คำสัญญาไม่เสื่อมสูญ
ผู้เข้าชมรวม
97
ผู้เข้าชมเดือนนี้
0
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
คำสัญญาไม่เสื่อมสูญ
ปลายเดือนกุมภาพันธ์อากาศเริ่มร้อนขึ้น แต่ทำให้ทันศึกรู้สึกสดชื่นกับแสงแดดอันสดใสโดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาประมาณบ่าย 3 โมงเขากระปรี้กระเปร่ามากเป็นพิเศษ เมื่อมองออกไปนอกห้องทำงานซึ่งอยู่ชั้นที่ 3 แม่น้ำเจ้าพระยาอยู่ห่างไปเพียง 10 กว่าเมตรเท่านั้น เขาเห็นกิ่งไม้เอนไหวตามแรงลมไม่ขาดระยะ บางครั้งลมก็พัดแรงจนทำให้ต้นไผ่กอใหญ่ที่อยู่ติดกับอาคารบริษัทลู่เอนเสียดสีกันไปมาคล้ายกับว่ากำลังบรรเลงเพลงแห่งฤดูร้อน
“ ชนะนายไปดูคอมพิวเตอร์ให้คุณโฟนหน่อย เห็นว่าติดไวรัสอีกแล้ว ” ตรีพลวางหูโทรศัพท์แล้วหมุนเก้าอี้ที่เขานั่งหันหลังมาเรียกชื่อเล่นของทันศึก พวกเขาทั้งคู่ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายคอมพิวเตอร์บริษัทออกแบบและผลิตบรรจุภัณฑ์
“ อีกแล้วเหรอ เพิ่งฆ่าให้เมื่อ 2 วันก่อน ” เขาพูดแล้วลุกขึ้นยืน บอกตรีพลหรือบอยว่า
“ ไปทำบาปก่อนนะ เดี๋ยวกลับมา ” เขาหมายถึงการฆ่าไวรัสในคอมพิวเตอร์
“ หลังจากฆ่ามันแล้วอย่าลืมสวดให้มันด้วย ” ตรีพลหยอกขณะที่เพื่อนกำลังเตรียมอุปกรณ์
เขาเดินขึ้นไปชั้น 4 เพื่อพบโฟนหรือพรภิรมย์เจ้าหน้าที่ออกแบบ
“ ขอโทษค่ะที่ต้องรบกวน โฟนทำอะไรไม่ถูกเลยค่ะ กลัวว่ามันจะเข้าไปทำลายข้อมูลในเครื่อง โฟนคิดว่าไวรัสคงติดมากับอีเมล์ที่ลูกค้าส่งมาให้ ” เธออธิบายทันทีที่เขาเดินเข้ามา สีหน้าวิตกกังวล
เขานั่งลงดูข้อมูลในจอคอมพิวเตอร์ แล้วบอกเธอซึ่งยืนอยู่ข้างๆ เขาว่า
“ ไวรัสคงทำลายข้อมูลในคอมของคุณโฟนหมดแล้วมังครับ ”
“ จริงหรือคะ ” เธอตกใจหน้าซีด รีบมองที่จอ
“ ผมพูดเล่นครับ ” เขาพูดแล้วยิ้ม
“ โฟนใจหายหมดเลยค่ะ คุณชนะเล่นหยอกกันแบบนี้ ” เธอยิ้มโล่งอก ต่อมาเธอชวนคุยขณะที่เขากำลังตรวจสอบไวรัส
“ คุณชนะมาทำงานที่นี่นานเท่าไรแล้วคะ โฟนเพิ่งเห็นไม่นานมานี้ ”
“ 1 เดือนครับ ” เขาตอบ
“ คุณชนะมีชื่อเล่นหรือเปล่าคะ ครั้งต่อไปโฟนจะได้เรียกชื่อเล่น ”
“ ชนะเป็นชื่อเล่นครับ ชื่อจริงผมชื่อทันศึก ”
“ ชื่อแปลกจังเลยค่ะ ”
“ พ่อผมตั้งให้ เพราะรู้ว่าในอนาคตผมต้องทำศึกกับไวรัสในคอมพิวเตอร์ เลยตั้งชื่อเล่นว่าชนะมาให้ด้วย ” เขาอธิบาย
“ จริงหรือคะ ” เธอรู้สึกทึ่ง
“ ผมพูดเล่นครับ ” เขายิ้มกว้างกว่าเดิม
“ แหม คุณชนะนี่ ทำเอาโฟนคิดไม่ทันเลย ” เธอมองเขาด้วยความพอใจ
“ ขอโทษค่ะคุณชนะอายุเท่าไหร่แล้วคะ ” เธอพยายามรู้จักเขาให้มากที่สุดจึงตั้งคำถามอย่างต่อเนื่อง
“ 27 ครับ ”
“ จริงหรือคะ โฟนคิดว่าเพิ่งเรียนจบมาใหม่ๆ หน้ายังเด็กมากเลย ” เธอรู้สึกชื่นชมเขาอย่างมาก
“ เวลาแต่ละวันผ่านไปเร็วจริงๆ นะครับ มันเป็นปัญหาสำหรับผมมาก ”
“ ทำไมหรือคะ ”
“ ทำให้หน้าผมแก่ตามไม่ทัน ”
“ ฮ่ะๆๆ ” เธอหัวเราะ เกือบจะหยิกที่ต้นแขนเขาแต่ตั้งสติได้ทัน
“ เอาละ ผมคิดว่าเจอไวรัสที่อยู่ในคอมของคุณโฟนแล้ว ” เขาหันมาบอกเธอ
“ หรือคะ ไวรัสชื่ออะไรคะ ”
“ เอชไอวีครับ ” สีหน้าของเขาเครียด
“ หรือคะ เอ๊ะมีไวรัสคอมพิวเตอร์ชื่อนี้ด้วยหรือคะ ” เธอทำหน้างงๆ
“ ผมล้อเล่นครับ ” เขายิ้ม
“ คุณชนะนี่ มีมุขเยอะจังเลยค่ะ ” เธอยิ้มหวานให้เขา
ทันศึกใช้เวลาอีกประมาณ 10 นาทีในการฆ่าไวรัสและตรวจสอบระบบต่างๆ ให้เรียบร้อย เสร็จแล้วเขาขอตัวกลับไปทำงาน
พอเขาเดินออกจากห้อง เธอรีบลากเก้าอี้ไปนั่งข้างเพื่อนร่วมงานชื่อสุพัฒน์ซึ่งทำตำแหน่งเดียวกันแล้วกระซิบเบาๆ เนื่องจากเกรงว่าเพื่อนร่วมงานอีก 3 คนจะได้ยิน
“ เขามีอารมณ์ขันจังเลยแก ” เธอยิ้มเหมือนความฝันเป็นจริง
“ แผนของแกที่ปล่อยไวรัสเข้าไปในคอม แกแน่ใจมั้ยว่าจะไม่ติดเข้าไปในระบบของบริษัทจนทำให้เครื่องของคนอื่นรวมทั้งของชั้นมีปัญหาไปด้วย ” สุพัฒน์วิตก
“ แกอย่ากังวลไปเลย ชั้นป้องกันไว้แล้ว รับรองว่าเครื่องอื่นปลอดภัย ”
“แล้วแกจะใช้แผนนี้อีกกี่ครั้งเพื่อจะได้ใกล้คุณชนะ ”
“ ชั้นยังมีไฟล์ไวรัสอีกเป็นร้อย ” คนวางแผนยิ้มพอใจสุดขีด
“ นี่แกจะใช้แผนนี้ทั้งปีเลยเหรอ ” สุพัฒน์วิตกกังวลมากขึ้นอีก
“ จะบ้าเหรอ เดี๋ยวเขาก็จับได้กันพอดี ”
“ แต่แกไม่กลัวหรือว่าถ้าแกจีบเขาสำเร็จ เวลาเดินด้วยกัน คนอื่นอาจจะเข้าใจผิดคิดว่าแกเป็นพี่สาวเขา ต่อไปอีกสัก 5 ปีคนอื่นอาจจะมองว่าแกเป็นน้าหรืออีก 10 ปีทุกคนคิดว่าแกเป็นป้าเขา ” คราวนี้สุพัฒน์เริ่มเป็นห่วงเพื่อนมากกว่าคอมพิวเตอร์ของบริษัท
“ ชั้นกลัวว่าจะไม่ถึง 10 ปีนะซิที่คนอื่นเห็นเราสองคนแล้วจะคิดว่าชั้นเป็นป้าของเขา ” ความคิดนี้สร้างความรู้สึกสยองให้แก่พรภิรมย์อย่างมาก ในสมองคิดถึงรายชื่อคลินิกต่างๆ เพื่อจะตัดสินใจว่าจะไปทำหน้าใสที่ใดดีและเมื่อใดควรจะเริ่มดึงหน้า
.............................................
ในช่วงเวลา 2 เดือนที่ทันศึกทำงานในบริษัทแห่งนี้ เขาสนิทสนมกับตรีพลมาก ในวันหยุดทั้งคู่ดูหนังด้วยกันค่อนข้างบ่อย วันนี้พวกเขามาก่อนเวลาหนังฉายประมาณครึ่งชั่วโมงจึงนั่งรอหน้าโรงหนัง ตรีพลนั่งไม่ถึง 3 นาทีก็บอกทันศึกว่า
“ ชนะ เราปวดหัวจนตาลายไปหมดแล้ว ” พร้อมกับยกมือทั้ง 2 ข้างจับศีรษะ ตาปรือ
“ นายเป็นอะไร ” เขาตกใจมากเมื่อเห็นอาการของเพื่อน
“ เรานั่งแค่ 2 นาทีกว่าเห็นผู้หญิงสวยๆ ผ่านไปมาตั้ง 10 คนแล้ว เรามองไปมองมาจนตาลายแล้วล่ะ ” แต่ตรีพลรีบทำตาลุกโตมองผู้หญิงอีกคนซึ่งกำลังเดินมาเข้าแถวรอซื้อตั๋ว
“ นายนี่สุดยอดจริงๆ เรื่องใช้สายตามองผู้หญิง ” เขาส่ายหน้า ยอมรับว่าแพ้ทางความคิดในด้านนี้ของเพื่อน
“ เก่งสุดเราก็แค่มองเท่านั้นเอง แต่ไม่กล้าเข้าไปทักหรือแซวหรอก ” ตรีพลทำหน้าซื่อบอก
“ ทำไมเหรอ ”
“ เดี๋ยวพวกเธอจะบอกว่า เธอเป็นใบตองแห้ง หลังจากนั้นพวกเธอจะบอกว่าเราเป็นอะไรและกำลังทำอะไรอยู่ล่ะ ”
ทันศึกนึกถึงสำนวนหมาเห่าใบตองแห้ง แต่ก่อนที่เขาจะทันได้ตอบเพื่อนรีบห้ามเสียก่อน บอกว่า
“ นายไม่ต้องพูด ละไว้ในฐานที่เข้าใจก็พอ ”
เขาหัวเราะจนหมากฝรั่งที่กำลังเคี้ยวเกือบจะหลุดลงไปในลำคอ
“ ชนะ 2 เดือนที่เรารู้จักกัน เรายังไม่เคยได้ยินนายพูดเรื่องผู้หญิงเลย นายมีแฟนหรือยัง ” ตรีพลถาม
เขาเงียบแต่ปากยังเคี้ยวหมากฝรั่ง
ตรีพลพูดว่า “ นายคายออกมาเลย ”
ทันศึกถาม “ นายจะเอาหมากฝรั่งที่เราเคี้ยวเหรอ เดี๋ยวเราเอาเม็ดใหม่ให้นายดีกว่า ”
“ ไม่ต้องมาไขสือเลยชนะ นายคายเรื่องผู้หญิงของนายมา ”
“ เราก็ยังรอเหมือนนาย ”
“ ไม่ต้องมาเหมือนเรา ยังไงเราก็ไม่ได้รอคนเดียวกันอยู่แล้ว และที่แน่นอนที่สุดคือเราไม่ได้รอนาย ” ตรีพลพูดจบแกล้งหันหน้าไปทางอื่นแปลความหมายว่าไม่สนใจเขาสักนิด
ทันศึกยิ้มขำเพื่อน
ตรีพลหันมาหาเขาอีกครั้งพูดว่า
“ ว่าไง บอกให้คายมาเร็วๆ พอเราไม่ได้มองก็ฉวยโอกาสเงียบเลยนะ ”
“ ไม่มีอะไร รอก็คือรอ ถึงเวลาก็ได้คำตอบเองแหละ ”
“ ไม่ต้องมาพูดเป็นปรัชญา ตอนนายเรียนมหาวิทยาลัย นายเรียนคณะปรัชญาหรือไง ”
“ ไม่ใช่ เราเรียนคณบดี พอจบแล้วคิดว่าจะเรียนอธิการบดีต่อ แต่ไม่มีเงิน เลยต้องออกมาทำงาน ” เขาถือโอกาสพูดตลกกับเพื่อน
“ เราไม่ถามนายแล้ว เสียโอกาสดูอะไรดีๆ ของเราเปล่าๆ ” แล้วตรีพลช้อนสายตาขึ้นมองผู้หญิง 2 คนซึ่งกำลังเดินออกมาจากโรงที่เพิ่งฉายหนังจบ คนหนึ่งในนั้นสวยมากจนทำให้เขาตกตะลึงและทำท่าจะลุกขึ้นยืนมองแทบไม่รู้สึกตัว แต่ดีที่ทันศึกรีบจับข้อมือฉุดเขาให้นั่งลงได้ทัน
.............................................
ภายในร้านรับจัดงานวิวาห์แห่งหนึ่งตั้งอยู่ภายในห้างสรรพสินค้า ช่างตัดเย็บกำลังให้ลูกค้าลองชุดวิวาห์ แม่ของฝ่ายหญิงช่วยเสนอความคิดว่าควรจะเพิ่มเติมรายละเอียดอะไรที่ชุดอีกบ้าง ฝ่ายว่าที่เจ้าบ่าวหลังจากลองชุดเสร็จแล้วได้นั่งคุยกับเจ้าหน้าที่ด้านการตลาดของร้าน
“ ถ้าคุณนรินทร์ต้องการเพิ่มดอกไม้หรือเปลี่ยนแปลงรายการอาหาร ยังสามารถเปลี่ยนได้ค่ะเพราะร้านดอกไม้และโรงแรมที่เราติดต่อให้สามารถพูดคุยได้เนื่องจากทำงานร่วมกันมาหลายปีแล้ว ”
รุ้งหทัย พนักงานการตลาดของร้านบอกลูกค้า
“ เรื่องนั้นให้แฟนและว่าที่แม่ยายของผมมาคุยดีกว่า ผมมีหน้าที่จ่ายเงินครับ ” ลูกค้าหนุ่มวัยเฉียด 40 ยิ้มตื่นเต้นกับงานวิวาห์ครั้งแรกเลยตั้งใจทุ่มสุดตัว
ตอบเสร็จ เขาก็เล่าให้รุ้งหทัยฟังว่าเขาพบว่าที่ภรรยาที่ไหน จีบเธอด้วยวิธีการใด จนกระทั่งขอเธอแต่งงานอย่างไร รุ้งหทัยจำได้ว่าเขาเคยเล่าให้เธอฟัง 4 ครั้งแล้วนับตั้งแต่วันแรกที่เขาพาแฟนมาติดต่อเพื่อเตรียมจัดงานวิวาห์เมื่อนับครั้งนี้ด้วยจึงเป็นครั้งที่ 5 และที่พิเศษที่สุดก็คือเขาพูดเหมือนเดิมแทบทุกคำ
“ คุณนรินทร์รักเธอมากจังเลยนะคะ เล่าได้เหมือนครั้งก่อนๆ แทบจะทุกคำ ” รุ้งหทัยชม
เธอคิดว่าเดี๋ยวเขาคงจะเล่าเรื่องแผนการใช้ชีวิตคู่ของเขาอีกประมาณ 10 นาทีเป็นครั้งที่ 5
“ ที่รักคะ ช่วยดูชุดให้หน่อยซิคะว่าเรียบร้อยดูดีแล้วหรือยัง ” ว่าที่เจ้าสาววัยใกล้เคียงกันของเขาเรียก
เขาขอโทษรุ้งหทัยที่ต้องหยุดการสนทนาและลุกเดินยิ้มหวานไปหาแฟนสาว แต่ทำให้เธอโล่งอกถึงแม้ว่าเธอประทับใจในความรักของคู่นี้มาก แต่ 4 ครั้งที่ผ่านมาเธอจำแผนการใช้ชีวิตคู่ของเขาได้เกือบหมดแล้ว
“ สวัสดีครับคุณรุ้ง ” เธอเงยหน้ามองคนทัก เธอจำเสียงของเขาได้ดี
“ สวัสดีค่ะคุณนิว ” เธอยกมือไหว้ ยิ้มสุภาพให้เขา
“ ผมซื้อเค้กมาฝากทุกคนครับ ” รัฐกรหรือนิวส่งถุงที่ใส่ขนมเค้กให้เธอ
“ ขอบคุณมากค่ะ คุณนิวมาทำธุระแถวนี้หรือคะ ”
“ ผมพาลูกค้าที่โอนบ้านมาทานอาหารเย็นที่ร้านในห้างนี้ เสร็จแล้วก็เลยแวะมาเยี่ยม ”
รัฐกรทำงานธุรกิจของครอบครัวเกี่ยวกับรับเหมาก่อสร้าง เขาเจตนาเลี้ยงอาหารลูกค้ารายหนึ่งที่ห้างนี้เพราะจะถือโอกาสมาพบเธอ
“ ธุรกิจของคุณนิวเป็นยังไงบ้างคะ ”
“ ไม่ใช่ของผมคนเดียวหรอกครับ ของทั้งครอบครัว ” เขาพูดให้เกียรติครอบครัวเสมอ “ ช่วงนี้ก็เรื่อยๆ ไม่คึกคักมาก แล้วคุณรุ้งล่ะครับ งานเยอะมั้ย ”
“ ดีกว่า 2-3 เดือนก่อน วันนี้ก็ได้ลูกค้า 2 รายค่ะ ”
เขาเห็นชายหญิง 2 คนซึ่งกำลังลองชุดวิวาห์จึงถามว่า
“ คุณรุ้งกำลังติดลูกค้าอยู่หรือครับ ”
“ ใช่ค่ะ ”
“ ถ้าอย่างนั้นผมไม่รบกวนเวลาทำงานของคุณรุ้ง ผมขอตัวกลับก่อนแล้วกัน ”
เธอรู้จักนิสัยของเขาดีว่าเขาให้เกียรติลูกค้ามาก ถ้าเกี่ยวกับงานเขาจะเลี่ยงเรื่องส่วนตัวที่ไม่จำเป็นออกไปก่อน เขาพูดประโยคสุดท้ายกับเธอก่อนจะออกไปว่า
“ อย่าลืมสัญญาของเรานะครับ ”
“ ค่ะ ” เธอลุกเดินไปส่งเขาที่ประตูร้าน
ลูกค้าทั้ง 2 คนเข้าไปในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเปลี่ยนเป็นชุดปกติ ช่างตัดเย็บเดินยิ้มแย้มเข้ามาถามรุ้งหทัยว่า
ผลงานอื่นๆ ของ ชลวิสุทธิ์ ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ ชลวิสุทธิ์
ความคิดเห็น