ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ~Blood School เลือดรัก นักเลงช่าง ~JackBam [Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #19 : Sec 19 / Big or small, lies are still lies

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.28K
      38
      1 ก.พ. 58


                          



    Yongjae Part

     

    ยกมือขึ้นจับรอยช้ำรอบ ๆ ข้อมือ รู้สึบเจ็บแปลบ ๆ ไม่หาย ทั้งที่มันก็ผ่านมาจะสองอาทิตย์แล้ว  เหมือนตัวจะแตกสลายเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ทำให้เป็นอย่างนี้...ทุกอย่างเหมือนถูกฉุดกระชากลงนรกทั้งเป็น...ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะถูกทำอย่างนั้น...วางมือลงข้างลำตัวเบา ๆ ก่อนจะหลับตาลง  แต่ก็ไม่วายยื่นมือไปหยิบโทรศัพท์ ที่เป็นตัวต้นเหตุของทั้งหมดมาดู...

     

    ...โทรศัพท์ที่อัดแน่นไปด้วยรูปและคลิปของใครบางคน...โทรศัพท์ที่หยิบสลับกับใครบางคนที่ร้านขายกาแฟหน้าสถาบัน...

     

    “ เอาโทรศัพท์กูมาคืน  แล้วก็มาเอาโทรศัพท์มึงไป”

     

    “ มึงปลดล็อคเครื่องกูได้ยังไง!!

     

    “ ได้ไม่ได้ ก็ก็ปลดแล้ว...แล้ว...”

     

    “ แล้วอะไร!! มึงห้ามยุ่งกับโทรศัพท์กูเด็ดขาด!

     

    “ ฮ่าๆๆๆ ทำไมกลัวกูรู้รึไงว่ามึงมันเป็นพวกประเภท...เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ...”

     

    “ ไอ้เจบี!!

     

    “ กูไม่บอกใครหรอกหน่า  ก็แค่ทำตัวเป็นเด็กดี แล้วเพื่อนมึงจะไม่รู้....มึงคงไม่อยากถูกมันเกลียดใช่ไหม...ยองแจ..”

     

    ปลดล็อคโทรศัพท์ตัวเองที่ได้คืนมา  ก่อนจะกดเข้าแกลลอรี่  ลากนิ้วผ่านรูปภาพมากมายที่ทั้งแอบถ่าย และไปเซฟจากอินสตราแกรมของมัน...มีไม่กี่รูปที่มันอัพรูปตัวเอง  นอกนั้นเป็นอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว และรูปถ่ายติส ๆ แต่ผมก็เลือกที่จะเซฟมาหมด.....กดออกจากแกลลอรี่  ก่อนจะเข้าวิดีโอคลิปที่ผมแอบถ่ายตอนที่มันนั่งเรียน  ทั้งเครื่องตอนนี้มีแต่เรื่องราวของคน ๆ เดียว...คนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเพื่อนสนิท...คนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นของคนอื่นไปแล้ว...คนที่ผมแอบชอบตั้งแต่ที่เจอกันครั้งแรก...

     

    ....แบมแบม......

     

    “...กู ขอ โทษ...”   ไล้มือตามรูปถ่ายที่ผมเซฟมาจากไอจีมัน  รูปที่มันถ่ายคู่กับคุณย่า...รอยยิ้มสดใส...แววตาซุกซน และใบหน้าน่ารัก...ทุกอย่างมันดึงดูดหมด...นิสัยจริงใจและเป็นห่วงทุกคนคือสิ่งที่ใครๆ  ก็ยอมรับ....แม้กระทั่งรู้อยู่เต็มอกว่าตอนนี้มันเป็นของใคร แต่ผมก็ตัดใจไม่ได้...ทั้งที่ไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าและสบตากลมโตคู่นั้น...ตอนที่มันนอนโรงพยาบาลผมก็ไปเจอแต่ตอนที่มันนอนหลับ...แล้วก็ต้องหลบๆ  ซ่อนกลับไปดูแลไอ้เลวนั่น....

     

    เหตุการณ์ที่ฉุดผมลงนรกจริงๆ  คือวันที่เจบีโทรให้ผมซื้อข้าวเข้าไปให้เพราะเบื่ออาหารโรงพยาบาล  ทุกอย่างผมต้องทำตามแม้ว่าจะมันจะขัดใจแค่ไหนก็ตาม...พอเข้าไปแล้วกลับไม่เห็นใครซักคน...แต่สุดท้ายอีกคนก็ใช้ไม้ค้ำพยุงตัวเองเข้ามาในสภาพหน้าตาบอกบุญไม่รับเหวี่ยงไม้ค้ำออกไปจนโดนขาเตียง....ผมมองร่างสูงยืนหายใจหอบเหมือนกับกำลังเก็บกดอารมณ์บางอย่าง....ไปเจอเรื่องอะไรมา...ผมขยับตัวหลังจากวางข้าวไว้แล้ว ดูเหมือนว่าขาอีกคนจะดีขึ้นหลังจากถอดเฝือกอ่อนออก...

     

    “ กูกลับ ก่อนนะ..”

     

    “.......................”

     

    “....ไอ้เชี่ย ทำอะไร!!..”  ผมโวยวายเมื่อจู่ ๆ คนที่เดินขากระเผลกอยู่ก็พุ่งมาจับแขนผมไว้ ก่อนจะออกแรงลากกลับไปในห้อง...ใบหน้าเจบียังมีแววเครียดแค้นอยู่...ทั้งที่ไม่สบายและไม่สมประกอบเท่าไหร่ แต่ผมกลับสู้แรงมันไม่ได้...

     

    “...ไอ้เชี่ยแจ็ค!...ไอ้สัดนรก!!..ซักวันกูจะฆ่ามัน..!!

     

    “ มึงจะทำอะไร...ปล่อยนะ!!

     

    “...มึงชอบแบมแบมไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่แย่งมา!...”

     

    “ กูไม่มีทางทำอย่างนั้นแน่!! ไอ้เชี่ยปล่อยกู!”   ตอนนี้ผมถูกเหวี่ยงลงโซฟาตัวใหญ่ ก่อนที่อีกคนจะขึ้นคล่อมไว้ ดูเหมือนว่าจะลืมไปว่าตัวเองกำลังเจ็บอยู่ แต่พละกำลังกลับเหลือเฟือเหมือนเดิม....

     

    “ งั้นเหรอ...มึงยอมที่จะเจ็บสินะ...ก็ดี...งั้นเจ็บเพิ่มอีกนิดก็ได้สินะ...ได้พวกเพการ์..มันจะทำหน้ายังไง ถ้ารู้ว่าเด็กในแกงค์มัน...น้องมันถูกกูจับทำเมีย...”

     

    “...มะ...ไม่....เจบี...มึงอย่าทำอย่างนี้ กูไม่ใช่แบมแบมนะ!

     

    “ ฮ่าๆๆๆ  มึงคิดเหรอว่าจะแทนแบมแบมได้! กูแค่อยากให้พวกเพการ์คลั่ง..อย่างน้อย ๆ ไอ้ออกัสมันก็คงจะเหมือนถูกแหกอกอย่างจัง จริงไหม..”

     

    “ อย่า!! ไอ้สัด !! ปล่อย!

     

    ทำไมเสียงผมมันถึงไม่ดังพอให้ใครเข้ามาเจอ....เนคไทค์ชุดนักศึกษาที่ใส่กลับกลายเป็นเครื่องพันธนาการ...ทุกอย่างดำเนินไปแบบเจ็บปวด  เวลามันเหมือนเนิ่นนาน...ความทรมานมันยังกรีดลึกในใจและร่างกายผม...สุดท้ายที่มันลุกออกไป ผมเหมือนกำลังจะตายจนหมดสติ....ตื่นขึ้นมาเสื้อผ้าก็มาอยู่บนตัวเหมือนเดิม  มีเพียงเนคไทค์เส้นนั้นที่ถูกปลดออกจากข้อมือวางทิ้งไว้ข้างๆ  โซฟา....และความเจ็บปวดที่ยังย้ำว่าผมผ่านอะไรมา 

     

    ....ผมเลือกที่จะเงียบ ไม่บอกใคร...เก็บทุกอย่างไว้คนเดียว....แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว...ผมไม่เข้าไปหามันอีก...และมันก็ไม่เรียกร้องให้ผมไปหา...มีเพียงข้อความสุดท้ายที่มันส่งมามันที่แบมแบมออกจากโรงพยาบาล....

     

    “  มันไม่มีใครแทนใครได้...มึงก็ไม่ได้เป็นตัวแทนใคร..” 

     

    ...ไม่เข้าใจอะไรทั้งนั้น.....และไม่มีวันที่ผมจะพยายามทำความเข้าใจไอ้คนนิสัยเลวนั่น...หวังว่าหลังจากนี้ทุกอย่างจะจบสิ้นกันแล้ว....

     

    “ยองแจ  เหม่อเชียว เป็นอะไรรึเปล่า”

     

    “ เปล่ากูไม่เป็นไร มึงกินข้าวเถอะ”  ผมบอกแบมแบมที่นั่งตรงข้ามกับผม เพื่อนอีกสามคนก็เงยหน้ามองผม แต่ไม่พูดอะไร...คงเพราะว่าตอนนี้แบมแบมจำอะไรไม่ได้เลยไม่อยากให้มันรับรู้อะไรจะดีกว่า....

     

    “  อืม...”

     

    ติ้ง!

     

    JBUnic :  เย็นนี้มาหากูที่บ้าน....

     

     

    CYJCYJCWJ :  กูไม่ไป เลิกยุ่งกันได้แล้ว

     

    JBUnic :  ยากนักรึไงแค่ขึ้นรถมาหากู

     

    CYJCYJCWJ:  มีเหตุผลอะไรที่กูต้องไปหามึง เลิกวุ่นวายกับกูเถอะ กูขอร้อง แค่นี้ยังไม่พอใจมึงรึไง

     

    JBUnic :  ....ไม่...

     

    ผมกดปิดไลน์ในที่สุดไม่โต้ตอบอะไรแม้ว่าจะอ่านแล้วก็ตาม มันส่งข้อความเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งที่ทำเรื่องเชี่ย ๆ ใส่ผมขนาดนั้น ไม่ฆ่ามันก็บุญเท่าไหร่แล้ว....แบมแบมมองหน้าผมเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ บางครั้งแววตามันก็มองเหมือนรู้เรื่องผมอย่างนั้นแหละ  ทั้งที่จำอะไรไม่ได้ ตากลมที่จ้องผมยังทอประกายความเป็นห่วงเหมือนทุกครั้ง...ส่งยิ้มให้มันก่อนจะพยักหน้าให้มันกินข้าวให้หมด...มันเหมือนเนิ่นนานมาแล้ว ที่ผมได้แต่แอบมองแอบเป็นห่วงแบมแบม...มันสุขใจถึงแม้จะไม่ได้เป็นอย่างที่อยากเป็น...

     

    ....การแอบรักมันไม่ได้เลวร้ายเสมอไป...ผมมีความสุขทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้แบมแบม....แต่ตอนนี้กลับมีบางอย่างที่ค้างคาใจเพราะไอ้บ้านั่น....

     

    ติ้ง!

     

    JBUnic :  มาหากู ยองแจ เพราะมึงเป็นของกู

     

    ........................................

     

    .......................................

     

    BamBam Part

     

    ตอนนี้ทุกอย่างดูวุ่นวาย วันทั้งวันมีการประกาศเรียกตัวนักกีฬาจากแผนกต่างๆ  จนไม่เป็นอันเรียน และสุดท้ายห้องผมอาจารย์ก็ปล่อย เพราะบางส่วนถูกคัดไปซ้อมแสตนเชียร์  ส่วนไอ้มาวินกับยูคยอมลงเตะบอล ถึงจะเป็นตัวสำรองแต่พวกมันก็ดูภูมิใจสุด ๆ  เพราะมีรุ่นใหญ่เพการ์อยู่สองคน คือ เฮียโจ กับเฮียกัส  ส่วนที่เหลือลงบาสแล้วมีรุ่นใหญ่ของยูนิคมาร่วมทีมด้วย  พวกนี้เป็นนักกีฬาโรงเรียนอยู่แล้ว พวกไอ้ยูคยอมบอกว่า เวลาเล่นบอลนอกเหนือจากจะแข่งกันเอง  นอกนั้นไม่เคยมีปัญหากันเวลาซ้อมเวลาแข่งก็ดูเข้าขากันดี  พวกรุ่นใหญ่เคยบอกพวกมันว่า   

     

    ...เพราะคู่แข่งในงานกีฬากระชับมิตร อยู่ต่างสถาบันไม่ใช่สถาบันเดียวกัน....

     

    ...ซึ่งผมคิดว่านี่เป็นอีกมุมมองของนักเรียนนักเลงร่วมสถาบัน....

     

    “ พวกมึงต้องไปนะ ไปอยู่ฝ่ายสันทนาการนะ บาส หรือไม่ก็บอล ไปลงชื่อเลย”

     

    “ ไม่ต้องไปลง ป่านนี้เฮียแจ็คจัดไปละ”  ผมดูดน้ำเป๊บซี่ไปด้วยเหลือบมองไอ้มาวินกับยูคยอมคุยกัน จะว่าไปนอกเหนือจากพวกขึ้นสแตนกับพวกนักกีฬา นอกนั้นก็คงจะต้องเรียนตามปกติ....

     

    สถาบันที่จะไปแข่งเป็นอาชีวะทางทะเลแถว ๆ ชลบุรี  ซึ่งแน่นอนว่าหลายคนที่ได้ไปทั้งกองเชียร์ทั้งนักกีฬาก็หวังว่าจะได้เที่ยวบ้าง...ซึ่งสถาบันที่เข้าร่วมคืออาชีวะภาคกลางและภาคตะวันออก  ส่วนภาคอื่นจัดแข่งที่อื่น  แล้วจะมาจัดแข่งชิงกันอีกรอบ...คนขึ้นแสตนเชียร์รวมทั้งพวกสันทนาการต้องเป็นชุดพละโรงเรียน ส่วนรีดเดอร์ผมก็ยังไม่เห็นแต่เห็นไอ้หมากหอมมันไปแอบดูบ่อย ๆ  เป็นพวกสาว ๆ พาณิชย์นั่นแหละ

     

    “นู่นไงพวกเฮีย กำลังซ้อมอยู่”

     

    กรี๊ดดดด!!!

     

    “ พวกมึง กูกลับก่อนนะ กูคงไม่ได้ลงชื่อไปด้วยอ่ะ  เพราะมีธุระ”

     

    “ทำไมวะยองแจ ไม่ไปก็ไม่ครบทีมเราดิ”

     

    “ขอโทษพวกมึง แต่กูมีธุระจริง ๆ”

     

    “ เออ ๆ  ไปเหอะ ดูแลตัวเองละกัน”

     

    “งั้นแยกกันตรงนี้”

     

    “..........................”   ผมยกมือขึ้นเอากำปั้นชนกับยองแจก่อนอีกคนจะมองหน้าผมแล้วหันหลังกลับไป  เสียงกรี๊ดในโรงยิมยังดังไม่หยุดตั้งแต่พวกเราเดินเข้ามาใกล้  ไม่ต้องเดาก็ดูออกว่าใครกำลังซ้อมอยู่....จะไปพรุ่งนี้อยู่แล้วพึ่งจะมาฟิตซ้อมเอาจริงเอาจังวันนี้...

     

    “ มาเดินตามกูมาเดี๋ยวหลง”

     

    “.....................”  อยากจะบอกว่าไม่หลงหรอก แต่ไอ้ยูคยอมก็ดึงมือผมให้เดินตามจนกระทั่งไปหาที่นั่งได้ที่สแตนโรงยิม ก่อนจะมองพวกที่ใส่เสื้อกล้ามสีขาวซ้อมบาสทั้งเหงื่อและเสื้อบางๆ  ทำให้เห็นรอยสักชัดเจนพอ ๆ กับถอดเสื้อ นี่คงเป็นเหตุผลที่ใคร ๆ ก็มานั่งดูพวกเฮียซ้อมบาส...ผมจำได้ว่าสองในห้าคนเป็นนักบาสจากยูนิค  แต่ดูทั้งหมดห้าคนก็เล่นเข้าขากันได้ดี....สมกับที่เป็นทีมเดียวกัน...ฝั่งสแตนตรงข้ามมีทีมของยูนิคนั่งกันอยู่ประปราย ฝั่งนี้ก็มีทีมเพการ์เหมือนกัน  แต่ทุกคนก็ดูลุ้นและจดจ่อกับนักบาสห้าคนที่มีคู่ซ้อม เป็นคนในเพการ์กับยูนิค ซึ่งน่าจะเป็นตัวสำรองซึ่งใส่เสื้อกล้ามสีเทาทั้งทีม 

     

    “ นี่เป็นสิ่งที่อาจารย์เราภูมิใจเว้ย  เวลามีกีฬาอย่างนี้ที แมร่งสองแกงค์โคตรสามัคคีกัน”

     

    “ เตรียมน้ำ เตรียมน้ำ”

     

    “...........................”  ผมไม่รู้ว่าไอ้มาวินมันไปซื้อน้ำมาตั้งแต่เมื่อไหร่ หรือมันมีวางอยู่แล้ว เพราะมันโยนให้พวกเพการ์ทั้งตัวจริงตัวสำรองได้กินกัน...

     

    “อ่ะ เช็ดหลังให้หน่อย “

     

    “......................”  ผมมองผ้าเช็ดตัวผืนเล็กที่ถูกใครบางคนโยนมาให้ ก่อนอีกคนจะมานั่งสแตนชั้นที่ถัดลงไปจากที่ผมนั่งชั้นนึง....เสื้อกล้ามถูกถอดออกแบบไม่แคร์สายตาและเสียงกรี๊ดของสาวๆ  ที่นั่งอยู่เต็มสแตน  รอยสักเพกาซัสเด่นชัดในสายตาผม แขนและแผ่นหลังอัดแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อแข็งแรง....ที่แขนยังมีรอยกรีดเป็นแผลยาว แต่แผลกำลังจะแห้งและตกสะเก็ด....

     

    “ ได้ยินที่กูพูดไหมแบมแบม”

     

    “......................”   ตัดสินใจยกผ้าขึ้นก่อนจะค่อย ๆ เช็ดไปตามแผ่นหลังที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อ  รอยแดงวิ่งริ้วตามรอยผ้าที่ผมลากผ่าน ก่อนจะกลับเป็นสีปกติ  เฮียแจ็คเหล่มองผมหน่อย ๆ ก่อนเอื้อมมือมาจับมือผมออกจากหลังตัวเอง  ก่อนที่แผ่นหลังหนาจะแทรกตัวเข้ามาหว่างขาผมเอนตัวพิงสแตนเต็มที่  ส่วนมือที่จับมือผมที่มีผ้าอยู่ก็เอาไปเช็ดหน้าตัวเองต่อทั้งที่มีมือผมติดไปด้วย.....คิดว่ามีคนมองไหม...เหลือแค่หมาที่เดินผ่านเท่านั้นแหละมั้งที่ไม่มอง....

     

    ....แต่แปลกที่ผมไม่อายแต่กลับรู้สึกเขินมากกว่า....ทั้งที่อยากจะอมยิ้มหรือฟาดคนหน้าไม่อายไปซักที แต่ก็ต้องเก็บอาการดึงมือตัวเองออก แต่ก็ปล่อยให้อีกคนนั่งพิงสแตนตรงหว่างขาผมต่อ.....ไม่ได้พูดคุยอะไรกันอีกจนกระทั่งอีกคนลุกไปซ้อมต่อ....

     

    ....อยากหยุดเวลาไว้ตรงนี้ไม่ได้รึไง....เหลือเวลาอีกไม่มากที่ผมจะมีความสุขกับผู้ชายคนนี้.....แล้วทุกอย่างก็จะถูกตัดสินจากสังคมที่ต้องการความถูกต้องของหลักประเพณี....

     

    ............................

    ............................

     

    อากาศเย็นๆ  ของอากาศตอน หกโมงเช้าที่แถวชลบุรีมันสดชื่นกว่าในกรุงเทพเป็นไหน ๆ พวกเราออกจากที่สถาบันตั้งแต่ตีสาม เพื่อที่จะเดินทางไม่ร้อนมาก....ทางสถาบันจองโรงแรมสองชั้นเพื่อนักกีฬาและกองเชียร์  แต่ก็ต้องนอนกันหลายคนเพราะแค่กองเชียร์เกือบสองร้อยชีวิตแล้ว  นักกีฬาอีก แต่ก็อย่างว่านักกีฬาหญิงพวกเรามีไม่มากแค่วอลเลย์หญิง บาสหญิง แค่นั้น ที่เหลือก็เป็นหรีดและกองเชียร์ ยึดไปชั้นนึงทั้งหมด  ส่วนผู้ชายดูเหมือนจะไม่ซีเรียสเพราะห้องละกี่คนก็อัดกันได้....ผมถูกหอบหิ้วมาด้วยในตำแหน่งคนเสริฟน้ำทีมบาส และช่วยเสริฟกองเชียร์ด้วย...เนื่องจากอาการที่แขนยังแปลบ ๆ ไม่หายดี เลยไม่ต้องอะไรมาก...ผมวางกระเป๋าลงในห้องโรงแรมที่ไม่หรูอะไร  นอนกันสิบคนก็เป็นรุ่นใหญ่ทั้งหมด แล้วก็พวกผมทุกคนยกเว้นยองแจที่ไม่มา...มีเวลาถึงแปดโมงเช้าให้ไปรวมตัวกันที่รถเพื่อไปซ้อมเชียร์ และดูสนามจริง....พรุ่งนี้ถึงจะมีการเปิดสนามและเริ่มแข่งขัน...

     

    “ง่วงก็มานอนเดี๋ยวปลุก”

     

    “ แบมไม่ง่วงหรอก”

     

    “อย่ามาแสดง มานี่”

     

    “เฮ้ย ๆ แจ็คสัน ลูกเขามีพ่อมีแม่นะมึง ฉุดเอา ฉุดเอา”  

     

    “ เฮียแจ็ค!

     

    “นิ่งเถอะหน่า กูก็ง่วง”  จะให้นิ่งได้ยังไง ตอนนี้ผ้านวมผืนใหญ่ถูกเอาลงมาปูมุมห้อง  และเฮียแจ็คก็จับจอง หนำซ้ำยังดึงผมให้นอนลงติดผนังแล้วกอดไว้ทั้งตัวจนกระดิกไม่ได้....ก็ยอมรับล่ะว่ามันอุ่นเพราะแอร์ในห้องมันแรง...แต่นอนแบบนี้ไม่อายเพื่อนเลยรึไง..

     

    “เชี่ยยูค เสล่อ ไปนอนหน้าห้องน้ำนู่น!

     

    “ ไม่เอาผมจะนอนบนเตียง”

     

    “....................”  ผมนอนฟังยูคยอมกับเฮียแวนเถียงกัน ผ้าห่มนวมถูกดึงลงมาปูพื้นหมด พร้อมกับขอผ้าห่มเสริมอีกหลายผืน...ผมยอมนอนนิ่งให้คนที่กอดเอวผมหลวมๆ  ได้หลับตามที่ต้องการ  เหมือนเฮียง่วงจริงๆ  เพราะไม่นานคนที่กอดผมก็หายใจเข้าออกสม่ำเสมอ....กลิ่นกายเฉพาะและความอบอุ่นที่ได้รับ...มันทำให้ผมเริ่มง่วงไปด้วย...คนอื่น ๆ ก็นอนเหมือนกัน...เพราะแต่ละคนคงตื่นเช้ากว่าทุกวัน นั่งรถมาอีกสองชั่วโมงนิด ๆ ก็เพลีย...

     

    ....แค่เริ่มหัวเบลอ ๆ  เหมือนเคลิ้ม ๆ ร่างกายผมก็เริ่มขยับหาไออุ่นมากขึ้น ซุกตัวกับอ้อมกอดแข็งแรง ก่อนจะดำดิ่งเพราะความเพลียเหมือนกัน....ถ้าไม่หูแว่วก็เหมือนได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอของคนที่โอบกอดผมอยู่....ไม่ได้หลับเหรอ...แต่ผมก็หนังตาหนักอึ้งเกินกว่าจะเบิกตาขึ้นเพื่อถาม....

     

     

    ในที่สุดพวกเราก็มาถึงอาชีวะทางทะเล ที่ทั้งสถาบันเน้นการเรียนในการปฏิบัติการกลางทะเล และทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับทะเล  ทำให้มีผู้หญิงน้อยเพราะไม่มีแผนกพาณิชย์...แต่ว่าแต่ละคนคนที่เห็นก็สวย ๆ ทั้งนั้นจนเพื่อนผมน้ำลายหกใส่ ยังมีหรีดจากสถาบันต่างๆ  มาให้มันดูเป็นอาหารตาด้วย ตอนนี้ทุกสถาบันกำลังขึ้นดูแลสแตนตัวเอง แล้วต้อนคนที่นั่งสแตนขึ้นพร้อมเพจของตัวเอง  เสียงกลองเริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆ จากมือกลองแต่ละสถาบัน ผมยืนอยู่ในเต้นท์หลังสแตนที่ตอนนี้มีนักกีฬายืนรวมตัวกัน เพื่อที่จะนัดหมายแยกย้ายไปดูสนาม....ผมถูกดึงให้มาช่วยดูแลในการแจกกระดาษเชียร์ และเตรียมอุปกรณ์  เข้าไปหลังเวทีอีกทีนักกีฬาก็สลายตัวกันหมดแล้ว....ไอ้หมากหอมมันบอกว่ากลัวผมเป็นลมเพราะหน้าซีดมาก เลยเอากล่องปฐมพยาบาลมาให้ผมเฝ้าไว้  รอคนเดินมาหาก็พอ....

     

    ...เอาจริงๆ  คือผมแค่นอนไม่พอ....เลยหน้าซีดไปนิดหน่อยแค่นั้นเอง...แต่อากาศมันก็เริ่มร้อนแล้วจริงๆ ....

     

    “ พี่แบม ผมปวดหัวว่ะพี่ขอยาหน่อย”

     

    “ปวดมากไหมอ่ะ”  ผมถามน้องในแกงค์ที่รู้จักกัน ที่มีหน้าที่ขึ้นสแตน ตอนนี้มันเดินมาหาผม...ท่าทางจะปวดหัวจริง ๆ แต่ประเด็นคือเดินมาแล้วมาเดินลงหนุนตักผมนี่แหละ....

     

    “ อืม...”

     

    “ ลุกไปไอ้คูล! วอนตายไหมมึงสัด!

     

    “โหยที่ยูคอ่ะ นิดเดียวก็ไม่ได้เฮียอุตส่าห์ไม่อยู่”  คูลทำหน้าเสียดายสุด ๆ แต่ก็ยอมหยิบยาไปกินแล้วลุกไปประจำที่ตัวเอง....ไม่ได้เกรงกลัวแข้งไอ้ยูคยอมที่เหวี่ยงตามซักนิด...

     

    “มึงนี่มัน อยู่ไหนก็ไม่ปลอดภัย สติสตังยิ่งไม่ดี  ดูดิ ไอ้นักบอลสแตนข้างๆ  ก็จ้องจัง....สมแล้วที่เฮียแจ็คหนีบไปไหนมาไหนด้วย...”

     

    “ เขามองหรีดเรารึเปล่ามึง”   ไอ้ยูคก็พูดเกินไป หรีดเดอร์สาวพาณิชย์ก็นั่งถัดจากพวกผมไปนิดเดียว....กำลังซ้อมท่าจังหวะเพลงแบบคร่าวๆ  กันอยู่...แต่ไอ้สติสตังไม่ดีเนี่ยผมเหรอ...แค่ความจำเสื่อมรึเปล่า...

     

    “ เออ จริงด้วยว่ะ รีดเราก็มีแต่เจ๋งๆ  นะมึง กูคงทำตามคำสั่งเฮียเยอะไปหน่อย หลอน”

     

    “ คำสั่งอะไร”

     

    “เฝ้ามึงไว้ไง ห้ามใครยุ่ง  คงกลัวมึงเดินเอ๋อไปที่อื่นแน่ ๆ”

     

    “เวอร์ทั้งลูกพี่ลูกน้องเลยนะพวกมึง”  ผมขว้างก้อนน้ำแข็งใส่หัวไอ้คนที่กำลังยืดขาวอร์ม ๆ อยู่ข้างๆ ผม...

     

    “ เอ่อ ขอโทษนะครับ พอดีผ้าก็อตเราหมด พอจะมีให้ซักผืนไหมครับ”

     

    “ อ๋อมี ๆ”  เป็นนักกีฬาสแตนข้าง ๆ ที่เดินเข้ามาขอผ้าก็อต  ผมรีบหาให้....เพราะเห็นอยู่ว่ามีเยอะ...ดูฟอร์มและสัญลักษณ์ที่หน้าอก เป็นนักกีฬาเจ้าภาพ เลยคิดว่าดี ๆ กันไว้เผื่อจะขอความช่วยเหลือจะได้ง่าย..

     

    “ หล่อจังค่ะ”

     

    “.......................”  ผมยิ้มกับสาวเมคอัพ ที่เป็นสาวประเภทสองของสถาบันผมที่ออกปากชมนักกีฬาเจ้าภาพที่เข้ามาขอผ้าก็อต หรีดคนอื่นก็หันมายิ้มทำเอาพ่อหนุ่มเจ้าภาพเขิน....

     

    “ ไอ้สัดเวียร์ กูบอกให้รอแป๊บจะไปเอาผ้าก๊อตมาเพิ่ม ร้อนจริงนะมึง ไปถึงนั่นเลย!

     

    “.....ขอที่ยืดขาหน่อยครับ.......”  ผมมองพวกนักกีฬาเจ้าภาพที่ตะโกนแซวเพื่อน ในมือมีผ้าก็อตอยู่หลายผืน....ก่อนจะหันมามองคนที่มองหน้าผมอยู่ก่อนแล้ว...ไอ้ยูคยอมเข้ามายืดขาใกล้ๆ  ผม พร้อมกับยืดขาไปตรงไอ้คนที่นั่งอยู่....ทั้งที่พื้นที่มีตั้งเยอะ....ผมรู้ว่ามันตั้งใจ...

     

    “ ยินดีที่ได้รู้จักครับ...ลูกนาวี จะรักใครทั้งที โครตจะรักจริงครับ...”

     

    “....................”  เอ่อ...คิดว่าตั้งใจพูดจีบพวกสาวๆ  นะ แต่สายตามันดันมองผมนี่สิ...

     

    “ ครับ ถ้ารักคนมีเจ้าของ ก็ตายจริงเหมือนกันครับ”

     

    “ โห่ เฮีย ผมดูแลมันอย่างดีเลยอ่ะ แต่...”  ผมหันมองรุ่นใหญ่ที่เดินกลับมา  คงทันจะได้ยินคำพูดเสี่ยวๆ  คนที่พูดไม่ใช่เฮียแจ็คสันแต่เป็นเฮียแวน ผมได้แต่เลิกคิ้วมองคนที่ทำหน้านิ่งๆ  แล้วนั่งลงข้างๆ  กัน...หลังจากที่เจ้าถิ่นเดินกลับหลังสแตนตัวเองไป...

     

    “ ห่างตาไม่ได้เลยนะมึง”

     

    “ ไม่เห็นมีอะไรซักหน่อย “

     

    “ เหรอ...ง่วงชิบ..”

     

    “ ว๊าย อิจฉาจัง...เอาจริงๆ ใครก็ไม่หล่อเท่าพี่แจ็คสันอีกแล้ว...”   ผมอยากจะเบะปากกับสาวๆ  หรีดที่อวยคนที่จู่ ๆ ก็ล้มตัวนอนลงหัวหนุนตักผม...ได้แต่ถอนหายใจเบาๆ  แต่ก็ไม่ว่าอะไร....ปล่อยให้คนง่วงนอนหลับตาหนุนตัก....

     

    “ แบมแบม “

     

    “ ครับ “

     

    “มึงว่ากูโง่มากไหม”

     

    “ หมายความว่ายังไง แบมไม่เข้าใจ”   ใจกระตุกแปลก ๆ เมื่อจู่ๆ  เฮียก็ถาม หมายถึงโง่เรื่องไหน  โง่ที่ยังมางมงายทำเพื่อผม หรือโง่ที่ยังจะรักผมอยู่...

     

    “ มึงเห็นว่ากูโง่มากไหม “

     

    “ เรื่องอะไร”   ผมถามคนที่พูดออกมาทั้งที่ยังหลับตาอยู่....ผมจะเห็นว่าเฮียโง่ทำไม...หรือว่าสติผมจะไม่เต็มเต็งจริงๆ  ถึงไม่ค่อยเข้าในสิ่งที่อีกคนพูด

     

    “ไม่ว่ามึงต้องการอะไรกูก็ให้ได้ทั้งนั้นแหละ”

     

    “ เฮีย”  ผมยังอึ้งๆ  ที่เฮียพูดอะไรแปลก ๆ อะไรคือมองว่าโง่ ....แล้วอะไรคือต้องการอะไรก็จะทำให้....ผมใจคอไม่ดีเมื่ออีกคนพูดอย่างนี้ แต่ในเมื่อเฮียไม่พูด ผมก็คงไม่อยากจะเค้นเอาความจริงอะไร....

     

    “ ช่างเถอะ....พ่อกับแม่กูบอกว่า...อาทิตย์หน้าจะเรียกพ่อแม่มินอี้มาคุยเรื่องหมั้น...”

     

    “ .................”   ผมนิ่งไปไม่พูดอะไรออกมา จู่ ๆ ก็เริ่มชาในหัวใจ มือกำแน่นแต่ก็แสดงอะไรออกมาไม่ได้....เลือกที่จะไม่ถามอะไรอีก...ยอมรับว่าหัวใจผมมันไม่แข็งแรงพอที่จะรับฟังเรื่องพวกนี้...มันเต้นผิดจังหวะ....และมันเจ็บแปลบ...

     

    “กูอยากให้มึงไปด้วย”

     

    “...ไม่มีทาง ผมไปไม่ได้นั่นมันเป็นเรื่องของครอบครัวเฮีย“  ความจริงคือผมไม่อยากจะรับรู้อะไรทั้งนั้น  อยากจะร้องตะโกนออกไปว่าทำไมจะต้องเอาผมไปรับรู้เรื่องที่มันกรีดแทงหัวใจด้วย....เฮียตั้งใจจะทำอะไรกันแน่....ผมเงยหน้ากักเก็บความรู้สึกต่างๆ  เข้าไป...พูดเราพูดคุยกันแผ่วเบาได้ยินกันสองคน...

     

    “ ไม่ไปก็ได้ ถ้ามึงจะปล่อยให้กูสู้อยู่คนเดียว”

     

    “ ไม่  ผมทำอย่างนั้นไม่ได้”  ผมจะไปทำให้ครอบครัวที่จะมีความสุขมีอนาคตที่ดีพังเพราะความเห็นแก่ตัวของตัวเองไม่ได้..

     

    “ ทำไมล่ะ สิ่งที่มึงทำได้ตอนนี้ ...คือการโกหกกูแค่นั้นใช่ไหม...”

     

    “เฮีย!!” 

     

     Talk :  สกรีมฟิค #Ficbloodsch  Twitter : Namtal1a

    © themy�butter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×