[ChanBaek] Secret ..intimate (รีไรท์ !!) - [ChanBaek] Secret ..intimate (รีไรท์ !!) นิยาย [ChanBaek] Secret ..intimate (รีไรท์ !!) : Dek-D.com - Writer

    [ChanBaek] Secret ..intimate (รีไรท์ !!)

    โดย Aprilnov

    เมื่อเพื่อนสนิท มีเหตุผลที่ไม่อยากสนิทด้วยอีกต่อไป.. คุณจะทำอย่างไร?

    ผู้เข้าชมรวม

    1,685

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    1.68K

    ความคิดเห็น


    18

    คนติดตาม


    22
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  1 พ.ย. 56 / 01:47 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
     "กับแพคฮยอน... ผมสนิทกับเค้าที่สุดแล้วครับ"    





                    Backgrounds FreeGlitters.Com
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      Secre..intimat

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       "กับแพคฮยอน ผมสนิทกับเค้าที่สุดแล้วครับ"

       

       

       

      ผู้ชายที่ตอบคำถามด้วยรอยยิ้มกว้างตามแบบฉบับเจ้าตัว เสียงทุ้มใหญ่ที่เป็นเอกลักษณ์นั่น มันช่างขัดกับหน้าตาหมอนี่จริงๆ  จะว่าไปก็ขัดมันทั้งตัวล่ะครับ สูงเป็นเสาส่งสัญญาณเครือข่ายโทรศัพท์ขนาดนี้ แต่หน้าตาดันละมุนจิ้มลิ้มกว่าผู้หญิงเสียอีก

       

       

        

      ใช่ครับ เค้าคือเพื่อนสนิทของผม...

       

       

       

      สนิทกันมากแค่ไหนน่ะเหรอ ผมก็ไม่แน่ใจหรอก หรือจะไม่สนิทแต่เพียงเพราะเราอายุเท่ากัน

      เป็นรูมเมทกัน  มีนิสัยคล้ายๆกัน เรียกว่าเข้ากันได้ดี จะแตกต่างก็เรื่องความสูงนี่ล่ะมั้ง มันไม่ได้ผิดที่ผมนะ 

       

       

       

      เพราะการที่ผู้ชายซักคนจะสูงแค่170หน่อยๆนี่มันแปลกเหรอครับ ผมว่าไม่นะ 

       

       

       

      แต่ไอ้เจ้ายีราฟนั่นผมไม่แน่ใจว่ากินนมต่างข้าวหรือกินอะไรที่พิเศษกว่านั้นคลุกข้าวกันแน่ถึงได้สูงเอาสูงเอาขนาดนั้น.. 

       

       

       

       ผมเปล่าอิจฉาเหอะสาบานได้..

       

       

       

       "แพคฮยอนอา~~~" 

       

       

       

      นั่นไง พูดยังไม่ทันขาดคำมาแล้วครับ ..

       

       

       

      แล้วไอ้นิสัยที่ชอบกระซิบข้างๆหูผม นี่ก็ด้วย  เมื่อไหร่มันจะเลิกทำซะที!

       

       

       

        "เรียกเฉยๆไม่ต้องกระซิบกระซาบจะตายมั้ย"

       

       

       

      ผมแขวะด้วยอาการหมั่นไส้เล็กๆ นี่ถ้าเป็นคนอื่นอาจจระเข้ฟาดหางผู้ชายหน้าตาดีๆ แต่ปากไม่ค่อยดีแบบผมแล้วก็เป็นได้

       

       

       

        แต่ไอ้หมอนี่... มัน

       

       

       

       "ก็เรียกใกล้ๆแพคฮยอนจะได้สะดุ้งตกใจ หน้าเหวี่ยงๆนี่น่ารักดีออก"

       

       

       

      ไม่พูดเปล่ายังเอามือใหญ่ๆของมันมาบีบจมูกผมอีกแน่ะ   ไอ้หมอนี่..มันโรคจิตหรือยังไงชอบกวนประสาทผมไม่เว้นแต่ละวันเหอะให้ตาย

       

       

       

      นอกจากเรื่องกวนเบื้องล่างผมเป็นประจำแล้ว ... ไอ้หมอนี่มันยังชอบหลอกแต๊ะอั๋งผมเรื่อย

       

       

       

      ผมใช้คำถูกหรือเปล่า??  ผมเป็นผู้ชายถูกลวนลามได้เหมือนกันนี่ จากเพื่อนตัวเองนี่ล่ะ จะบนเวทีหรืออะไรก็ไม่เว้นนะครับผมล่ะเชื่อมันเลย เวลาเดินก็ต้องเกาะ ขอแค่นิดนึงก็ยังดีพอใจเค้าล่ะ

       

       

       

        "เดี๋ยวก็เป็นหมาหลงทางอีกหรอกแพคฮยอนอา"

       

       

       

      แน่ะ.. เห็นมั้ยครับทำทีมาจับข้อไม้ข้อมือผมลากๆจูงๆไปโน่นไปนี่  แถมยังมาล้อเรื่องที่ผมแค่เดินผิดทางในงานแฟนไซน์อีกตะหาก ผมแค่งงนิดหน่อยก็สต๊าฟไม่บอกผมนี่ ผมก็ต้องใช้วิจารณญาณเอง

       

       

       

        เออ แล้วไงล่ะ..!!

       

       

       

      ถ้านายจูงฉันก็ไม่หลงหรอก ชิ !

       

       

       

      เอ๊ะ ยังไงกันครับ ผมควรบอกว่าคนเรามันก็พลาดกันได้บ้างแหละ ไอ้โย่งเอ้ยสิ

       

       

       

      ใช่มะ?

       

       

       

       ก็เพราะอย่างนี้แหละครับ เรื่องที่เราดูจะสนิทสนมกันมาก และตัวติดกันแทบจะตลอดเวลา  ทำให้เกิดเป็นประเด็นถูกจับคู่ไปตามระเบียบแฟนคลับ หรือที่เรียกว่าคู่จิ้นกันนั่นล่ะครับ  ไม่ใช่ผมเลยนะ หมอนั่นต่างหากที่ชอบมาป้วนเปี้ยนใกล้ๆผมเอง ผมพยายามจะออกห่างแล้วเหอะ .. พยายามมากกกกก

       

       

       

       

       "นี่ ถอยไปหน่อยสิชานยอล นี่ยืนเบียดจนจะรวมร่างกันได้อยู่แล้วนะ"

       

       

       

      ผมพูดขึ้นเบาๆพอได้ยินกันสองคน  โดยที่ไม่ได้หันไปมองหน้าคนตัวสูงที่ยืนยิ้มร่าโบกมือทักทายแฟนคลับทุกซอกทุกมุมอยู่อย่างไม่รู้จักเบื่อ 

       

       

       

        "ผมแพคฮยอนหอมจังนะ ยืนตรงนี้ยังได้กลิ่นเลยอ่ะ"

       

       

       

      เฮ้ย ไอ้นี่ก็แกจะสิงฉันอยู่แล้วเนี่ยไม่ได้กลิ่นก็คงจะมีปัญหากับโพรงจมูกล่ะ  แล้ว ..ดะ..เดี๋ยว บอกให้ขยับออกไปไม่ใช่ขยับเข้ามา ไม่ต้องมาผมหงผมหอมกลบเกลื่อนเลย!

       

       

       

        "ไอ้ยีราฟฉันบอกให้นาย          เ ข ยิ บ อ อ ก ไ ป!!!

       

       

       

      ผมจงใจเน้นเสียงคำหลัง เพราะรู้ว่าชานยอลน่ะมึนมากครับ  มึน ซึน อึน สารพัด จะทำตามง่ายๆแบบไม่กวนอวัยวะที่ติดกับรองเท้านี่ก็ยากแสนยาก  แต่เวลาที่ผมเอาจริง หมอนี่ก็ต้องยอมเหมือนกันนะ ..ผมภูมิใจในตัวเองชะมัดเลย..

       

       

       

        แต่ก็นั่นล่ะครับ ขึ้นชื่อว่าปาร์คชานยอล หมอนี่มันหน้าด้าน นี่ชมนะ พูดเลย

       

       

       

      เป็นเรื่องจริงครับ ในขณะที่ผมกำลังเล่นอะไรเพลินๆในโลกส่วนตัวหล่อๆที่ผมสร้างขึ้น คุณอ่านไม่ผิดหรอกครับ โลกของผมไม่สวยอย่างใคร แต่โลกของ พยอนแพคฮยอนคนนี้หล่อมาก

       

       

       

       "เล่นด้วยสิ แพคฮยอน"

       

       

       

      ..มันมาอีกแล้วครับ

       

       

       

      ผมโยกมือหลบมือใหญ่ๆของปาร์คชานยอลที่ยื่นจะมาแย่งของเล่นของผม 

       

       

       

       "อย่ายุ่ง"

       

       

       

      ผมแยกเขี้ยวใส่ทันที  แต่มันไปสะกิดต่อมละอายแก่ใจหมอนี่มันบ้างมั้ยนะ

       

       

       

         "เวลาเหวี่ยงนี่น่ารักนะ"

       

       

       

      มันยังมีหน้ามากระซิบชมผมอีกแน่ะ  ผมเปล่าเขินอะไรนะครับ แค่เพื่อนชม เรียกว่ามันแกล้งกวนประสาทผมมากกว่า  ผมจะไปเขินทำไมเล่า เฮอะ อากาศวันนี้ก็ร้อนนะ หน้าผมร้อนไปหมดเลย แอร์เสียหรือไง

       

       

       

      เป็นอย่างนี้ตลอดครับ วันไหนไม่โดนผมด่า ปาร์คชานยอลอาจนอนไม่หลับ กินข้าวไม่อร่อยก็เป็นได้

       ต้องกวนให้โดนเหวี่ยงมันทุกวันสิน่า!!

       

       

       

       

      วันนี้ก็เหมือนกับทุกวัน กับตารางงานยาวเหยียดเช้าจรดค่ำมืดดึกดื่น  กว่าจะเสร็จกิจกรรมอันยาวนานของพวกเรานี่ก็ดึกมากแล้วครับ  ผมอาบน้ำเสร็จก็กลิ้งลงที่นอนเตรียมพักผ่อนฝันหวานถึง ฮันกาอิน ที่รักของผมทันทีเลยล่ะ

       

       

       

      แต่....

       

       

       

       "แพคฮยอนอา เล่นเกมส์กันนะ" 

       

       

       

      มาอีกแล้ว ร่างกายผมตอนนี้หลับไปครึ่งนึงแล้วครับ  เหลือแค่ตาเล็กๆของผมที่โดยปกติมันก็เหมือนจะไม่ลืมอยู่ละ

       

       

       

         "ไม่เอา ฉันง่วงจะตายแล้วเหนื่อยมากด้วย"

       

       

       

       "นะ"

       

       

       

       "ไม่เอา"

       

       

       

       "นะนะ"

       

       

       

       "ม่ายยย!

       

       

       

        "นะน้าาา~"

       

       

       

      "ปาร์คชานยอล!!!"

       

       

       

      ผมผุดลุกด้วยความโมโห ปัดมือของเจ้าตัวอย่างแรงแบบไม่ได้ตั้งใจนะครับ  แต่มันก็ส่งผลให้เครื่องเล่นเกมส์ในมือของชานยอลหลุดกระเด็นไปไกลหลายตลบ  กี่ตลบผมก็นับไม่ทัน  แต่จุดสิ้นสุดคือกำแพงแข็งๆ  ก่อนตกกระทบพื้นห้องอย่างรุนแรง 

       

       

       

      และเหมือนว่าเจ้าเครื่องเล่นเกมส์สีดำ จะบุบยุบหรือแตกไปแล้วซะด้วย... อา เจ้าคู่หูของชานยอลพี่แพคฮยอนไม่ได้ตั้งใจนะ ตายหรือเปล่า

       

       

       

       ชานยอลมองตามเครื่องเล่นเกมส์สุดรักของตัวเองตาละห้อยไม่แพ้ปากเลยครับ  ส่วนผมตอนนี้ก็ตื่นสนิท   ขยับปากจะเอ่ยกับเจ้าตัวว่า ขอโทษนะ แต่ทำไมเสียงมันไม่ออกมาล่ะ  

       

       

       

       "ชะ..ชาน..

       

       

       

      ได้แค่นั้นล่ะครับ ชานยอลเดินไปเก็บซาก อาจจะยังไม่ถึงกับเป็นซากหรอก แต่ผมคิดว่ามันคงใช้งานต่อไปไม่ได้แล้วล่ะ  แล้วชานยอลก็เดินออกไปจากห้องเงียบๆ ทิ้งให้ผมนั่งอ้าปากพะงาบๆจะพ่นคำขอโทษก็ไม่หลุดออกมาซะที  ผมพยายามแล้วนะ

       

       

       

        จากวันนั้นผ่านมาร่วมอาทิตย์ พวกเรายังคงมีตารางงานยุ่งทุกวัน เหมือนเดิม  แต่มีสิ่งหนึ่งที่ไม่เหมือนเดิม คือชานยอลไม่แม้จะเฉียดเข้ามาใกล้ผมเลย  ไม่ซักนิด โกรธแพคฮยอนเหรอชานยอลอา

       

       

       

      หมอนั่นคงโกรธผมจริงๆแล้วล่ะ ตั้งแต่รู้จักกันมาปีกว่าๆชานยอลไม่เคยโกรธผมรุนแรงเท่าครั้งนี้เลย มีแค่งอนนิดหน่อยง้อก็หายแล้ว แต่นี่ผมทั้งขอโทษไปไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง เจ้าตัวก็ได้แค่พยักหน้ารับแบบเฉยชา 

       

       

       

       "ชานยอลอา" 


       

       

       

      ทำไมผมต้องมาทำเสียงอ้อนๆงุ้งงิ้งเป็นลูกหมาหิวแบบนี้นะ

       

       

       

      ขอโทษนะ นายก็รู้ว่าฉันง่วงมากนี่นาวันนั้น.. ฉันก็เลย.."

       

       

       

       "ช่างมันเถอะแพคฮยอน" 


       

       

       

      อีกแล้ว ช่างมันอีกแล้วนี่ฟังมาทั้งอาทิตย์แล้วนะ พูดคำอื่นบ้างสิ ไม่อยากช่างมันแล้ว

       

       

       

      "ชานยอลอา ขอโทษจริงๆนะ นะ"

       

       

       

      กลายเป็นผมเหรอที่ต้องมาอ้อนหมอนี่ ผมคือท่านแพคฮยอนนะ (อันนี้ผมตั้งเองครับ เห็นคนอื่นเรียกพี่คริส ท่านคริสไรงี้เท่ดี) เห้ย!! ท่านแพคฮยอนเลยนะเฟ้ย!!

       

       

       

       "ช่างมันเถอะ "

       

       

       

      ช่างมันอีกแล้ว จะให้ฉันไม่คร์ผมก็ทำไม่ได้  อ้าว.. นั่นไงมุขเดิมเลย จะเดินหนีผมอีกแล้ว คราวนี้ผมไม่ยอมนะ ถ้าผมยอมให้เรียกไอ้หมาแพคตลอดชีวิตเลยเอ้า!!

       

       

       

       ขาเล็กๆของผม รีบวิ่งไปดักหน้าเจ้าตัวทันที แถมยังกางแขนสองข้างเพื่อกั้นไม่ให้ชานยอลผ่านไปได้ด้วย แต่เอาจริงๆนะ แค่คนตรงหน้านี่ผลักเบาๆผมคงลงไปสวัสดีพื้นห้องแบบไม่เป็นท่าแหละ

       

       

       

      เฮ้อออ~~~~~  สวัสดีพื้นจ๋า (ผมซ้อม)

       

       

       

      ชานยอลไม่กล้าทำอย่างนั้นหรอก ชานยอลน่ะใจดี แต่ว่า ทำไมนะ คราวนี้ทำไมชานยอลใจร้ายกับผมนัก

       

       

       

       "ชานยอล ฉันจะซื้อให้ใหม่แล้วหายโกรธนะ.."

       

       

       

      ผมเงยมองหน้าชานยอลอย่างสำนึกผิดจริงๆนะครับ หน้าตาผมตอนนี้คงเหมือนหมาหงอยโค่ดๆอ่ะ  แต่ทำไมผมต้องมาง้อหมอนี่ขนาดนี้ด้วยล่ะ ผมไม่ได้ตั้งใจนะ มันแค่อุบัติเหตุเพราะความง่วงเท่านั้น 

       

       

       

       "ไม่เป็นไร ช่างมันเถอะตัวเล็ก" 

       

       

       

      ชานยอลยิ้มบางๆให้ผม มือหนานั่นยกขึ้นมาขยี้หัวของผมเบาๆ ให้ตายเหอะ ยิ้มนั่นไม่ได้เจือความโกรธหรือไม่พอใจอะไรซักนิด แต่มัน..อ่อนโยนที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้

       

       

       

      ผมชะงัก เพราะรอยยิ้มของชานยอลที่ส่งมาเพียงครู่ และดูเหมือนเจ้าตัวก็จะชะงักกับการกระทำของตัวเองไปด้วย  มือหนานั่นยกไปเกาท้ายทอยเบาๆแก้เก้อ ก่อนถอนใจเบาๆแล้วเดินหนีผมไปอีกแล้ว..

       

       

       

      ทิ้งให้ผมยืนเอ๋อกับรอยยิ้มที่ผมไม่เคยได้เห็น .. หรือไม่เคยสังเกตเห็นกัน

       

       

       

        คือปกติหมอนี่จะยิ้มกว้างเห็นฟันครบ40ซี่ตามแบบฉบับเจ้าตัว ไม่ใช่ยิ้มละมุนละไมแบบนี้  แล้วทำไมหัวใจผมถึงได้เต้นแรงอย่างนี้นะ ไม่เข้าใจเลย

       

       

       

       

       

       

      ...................................................

       

       

       

      ....................................

       

       

       

       

      ............................

       

       

       

       

      ............

       

       

       

       

      ..

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

      แปลก.....

       

       

       

      กับการไม่มีชานยอลข้างๆเหมือนทุกทีมันแปลกมากเกินไปครับ  ถึงเราจะยังคงเป็นรูมเมทกัน แต่พูดคุยกันนับคำได้ พอผมตั้งท่าจะคุยเจ้าตัวก็จะชิ่งหนีตลอด  แค่ทำเกมส์พังเองนะชานยอล นายจะโกรธจนลูกบวชเลยหรือไง 

       

       

       

      ในขณะที่ผมกำลังคิดวกวนเรื่องพวกนี้

       

       

       

      "ผมว่าพี่ชานยอลกับพี่ซูโฮแปลกๆนะ" 

       

       

       

      จู่ๆไอ่เด็กตัวขาวซีดหน้าตามึนๆก็โพล่งขึ้นมาในขณะที่ทุกคนกำลังนั่งดูวาไรตี้สุดฮาในวันหยุดของพวกเรา ซึ่งชาติเศษจะมีครั้ง 

       

       

       

      "ยังไง"   เพื่อนตาโตของผมเอ่ยขึ้นด้วยหน้าตาสงสัยเสียเต็มประดา

       

       

       

       "ช่วงนี้อ่ะ พี่ชานยอลตัวติดพี่ซูโฮแปลกๆ ไปไหนไปด้วยตลอด  แถมยังมีโมเม้นที่แฟนคลับถ่ายได้อีกเพียบเลยอ่ะ ผมว่าพี่แพคฮยอนโดนทิ้งแล้วแน่เลย"

       

       

       

      พูดมันไม่พูดเปล่าแถมยังชี้นิ้วมาทางผมจนนิ้วมันจะทิ่มตาผมอยู่แล้ว

       

       

       

      นินทาระยะวางเพลิงขนไปแล้วนะ โอเซฮุน

       

       

       

       "พูดอะไรวะ พี่แพคฮยอนจะโดนทิ้งได้ไง มั่วซั่ว " 

       

       

       

      ดีมากจงอินน้องรักมิเสียแรงที่พี่คอยมองว่านายหล่อเสมอมา

       

       

       

      "พี่แพคฮยอนไม่ได้เป็นแฟนพี่ชานยอลซักหน่อย ฮุ้ว~"

       

       

       

      อื้ม ใช่เลยจงอินนั่นล่ะ แต่..เดี๋ยว ทำไมใจผมมันกระตุกวูบๆพิกลแฮะ แถวๆขอบตาก็ร้อนๆแปลกๆ ใครปิดแอร์อีกแล้วเนี่ย!!?

       

       

       

       "เออจริงว่ะ" 

       

       

       

      ไอ่สองมักเน่พากันเห็นดีเห็นงามในขณะที่คยองซูมองผมตาปริบๆ  ส่วนผมเหรอ ..เหมือนร่างกายถูกสิ่งเร้นลับในโลกมืดดูดวิญญาณไปแล้ว

       

       

       

        "ขอตัวก่อนนะ" 

       

       

       

       

      ผมผุดลุกขึ้นคิดว่าจะไปนอนพัก เผื่อไอ้อาการประหลาดๆที่เกิดขึ้นจะทุเลาลงบ้าง  ผมอาจกำลังจะป่วยก็ได้ ผมควรพักผ่อน ผมควรไปนอนดับความฟุ้งซ่าน โอยยปวดหัว และมันก็ดันเป็นจังหวะเดียวกับที่ประตูหอของพวกเราเปิดออก ด้วยฝีมือของคนคู่หนึ่งที่หายไปด้วยกันตั้งแต่เช้า หอบข้าวของพะรุงพะรังเข้ามาพร้อมกันด้วยเสียงหัวเราะและท่าทีที่ร่าเริงเหลือเกิน

       

       

       

      เจ็บแปลบๆแถวอกซ้ายแฮะ ...อะไรเนี่ย... สงสัยจะแน่นอก

       

       

       

       ผมรีบสาวเท้าเข้ามาในห้อง ทิ้งร่างลงกับฟูกนิ่ม หลับตาลงช้าๆแล้วปล่อยให้บางอย่างไหลอาบแก้มใสของตัวเองเงียบๆ

       

       

       

      ผมร้องไห้ทำไมกัน.. สงสัยฝุ่นเข้าตามั้ง

       

       

       

      ผมเห็นบ่อยๆในละครน้ำครำน่ะครับ เวลานางเอกร้องไห้ก็เพราะฝุ่นเข้าตา แต่ผมไม่ใช่นางเอกนะ เป็นท่านแพคฮยอนสุดหล่อ คาริสม่าเสียงหลักของวงบอยแบนด์ร้อนแรงที่สุดแห่งเกาหลีตอนนี้เชียวนะ

       

       

       

       

       

       

       

        "หรือพี่ชานยอลจะจีบซูโฮพี่จริงๆวะ ตัวติดกันขนาดนั้น" 

       

       

       

      ขาเล็กของผมชะงักทันทีที่ได้ยินเสียงสนทนาดังออกมาจากห้องด้านข้างที่ไม่ได้ปิดประตู

       

       

       

       "เฮ้ยจริงเหรอวะ แต่เนี่ยพวกแฟนคลับเริ่มจับคู่ละนะ  แถมยังโหยหวนเรื่องชานแพคเป็นอะไรกันอีก แต่มันก็จริงว่ะ หมู่นี้สองคนนั่นเยอะโค่ดดดดดดด "

       

       

       

      ผมยืนพิงประตูจนบทสนทนาเงียบลงแล้วจึงตัดสินใจเดินผ่านเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น  

       

       

       

       "อ้าวพี่แพคฮยอนจะไปไหนอ่ะ"

       

       

       

      เป็นจงอินที่เหลือบมาเห็นผมก่อนเลยเอ่ยถามขึ้นด้วยสีหน้าตื่นๆ ซึ่งปกติหน้ามันไม่เคยตื่น..

       

       

       

        "ไปซื้อของหน่อย เอาไรมั้ย?"

       

       

       

      พยายามปรับเสียงให้เป็นปกติแต่ก็รู้สึกว่าเสียงมันสั่นๆ

       

       

       

        "ไปคนเดียวเหรอพี่ให้ผมกับเซฮุนไปเป็นเพื่อนมั้ย?" 

       

       

       

      จงอินบอกด้วยน้ำเสียงติดจะกังวลเล็กน้อย คงเป็นเพราะผมไม่เคยออกไปไหนคนเดียว ถ้าไม่มีพี่ซึงวานไปด้วยก็จะเป็นชานยอลที่มักจะไปไหนมาไหนกับผมเสมอ...

       

       

       

      แต่ตอนนี้........

       

       

       

        "ไม่เป็นไรแถวนี้แหละ แป๊ปเดียว เดี๋ยวมานะ"

       

       

       

      ผมบอกไอ้เด็กดำกับคู่หูตัวขาวของมันพร้อมกับรีบสาวเท้าออกมาโดยไม่รอให้น้องทั้งสองคนได้ทัดทานซ้ำ  อากาศวันนี้ค่อนข้างหนาวเลย แต่ก็ไม่เป็นปัญหามากนัก ถึงผมจะขี้หนาวก็เหอะ

       

       

       

      แต่หล่อๆแมนๆอย่างผมนี่อากาศแค่นี้จิ๊บจ๊อย ขากลับผมเลยเลือกที่จะเดินกลับมาทางสวนสาธารณะที่อยู่ไม่ห่างกับหอพักของพวกเรามากนัก  ที่นี่ผมชอบมาแอบร้องเพลงคนเดียวด้วยนะ มันสงบอย่างบอกไม่ถูก 

       

       

       

      จะว่าคนเดียวก็ไม่ถูกนัก เพราะคนที่จะมากับผมเสมอ .... ชานยอล   ...

       

       

       

      หมอนั่นอีกแล้วเหรอ เป็นชานยอลตลอดที่อยู่ข้างผมสินะ  ไม่ว่าผมจะไปไหน เค้าคือคนที่ยืนและเดินเคียงข้างผมไปทุกที่ ผมไม่เคยคิดเลยว่าวันที่ไม่มีเค้าจะเป็นยังไงกัน 

       

       

       

       "ชานแพคของนูน่าเป็นอะไรกันไปน่ะ!!"

       

       

       

        "เอาชานแพคกลับมาที พวกเราใจจะขาดแล้วนะ"

       

       

       

        "โกรธอะไรกันหรือเปล่า รีบๆกลับมาน้าาา~"

       

       

       

       

      ข้อความต่างๆจากบรรดาแฟนคลับถูกโพสในออฟฟิเชียลเว็บไซต์ของพวกเราเต็มไปหมด  มีคำถามเป็นประเด็นต่างๆมากมายเกี่ยวกับการห่างกันของพวกเราในอินเตอร์เน็ต

       

       

       

      ผมเลื่อนนิ้วช้าๆอ่านข้อความเหล่านั้นบนไอแพดคู่กายไปเรื่อยๆ เกือบเดือนแล้วสินะที่เป็นแบบนี้  ผมล่ะอยากไปโพสตอบจริงๆว่าแค่ผมเผลอทำเครื่องเล่นเกมส์สุดรักของหมอนั่นพังแค่นั้นเอง 

       

       

       

      ไร้สาระที่สุดปาร์คชานยอลไม่หายโกรธซักที!!

       

       

       

      ไอ่ยีราฟงี่เง่า!!

       

       

       

      หรือจริงๆ หมอนั่นอาจแค่เบื่อผมแล้ว และกำลังจะเป็นอย่างที่เซฮุนกับจงอินพูด เบื่อผมที่งี่เง่ากว่า  ชานยอลไม่อยากอยู่ใกล้แพคฮยอนแล้วสินะ...

       

       

       

       

       "ชานยอล.." 

       

       

       

       

        ผมนั่งอยู่ในสวนสาธารณะนานเท่าไหร่ไม่รู้ ตาบวมหมดเลย  น่าตลกจริงๆ ฝุ่นมันเข้าตาอีกแล้ว ตอนนี้มืดแล้วด้วยสิผมควรรีบกลับได้แล้ว เดี๋ยวคนอื่นจะเป็นห่วง

       

       

       

      กลับไปพร้อมกับบางสิ่งที่ผมตั้งใจจะซื้อมันเพื่อไปขอโทษชานยอล ..เป็นครั้งสุดท้าย

       

       

       

      ผมคิดว่าผมคงจะเลิกทำมันแล้ว.. บางทีเค้าอาจอยากหายไปจากการยืนข้างผม ไม่อยากเป็นเพื่อนผมแล้วก็ได้..

       

       

       

        "ฝนตกเหรอ?" 

       

       

       

      ผมพึมพัมกับตัวเองเมื่อเดินมาได้ไม่ถึงครึ่งทางแต่ก็มีหยดน้ำเม็ดใสหล่นลงมากระทบใบหน้า  นี่มันฝนหลงฤดูหรือไงเนี่ย ผมกอดของที่ซื้อมาไว้แน่น กลัวมันจะเปียกฝนแล้วใช้งานไม่ได้ พยายามมองหาที่หลบฝนแต่แถวนี้แทบไม่มีเลย มีแค่รั้วสูงๆ

       

       

       

      ผมเลยตัดสินใจว่าคงต้องวิ่งไปแล้วล่ะ อีกไกลเลยกว่าจะถึง ฝนก็ตกหนักขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดผมก็วิ่งมาจนถึงหอล่ะ สภาพน่ะเหรอ ลูกหมาตกน้ำหลายรอบดีๆนี่เอง 

       

       

       

       "แพคฮยอน!!" 

       

       

       

      ผมสะดุ้งสุดตัว เพราะตกใจกับเสียงตะโกนเรียกของคนเบื้องหน้าที่กำลังวิ่งมาหาผมด้วยใบเป็นกังวล  นั่นคือคนที่ผมอยากพูดอยากคุยอยากอยู่ใกล้มากที่สุดตลอดเกือบเดือนที่ผ่านมา

       

       

       

      นี่ผมเป็นบ้าอะไรกันนะ  หรือเพราะความเคยชิน

       

       

       

      "ไปไหนมาน่ะ ทำไมไม่บอกฉัน แล้วทำไมไม่พกร่ม ถ้าป่วยขึ้นมาจะทำยังไง!!" 

       

       

       

      ไม่คุยกับฉันแล้วฉันจะไปบอกนายทำไม

       

       

       

      ผมล่ะอยากจะพูดเหน็บแนมแกมประชดเหมือนที่เคยทำจริงๆ แต่ตอนนี้แม้แต่จะเอ่ยปากยังไม่กล้า ผมมองเห็นแค่สีหน้าที่ดูเป็นกังวลของชานยอล แววตานั่นบ่งบอกว่าเป็นห่วงเหลือเกิน  ...ผมควรจะดีใจมั้ยนะ ไม่สิผมดีใจได้หรือเปล่าต่างหาก  แพคฮยอนดีใจได้ไหมชานยอล..

       

       

       

       "ชานยอลอา.. ขอโทษนะ ฉันซื้อนี่มาคืนให้ "  เสียงของผมมันสั่นๆอีกแล้ว 

       

       

       

      ผมเอ่ยพร้อมกับยื่นถุงบางสิ่งที่เปียกโชกไม่ต่างกันกับตัวผมตอนนี้ไปเบื้องหน้า แม้แต่ปากก็ยังสั่น คงหนาวเพราะตากฝนมาแน่ๆ

       

       

       

      แล้วผมจะร้องไห้ทำไม หรือนี่มันน้ำฝน คงเป็นหวัดด้วยแล้วล่ะ หายใจไม่ค่อยออกขนาดนี้ สะอื้นด้วย กลั้นไม่ได้เลย รู้สึกปลวดแปลบที่หน้าอกชะมัด

       

       

       

      ชานยอลไม่ได้ตอบผมแต่กลับดึงผมเข้าไปกอดจนแนบชิดกับแผงอกกว้าง  ชานยอลกอดผมแน่น ใบหน้าคมซบกับลาดไหล่ของผมนิ่ง

       

       

       

      "นายจะเปียกนะ..."

       

       

       

      ผมไม่รู้จะพูดอะไรออกมา ผมทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ยืนนิ่งปล่อยให้คนตัวสูงกอดผมอยู่อย่างนั้น  นานแล้วที่ไม่ได้ใกล้กันขนาดนี้ ผมไม่รู้ว่าผมโหยหาผู้ชายที่ชื่อปาร์คชานยอลตั้งแต่เมื่อไหร่  แต่ผมคิดถึง คิดถึงมากเหลือเกิน นี่มันอะไร

       

       

       

      หรือว่าผมคิดอะไรกับหมอนี่เกินคำว่าเพื่อนสนิท

       

       

       

      ผมถึงได้ปวดใจมากมายขนาดนี้

       

       

       

       

        ชานยอลยังคงกอดผมอยู่อย่างนั้นนานเท่าไหร่ไม่รู้ ผมกลัวว่าเค้าจะเปียกไปกับผมด้วยเลยค่อยๆยกมือดันเค้าออก แต่เค้ากลับกอดแน่นขึ้นไปอีก 

       

       

       

      "เด็กโง่เอ้ย" 

       

       

       

        "ฉันไม่ได้โกรธนายซะหน่อยไอ้ตัวเล็ก" 

       

       

       

      "แล้วมันก็ไม่เกี่ยวกับไอ้เครื่องเล่นเกมส์บ้าๆนี่ด้วย"

       

       

       

      ชานยอลเอ่ยยาวเหยียด น้ำเสียงหมอนั่นดูไม่ชอบใจแต่ไม่ได้แสดงว่าโกรธผม

       

       

       

       "แต่ว่า"  ผมแย้ง

       

       

       

      แล้วทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง ...

       

       

       

       "ฉัน...

       

       

       

       "นายรำคาญฉัน"

       

       

       

      ในที่สุดชานยอลก็พูดออกมาคิ้วผมขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ชานยอลคลายอ้อมกอดออกและเปลี่ยนมาจับจ้องที่ใบหน้าผมแทน

       

       

       

        "เพราะฉันคิดว่า ฉันคงจะวุ่นวายกับแพคฮยอนมากเกินไป แพคฮยอนคงรำคาญฉัน ฉันไม่อยากให้แพคฮยอนเกลียดฉัน ฉันก็เลยเลือกที่จะอยู่ห่างแพคฮยอนเอง"

       

       

       

      ชานยอลพรั่งพรูในสิ่งที่ผมไม่เคยรับรู้

       

       

       

       "ไม่ได้โกรธเรื่องที่ฉันทำเครื่องเล่นเกมส์พังหรอกเหรอ.....

       

       

       

       "ไอ้บ้าเอ้ย!!" 

       

       

       

      ผมออกแรงผลักชานยอลเต็มแรงด้วยแรงทั่งหมดที่มี ส่งผลให้คนที่ไม่ได้ตั้งตัวเซไปเล็กน้อย

       

       

       

        "นาย นาย! ที่นายไม่คุยกับฉัน หลบหน้าฉัน เย็นชาใส่ฉัน ไม่ได้เป็นเพราะนายโกรธฉัน  แต่กลัวฉันรำคาญงั้นเหรอ ฮึก ไอ้งี่เง่า  ฮืออออ ฮึกกก  นายมันแย่ที่สุดปาร์คชานยอล  ฮือออออ!!

       

       

       

      ผมยกมือขยี้หูขยี้ตามั่วไปหมด น้ำตาก็ไหลเอาไหลเอา  อายชาวบ้านบ้างมั้ยร้องไห้ขนาดนี้น่ะ

       

       

       

         "ก็แพคฮยอนคงรำคาญ ที่ฉันวุ่นวาย.."

       

       

       

      ชานยอลพูดแต่ไม่มองหน้าผม ถ้าผมสูงกว่านี้ซักหน่อยจะตบหัวให้หายโง่ซัก

       

       

       

       "ถ้าฉันรำคาญ ฉันจะตามง้อขอโทษนายทำไม ฉันควรจะดีใจที่นายไปไกลๆได้ซะก็ดี  แต่นี....   ฮือ.. ฉัน ฉัน ฉันคิดว่านายโกรธ แล้วการที่ไม่มีนายมาคอยกวน มัน..มัน เหงามากนะ "

       

       

       

      ท้ายประโยคเสียงผมแผ่วลงเหมือนไม่กล้าจะเอ่ยมันออกไป ชานยอลจับมือที่ผมกำลังปาดน้ำตาสะเปะสะปะนั่นออก มือหนาทั้งสองข้างประคองแก้มผมอย่างใช้นิ้วโป้งค่อยๆเช็ดน้ำตาออกอย่างแผ่วเบา 

       

       

       

      "จริงหรือเปล่าที่ว่าเหงาเวลาไม่มีฉันอยู่ใกล้ๆน่ะ" 

       

       

       

      ผมพยักหน้ารับทั้งน้ำตา

       

       

       

        "ไอ่บ้า"

       

       

       

      ผมด่าคนที่กำลังยิ้มกว้างเหมือนเสียสติตรงหน้า ยิ้มบ้าอะไรนักหนา ผมเขินจะตายอยู่แล้ว บอกความรู้สึกตัวเองไปหมด ไม่มีกั๊กเลย ฮือออ!!

       

       

       

      "แสดงว่าแพคฮยอนก็ชอบฉันใช่ไหม

       

       

       

      ยังมีหน้ามาถามอีก ฉันต้องมาเสียน้ำตากับคนบ้าๆอย่างนายทำไมกัน

       

       

       

      แต่เดี๋ยว ผมชอบหมอนี่ตั้งแต่ตอนไหนกัน?! แล้วผมไปพยักหน้ารับอะไรเล่า!!

       

       

       

        "แต่นายชอบคนอื่น พี่ซูโฮ.."

       

       

      ผมหยุดพูดแค่นั้นหลุบตาลงต่ำมองพื้น มาถึงตอนนี้คงไม่มีอะไรต้องปิดบังแล้วล่ะมั้ง

       

       

       

       "พี่ซูโฮ พี่จุนมยอน!!" ตาที่โตอยู่แล้วของชานยอลเบิกกว้างขึ้นไปอีก

       

       

       

         "ฉันกับพี่จุนมยอนไม่มีอะไรกันนะ !"

       

       

       

         "แต่หมู่นี้ " ผมขยับปากจะเถียง  แต่มือใหญ่นั่นก็จับเข้าที่แก้มทั้งสองข้างของผมเสียก่อน พร้อมขืนให้ผมสบตากับเจ้าตัว

       

       

       

      "แพคฮยอน ก่อนหน้าที่เราจะงอนกันน่ะ ฉันกับพี่จุนมยอนไม่ได้สนิทกันแบบนี้เหรอ มันปกติมากๆนะ ไม่มีอะไรพิเศษและเปลี่ยนไปเลย ใช่มั้ย?"

       

       

       

      ผมลองทบทวนตามที่ชานยอลพูด  จริงๆแล้วทุกอย่างมันปกติมากๆ มีแค่ประเด็นที่แฟนคลับตั้งขึ้นมาในอินเตอร์เน็ต และข้อสันนิษฐานเล็กๆของสองมักเน่ตัวแสบก็เท่านั้นเอง

       

       

       

      จริงด้วยสิ โทษพวกมันสองคนละกันที่ทำให้ผมไขว้เขวน่ะ ..หรือจะขอบคุณมันดีนะ ที่ทำให้ผมรู้ใจตัวเอง

       

       

       

       


                  ทุกอย่างมันเหมือนเดิม

       

       

      มีเพียงแค่ผมกับชานยอลเท่านั้นที่แปลกไป..

       

       

       

        "หึงเหรอ"

       

       

       

      อยู่ๆก็ถามแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย  ต่อให้หล่อเทพอย่างผมก็เขินนะ 

       

       

       "พะ..พูดบ้าอะไร"

       

       

       

        "ดีใจจัง" ชานยอลดึงมือผมไปกุมเอาไว้พลางยิ้มน้อยๆ

       

       

       

                  "ฉันกลัวมากนะ กลัวที่จะบอกสิ่งนี้กับแพคฮยอน ฉันรู้ตัวมานานแล้ว ว่าหัวใจฉันน่ะมันต้องการอะไร แค่เพื่อนสนิทมันไม่พอหรอก หัวใจฉันมันโลภมากนะ

       

       

      พอได้พูดล่ะเอาใหญ่เชียวนะปาร์คชานยอล มันเขินนะโว้ย  ถ้าตัวผมระเบิดไปตอนนี้ใครจะรับผิดชอบ

       

       

                   "ฉันไม่เคยรำคาญนาย" ผมพูดโดยไม่มองหน้าไอ้คนตัวสูงกว่า

       

       

       

                   "แต่ที่หงุดหงิดใส่บ่อยๆ ก็แค่... แค่.. "

       

       

       

      พูดไม่ออกซะงั้นอ่ะ พยอนแพคฮยอน

       

       

       

                  "มันเขินนี่หว่า" 

       

       

       


      ผมเสมองไปทางอื่น  โอ้ย!!  พูดไปก็ร้อนวูบวาบไปหมดทั้งหน้า  ผมอายจนอยากจะแทรกแผ่นดินหนีอยู่แล้วนะ

       

       

       

                   "เป็นแฟนกันนะ"

       

       

       

      เฮ้ยไอ้นี่ ..ผมอยากจะร้องไห้อีกซักรอบ

       

       

       

      ผมแทบลืมไปเลยว่าตากฝนมา มีหวังคืนนี้นอนซมไข้กินแน่ๆแต่ก็ช่างมันเถอะตอนนี้ในหัวผมขาวโพลนไปหมด

       

       

       

       

       

                   "ฉันชอบแพคฮยอนนะ"

       

       

       

       "เป็นแฟนกับฉันนะ"

       

       

       

      ผมพยักหน้ารับเบาๆโดยไม่กล้าสบตาเจ้าของเสียงทุ้มนั่น  ฝ่ามือใหญ่ของชานยอลค่อยๆ เคลื่อนมาจับแก้มใสทั้งสองข้างของผมอีกครั้งอย่างทะนุถนอม สัมผัสนุ่มๆแผ่วเบาที่ข้างแก้มทำเอาแก้มทั้งสองข้างร้อนขึ้นมาอีกแล้ว ก่อนที่ริมฝีปากหนาจะจัดการตามลงมาประกบอย่างแผ่วเบาที่สุด สัมผัสชื้นบางเบา คลอเคลียอยู่เพียงครู่ก็ผละออก  ...กลับกลายเป็นดวงตาคมจ้องมองผมอยู่อย่างนั้นเนิ่นนาน 

       

       

       

      เราทั้งสองสบตากันนิ่งๆแทนคำพูด มือใหญ่เลื่อนมากุมมือเล็กๆของผมไว้อย่างนั้น ไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมา ...ได้แต่ปล่อยให้ความรู้สึกของเราคุยกันเงียบๆ 

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

      "พี่"

       

       

       

       

       

       

       


      หือ?? !!

       

       

       

       

       

       

       

       

      "อีกนานป่ะ  ผมเมื่อย"

       

       

       

      ทั้งผมและชานยอลหันไปตามต้นเสียงแทบจะพร้อมกัน  และสิ่งที่เห็นคือหัวกลมๆ2หัวที่โผล่ออกมาจากซอกประตู ดวงตาใสแจ๋วเป็นประกายวิบวับทั้งสองคู่ของคนสองคน  มันบอกอะไรๆกับผมได้เป็นอย่างดี  ในขณะที่ไอ้คู่หูขาวดำที่ทำปากพะงาบๆอีกคนก็หาวจนน้ำตาไหล มันพาลให้ผมอยากร้องไห้ไปด้วย

       

       

       

      นี่เห็นหมดแล้วสินะ......

       

       

       

       

       

      ฉันเกลียดพวกแก๊!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

       

       

       

       

       

       

       

       

       

      ++จบเถอะค่ะ

       

       

       

       

       

       

       

      ++รีไรท์นิดหน่อย ขอบคุณที่แวะมาอ่านและเม้นท์กันนะคะ ^^

      ++อยากอ่านฟิคอิงเรื่องจริงแบบนี้อีกมั้ย?

      ++กะว่าจะแต่งฟิคประมาณนี้เป็นซีรีย์ คืออิงเรื่องจริงตามมุมมองของเรา รู้สึกว่าพอไปไหว แต่งแล้วมีความสุขดีจัง

       

       

       

       

       

       

       

       



      THE★ FARRY

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×