อปิ๊ด อิน วันเดอร์แลนด์ - อปิ๊ด อิน วันเดอร์แลนด์ นิยาย อปิ๊ด อิน วันเดอร์แลนด์ : Dek-D.com - Writer

    อปิ๊ด อิน วันเดอร์แลนด์

    เมื่อวัตถุประหลาดได้เข้าถล่มประเทศมข.(?) สองหนุ่มแห่งมอดินแดงได้เข้าประสบกับสิ่งแปลกประหลาด มันคืออะไร!! ชาวดาวคริสตัน! มนุษย์ต่างดาว! ออโต้บอท! โงกุน! เบจิต้า! เดี๋ยวๆ ชักจะยาวเกินไปแล้ว

    ผู้เข้าชมรวม

    141

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    5

    ผู้เข้าชมรวม


    141

    ความคิดเห็น


    3

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  ตลก-ขบขัน
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  22 ก.ค. 61 / 18:37 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    “นายทำอะไรอยู่น่ะ” เสียงชายหนุ่มวัย20ต้นๆกล่าวถามเพื่อนวัยเดียวกันอย่างสดใส

    “ก็แค่กำลังแต่งนิยาย….” เขาตอบเสียงเรียบ

    “รู้สึกวันนี้จะมีโปรโมชันของกินลดราคาอยู่ที่ Tesco Lotus Extraนะ แกสนใจจะไปมั้ยล่ะ”

    “ไอ้ป๊อด แกจะกินไปถึงไหนวะ กินมาแล้วก็เดินมาส่องกระจก แล้วก็บ่นว่าอ้วนขึ้นทุกวัน ตั้งแต่ฉันเป็นรูมเมทแกมา แกก็เป็นแบบนี้ทุกวัน รู้มัย เอวแกน่ะมันเกินเกณฑ์มาตรฐานแล้วนะ แกสูง 173 แต่น้ำหนักปาไปเท่าไหร่แล้ว แกเป็นมาสคอตมิชลินได้สบายเลยนะ ถ้าแกเป็นผู้หญิงก็คงมีแต่คนทักว่าท้อง หัดกินคลีนหน่อยสิ

    “โห รู้มั้ย แกเรียนคณะเกษตรศาสตร์ โรคพืช แต่มีอีกอาชีพที่แกจะรุ่งไม่แพ้เป็นนักโรคพืชวิทยา”

    “อะไรวะ”

    “นักพากษ์เรือยาวไง สกิลการพูดของแกเข้าขั้นเลยว่ะ เห็นมะ พูดต่อเนื่องจนไม่ต้องหายใจเลย ไอ้เหร่ง ขอสนับสนุนให้แกลองไปทางนี้ดูนะ” ป๊อดกล่าวด้วยท่าทางยียวนกวนอวัยวะเบื้องล่าง หลังจากพูดจบ มีวัตถุประหลาดลอยตรงมาทางใบหน้าของเขา ป๊อดหลบได้ ก่อนจะหันไปเยาะเย้ยทางผู้ที่ขว้างมันมา

    “หมอนแค่นี้ไม่สามารถทำfirst blood ท่านป๊อดคนนี้ได้ ฮ่าๆๆ” เขากวนต่อ พร้อมทำท่าทางราวกับเป็นตัวละครในเกมส์ออนไลน์ที่เล่นเป็นปกติ

    “เออๆ จะไปกินที่โลตัสใช่มะ เดี๋ยวแป๊บเดียวนะ ขอฉันแต่งนิยายให้จบบทนี้ก่อน”

    “นิยายอะไรวะ”

    “เกี่ยวกับที่มนุษย์ต่างดาวบุกโลกว่ะ” เหร่งกล่าวอย่างภูมิใจ

    “โห นึกว่าจะชอบนิยายแบบอีโรติกซะอีก ไม่ยักรู้ว่าชอบนิยายวิทยาศาสตร์” ป๊อดกล่าวกวนต่อเนื่องพร้อมทั้งทำหน้ากวนไม่แพ้คำพูด

    “หนังโปรดแกก็สารคดีกำเนิดมนุษย์ไม่ใช่หรือไง” เหร่งตอกกลับ

    “แปลกตรงไหนวะ ผู้ชายชอบหนัง av มันผิดตรงไหน รู้ปล่าว เขามีการวิจัยมาแล้วนะ ว่าการมีเซ็กส์สามารถเพิ่มประสิทธิภาพสมองได้น่ะ”

    “โห งั้นอาโออิคงฉลาดสุดใน Japan แล้ว” เหร่งเล่มมุข

    “เห็นมั้ย เราควรสนับสนุนให้มีการดูหนัง av นะเว้ย เราจะได้ฉลาดและมีอัตราการเพิ่มของประชากรเพิ่มขึ้น” ป๊อดกล่าวอย่างภูมิใจ

    “แล้วนิยายแกถึงไหนแล้ววะ”  ป๊อดถามเพื่อนร่วมห้อง

    “ตัวเอกโดนมนุษย์ต่างดาวลั….” ตูมมมม!!!! เสียงดังขึ้นขัดจังหวะการพูดของเหร่ง เสียงดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับเปลวไฟลุกไหม้ขึ้นกลางถนนหน้าหอพักของชายหนุ่มทั้งสอง ผู้คนที่อยู่ข้างล่างวิ่งเพื่อหาที่หลบภัย สิ่งที่ปรากฏต่อสายตาเขาทั้งคู่คือ มีวัตถุประหลาดรูปทรงวงกลมหล่นมาอยู่กลางถนน บริเวณที่โดนวัตถุนั้นมีไฟลุกไหม้ และแตกกระจาย แสดงให้เห็นถึงความอันตรายและน้ำหนักที่มากสุดๆ

    “เฮ้ย เห็นเหมือนที่ฉันเห็นมั้ย….” เหร่งถามเพื่อนข้างๆ

    “เออ ชัดแจ๋วเลยล่ะ….” ป๊อดทำหน้าแหยๆ แทนการบอกถึงความรู้สึกของเขาที่เป็นอยู่ตอนนี้

    “เราลงไปดูข้างล่างดีมั้ยวะ” เหร่งชวนเพื่อน

    “ไม่กลัวเจอแจ็คพอตหรอวะ ในหนังถ้ามีแบบนี้ไม่มนุษย์ต่างดาวก็กัมมันตภาพรังสีล่ะ….” ป๊อดรู้สึกป๊อดขึ้นมาสมกับชื่อ

    “ไม่แน่เว้ย อาจจะเจอแจ๊กพอตอื่น อย่างเช่น ชาวไซย่า ชาวดาวคริสตัล ออโตบอท หรืออาจจะเป็นมนุษย์ต่างดาวเจ๋งๆที่ทำให้เรามีพลังวิเศษ!

    “เออๆ ไปดูก็ได้” ป๊อดเดินตามเพื่อนลงจากหอพักนักศึกษาในชายชั้น2 เมื่อเท้า 2 คู่ลงมาถึงพื้นเบื้องล่าง วัตถุกลมประหลาดยังคงปิดแน่น ไม่มีวี่แววของชาวไซย่าหรือกัมมันตภาพรังสีใดๆ ผ่านไปหลังจากวัตถุลงมาสัมผัสพื้นถนนหน้าหอพักในเพียงไม่กี่นาที มีตำรวจและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ออกมาตรวจตราพร้อมกับกางเส้นเชือกสีเหลืองเพื่อป้องกันคนนอกเข้า และได้รับอันตราย ป๊อดกับเหร่งยืนมองวัตถุแปลกประหลาดอย่างตื่นๆ คอของทั้งคู่เริ่มยาวจากการส่องมองอยู่นอกเส้นเชือกสีเหลือง รอบๆที่เกิดเหตุมีนักศึกษาและบุคคลมายืนมุงอย่างล้นหลาม บ้างก็หยิบโทรศัพท์มาถ่ายคลิปเพื่ออัพเดตลงเฟซบุ๊คของกลุ่มมหาวิทยาลัย เสียงของผู้คนดังลั่นจนไม่สามารถคุยกันได้หากไม่ตะโกน คอของป๊อดเริ่มเหือดแห้งจากการตะโกนเพื่อคุยกับเพื่อน และไม่มีวี่แววว่าคนที่มาเป็นไทยมุงจะน้อยลงเลย

    “ตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่กำลังทำการตรวจสอบวัตถุที่ตกลงมาครับ กรุณาอย่าแตกตื่น เราพบว่าไม่น่าจะมีอันตรายใดๆ และไร้รังสีอันตราย ขอให้อยู่ในความสงบนะครับ” นายตำรวจคนหนึ่งกล่าวขึ้นเพื่อผ่อนคลายสถานการณ์  นักข่าวจากช่องต่างๆเริ่มมีการถ่ายทอดสดถึงสิ่งที่เกิดขึ้น บ้างก็ว่าเป็นขยะอวกาศที่ตกลงมา บ้างก็ว่าเป็นชิ้นส่วนของยานอวกาศที่เสียหายและกลายเป็นวัตถุตกลงมาพื้นโลก

    “ตอนนี้ ดิฉันยืนอยู่หน้าหอพักชายในมหาวิทยาลัยขอนแก่น จากสถานการณ์และผู้ในเหตุการณ์ พบว่าวัตถุนี้ได้ตกลงมาจากท้องฟ้า มีความร้อนสูง น้ำหนักมากเป็นตัน ไม่มีอันตรายจากรังสีใดๆ ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่กำลังทำการตรวจสอบวัตถุที่ตกลงมา นักวิชาการให้ความเห็นว่าเป็นชิ้นส่วนยานอวกาศที่เสียหายแล้วกลายเป็นดาวตกมายังพื้นโลก” นักข่าวสาวรายงานสถานการณ์อย่างขมักเขม้น ก่อนที่จะเดินออกมาจากวัตถุประหลาด เพื่อให้เจ้าหน้าทีทำงานได้อย่างสะดวก

    ในตอนนั้น หัวของป๊อดมีเสียงบางอย่างเพรียกหาเขาอย่างแปลกประหลาด สิ่งที่เขาได้ยินนั้นไม่รู้ว่าเป็นภาษาอะไรบนโลก ดวงตาเขาเห็นแสงสีเขียวเรืองออกมาจากช่องว่าง แต่พอเขาถามเหร่ง เขากลับบอกว่ามาเห็นมีอะไร มีบางสิ่งที่จูงใจเขาให้พยายามเข้าไปแตะที่วัตถุประหลาดนั่นอย่างควบคุมไม่ได้ เขาตัดสินใจแหวกฝูงชน และก้าวผ่านเชือกสีเหลืองเข้ามายังวัตถุประหลาด ตำรวจและเจ้าหน้าที่พยายามห้ามเขาเอาไว้ แต่เขาก็ดิ้นจนหลุดไปถึงวัตถุ เหร่งเองก็พยายามดึงตัวเพื่อนเอาไว้ไม่ให้เข้าไป  ปลายนิ้วมือของเขาสัมผัสกับพื้นผิวของมัน เกิดแสงแว้บขึ้นอีกครั้ง ป๊อดที่โดนเพื่อนดึงตัวไว้รู้สึกเหมือนร่างกายโดนฉีกออกเป็นชิ้นๆ แล้วกลับมาประกอบกันอีกครั้ง แสงสีเขียวหายไป ป๊อดรู้สึกว่าร่างของเขานอนคว่ำบนพื้นผิวหยาบๆ แขนข้างซ้ายของเขามีเหร่งดึงเอาไว้ ตอนนี้เขาก็นอนหงายและท่าทางสลึมสลือ

    ป๊อดค่อยๆยันกายลุกขึ้น เขากุมขมับเล็กน้อย เขามองไปรอบๆตัว เป็นพื้นผิวคล้ายทรายหยาบสีแดงเป็นทุ่งกว้าง มีต้นไม้ที่คล้ายของเหลวขึ้นรูปเป็นต้นสีน้ำเงินใส มีเมล็ดกลมคล้ายไข่มุกกองรวมกันเป็นหนองน้ำ สภาพอากาศนั้นอบอุ่นและมีแสงเรืองๆ ท้องฟ้าสีฟ้า มีเมฆสีขาวลอยคล้ายปุยนุ่น และที่แปลกคือ มีดวงอาทิตย์ถึง 2 ดวง

    ป๊อดตะลึงงัน และได้แต่อ้าปากค้างกับสิ่งตรงหน้า เขาพยายามเขย่าร่างเพื่อนให้ตื่นขึ้นมาตกใจด้วยกัน แต่เขย่าเท่าไหร่เหร่งก็ไม่ตื่น เขาจึงใช้ปลายเท้าสะกิดเอวของเพื่อนอย่างรุนแรง เหร่งกระเด็นไปไกล 30 เซนติเมตรแล้วสะดุ้งขึ้นจากแรงถีบ เอ้ย สะกิดของเพื่อน

    “เฮ้ย ไอ้เหร่ง แกเห็นเหมือนที่ฉันเห็นมั้ยวะ……” ป๊อดถามเพื่อนที่อยู่ข้างๆ

    โอ้……..” เหร่งมองรอบตัวอย่างงงๆ ดวงตาเขาเปิดกว้าง ปากอ้าค้าง และร่างกายที่ขยับไม่ได้เพราะกำลังตกใจ

    “สงสัยเราจะเป็นอะปิ๊ด อิน วันเดอร์แลนด์ว่ะ…..ว้าบมาโลกประหลาดๆแบบนี้เลย หวังว่าคงไม่เจอแมท แฮตเตอร์นะ” ป๊อดเล่นมุขแม้แต่เวลาคับขันและแปลกประหลาด

    “เฮ้ย เท่าที่จำได้เป็นยังไงนะ เราถึงมาโผล่ที่แปลกๆได้” เหร่งถามเพื่อนเพื่อย้อนรอยความจำ

    “เอ่อ ฉันบุกตำรวจกับนักข่าวเข้าไปแตะวงกลมนั่น แล้วก็ ว้าบ! มาโผล่ที่นี่….

    “โห ยิ่งกว่าแจ็คพอตแตกอีก” เหร่งเอ่ยเบาๆทั้งๆที่กลัวจนหน้าแหย

    kjjfl;smgo;sgl;weo!!!” เสียงประหลาดดังขึ้นข้างหลังทั้งคู่ ชายหนุ่มหันไปทางต้นเสียงอย่างตกใจ ภาพที่ปรากฏข้างหน้าคือ สิ่งมีชีวิตที่คล้ายของเหลวสีฟ้าขึ้นรูปเป็นรูปร่างคล้ายคน 3 ตัวและที่สำคัญ มันมีอาวุธที่ดูคล้ายปืนในมือ

    kaadfaoeke” เสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้ง ชายหนุ่มทั้งสองมองหน้ากันอย่างแหยๆ และทำตัวไม่ถูกในตอนนี้

    “เอาไงดีวะ….” ป๊อดถามเพื่อนข้างๆ

    “จะรู้มั้ย มันพูดอะไรยังไม่รู้เลย….” เหร่งทำหน้าคล้ายจะร้องไห้

    หนึ่งในสามนั้นเดินเข้ามาแล้วใช้อวัยวะคล้ายมือออกมาดึงเพื่อให้ทั้งคู่ลุกขึ้น แล้วเอาปืนจี้หลัง เพื่อดันให้เดินไปข้างหน้า ป๊อดกับเหร่งได้แต่ยกมือทั้งสองข้างไว้ แล้วเดินไปตามทางที่อีกสองตัวเดินนำไป

    ระยะทางผ่านไปประมาณ 1 กิโลเมตร ข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้ที่คล้ายของเหลว เริ่มมีอาคารบ้านเรือนรูปทรงเหมือนคลื่นทะเลที่เคลื่อนไหวตลอดเวลา ผู้คนในนั้นที่น่าจะเป็นพลเรือน มีลักษณะคล้ายสามตนที่พาเขาไป นั่นคือ เป็นของเหลวขึ้นรูปเป็นรูปร่างคล้ายคน แต่ละตัวมีสีแตกต่างกันไป มีบางส่วนที่แตกต่างกันพอให้จำแนกได้ว่าใครเป็นใคร ป๊อดเดินอย่างกลัวๆ และกังวลที่มาแปลกที่ เหร่งเองก็ไม่พูดอะไร

    เมื่อมาถึงสถานที่แห่งหนึ่งที่น่าจะเป็นใจกลางเมือง เบื้องหน้าของทั้งคู่คือ กำแพงสูงประมาณ 10 เมตร และดูคล้ายว่าจะทำจากก้อนหิน ทั้งสามตัวเดินพอทั้งคู่เข้าไปในเขตกำแพง ภายในนั้นก็ไม่ต่างจากภายนอก เพียงแต่ดูยิ่งใหญ่และหรูหรากว่าเล็กน้อย เมื่อผ่านทางเดินเข้าตึกที่เป็นของเหลวสีน้ำเงินขนาดประมาณตึก 6 ชั้นมาแล้ว ภายในคือเฟอร์นิเจอร์ที่แลดูคล้ายของมนุษย์ ไม่ใช่ของเหลว ไม่เป็นคลื่นทะเล เป็นเพียงเครื่องใช้ในครัวเรือนธรรมดา มีโต๊ะยาวหนึ่งตัวและเก้าอี้อีกประมาณ  10ตัว ป๊อดมองไปรอบๆอย่างงงๆ พลางคิดในใจว่า อย่างน้อยที่นี่ก็ดูปกติกว่าข้างนอก เสียงส้นรองเท้ากระทบพื้นดังมาจากประตูขนาดใหญ่ทางขวาของทั้งคู่ เมื่อร่างนั้นก้าวพ้นเงาออกมา ร่างที่ปรากฏนั้นคือ หญิงสาวอายุประมาณ 30 ปีต้นๆ ผมยาวปะบ่าสีน้ำเงิน แต่งตัวด้วยชุดเดรสยาวสีดำ รองเท้าส้นสูงสีแดง ใบหน้านั้นแลดูอ่อนโยน ให้ความรู้สึกเหมือนพี่สาวที่แสนอบอุ่นคนหนึ่ง เธอยกมือข้างขวาขึ้น แล้วให้สัญญาณกับตัวประหลาด3ตนที่พาชายหนุ่มมา ทั้งสามนั้นก้มหัวลงเล็กน้อย แล้วเดินออกไปจากห้องไป หญิงสาวเดินมากลางห้อง เธอนั่งลงที่เก้าอี้ตัวหนึ่งข้างโต๊ะ

    “นั่งสิ หนุ่มน้อย….” เธอผายมือ แล้วกล่าวเชิญทั้งคู่ น้ำเสียงนั้นช่างอ่อนโยนและอบอุ่น ความกังวลและความกลัวของทั้งคู่ได้ลดลงมาระดับหนึ่ง

    “ เอ่อ…..ที่นื่ที่ไหนหรอครับ….” ป๊อดถามขึ้นอย่างกลัวๆ

    “ที่นี่คือ ดาวแอนโดรมีด้า ห่างจากโลกประมาณ 2,000,000 ปีแสง”

    “พาพวกเรามาที่นี่ทำไม” เหร่งพูดขึ้นบ้าง

    “พวกเธอต่างหากที่เป็นฝ่ายมาที่นี่ สิ่งที่พวกเราทำก็แค่การส่งยานข้ามมิติไปที่ดาวอื่นโดยลงจอดแบบสุ่มๆ แล้วแค่รอให้มีคนที่ใช้ได้มาแตะ แล้วมันจะส่งเธอมาที่นี่เอง….ว่าง่ายๆก็คือ….พวกเธอต้องมีบางอย่างที่ดีพอให้ยานข้ามมิติตอบสนองให้พาข้ามมิติมาที่นี่ได้” หญิงสาวกล่าวพร้อมยิ้มนิดๆ

    “โห…..ยิ่งกว่าอะปิ๊ด อิน วอนเดอร์แลนด์ว่ะ….” เหร่งกระซิบกับเพื่อน

    “แล้ว….คุณเป็นใคร ทำไมมาอยู่ที่นี่ คุณเป็นมนุษย์โลกใช่ไหม ไอ้สามตัวนั้นเป็นตัวอะไร” ป๊อดถามกระหน่ำต่อเนื่องจนลืมหายใจ

    “อ๋อ นั่นสินะ ใช่ ฉันเป็นมนุษย์โลก มาโดยวิธีเดียวกับพวกเธอ ฉันชื่อ ลลิตา บังเอิญที่เป็นคนไทยเหมือนพวกเธอ สามตัวนั้น ถ้าเปรียบเทียบก็เหมือนชาวโลก แต่พวกเขาเรียกตัวเองว่า แอสสะ”

    …….” ป๊อดจ้องหน้าหญิงสาว ได้แต่นิ่งเงียบ และพูดอะไรไม่ออก เหร่งเองก็กำลังชั่งใจในสิ่งที่หญิงสาวพูดออกมา

    “อะไรเป็นตัวทำให้เรามาที่นี่ หมายถึง….ทำไมมันเลือกเรา” เหร่งถาม

    “สิ่งที่ตอบสนองต่อยานข้ามมิติของเราคือ สิ่งที่คล้ายกระแสไฟฟ้าที่พวกเธอปล่อยออกมา แต่ละคนจะมีลักษณะกระแสที่ต่างกัน ถ้าเป็นคนที่เข้มแข็ง กล้าหาญ และมีพลังงานล้นเหลือ กระแสนั่นจะเป็นตัวที่ตอบสนองให้ยานทำงานขึ้นมา พอเข้าใจใช่ไหม หนุ่มน้อย” เธอตอบพร้อมส่งยิ้มอ่อนโยน

    “แปลว่า คุณต้องมีจุดประสงค์ที่เรามาที่นี่….” ป๊อดถามพร้อมจ้องหน้าญิงสาวเขม็ง

    “ฉลาดมาก หนุ่มน้อย ใช่ เธอมีภารกิจให้ทำ เธอถึงได้เลือกมายืนอยู่ที่นี่” ลลิตากล่าวอย่างอารมณ์ดี

    “เอาล่ะ จะเล่าให้ฟังคร่าวๆละกัน อย่างที่ฉันพูดไปแล้ว ที่นี่คือดาวแอนโดรมีด้า อยู่ห่างจากโลกมาก และที่สำคัญ ถ้าเทียบกับที่โลกแล้ว ที่นี่นับว่าเป็นมิติที่เป็นอนาคตของโลก ตอนนี้ห่างจากโลกตอนที่เธอมาประมาณ 20 ปี ตอนนี้แอนโดรมีด้ากำลังประสบปัญหาสงครามซึ่งโลกเป็นฝ่ายลุกลาน แต่อย่างว่า ทางรัสเซียกับมหาอำนาจทางสงครามก็ต้องปิดข่าวไว้เพื่อประโยชน์ทางการทหาร เราจึงต้องการสายสืบที่เป็นมนุษย์มา 2 คน เพื่อใช้ทำภารกิจและเล่นเกม……บางอย่าง”

    “เดี๋ยวนะ ทำไม….

    mksffjgopsdg;lrdk” ลลิตากล่าวภาษาประหลาดขึ้นมาหนึ่งประโยค

    ระหว่างคุยกันนั้นทหารแอสสะ 4 นายเดินเข้ามาในห้อง สองในสี่เดินเข้ามาพร้อมกล่องสี่เหลี่ยมทึบสีเทาขนาดประมาณโน้ตบุ๊คหนึ่งเครื่อง อีก 2 นายได้จับให้ป๊อดและเหร่งนอนคว่ำลงกับพื้น แล้วทำการติดตั้งเครื่องบางอย่างลงที่หลังคอของพวกเขา ชายหนุ่มทั้งคู่ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เลือดเริ่มรินไหลออกจากแผลมาเปื้อนเสื้อยืดที่ทั้งคู่ใส่ หลังจากที่ทั้งหมดติดตั้งเครื่องมือเสร็จ ลลิตาเดินเข้ามาหาเขา ก่อนจะกล่าวขึ้นอย่างใจเย็น

    “เอาล่ะ ติดตั้งเครื่องมือเรียบร้อย ขั้นตอนต่อไปก็….

    “อะไรน่ะ! คงไม่ใช่อะไรแปลกๆหรอกนะ!

    “งานของพวกเธอคือกลับไปที่โลก แล้วรอการสั่งการจากฉัน ….msflgjseogkors” ลลิตากล่าวภาษาที่แปลกประหลาดออกมา หลังจากนั้นเพียง 2 วินาที ชายหนุ่มทั้งคู่ได้รู้สึกมึนงง และภาพตรงหน้าเริ่มเลือนหาย และมืดบอดในที่สุด

    มหาวิทยาลัยขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น ประเทศไทย

    …….” ชายหนุ่มลืมตาขึ้นอย่างสลึมสลือ ทั้งคู่ลุกขึ้นแล้วมองหน้ากันอย่างงงๆ รถคันหนึ่งวิ่งเฉียดทั้งคู่ไป โชคดีที่เขาหลบได้

    “เรามาทำอะไรที่นี่วะ ป๊อด ทำไมเรามานอนแอ้งแม้งกลางถนนล่อให้รถชนแบบนี้นี้ได้วะ”

    “ไม่รู้ว่ะ จำได้ลางๆว่าเราว๊าปไปที่ไหนสักที่ โดนอะไรไม่รู้แทงคอ แล้วก็ บริ๊ง!! มาโผล่ที่นี่ แกพอจะจำอะไรได้มั้ย ป๊อด”

    “เหมือนมีอะไรไม่รู้ที่หลังคอว่ะ เป็นหนักๆหน่วงๆ เจ็บแปร๊บๆด้วย….” ป๊อดใช้มือลูบที่หลังคอ เมื่อปลายนิ้วเขาสัมผัสกับหลังคอ มือของเขาเหมือนโดนไฟฟ้าช็อตอย่างรุนแรง

    “โอ๊ย!!” เหร่งลองจับดูที่หลังคอด้วย มือของเขาก็โดนไฟดูดเช่นกัน

    “ไม่ใช่เรื่องปกติแล้วว่ะ ….เหมือนฉันจะจำอะไรได้ว่ะ มันเป็นเ…..นี่ลลิตา ทั้งสองคน ตอบกลับด้วยมีเสียงหญิงสาวผู้มีดวงตาอ่อนโยนกล่าวขึ้นดังในหัวของเขาทั้งคู่ การสนทนาจบลง

    “ครับ” “ครับ”         ดีมาก ทำตามที่ฉันสั่งซะ ให้เดินแฝงตัวเข้าไปในศูนย์อาหารกลางของมหาวิทยาลัย ภายเวลา 15 นาที

    “ถ้าพวกเราไม่ทำล่ะ” ป๊อดกล่าวขัดขืนขึ้น หลังจากประโยคนั้นจบลง ร่างกายของป๊อดเริ่มรู้สึกว่าร่างกายร้อนเหมือนไฟเผา ผิวหนังเหมือนโดนน้ำมันร้อนราดลง หัวเริ่มเต้นตุบๆ คล้ายจะระเบิด เขาดิ้นทุรนทุรายอยู่นาน 5 วินาที ก่อนอาการนั้นจะหมดไป

    แบบนี้ไง ขอโทษนะ ที่ต้องลงโทษเวลาขัดคำสั่ง มันจำเป็นในการทำภารกิจน่ะ   “โอเคๆ ไปก็ได้….”เหร่งลุกขึ้นอย่างอ่อนแรง เดินออกจากกลางถนนท่ามกลางผู้คนที่มองอย่างสงสัย ว่าสองตัวนี้มาดิ้นอะไรกลางถนน มีคนมาดูเล็กน้อยด้วยความเป็นห่วง แต่ทุกคนเห็นว่าไม่มีอะไรผิดปกติ พวกเขาก็เดินต่อตามปกติ แล้วมุ่งหน้าสู่ศูนย์อาหารที่อยู่ไม่ไกลนัก ในตอนนั้นท่าทางจะเป็นตอนเที่ยงพอดี นักศึกษาและบุคลากรเดินเต็มแน่นศูนย์อาหาร

    “ให้เราทำอะไร” ป๊อดกระซิบกับ รอเวลา นับถอยหลัง 60 วินาที“แล้วไงต่อ”

    ขอโทษที่ต้องพูดคำนี้ แต่ว่า….พวกเธอต้องเล่นเกม survivle กันแล้วล่ะ ขอแค่พวกเธอคนใดคนหนึ่งโดนอีกฝ่ายจุดฉนวนระเบิดที่คอด้วยการดึงสลักที่คอของอีกคนได้ คนนั้นคือคนรอด  พอภารกิจสำเร็จ เธอคนใดคนหนึ่งก็จะถูกส่งกลับมาที่ศูนย์บัญชาการทันที!!!!!!” ทั้งคู่ตกใจอย่างมากกับคำสั่งล่าสุดของหญิงสาวผู้มีดวงตาอ่อนโยนคนนั้น

    “ทำไม……” ป๊อดถามกลับอย่างสับสนในทุกสิ่งตอนนี้

    นั่นสินะ มันเป็นเรื่องที่พวกเธอไม่เข้าใจ มันลึกซึ้งมากกกว่านั้น เอาเป็นว่า พวกเธอคือระเบิดพลีชีพของเรา ถ้าเราทำลายคนในพื้นที่และสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ได้มากๆ อัตราการชนะของเราก็จะมากกว่าโลก และที่สำคัญมันน่าสนุกจะตาย เวลาที่เห็นคนแข่งขันกันในวินาทีสุดท้ายในชีวิต ไม่คิดงั้นหรอ

    “คุณทำแบบนี้กับบ้านของคุณได้ยังไง!

    อ๋อ ขอโทษนะที่ต้องพูดแบบนี้ จริงๆแล้วฉันเป็นชาวแอสสะคนหนึ่ง เพียงแต่เราเคยจับชาวไทยมาได้ ฉันจึงสามารถเรียนภาษาและแปลงกายเป็นชาวโลกได้ msgjpog mw;lk34ok…….” ประโยคท้ายของเธอกลายเป็นภาษาแปลกประหลาด ในส่วนของผู้อ้างชื่อ ลลิตานั้น เธอค่อยๆกลายเป็นของเหลวสีเขียวน้ำเงิน ดวงตาที่อบอุ่นกลายเป็นก้อนกลมสีดำสนิท รอยยิ้มอ่อนโยนกลายเป็นช่องว่างกว้างรูปจันทร์เสี้ยว มีของเหลวเหนียวไหลออกมา

    …..คุณ…..หลอกดาว….”ป๊อดกัดฟันพูดอย่างเจ็บใจ

    แหม รู้ตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วจ้ะ หนุ่มน้อย ตอนนี้ร่างกายของพวกเธอได้ทำการตอบสนองต่อระเบิดติดคอแล้ว รักษาตัวเองไว้จะดีกว่านะ หรืออยากระเบิดมันสมองนิ่มๆของพวกเธอให้กระเด็นล่ะ…..’

    ………………..คุณมัน…..”

    ขอโทษทีนะจ๊ะ ทำตามคำสั่งเสียสิ

    เหร่งมองหน้าป๊อด สายตาของทั้งสองคนนั้นแสดงออกถึงความแค้น ความเจ็บปวด และความผิดหวังมาก แม้จะไม่ได้พูดคำใดออกมา สิ่งที่ทั้งสองสื่อสารก็เหมือนรับรู้ได้ดี

    “แกคิดเหมือนฉันมั้ย….” เหร่งถามขึ้นมาทำลายความเงียบ

    “เออ

    “แกช่วยตายทีเถอะ…..

    ทั้งคู่ตั้งสติอีกครั้ง แล้วเดินช้าๆไปที่ศูนย์อาหารและบริการคอมเพล็กซ์ ในตอนนั้นเป็นช่วงเที่ยง ทำให้มีคนเดินว่อนเต็มทุกชั้นทั้ง 3

    ทางศูนย์บัญชาการ

    (หมายเหตุ : คำพูดภาษาแอสสะจะแปลเป็นภาษาไทย โอเชนะคะ)

    ท่านนายพล….แน่ใจหรือว่าทั้งสองคนนั้นจะยอมระเบิดศูนย์อาหารจริงๆ”

    “หึ….ความรักตัวกลัวตายของมนุษย์น่ะ มันอยู่ในทุกคนนั่นแหละ จะมากจะน้อยก็ตาม

    “ตอนนี้ผ่านไป 30 วินาทีแล้ว ยังไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองเลย

    “รออีกเดี๋ยวสิ….ชาวไทยที่เราเคยดึงเอาตัวมาทั้ง 12 คนในจำนวนทั้งหมดน่ะ ล้วนทำตามภารกิจนี้ หรือที่เด่นๆนั่น ก็ตอนที่เราส่งคนไปที่ทางใต้ของพวกเขานั่นแหละ”

    ปิ๊บปิ๊บปิ๊บปิ๊บปิ๊บปิ๊บ!!!!

    เสียงสัญญาณตอบสนองจากเครื่องระเบิดที่ติดอยู่หลังลำคอของทั้งสองคน(ผู้ดวงอภิมหาซวย)ดังขึ้น นายพลของแอสสะฟังเสียงสัญญาณด้วยใบหน้าที่พอใจอย่างมหันต์ ราวกับผู้ที่ได้เห็นลูกไก่ที่เต้นไปมาตามคำสั่งบนมือของเขาเอง

    “ส่งตัวคนที่รอดมาที่นี่ซะ…..แล้วลบความจำก่อนส่งกลับไปที่ที่ของเขา”

    นายทหารคนหนึ่งจรดปลายนิ้ว(ถ้าเทียบกับคน) ลงที่ปุ่มสีแดงปุ่มหนึ่ง ลำแสงเลืองขึ้นมาจากท่อใสขนาดสูง 2.5 เมตร ผ่านไปเพียง 2 วินาที ร่างของป๊อดปรากฏขึ้นที่กลางหลอดใสนั่น สีหน้าของเขาไร้ความรู้สึกโดยสิ้นเชิง ดวงตาล่องลอย ใบหน้าเต็มไปด้วยคราบน้ำตาแห้ง ริมฝีปากนิ่งไม่มีร่องรอยของอารมณ์

    ….ยอดมาก นายทำดีแล้ว เพื่อนของนายคือผู้เสียสละ จงอย่าได้วิงวอนให้เขากลับมาอีก เธอคือผู้รอดชีวิต คือผู้ชนะในการแข่งขันด้วยสัญชาตญาณการกลัวตาย” นายพลกลายร่างเป็นลลิตาอีกครั้ง ดวงตานั่นยังคงอ่อนโยนมาเปลี่ยน แต่สิ่งที่เธอปล่อยมากจากริมฝีปากแดงฉาน ไม่มีสิ่งใดยืนยันว่าเธอคือ คน เธอเป็นเพียงแอสสะตัวหนึ่งที่เห็นชีวิตเป็นอาวุธเท่านั้น

    …….ขอบคุณครับ สำหรับคำปลอบใจที่ไม่มีอะไรน่าดีใจ การเสียสละของเราจะไม่สูญเปล่า….

    ป๊อดกล่าวพร้อมมองไปที่ดวงตาของลลิตา

    “คุณผู้หญิง รู้อะไรมั้ย แม้คนเราจะมีความรักตัวกลัวตาย ต้องแข่งขันการมีชีวิต ต้องอยู่รอด ต้องแก่งแย่ง เหมือนพวกคุณชาวแอสสะ แต่ สิ่งที่พวกคุณไม่มีคือการยอมเสียบางสิ่งเพื่อผู้อื่น เราตายลง เกิดขึ้น และตายลงใหม่ นั่นคือวัฏจักร เราไม่จำเป็นต้องเสียดายหากเราต้องทำเพื่อคนที่เรารัก…….เหร่งเองก็เช่นกัน เขายอมเสียสละชีวิต โดยการระเบิดตัวเองที่ทุ่งโล่งกว้างของริมบึงสีฐาน พวกเราทำให้มันทำงานขึ้นมา ที่นั่นในตอนนั้นแทบจะไร้ผู้คน เขายอมตายเพื่อให้ผมทำในสิ่งที่ผมควรจะทำ และผมต้องทำนี้……

    !! หืม ระเบิดที่ที่ไม่ค่อยมีคนงั้นรึ!!……

    “ลาก่อนครับ……คุณลลิตา…..

    ดวงตาของป๊อดเปล่งประกายออกมาชั่วครู่หนึ่ง เขาใช้มือที่กำเป็นหมัดชกเข้าที่หลังคอตัวเองแล้วดึงออกอย่างรุนแรง

    “เหร่ง…..รอก่อนนะ……เราจะเจอกันแล้ว”

    น้ำตาไหลออกมาจากดวงตานั้น ก่อนที่ร่างกายของเขาจะกลายเป็นแรงระเบิดรุนแรง ลำคอของป๊อดถูกแรงกระแทกดึงจนฉีกขาด ร่างกายแตกละเอียดออกมาช้าๆ แสงสีเหลืองทองเปล่งออกมา ดวงตาของลลิตาพร่ามัวก่อนที่ร่างกายของเธอจะถูกระเบิดจนย่อยยับ พร้อมๆกับฐานบัญชาการที่ถูกระเบิดจนสิ้น

    …………………………………………………….

    “เฮ้ย เหร่งมันหายไปไหนวะ” จีโน่ถามเพื่อนในภาคขึ้นมา หลังจากที่เขาไม่เห็นหัวหน้าภาคมาเรียนแล้ว 5 วัน

    “ไม่รู้ว่ะ ว่าแต่เห็นโพสใน kku group มั้ย ที่เขาว่าอยู่ดีๆก็มีแรงระเบิดรุนแรงขึ้นที่บึงสีฐานน่ะ แต่โชคดีที่ไม่มีใครเป็นอะไร” กิ๊งชวนคุยเมื่อเห็นโพสเข้า

    ………………….

    จีโน่เดินไปเล่นที่บึงสีฐาน เขานั่งลงริมบึง พร้อมกับทอดสายตาไปมารอบๆตัว ลมพัดผ่านวู่หนึ่งที่ใบหน้า ปอยผมของเขาปลิวตามลม ใบหูของเขาเหมือนได้ยินเสียงกระซิบเบาๆขึ้นมา ….

    กุไม่ได้ไปไหน กุแค่ฝากตัวไว้ที่นี่เท่านั้น…..’

    จีโน่หันไปมา เพื่อหาต้นเสียงที่ฟังดูคล้ายเสียงเหร่ง แต่ไม่มีใครในบริเวณนั้นนอกจากตัวเขาเอง

     

     

     

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×