ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [yaoi fanfiction]The evil within 'เยียวยา'

    ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 1:แปลกไป...

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 495
      3
      2 พ.ย. 57

         ท่ามกลางห้องมืดและความเงียบงัน มีเพียงแสงไฟจากโน๊ตบุ๊คซึ่งให้ความสว่าง โดยมีเจ้าของเป็นชายอายุประมาณ 30 ปลายๆกำลังใช้มันอย่างใจจดใจจ่อ ถ้ามองไปรอบๆล่ะก็ จะเห็นกองพะเนินของเอกสารวางอยู่เต็มไปหมดจนไม่เหลือที่ว่างบนโต๊ะเลย บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าคนบนโต๊ะขาดการใส่ใจในเรื่องความสะอาดแค่ไหน

        "กลับบ้านไปนอนดีกว่ามั้งเซบ ถ้านายยังอยู่ที่นี่ต่อล่ะก็ชั้นขอกลับก่อนล่ะ"

       คนถูกเรียก หรือ'เซบาสเตียน คาสเทลานอส' หันไปทางต้นเสียง แสงไฟจากโน๊ตบุ๊คส่องให้เห็นคนที่ยืนข้างกายเขา เป็นชายหนุ่มลูกครึ่งคนขาว-เอเชีย อายุประมาณ 30 ต้นๆ ผมดำขลับของเขาถูกเสยขึ้น ใส่แว่น ดูเป็นคนเนี๊ยบๆค่อนข้างต่างจากคนที่นั่งอยู่ เขาชื่อ 'โจเซฟ โอดะ'

        "นายกลับไปเหอะ ชั้นจะอยู่ต่อ"  เซบาสเตียนกล่าว ก่อนจะก้มหน้าก้มตาจดจ่ออยู่กับโน๊ตบุ๊คต่อ

       "เฮ้อ... ชั้นรู้ว่าเรื่องของเลสลี่ย์น่ะน่าเป็นห่วงเพราะเขาอาจมีตัวอันตรายอย่างรูวิคสิงอยู่ แถมยังหายไปแบบไร้ร่องรอยอย่างนั้นยิ่งน่าเป็นห่วงใหญ่ แต่นายควรจะห่วงสุขภาพตัวเองด้วยนะ"

       "คนอย่างชั้นไม่จำเป็นต้องหลับต้องนอนหรอกน่า อดหลับมาสามวันติดยังเคยทำมาแล้วเลย"

        "ตามใจนายล่ะกัน ชั้นกลับล่ะ" โจเซฟเดินไปผ่านโต๊ะทำงานหลายตัว ก่อนที่จะได้ใช้มือผลักประตู โจเซฟก็ตะโกนหวังจะบอกอะไรบางอย่างกับคนร่างสูง "อ้อ พรุ่งนี้นายอย่าลืม...." ยังไม่ทันได้พูดจบก็ชะงักเสียก่อน เพราะเมื่อหันมาก็เห็นเซบาสเตียนฟุบหลับคาโต๊ะไปแล้ว

      เขาถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ๆ แล้วหยิบเสื้อกันหนาวที่พาดอยู่บนเก้าอี้มาคลุมตัวคนร่างสูงเพื่อบรรเทาความหนาวให้

       "จริงๆเลยน้า นายเนี่ย"

       เขาก้มลงมาดูหน้าคู่หูของเขา เซบาสเตียนกำลังหลับตาพริ้ม

       อยู่ๆโจเซฟก็รู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมา!!!

         หวา~~~~ อะไรกันเนี่ย ความรู้สึกนี้มัน?

       โจเซฟรีบวิ่งแล้วผลักประตูออกไปเพื่อมุ่งหน้าไปยังลิฟต์ทันที ก่อนที่เขาจะหน้าแดงไปมากกว่านี้ 

    .

    .

    .

         วันรุ่งขึ้น

        "หวาๆๆๆ สายแล้วๆ" ชายหนุ่มร่างเล็กรีบวิ่งขึ้นรถสีดำก่อนจะสตาร์ทรถ ให้ตายเถอะ เขาเป็นแบบนี้มาสามวันแล้วนะเนี่ย ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยนอนดึกตื่นสายขนาดนี้เลยแท้ๆ

      .

      .

       "วันนายมาสายวันประชุมอีกแล้ว!!โจเซฟ!!! ขืนเป็นแบบนี้บ่อยๆนายได้โดนเจ้านายไล่ออกแน่!" คนตัวใหญ่ตะโกนเสียงดังอยู่หน้าห้องประชุมหลังจากกการประชุมเสร็จสิ้น ทำเอาเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆหันมามอง

       "ก็...ชั้นนอนไม่หลับนี่นา"

       "อะไรทำให้นายนอนไม่หลับล่ะ?! ถ้าฟังไม่ขึ้นชั้นจะถือว่าเป็นข้อแก้ตัวนะ"

       "ก็เมื่อคืน... ชั้นคิดถึงเรื่องของคิดแมนอยู่น่ะสิ ไม่รู้ป่านนี้อยู่ที่ไหน ทำอะไรบ้าง..." ชายหนุ่มหน้าแดงก่ำ ทั้งยังหลบตาฝ่ายตรงข้ามเมื่อพูดถึงคนที่ตนแอบชอบ

        หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้น ไม่มีใครติดต่อคิดแมนได้อีกเลย ไม่ว่าจะโจเซฟ เซบาสเตียน หรือเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ ไม่มีใครทราบข่าวคราวของเธอทั้งนั้น ราวกับว่าเธอหายตัวไปกับอากาศ ทั้งเซบาสเตียนและโจเซฟต่างก็คาดว่าเธอน่าจะกลับไปในที่ที่เธอทำงานจริงๆแล้ว เพียงแต่ไม่รู้ว่าเป็นที่ไหนเท่านั้นเอง

        หลังจากที่โจเซฟพูดจบถึงสาเหตุการนอนไม่หลับ สีหน้าของเซบาสเตียนก็แปลกไป โจเซฟเกิดความสงสัย จึงเอ่ยถามว่า "เป็นอะไรของนายน่ะ? เซบ?"

         "..." เซบาสเตียนไม่ตอบ ก่อนจะเดินหนีอย่างรวดเร็ว

        "อะไรของนาย!! รอชั้นด้วยสิโว้ย!!!"
       .
       .
       .
       .
           
    ชายหนุ่มผมสีอ่อนนั่งอยู่บนม้านั่งข้างทางในสวนสาธารณะใจกลางเมือง มีเสียงเด็กๆวิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน ผู้คนวิ่งออกกำลังกาย เลยม้านั่งที่เขานั่งไปข้างหลังจะมีสวนดอกไม้ ที่เต็มไปด้วยดอกไม้นานาชนิด โดยมี...กลุ่มดอกทานตะวันที่โดดเด่นที่สุด

       แม้บ้านของเขาจะไม่ได้อยู่ในใจกลางเมืองแบบนี้ แต่นี่คือสถานที่แห่งความทรงจำของเขา ในตอนเด็กๆ เขากับพี่สาว'ลอร่า'มักจะพากันมาที่นี่อยู่เป็นประจำ เป็นที่ที่เขาเคยวิ่งเล่นอย่างร่าเริง...

      เขาเดินเข้าไปในสวนดอกไม้ เพื่อมุ่งไปหาดอกทานตะวันที่เด่นหรามาแต่ไกล แต่...

    "เลสลี่ย์...นั่นเลสรี่ย์หรือเปล่า" มีเสียงหนึ่งเรียกขึ้น  คนโดนเรียกหันขวับ ก่อนจะมาเห็นหญิงสาวนางหนึ่งที่หน้าตาและสีผมละม้ายคล้ายคลึงกับเลสลี่ย์มาก อย่าบอกนะว่า...

       หญิงสาวรีบวิ่งมากอดชายหนุ่มผมขาว ความอบอุ่นแผ่เข้าร่างคนถูกกอด นี่คือพี่หรือไม่ก็น้องของคนที่เขาสิงร่างอยู่เหรอ?

       "ฮือ...เลสลี่ย์ ไม่อยากจะเชื่อว่าจะได้เจอนายอีกแล้ว ชั้นเป็นห่วงนายแค่ไหนรู้มั้ย!!!"

        หญิงสาวพูดเสียงดังจนคนรอบๆหันมามอง

       "..."

       "แล้วนายไปโดนอะไรมา ทำไมถึงบาดเจ็บแบบนี้ล่ะ?"

       "..."

        "เอางี้... เรา...กลับบ้านกันนะ!!" หญิงสาวพูดทั้งน้ำตา

         ชายหนุ่มทิ้งตัวนอนลงบนเตียงนอนนุ่มนิ่มก่อนจะหลับตาลง ตอนเขากลับมา เขาได้รับการต้อนรับกลับจากสมาชิกในครอบครัวของเลสลี่ย์อย่างอบอุ่น ไม่ว่าจะด้วยรอยยิ้ม หรืออ้อมกอดที่อบอุ่นของพวกเขา แม้จะเป็นสิ่งที่รูวิคโหยหามานาน แต่มันไม่ได้ส่งไปถึงจิตใจอันบอบช้ำของเขาเลยสักนิด เพราะสิ่งเหล่านั้นมันเพื่อเลสลี่ย์ เจ้าของร่างนี้ ไม่ใช่เขา

       นอกนั้นพวกเขายังถามว่าไปอยู่ไหนมา โดนใครลักพาตัวไปทำร้ายหรือเปล่า แต่กระนั้นรูวิคก็ไม่ได้ตอบคำถามใดๆ หรือพูดคุยอะไรกับคนในบ้านหลังนี้เลย ทำให้คนในบ้านเข้าใจว่า สมาชิกในครอบครัวคนนี้อาจโดนทำร้ายจนไม่อยากพูดอะไร

       รูวิคค่อยๆลืมตาขึ้น และก็ต้องประหลาดใจกับภาพที่เห็นตรงหน้า เขาไม่ได้อยู่ในห้องนอนแล้ว แถมรูวิคยังอยู่ในร่างจริงของเขาซึ่งถูกคลุมไว้โดยฮู้ดสีขาวหม่นๆตัวใหญ่

        สิ่งที่เขาเห็นคือท้องฟ้าในยามราตรีและต้นไม้ซึ่งกิ่งก้านสาขาของมันถูกประดับประดาไปด้วยหิ่งห้อยมากมาย เขารีบลุกขึ้น ก็พบว่าตัวเองอยู่ในป่าแห่งหนึ่ง ซึ่งมีหิ่งห้อยอยู่เต็มไปหมด ตรงหน้ามีแอ่งน้ำที่เรืองแสงสีฟ้าสวยงามและมีดอกบัวตูมอยู่เต็มสระ

        สิ่งที่เขาเห็นมันงดงาม แต่แฝงไปด้วยความเศร้าหมอง นี่เขาอยู่ในความคิดใครหรือปล่าวนะ ถ้าใช่ก็ต้องไม่เป็นของเขาแน่นอน เพราะโลกของเขาเต็มไปด้วยเลือด กลิ่นเหม็นเน่า ความสยดสยอง ความตาย และอีกอย่าง...มันได้สลายไปแล้ว

       "ที่นี่เป็นความคิดของผมไงล่ะ"เสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลัง เขาหันไปทางต้นเสียง ก็เห็นชายตัวเล็กผมสีอ่อนกำลังยืนเอามือไพล่หลังอยู่ เจ้าของร่างที่เขาสิงอยู่นั่นเอง!!!

       "นาย..." เขากล่าวด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ

       จริงๆแล้วสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาทั้งหมดในตอนนี้รูวิครู้หมดแล้ว ตอนนี้เลสลี่ย์อยู่ในสภาพวิญญาณ ที่เขามาอยู่ที่นี่ได้โดยไม่ต้องใช้เครื่องจักเพราะคลื่นสมองของทั้งสองสามารถจูนให้เข้ากันได้ เรียกง่ายๆคือเลสลี่ย์กำลังเข้าฝันเขาอยู่ และที่คนตรงหน้าพูดได้คล่องแคล่วขนาดนี้ก็เพราะนี่เป็นความคิดของเขา เขาจะทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น เพียงสิ่งเดียวที่เขาทำไม่ได้ก็คือการยึดร่างคืน แต่ที่รูวิคแปลกใจก็คือ ทำไมคนตรงหน้าดูไม่โกรธหรือเกลียดเขาเลยสักนิด

       แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้ไถ่ถามอะไรคนตรงหน้า เขาก็ถูกคนตัวเล็กจับมือมั่นแล้วพาเดิน

       "ดะ...เดี๋ยวสิ!!!" รูวิคสะบัดมือคนตรงหน้าทิ้งด้วยความตกใจ

        เลสลี่ย์หยุดนิ่ง ก่อนจะหันมาหาร่างสูงช้าๆ และพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า

       "ผมจะช่วยคุณเองครับ..."

    ก่อนที่รูวิคจะสะดุ้งตื่น...

         รุ่งเช้าเขาได้กินอาหารร่วมโต๊ะกับครอบครัวของเลสลี่ย์ ทั้งพ่อ แม่ และผู้หญิงที่เขารู้ภายหลังว่าเป็นน้องสาว วันนี้เธอแต่งตัวเป็นสาวออฟฟิสเพื่อจะไปทำงาน บรรยากาศมันดูอบอุ่นเต็มไปด้วยรอยยิ้ม มันช่างเหมือนกับตัวเขาในตอนนั้น ตอนที่เขายังมีสิ่งที่เขาเรียกว่า 'ครอบครัว' ได้อย่างเต็มปากอยู่

        เมื่อเขาก้มลงไปดู ก็พบไข่ยัดใส้ ไส้กรอก ขนมปัง และสลัดกองเล็กๆวางอยู่ในจานกระเบื้องใบโต ทำให้ภาพบางอย่างผุดขึ้นในหัว...

       "นี่ๆๆ รูเบ้น ไข่ยัดใส้ของโปรดรูเบ้นไง นี่พี่ทำเองกับมือเลยนะ!!!" เด็กสาวผมยาวสลวยดำขลับเป็นประกายงดงามเดินมายังโต๊ะตัวหนึ่งที่ถูกวางติดกับหน้าต่าง ซึ่งมีเด็กหนุ่มกำลังนั่งอ่านหนังสืออย่างใจจดใจจ่อ เมื่อได้ยินเสียงพี่สาวของตนก็รีบเงยหน้าขึ้นมาทันที

       "ไข่เพิ่มพลัง สำหรับการสอบวันพรุ่งนี้!!!" เด็กสาววางจานใบหนึ่งลงบนโต๊ะของเด็กหนุ่ม บนจานมีไข่ยัดไส้สีเหลืองหอมกรุ่นชวนรับประทานวางอยู่ จริงๆเธอแอบพ่อแม่และคนใช้ทำเลยนะเนี่ย

       เด็กหนุ่มยิ้มมองพี่สาวตรงหน้า ตอนนี้ผมสีดำขลับของเธอสะท้อนแสงจันทร์ในยามค่ำคืน

       "ขอบคุณครับ!!!" เด็กหนุ่มใช้ส้อมจิ้มก้อนสีเหลืองตรงหน้าก่อนจะตักเข้าปากไป

       "กินเสร็จแล้วก็นอนซะนะ ถ้าอดหลับอดนอนเดี๋ยวได้หลับคาข้อสอบ ที่นี้ได้ตกฉุดไม่ขึ้นแน่ๆ"

       "หมดแล้วอ่ะ" ตอนนี้ตรงหน้าเด็กหนุ่มมีเพียงจานเปล่าๆ ที่มีคราบซอสเล็กน้อย ทำเอาคนตรงหน้าตะลึงเล็กๆ กินหมดเร็วเกินไปแล้ว!!!

       "ทีนี้ก็ไปแปรงฟันแล้วก็นอนซะ ราตรีสวัสดิ์..." ก่อนที่ลอร่าจะได้ก้าวเดินหมายจะออกจากห้องนอนของรูเบ้น เด็กหนุ่มรีบลุกโอบเอวพี่สาวเอาไว้

       "คืนนี้พี่นอนกับรูเบ้นนะครับ นะครับ!! ไม่งั้นรูเบ้นจะไม่แปรงฟัน!!!" เด็กสาวชะงักครู่หนึ่ง ก่อนที่เธอจะบอกว่า "อื้ม... ก็ได้ๆ แต่ไปแปรงฟันเดี๋ยวนี้เลยนะ!!"

      "คร้าบบบบ"ก่อนที่รูเบ้นจะวิ่งเข้าห้องน้ำที่ติดอยู่กับห้องนอนของเขาไป

    .

    .

    .

        "ทำไมนั่งนิ่งอย่างงั้นล่ะเลสลี่ย์" ผู้เป็นน้องสาวพูดขึ้น ทำเอารูวิคสะดุ้งเล็กน้อย

        "ทำไมล่ะลูก ไม่ชอบหรือ หืม? นี่น้องแกทำเองกับมือเลยนะ" ผู้เป็นแม่ถามไถ่ ส่วนคนเป็นพ่อก็จ้องเขม็ง

        "...ชะ...ชอบมากครับ ผะ..ผมจะกินให้หมดเลย" รูวิคพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือราวกับกำลังกลั้นอะไรบางอย่างไม่ให้หลุดออกมา ท่ามกลางความตะลึงของอีกสามคนตรงหน้า ที่คนที่เอาแต่เงียบตลอดตั้งแต่กลับมาพูดออกมาแล้ว!!!

      

     ------------------------------

    เหลือเพียงความรัก ที่ไม่มีเธอแล้ว

    คิดถึงเธอมากมายเท่าไหร่ ก็ไม่มีวันได้พบเจอ

    กลับมีเหลือเพียงตัวฉัน กับใจที่มันแทบสลาย

    ใช้ชีวิตทุกวันที่มี เพื่อคิดถึงเธอตลอดไป

    ...ขอขอบคุณ เนื้อเพลงจาก siamzone
       
       เป็นไงบ้างคะตอนแรก  กลัวมากอ่ะว่าจะไม่ได้เรื่องTT ติชมหน่อยนะคะ 
    ปล.ตอนนี้รูวิคยังไม่ s นะคะ เรายังไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะให้ s ดีมั้ย หึๆๆๆๆ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×