ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ~* Vampire Twilight&Breaking Dawn* ~All อัปเดตจากหนังแวมไพร์

    ลำดับตอนที่ #53 : Midnight Sun; Chapter 2: Open Book (1/2) [[credit by hs3puk ณ www.bloggang.com]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 744
      1
      24 พ.ย. 52

    ผมเอนตัวพิงกองหิมะ ที่ถูกอัดกันเป็นรูปตามน้ำหนักตัวผม ผิวของผมเย็นลงเข้ากับอากาศรอบตัว สัมผัสของเกล็ดหิมะเล็กๆที่ผิวเหมือนกับผ้ากำมะหยี่

    ท้องฟ้าปลอดโปร่ง ดวงดาวระยิบระยับ บางดวงส่องแสงสีออกฟ้า บางดวงออกสีเหลือง ดาวแต่ละดวงฉายแสงตัดกับท้องฟ้ามืดมิดอย่างน่าประทับใจ

    งามอย่างวิจิตร หรือเคยงามอย่างนั้น คงต้องงามอย่างนั้นแหละ หากผมสามารถมองมันได้ชัดๆจริงๆ

    ไม่ได้ดีขึ้นเลยครับ ผ่านไป 6 วันแล้ว 6 วันที่ผมซ่อนอยู่ที่นี่ ป่าที่เดนาไล ผมไม่ได้เข้าใกล้คำว่าอิสระภาพมากกว่าตอนที่ได้กลิ่นเธอครั้งแรกเลย

    พอผมมองขึ้นไปบนท้องฟ้า เหมือนมันมีอะไรขวางอยู่ระหว่างตาของผมกับความงามของท้องฟ้า สิ่งที่ขวางอยู่คือใบหน้า หน้าตามนุษย์ที่ไม่ได้มีอะไรพิเศษ แต่ดูผมจะไล่มันออกไปจากความคิดของผมไม่ได้เลย

    ผมได้ยินความคิดหนึ่งใกล้เข้ามาก่อนที่ผมจะได้ยินเสียงเท้าของเจ้าของความคิด เสียงการเคลื่อนไหวของผู้มาเยือนเบาเหมือนเสียงกระซิบบนพื้นหิมะ
    ผมไม่แปลกใจที่ทันย่าตามผมมาที่นี่ ผมรู้ว่าเธอเฝ้าคิด ว่าจะคุยกับผมมายังไงมาตลอดสองสามวันนี้ เธอรอจนกระทั่งรู้ว่าเธออยากพูดอะไรกับผมแน่

    ผมมองเห็นเธออยู่ห่างออกไปราวหกสิบหลา เธอกระโดดขึ้นไปยืนบนยอดของหินสีดำด้วยเท้าเปล่า สีผิวของทันย่าเป็นสีเงินใต้แสงดาว ผมสีบลอนด์หยักยาวของเธอมองเห็นเป็นสีออกชมพูซีดๆ ตาสีอำพันของเธอเป็นประกายเมื่อเธอมองเห็นผมถูกฝังครึ่งตัวใต้หิมะ ก่อนปากของเธอขยับเป็นรอยยิ้ม

    ช่างสวยงามอย่างวิจิตร หากผมสามารถมองได้ชัดๆจริงๆ .... ผมถอนหายใจ
    เธอย่อตัวลง ปลายนิ้วมือแตะที่หิน เธอม้วนตัวเข้า

    'ลูกปืนใหญ่' เธอคิด

    เธอกระโดดตัวลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า ผมมองเห็นร่างของเธอเป็นเงามืดๆ เธอหมุนตัวอย่างสง่างามบนอากาศ คั่นระหว่างผมกับดวงดาว ก่อนจะม้วนตัวแล้ว

    พุ่งเข้าชนกองหิมะใกล้ๆผม
    พายุหิมะกระจายท่วมผมจนมิด แสงดาวดับวูบขณะที่ผมถูกหิมะกลบ
    ผมถอนหายใจอีกครั้ง แต่ก็ไม่ได้พยายามขยับตัวให้หลุดออกจากหิมะ ความมืดใต้หิมะนี้ไม่ได้ทำให้วิวดีขึ้นหรือแย่ลง เพราะผมยังมองเห็นใบหน้าเดิม
    "เอ็ดเวิร์ด?"
    หิมะกระจายอีกครั้ง คราวนี้ทันย่าขุดหาตัวผม เธอปัดเศษหิมะออกจากหน้าที่ไม่ไหวติง โดยไม่มองตาผม
    "ขอโทษ" เธอพึมพำ "ฉันล้อเล่น"
    "ฉันรู้ มันก็ตลกดี"
    เธอเม้มปาก
    "ไอริน่ากับเคตบอกว่าฉันไม่ควรมากวนเธอ พวกนั้นคิดว่าฉันจะทำให้เธอรำคาญ"
    "ไม่ใช่ยังงั้นหรอก" ผมบอกเธอ "ในทางกลับกัน ฉันต่างหากที่ทำตัวหยาบคาย น่ารังเกียจมาก ต้องขอโทษด้วยจริงๆ"
    'เธอกำลังจะกลับบ้าน ใช่ไหม' เธอคิด
    "ฉันยังไม่ได้ตัดสินใจเลย"
    'แต่เธอก็ไม่ได้คิดจะอยู่ที่นี่' เธอคิดด้วยน้ำเสียงละห้อย เศร้า
    "ใช่ ดูเหมือน มันจะไม่ได้ช่วยซักเท่าไหร่"
    เธอทำหน้าเศร้า "เป็นเพราะฉันใช่ไหม?"
    "ไม่อยู่แล้ว" ผมโกหกหน้าตาย
    'อย่าพยายามเป็นสุภาพบุรุษหน่อยเลย'
    ผมยิ้ม
    'ฉันทำให้เธออึดอัด' เธอคิด
    "ไม่ใช่หรอก"
    เธอเลิกคิ้ว สีหน้าของเธอบอกว่าไม่เชื่อผมอย่างแรง จนผมต้องหัวเราะ หัวเราะสั้นๆ ก่อนจะถอนหายใจ
    "ก็ได้" ผมยอมรับ "นิดนึง"
    เธอถอนหายใจ ก่อนใช้มือเท้าคาง ในความคิด..เธอกำลังผิดหวัง
    "เธอน่ารักกว่าพวกดาวเป็นพันเท่า ทันย่า แน่ล่ะเธอรู้ตัวอยู่แล้ว อย่าปล่อยให้ความไม่เอาไหนของฉันทำลายความมั่นใจของเธอเลยนะ" ผมหัวเราะกับความที่มันเป็นไปไม่ได้
    "ฉันไม่คุ้นกับการถูกปฏิเสธ" เธอครวญ ริมฝีปากล่างของเธอยื่นออกมาทำท่าบุ้ยปากอย่างน่าดู
    "แหงอยู่แล้ว" ผมเห็นด้วย พยายามบล้อคภาพเป็นพันๆในความคิดของเธอ หนุ่มๆที่เธอเอาชนะมา ส่วนใหญ่แล้วทันย่าจะชอบผู้ชายที่เป็นมนุษย์ อย่างหนึ่งเพราะพวกเขามีจำนวนมาก และอีกอย่างคือพวกเขาตัวนุ่มและอบอุ่น และก็แน่นอนว่าพวกเขากระตือรือร้นมากกว่า
    "แม่ปีศาจไฟแรง" ผมล้อ หวังว่ามันจะไปขัดจังหวะความคิดเธอได้
    [hs3puk: เอ็ดเวิร์ดใช้คำว่า succubus แปลตามดิกบอกว่า ปีศาจผู้หญิงที่หลับนอนกับผู้ชายที่กำลังหลับ ..เงอ....]
    เธอยิ้ม "แบบดั้งเดิมเลย"

    พวกทันย่าต่างจากคาร์ไลส์ตรงที่พวกเธอค่อยๆค้นพบว่าพวกเธอต้องการชีวิตแบบไหน สุดท้ายก็เป็นเพราะความรักต่อพวกมนุษย์ที่ทำให้พวกเธอต่อต้านการฆ่าพวกเขา
    "พออยู่ๆเธอก็โผล่มาที่นี่" ทันย่าพูดช้าๆ "ฉันคิดว่า..."
    ผมรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไร และผมก็น่าจะเดาออกตั้งแต่แรกว่ามันจะทำให้เธอคิดยังงั้น แต่ตอนนั้นผมไม่ได้อยู่ในสภาพที่จะคิดอะไรได้อย่างมีตรรกะ
    "เธอคิดว่าฉันเปลี่ยนใจ"
    "ใช่" เธอดุ
    "ฉันรู้สึกแย่จริงๆทันย่าที่เหมือนมาล้อเล่นกับความหวังของเธอ แต่ไม่ได้ตั้งใจนะ-- ฉันไม่ทันคิด ฉัน ก็แค่...รีบร้อนออกมา..."
    "พอจะบอกได้ไหมว่าเพราะอะไร...?"
    ผมนั่งตัวตรง กอดเข่า "ฉันไม่อยากพูดถึงมัน"

    ทันย่า ไอริน่าและเคตทำได้ดีมากกับวิถีชีวิตที่พวกเธอเลือกนี้ ดีกว่าแม้แต่กับคาร์ไลส์ในบางแง่ ไม่ว่าพวกเธอจะต้องเข้าใกล้พวกมนุษย์ที่เป็นเหยื่อแค่ไหน พวกเธอจะไม่มีทางทำมันพัง ผมรู้สึกขายหน้าที่จะยอมรับว่าตัวเองอ่อนแอต่อหน้าทันย่า
    "เรื่องผู้หญิงเหรอ?" เธอเดา โดยไม่สนใจว่าผมไม่อยากพูดถึง
    ผมหัวเราะเศร้าๆ "ไม่ใช่อย่างที่เธอคิดหรอก"
    เธอเงียบไป ผมพยายามฟังว่าเธอเดายังไงบ้าง เธอกำลังพยายามตีความจากคำตอบของผม
    "เธอไม่ได้เข้าใกล้มันเลย ทันย่า" ผมบอก
    "ใบ้หน่อยสิ?" เธอถาม
    "อย่าสนใจมันเลย"

    เธอเงียบไปอีกครั้ง แต่ยังคงสงสัยอยู่ คราวนี้ผมไม่สนใจแล้ว ผมพยายามหันไปสนใจความงามบนท้องฟ้า
    เธอยอมแพ้ หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ความคิดของเธอเปลี่ยนไปทางอื่น
    'เธอจะไปไหน เอ็ดเวิร์ด ถ้าจะไปจากที่นี่? กลับไปหาคาร์ไลส์หรือเปล่า?'
    "ฉันว่าจะไม่นะ" ผมกระซิบ
    แล้วผมจะไปไหน? ผมคิดไม่ออกว่าจะมีที่ไหนอีกที่มีอะไรให้ผมสนใจ ไม่มีอะไรที่ผมอยากเห็นหรืออยากทำ เพราะไม่ว่าผมจะอยู่ที่ไหน ผมก็ไม่ได้ไปไหนเลย
    ผมเพียงแค่..หนีจากมัน
    ผมไม่ชอบเลย ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่ผมเป็นคนขี้ขลาดแบบนี้?

    ทันย่าโอบไหล่ผม ผมตัวแข็ง แต่ก็ไม่ได้ขยับออกจากเธอ เธอแค่ทำอย่างเพื่อนเท่านั้น ส่วนใหญ่น่ะนะ
    "ฉันว่าเธอจะกลับไป" เธอพูด น้ำเสียงมีสำเนียงรัสเซียที่เริ่มหายไปปนอยู่ "ไม่ว่ามันจะเป็นอะไร... หรือใคร...ที่กำลังหลอกหลอนเธออยู่ เธอจะชนกับมันซึ่งๆหน้า เป็นแบบที่เธอเป็น"

    ความคิดเธอมั่นคงเหมือนคำพูด ผมพยายามอ้าแขนรับตัวผมในแบบที่อยู่ในความคิดของเธอ คนที่เผชิญหน้ากับทุกอย่าง ผมดีใจที่ผมคิดถึงตัวเองแบบนั้นได้อีกครั้ง ผมไม่เคยสงสัยความกล้าหาญของตัวเองหรือความสามารถในการชนกับทุกปัญหา ก่อนจะเจอชั่วโมงวิกฤตในห้องเรียนวิชาชีวะเมื่อไม่นานนี้
    ผมจูบเธอที่แก้ม แล้วก็รีบดึงตัวเองออกมาเมื่อรู้ว่าเธอกำลังหันหน้ามาทางผม เธอยิ้มละห้อยในความรีบร้อนของผม
    "ขอบใจนะทันย่า ฉันอยากได้ยินอะไรแบบนี้แหละ"
    ความคิดเธอเปลี่ยนเป็นงอน "ก็ต้อง ด้วยความยินดี ใช่ไหม ฉันหวังว่าเธอคงจะคิดหน้าคิดหลังเกี่ยวกับเรื่องต่างๆให้มากกว่านี้นะ เอ็ดเวิร์ด"
    "ขอโทษด้วย ทันย่า เธอดีเกินไปสำหรับฉันรู้ไหม ฉันก็แค่ .. ยังไม่เจอสิ่งที่ฉันมองหาอยู่"
    "ถ้าเธอจะไปเลยล่ะก็ .. ล่าก่อนแล้วกันนะ เอ็ดเวิร์ด"
    "ลาก่อนทันย่า" พอผมพูดจบ ผมก็เห็นชัด เห็นว่าตัวเองกำลังจะไป ผมแข็งแกร่งพอจะกลับไปสถานที่เดียวที่ผมอยากอยู่ "ขอบใจอีกทีนะ"

    เธอลุกขึ้น แล้ววิ่งออกไปอย่างรวดเร็วบนพื้นหิมะ เร็วจนไม่มีรอยเท้าบนหิมะเลย เธอไม่มองกลับหลัง ที่โดนผมปฏิเสธมันทำร้ายเธอมากกว่าที่เธอบอกตัวเอง แม้แต่ในความคิดของเธอเอง เธอไม่อยากเจอผมอีกก่อนที่ผมจะไป

    ผมรู้สึกเศร้า ผมไม่อยากทำร้ายทันย่า แม้เธอจะยังไม่ได้คิดกับผมมากแต่ก็บริสุทธิ์ใจ และไม่ว่าจะอย่างไรผมคงไม่มีทางตอบสนองความรู้สึกแบบเดียวกันกับเธอได้ มันทำให้ผมไม่เป็นสุภาพบุรุษเลย

    ผมนั่งเท้าคางบนเข่า แล้วมองท้องฟ้าอีกครั้ง เริ่มกลัวทางเดินที่ผมเลือกขึ้นมา ผมรู้ว่าอลิสคงเห็นแล้วว่าผมกำลังจะกลับ และเธอคงจะบอกคนอื่นๆต่อ พวกเขาคงจะมีความสุข โดยเฉพาะคาร์ไลส์กับเอสเม่ ผมมองดาวอีกครั้ง พยายามมองให้ผ่านหน้าที่อยู่ในหัวผม ที่กำลังขวางระหว่างตาของผมกับพวกดาวคือตาสีน้ำตาลช้อคโกแลตคู่หนึ่งที่กำลังจ้องผมอยู่ ตาคู่นั้นเหมือนกำลังถามว่าที่ผมตัดสินใจทำวันนี้จะมีผลกับเธออย่างไรบ้าง แน่ล่ะผมไม่มีทางแน่ใจหรอกว่า นั่นน่ะจะเป็นคำถามที่เธออยากรู้คำตอบจริงหรือเปล่า ถึงจะอยู่ในหัวผมแบบนี้ผมก็ยังอ่านเธอไม่ออก ตาของเบลล่า สวอนยังคงตั้งคำถามต่อไป ภาพของดวงดาวที่ไร้สิ่งบดบังยังคงไม่ยอมปรากฎให้เห็น ผมถอนหายใจแรงๆ และลุกขึ้นยืน ถ้าผมวิ่ง อีกไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงผมคงจะไปถึงรถของคาร์ไลส์แน่
    ด้วยความที่อยากเจอครอบครัว -- และอยากกลับไปเป็นเอ็ดเวิร์ดคนที่สู้ทุกปัญหา ผมวิ่งผ่านทุ่งหิมะใต้แสดาว โดยไม่ทิ้งรอยใดๆ

    "ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย" อลิสกระซิบ เธอตาลอยไม่โฟกัส แจสเปอร์พยุงเดินนำเธอไปโรงอาหาร พวกเราเกาะกลุ่มเดินกันใกล้ๆ เอ็มเม็ตต์กับโรสซาลี่นำหน้า เอ็มเม็ตต์ทำท่าทางตลกเหมือนเป็นบอดี้การ์ดที่อยู่ท่ามกลางผู้ก่อการร้าย โรสดูระแวดระวังเหมือนกัน แต่ดูฉุนๆมากกว่าจะปกป้อง
    "แน่นอนอยู่แล้ว" ผมตอบ พฤติกรรมของพวกเขาช่างไร้สาระ ถ้าผมไม่มั่นใจว่าเอาอยู่ ผมก็คงนอนอยู่บ้านไปแล้ว

    การเปลี่ยนแปลงปุปปับจากวันที่ปกติธรรมดา หรืออาจจะกว่าสนุกกว่าทุกวัน (เมื่อคืนนี้หิมะตก ทั้งเอ็มเม็ตต์กับแจสเปอร์ถือโอกาสถล่มผมด้วยหิมะ พอพวกเขาเซ็งที่ผมไม่โต้ตอบ พวกเขาก็หันไปซัดกันเอง) เป็นท่าทางระมัดระวังภัยกันแบบนี้ ก็คงจะดูขำๆถ้ามันไม่น่าโมโหแบบนี้

    "เธอยังไม่มา แต่เดี๋ยวพอเธอมา ... เธอจะไม่อยู่ใต้ลมถ้าพวกเรายังนั่งกันที่เดิม"
    "พวกเราจะนั่งที่เดิม พอได้แล้วอลิส ฉันเริ่มรำคาญแล้วนะ ฉันไม่เป็นไรหรอกน่า"
    เธอกระพริบตาหนึ่งครั้งขณะที่แจสเปอร์นั่งเธอลงที่เก้าอี้ ก่อนที่ตาของเธอจะโฟกัสที่หน้าผม
    "อืม" เธอพูด ด้วยน้ำเสียงแปลกใจ "ฉันว่าเธอพูดถูก"
    "นั่นน่ะมันแน่อยู่แล้ว" ผมตอบ
    ผมไม่ชอบเป็นเป้าให้พวกเขามาคอยห่วง ผมรู้สึกเห็นใจแจสเปอร์ขึ้นมาทันที จำได้ว่าพวกเราเป็นห่วงแล้วก็ปกป้องเขาแค่ไหน แจสเปอร์สบตาผมนิดนึงแล้วยิ้มให้
    'รำคาญใช่ไหมล่ะ?'
    ผมทำหน้าเศร้าใส่เขา

    ก็สัปดาห์ที่แล้วไม่ใช่เหรอที่ผมคิดว่าห้องนี้ช่างไม่มีชีวิตชีวาเอาเสียเลย เวลาอยู่ที่นี่แล้วรู้สึกเหมือนกำลังหลับ เหมือนกำลังโคม่า?
    แต่วันนี้ประสาทผมตึงเปรี๊ยะ เหมือนสายเปียโนที่พร้อมระเบิดเสียงเพียงแค่ถูกตีเบาๆ ประสาทสัมผัสของผมตื่นตัวสุดๆ ผมสำรวจทุกเสียง ทุกภาพ ทุกการเคลื่อนไหวของอากาศที่ผมสัมผัส ทุกความคิด สิ่งเดียวที่ผมไม่ใช้วันนี้คือกลิ่น แน่นอนครับวันนี้ผมไม่หายใจ

    ผมคิดว่าจะได้ยินใครต่อใครพูดถึงแต่คัลเลน ผมรอมาทั้งวัน ค้นหาความคิดของทุกคนที่เบลล่า สวอนน่าจะคุยด้วย พยายามจับแนวข่าวลือใหม่ๆที่ควรจะเกิดขึ้น แต่ไม่มีเลยซักนิด ไม่มีใครสนใจแวมไพร์ห้าคนในโรงอาหาร เหมือนเมื่อก่อนที่เด็กใหม่จะเข้ามาไม่มีผิด มีอยู่สี่ห้าคนที่ยังคิดถึงเธอคนนั้นอยู่ แต่ก็ความคิดเดิมๆเหมือนเมื่ออาทิตย์ก่อน แทนที่ผมจะเห็นว่าที่ไม่มีเรื่องใหม่ๆนี้น่าเบื่อ ผมกลับเริ่มทึ่ง

    นี่เธอไม่ได้เล่าเรื่องผมให้ใครฟังเลยเหรอ?

    ไม่มีทางเป็นไปได้ที่เธอจะไม่เห็นตาสีดำที่จ้องแบบจะฆ่าให้ตายของผม ผมยังเห็นเธอมีปฏิกริยาตอบเลย แน่นอนอยู่แล้วว่าเธอต้องกลัวผมแน่ๆ ผมเชื่อเลยว่าเธอต้องเล่าให้คนฟังแน่ เผลอๆอาจจะแต่งเรื่องเพิ่มให้มันดูน่าสนใจยิ่งขึ้น อาจจะเพิ่มบทพูดร้ายๆให้ผมด้วยซ้ำไป
    แล้วเธอก็ยังได้ยินผมขอหยุดเรียนชีวะอีก เธอต้องสงสัยสิว่าเพราะเธอเป็นต้นเหตุหรือเปล่า เด็กผู้หญิงทั่วๆไปต้องเอาไปเล่าให้คนอื่นฟัง ดูว่าคนอื่นๆคิดยังไง แล้วเอามาเทียบกับความคิดตัวเอง หาส่วนที่เหมือนกันเอามาอธิบายพฤติกรรมของผม เพื่อจะได้ไม่รู้สึกโดดเดี่ยว พวกมนุษย์โหยหาความรู้สึกปกติ รู้สึกเข้ากลุ่มได้ หลอมเข้ากลับคนอื่นๆในสังคมเหมือนฝูงแกะที่แยกแยะเป็นตัวๆไม่ออก ความต้องการแบบนี้จะยิ่งชัดขึ้นในช่วงเป็นวัยรุ่น เด็กคนนี้ก็ต้องไม่มีข้อยกเว้นอยู่แล้ว
    แต่ไม่มีใครซักคนที่สนใจว่าพวกเรานั่งอยู่ที่นี่ ที่เดิมๆของพวกเรา เบลล่าคงจะขี้อายสุดๆ ถ้าเธอไม่ได้เล่าเรื่องผมให้ใครฟัง ไม่แน่นะ เธออาจจะเล่าให้พ่อฟัง เขาอาจจะเป็นคนที่เธอสนิทที่สุด... แต่ก็ไม่น่าจะใช่เท่าไหร่ เพราะว่าเธอไม่ได้อยู่กับเขามาก่อน เธอคงจะสนิทกับแม่มากกว่า แต่ก็เถอะ ผมอาจจะต้องหาเวลาแวะไปแถวบ้านหัวหน้าตำรวจเพื่อฟังดูว่าเขาคิดอย่างไรบ้างแล้วล่ะ
    "มีอะไรใหม่ๆไหม?" แจสเปอร์ถาม
    "ไม่มี เธอ...คงไม่ได้เล่าอะไร"
    พวกเขาทั้งหมดเลิกคิ้วด้วยความงง
    "นายอาจจะไม่ได้น่ากลัวเท่าที่นายคิดซะล่ะมั้ง" เอ็มเม็ตต์พูด "พนันว่าฉันทำให้เธอกลัวได้กว่านั้นแน่"
    ผมกรอกตาใส่เขา
    "น่าสงสัยจริง...?" เขาสงสัยเรื่องที่ผมเล่าว่าผมอ่านเธอไม่ได้
    "เราคุยกันเรื่องนี้แล้วนะ ฉันเองก็ไม่รู้"
    "เธอมาแล้ว" อลิสพึมพำ ผมรู้สึกว่านั่งตัวเกร็ง "พยายามให้ดูเป็นคนเข้าไว้"
    "เธอว่าเป็นคนนะ?" เอ็มเม็ตต์ถาม

    เขายกกำปั้นขวาขึ้นบิดนิ้วเล็กน้อยเผยให้เห็นหิมะที่เขากำไว้ แน่ล่ะมันไม่ละลายในมือเขาอยู่แล้ว เขาบี้มันให้มันเป็นก้อน ตาจ้องเป๋งที่แจสเป้อร์ แต่ผมเห็นว่าจริงๆแล้วเขาคิดจะเล็งไปไหน อลิสเองก็เห็น พอเขาเริ่มขว้างหิมะมาทางเธอ อลิสก็ดีดมันไปอีกทาง ก้อนหิมะลอยข้ามห้องไปตามทางยาวของโรงอาหาร เร็วจนตาคนมองไม่ทัน ก่อนหิมะจะแตกเพราะชนเข้ากับผนัง ผนังเองก็ร้าวไปเหมือนกัน
    ทุกหัวในห้องนั้นหันไปจ้องกองหิมะที่พื้น แล้วก็มองหาคนทำ พวกเขามองไม่ไกลกว่าสองสามโต๊ะจากพวกเขา ไม่มีใครหันมาทางพวกเรา
    "ดูเป็นคนมาก เอ็มเม็ตต์" โรสกัด "ทำไมไม่ชกกำแพงซะเลยล่ะ?"
    "คงจะออกมาน่าดูชมกว่า ถ้าเธอเป็นคนทำ ที่รัก"

    ผมพยายามจดจ่อที่พวกเขา คงหน้ายิ้มไว้เหมือนผมสนใจที่พวกเขากำลังล้อกันอยู่ ผมต้องไม่มองไปทางแถวที่ผมรู้ว่าเธอกำลังยืนอยู่ แต่ผมกำลังฟัง
    ผมได้ยินความคิดเจสสิก้า เธอกำลังทนเด็กใหม่ไม่ได้ที่เธอกำลังยืนทื่อไม่ยอมขยับตามแถว ผมเห็นในความคิดของเจสสิก้าว่าเบลล่า สวอนกำลังหน้าแดง
    ผมสูดหายใจเข้าตื้นๆ ตั้งใจจะหยุดทันที่ที่ได้กลิ่นเธอ

    ไมค์ นิวตั้นอยู่กับสองสาว ผมได้ยินทั้งสองอย่างจากเขา ความคิดและคำพูด ตอนที่เขาถามเจสสิก้าว่าเด็กเบลล่าเป็นอะไร ผมไม่ชอบความคิดเขาที่มีเกี่ยวกับเธอ จินตนาการของเขาบินว่อนขณะเขามองเธอเงยตื่นจากภวังค์เหมือนเธอลืมไปแล้วว่าเขาอยู่ตรงนั้นด้วย
    "ไม่มีอะไรหรอก" ผมได้ยินเสียงเบาๆแต่ชัดของเบลล่า ชัดใสเหมือนเสียงระฆังท่ามกลางเสียงเซ็งแซ่ในห้องนี้ แต่ผมรู้แหละว่าทำไม มันก็แค่เพราะว่าผมกำลังตั้งใจฟังเธออย่างจดจ่อ
    "วันนี้ฉันขอแค่น้ำอัดลมก็พอ" เธอพูดต่อขณะขยับไปตามแถว
    ช่วยไม่ได้ ผมหันไปมองเธอแว่บนึง เธอกำลังก้มมองที่พื้น เลือดฝาดบนหน้าของเธอเริ่มจาง ผมหันหน้าไปทางเอ็มเม็ตต์ที่กำลังหัวเราะ
    'นายดูไม่ดีเลยไอ้น้อง'
    ผมขยับเปลี่ยนท่า ให้สีหน้าท่าทางดูสบายๆ

    เจสสิก้าสงสัยว่าทำไมเด็กใหม่ไม่หิว "ไม่หิวเหรอ?"
    "ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบาย" เธอพูดเสียงต่ำ แต่ก็ยังชัดอยู่

    ทำไมนั่นถึงได้รบกวนผม เพราะความรู้สึกอยากปกป้องเธอที่ฟุ้งออกมาจากความคิดของไมค์ นิวตั้นหรือ? จะเป็นไรไปถ้าเขาคิดถึงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของบ้าง? ไม่ใช่เรื่องของผมซักหน่อยถ้าไมค์ นิวตั้นจะรู้สึกห่วงเธอเกินจำเป็นไปหน่อย บางทีทุกคนอาจจะตอบสนองเธอแบบนี้แหละ ผมเองก็ยังอยากปกป้องเธอเลยนี่นา ก่อนอยากจะฆ่าเธอ...

    ว่าแต่เธอไม่สบายเหรอ?
    ดูไม่ออกแฮะ -- เธอดูบอบบางเพราะผิวบางๆนั่น... จากนั้นผมก็รู้ตัวว่าตัวเองกำลังกังวลเหมือนกัน เหมือนเด็กผู้ชายฉลาดน้อยคนนั้นเลย ผมเลยพยายามบังคับตัวเองไม่ให้คิดถึงสุขภาพเธออีก

    เพราะผมไม่อยากเฝ้าเธอผ่านทางความคิดของไมค์ นิวตั้น ผมเลยหันมาฟังความคิดเจสสิก้าแทน ผมตามติดว่าพวกเขาทั้งสามคนจะเลือกนั่งตรงไหน โชคดีที่พวกเขานั่งกับเพื่อนๆของเจสสิก้าที่โต๊ะแรกๆ ไม่ใช่ตำแหน่งใต้ลมอย่างที่อลิสบอกไว้
    อลิสถองผมเบาๆ 'เธอกำลังจะมองมา ทำท่าคนเข้าไว้'
    ผมกัดฟันภายใต้หน้ายิ้ม
    "สบายๆเอ็ดเวิร์ด" เอ็มเม็ตต์บอก "แต่ก็นะ ฆ่าไปคนนึง ใช่ว่าโลกจะจบสิ้นซะหน่อย"
    "นายรู้ดี" ผมพึมพำ
    เอ็มเม็ตต์หัวเราะ "นายต้องฝึกปล่อยวาง เหมือนฉัน ชีวิตอมตะมันยาวนานเกินกว่าจะมาว่ายวนอยู่กับความสำนึกผิด"
    จังหวะนั้น อลิสขว้างหิมะในมือใส่หน้าเอ็มเม็ตต์ที่ยังไม่ทันตั้งตัว
    เขากระพริบตา แปลกใจ แล้วก็ฉีกยิ้มเหมือนรออยู่แล้ว
    "เธอเริ่มเองนะ" เขาพูดพร้อมกับยื่นหน้าไปทางอลิสแล้วก็สะบัดผมเปื้อนหิมะใส่เธอ หิมะที่กำลังละลายเพราะอุณหภูมิห้องปลิวจากเส้นผมเขา
    "อี๊!" โรสบ่น ขณะที่เธอกับอลิสพยายามหลบ

    อลิสหัวเราะและพวกเราก็เริ่มหัวเราะ ผมเห็นในหัวของอลิสว่าเธอวางแผนยังไง และผมก็รู้ว่าเบลล่าคนนั้นจะต้องหันมามองพวกเราที่กำลังหัวเราะ สนุก ดูมีความสุขและเป็นดูคนธรรมดา
    อลิสยังหัวเราะต่อไปพร้อมกับยกถามขึ้นมากัน เด็กคนนั้น เบลล่าคงยังมองอยู่
    '...มองพวกคัลเลนอีกแล้ว' ใครคนนึงกำลังคิด ทำให้ผมสนใจ

    ผมหันไปทางต้นเสียงโดยอัตโนมัติ ตาผมหันไปเจอเป้าหมายเจ้าของเสียงที่ผมตามฟังมาทั้งวัน แต่ตาผมมองผ่านเจสสิก้าไปจ้องที่ตาของเด็กผู้หญิงที่กำลังจ้องผม
    เธอก้มหน้าทันที ไปหลบอยู่ใต้ม่านผมหนาอีกแล้ว
    เธอกำลังคิดอะไรอยู่นะ? ความอยากรู้เริ่มเข้มขึ้นเรื่อยๆเมื่อเวลาผ่านไป ผมเลยพยายาม ทั้งที่ไม่แน่ใจว่ามันจะเวิร์คไหม เพราะผมก็ไม่เคยทำมาก่อน ผมเพ่งตรวจดูความเงียบรอบๆตัวเธอ หูพิเศษจะทำงานโดยอัตโมัติโดยที่ผมไม่ต้องทำอะไร แต่ตอนนี้ผมกำลังโฟกัส พยายามฟังสิ่งที่เธอกันผมไว้

    ไม่มีอะไรนอกจากความเงียบ

    'เป็นไรของเธอนะ?' เสียงเจสสิก้าคิดสะท้อนในหัวผม
    "เอ็ดเวิร์ด คัลเลน กำลังจ้องเธอ" เธอกระซิบข้างๆหูของเบลล่า สวอน พร้อมกับหัวเราะคิกคัก น้ำเสียงเธอไม่ได้อิจฉาแต่อย่างใด ดูเหมือนเธอจะจัดการกับมิตรภาพจอมปลอมของเธอได้เป็นอย่างดี

    ผมฟังต่อ เกร็ง อยากรู้ว่าเธอจะตอบอย่างไร
    "เขาไม่ได้กำลังโกรธอยู่ใช่ไหม?" เธอกระซิบตอบ

    เธอสังเกตเห็นปฏิกริยาของผมในสัปดาห์ก่อนจริงๆครับ

    คำถามนั้นทำให้เจสสิก้างง ผมเห็นหน้าตัวเองในความคิดของเธอขณะที่เธอกำลังเช็คว่าผมคิดยังไง แต่ผมไม่ได้สบตาเธอ ผมยังมองที่เธอคนนั้นอยู่ พยายามฟังให้ออก ที่ผมเพ่งอย่างจดจ่อไม่ได้ช่วยอะไรเลย
    "ไม่หนิ" เจสตอบเธอ และผมรู้ว่าเธอคิดอยากจะบอกว่า ใช่สิ ที่ผมกำลังจ้องเธอทำให้เจสสิก้าคับแค้น แต่พอเธอพูดออกมาความรู้สึกเหล่านั้นก็ไม่มีอยู่ "เขาควรจะโกรธเหรอ?"
    "ฉันคิดว่าเขาคงไม่ชอบหน้าฉัน" เด็กคนนั้นตอบ เธอล้มตัวลงนอนหนุนแขนตัวเองเหมือนกับอยู่ๆก็หมดแรงซะงั้น
    ผมพยายามทำความเข้าใจการเคลื่อนไหวของเธอ แต่ผมก็ได้แค่เดา บางทีเธออาจจะเหนื่อย
    "พวกคัลเลนไม่เคยชอบใครหรอก" เจสสิก้าเสริม "พวกเขาไม่ได้สังเกตรอบข้างมากพอให้ชอบใครได้" 'พวกเขาไม่เคยทำ' เธอคิดด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ "แต่เขายังจ้องเธออยู่นะ"
    "เลิกมองเขาได้แล้ว" เธอคนนั้นบอก พร้อมกับลุกขึ้นมาเพื่อให้เจสสิก้าเชื่อ
    เจสสิก้าหัวเราะ แต่ก็ทำตามที่เธอขอ

    จากนั้นเธอคนนั้นก็ไม่มองไปที่อื่นนอกจากโต๊ะของตัวเองเลยตลอดทั้งชั่วโมง ผมคิด ครับไม่ได้แน่ใจหรอก ว่าเธอตั้งใจ ดูเหมือนเธออยากมองผม ร่างกายเธอเหมือนโยกมาทางผมเล็กน้อย คางเหมือนจะเริ่มหันมา แต่สุดท้ายเธอก็ควบคุมมันได้ เธอสูดหายใจแล้วก็มองคนที่กำลังพูดในโต๊ะของเธอผมเลิกสนใจความคิดของคนอื่นๆรอบๆเธอ เพราะส่วนใหญ่แล้วพวกเขาก็ไม่ได้คิดถึงเธอ ไมค์ นิวตั้นกำลังวางแผนเล่นปาหิมะที่ลานจอดรถหลังเลิกเรียน โดยไม่รู้ว่าตอนนี้หิมะเปลี่ยนเป็นฝนไปแล้ว เกล็ดหิมะนุ่มๆบนหลังคากลายเป็นหยดน้ำ เขาไม่ได้ยินเสียงหรือไง มันชัดออกสำหรับผม

    พอหมดเวลาพักเที่ยง ผมยังนั่งต่อไป พวกมนุษย์เริ่มเดินออก ผมจับได้ว่าตัวเองกำลังพยายามแยกแยะเสียงฝีเท้าของเธอจากของคนอื่นๆ ยังกับมันเป็น
    เรื่องสำคัญหรือของแปลกซะยังงั้น ผมนี่ปัญญาอ่อนจริงๆ

    ครอบครัวผมก็ไม่ยอมขยับเช่นกัน พวกเขาคอยดูอยู่ว่าผมจะทำอะไร
    ผมควรจะไปเรียน นั่งข้างเธอที่กลิ่นจะมีพลังอย่างรุนแรงและรู้สึกถึงความอบอุ่นจากกระแสเลือดของเธอในอากาศไหม? ผมแข็งแกร่งถึงขนาดนั้นไหม? หรือว่าผมใช้ไปหมดแล้วในวันนี้?
    "ฉัน...คิดว่าไม่เป็นไรนะ" อลิสพูดด้วยความลังเล "เธอตัดสินใจแล้ว ฉันคิดว่าเธอจะผ่านชั่วโมงนั้นได้"
    แต่อลิสรู้ว่าผมเปลี่ยนใจได้ไวแค่ไหน
    "ทำไมต้องบังคับตัวเอง เอ็ดเวิร์ด?" แจสเปอร์ถาม เขาพยายามไม่แสดงออกว่าภูมิใจในตัวเองเพราะผมเป็นคนที่อ่อนแอกว่าในตอนนี้ แต่ผมได้ยินประมาณว่า "กลับบ้าน แล้วก็ค่อยๆเป็นค่อยๆไป"
    "มันเรื่องใหญ่ยังไง?" เอ็มเม็ตต์ไม่เห็นด้วย "เขาก็แค่ฆ่าหรือไม่ฆ่าเธอ ทำให้มันจบๆไป ซักทางแหละ"
    "ฉันยังไม่อยากย้ายที่อยู่" โรสซาลี่พูด "ฉันไม่อยากเริ่มใหม่อีก เรากำลังจะเรียนจบแล้ว เอ็มเม็ตต์ จบซะที"

    ผมกำลังชั่งน้ำหนัก ผมอยาก อยากสู้กับสิ่งนี้ซึ่งๆหน้า ไม่ต้องวิ่งหนีอีก แต่ผมก็ไม่อยากบังคับตัวเองเกินไปเหมือนกัน ผมไม่อยากทำลายครอบครัวถึงพวกเขาจะไม่คิดกับผมยังงั้น แต่ผมอยากเข้าเรียนชีวะ ผมรู้ว่าผมอยากเห็นหน้าเธออีกครั้ง
    นั่นแหละที่ช่วยผมตัดสินใจ ความอยากรู้ ผมโกรธตัวเองที่รู้สึกอย่างนั้น ผมไม่ได้บอกตัวเองไว้แล้วเหรอว่า จะไม่ยอมให้ความเงียบจากความคิดของเธอมาทำให้ผมรู้สึกสนใจขึ้นมา? แต่แล้วตอนนี้ ผมก็ เกิดความสนใจอยากรู้สุดๆ

    ผมอยากรู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ ความคิดเธอปิดสนิท แต่ตาเธอกลับเปิดกว้าง ผมอาจจะอ่านเธอจากตรงนั้น
    "ไม่หรอกโรส ฉันว่าเขาไม่เป็นไร" อลิสพูด "ฉัน.. มั่นใจ 99 เปอร์เซนต์ว่าจะไม่เกิดอะไรขึ้นถ้าเขาเข้าเรียน" เธอมองผมหวั่นๆ สงสัยว่าผมเปลี่ยนใจไปแล้วหรือยัง

    ความอยากรู้ของผมจะมากพอทำให้เบลล่า สวอนปลอดภัยได้ไหมนะ?

    เอ็มเม็ตต์พูดถูกอย่างหนึ่ง --ทำไมไม่ทำให้มันจบๆไป ซักทาง? ผมจะสู้กับความอยากแบบซึ่งๆหน้า
    "ไปเรียนกัน" ผมสั่งการพร้อมลุกขึ้นจากโต๊ะ ผมเลี้ยวแล้วก็เดินจากพวกเขาไปโดยไม่มองกลับหลัง ผมได้ยินอลิสกังวล แจสเปอร์ตำหนิ เอ็มเม็ตต์เห็นด้วยและโรสโมโห ไล่หลังผมมา

    ผมสูดลมหายใจเต็มปอดอยู่นอกห้องเรียน ก่อนกลั้นหายใจแล้วเดินเข้าไปในห้อง ผมยังไม่สาย มิสเตอร์แบนเนอร์ยังเตรียมอุปกรณ์แลบอยู่ เธอคนนั้นนั่งที่โต๊ะของผม.. ของเรา
    เธอก้มหน้าอยู่ ตามองที่แฟ้มที่เธอกำลังขีดๆเขียนๆอะไรอยู่ ผมเหลือบมองภาพที่เธอวาดขณะเดินเข้าใกล้ ผมสนใจกระทั่งความคิดสร้างสรรค์ที่ไม่ได้สำคัญอะไรจากความคิดของเธอ ภาพนั้นไม่มีความหมายอะไร แค่วงๆซ้อนๆกัน บางทีเธออาจจะไม่ได้สนใจว่าจะวาดอะไร แค่ขีดไปคิดถึงอย่างอื่นไปเท่านั้นเอง

    ผมดึงเก้าอี้ไปข้างหลัง แรงเกินไปจนทำให้พื้นลงน้ำมันเป็นรอย พวกมนุษย์ชอบใช้เสียงเป็นตัวบอกเวลาจะเข้าหาใคร ผมรู้ว่าเธอได้ยินเสียงแน่ เธอไม่เงยหน้าขึ้นมาแต่วาดรูปพลาดไปวงนึง ทำให้มันดูเบี้ยวๆ
    ทำไมเธอไม่เงยหน้ามา? อาจจะกลัวหรือเปล่า? คราวนี้ผมต้องทำให้เธอได้ความคิดเกี่ยวกับตัวผมเสียใหม่ ทำให้เธอคิดว่าก่อนนี้เธอจินตนาการไปเอง
    "หวัดดี" ผมพูดเบาๆด้วยน้ำเสียงที่เก็บไว้ใช้เวลาอยากให้พวกมนุษย์รู้สึกสบายๆ ผมสร้างรอยยิ้มสุภาพๆขึ้นมาโดยไม่ให้เห็นฟัน
    เธอเงยหน้าขึ้นมา ดวงตาสีน้ำตาลกำลังตกใจ ถึงขั้นงงและมีคำถามเต็มไปหมด ดวงตาแบบเดียวกับที่ขวางตาผมไม่ให้มองดวงดาวได้ชัดๆเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

    พอผมจ้องเข้าไปในตาสีน้ำตาล ผมก็รู้ว่าความเกลียด ความเกลียดที่ผมมีต่อเธอเพียงเพราะเธอมีตัวตนอยู่ หายไปแล้ว ตอนนี้ผมไม่หายใจ ผมไม่ได้กลิ่นเธอ

    ยากนะครับที่จะเชื่อว่ามีคนเกลียดคนที่ดูอ่อนแออย่างนี้ได้ลงคอ

    แก้มเธอเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง แต่เธอไม่ยอมพูดอะไร

     

    Create Date : 11 พฤษภาคม 2552
    Last Update : 24 พฤษภาคม 2552 15:04:55


    credit  by hs3puk ณ www.bloggang.com
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×