ขนนกสีเลือด
เด็กชายคนหนึ่งนอนอยู่ใต้ต้นไม้แล้วก็โดนพี่สาวของเขาปลุกเพื่อให้ไปทำงานอย่างเช่นเคยแต่เขากับไม่รู้เลยว่าวันนี้จะเป็นวันที่ทำให้เขาต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองไปตลอดชีวิต
ผู้เข้าชมรวม
66
ผู้เข้าชมเดือนนี้
2
ผู้เข้าชมรวม
1. 1. ซิลเวอร์ อาเรส ปัจจุบันอายุ 33 ปี เป็นคนที่ร่าเริง จริงใจ แต่เมื่อผ่านเหตุการณ์ที่มีคนมาทำลายครอบครัวเข้าก็ได้เปลี่ยนไป
2. 2.ราเซีย อาเรส อายุตอนตาย 23 ปี เป็นคนที่จริงจังและเข้มงวดมากด้วยเฉพาะกันน้องชายแต่ก็เป็นห่วงมากเช่นกัน
3. 3. ไกอัส เซรัส ปัจจุบันอายุ 50 ปี เป็นคนที่มักใหญ่ใฝ่สูงทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ต้องการ
4. 4. ฟาเรส ดิ กราเซีย ปัจจุบันอายุ 65 ปี เป็นคนที่มีความเป็นผู้นำสูงมากและเป็นคนที่ใจดีชอบช่วยหรือคนอื่น
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
“ แกเป็นใคร” นั้นคือสิ่งที่ผู้ชายคนนั้นพูดกับผม “คือคนที่กำลังจะฆ่าแกยังไงละ” ใช่สิ่งที่ผมกำลังจะทำอยู่นี้มันเป็นสิ่งที่ผมพยายามมานับ สิบห้าปีใช่ นับตั่งแต่วันนั้นวันที่มันได้ทำลายสิ่งสำคัญของผมไปจนหมด
สิบห้าปีที่แล้ว
ตุบ “โอ๊ย พี่นี้มันอะไรกัน” อ่าผมคงต้องแนะนำตัวก่อนสินะผม ซิลเวอร์ อาเรส บุตรคนรองของตระกูล อาเรสเป็นตระกูลพ่อค้าที่ใหญ่ที่สุดในเมืองเรเฟเซียร์ตรงหน้าผมคือพี่สาวคนโตที่ผมสุดแสนจะเคารพยิ่งราเซีย อาเรส
“ก็แกนะมาทำอะไรตรงนี้มันใช่เวลามานอนเล่นใหม่มั้ยละ” ไม่พูดเปล่ายังจับแขนผมแล้วลากผมกลับบ้านทันที
“วันนี้มีอะไรหรือเปล่าพี่ ปกติผมก็มาของผมอย่างนี้” ใช่เพราะปกติผมก็จะมานอนใต้ต้นไม้ต้นนี้เสมอสวนเหตุผลก็มาจากว่ามันเงียบสงบและเย็นสบายทำให้ไม่ต้องคิดเรื่องต่างๆทั้งเรื่องการแข่งขันทางการค้าไหนจะเรื่องต้องฝึกดาบไว้ป้องกันตัวอีกและเรื่องต่างๆน่า ที่ชวนปวดหัว ที่นั้นจึงเป็นที่เดียวที่ทำให้ผมรู้สึกสบาย
“วันนี้จะมีแขกมาพบกลับคุณพ่อนะสิ แต่ท่านว่างไปทำธุระที่เมืองอื่นจึงให้แกทำแทนนะสิ” พี่ของผมกล่าวด้วยเสียงที่บอกว่ากำลังรู้สึกเครียด
“มีอะไรหรือพี่มันก็ปกติไม่ใช่หรือถ้าพ่อไม่อยู่ผมก็จะเป็นคนทำแทนตลอดนิ” ผมพูดพลางทำหน้าประมาณว่าก็ปกตินิ
“มันไม่ใช่อย่างงั้นนะสิ คราวนี้นะคนที่ว่าคือผู้นำของตระกูลเซรัส นะสิ” อ่อผู้นำตระกูลเซรัสมันก็แปลกจริงนั้นและนะเพราะปกติตระกูลของผมกลับตระกูลนั้นไม่ถูกกันมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษแล้วเพราะเมื่อในอดีตผู้นำตระกูลของผมได้ไปค้นพบว่าตระกูลนั้นทำการค้าขายเกินราคาและมีการค้าขายของผิดกฎหมายที่ และมักจะพยายามติดสินบนขุนนางในเมืองต่างๆและที่สำคัญตระกูลนี้นอกจากจะเป็นพ่อค้าแล้วยังเป็นตระกูลขุนนางเก่าแก่อีกด้วยจึงทำให้มีอธิพลมาก ทำให้ไม่มีใครกล้าเอาผิดได้นี้จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ตระกูลนี้ไม่ถูกกับพวกเราสักเท่าไร
“นี่ซิล อย่างกังวลไปเลยนะทุกอย่างมันจะต้องเรียบร้อย” พี่ผมพูดพลางมองมาที่ไปหน้าของผม
“อืมทุกอย่างต้องเรียบร้อย” หลังจากพูดเสร็จผมก็พูดเรื่องต่างๆน่ากับพี่อีกมาจนในที่สุดก็มาถึงบ้านของพวกเรา
“ซิล พี่ของแยกไปทำบัญชีก่อนนะ” ไม่พูดเปล่าพี่ของผมก็เดินเข้าไปในห้องของตนเองอย่างรวดเร็ว
“อ่า คงได้เวลาที่จะต้องเตรียมตัวแล้วมั่ง” ผมจึงรีบวิ่งขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวและจัดบุคลิกตัวเองใหม่ทำตัวให้มีความน่าเชื่อถือมากขึ้น หลังจากแต่งตัวอยู่นานผมก็ลงมานั่งอยู่ที่ห้องโถงของบ้านเพื่อที่จะรอพบแขกที่กำลังจะมาถึงในไม่ช้านี้
“เมื่อไรจะมาถึงสักที่นะ” ใช่เพราะตอนนี้มันเลยเวลานัดมาครึ่งชั่วโมงแล้วตามเวลานัดควรจะมาตั้งแต่สี่โมงเย็นแล้วนิ
ผมนั่งรออยู่อีกสิบห้านาทีจึงมีจดหมายของโทษจากทางตระกูลนั้นมาบอกว่าทางนั้นมีปัญหาใหญ่จึงจำเป็นต้องเลือนการพบกันออกไปก่อน
“แปลกแต่ชั่งเถอะ พี่ผมหมดธุระแล้วผมขอออกไปเดินเล่นในเมืองก่อนนะ”ด้วยไม่รอที่จะฟังคำตอบผมรีบออกมาทันทีด้วยที่ๆผมจะไปนั้นเป็นที่ๆทำให้ผมมีความสุขและเจ็บปวดไปในเวลาเดียวกันเพราะที่นั้นก็คือหลุมฝั่งศพของแม่ที่สุสานเพราะในวันนี้เป็นวันครบรอบวันตายของท่านหลังจากเริ่มเดินทางผ่านไปสิบห้านาทีในที่สุดผมก็มาถึง
“ผมมาแล้วนะครับแม่” หลังจากนั้นผมก็ว่างดอกไม้ที่หน้าหลุมศพผมนั่งมองป้ายหลุมศพอยู่อย่างนั้นไม่รู้เป็นเวลานานขนาดไหนกว่าจะรู้สึกตัวอีกที่ก็เกือบค่ำแล้วผมจึงตัดสินใจว่าจะหาอะไรกินในเมืองก่อนแล้วค่อยกลับไปที่บ้าน
“อืมจะไปกินอะไรดีนะ”ใช่จะไปกินอะไรดีตอนนี้ผมหิวไปหมดแล้วพอเดินดูไปตามที่ต่างๆสุดท้ายก็มาเจอร้านอาหารร้านหนึ่งพอจะเริ่มสั่งอาหารก็ได้ยินคนคุยกันว่านี้ “ได้ข่าวหรือเปล่าว่าบ้านของคนในตระกูลอาเรสโดนว่างเพลิงละ”
เท่านั้นและผมรีบวิ่งออกไปในทันทีในใจคิดว่านี้มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นทำไมถึงเกิดขึ้นกับเราพอมาถึงน่าประตูเมืองผมรีบไปเช่าม้ามาทันที่จากนั้นก็รีบควบออกไปพอมาถึงบ้านสิ่งที่ผมเห็นคือไฟใช่ไฟสีแดงฉานเต็มไปทั่วบ้านส่วนต่างๆเริ่มพังและหายไป
“ขอแค่ไปช่วยพี่ให้ทันก็ยังดี” จากนั้นก็รีบกระโจนเข้าไปในบ้านวิ่งไปในทิศทางที่คิดว่าจะเป็นห้องของพี่เพราะตอนนี้ไฟได้รามไปทั่วบ้านแล้ว
“พี่อยู่หรือเปล่า” ผมตะโกนออกไปเพื่อหวังให้พี่ตอบพอถึงประตูไม่ต้องคิดอะไรมากผมรีบเปิดอย่างรวดเร็ว
“ไม่ จริงน่า พี่ ! ” ภาพที่ผมเห็นก็คือร่างของพี่นอนจมกองเลือดอยู่เนื่องจากผนังข้างบนพังลงว่าทับและที่ทำให้ผมแทบจะบ้าคือหัว ของพี่ที่อยู่กับพื้น คงจะโดนอะไรตัดตอนที่ผนังพังลงมา
“ต้องรีบหนี..แล้ว” ผมรีบวิ่งออกด้วยในใจก็คิดว่าถ้าเรามาเร็วกว่านี้สักนิดก็คงดี
“แล้วเราจะมีหน้าไปสู้ท่านพ่อกับน้องได้อย่างไร” ผมได้แต่พูดกับตัวเองอยู่อย่างนั้นเพราะตอนนี้ผมได้ออกมาอยู่ใต้ต้นไม้ต้นที่นั่งอยู่เมื่อเช้าแล้ว ทันได้นั้นก็ได้ยินเสียงมีดพุ่งมาโดยมีเล่มนั้นเสียบเข้าที่ท้องของผมพอดี
“อ๊าก บ้าเอ๊ยนี้มัน..อะไรกัน” ผมร้องออกมาเพราะความเจ็บปวดอย่างมากพอเงยหน้าขึ้นไปมองก็เห็นหน้าของคนๆหนึ่งเข้าใช่เป็นคนๆเดียวกับคนที่ควรจะมาตามนัดตอนเย็นวันนี้นั้นก็คือ
“แก ผู้นำของตระกูลเซรัสนิ” ข้างๆของคนๆนั้นมีคนใส่ชุดคลุมอยู่สองคนและลูกน้องของมันอีกนับสิบคน ก่อนที่ผมจะได้พูดอะไรมันก็เอ่ยออกมาก่อนว่า
“ไม่น่าเชื่อว่าจะเหลือแกรอดอยู่ได้เป็นคนสุดท้ายนะหนุ่มน้อย” มันพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแสดงถึงความชอบใจ
“นี้แกหมายความว่าอย่างไงหะ” ผมเค้นเสียงพูดออกไปด้วยความอยากลำบากเพราะเริ่มรู้สึกเวียนหัวแล้ว
มันไม่พูดอะไรแต่พยักหน้าให้ลูกน้องของมันจากนั้นสิ่งที่ผมเห็นก็คือหัวของคนใช่หัวของคนสองคนที่น่าจะอยู่ที่อีกเมืองนั้นก็คือพ่อ และ น้องสาวของผมเอง
“อ่า ช่างหน้าส่งสารนัก กว่าครอบครัวจะได้มาเจอกันก็ตายกันเกือบหมดแล้ว ฮ่าๆๆ” ผมไม่สนใจที่มันพูดได้แต่คิดว่าฆ่าจะต้องฆ่าให้ได้ คนที่มายุ่งกับครอบครัวของฉัน หลังจากนั้นผมก็ดึงมีดที่ปักอยู่ที่ต้องออกมาแล้วพุ่งเขาไปหมายจะฆ่าไอ้คนที่มันทำลายครอบครับของผม ก่อนที่มีดของผมจะถึงเป้าหมายในอีกไม่กี่วินาทีก็โดนดาบจากพวกคนใส่ชุดคลุมปัดทิ้งก่อนตอนนั้นเองผมจึงได้รู้สึกตัวว่าตอนนี้เราทำอะไรไม่ได้แน่ถ้าจะเสี่ยงแล้วตายตรงนี้ก็ไม่สามารถแก้แค้นให้คนอื่นๆที่ตายไปแล้วได้ผมจึงรีบถีบเข้าไปที่ท้องของหนึ่งในคนพวกนั้นแล้วรีบวิ่งออกไป ตอนวิ่งผมคิดว่าหน้าแปลกทำไมพวกมันไม่ไล่ตามมาพอวิ่งไปสักพักก็ได้เริ่มรู้สึกและรู้ว่ามีดที่โดนในตอนนั้นอาบยาพิษไว้อยู่ทัศนะวิสัยในการมองเห็นเริ่มแย่ลงจนแทบมองอะไรไม่เห็น ร่างกายเริ่มไม่มีแรงและรู้สึกหนาวมาก ผมวิ่งออกมานานมากแล้วด้วยที่วิ่งเข้ามาในป่าเพื่อที่จะกันไม่ให้พวกมันตามมา แต่ว่าตอนนี้สิ่งที่ผมควรสนใจคือสภาพร่างกายตอนนี้มากกว่าเพราะจะไม่ไหวแล้วกว่าจะรู้ตัวก็วิ่งมาถึงหน้าผ่าแล้วผมจึงรีบหลุดวิ่งแต่ไม่มีแรกตัวเลยล้มลงไปกับพื้น
“เกือบไป..”พูดได้แค่นั้นส่วนหน้าของผ่าที่ผมอยู่ก็หักแล้วตกลงไปในเหวตอนนี้ผมได้แต่นึกว่านี้เราจะมาจบลงแค่นี้หรือก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบไป
“อืม” ผมครางออกมาจากนั้นก็เริ่มคิดเรื่องต่างที่เกิดขึ้นในอดีต
“จำได้ว่าเราตกจากหน้าผ่านี้” ผมพูดกับตัวเองแล้วสำรวจไปรอบห้องในห้องมีเพียงแค่เตียงกับโต๊ะแล้วก็เก้าอี้สองตัวเท่านั้น
“ตื่นแล้วหรือ” ชายชราคนหนึ่งเปิดประตู้แล้วเดินเข้ามาถามผม
“เออ ครับ ขอบคุณมากนะครับที่ช่วยเหลือผมแต่ที่นี้มันที่ไหนหรือครับ” ผมถามออกไปด้วยความสงสัย
“ก็แถวปลายน้ำของเหวที่เจ้าตกมานั้นและ แล้วนี้จะอยู่ต่อสักพักไหมละฉันเห็นเจ้าดูหน้าจะพึ่งเจอเรื่องร้ายๆมานิ”
ผมรีบตอบกลับไปว่า “ไม่ละครับผมมีสิ่งที่ต้องรีบไปทำ” ใช่ต้องรีบหาทางไปแก้แค้นไอ้หมอนั้นใช่ฆ่าต้องฆ่าเท่านั้นในระหว่างที่ผมจมอยู่ในความคิดของตังเองอยู่ ชายชราก็พูดขึ้นมาเหมือนรู้ความคิดของผมว่า
“จะรีบกลับไปหาทางแก้แค้นใช่ไหมละ” ก่อนที่ผมจะได้เอ่ยถามไปว่ารู้ได้ยังไงก็ เขาก็พูดออกว่าก่อนว่า
“ก็ชุดของเจ้านั้นและมันเป็นชุดของตระกูลอาเรสใช่ไหมละ แต่ฉันขอบอกว่าเจ้าในตอนนี้ยังไม่พร้อมหลอกนะทั้งเรื่องประสบการณ์ความสามารถแล้วที่สำคัญคือความคิด ถ้าเจ้าอยากจะแก้แค้นละก็ฉันจะช่วยเองเพราะมันมีความแค้นกับฉันเหมือนกัน”
“ครับ ขอบคุณมากครับว่าแต่ท่านเป็นใครหรือครับ” ผมรีบตอบตกลงไปในทันทีแต่ก็สงสัยอยู่ว่าชายคนนี้เป็นใครกันแน่
“ข้า ฟาเรส ดิ กราเซีย หัวหน้าใหญ่ขององค์กรนักฆ่า” เท่านั้นและผมตกใจเป็นอย่างมากเพราะว่าองค์กรนี้เรียกว่าโด่งดังมาก และผมก็ดีใจเป็นอย่างมากเช่นกันเพราะถ้าอยู่ที่นี้ต่อไปผมก็มีสิทธิ์ที่จะได้แก้แค้นอย่างแน่นอนไม่ว่าจะนานขนาดไหนผมก็จะรอ นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาผมก็ได้เริ่มฝึกและทำภารกิจต่างๆตลอดและหาข้อมูลของพวกนั้นจนเวลาผ่านไปสิบห้าปีในที่สุดก็ถึงเวลา ใช่แล้วเวลาแห่งการแก้แค้น
ปัจจุบัน
“นี้แกจำไม่ได้จริงๆหรืองันฉันจะให้แกดูแล้วจำไว้ละไปหน้าของคนที่จะฆ่าแกนะ” ผมพูดพลางดึงฮูดบนหัวลงมา
“แกมัน..ซิลเวอร์ อาเรส นิไม่จริงแกน่าจะตายไปแล้วนิ” มันพูดพลางทำหน้าตกใจเหมือนเห็นผี
“ได้เวลาของแกแล้ว ไกอัส เซรัส ” พูดเสร็จผมก็เอามีดแท่งเข้าไปที่หัวใจของมันทันทีเพื่อให้แน่ใจว่ามันต้องตายอย่างแน่นอน
“หึ ถึงไม่อยากจะพูดเท่าไรแต่ก็ ของให้ไปสู่สุขคตินะ” หลังจากนั้นก็ใช่มือไปปิดตาของมันแล้วก็หยิบเอาขนนกสีขาวออกมาอันหนึ่งแล้วว่างไว้บนศพจนทำให้ขนนกเปลี่ยนไปเป็นสีแดงก่อนที่จะทำการหลบหนีออกมาด้วยเหตุการณ์ในครั้งนี้ถูกแรกว่า
“ขนนกสีเลือด”
ผลงานอื่นๆ ของ DestinyCry ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ DestinyCry
ความคิดเห็น