์แววตาแดงก่ำด้วยความโมโหที่เด็กรุ่นลูกถอนหงอกเอา สายตายคู่นั้นมองลงมายังแม่ทัพหนุ่มผมยาวในอาภรณ์ขาวบนหลังม้า
              "แล้วเจ้าจักเห็นดีเหมือนพ่อเจ้าคำแก้วเอ๋ย" แล้วเจ้าแคว้นหรืออดีตโจรแยกแผ่นดินก็เลือกข้อสุดท้าย
      ----------------------------------------------------------------------------------------
                เช้าวันใหม่ท้องฟ้าเป็นสีสดใส ประตูเมืองด้านทิศตะวันออกค่อยๆ เปิดแย้มออกมา   กองกำลังพันธมิตรด่างรายล้อมประตูเมืองเป็นรูครึ่งวงกลมพอดี
                "ซูบไปโขอยู่นะ ถูกรีดพิษทุกคืนล่ะสิท่า อืมห์แล้วจักเลือกม้าหรือสู้ห้ำหั่นกันบนลานดีเล่า" แม่ทัพหนุ่มเริ่มยียวนแถมชวนเข้าเรื่องทันที 
                ตะวันเริ่มโด่ง ในที่สุดทั้งคู่ก็เลือกสู้กันบนลาน
                "ข้าคำแก้วขอให้สัญญาว่าหากมีชัยจักจัดงานศพให้ท่านอย่างสมเกียรติ  หากวันนี้ข้าพ่ายขอสัญญาว่าพวกเราพันธมิตรจักไม่ยุ่งกับกรุงภัทรประชาสวรรค์และหัวเมืองประจิมทั้งเจ็ดอีก" แม่ทัพหนุ่มประกาศชัด
                "ตกลงตามนี้" เจ้าแคว้นสุชาลัยรับเงื่อนไข 
                ทั้งคู่ใช้ดาบคู่ในการห้ำหั้นครั้งนี่เยี่ยงกัน  แม่ทัพหนุ่มในชุดขาวเข้ารูปถอดดาบคู่"พยัคฆ์-บุปผา"อันลือลั่นจากฝักที่ห้อยเอวสองข้างเอวออกมาพร้อมสู้ อีกฝ่ายในชุดขนสัตว์สีครีม มีผ้าคลุมหลังสีเดียวกันก็กำลังถอดดาบออกมายืนจังก้า
                แม่ทัพหนุ่มย่างสามขุมด้วยความใจเย็นเข้าหา ขณะที่อีกฝ่ายสืบเท้าเข้าเยี่ยงกันเมื่อได้ระยะเสียงดาบกระทบกันดังเช้งจึงเริ่มขึ้น แต่แล้วเจ้าแคว้นเบี่ยงตัวหลบออกซ้ายแม่ทัพหนุ่นจึงเสียหลักหัวทิ่ม เจ้าแคว้นมิรอช้าเอี้ยวขวากลับและยกเท้าซ้ายเตรียมเตะ แม่ทัพหนุ่มคาดไว้แล้วจึงวาดดาบขวาหรือดาบพยัคฆ์กลับมาด้านหลังกะเข้าที่ขาขวาและประคองตัวด้วยดาบบุปผาที่ยื่นออกไปขณะที่ตัวเกือบถึงพื้น กลายเป็นว่าเจ้าแคว้นต้องยกขาเก้อและใช้ขาที่เหลืออยู่ดีดตัวตีลังกาหลังออกไปจากรัศมีดาบพยัคฆ์แทน แม่ทัพหนุ่มรีบวาดดาบพยัคฆ์ไปด้านหลังเพื่อให้ดาบคู่ใช้ยันตัวขึ้นลุกเมื่อหงายหน้าขึ้นฟ้า เขามิรอช้าเมื่อลุกได้ก็เดินหน้าต่อทันทีแต่เมื่อเจ้าแคว้นโถมเข้ามากลับถูกกันคนดาบแล้วถูกโยนเข่าซ้าย แต่ก็เอี้ยวหลบออกขวาของตนได้ทัน  แต่แล้วสิ่งมิได้คาดคิดก็เกิดกับเจ้าแคว้นเมื่อเข่าซ้ายที่ลอยขึ้นมานั้นเป็นการหลอกเพราะเข่าขวาที่แม่ทัพหนุ่มเอี้ยวตัวกลับเข้าที่หน้าท้องอย่างจัง  จนเจ้าแคว้นตัวลอยกระเด็นออกไป  ด้วยเจนศึกมามากเจ้าแคว้นจึงยังยืนอยู่ได้
           "เจ้าแน่มาก เข้ามาสิคำแก้ว" เจ้าแคว้นฝืนใจพูดด้วยยังจุกอยู่
           แม่ทัพหนุ่มรู้ทันจึงปรี่เข้าหาพร้อมฟาดาบคู่ลงไป เจ้าแคว้นยกขึ้นรับและถูกเท้าขวาเตะกวาดล่างจนแทบหัวคะมำแต่กะอาศัยจังหวะนั้นเตะเข้าชายโครงแม่ทัพหนุ่มซึ่งกระโดดเอนหลังตามทิศทางเตะและเอี้ยวดาบคู่จากมุมไหล่ซ้ายตวัดออกมาขณะหลังขนานกับพื้นหมายไปยังหัวไหล่ขวาของเจ้าแคว้นที่หน้าคะมำลงพื้น  แต่เจ้าแคว้นรู้ทันจึงตวัดปลายดาบขึ้นมารับ แม่ทัพหนุ่มในชุดขาวจึงได้ทีอีกหนตวัดเท้าซ้ายเข้าหวดสะเอวเจ้าแคว้นได้เต็มข้อ และจังหวะนั้นทั้งคู่ก็ลงไปคลุกฝุ่นพอดี ทำให้ฝุ่นที่พื้นตลบขี้นมาประมาณครึ่งแข้ง 
            เจ้าแคว้นใช้ดาบซ้ายประคองตัวไว้จึงกึ่งลุกกึ่งโถมเข้าฟันแม่ทัพหนุ่มขณะที่แม่ทัพหนุ่มต้องหมุนประคองตัวออกไปด้วยลงเกือบผิดจังหวะ
            ฉวบ ! เสียงดาบฟาดขึ้นมาเฉี่ยวเกราะของเจ้าแคว้นไปนิดเดียว ขณะที่แม่ทัพหนุ่มก็ตวัดดาบบุปผาขึ้นมารับการฟันดังเพล้ง และดาบพยัคฆ์ที่ฟาดวืดไปได้ย้อนกลับมาฟันเข้าที่ช่องเกราะพอดี
             "อ๊าก !" เสียงเจ้าแค้นลั่นด้วยดาบพยัคฆ์ฝังลึกจนเลือดอาบลงมา เมื่อถอนออกจึงเจ็บปวดอย่างแรง
             เจ้าแคว้นเสียเลือดไปมากและมือไม้อ่อนแรงดาบคู่จึงหลุดร่วงลงสู่พื้น แม่ทัพหนุ่มได้จังหวะอีกหนตวัดดาบบุปผาเข้าที่คอของเจ้าแคว้นขาดกระเด็นเลือดนองปฐพีเป็นการจบชีวิตของทรราชย์ปล้นแผ่นดินอย่างสาสมที่สุด แม่ทัพหนุ่มนอนเอนหลังหายใจเฮือกใหญ่เอยู่ ณ จุดนั้น
      ---------------------------------------------------------------------------------------
             พีธีศพถูกจัดอย่างสมเกียรติมีชาวเมืองแห่มาดูขบวนศพของเจ้าแคว้นกันเนื่องแน่น หลายคนขว้างปาท่อนไม้ใส่หรือเศษไม้ใส่โลงศพอตีดจอมกบฏ เป็นเยี่ยงนี้ไปตลอดทาง
      ---------------------------------------------------------------------------------------
             "ท่านแม่ทัพคำแก้ว" เสียงของราชเลขาในวังร้องเรียกอยู่หน้าบ้าน ณ "กรุงอัมราวดีศรีพุทราธิวาส"หรือ"กรุงสีดอนทัน"มหานครหลวงแห่งราชอาณาจักรมณีรินทร์  แม่ทัพหนุ่มจึงรีบออกมาต้อนรับ 
            "ท่านแม่ทัพข้ามาแจ้งว่าทรงมีรับสั่งให้เข้าเฝ้า"  ราชเลขาแจ้งความประสงค์แม่ทัพหนุ่มเพิ่งกลับมาแต่ขัดรับสั่งมิได้จึงรีบอาบน้ำแต่งตัวเข้าเฝ้า
            "มาแล้วดอกหรือแม่ทัพ" องค์มหาบดินทร์ทรงมีพระราชปรารภ
            "ขอเดชะ เกล้ากระหม่อมแม่ทัพคำแก้วแห่งกองกำลังปกป้องชายแดนถวายบังคม พะย่ะค่ะ" 
            "เจ้ามีความผิดใหญ่หลวงนัก  รู้หรือไม่ท่านแม่ทัพ" ทรงตรัสรับสั่งเสียงแข็งมิได้ทรงล้อเล่น
            "ขอเดชะ เกล้ากระหม่อมมีความผิดอันใดดอกหรือ พะย่ะค่ะ" แม่ทับหนุ่มทูลถามด้วยความงุนงงยิ่ง
            "ผิดที่เจ้าทำให้ลูกสาวเรา ใบเฟิร์น เป็นกังวลด้วยเกรงเจ้าจ้กได้รับอันตราย จนกินมิได้นอนมิหลับน่ะสิ" ทรงตรัสเฉลย
            "เอ่อ ขอเดชะ ........." แม่ทัพหนุ่มงุนงงพูดอันใดมิออก พลันเหลือบไปเห็นโม่งฟ้า  ลูกน้องลึกลับของตนที่ใช้กระบี่คู่แต่มิได้ร่วมทัพในศึกครานี้และเมื่อเปิดผ้าปิดหน้าออกมากลับกลายเป็นองค์หญิงใหญ่"ใบเฟิร์น"เสียได้
            "เจ้าจักรับผิดชอบอันใดเล่าทีนี้"ทรงตรัสถาม
            "ขอเดชะ เกล้ากระหม่อมสมควรตายแต่ขอสาบานว่ามิเคยได้ล่วงเกินองค์หญิงใหญ่เลยสักหนเดียว พะย่ะค่ะ" แม่ทัพหนุ่มรีบทูลเพราะเกรงองค์หญิงใหญ่จักได้รับความเสียหาย
            "ขอถามเจ้าอีกข้อเดียวนะแม่ทัพคำแก้ว  เจ้าจักปกป้องลูกเราได้เยี่ยงนี้ตลอดไปได้หรือไม่  นับว่าเจ้าเป็นลูกผู้ชายที่รู้จักปกป้องเกียรติให้สตรีเพศ เพราะฉะนั้นเราขอยกลูกสาวคนโตของเราให้เจ้าปกป้องดูแลเจ้าทำได้หรือไม่"
            "ขอเดชะ เป็นพระกรุณายิ่ง เกล้ากระหม่อมจักปกป้องดึแลองค์หญิงใหญ่ตราบชั่วชีวิตจะหาไม่ พะย่ะค่ะ" แม่ทัพหนุ่มทูล
      ---------------------------------------------------------------------------------------
            แม่ทัพคำแก้วบัดนี้ได้เป็นราชบุตรเขย และได้รับพระบัญชาให้ปกครองหัวเมืองฝ่ายประจิมแทนเจ้าแคว้นคนเก่าซึ่งถูกแม่ทัพหนุ่มผู้นี้พิชิตลง บัดนี้แผ่นดินรวมเป็นหนึ่งอีกครา ประชาราษฎร์ร่มเย็นเป็นสุขสืบมา ดังคำที่ว่าชาติไร้ศึกประชาร่มเย็น   

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×