ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Exo]Last Tears น้ำตาหยดสุดท้าย...{Krisyeol,Sehun ft.Exo}

    ลำดับตอนที่ #1 : Last Tears : Intro

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 834
      2
      12 มิ.ย. 56










    Last Tears

    -Intro-

     

     

     

    “ อู๋อี้ฟาน ต่อไปนี้เธอต้องดูแลคุณหนูนะ คุณหนูคือเจ้าชีวิตของเธอ คือทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตเธอ เธอต้องดูแลปกป้องคุณหนูเท่าชีวิตของเธอ ทำได้ไหม ”

     

    “ ครับ อี้ฟานจะดูแลคุณหนู จะปกป้องคุณหนูเท่าชีวิตของอี้ฟาน ”

     

    “ ดีมาก จากนี้ไปเธอเป็นคนของคุณหนูแล้วนะอู๋อี้ฟาน ห้ามทำให้คุณหนูเสียใจเด็ดขาด เข้าใจไหม ”

     

    “ เข้าใจครับ อี้ฟานจะไม่มีวันทำให้คุณหนูต้องเสียใจ อี้ฟานสัญญา ”

     

    “ งั้นเราไปหาคุณหนูกัน ” เสียงทุ้มดังขึ้นในท้ายประโยคก่อนที่ร่างสูงโปร่งจะพาเด็กชายวัยเก้าขวบเดินตรงเข้าไปยังคฤหาสน์ที่ตั้งเด่นสง่าอยู่ตรงหน้า เด็กชายดูตื่นเต้นกับความใหญ่โตโอ่อ่าของคฤหาสน์หลังงามอยู่ไม่น้อย ใบหน้าเยาว์วัยมีแววหล่อเหลาตั้งแต่ยังเด็ก รูปปากเล็กที่ช่างรับกับใบหน้าและจมูกที่โด่งเป็นสันทำให้เด็กชายดูราวกับกามเทพน้อยในนิยายปรำปราก็ไม่ปาน

     เดินไปได้อีกเพียงไม่กี่ก้าวสายตาซุกซนของเด็กชายพลันถูกตรึงให้หยุดอยู่กับที่เมื่อสบเข้ากับดวงตากลมใสไร้เดียงสาของเด็กน้อยคนหนึ่งที่อายุน่าจะอยู่ในวัยไล่เลี่ยกันกับเขา เด็กน้อยที่มองไม่ออกว่าเป็นเด็กผู้หญิงหรือเด็กผู้ชายกันแน่ เนื่องด้วยรูปหน้าสวยหวานกระเดียดไปทางเด็กผู้หญิงแต่ทว่ามองพินิจอีกทีกับดูหล่อเหลาไม่ต่างจากเด็กผู้ชาย ความแคลงใจได้รับคำตอบในนาทีต่อมาเมื่อเด็กชายมีโอกาสได้พบประมุขของบ้านอย่าง ปาร์คยูชอน

     

    “ อี้ฟาน สวัสดีคุณท่านเสียสิ ” เสียงทุ้มเอ่ยเตือนเด็กชายให้รีบทำความเคารพผู้ใหญ่เมื่ออยู่ต่อหน้า

     

    “ สวัสดีครับคุณท่าน ”

     

    “ อะไรกัน เธอน่ะเรียกฉันว่าอาเถอะ คนกันเองทั้งนั้น ”

     

    ” เด็กชายเม้มปากเข้าหากันเล็กน้อยพลางหันหน้าไปขอความเห็นจาก อาซีวอน ก่อนที่ชายร่างสูงโปร่งจะพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต เด็กชายจึงหันกลับไปยิ้มให้ยูชอน

     

    “ ดีมากอี้ฟาน แล้วก็ทำตัวตามสบายนะ นึกเสียว่าที่นี้เป็นบ้านอีกหลังของเธอ ไม่ต้องเกรงใจ ”

     

    “ ขอบคุณครับ คุณอา ” ปาร์คยูชอนส่งสายตาเอ็นดูเหมือนลูกเหมือนหลานให้แก่เด็กชาย เขาพินิจมองท่าทางความคิดความอ่านของเด็กตรงหน้าที่ดูโตกว่าเด็กในวัยเดียวกันด้วยแววตาแห่งความชื่นชม เหมือนพ่อไม่มีผิดเลยนะ

     

    “ ถ้างั้นอาแนะนำน้องให้เธอรู้จักก่อนก็แล้วกันนะอี้ฟาน ชาน เข้ามาหาพ่อสิลูก ” สิ้นเสียงเรียก เด็กน้อยที่ได้สบตาเมื่อไม่กี่ชั่วครู่นี้ก็วิ่งพรวดพราดเข้ามา ใบหน้าน่ารักเอียงคอมองคนแปลกหน้าอย่างอู๋อี้ฟานด้วยความสงสัยเล็กน้อยก่อนจะวิ่งเข้าไปหลบอยู่ข้างหลังผู้เป็นพ่อ แต่กระนั้นก็ยังมิวายส่งสายตาใคร่รู้แอบดูอยู่เป็นระยะ

     

    “ นี่พี่อี้ฟานนะชาน ต่อไปเขาจะมาอยู่เป็นเพื่อนเล่นกับลูก สวัสดีพี่เขาเสียสิ ” เด็กชายปาร์คชานยอลที่ยืนแอบอยู่ด้านหลังก้าวออกมายืนข้างๆบิดาเล็กน้อยตามคำสั่ง

     

    “ สวัสดีครับ ” แววตากลมใสจดจ้องอยู่ที่ใบหน้าหล่อเหลาเบื้องหน้า อยู่ๆก็รู้สึกเขินพี่ชายคนนี้เสียขึ้นมาซะอย่างนั้นจนทำให้ใบหน้าน่ารักเกิดริ้วแดงจางๆอมชมพูกระจายอยู่ทั่ว อาการขัดเขินแบบเด็กๆที่เรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากผู้ใหญ่ได้มากโขและหนึ่งในนั้นก็รวมเด็กอย่างอู๋อี้ฟานเอาไว้ด้วยอีกคน ถ้าเขาจะบอกว่ารู้สึกชอบดวงตาสดใสคู่นั้น จะมีใครหาว่าเด็กเก้าขวบอย่างเขาแก่แดดไหมนะ

     

    “ สวัสดีเช่นกันครับ ขอฝากตัวด้วยนะครับ คุณหนู ” และนั่นคือการพบกันครั้งแรกของอู๋อี้ฟานวัยเก้าขวบและคุณหนูปาร์คชานยอลวัยเจ็ดขวบ

                เด็กทั้งสองถูกเลี้ยงดูให้ดูแลกันและกันเหมือนพี่เหมือนน้อง แต่กระนั้นเด็กฉลาดอย่างอู๋อี้ฟานก็พึ่งระลึกอยู่เสมอว่า อีกคนเป็นนาย เป็นเจ้าของชีวิตของตนที่ชั่วชีวิตนี้ ตนจะดูแลคนๆนี้ให้ดีที่สุด

                ปาร์คชานยอลเป็นลูกชายคนเดียวของปาร์คยูชอน เด็กน้อยกำพร้ามารดาตั้งแต่เกิดเนื่องจากพอคลอดชานยอลเสร็จมารดาของเด็กน้อยก็เสียชีวิตในเวลาต่อมา แต่ยังดีที่อย่างน้อยยังมีคุณน้าอย่างคิมจุนซูคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง ถึงจะขาดแม่ตั้งแต่ยังเด็กแต่นั่นก็มิอาจทำให้เด็กชายอย่างชานยอลขาดความอบอุ่นเลยแม้แต่น้อยมิหนำซ้ำกับได้รับความรักความอบอุ่นมากกว่าใครๆทั้งหมด เพราะด้วยความที่เป็นลูกคนเดียว ยูชอนจึงทั้งรักทั้งตามใจแล้วไหนจะมีคุณน้าอย่างจุนซูอีกเล่า ดังนั้นชานยอลจึงเติบโตมาเป็นเด็กที่สดใสร่าเริง อ่อนโยน และเป็นมิตรกับทุกคน โดยเฉพาะอู๋อี้ฟานที่ชานยอลติดหนึบยิ่งกว่าใคร เด็กน้อยเทิดทูนพี่ชายคนนี้ราวกับอัศวิน ทั้งรักและเคารพทั้งๆที่ไม่ใช่สายเลือดเดียวกันแม้แต่น้อย

               

     

    10 ปีต่อมา

     

    “ พี่คริส วันนี้ชานขอไปนอนห้องพี่ด้วยคนนะ ” ชานยอลในวัยสิบเจ็ดกระโดดเข้ามาเกาะแขนอ้อนอู๋อี้ฟานตาแป๋ว ในขณะที่อีกคนกำลังอ่านหนังสือสอบอย่างขะมักเขม่น เพราะเนื่องจากอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้คริส(ชื่อที่เพื่อนๆเรียก)หรืออู๋อี้ฟานคนนี้จะต้องสอบคัดเลือกเข้ารับการฝึกการเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจตามความหวังของปาร์คยูชอนที่อยากเห็นเขาอยู่ในชุดเครื่องแบบสุดเท่ห์ แต่นอกเหนือจากเจตนารมณ์นั้นของผู้มีพระคุณแล้ว อี้ฟานรู้ดีว่ายูชอนต้องการฝึกให้เขาเป็นคนแข็งแกร่งเพื่อที่จะได้ช่วยปกป้องดูแลเด็กชายอย่างปาร์คชานยอลในวันข้างหน้า แล้วมีเหตุผลอื่นใดที่คนอย่างเขาจะไม่ทำตาม เพราะตั้งแต่เขาตัดสินใจก้าวขาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในตระกูลนี้อีกทั้งยังสัญญาว่าจะดูแลคุณหนูตัวน้อยในวันนั้นด้วยชีวิตทั้งหมดของตน เขาจะไม่มีวันผิดสัญญาเด็ดขาด

     

    “ เอาสิ แต่คุณหนูห้ามเอาเกมส์เข้ามาเล่นนะ ไม่งั้นผมให้กลับไปนอนห้องเหมือนเดิมจริงๆด้วย ”

     

    “ หูยยยยพี่คริสอ่ะ แล้วก็นะ ชานบอกกี่ครั้งแล้วว่าไม่ให้เรียกคุณหนู ทำไมไม่เคยจำเลยหะ ” เด็กหนุ่มยังคงเจื้อยแจ่วต่อไป ใบหน้าน่ารักงอง้ำเมื่อโดนคนเป็นพี่ขัดใจเข้าให้เสียแล้ว ชิ เรารึกะจะได้เล่นเกมส์โดยที่ไม่โดนบ่นอยู่แล้วเชียว พี่คริสดันมาดักคอเสียได้

     

    “ แล้วตกลงจะทำตามที่บอกไหมละ ”

     

    “ ก็ได้ ชานไม่เอาเกมส์ไปเล่นก็ได้ แต่วันนี้พี่คริสต้องสอนชาน ปามีดพกนะ ” ประโยคหลังเด็กหนุ่มขยับเข้าไปกระซิบใกล้ๆพี่ชายร่างสูงให้ได้ยินเพียงแค่สองคน กลิ่นกายหอมๆลอยเตะจมูกอี้ฟานทันที แล้วไหนจะเนื้อตัวนุ่มนิ่มที่เบียดเข้าหาอย่างไม่ได้ตั้งใจนั้นอีกเล่า นี่แหละ เสน่ห์เฉพาะตัวของคุณหนูปาร์คชานยอล ที่ไม่ว่าใครที่อยู่ใกล้อดที่จะชื่นชมความสดใสนั้นไม่ได้

     

    “ ถ้าคุณ เอ้ย ชานยอลทำตัวดี ผมจะสอนให้ ”

     

    “ จริงนะ เย้ๆๆ ^   ^ เขารักพี่คริสที่สุดเลย ” ท่าทางดีใจของชานยอลทำให้อี้ฟานยิ้มออกมาเล็กน้อยด้วยความเอ็นดู รอยยิ้มเล็กๆที่ทำให้เด็กหนุ่มต้นเรื่องใจสั่นเสมอๆในระยะหลัง ชานยอลยอมรับว่าพี่ชายคนนี้เป็นคนที่เข้าขั้นหล่ออย่างหาตัวจับยากแล้วไหนจะนิสัยใจคอที่เข้าขั้นเป็นผู้ชายอบอุ่นนั้นอีกเล่า นึกมาได้ถึงตรงนี้ ใจดวงน้อยกลับรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเสียดื้อๆเมื่อความใจดีที่ว่าไม่ได้มีเผื่อแผ่มาถึงตนแค่คนเดียว ความรู้สึกที่เจ้าตัวก็ไม่รู้ว่ามันค่อยๆเปลี่ยนแปลงไปเป็นความรักตอนไหน พอรู้ตัวอีกที เขาก็ตกหลุมรักพี่ชายคนนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว คงไม่ผิดใช่ไหม ที่เขาจะรักและหวงพี่ชายคนนี้มากกว่าใครๆ

                แต่เขาว่ากันว่าความสุขมักอยู่กับคนเราไม่ยืดยาว หลังจากนั้นไม่นาน บ้านตระกูลปาร์คก็ได้ต้อนรับสมาชิกใหม่เข้ามาอยู่ด้วยกันอีกหนึ่งคน เด็กหนุ่มตัวน้อยที่มีใบหน้าน่ารักสวยหวานไม่ได้แพ้ชานยอล โอเซฮุน ญาติผู้น้องของชานยอล เพียงเข้ามาไม่นานเด็กหนุ่มเซฮุนก็เป็นที่รักของทุกคน ทุกคนจริงๆไม่เว้นแม้กระทั้งพี่อี้ฟานหรือพี่คริสของเขา จากเด็กที่สดใสร่าเริงและเป็นมิตรกับทุกคนก็กลายมาเป็นเด็กที่เอาแต่ใจตัวเองเพียงเพราะโดนน้องชายคนใหม่แย่งความสนใจจากทุกคนไปจากตนเพียงเท่านั้น

     

    “ เซฮุน ใครใช้ให้นายเอากีตาร์ตัวใหม่ของเขาไปเล่น ” ชานยอลโวยวายขึ้นในวันนึงหลังจากที่กีตาร์ตัวใหม่ที่พี่อี้ฟานซื้อให้เข้าไปอยู่ในห้องนอนของน้องชายอย่างเซฮุน

     

    “ ก็เซฮุนขอพี่แล้ว พี่ก็อนุญาตบอกให้เซฮุนเอากีตาร์ไปเล่นที่ห้องได้ไงครับ ” คำพูดนั้นทำให้ชานยอลอึ้งไปเล็กน้อยเพราะที่น้องพูดมาเป็นความจริง แต่กีตาร์ในห้องเขามีตั้งหลายตัว ทำไมต้องหยิบตัวที่พี่อี้ฟานซื้อให้เขาในวันเกิดไปเล่นด้วยนะ

     

    “ แต่ตัวอื่นมีตั้งเยอะ ทำไมถึงไม่เอาตัวอื่นไป ” เด็กหนุ่มยังคงหาข้อโต้แย้งออกไปอย่างคนเอาแต่ใจ และด้วยเสียงที่ดังโหวกเหวกไปถึงข้างนอก  ทำให้อี้ฟานต้องเข้ามาดูอย่างเลี่ยงไม่ได้

     

    “ ก็เซฮุนนึกว่า พี่อนุญาตแล้วจะหยิบตัวไหนไปก็ได้นี่ครับ ” เซฮุนตอบเสียงเบา เขาเริ่มกลัวพี่ชานยอลที่ขึ้นเสียงใส่ขึ้นมานิดๆ ใบหน้าน่ารักสลดลงพร้อมกับดวงตาที่มีน้ำใสๆเข้ามาหล่อเลี้ยง

     

    “ เถียงอะไรกันหืม ” อี้ฟานเอ่ยถามเด็กหนุ่มสองคนที่ยืนนิ่งจ้องตากันอยู่กลางห้องโถงของบ้าน หลังๆเขาเริ่มชินแล้วเพราะเป็นกรรมการเข้ามาห้ามทัพสองพี่น้องนี้เสียทุกครั้งไป

     

    “ เซฮุนเอากีตาร์ตัวใหม่ของชานไปเล่น ”

     

    “ แต่ผมไม่รู้นี่ครับพี่อี้ฟาน ผมไม่รู้ว่ากีตาร์ตัวนั้นผมเอาไปเล่นไม่ได้ ” เซฮุนเขย่าแขนอี้ฟานอย่างอ้อนวอน น้ำตาปริ่มขอบจวนใกล้จะไหลเต็มแก่ ช่างเป็นภาพที่น่าสงสารในความคิดของใครหลายๆคน แต่ไม่ใช่สำหรับปาร์คชานยอล เด็กหนุ่มจ้องเขม็งไปที่มือเรียวที่จับท่อนแขนพี่อี้ฟานอย่างถือวิสาสะ จู่ๆความรู้สึกที่เรียกว่า อิจฉา ก็พลันก่อเกิดในนาทีนั้น

     

    “ น้องไม่รู้นะชานยอล ยกโทษให้น้องเถอะ ” คำพูดที่เหมือนน้ำเย็นซัดเข้าใส่หน้าชานยอลให้ด้านชาเป็นแถบ สำหรับคนไม่รู้ว่าของชิ้นนั้นสำคัญสำหรับเขาแค่ไหนคือคนไม่ผิดใช่ไหม นั่นมันของที่พี่ซื้อให้ชานในวันเกิดเลยนะ ความคิดที่เจ้าตัวได้แต่แอบน้อยใจ ใบหน้าสวยหวานยิ้มหยันสมเพชตัวเองอยู่ในที

     

    “ แต่นั่นมันกีตาร์ตัวสำคัญของชาน ชานไม่อนุญาต ” เด็กหนุ่มบอกอย่างคนที่เริ่มนิสัยเอาแต่ใจ อี้ฟานส่ายหัวระอาเล็กน้อย คุณหนูปาร์คชานยอลที่แสนน่ารักคนนั้นหายไปไหนแล้วนะ เขาอยากรู้จริงๆ

     

    “ เอาล่ะ เซฮุนเอากีตาร์ตัวนั้นคืนพี่เขาไปนะ เดี๋ยวพี่ซื้อตัวใหม่ให้ ที่นี้ก็เลิกโกรธน้องได้แล้วนะครับชานยอล ” อี้ฟานเอ่ยตัดบท เจตนาที่ต้องการทำให้เรื่องราวยุติลงโดยเร็วเพราะเขาไม่อยากให้คุณท่านต้องมานั่งทุกข์ใจที่ต้องมาเห็นลูกและหลานทะเลาะกันเองแบบนี้ แต่นั่นมันผิดอยู่มากทีเดียวในความคิดของเด็กขี้อิจฉา ปาร์คชานยอลกำมือแน่นจนมันขึ้นเส้นเลือด ใบหน้าหวานตวัดมองน้องชายด้วยแววตาแข็งกระด้าง ความน้อยใจจุกอยู่ที่ลำคอพร้อมกับน้ำตาที่คลอหน่วงอยู่ในนั้น ไม่เคยจะมีสักครั้งที่พี่อี้ฟานเข้าข้างเขาคนนี้ ตั้งแต่เด็กแบบโอเซฮุนเข้ามาใครๆก็รัก ใครๆก็สนใจ ไม่ว่าจะคุณพ่อ คุณน้า ไม่มีใครเห็นหัวปาร์คชานยอลเลยสักคน โดยเฉพาะผู้ชายที่ยืนปกป้องเด็กนั่นตรงหน้าเขานี่ ที่ตรงนั้นเคยเป็นของเขาไม่ใช่เหรอ การดูแลเอาใจใส่นั่นก็เคยเป็นของเขาไม่ใช่เหรอ แต่ทำไมตอนนี้พี่ถึงยกมันให้เซฮุนละ ปาร์คชานยอลคนนี้อยู่ที่ไหน

     

    “ ถ้าเซฮุนชอบและอยากได้มันนักชานก็จะยกให้ แล้วต่อไปก็จำไว้ด้วยว่าของของชาน ชานเป็นเจ้าของ ถ้าชานไม่อนุญาตก็ห้ามใครเอาไปไหนทั้งนั้น ” พูดจบคนเจ้าอารมณ์ในสายตาของทุกคนก็หันหน้าพรืดวิ่งหนีกลับขึ้นไปบนห้อง ทันทีที่ผลักบานประตูเนื้อดีเข้าไปได้เจ้าตัวก็กดล็อคประตูก่อนจะวิ่งถลาลงไปซุกหน้าร้องไห้อยู่บนเตียงนอน คำพูดแสนเอาแต่ใจก่อนหน้าเป็นเพียงแค่คำประชดประชันที่เด็กวัยสิบเจ็ดคิดออกเพียงเพื่อต้องการเรียกร้องความสนใจจากใครบางคนก็เท่านั้น ใครบางคนที่สำคัญยิ่งกว่าใครๆทั้งหมด

     

    แก้วใสที่เขามักว่ากันว่าเมื่อมันมีรอยปริแตกออกมาแล้ว ช่างยากนักที่จะทำให้มันกลับมาสวยสดงดงามดั่งเดิม ปาร์คชานยอลก็อยู่ในกรณีนั้น ตั้งแต่เรื่องคราวนั้น เด็กหนุ่มก็ทำตัวห่างเหินจากทุกคน กลายเป็นเด็กเข้ากับคนอื่นยาก เจ้าอารมณ์ ไม่พอใจอะไรก็วีน หนักเข้าถึงขั้นอาละวาดฟาดงวงฟาดงาใส่มาแล้วก็ยังมี และคนที่รองรับคนเจ้าอารมณ์หนักที่สุดคงไม่พ้นโอเซฮุน แต่ทุกครั้งที่เซฮุนโดนรังแกก็มักจะได้พี่ชายอย่างอี้ฟานเข้ามาช่วยเสียทุกครั้งไป และนั่นก็ยิ่งเพิ่มความอิจฉาในตัวเซฮุนมากขึ้นไปอีก จนผลสุดท้ายปาร์คยูชอนจำต้องส่งเด็กเจ้าปัญหาเข้าโรงเรียนประจำเพื่อตัดปัญหาโดยหวังว่าความห่างไกลและการดูแลอันเข้มงวดจะทำให้ลูกชายที่น่ารักของเขาคิดอะไรขึ้นมาได้บ้าง

     

    “ คุณพ่อ ฮึก ชาน ไม่ไป ” เสียงหวานแหบพร่าอย่างคนที่ค่อยๆกำลังหมดแรง เด็กหนุ่มทรุดตัวลุกนั่งกอดเข่าคนเป็นพ่อ งอแงเสียยิ่งกว่าเด็กเล็กๆจนคนอื่นได้แต่พากันหันสายตาหนีไปทางอื่นด้วยความสงสาร แม้คุณหนูของบ้านคนนี้จะเจ้าอารมณ์มากมายเพียงไหนแต่ก็ไม่เคยมีใครนึกชังแม้แต่คนเดียว ตรงกันข้ามคุณหนูคนนี้ยังเป็นที่รักใคร่ของทุกคนเฉกเช่นวันวาน

     

    “ ซีวอน พาชานขึ้นรถ ” ปาร์คยูชอนตัดใจเอ่ยเสียงแข็งจนคนเป็นน้าอย่างจุนซูยอมอยู่เฉยไม่ได้

     

    “ พี่ยูชอน อย่าเพิ่งให้ชานไปเลยนะ แกยังเด็ก ลองแกโต แกอาจไม่เป็นอย่างนี้ก็ได้ พี่อย่าให้แกไปเลยนะ ” จุนซูขอร้องพี่เขยทั้งน้ำตา คนเป็นน้าที่รักหลานชายไม่ต่างจากลูกก้มลงไปโอบร่างบอบบางที่ตัวสั่นเสียยิ่งกว่าลูกนกหลงทางด้วยความสงสารเวทนา

     

    “ ไม่ได้ยินที่ฉันสั่งหรือไง พาชานขึ้นรถ ” นายใหญ่ตวาดเสียงดังลั่น ชานยอลส่ายหน้าไม่ยอมทั้งน้ำตา ร่างบอบบางร้องไห้ราวกับจะขาดใจตายให้ได้เสียตรงนั้น ดวงตาคู่สวยหันอ้อนวอนขอความช่วยเหลือทุกทิศทางแต่ก็ไม่มีใครกล้าขยับแม้แต่พี่อี้ฟานที่ยืนมองเขานิ่งโดยมีเซฮุนซบหน้าสะอึกสะอื้นอยู่ที่ข้างอก

                ความเจ็บร้าวในอกลามขึ้นในวินาทีนั้น เสียงสะอื้นฮักจนตัวหอบโยนเมื่อคนที่คิดว่าสำคัญที่สุดไม่แม้แต่จะยื่นมือเข้าช่วย พี่ไม่เสียใจเลยเหรอที่ชานยอลจะต้องจากพี่ไปน่ะพี่อี้ฟาน พี่ไม่เสียใจเลยหรอ

     

     

    :::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::

     

     

    “ หมั้น!!!

     

    “ ใช่หมั้น พ่อเตรียมทุกอย่างไว้หมดแล้ว รอแค่ชานกับอี้ฟานพร้อม งานทุกอย่างก็จะเริ่มได้เลย ”

     

    “ ตะ แต่ พ่อไม่ถามความสมัครใจชานสักคำเลยเหรอ ” ชานยอลได้แต่เอ่ยเสียงเบาอย่างอึดอัด ตอนนี้เขากลายเป็นหนุ่มหล่อวัยยี่สิบสองแล้ว เขาเรียนจบและกำลังรอรับช่วงต่อจากคุณพ่อที่บริษัท และตอนนี้คุณพ่อได้มอบหมายให้เขามาเป็นผู้ช่วยของอู๋อี้ฟานเพื่อเรียนรู้การบริหารงานในด้านต่างๆ ไว้ใช้ในอนาคต แต่น่าแปลก คนๆนั้นไม่ได้เรียนจบบริหารมาเสียหน่อย แต่ทำไมถึงได้เก่งทุกเรื่องไปเสียหมดก็ไม่รู้ และนี้คงเป็นสาเหตุที่คุณพ่อกำลังจับเขาหมั้นกับคนๆนั้นกระมั้ง ตลกชะมัด หลีกเลี่ยงมาได้ตั้งหลายปี ผลสุดท้ายก็หนีไม่พ้นสักที อย่างน้อยคุณพ่อก็น่าจะถามหาความสมัครใจจากเขาหรือไม่ก็ถามว่าคนๆนั้นเต็มใจจะหมั้นกับเขาจริงๆหรือเปล่า

     

    “ พ่อเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูกนะชาน อี้ฟานจะดูแลลูกได้ เชื่อพ่อสิ ” ดูแลได้ แต่เขาจะเต็มใจดูแลหรือเปล่านี่ก็อีกเรื่องหนึ่ง เป็นเวลาหลายปีแล้วที่เขาห่างเหินกับคนๆนั้น เจอหน้าก็ทำราวกับคนที่ไม่เคยรู้จักกัน พอดีว่าเขาเป็นพวกเจ็บแล้วจำ จำฝังไปจนถึงสุดขั้วหัวใจเลยด้วย

     

    “ แล้วคุณพ่อมาคุยกับชานเนี่ย คุณพ่อเคยคุยเรื่องนี้กับเขาแล้วหรือยังละครับ ”

     

    เรื่องนั้น ชานวางใจเถอะ อี้ฟานไม่มีวันปฏิเสธอยู่แล้ว ” ชานยอลยิ้มเยาะออกมาเล็กน้อยกับท่าทางมั่นอกมั่นใจของบิดา เวลาเปลี่ยนอะไรๆมันก็เปลี่ยน แม้แต่ใจของคน

     

    “ ถ้าคุณพ่อมั่นใจแบบนั้น ชานก็จะไม่ขัด หมดธุระแล้ว งั้นชานขอตัวนะครับ ” เชื่อเถอะว่ามันจะไม่มีวันเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ทำไมน่ะเหรอ หึ

     

     

    “ อะไรนะครับ พี่อี้ฟานจะหมั้น มันไม่ใช่เรื่องจริงใช่ไหมครับ ” โอเซฮุนครางออกมาด้วยความตกใจเมื่อได้ฟังความจากปากของชายหนุ่มคนรักเมื่อไม่ถึงครึ่งนาทีก่อนหน้านี้ กระบอกตาร้อนผ่าวก่อนที่น้ำใสๆจะไหลออกมาอาบแก้มนวลจนทำให้ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้วยกันต้องรวบตัวเข้าไปกอดไว้เสียแน่น

     

    “ พี่ขอโทษ แต่มันเป็นคำสั่งของคุณอา พี่ไม่ ” คำพูดถัดมากลืนหายไปในลำคอ จะบอกกับคนในอ้อมกอดนี้ได้อย่างไรว่าเขาไม่สามารถขัดคำสั่งนั้นได้ หากแต่เขาก็มิอาจห้ามหัวใจตัวเองได้เหมือนกัน เขารักเซฮุน รักเด็กหนุ่มในอ้อมกอดนี้เหลือเกิน และมันก็เจ็บปวดเหลือเกินที่เขาต้องแยกให้ออกระหว่างหน้าที่กับความรัก

     

    “ ฮึก ละ แล้วเรื่องของเราละ พี่ครับ แล้วเรื่องของเราละ ฮือ ” ร่างบอบบางร้องไห้สะอื้นราวกับจะขาดใจ การต้องทนมองคนรักเดินจากไปเป็นของคนอื่น เขาทำใจยอมรับมันไม่ได้เลย แม้คนๆนั้นจะเป็นพี่ชายที่เขาเคารพรักมากๆอย่างปาร์คชานยอล เขาก็ยากที่จะทำใจให้รับเรื่องนี้ได้

     

    “ พี่ขอโทษเซฮุน พี่ขอโทษ ” ร่างสูงได้แต่เอ่ยประโยคเดิมๆซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนั้น ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นเกินกว่าจะตั้งรับหรือทำใจให้รับมันได้โดยง่าย

                ในขณะที่คนสองคนกำลังปรับทุกข์กันอยู่ในห้องนอนที่เปิดอ้าออกมาเล็กน้อยอย่างไม่ตั้งใจ ปาร์คชานยอลที่กำลังก้าวขาผ่านห้องนั้นพอดีชะงักอยู่กับที่ เขาได้ยินเรื่องทั้งหมด ตั้งแต่ประโยคแรกยันประโยคสุดท้าย หึหึ ถึงได้บอกไงว่ามันไม่มีวันเกิดขึ้นแน่นอน เขารู้ดีว่าระหว่างอู๋อี้ฟานกับเซฮุนไม่ใช่ผูกพันเหมือนดั่งพี่น้องอีกต่อไปแล้ว พวกเขารักกัน รักกันแบบคนรัก นึกมาได้ถึงตรงนี้คนที่แอบฟังอยู่ด้านนอกก็ได้แต่แค่นยิ้มขื่นให้กับตัวเอง ระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ในขณะที่เขาอยู่ในที่ห่างไกลจากคนสองคนนี้ มันช่างทรมานเหมือนตกนรก ความรู้สึกที่ไม่เคยก้าวผ่านไปถึงประตูหัวใจที่ปิดตาย ทำไมเขาจะไม่รู้ว่ามันเจ็บเจียนตายขนาดไหน ลิ้มรสชาตน้ำตา นอนจมอยู่บนความเดียวดายคนเดียวมานานแรมปี ทรมานไม่ต่างจากคนตายทั้งเป็น มีลมหายใจเพื่ออยู่รอดในแต่ละวัน แต่ทว่าไม่เคยมีความสุขกับมันอีกเลย รอยยิ้มจากหัวใจเป็นอย่างไร เขาไม่คุ้นเคยกับมันเสียแล้ว ไม่มีอีกแล้ว

                ก็แค่คนโง่งมคนหนึ่งที่เคยมีความสุขที่สุด หัวใจที่เต็มไปด้วยรักที่เคยให้ไปแตกสลายลงตั้งแต่วันนั้น วันที่ปาร์คชานยอลร้องไห้ปริ่มขาดใจ แต่ไร้การเหลียวแลจากผู้ชายคนนั้น ผู้ชายคนที่ไม่เคยเห็นปาร์คชานยอลอยู่ในสายตาอีกเลยนับแต่โอเซฮุนก้าวเข้ามา ก้าวมาแย่งทุกพื้นที่ข้างกายนั้นไปจากเขา

     

    “ พี่ครับ ฮึก ระ เรา หนีไปด้วยกันเถอะนะครับ นะครับพี่ เราหนีไปด้วยกันนะครับ ฮือ ” หนีไปด้วยกันอย่างนั้นเหรอ หึ หนีจากเขาไปอีกครั้งอย่างนั้นหรอ อู๋อี้ฟาน

     

     

    ::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::



     

    TalK :



    ขอเอาอินโทรมานำล่อง จะมีใครสนใจไหมน้าาาาา ถ้าชอบฟิคดราม่า ไม่ดาร์ค ไม่ใสเรื่องนี้ ยังไงก็ช่วยกันคอมเม้นท์บอกไรต์เตอร์หน่อยนะคะ ถ้ามีคนสนใจ ไรต์เตอร์จะรีบปั่นตอนต่อไปมาอัพให้คะ // จะรอเสียงเรียกจากคนอ่านนะคะ



    ปล. คอมเม้นท์คือยาชูกำลังชั้นดีของคนแต่ง คงไม่ยากเกินไปที่ไรต์เตอร์คนนี้จะขอจากคนอ่านที่น่ารักนะคะ ;)



     




     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×