นิราศขอนแก่น - นิราศขอนแก่น นิยาย นิราศขอนแก่น : Dek-D.com - Writer

    นิราศขอนแก่น

    บันทึกความทรงจำของข้าพเจ้า ที่ได้ไปเที่ยว หาประสบการณ์และการสอบแข่งขันบางอย่าง ที่ขอนแก่น นำมาร้อยเรียงเป็นบทกวี

    ผู้เข้าชมรวม

    865

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    7

    ผู้เข้าชมรวม


    865

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    1
    หมวด :  กลอน
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  21 ก.ย. 51 / 22:59 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    นิราศขอนแก่น

    ประพันธ์โดย รีวูซะรูรัดภู

    ประเภท  ร้อยกรอง สื่อผสม  โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย

     

    บทนำ  (อิทีสฉันท์)

                คราจะกล่าวจะเขียนจะเรียนจะร่าย                       ผิว่าขจรขจีขจาย

                และยินยล

                คราวประพาสอิสานประเทศสถล             มโนและใจหทัยจะดล

                จะเปรมปรี

                ฉันท์จะโปรยพระเวทวิเศษวจี                   จะเล่าสิเรื่องประสบคดี

    จะขับขาน

                มุ่งจะแต่งและแฝงคติประการ                   ผิว่าจะเป็นอนุสสถาน

    ประโยชน์เห็น

                หากจะถือจะโทษจะโกรธจะเข็ญ             จะขอนมัสการเว้น

    อภัยเทอญ

    (โคลงกลบทกินนรเก็บบัว)

                คราวใคร่จะใคร่ร้อย                        เรียงกานต์

                จักสื่อคราวสื่อสาร               สิ่งร้อง

                ร้อยความเรื่องความขาน     ขอนแก่น  สดุดี

                นิราศจะราศก้อง                  กิ่งแก้ว       คำโคลง

    นิยายแฟร์ 2024
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      นิราศขอนแก่น

      (กลอนสุภาพ)

      Ø   หากฉันเกิดเป็นปากกาจะพาเขียน       จะจำเนียรเรื่องราวให้ขับขาน

      จะร้องเรื่องร้อยกรองเป็นเพลงกานต์         จะบันดาลบทกวีเป็นเรื่องราว

      จะกล่าวถึงการเดินทางพลางบรรยาย        จนมาสายหายพลาดซะอีกคราว

      จนได้เขียนเรื่องราวซะอีกยาว                   ให้เราชาวนักกวีสดับยล

      (อินทรวิเชียรฉันท์)

      Ø   แต่แรกจะกล่าวถึง                               เพราะจะเพิ่งจะตกรถ

      ความคิดสิหายหด                                      เพราะจะตกและไม่ทัน

      รถไฟจะลาลับ                                           ขณะจับสุรียัน

      ส่องแสงฉะฉาดพลัน                                 และชิวันจะทำไง

      พวกเราสิตกรถ                                          พละหดมิคงได้

      เห็นรถจะจากไป                                       มนะใจมิกล้าขึ้น

      ตอนแรกจะกล่าวถึง                                  เพราะจะพึ่งจะซึ้อของ

      ซื้อแมคมากินปอง                                     ขยะของเสวยดี

      ซื้อแมคจะนั่งกิน                                       สุขลิ้นวิเศษศรี

      นั่งรอสิทีมมี่                                               มนะดีสิเพลิดเพลิน

      กับคุณพระคุณพ่อ                                     คุณก่อจะสรรเสริญ

      ช่วยเหลือและดำเนิน                                 สิจะสมคุณานับ

      ช่วงแสงสุอัมพา                                         ขณะฟ้าพะพร่างยับ

      เมฆหมอกสิหายวับ                                    ระดะจับจะก่อหยด

      น้ำฟ้าจะเหือดหาย                                      ขณะสายตะวันสด

      ส่องแสงมิยอมลด                                      อคนีจะแผดกาย

      เร็วรี่จะเร่งเขียน                                         มิละเพียรมิจืดสาย

      ปากกามิวางวาย                                        มนะคิดกวีกานต์

      (วสันตดิลกฉันท์)

      Ø   นิราศจะจากมนะจะลับ                       สิจะกลับจะพึงมี

      แต่ใจมโนมิละฤดี                                      สถที่สิเคยเนาว์

      (กลอนสุภาพ)

      Ø   เตรียมพัฒน์พลัดเตรียมจะนิราศ          คราโอกาสพลาดพลัดสุดห่วงหา

      โรงเรียนเคยยลสดับมาทุกครา                   สิเวลานี้หนามาจากครัน

      มากับเพื่อนเตือนจิตให้คิดถึง                     ช่วยเสียซึ้งถึงใจไม่เคยถวัลย์

      เรานี้รักพักพิงอิงยืนยัน                              ดังเทวัญท่านส่งมาช่วยเรา

      ถึงรถไฟฟ้ามหานครตอนใกล้เช้า              ดั่งเวลามาแกล้งหยุดฉุดให้เฉา

      โอ้ด้วยกรรมทำไว้มาชำเรา                                    ให้หน้าเง้างอหงายสายทุกครา

      ดังเวลามาแกล้งลัดปัดเข็มขึ้น                   ทำเสียมึนขึ้นผิดถูกผิดคูหา

      แต่ก็ยังโชคดีอีกสักครา                             ยังขึ้นชานชาลาได้ถูกพลัน

      ถึงหัวลำโพงโดยสะดวกโยธิน                  จากกับถิ่นที่เคยอยู่ช่างน่าขัน

      ไปเพื่อสอบหมอขอนแก่นน่างงงัน            อันตัวฉันไม่อยากเข้าจะสอบทำไม

      ขึ้นถึงบนรถไฟดีเซลจักร                          ช่างเหม็นนักกลิ่นสาบกลิ่นไฉน

      มีแมลงเรือดริ้นด้วยหรือไม่                        ฉันนั้นไซร้ใคร่อยากถามยามบนชาน

      เมื่อรถไฟเปิดหวูดเสียงสนั่น                      ถึงครานั้นรถก็ออกไปนอกลาน

      ค่อยดอลลี่เมืองกรุงเทพค่อยผันผ่าน          อีกสี่วารจึงจะกลับมาพบเจอ

      จากนั้นเพื่อจะสอบเพื่อเป็นหมอ                มิใช่ขอกล่าวละเมอเพ้อเจ้อ

      อันตัวเรานี้ไม่เหมาะด้วยซิเออ                   จะหมอเหมออย่างไรไม่น่าเป็น

      เสียงรถไฟไหวสนั่นลั่นบนราง                  ทั่วสรรพางค์ก็ริกสั่นระริวเห็น

      เสียงรถไฟแล่นตัดลมที่ฉ่ำเย็น                   อนิจจาน่าเข็ญเหม็นจริงลม

      นั่งกับที่เลขที่สามสิบสอง                          ช่างน่าปองติดหน้าต่างน่าสุขสม

      ติดหน้าต่างมองทิวทัศน์ที่น่าชม                ติดที่ลมช่างเหม็นสาบซาบอุรา

      นั่งตรงข้ามเก้าอี้ยังมีหญิง                          แม่ลูกอ่อนเธอนั่งนิ่งไม่ติงสา

      กับลูกน้อยสองคนน่าปรีดา                       อนิจจาตัวมอมไปนิดนึง

      นั่งกับพ่อพี่ทิมมี่ช่างมีสุข                           ไม่หิวทุกข์อิ่มสุขช่างน่าซึ้ง

      ค่อยเติมเต็มกระเพาะให้อิ่มตึง                   ทั้งนมนึ่งขนมนุ่มอร่อยดี

      จากกรุงเทพเมืองเทวามีแสงสี                   สู่ธานีอีสานงานนี้

      จากแสงสีสู่ชนบทก็เพลินดี                       ด้วยว่ามีธรรมชาติน่าดูมอง

       

      มาถึงเมืองกรุงเก่าเขาเล่าขาน                    เป็นตำนานอยุธยาไม่มีสอง

      แต่การยุทธ์ยังแพ้พ่ายเสียสิ้นผอง               เสียชื่อก้องอยุทธะปราชัย

      ผ่านถึงเมืองสระบุรีเป็นหน้าด่าน               สู่อีสานชนบทโดยรถไฟ

      มองข้างทางก็พบแต่ดงป่าไม้                    พญาไฟหรือพญาเย็นช่างเย็นลม

      มองกอบัวดูสล้างที่ข้างทาง                       ส่งกลิ่นหอมชื่นดอมและน่าดม

      อีกฝูงควายพฤษภะที่ปลักตม                    ช่างน่าชมเชยชิดมิตรผู้คน

      อันตัวควายใครหาว่าเง่าโง่                                    อพิโธ่ ช่างเขาอย่าไปสน

      อันตัวควายเมื่อวายชีพเขาเหลือยล             อันตัวคนวายชีพแล้วไม่เหลือเลย

      อันเมฆฝนบนฟ้ามาลิ่วลิ่ว                          ลมเฉื่อยฉิวปลิวเย็นสบายเสบย

      ฟ้าครึ้มหม่นเวหาลมรำเพย                                    นิจจาเอ๋ยอย่าได้ตกจะเป็นคุณ

      ฝนกลับตกผกผันไม่หันหวน                     หยาดฟ้าล้วนพร่างพรายมาเนื่องหนุน

      ลมก็พัดกรรโชกอยู่ให้วุ่น                          แต่ยังบุญยังปรอยๆมิซู่โทรม

      ถึงแก่งคอยคอยใครเขาไม่รู้                       เป็นทางคู่แยกไปรอคอยคู่โสม

      แต่คอยพลัดคอยพลาดจากใจระโบม         น่าประโลมปลอบใจในแก่งคอย

      เข้าห้องน้ำยามทุกข์หวัดปลดทุกข์                        แต่ไม่สุขสุขาน่าเฉาหงอย

      ห้องน้ำเก่าโสโครกวิโยกสร้อย                  ใจถดถอยให้รีบฉี่แล้วออกมา

      เห็นภูผาน่ายิ่งยงยลตระหง่าน                    แต่สงสารโดนระเบิดเป็นเศษผา

      ทำโม่หินดินใช้ไม่นำพา                             มนุษย์หนาทำร้ายเจ้าน่าเจ็บใจ

      เห็นต้มไม้ไพรวัลย์มันขึ้นทึบ                     มองดูนึกตรึกชมพวกต้นไม้

      ให้ฝูงสัตว์กัดกินไม่ยินร้าย                         ด้วยหัวใจทระนงจงเมตตา

      นกกระยางเยื้องยุดหยุดกินหอย                 หุ่นไล่กาตัวน้อยคอยมองหา

      ไหนจะกาให้กูไล่ไม่นำพา                         แต่นกนานกกรยางค์ยังไม่ไป

      รถไฟเร่งแรงเครื่องบิดเหยียบมิดด้าม        หวังขึ้นตามเนินผาชันสูงใหญ่

      ต้านแรงดูดโน้มถ่วงของโลกไว้                ไม่แปลกใจซดน้ำมันเหมือนน้ำเมา

      อันเฮียทีมผล็อยหลับพับกับที่                    ตัวข้านี้ยังมองดูซึ่งตัวเขา

      เผลอง่วงหลับม่อยพับจับเจา                      ทำหน้าเง้างอพับกับรถไฟ

      ถึงป่ามันมันเป็นสวนเขาปลูกมัน              ช่างน่าขันพืชดูดดินเสียสิ้นไส้

      จากอุดมเป็นผืนทรายเขาว่าไว้                   น่าแปลกใจไฉนยังปลูกเจ้าต้นมัน

      เห็นโรงปูนปูนซีเมนต์อยู่ลิบลิบ                เห็นเป็นสิบให้พอนับพอมองหัน

      กิจการปูนสูญภูเขาเป็นล่ำซัน                    ช่างน่าขันใยจึงปล่อยเขาพังภู

      ไร่ต้นอ้อยคอยคนเขามาตัด                        เป็นอ้อยมัดตัดต้นเป็นคู่คู่

      ลำเลียงส่งโรงน้ำตาลกลั่นมาสู่                  เป็นน้ำตาลน่าดูรสหวานใจ

      มาถึงแก่งเสือเต้นเป็นเสือป่า                      ชื่อสง่าน่ากลัวให้หวั่นไหว

      แต่เสือสิ้นลายเสือในเมืองไทย                   ถูกพรานไพรใจทมิฬมาล่าตัว

      แล้วจับแล่จับเชือดเสียสิ้นเสือ                    เอามีดเถือเนื้อดองเหล้าเหลือแต่หัว

      แล้วตัดอุ้งเล็บพยัคฆ์ไปทั้งตัว                   เขามามั่วมาทำยาหลอกคนกิน

      มาถึงเขื่อนลำตะคองนองด้วยน้ำ               แต่มีผำเผ่าจอกแหนแลถวิลย์

      คนหาปลาทอดแหหาปลากิน                    อร่อยลิ้นเสียสิ้นเผ่าพงศ์ปลา

      เห็นเวิ้งน้ำครามใสไม่ขุ่นหมอง                  ช่างน่าปองยลหมู่เมฆในเวหา

      ทั้งผืนหญ้าอาศัยกินฝูงพฤษภา                   สัตว์นานาทั้งใหญ่น้อยพลอยร่มเย็น

      โคกสลุงสถานีที่รถจอด                            เป็นทางลอดผ่านป่ารกที่มองเห็น

      ผ่านสถานีไปบนรางเหมือนดังเช่น            รถไฟเป็นเช่นนี้อีกหนึ่งครา

      กลิ่นรวงทองมองเห็นเป็นสง่า                   พืชพรรณาประจำถิ่นใช้กินหา

      เป็นของเทพสุราลัยจากเมืองฟ้า                 ท่านส่งมาให้โลกได้เกี่ยวกิน

      เห็นคันนากั้นที่ดินให้เป็นนา                     เกษตราในเมืองไทยมองดูผิน

      เห็นต้นข้าวเขียวขจีมีชีวิน                         บนผืนดินด้ามขวามทองของเมืองไทย

      อันฟ้าใสพราวเม็ดระเด็ดดวง                     ลงจากสรวงให้เปียกปอนอีกสมัย

      ปิดกระจกรับลมลงทันใด                         อึดอัดไซร้ไร้ลมรำเพยมี

      เห็นทีมตื่นฟื้นชีพทำตาแป๋ว                      ไม่ง่วงแล้วอ่านหนังสือดีกว่านี่

      มันใกล้สอบปลายภาคเข้าอีกที                  เดี๋ยวเจอดี G P A มาฉุดเรา

      ถึงบ้านไผ่ในแดนแก่นขอน                       ให้เยื้องย่อยหยิบยกเอากระเป๋า

      มารอรั้งนั่งนิ่งกันสามเรา                           รอจนเขาออกรถกันต่อไป

      ถึงขอนแก่นแดนนครรถไฟหยุด               ให้เร็วรุดเดินลงโดยเร็วไหว

      ทิ้งแต่ร้างรางรอซึ่งรถไฟ                           จะร้างไกลใจคณึงอยู่ทุกครา

      แล้วลากของกระเป๋าหนักอึ้ง                     อันเป็นซึ่งของใช้ประโยชน์หา

      อันเตรียมจากกรุงเทพเป็นต้นมา                โดยเร็วร่าอ้าออกเดินตะบึงไป

      มาเสาะหาถิ่นที่พำนักอยู่                            เดินจู่ลู่เร็วรี่ปานลมไหว

      ทั้งกระเป๋าก็หนักอึ้งจนล้าไป                    ให้ปวดไส้ปวดตับระงับทน

      ถึงหอพักห้องสวยสามร้อยบาท                 สีส้มสาดฉาดแสงแรงหน

      ห้องเล็กๆสองเตียงก็จำทน                                    ด้วยมีคนสามคนในห้องเดียว

      ไม่มีเตียงมาเพิ่มช่างน่าเศร้า                       พี่ทีมเขานอนพื้นทนขับเคี่ยว

      ปล่อยให้เรานอนเตียงอยู่คนเดียว               จนหน้าเซียวอายอับระงับใจ

      อีกห้องน้ำก็เล็กยิ่งกว่าเล็ก                         เท่าแมวเด็กนอนดิ้นตายก็พอไหว

      แต่ยังดีมีน้ำอุ่นมาได้ใช้                              ให้โลดใจใสสดหมดกังวล

      สถานสอบเทคโนภาคฯตึกสิบสี่                อันเป็นที่นั่งสอบกันอีกหน

      แม้มารฟ้าหน้าแสยงมาผจญ                       จะสู้ทนเอาชัยมาเชิดชู

      ข้างคือห้างบิ๊กซีฉวีเลิศ                              สุดประเสริฐสะอาดดีและสวยหรู

      มีของมากหลากหลายล้วนน่าดู                 ดั่งเพชรคู่เรือนทองของนาคร

      เที่ยวเดินซื้อจับจ่ายและใช้สอย                  จนเงินพลอยหมดกระเป๋ามิสังหรณ์

      จนเมื่อทรัพย์มาหมดมาขาดรอน                ให้ใจถอนร้อนรนพ้นจะดู

      จะกล่าวถึงวันสอบที่เทคโนฯ                   ดูโอ้โหใหญ่โตคนขับสู้

            เป็นงานใหญ่งานโตเสียน่าดู                     คนรอบรู้นักเรียนมารวมกัน


      (อินทรวิเชียรฉันท์)

      Ø   ครากล่าวประกาศฉันท์                       กลนั้นจะกล่าวถึง

      ครากล่าวผิรำพึง                                        กลซึ่งจะสอบมา

      เร็วรี่จะเร่งสอบ                                          และจะตอบกะปัญหา

      ไม่หวั่นมินำพา                                          และจะท้าจะชิงชัย

      กล่าวถึงวิชาสอบ                                       ผิจะตอบมิสงสัย

      ภาษาวิชาไทย                                            จะลุให้คุณาเรา

      กล่าวถึงวิชาสอง                                       ผิจะปองมิขาดเขลา

      สิงคมสิน่าเศร้า                                           จะเละเอาและผิดพัง

      กล่าวถึงพระอากาศ                                   จะวิลาสประหลาดครั้ง

      ฝนตกพระพายพรั่ง                                    และจะเหน็บจะหนาวใจ

       

      หนาวเนื้อสิห่มเนื้อ                                     สิจะเหลือจะอุ่นได้

      หนาวใจจะห่มใด                                       สิจะได้หทัยมา

      เย็นการพระพายวาต                                  พิศวาสประโลมขา

      หนาวเนื้อยะเยียบมา                                  สติยุ่งละเมอเลือน

      คราวสอบก็สอบสิ้น                                   และถวิลย์จะกล่าวเตือน

      จงอย่าประมาทเพื่อน                                 และจะแพ้จะตกเอา

      อังกฤษวิชาสาม                                         มนะยามจะง่วงเหงา

      เอาสอบกระทำเรา                                      สิจะชอกและช้ำใจ

      สี่สอบคณิตศาสตร์                                     เห็นประหลาดมิสงสัย

      ยากโครตจะทำไง                                      ผิวะใครจะได้ทำ

      (กลอนสุภาพ)

      Ø   วันที่สองปองจิตคิดถึงบ้าน                 ดูรวงร้านนี่ใช่บ้านเราหรือนั่น

      แต่จำเถิดเกิดเป็นคนต้องกัดฟัน                เอาทนบั่นระย่อท้อให้หมดไป

      ตื่นขั้นมาล้างหน้ามองหาน้ำ                      ก็ให้ช้ำนี่ห้องน้ำฤาไฉน

      เล็กยิ่งกว่าที่แมวดิ้นกำหนดให้                  เอาเถอะใจจำต้องเข้าเอาพอทน

      แล้วคราวปลุกท่านทีมไม่ยอมลุก              ให้เป็นทักข์ปลุกไม่ได้แลอีกหน

      ให้เปิดม่านสาดแสงเอาแรงดล                   หวังจะพ้นจะตื่นคืนชีวา

      เมื่อต้องวิ่งเร็วรุดฉุดกระชาก                     หัวใจหากอยู่ตาตุ่มช่างหวือหวา

      เพราะไปสายเกือบอดสอบอนิจจา             ไม่นำพามาคิดแก้ไขตัว

      วิชาสอบเคมีดีหรือร้าย                               ก็อาจกลายสลายโศกวิโยกทั่ว

      ไม่ยากแค้นแสนเข็ญไปทั้งตัว                   ไม่ต้องมั่วต้องเดาเอาทีเดียว

      วิชาสองชีววิทยาเลิศ                                  สุดประเสริฐง่ายหวานหมูดูช่างเชี่ยว

      มันก็แน่แท้อยู่กันจริงเทียว                         เราผู้เดียวโอลิมปิก สสวท.

      วิชาสามฟิสิกส์ดูมิยาก                               แต่ก็หากซ่อนคมมีดตะขอ

      ทำๆไปก็มิอาจจะอ้อล้อ                             ช่างยากหนอยากจริงทิ้งไปเลย

      ขณะสอบ ณ เทคโนแดนอีสาน                  ก็พบพานมวลมิตรจิตรเผย

      ด้วยลมเพลมพัดลมรำเพย                          อย่างไรเลยให้เราได้มาเจอกัน

       

      พอสอบเสร็จก็ไปเที่ยว ณ ขอนแก่น          ยังแว่นแคว้นอีสานที่คิดฝัน

      ทั้งผู้คนหนาแน่นมีชีวัน                             ให้สุดมันส์สุดเหวี่ยงเพียงกายา

      มาถึงบึงแก่นนครตอนบ่ายๆ                     เห็นปลาว่ายแหวกคลื่นน้ำชาติมัจฉา

      เห็นผู้คนมีชีวิตมีวิญญา                             ให้เพลินตาเพลินใจได้เยี่ยมชม

      แล้ว cheque out เอาของออกจากที่พัก       เคยพำนักมาสามวันก็เห็นสม

      คนที่นี่ใจดีสิน่าชม                                     น่านิยมรักใคร่ให้ชื่นชู

      มาเดินเที่ยวเทียวอยู่แดนตลาด                   มาซื้อขาดของฝากที่อู้ฟู่

      เป็นของกินลิ้นอร่อยเพียงได้ดู                   ของดีคู่เมืองขอนแก่นแดนหมู่เฮา

      แล้วสุดท้ายก็มาพักสถานี                          รถไฟที่กลับกรุงเทพจะมาเข้า

      ชานชาลาที่สองเร่งเร็วเร้า                          แต่พอเอาเข้าจริงสายเป็นนาน

      นานเกือบนานหนึ่งชั่วโมงก็อาจนับ          ให้ลมจับนานอยู่เป็นสองหาร

      รั้งรอรี่เร็วอยู่เป็นเพลิงกาฬ                         ผิจะผลาญจะแผดเผาเวลาพลัน

      พอรถไฟหวานเย็นเข้ามาถึง                       ผู้คนจึงขวักไขว่มิหยุดนั่น

      ก็ผู้คนหาเลี้ยงหัวตัวชีวัน                           จะให้พรั่นพร้อมจะหยุดลงได้ไง

      เสียงฉึกฉักรถจักรแล่นเข้าเทียบ                เข้ามาเลียบชานชาลามิสงสัย

      เป็นประจำเฉกเช่นทั่วของรถไฟ               เป็นทั่วไปไม่ผิดแปลกแยกทุกครา

      ในรถไฟไววิ่งยิ่งสายลม                             มิเห็นสมลมเหม็นห้องสุขา

      ที่ปล่อยสุขหรือปลดทุกข์อะไรมา              ให้เหม็นบ้าโชยกลิ่นสิ้นอุรา

      เปิดพัดลมหวังพัดกลิ่นให้สิ้นหาย             มิอาจคลายความเหม็นได้ดอกหนา

      ก็คงส่งกลิ่นฟุ้งพุ่งออกมา                          เอือมระอาก็ทนสูดและทนดม

      เสียงรถไฟกระทบรางครางครื่นครื่น         ให้สั่นพื้นสั่นที่นั่งให้เห็นสม

      แต่ผู้คนม่อยหลับกันทั้งกลม                      ช่างน่าชมคมขำแก่ชีวา

      ท่านทีมขยันพลันอ่านภาษาไทย                วิชาไหนน่าสนุกทุกเรื่องหนา

      ท่านเขาขานเขาบอกวาจา                          ให้ผ่านตาผ่านใจผิให้จำ

      ครั้นพอดึกพี่ทีมก็สิ้นลาย                           นอนล้มหงายเง้อแง้อยู่น่าขำ

      นอนหลับพับลงเอามือค้ำ                          เอาคางด้ำเกยเข่าแล้วเมาพับ

      พอตีสามรถไฟหยุดสับรางกลับ                 ก็คอพับคนหลับนกประหงกสับ

      เสียงกรนสั่นลั่นป่าหาผู้สดับ                      อาจคิดนับว่าเสียงหวูดของรถไฟ

      อีป้าอ้วนจวนไขมันจะจุกอก                     น่าชังชกเอาเธอไปตัดลิ้นไก่

      แหม กรนดังดั่งกลัวคนไม่รู้ไร                  ว่าเปิดให้โรงสีข้าวอยู่ในปาก

      จะมานอนก็นอนเสียไม่หลับ                     จะให้นับแกะอีกหมื่นก็ลำบาก

      เสียงกรมเธอทะลุหูฟังเข้ามิยาก                 อยากตบปากสักฉาดให้หยุดกรน

      (อินทรวิเชียรฉันท์)

      Ø   ดวงเจ้าศศีภา                                        สุปรียาสะส่องแสง

      เวิ้งฟ้าสว่างแรง                                          สุสกาวมะเรืองดิน

      หมู่เมฆพยับฟ้า                                          ฤจะท้าโพยมสิ้น

      บังจันทร์มลายดิน                                      สิจะมือและเหน็บหนาว

      ดวงเจ้า ณ วันเพ็ญ                                     สิจะเด่นสว่างหาว

      บนฟ้ามิหมองดาว                                      ระดะเด่นมิเทียมใคร

      (วสันตดิลกฉันท์)

      Ø   ราตรีสุขีศศิประจักษ์                            มนลักษณ์สิน่ายล

      พรายแสงสว่างปฐพิดล                              กลพ้นจะประมาณ

      น้ำค้างพะพราวระดะ ณ พื้น                      สิจะคืนชิวีกาล

      ยอดหญ้า ณ แต้มพชรกาญจน์                   ก็จะสวยสว่างตา

      ก้อนหินธุลีปฐพิธาตุ                                  ก็ประกาศจะแข็งกล้า

      ก้อนน้อยมิเทียมกลประมา                         ผิจะหักจะร้าวได้

      วาโยพรายนภอกาศ                                    วรพาตจะเพยไว้

      ยอดไม้จะต้องระริวะไหว                          สิก็ด้วยจะแรงลม

      หนาวเหน็บอณูตะละชิวิต                         ผิวะพิศก็สั่นสม

      หนาวใจจะได้กลจะห่ม                             สิก็ด้วยจะห่มใด

      หนาวเนื้อมิยากหนจะแก้                           สิก็แต่จะแพรไหม

      ฤาผ้าและผิงอคนิไฟ                                  ก็จะรุ่มและร้อนพลัน

      หนาวใจมิเฉกกลจะเช่น                            บ่มิเป็นจะเช่นนั้น

      อันผ้าและผิงก็จะมิพรั่น                             สิก็แต่จะทรมาน

       

       

      (อินทรวิเชียรฉันท์)

      Ø   ผ้าผวยและไออุ่น                                 สุวสุนประมาณการ

      ช่วยห่มจะพ้นพาล                                     ระริเยือกยะเย็นไหว

      (ร่าย กลบท กบเต้นต่อยหอย)

      Ø   จะแต่งร่ายจ่ายแต่งรับ     ดาวพยับหมอกดอกโพยมเมฆ     เสกดังเช่นเส้นดูชม

      สมว่าโพยมโสมแววพยับ     สดับดาวหาวสกาวดาวห่าง    

      พร่างพระจันทร์พันเพียงแจ้ง     แสงสุกโชติโสตสุชาติ    

      นาฏเพลงร่ายหน่ายเพลงร้อง     ปองจะใคร่ไป่จะเขียน    เวียนไว้ฟังวังเวงฟ้า

      (กลอนสุภาพ)

      Ø   อันรถไฟจะสับกลับขบวนราง                        จึงหยุดพลางสองชั่วโมงกว่าๆ

      น่าเบื่อรถช้าDelayมา                                 อนิจจารถไฟฟรีในเมืองไทย

      รถหวานเย็นค่อยๆเยื้องค่อยๆย่าง               ระยะทางไกลแสนคิดคณึงได้

      เสียงรถจักรกระหึ่มก้องมาแต่ไกล             ค่อยวางใจรถได้เดินมาอีกครา

      (อินทรวิเชียรฉันท์)

      Ø   เดินทางขบวนรถ                                 สิระทดระท้อใจ

      เดินทางสินานไกล                                     และจะเหนื่อยก็เห็นได้

      แสงแดดละลาบฟ้า                                                รุจิมาระเรืองไกล

      แผดหยาดยะหยดไหม้                               ผิจะเหือดจะแห้งหาย

      น้ำค้างพะพร่างหยด                                   มรกต ณ พฤกษ์สาย

      กิ่งแก้วระยิบราย                                        ก็จะมอดระเหยสิ้น

      ฝูงนกวิหคฟ้า                                             สกุณาก็หากิน

      บินโฉบ ณ เวคิณ                                       และจะจับแมลงกิน

      รวงทองระยับแดด                                     สุริย์แผดมิเผาผิน

      หน่อไม้ทะแทงดิน                                     ชิวะเกิด ณ ฟ้าราง

      (กลอนสุภาพ)

      Ø   รถไฟแล่นถึงเมืองอยุธยา                     ชื่นชีวาใกล้กรุงเทพฯเข้าแล้วหนา

      ชั่วโมงครึ่งถึงพร้อมชานชาลา                   อันเมื่อยล้าก็จะจบจะจากจร

       

      รถไฟมาจอดเอาดื้อๆที่บางซื่อ                   ไม่ไหวหือตือตังอินังขร

      ไม่บอกพูดบอกกล่าวเว้าวอน                    ให้รี่ร้อนหัวใจอยู่สองชั่วโมง

      จึงเดินรถต่อไปอย่างช้าเชื่อง                      ไม่เป็นเรื่องเป็นราวเอาห่าโหง

      ในใบบอกรถจะจอดเอาแปดโมง               แต่สิบโมงก็ยังอยู่ ณ ชานเมือง

      แต่แล้วได้ศุภฤกษ์และวาระ                      รถไฟจะเข้าเข้าเทียบและจอดเครื่อง

      เข้ามาในสถานีกรุงเทพเมือง                      จึงได้เรื่องได้ราวกับเขาที

      พอรถจอดเทียบท่าเป็นภารกิจ                   ก็เปรมจิตเปรมฤดีให้ล้นปรี่

      ให้เร่งลงจากรถไฟไม่รอรี                          จรลีเข้ามาพักชื่นอุรา

      คุณลุงยังน้ำใจเลิศประเสริฐนัก                  ชวนมาพักนั่งกินข้าวให้หรรษา

      ขอขอบคุณคุณลุงผู้เมตตา                         ใจปรีดาโอบอ้อมและเจือจุน

      แล้วล่ำลาอาลัยกันให้จบ                           แล้วเคารพคุณลุงผู้เกื้อหนุน

      อีกเพื่อนทีมมิตรสหายผู้ก่อบุญ                  เป็นพระคุณจำจะจากมิจากใจ

      จึงแต่งฉันท์กลั่นแก้วเป็นกรองกานต์        ก่อเป็นทานสินน้ำใจอันมีให้

      แล้วถามไถ่สารสุขทุกข์อันใด                    จึงอวยชัยให้พรจรจากลา

      จึงเดินลากกระเป๋าไปตามทาง                   มองดูพลางนี่บ้านเราแล้วหนา

      ทั้งผู้คนยลด้วยมิตรกรุณา                          นิราศลาขอนแก่นจึงจบเอย

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

      บทส่งท้าย

      (กาพย์สุรางคนางค์ 32)           

      Ø   อันบทส่งท้าย   ก่อนจากกันกลาย        ด้วยจิตมิวาย                มิพ้นกวี

      อันกาพย์บทนี้              สุดประเสริฐดี              ขอขอบคุณที่               ทุกท่านอ่านมา

      สิ่งใดล่วงล้ำ                เขียนในลำนำ               ขอจงอย่าจำ                 ใส่ใจเลยหนา

      สิ่งใดผ่านตา                มากมีคุณค่า                 ขอเทพเทวา                 จงดลบันดาล

      ประสิทธิ์พรไว้             และดลแรงใจ              ต่อสู้ต่อไป                   ให้ได้อีกนาน

      เวลาล่วงกาล               ต้องลาสถาน                ขอให้กลอนกานต์       เป็นเสียงแทนเรา

      ให้เวียนไว้ฟัง               ให้เกิดพลัง                  มิย่อระยั้ง                     มิขลาดมิเขลา

      ให้เริงร้อนเร่า               ดั่งไฟสุมเผา                 หัวใจเร่งเร้า                 จะทำความดี

      เส้นทางชีวิต                ไร้พรหมลิขิต               แต่จงประสิทธิ์             ขีดเส้นชีวี

      ไปตามฤดี                    ไปในถิ่นที่                   หัวใจเปรมปรี              จงชอบเถิดไป

      หากแม้นขวากหนาม   จงอย่าหวั่นคร้าม         ประหวั่นคิดห้าม         จงสู้ให้ได้

      จงเร็วอย่าสาย              จงดีมิคลาย                  แล้วจักมิวาย                มีเสียใจนาน

      บทกลอนจะลา                        ส่งท้ายแล้วหนา           ขอจงนำพา                  เวี่ยไว้ก้องกานต์

      ขอท่านผู้อ่าน               มีจิตเบิกบาน               ขอท่านสำราญ             ตลอดกาลเทอญ

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

      ภาคพิเศษ

      ฉันท์ สดุดีคุณผู้มีพระคุณ

      (สัททุลวิกกีฬิตฉันท์)

      Ø   เอื้อนเอ่ยการุณรสจะกล่าวมธุวจี                     

      สรรเสริญคุณามี                                                                 ประกาศ

      คุณลุงนามะเผด็จศิลารษประภาส

      รุ้งเรือง ณ เวหาส                                                               นภา

      อีกมิตรเพื่อนศุภฤกษ์ดิเรกคุณมหา

      ช่วยแต่สิต้นมา                                                                   ก็ได้

      ขอปวงเทพสุระทิพย์วิเศษอมรไท

      ดลท่านและเสกให้                                                                        พระพร

      ชีวาอายุบวรอโรคก็จะมิถอน

      เทิดสาธุวีวร                                                                       ชโย


      (อินทรวิเชียรฉันท์)

      Ø   เพลงฉันท์สิจะแต่ง                              เพราะก็แรงมโนมี

      ถึงคุณบิดาที่                                              คุณก่อประโยชน์มา

      แต่งเป็นอนุสสรณ์                                      ดุจะพรประเสริฐหา

      ไหนอื่นมิเทียมทา                                      กลเราจะบันดาล

      ด้วยท่านสิเลี้ยงดู                                        และก็สู้จะบรรหาร

      ถามไถ่บรีการ                                            อุปการพรรณมี

      พ่อคุณพระคุณมาก                                                ก็เพราะตรากลำบากที่

      ท่านทีมสิคนนี้                                           ก็สุเทษวิเศษนัก

      โอบอ้อมและอารี                                       มโนดีสิประจักษ์

      ทั้งที่และพำนัก                                          ก็จะเลิศประเสริฐใจ

      ช่วยเหลือและเจือจุน                                 ก็พระคุณสิท่านให้

      ดูแลสิต้นไป                                              และก็จวบจะจบทาง

      ให้เตียงละที่นอน                                       สิจะพรมิหมองหมาง

      ท่านก่อพระคุณสร้าง                                 สละได้มินำพา

      โองการจะอ่านเชิญ                                    สรรเสริญพระเทวา

      ขดเชิญพระพรหมมา                                 บริรักษ์นิราศภัย

      มั่งมีอนันต์ทรัพย์                                       มิจะนับและกล่าวได้

      ร้างไกลอโรคร้าย                                       กลเช่นจะกล่าวมา

      ด้วยเดชพระชินสี                                       คุณดีพระพุทธา

      เทพไท้ ธ ทั่วฟ้า                                         สิจะมาพยานพร้อม

      ถึงด้วยพระพรชัย                                       จตุนัยพระเวทล้อม

      อันอายุมีพร้อม                                           พละด้วยจะดลมา

      อันวรรณะถึงเลิศ                                       และประเสริฐมิเทียมทา

      หมดสิ้นอโรคา                                           สุขะรุ่งระเรืองดล

      จากลาสิหนนี้                                             จะลุดีและเป็นผล

      ขอเมทนีดล                                               ชยมังคลาเทอญ

       

      ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่าน  จากใจ


      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×