ขนนกสีเลือด - ขนนกสีเลือด นิยาย ขนนกสีเลือด : Dek-D.com - Writer

    ขนนกสีเลือด

    เด็กชายคนหนึ่งนอนอยู่ใต้ต้นไม้แล้วก็โดนพี่สาวของเขาปลุกเพื่อให้ไปทำงานอย่างเช่นเคยแต่เขากับไม่รู้เลยว่าวันนี้จะเป็นวันที่ทำให้เขาต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองไปตลอดชีวิต

    ผู้เข้าชมรวม

    66

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    66

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  แฟนตาซี
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  27 ก.พ. 57 / 19:10 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    1.           1. ซิลเวอร์  อาเรส  ปัจจุบันอายุ 33 ปี เป็นคนที่ร่าเริง จริงใจ แต่เมื่อผ่านเหตุการณ์ที่มีคนมาทำลายครอบครัวเข้าก็ได้เปลี่ยนไป

    2.           2.ราเซีย  อาเรส  อายุตอนตาย 23 ปี เป็นคนที่จริงจังและเข้มงวดมากด้วยเฉพาะกันน้องชายแต่ก็เป็นห่วงมากเช่นกัน

    3.           3. ไกอัส  เซรัส  ปัจจุบันอายุ 50 ปี เป็นคนที่มักใหญ่ใฝ่สูงทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ต้องการ

    4.           4. ฟาเรส  ดิ  กราเซีย  ปัจจุบันอายุ 65 ปี เป็นคนที่มีความเป็นผู้นำสูงมากและเป็นคนที่ใจดีชอบช่วยหรือคนอื่น

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      “ แกเป็นใคร” นั้นคือสิ่งที่ผู้ชายคนนั้นพูดกับผม “คือคนที่กำลังจะฆ่าแกยังไงละ” ใช่สิ่งที่ผมกำลังจะทำอยู่นี้มันเป็นสิ่งที่ผมพยายามมานับ สิบห้าปีใช่ นับตั่งแต่วันนั้นวันที่มันได้ทำลายสิ่งสำคัญของผมไปจนหมด

      สิบห้าปีที่แล้ว

      ตุบ “โอ๊ย พี่นี้มันอะไรกัน” อ่าผมคงต้องแนะนำตัวก่อนสินะผม ซิลเวอร์  อาเรส บุตรคนรองของตระกูล    อาเรสเป็นตระกูลพ่อค้าที่ใหญ่ที่สุดในเมืองเรเฟเซียร์ตรงหน้าผมคือพี่สาวคนโตที่ผมสุดแสนจะเคารพยิ่งราเซีย อาเรส

      “ก็แกนะมาทำอะไรตรงนี้มันใช่เวลามานอนเล่นใหม่มั้ยละ” ไม่พูดเปล่ายังจับแขนผมแล้วลากผมกลับบ้านทันที

      “วันนี้มีอะไรหรือเปล่าพี่  ปกติผมก็มาของผมอย่างนี้” ใช่เพราะปกติผมก็จะมานอนใต้ต้นไม้ต้นนี้เสมอสวนเหตุผลก็มาจากว่ามันเงียบสงบและเย็นสบายทำให้ไม่ต้องคิดเรื่องต่างๆทั้งเรื่องการแข่งขันทางการค้าไหนจะเรื่องต้องฝึกดาบไว้ป้องกันตัวอีกและเรื่องต่างๆน่า ที่ชวนปวดหัว ที่นั้นจึงเป็นที่เดียวที่ทำให้ผมรู้สึกสบาย

      “วันนี้จะมีแขกมาพบกลับคุณพ่อนะสิ แต่ท่านว่างไปทำธุระที่เมืองอื่นจึงให้แกทำแทนนะสิ” พี่ของผมกล่าวด้วยเสียงที่บอกว่ากำลังรู้สึกเครียด

      “มีอะไรหรือพี่มันก็ปกติไม่ใช่หรือถ้าพ่อไม่อยู่ผมก็จะเป็นคนทำแทนตลอดนิ” ผมพูดพลางทำหน้าประมาณว่าก็ปกตินิ

      “มันไม่ใช่อย่างงั้นนะสิ คราวนี้นะคนที่ว่าคือผู้นำของตระกูลเซรัส นะสิ” อ่อผู้นำตระกูลเซรัสมันก็แปลกจริงนั้นและนะเพราะปกติตระกูลของผมกลับตระกูลนั้นไม่ถูกกันมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษแล้วเพราะเมื่อในอดีตผู้นำตระกูลของผมได้ไปค้นพบว่าตระกูลนั้นทำการค้าขายเกินราคาและมีการค้าขายของผิดกฎหมายที่ และมักจะพยายามติดสินบนขุนนางในเมืองต่างๆและที่สำคัญตระกูลนี้นอกจากจะเป็นพ่อค้าแล้วยังเป็นตระกูลขุนนางเก่าแก่อีกด้วยจึงทำให้มีอธิพลมาก ทำให้ไม่มีใครกล้าเอาผิดได้นี้จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ตระกูลนี้ไม่ถูกกับพวกเราสักเท่าไร

      “นี่ซิล อย่างกังวลไปเลยนะทุกอย่างมันจะต้องเรียบร้อย” พี่ผมพูดพลางมองมาที่ไปหน้าของผม

      “อืมทุกอย่างต้องเรียบร้อย” หลังจากพูดเสร็จผมก็พูดเรื่องต่างๆน่ากับพี่อีกมาจนในที่สุดก็มาถึงบ้านของพวกเรา

      “ซิล พี่ของแยกไปทำบัญชีก่อนนะ” ไม่พูดเปล่าพี่ของผมก็เดินเข้าไปในห้องของตนเองอย่างรวดเร็ว

      “อ่า คงได้เวลาที่จะต้องเตรียมตัวแล้วมั่ง” ผมจึงรีบวิ่งขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวและจัดบุคลิกตัวเองใหม่ทำตัวให้มีความน่าเชื่อถือมากขึ้น                หลังจากแต่งตัวอยู่นานผมก็ลงมานั่งอยู่ที่ห้องโถงของบ้านเพื่อที่จะรอพบแขกที่กำลังจะมาถึงในไม่ช้านี้

      “เมื่อไรจะมาถึงสักที่นะ” ใช่เพราะตอนนี้มันเลยเวลานัดมาครึ่งชั่วโมงแล้วตามเวลานัดควรจะมาตั้งแต่สี่โมงเย็นแล้วนิ

      ผมนั่งรออยู่อีกสิบห้านาทีจึงมีจดหมายของโทษจากทางตระกูลนั้นมาบอกว่าทางนั้นมีปัญหาใหญ่จึงจำเป็นต้องเลือนการพบกันออกไปก่อน

                      “แปลกแต่ชั่งเถอะ พี่ผมหมดธุระแล้วผมขอออกไปเดินเล่นในเมืองก่อนนะ”ด้วยไม่รอที่จะฟังคำตอบผมรีบออกมาทันทีด้วยที่ๆผมจะไปนั้นเป็นที่ๆทำให้ผมมีความสุขและเจ็บปวดไปในเวลาเดียวกันเพราะที่นั้นก็คือหลุมฝั่งศพของแม่ที่สุสานเพราะในวันนี้เป็นวันครบรอบวันตายของท่านหลังจากเริ่มเดินทางผ่านไปสิบห้านาทีในที่สุดผมก็มาถึง

      “ผมมาแล้วนะครับแม่” หลังจากนั้นผมก็ว่างดอกไม้ที่หน้าหลุมศพผมนั่งมองป้ายหลุมศพอยู่อย่างนั้นไม่รู้เป็นเวลานานขนาดไหนกว่าจะรู้สึกตัวอีกที่ก็เกือบค่ำแล้วผมจึงตัดสินใจว่าจะหาอะไรกินในเมืองก่อนแล้วค่อยกลับไปที่บ้าน

      “อืมจะไปกินอะไรดีนะ”ใช่จะไปกินอะไรดีตอนนี้ผมหิวไปหมดแล้วพอเดินดูไปตามที่ต่างๆสุดท้ายก็มาเจอร้านอาหารร้านหนึ่งพอจะเริ่มสั่งอาหารก็ได้ยินคนคุยกันว่านี้  “ได้ข่าวหรือเปล่าว่าบ้านของคนในตระกูลอาเรสโดนว่างเพลิงละ”

      เท่านั้นและผมรีบวิ่งออกไปในทันทีในใจคิดว่านี้มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นทำไมถึงเกิดขึ้นกับเราพอมาถึงน่าประตูเมืองผมรีบไปเช่าม้ามาทันที่จากนั้นก็รีบควบออกไปพอมาถึงบ้านสิ่งที่ผมเห็นคือไฟใช่ไฟสีแดงฉานเต็มไปทั่วบ้านส่วนต่างๆเริ่มพังและหายไป

      “ขอแค่ไปช่วยพี่ให้ทันก็ยังดี” จากนั้นก็รีบกระโจนเข้าไปในบ้านวิ่งไปในทิศทางที่คิดว่าจะเป็นห้องของพี่เพราะตอนนี้ไฟได้รามไปทั่วบ้านแล้ว

      “พี่อยู่หรือเปล่า” ผมตะโกนออกไปเพื่อหวังให้พี่ตอบพอถึงประตูไม่ต้องคิดอะไรมากผมรีบเปิดอย่างรวดเร็ว

      “ไม่ จริงน่า พี่ ! ” ภาพที่ผมเห็นก็คือร่างของพี่นอนจมกองเลือดอยู่เนื่องจากผนังข้างบนพังลงว่าทับและที่ทำให้ผมแทบจะบ้าคือหัว ของพี่ที่อยู่กับพื้น คงจะโดนอะไรตัดตอนที่ผนังพังลงมา

      “ต้องรีบหนี..แล้ว” ผมรีบวิ่งออกด้วยในใจก็คิดว่าถ้าเรามาเร็วกว่านี้สักนิดก็คงดี

      “แล้วเราจะมีหน้าไปสู้ท่านพ่อกับน้องได้อย่างไร” ผมได้แต่พูดกับตัวเองอยู่อย่างนั้นเพราะตอนนี้ผมได้ออกมาอยู่ใต้ต้นไม้ต้นที่นั่งอยู่เมื่อเช้าแล้ว ทันได้นั้นก็ได้ยินเสียงมีดพุ่งมาโดยมีเล่มนั้นเสียบเข้าที่ท้องของผมพอดี

      “อ๊าก บ้าเอ๊ยนี้มัน..อะไรกัน” ผมร้องออกมาเพราะความเจ็บปวดอย่างมากพอเงยหน้าขึ้นไปมองก็เห็นหน้าของคนๆหนึ่งเข้าใช่เป็นคนๆเดียวกับคนที่ควรจะมาตามนัดตอนเย็นวันนี้นั้นก็คือ

      “แก ผู้นำของตระกูลเซรัสนิ” ข้างๆของคนๆนั้นมีคนใส่ชุดคลุมอยู่สองคนและลูกน้องของมันอีกนับสิบคน ก่อนที่ผมจะได้พูดอะไรมันก็เอ่ยออกมาก่อนว่า

      “ไม่น่าเชื่อว่าจะเหลือแกรอดอยู่ได้เป็นคนสุดท้ายนะหนุ่มน้อย” มันพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแสดงถึงความชอบใจ

      “นี้แกหมายความว่าอย่างไงหะ” ผมเค้นเสียงพูดออกไปด้วยความอยากลำบากเพราะเริ่มรู้สึกเวียนหัวแล้ว

      มันไม่พูดอะไรแต่พยักหน้าให้ลูกน้องของมันจากนั้นสิ่งที่ผมเห็นก็คือหัวของคนใช่หัวของคนสองคนที่น่าจะอยู่ที่อีกเมืองนั้นก็คือพ่อ และ น้องสาวของผมเอง

      “อ่า ช่างหน้าส่งสารนัก กว่าครอบครัวจะได้มาเจอกันก็ตายกันเกือบหมดแล้ว ฮ่าๆๆ” ผมไม่สนใจที่มันพูดได้แต่คิดว่าฆ่าจะต้องฆ่าให้ได้ คนที่มายุ่งกับครอบครัวของฉัน หลังจากนั้นผมก็ดึงมีดที่ปักอยู่ที่ต้องออกมาแล้วพุ่งเขาไปหมายจะฆ่าไอ้คนที่มันทำลายครอบครับของผม ก่อนที่มีดของผมจะถึงเป้าหมายในอีกไม่กี่วินาทีก็โดนดาบจากพวกคนใส่ชุดคลุมปัดทิ้งก่อนตอนนั้นเองผมจึงได้รู้สึกตัวว่าตอนนี้เราทำอะไรไม่ได้แน่ถ้าจะเสี่ยงแล้วตายตรงนี้ก็ไม่สามารถแก้แค้นให้คนอื่นๆที่ตายไปแล้วได้ผมจึงรีบถีบเข้าไปที่ท้องของหนึ่งในคนพวกนั้นแล้วรีบวิ่งออกไป ตอนวิ่งผมคิดว่าหน้าแปลกทำไมพวกมันไม่ไล่ตามมาพอวิ่งไปสักพักก็ได้เริ่มรู้สึกและรู้ว่ามีดที่โดนในตอนนั้นอาบยาพิษไว้อยู่ทัศนะวิสัยในการมองเห็นเริ่มแย่ลงจนแทบมองอะไรไม่เห็น ร่างกายเริ่มไม่มีแรงและรู้สึกหนาวมาก ผมวิ่งออกมานานมากแล้วด้วยที่วิ่งเข้ามาในป่าเพื่อที่จะกันไม่ให้พวกมันตามมา แต่ว่าตอนนี้สิ่งที่ผมควรสนใจคือสภาพร่างกายตอนนี้มากกว่าเพราะจะไม่ไหวแล้วกว่าจะรู้ตัวก็วิ่งมาถึงหน้าผ่าแล้วผมจึงรีบหลุดวิ่งแต่ไม่มีแรกตัวเลยล้มลงไปกับพื้น

      “เกือบไป..”พูดได้แค่นั้นส่วนหน้าของผ่าที่ผมอยู่ก็หักแล้วตกลงไปในเหวตอนนี้ผมได้แต่นึกว่านี้เราจะมาจบลงแค่นี้หรือก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบไป

      “อืม” ผมครางออกมาจากนั้นก็เริ่มคิดเรื่องต่างที่เกิดขึ้นในอดีต

      “จำได้ว่าเราตกจากหน้าผ่านี้” ผมพูดกับตัวเองแล้วสำรวจไปรอบห้องในห้องมีเพียงแค่เตียงกับโต๊ะแล้วก็เก้าอี้สองตัวเท่านั้น

      “ตื่นแล้วหรือ” ชายชราคนหนึ่งเปิดประตู้แล้วเดินเข้ามาถามผม

      “เออ ครับ ขอบคุณมากนะครับที่ช่วยเหลือผมแต่ที่นี้มันที่ไหนหรือครับ” ผมถามออกไปด้วยความสงสัย

      “ก็แถวปลายน้ำของเหวที่เจ้าตกมานั้นและ แล้วนี้จะอยู่ต่อสักพักไหมละฉันเห็นเจ้าดูหน้าจะพึ่งเจอเรื่องร้ายๆมานิ”

      ผมรีบตอบกลับไปว่า “ไม่ละครับผมมีสิ่งที่ต้องรีบไปทำ” ใช่ต้องรีบหาทางไปแก้แค้นไอ้หมอนั้นใช่ฆ่าต้องฆ่าเท่านั้นในระหว่างที่ผมจมอยู่ในความคิดของตังเองอยู่ ชายชราก็พูดขึ้นมาเหมือนรู้ความคิดของผมว่า

      “จะรีบกลับไปหาทางแก้แค้นใช่ไหมละ” ก่อนที่ผมจะได้เอ่ยถามไปว่ารู้ได้ยังไงก็ เขาก็พูดออกว่าก่อนว่า

      “ก็ชุดของเจ้านั้นและมันเป็นชุดของตระกูลอาเรสใช่ไหมละ แต่ฉันขอบอกว่าเจ้าในตอนนี้ยังไม่พร้อมหลอกนะทั้งเรื่องประสบการณ์ความสามารถแล้วที่สำคัญคือความคิด ถ้าเจ้าอยากจะแก้แค้นละก็ฉันจะช่วยเองเพราะมันมีความแค้นกับฉันเหมือนกัน”

      “ครับ ขอบคุณมากครับว่าแต่ท่านเป็นใครหรือครับ” ผมรีบตอบตกลงไปในทันทีแต่ก็สงสัยอยู่ว่าชายคนนี้เป็นใครกันแน่

      “ข้า  ฟาเรส  ดิ  กราเซีย  หัวหน้าใหญ่ขององค์กรนักฆ่า” เท่านั้นและผมตกใจเป็นอย่างมากเพราะว่าองค์กรนี้เรียกว่าโด่งดังมาก และผมก็ดีใจเป็นอย่างมากเช่นกันเพราะถ้าอยู่ที่นี้ต่อไปผมก็มีสิทธิ์ที่จะได้แก้แค้นอย่างแน่นอนไม่ว่าจะนานขนาดไหนผมก็จะรอ นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาผมก็ได้เริ่มฝึกและทำภารกิจต่างๆตลอดและหาข้อมูลของพวกนั้นจนเวลาผ่านไปสิบห้าปีในที่สุดก็ถึงเวลา ใช่แล้วเวลาแห่งการแก้แค้น

      ปัจจุบัน

      “นี้แกจำไม่ได้จริงๆหรืองันฉันจะให้แกดูแล้วจำไว้ละไปหน้าของคนที่จะฆ่าแกนะ” ผมพูดพลางดึงฮูดบนหัวลงมา

      “แกมัน..ซิลเวอร์  อาเรส นิไม่จริงแกน่าจะตายไปแล้วนิ” มันพูดพลางทำหน้าตกใจเหมือนเห็นผี

      “ได้เวลาของแกแล้ว ไกอัส เซรัส ” พูดเสร็จผมก็เอามีดแท่งเข้าไปที่หัวใจของมันทันทีเพื่อให้แน่ใจว่ามันต้องตายอย่างแน่นอน

      “หึ ถึงไม่อยากจะพูดเท่าไรแต่ก็ ของให้ไปสู่สุขคตินะ” หลังจากนั้นก็ใช่มือไปปิดตาของมันแล้วก็หยิบเอาขนนกสีขาวออกมาอันหนึ่งแล้วว่างไว้บนศพจนทำให้ขนนกเปลี่ยนไปเป็นสีแดงก่อนที่จะทำการหลบหนีออกมาด้วยเหตุการณ์ในครั้งนี้ถูกแรกว่า

      “ขนนกสีเลือด”

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×