คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #19 : Sec 19 / Big or small, lies are still lies
Yongjae Part
ยกมือขึ้นจับรอยช้ำรอบ ๆ ข้อมือ รู้สึบเจ็บแปลบ ๆ ไม่หาย ทั้งที่มันก็ผ่านมาจะสองอาทิตย์แล้ว เหมือนตัวจะแตกสลายเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ทำให้เป็นอย่างนี้...ทุกอย่างเหมือนถูกฉุดกระชากลงนรกทั้งเป็น...ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะถูกทำอย่างนั้น...วางมือลงข้างลำตัวเบา ๆ ก่อนจะหลับตาลง แต่ก็ไม่วายยื่นมือไปหยิบโทรศัพท์ ที่เป็นตัวต้นเหตุของทั้งหมดมาดู...
...โทรศัพท์ที่อัดแน่นไปด้วยรูปและคลิปของใครบางคน...โทรศัพท์ที่หยิบสลับกับใครบางคนที่ร้านขายกาแฟหน้าสถาบัน...
“ เอาโทรศัพท์กูมาคืน แล้วก็มาเอาโทรศัพท์มึงไป”
“ มึงปลดล็อคเครื่องกูได้ยังไง!!”
“ ได้ไม่ได้ ก็ก็ปลดแล้ว...แล้ว...”
“ แล้วอะไร!! มึงห้ามยุ่งกับโทรศัพท์กูเด็ดขาด!”
“ ฮ่าๆๆๆ ทำไมกลัวกูรู้รึไงว่ามึงมันเป็นพวกประเภท...เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ...”
“ ไอ้เจบี!!”
“ กูไม่บอกใครหรอกหน่า ก็แค่ทำตัวเป็นเด็กดี แล้วเพื่อนมึงจะไม่รู้....มึงคงไม่อยากถูกมันเกลียดใช่ไหม...ยองแจ..”
ปลดล็อคโทรศัพท์ตัวเองที่ได้คืนมา ก่อนจะกดเข้าแกลลอรี่ ลากนิ้วผ่านรูปภาพมากมายที่ทั้งแอบถ่าย และไปเซฟจากอินสตราแกรมของมัน...มีไม่กี่รูปที่มันอัพรูปตัวเอง นอกนั้นเป็นอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว และรูปถ่ายติส ๆ แต่ผมก็เลือกที่จะเซฟมาหมด.....กดออกจากแกลลอรี่ ก่อนจะเข้าวิดีโอคลิปที่ผมแอบถ่ายตอนที่มันนั่งเรียน ทั้งเครื่องตอนนี้มีแต่เรื่องราวของคน ๆ เดียว...คนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเพื่อนสนิท...คนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นของคนอื่นไปแล้ว...คนที่ผมแอบชอบตั้งแต่ที่เจอกันครั้งแรก...
....แบมแบม......
“...กู ขอ โทษ...” ไล้มือตามรูปถ่ายที่ผมเซฟมาจากไอจีมัน รูปที่มันถ่ายคู่กับคุณย่า...รอยยิ้มสดใส...แววตาซุกซน และใบหน้าน่ารัก...ทุกอย่างมันดึงดูดหมด...นิสัยจริงใจและเป็นห่วงทุกคนคือสิ่งที่ใครๆ ก็ยอมรับ....แม้กระทั่งรู้อยู่เต็มอกว่าตอนนี้มันเป็นของใคร แต่ผมก็ตัดใจไม่ได้...ทั้งที่ไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าและสบตากลมโตคู่นั้น...ตอนที่มันนอนโรงพยาบาลผมก็ไปเจอแต่ตอนที่มันนอนหลับ...แล้วก็ต้องหลบๆ ซ่อนกลับไปดูแลไอ้เลวนั่น....
เหตุการณ์ที่ฉุดผมลงนรกจริงๆ คือวันที่เจบีโทรให้ผมซื้อข้าวเข้าไปให้เพราะเบื่ออาหารโรงพยาบาล ทุกอย่างผมต้องทำตามแม้ว่าจะมันจะขัดใจแค่ไหนก็ตาม...พอเข้าไปแล้วกลับไม่เห็นใครซักคน...แต่สุดท้ายอีกคนก็ใช้ไม้ค้ำพยุงตัวเองเข้ามาในสภาพหน้าตาบอกบุญไม่รับเหวี่ยงไม้ค้ำออกไปจนโดนขาเตียง....ผมมองร่างสูงยืนหายใจหอบเหมือนกับกำลังเก็บกดอารมณ์บางอย่าง....ไปเจอเรื่องอะไรมา...ผมขยับตัวหลังจากวางข้าวไว้แล้ว ดูเหมือนว่าขาอีกคนจะดีขึ้นหลังจากถอดเฝือกอ่อนออก...
“ กูกลับ ก่อนนะ..”
“.......................”
“....ไอ้เชี่ย ทำอะไร!!..” ผมโวยวายเมื่อจู่ ๆ คนที่เดินขากระเผลกอยู่ก็พุ่งมาจับแขนผมไว้ ก่อนจะออกแรงลากกลับไปในห้อง...ใบหน้าเจบียังมีแววเครียดแค้นอยู่...ทั้งที่ไม่สบายและไม่สมประกอบเท่าไหร่ แต่ผมกลับสู้แรงมันไม่ได้...
“...ไอ้เชี่ยแจ็ค!...ไอ้สัดนรก!!..ซักวันกูจะฆ่ามัน..!!”
“ มึงจะทำอะไร...ปล่อยนะ!!”
“...มึงชอบแบมแบมไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่แย่งมา!...”
“ กูไม่มีทางทำอย่างนั้นแน่!! ไอ้เชี่ยปล่อยกู!” ตอนนี้ผมถูกเหวี่ยงลงโซฟาตัวใหญ่ ก่อนที่อีกคนจะขึ้นคล่อมไว้ ดูเหมือนว่าจะลืมไปว่าตัวเองกำลังเจ็บอยู่ แต่พละกำลังกลับเหลือเฟือเหมือนเดิม....
“ งั้นเหรอ...มึงยอมที่จะเจ็บสินะ...ก็ดี...งั้นเจ็บเพิ่มอีกนิดก็ได้สินะ...ได้พวกเพการ์..มันจะทำหน้ายังไง ถ้ารู้ว่าเด็กในแกงค์มัน...น้องมันถูกกูจับทำเมีย...”
“...มะ...ไม่....เจบี...มึงอย่าทำอย่างนี้ กูไม่ใช่แบมแบมนะ!”
“ ฮ่าๆๆๆ มึงคิดเหรอว่าจะแทนแบมแบมได้! กูแค่อยากให้พวกเพการ์คลั่ง..อย่างน้อย ๆ ไอ้ออกัสมันก็คงจะเหมือนถูกแหกอกอย่างจัง จริงไหม..”
“ อย่า!! ไอ้สัด !! ปล่อย!”
ทำไมเสียงผมมันถึงไม่ดังพอให้ใครเข้ามาเจอ....เนคไทค์ชุดนักศึกษาที่ใส่กลับกลายเป็นเครื่องพันธนาการ...ทุกอย่างดำเนินไปแบบเจ็บปวด เวลามันเหมือนเนิ่นนาน...ความทรมานมันยังกรีดลึกในใจและร่างกายผม...สุดท้ายที่มันลุกออกไป ผมเหมือนกำลังจะตายจนหมดสติ....ตื่นขึ้นมาเสื้อผ้าก็มาอยู่บนตัวเหมือนเดิม มีเพียงเนคไทค์เส้นนั้นที่ถูกปลดออกจากข้อมือวางทิ้งไว้ข้างๆ โซฟา....และความเจ็บปวดที่ยังย้ำว่าผมผ่านอะไรมา
....ผมเลือกที่จะเงียบ ไม่บอกใคร...เก็บทุกอย่างไว้คนเดียว....แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว...ผมไม่เข้าไปหามันอีก...และมันก็ไม่เรียกร้องให้ผมไปหา...มีเพียงข้อความสุดท้ายที่มันส่งมามันที่แบมแบมออกจากโรงพยาบาล....
“ มันไม่มีใครแทนใครได้...มึงก็ไม่ได้เป็นตัวแทนใคร..”
...ไม่เข้าใจอะไรทั้งนั้น.....และไม่มีวันที่ผมจะพยายามทำความเข้าใจไอ้คนนิสัยเลวนั่น...หวังว่าหลังจากนี้ทุกอย่างจะจบสิ้นกันแล้ว....
“ยองแจ เหม่อเชียว เป็นอะไรรึเปล่า”
“ เปล่ากูไม่เป็นไร มึงกินข้าวเถอะ” ผมบอกแบมแบมที่นั่งตรงข้ามกับผม เพื่อนอีกสามคนก็เงยหน้ามองผม แต่ไม่พูดอะไร...คงเพราะว่าตอนนี้แบมแบมจำอะไรไม่ได้เลยไม่อยากให้มันรับรู้อะไรจะดีกว่า....
“ อืม...”
ติ้ง!
JBUnic : เย็นนี้มาหากูที่บ้าน....
CYJCYJCWJ : กูไม่ไป เลิกยุ่งกันได้แล้ว
JBUnic : ยากนักรึไงแค่ขึ้นรถมาหากู
CYJCYJCWJ: มีเหตุผลอะไรที่กูต้องไปหามึง เลิกวุ่นวายกับกูเถอะ กูขอร้อง แค่นี้ยังไม่พอใจมึงรึไง
JBUnic : ....ไม่...
ผมกดปิดไลน์ในที่สุดไม่โต้ตอบอะไรแม้ว่าจะอ่านแล้วก็ตาม มันส่งข้อความเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งที่ทำเรื่องเชี่ย ๆ ใส่ผมขนาดนั้น ไม่ฆ่ามันก็บุญเท่าไหร่แล้ว....แบมแบมมองหน้าผมเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ บางครั้งแววตามันก็มองเหมือนรู้เรื่องผมอย่างนั้นแหละ ทั้งที่จำอะไรไม่ได้ ตากลมที่จ้องผมยังทอประกายความเป็นห่วงเหมือนทุกครั้ง...ส่งยิ้มให้มันก่อนจะพยักหน้าให้มันกินข้าวให้หมด...มันเหมือนเนิ่นนานมาแล้ว ที่ผมได้แต่แอบมองแอบเป็นห่วงแบมแบม...มันสุขใจถึงแม้จะไม่ได้เป็นอย่างที่อยากเป็น...
....การแอบรักมันไม่ได้เลวร้ายเสมอไป...ผมมีความสุขทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้แบมแบม....แต่ตอนนี้กลับมีบางอย่างที่ค้างคาใจเพราะไอ้บ้านั่น....
ติ้ง!
JBUnic : มาหากู ยองแจ เพราะมึงเป็นของกู
........................................
.......................................
BamBam Part
ตอนนี้ทุกอย่างดูวุ่นวาย วันทั้งวันมีการประกาศเรียกตัวนักกีฬาจากแผนกต่างๆ จนไม่เป็นอันเรียน และสุดท้ายห้องผมอาจารย์ก็ปล่อย เพราะบางส่วนถูกคัดไปซ้อมแสตนเชียร์ ส่วนไอ้มาวินกับยูคยอมลงเตะบอล ถึงจะเป็นตัวสำรองแต่พวกมันก็ดูภูมิใจสุด ๆ เพราะมีรุ่นใหญ่เพการ์อยู่สองคน คือ เฮียโจ กับเฮียกัส ส่วนที่เหลือลงบาสแล้วมีรุ่นใหญ่ของยูนิคมาร่วมทีมด้วย พวกนี้เป็นนักกีฬาโรงเรียนอยู่แล้ว พวกไอ้ยูคยอมบอกว่า เวลาเล่นบอลนอกเหนือจากจะแข่งกันเอง นอกนั้นไม่เคยมีปัญหากันเวลาซ้อมเวลาแข่งก็ดูเข้าขากันดี พวกรุ่นใหญ่เคยบอกพวกมันว่า
...เพราะคู่แข่งในงานกีฬากระชับมิตร อยู่ต่างสถาบันไม่ใช่สถาบันเดียวกัน....
...ซึ่งผมคิดว่านี่เป็นอีกมุมมองของนักเรียนนักเลงร่วมสถาบัน....
“ พวกมึงต้องไปนะ ไปอยู่ฝ่ายสันทนาการนะ บาส หรือไม่ก็บอล ไปลงชื่อเลย”
“ ไม่ต้องไปลง ป่านนี้เฮียแจ็คจัดไปละ” ผมดูดน้ำเป๊บซี่ไปด้วยเหลือบมองไอ้มาวินกับยูคยอมคุยกัน จะว่าไปนอกเหนือจากพวกขึ้นสแตนกับพวกนักกีฬา นอกนั้นก็คงจะต้องเรียนตามปกติ....
สถาบันที่จะไปแข่งเป็นอาชีวะทางทะเลแถว ๆ ชลบุรี ซึ่งแน่นอนว่าหลายคนที่ได้ไปทั้งกองเชียร์ทั้งนักกีฬาก็หวังว่าจะได้เที่ยวบ้าง...ซึ่งสถาบันที่เข้าร่วมคืออาชีวะภาคกลางและภาคตะวันออก ส่วนภาคอื่นจัดแข่งที่อื่น แล้วจะมาจัดแข่งชิงกันอีกรอบ...คนขึ้นแสตนเชียร์รวมทั้งพวกสันทนาการต้องเป็นชุดพละโรงเรียน ส่วนรีดเดอร์ผมก็ยังไม่เห็นแต่เห็นไอ้หมากหอมมันไปแอบดูบ่อย ๆ เป็นพวกสาว ๆ พาณิชย์นั่นแหละ
“นู่นไงพวกเฮีย กำลังซ้อมอยู่”
กรี๊ดดดด!!!
“ พวกมึง กูกลับก่อนนะ กูคงไม่ได้ลงชื่อไปด้วยอ่ะ เพราะมีธุระ”
“ทำไมวะยองแจ ไม่ไปก็ไม่ครบทีมเราดิ”
“ขอโทษพวกมึง แต่กูมีธุระจริง ๆ”
“ เออ ๆ ไปเหอะ ดูแลตัวเองละกัน”
“งั้นแยกกันตรงนี้”
“..........................” ผมยกมือขึ้นเอากำปั้นชนกับยองแจก่อนอีกคนจะมองหน้าผมแล้วหันหลังกลับไป เสียงกรี๊ดในโรงยิมยังดังไม่หยุดตั้งแต่พวกเราเดินเข้ามาใกล้ ไม่ต้องเดาก็ดูออกว่าใครกำลังซ้อมอยู่....จะไปพรุ่งนี้อยู่แล้วพึ่งจะมาฟิตซ้อมเอาจริงเอาจังวันนี้...
“ มาเดินตามกูมาเดี๋ยวหลง”
“.....................” อยากจะบอกว่าไม่หลงหรอก แต่ไอ้ยูคยอมก็ดึงมือผมให้เดินตามจนกระทั่งไปหาที่นั่งได้ที่สแตนโรงยิม ก่อนจะมองพวกที่ใส่เสื้อกล้ามสีขาวซ้อมบาสทั้งเหงื่อและเสื้อบางๆ ทำให้เห็นรอยสักชัดเจนพอ ๆ กับถอดเสื้อ นี่คงเป็นเหตุผลที่ใคร ๆ ก็มานั่งดูพวกเฮียซ้อมบาส...ผมจำได้ว่าสองในห้าคนเป็นนักบาสจากยูนิค แต่ดูทั้งหมดห้าคนก็เล่นเข้าขากันได้ดี....สมกับที่เป็นทีมเดียวกัน...ฝั่งสแตนตรงข้ามมีทีมของยูนิคนั่งกันอยู่ประปราย ฝั่งนี้ก็มีทีมเพการ์เหมือนกัน แต่ทุกคนก็ดูลุ้นและจดจ่อกับนักบาสห้าคนที่มีคู่ซ้อม เป็นคนในเพการ์กับยูนิค ซึ่งน่าจะเป็นตัวสำรองซึ่งใส่เสื้อกล้ามสีเทาทั้งทีม
“ นี่เป็นสิ่งที่อาจารย์เราภูมิใจเว้ย เวลามีกีฬาอย่างนี้ที แมร่งสองแกงค์โคตรสามัคคีกัน”
“ เตรียมน้ำ เตรียมน้ำ”
“...........................” ผมไม่รู้ว่าไอ้มาวินมันไปซื้อน้ำมาตั้งแต่เมื่อไหร่ หรือมันมีวางอยู่แล้ว เพราะมันโยนให้พวกเพการ์ทั้งตัวจริงตัวสำรองได้กินกัน...
“อ่ะ เช็ดหลังให้หน่อย “
“......................” ผมมองผ้าเช็ดตัวผืนเล็กที่ถูกใครบางคนโยนมาให้ ก่อนอีกคนจะมานั่งสแตนชั้นที่ถัดลงไปจากที่ผมนั่งชั้นนึง....เสื้อกล้ามถูกถอดออกแบบไม่แคร์สายตาและเสียงกรี๊ดของสาวๆ ที่นั่งอยู่เต็มสแตน รอยสักเพกาซัสเด่นชัดในสายตาผม แขนและแผ่นหลังอัดแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อแข็งแรง....ที่แขนยังมีรอยกรีดเป็นแผลยาว แต่แผลกำลังจะแห้งและตกสะเก็ด....
“ ได้ยินที่กูพูดไหมแบมแบม”
“......................” ตัดสินใจยกผ้าขึ้นก่อนจะค่อย ๆ เช็ดไปตามแผ่นหลังที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อ รอยแดงวิ่งริ้วตามรอยผ้าที่ผมลากผ่าน ก่อนจะกลับเป็นสีปกติ เฮียแจ็คเหล่มองผมหน่อย ๆ ก่อนเอื้อมมือมาจับมือผมออกจากหลังตัวเอง ก่อนที่แผ่นหลังหนาจะแทรกตัวเข้ามาหว่างขาผมเอนตัวพิงสแตนเต็มที่ ส่วนมือที่จับมือผมที่มีผ้าอยู่ก็เอาไปเช็ดหน้าตัวเองต่อทั้งที่มีมือผมติดไปด้วย.....คิดว่ามีคนมองไหม...เหลือแค่หมาที่เดินผ่านเท่านั้นแหละมั้งที่ไม่มอง....
....แต่แปลกที่ผมไม่อายแต่กลับรู้สึกเขินมากกว่า....ทั้งที่อยากจะอมยิ้มหรือฟาดคนหน้าไม่อายไปซักที แต่ก็ต้องเก็บอาการดึงมือตัวเองออก แต่ก็ปล่อยให้อีกคนนั่งพิงสแตนตรงหว่างขาผมต่อ.....ไม่ได้พูดคุยอะไรกันอีกจนกระทั่งอีกคนลุกไปซ้อมต่อ....
....อยากหยุดเวลาไว้ตรงนี้ไม่ได้รึไง....เหลือเวลาอีกไม่มากที่ผมจะมีความสุขกับผู้ชายคนนี้.....แล้วทุกอย่างก็จะถูกตัดสินจากสังคมที่ต้องการความถูกต้องของหลักประเพณี....
............................
............................
อากาศเย็นๆ ของอากาศตอน หกโมงเช้าที่แถวชลบุรีมันสดชื่นกว่าในกรุงเทพเป็นไหน ๆ พวกเราออกจากที่สถาบันตั้งแต่ตีสาม เพื่อที่จะเดินทางไม่ร้อนมาก....ทางสถาบันจองโรงแรมสองชั้นเพื่อนักกีฬาและกองเชียร์ แต่ก็ต้องนอนกันหลายคนเพราะแค่กองเชียร์เกือบสองร้อยชีวิตแล้ว นักกีฬาอีก แต่ก็อย่างว่านักกีฬาหญิงพวกเรามีไม่มากแค่วอลเลย์หญิง บาสหญิง แค่นั้น ที่เหลือก็เป็นหรีดและกองเชียร์ ยึดไปชั้นนึงทั้งหมด ส่วนผู้ชายดูเหมือนจะไม่ซีเรียสเพราะห้องละกี่คนก็อัดกันได้....ผมถูกหอบหิ้วมาด้วยในตำแหน่งคนเสริฟน้ำทีมบาส และช่วยเสริฟกองเชียร์ด้วย...เนื่องจากอาการที่แขนยังแปลบ ๆ ไม่หายดี เลยไม่ต้องอะไรมาก...ผมวางกระเป๋าลงในห้องโรงแรมที่ไม่หรูอะไร นอนกันสิบคนก็เป็นรุ่นใหญ่ทั้งหมด แล้วก็พวกผมทุกคนยกเว้นยองแจที่ไม่มา...มีเวลาถึงแปดโมงเช้าให้ไปรวมตัวกันที่รถเพื่อไปซ้อมเชียร์ และดูสนามจริง....พรุ่งนี้ถึงจะมีการเปิดสนามและเริ่มแข่งขัน...
“ง่วงก็มานอนเดี๋ยวปลุก”
“ แบมไม่ง่วงหรอก”
“อย่ามาแสดง มานี่”
“เฮ้ย ๆ แจ็คสัน ลูกเขามีพ่อมีแม่นะมึง ฉุดเอา ฉุดเอา”
“ เฮียแจ็ค!”
“นิ่งเถอะหน่า กูก็ง่วง” จะให้นิ่งได้ยังไง ตอนนี้ผ้านวมผืนใหญ่ถูกเอาลงมาปูมุมห้อง และเฮียแจ็คก็จับจอง หนำซ้ำยังดึงผมให้นอนลงติดผนังแล้วกอดไว้ทั้งตัวจนกระดิกไม่ได้....ก็ยอมรับล่ะว่ามันอุ่นเพราะแอร์ในห้องมันแรง...แต่นอนแบบนี้ไม่อายเพื่อนเลยรึไง..
“เชี่ยยูค เสล่อ ไปนอนหน้าห้องน้ำนู่น!”
“ ไม่เอาผมจะนอนบนเตียง”
“....................” ผมนอนฟังยูคยอมกับเฮียแวนเถียงกัน ผ้าห่มนวมถูกดึงลงมาปูพื้นหมด พร้อมกับขอผ้าห่มเสริมอีกหลายผืน...ผมยอมนอนนิ่งให้คนที่กอดเอวผมหลวมๆ ได้หลับตามที่ต้องการ เหมือนเฮียง่วงจริงๆ เพราะไม่นานคนที่กอดผมก็หายใจเข้าออกสม่ำเสมอ....กลิ่นกายเฉพาะและความอบอุ่นที่ได้รับ...มันทำให้ผมเริ่มง่วงไปด้วย...คนอื่น ๆ ก็นอนเหมือนกัน...เพราะแต่ละคนคงตื่นเช้ากว่าทุกวัน นั่งรถมาอีกสองชั่วโมงนิด ๆ ก็เพลีย...
....แค่เริ่มหัวเบลอ ๆ เหมือนเคลิ้ม ๆ ร่างกายผมก็เริ่มขยับหาไออุ่นมากขึ้น ซุกตัวกับอ้อมกอดแข็งแรง ก่อนจะดำดิ่งเพราะความเพลียเหมือนกัน....ถ้าไม่หูแว่วก็เหมือนได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอของคนที่โอบกอดผมอยู่....ไม่ได้หลับเหรอ...แต่ผมก็หนังตาหนักอึ้งเกินกว่าจะเบิกตาขึ้นเพื่อถาม....
ในที่สุดพวกเราก็มาถึงอาชีวะทางทะเล ที่ทั้งสถาบันเน้นการเรียนในการปฏิบัติการกลางทะเล และทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับทะเล ทำให้มีผู้หญิงน้อยเพราะไม่มีแผนกพาณิชย์...แต่ว่าแต่ละคนคนที่เห็นก็สวย ๆ ทั้งนั้นจนเพื่อนผมน้ำลายหกใส่ ยังมีหรีดจากสถาบันต่างๆ มาให้มันดูเป็นอาหารตาด้วย ตอนนี้ทุกสถาบันกำลังขึ้นดูแลสแตนตัวเอง แล้วต้อนคนที่นั่งสแตนขึ้นพร้อมเพจของตัวเอง เสียงกลองเริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆ จากมือกลองแต่ละสถาบัน ผมยืนอยู่ในเต้นท์หลังสแตนที่ตอนนี้มีนักกีฬายืนรวมตัวกัน เพื่อที่จะนัดหมายแยกย้ายไปดูสนาม....ผมถูกดึงให้มาช่วยดูแลในการแจกกระดาษเชียร์ และเตรียมอุปกรณ์ เข้าไปหลังเวทีอีกทีนักกีฬาก็สลายตัวกันหมดแล้ว....ไอ้หมากหอมมันบอกว่ากลัวผมเป็นลมเพราะหน้าซีดมาก เลยเอากล่องปฐมพยาบาลมาให้ผมเฝ้าไว้ รอคนเดินมาหาก็พอ....
...เอาจริงๆ คือผมแค่นอนไม่พอ....เลยหน้าซีดไปนิดหน่อยแค่นั้นเอง...แต่อากาศมันก็เริ่มร้อนแล้วจริงๆ ....
“ พี่แบม ผมปวดหัวว่ะพี่ขอยาหน่อย”
“ปวดมากไหมอ่ะ” ผมถามน้องในแกงค์ที่รู้จักกัน ที่มีหน้าที่ขึ้นสแตน ตอนนี้มันเดินมาหาผม...ท่าทางจะปวดหัวจริง ๆ แต่ประเด็นคือเดินมาแล้วมาเดินลงหนุนตักผมนี่แหละ....
“ อืม...”
“ ลุกไปไอ้คูล! วอนตายไหมมึงสัด!”
“โหยที่ยูคอ่ะ นิดเดียวก็ไม่ได้เฮียอุตส่าห์ไม่อยู่” คูลทำหน้าเสียดายสุด ๆ แต่ก็ยอมหยิบยาไปกินแล้วลุกไปประจำที่ตัวเอง....ไม่ได้เกรงกลัวแข้งไอ้ยูคยอมที่เหวี่ยงตามซักนิด...
“มึงนี่มัน อยู่ไหนก็ไม่ปลอดภัย สติสตังยิ่งไม่ดี ดูดิ ไอ้นักบอลสแตนข้างๆ ก็จ้องจัง....สมแล้วที่เฮียแจ็คหนีบไปไหนมาไหนด้วย...”
“ เขามองหรีดเรารึเปล่ามึง” ไอ้ยูคก็พูดเกินไป หรีดเดอร์สาวพาณิชย์ก็นั่งถัดจากพวกผมไปนิดเดียว....กำลังซ้อมท่าจังหวะเพลงแบบคร่าวๆ กันอยู่...แต่ไอ้สติสตังไม่ดีเนี่ยผมเหรอ...แค่ความจำเสื่อมรึเปล่า...
“ เออ จริงด้วยว่ะ รีดเราก็มีแต่เจ๋งๆ นะมึง กูคงทำตามคำสั่งเฮียเยอะไปหน่อย หลอน”
“ คำสั่งอะไร”
“เฝ้ามึงไว้ไง ห้ามใครยุ่ง คงกลัวมึงเดินเอ๋อไปที่อื่นแน่ ๆ”
“เวอร์ทั้งลูกพี่ลูกน้องเลยนะพวกมึง” ผมขว้างก้อนน้ำแข็งใส่หัวไอ้คนที่กำลังยืดขาวอร์ม ๆ อยู่ข้างๆ ผม...
“ เอ่อ ขอโทษนะครับ พอดีผ้าก็อตเราหมด พอจะมีให้ซักผืนไหมครับ”
“ อ๋อมี ๆ” เป็นนักกีฬาสแตนข้าง ๆ ที่เดินเข้ามาขอผ้าก็อต ผมรีบหาให้....เพราะเห็นอยู่ว่ามีเยอะ...ดูฟอร์มและสัญลักษณ์ที่หน้าอก เป็นนักกีฬาเจ้าภาพ เลยคิดว่าดี ๆ กันไว้เผื่อจะขอความช่วยเหลือจะได้ง่าย..
“ หล่อจังค่ะ”
“.......................” ผมยิ้มกับสาวเมคอัพ ที่เป็นสาวประเภทสองของสถาบันผมที่ออกปากชมนักกีฬาเจ้าภาพที่เข้ามาขอผ้าก็อต หรีดคนอื่นก็หันมายิ้มทำเอาพ่อหนุ่มเจ้าภาพเขิน....
“ ไอ้สัดเวียร์ กูบอกให้รอแป๊บจะไปเอาผ้าก๊อตมาเพิ่ม ร้อนจริงนะมึง ไปถึงนั่นเลย!”
“.....ขอที่ยืดขาหน่อยครับ.......” ผมมองพวกนักกีฬาเจ้าภาพที่ตะโกนแซวเพื่อน ในมือมีผ้าก็อตอยู่หลายผืน....ก่อนจะหันมามองคนที่มองหน้าผมอยู่ก่อนแล้ว...ไอ้ยูคยอมเข้ามายืดขาใกล้ๆ ผม พร้อมกับยืดขาไปตรงไอ้คนที่นั่งอยู่....ทั้งที่พื้นที่มีตั้งเยอะ....ผมรู้ว่ามันตั้งใจ...
“ ยินดีที่ได้รู้จักครับ...ลูกนาวี จะรักใครทั้งที โครตจะรักจริงครับ...”
“....................” เอ่อ...คิดว่าตั้งใจพูดจีบพวกสาวๆ นะ แต่สายตามันดันมองผมนี่สิ...
“ ครับ ถ้ารักคนมีเจ้าของ ก็ตายจริงเหมือนกันครับ”
“ โห่ เฮีย ผมดูแลมันอย่างดีเลยอ่ะ แต่...” ผมหันมองรุ่นใหญ่ที่เดินกลับมา คงทันจะได้ยินคำพูดเสี่ยวๆ คนที่พูดไม่ใช่เฮียแจ็คสันแต่เป็นเฮียแวน ผมได้แต่เลิกคิ้วมองคนที่ทำหน้านิ่งๆ แล้วนั่งลงข้างๆ กัน...หลังจากที่เจ้าถิ่นเดินกลับหลังสแตนตัวเองไป...
“ ห่างตาไม่ได้เลยนะมึง”
“ ไม่เห็นมีอะไรซักหน่อย “
“ เหรอ...ง่วงชิบ..”
“ ว๊าย อิจฉาจัง...เอาจริงๆ ใครก็ไม่หล่อเท่าพี่แจ็คสันอีกแล้ว...” ผมอยากจะเบะปากกับสาวๆ หรีดที่อวยคนที่จู่ ๆ ก็ล้มตัวนอนลงหัวหนุนตักผม...ได้แต่ถอนหายใจเบาๆ แต่ก็ไม่ว่าอะไร....ปล่อยให้คนง่วงนอนหลับตาหนุนตัก....
“ แบมแบม “
“ ครับ “
“มึงว่ากูโง่มากไหม”
“ หมายความว่ายังไง แบมไม่เข้าใจ” ใจกระตุกแปลก ๆ เมื่อจู่ๆ เฮียก็ถาม หมายถึงโง่เรื่องไหน โง่ที่ยังมางมงายทำเพื่อผม หรือโง่ที่ยังจะรักผมอยู่...
“ มึงเห็นว่ากูโง่มากไหม “
“ เรื่องอะไร” ผมถามคนที่พูดออกมาทั้งที่ยังหลับตาอยู่....ผมจะเห็นว่าเฮียโง่ทำไม...หรือว่าสติผมจะไม่เต็มเต็งจริงๆ ถึงไม่ค่อยเข้าในสิ่งที่อีกคนพูด
“ไม่ว่ามึงต้องการอะไรกูก็ให้ได้ทั้งนั้นแหละ”
“ เฮีย” ผมยังอึ้งๆ ที่เฮียพูดอะไรแปลก ๆ อะไรคือมองว่าโง่ ....แล้วอะไรคือต้องการอะไรก็จะทำให้....ผมใจคอไม่ดีเมื่ออีกคนพูดอย่างนี้ แต่ในเมื่อเฮียไม่พูด ผมก็คงไม่อยากจะเค้นเอาความจริงอะไร....
“ ช่างเถอะ....พ่อกับแม่กูบอกว่า...อาทิตย์หน้าจะเรียกพ่อแม่มินอี้มาคุยเรื่องหมั้น...”
“ .................” ผมนิ่งไปไม่พูดอะไรออกมา จู่ ๆ ก็เริ่มชาในหัวใจ มือกำแน่นแต่ก็แสดงอะไรออกมาไม่ได้....เลือกที่จะไม่ถามอะไรอีก...ยอมรับว่าหัวใจผมมันไม่แข็งแรงพอที่จะรับฟังเรื่องพวกนี้...มันเต้นผิดจังหวะ....และมันเจ็บแปลบ...
“กูอยากให้มึงไปด้วย”
“...ไม่มีทาง ผมไปไม่ได้นั่นมันเป็นเรื่องของครอบครัวเฮีย“ ความจริงคือผมไม่อยากจะรับรู้อะไรทั้งนั้น อยากจะร้องตะโกนออกไปว่าทำไมจะต้องเอาผมไปรับรู้เรื่องที่มันกรีดแทงหัวใจด้วย....เฮียตั้งใจจะทำอะไรกันแน่....ผมเงยหน้ากักเก็บความรู้สึกต่างๆ เข้าไป...พูดเราพูดคุยกันแผ่วเบาได้ยินกันสองคน...
“ ไม่ไปก็ได้ ถ้ามึงจะปล่อยให้กูสู้อยู่คนเดียว”
“ ไม่ ผมทำอย่างนั้นไม่ได้” ผมจะไปทำให้ครอบครัวที่จะมีความสุขมีอนาคตที่ดีพังเพราะความเห็นแก่ตัวของตัวเองไม่ได้..
“ ทำไมล่ะ สิ่งที่มึงทำได้ตอนนี้ ...คือการโกหกกูแค่นั้นใช่ไหม...”
“เฮีย!!”
Talk : สกรีมฟิค #Ficbloodsch Twitter : Namtal1a
ความคิดเห็น