ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic] Heaven Ivy. : WONKYU [END]

    ลำดับตอนที่ #6 : Heaven Ivy. -5- จุดเปลี่ยน

    • อัปเดตล่าสุด 2 มี.ค. 57


    Heaven Ivy.

     

    -5-

     

                วันนี้อะไรๆ ก็ดูแปลกไป...

                คยูฮยอนเหลือบสายตามองเจ้าของเรือนร่างสูงสง่าซึ่งยังคงยึดพื้นที่ภายในเรือนรับรอง น่าแปลกที่ผู้ชายตัวโตทำให้ที่นี่แคบไปขนัดตาด้วยการเดินสำรวจห้องพร้อมฮัมเพลงในลำคอหลังจากสั่งให้แม่นมยองจานำชุดมาเปลี่ยนพร้อมอาบน้ำที่เรือนรับรองแห่งนี้ทั้งที่ควรจะกลับตำหนักใหญ่ แปลกวิสัยจนน่าทึ่งระคนประหลาดใจ แต่ความจริงแล้วจะบอกว่าองค์รัชทายาทเข้ามายึดพื้นที่ก็คงไม่ถูกนักหรอก ในเมื่อทุกตารางนิ้วของพระราชวัง...องค์ชายชเว ชีวอนย่อมมีสิทธิจะเข้าออกอยู่แล้ว เขาเองต่างหากที่เป็นเพียงผู้อาศัย...อุบัติเหตุเมื่อเช้าตรู่จากการผลัดตกลงไปในสระน้ำหน้าตำหนักรองทำให้บรรยากาศระหว่างบรรณาการจากพยองอันและว่าที่กษัตริย์แห่งเกาหลีดูไม่น่าอึดอัดเช่นวันก่อนๆ ใบหน้าคมสันในยามนี้ติดจะมีรอยยิ้มบางๆ และมันก็น่ามองอย่างที่คยูฮยอนปฏิเสธไม่ได้...

                คนคนนี้เป็นมนุษย์ที่พระเจ้าคงตั้งใจรังสรรค์ขึ้นมาจริงๆ ถึงอย่างนั้นความสมบูรณ์แบบที่ได้มาย่อมต้องแลกกับหัวใจที่ด้านชาอย่างนั้นหรือเปล่า.. เด็กหนุ่มตั้งคำถามในใจขณะที่ขยับกายนั่งชันเข่าบนเก้าอี้ริมหน้าต่าง เลือกที่จะไม่สนใจชายหนุ่มสูงศักดิ์ทำตัวเข้าใจยาก เรียวมือยังคงใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กเช็ดกลุ่มผมสีน้ำตาลเข้ม ความชื้นของเส้นผมประกอบกับความหนาวตามสภาพอากาศในช่วงฤดูใบไม้ร่วงสร้างความรำคาญใจอยู่ไม่น้อย...ท่าทางความซุ่มซ่ามคงทำให้เขาได้หวัดมาเป็นรางวัลเสียแล้ว

                “อย่านั่งชันเข่า...” เสียงทุ้มว่าและนั่นก็เรียกสายตาของคยูฮยอนให้ผินมองรูปหน้าหล่อจัด คิ้วหนาขมวดยุ่ง ดูเหมือน...องค์รัชทายาทกำลังดุเขาอย่างนั้นหรือ? “การนั่งชันเข่าบ่อยๆ มันยิ่งทำให้เธออยู่กับความคิดตัวเองมากจนเกินไป...พานจะเครียดเอา”

                “แค่การนั่ง...ยังถูกบังคับ” คนโดนดุเหน็บแนมเสียงเบา หากร่างโปร่งก็ไม่คิดจะเปลี่ยนท่านั่งแต่อย่างใด เรื่องเล็กน้อยขนาดนี้ องค์ชายจอมบงการยังมีสิทธิมายุ่มย่าม...บรรณาการเช่นเขาต่อไปก็คงต้องรอฟังคำสั่งให้นั่ง ให้เดิน ให้นอน กระมัง...อีกคนถึงจะพอใจ           

                “ฉันไม่ได้บังคับเธอ...แค่บอกให้รู้ว่าไม่ชอบให้เธอทำแบบนี้”

    เสียงค่อนไปทางดุตักเตือนราวกับโจ คยูฮยอนเป็นเด็กไม่รู้ฟังไม่วายจะยื่นมือมาแปะลงที่ศีรษะของเขาเอง เด็กหนุ่มขยับตัวหยุกหยิกหนีฝ่ามือใหญ่ แน่ล่ะ...เขาไม่อยากอยู่ใกล้คนที่จู่โจมกันด้วยจูบอรุณสวัสดิ์แบบไม่ทันตั้งตัวแน่ นี่ยังไม่นับรวมเมื่อคืนก่อนๆ ที่เขาถูกตรึงกับเตียงเชียว ทุกอย่างมันกำลังทำให้เขาหวั่นไหวจนกลัวหัวใจตัวเอง หนุ่มน้อยจากพยองอันยอมรับว่าตัวเองไม่ประสีประสากับเรื่องความรัก แค่เขาใจอ่อน...มันก็ไม่ต่างอะไรไปจากการมีใครสักคนมากระตุกเชือกที่คอให้รัดแน่นยิ่งขึ้น ยาพิษอย่างไรมันก็คือยาพิษอยู่มันยังค่ำ...การตกอยู่ในฐานะบรรณาการมนุษย์ไม่ได้มีความหมายอื่นแอบแฝงนอกเสียจากเป็นคนขององค์รัชทายาทและรอวันถูกเขี่ยเมื่อหมดความน่าสนใจ พอๆ กับศักดิ์ศรีที่จะเริ่มไร้ความหมายสำหรับตัวเขามากขึ้นทุกที

                “...กระหม่อมอยากอยู่คนเดียว” ไม่ทราบว่าอะไรมันดลใจคยูฮยอนให้พูดออกไปแบบนั้น มันไม่ใช่บทสนทนาที่ต่อเนื่อง...มันเกือบจะเป็น การออกปากไล่องค์รัชทายาทผู้สูงส่งด้วยซ้ำ ได้ยินเสียงพรูลมหายใจเหนื่อยหน่ายพร้อมกับการที่อีกคนย่อตัวลงตรงหน้าโดยใช้เข่าข้างหนึ่งทรงตัวกับพื้น ความดื้อเงียบที่มีอยู่ในตัวทำให้เขาไม่แยแสว่าคนมีศักดิ์สูงกว่าจะนั่งในตำแหน่งที่ต่ำกว่า

                “ทำไมถึงได้มองความเป็นห่วงของฉันเป็นอย่างอื่นอยู่เรื่อย และฉันเองก็อยากให้เธออยู่ที่นี่อย่างสบายใจ” ฟังประโยคนั้นอย่างไม่เชื่อหู แก้มขาวถูกประคองโดยอุ้งมือซึ่งเขาไม่เคยคิดว่ามันจะอบอุ่นได้อย่างคนอื่น องค์รัชทายาทไม่เคยทำให้คยูฮยอนเข้าใจอะไรได้เลย ยิ่งเขาต่อต้าน...ชเว ชีวอนกลับยิ่งอยากเข้ามายึดพื้นที่อิสรภาพในหัวใจมากขึ้นเท่านั้น เด็กหนุ่มจ้องมองดวงตาสีชา มันไม่มีแววสับสนแต่อย่างใด ทุกอย่างสะท้อนออกมาตามที่เสียงเข้มเอื้อนเอ่ย

    “แล้วทำไมองค์ชายไม่ปล่อยกระหม่อมไป แค่ให้กระหม่อมกลับพยองอันเรื่องทุกอย่างมันก็จบ” คยูฮยอนถามออกไปอย่างที่คิด...มันจะมีประโยชน์อะไรหากความเป็นห่วงขององค์รัชทายาทคือโซ่ตรวนที่ถ่วงชีวิตเขาให้ดำดิ่งสู่ความทุกข์ พระราชวังอันแสนวิจิตรสวยงามแห่งนี้ไม่เคยทำให้เขาสบายใจ ไม่เคยทำให้เขามีความสุข ตรงข้ามกันมันตอกย้ำอยู่เสมอว่าที่แห่งนี้มันคือกรงทองขนาดใหญ่ นกตัวเล็กๆ ยังเฉาตายได้หากมันถูกกักขังไว้นานๆ แล้วโจ คยูฮยอนคนนี้ล่ะ?

    พลังงานในการใช้ชีวิตแทบจะติดลบอยู่รอมร่อ...

    “สถานการณ์มันกำลังเปลี่ยนไป มันเป็นการยากที่จะส่งเธอกลับพยองอันในตอนนี้”

    “องค์ชายหมายความว่ายังไง?” สีหน้าตึงเครียดจากชายหนุ่มเสมือนเป็นคำตอบในตัว คยูฮยอนพอจะเดาได้ลางๆ ว่าสถานการณ์ที่ว่ามันคืออะไร...

    “พวกกบฏ... อ้อ ฉันหมายถึงพี่ชายของเธอแค่ต้องการการเปลี่ยนแปลงการปกครอง โค่นล้มคณะรัฐมนตรีของปาร์ค อุนซู และยกเลิกประเทศราชซึ่งฉันเห็นสมควรว่าควรจะทำตามที่พวกเขาต้องการ แต่พวกของนายกปาร์คไม่ต้องการแบบนั้น...นายกปาร์คเตรียมกวาดล้างกบฏ รวมไปถึงโค่นล้มราชวงศ์ชเวเพื่อปกครองประเทศด้วยตนเอง”

    “แต่กระหม่อมไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เลย ทำไมกระหม่อมถึงยังไม่สามารถกลับพยองอันได้”

    “เกาะพยองอันเป็นที่เพ่งเล็งของรัฐบาลภายใต้การปกครองของนายกปาร์ค อีกประการพยองอันเปรียบเสมือนขุมทรัพย์ของเหล่านายทุนเพราะมีแหล่งทรัพยากรล้ำค่ามากมาย ก่อนที่พวกนั้นจะโค่นล้มราชวงศ์...ฉันเกรงว่ามันจะต้องยึดการปกครองของพยองอันก่อนแน่” เด็กหนุ่มนิ่งไปกับข้อมูลใหม่ที่ได้รับ... ถ้าหากพยองอันกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ย่ำแย่เช่นนี้ เขาจะนิ่งเฉยต่อไปได้อย่างไร มากไปกว่านั้น...โจ คยูฮยอนควรรีบกลับไปปกป้องบ้านเกิดอันเป็นที่รักของตนเองไม่ใช่หรือ?

    “นั่นยิ่งต้องทำให้กระหม่อมต้องรีบกลับพยองอัน!

    “ไม่ได้...ถ้าหากก้าวพ้นเขตพระราชวังออกไป และถ้าพวกมันรู้ว่าโจ คยูฮยอนคือทายาทคนเล็กจากพยองอัน เธอจะถูกทางการจับในข้อหากบฏ”

    “...ดูเหมือนทุกอย่างมันจะซับซ้อนเกินกว่าที่กระหม่อมเคยรับรู้” คยูฮยอนก้มหน้าซ่อนดวงตาที่กำลังสั่นไหว ใช่...เขากำลังหวาดกลัวว่าบ้านเกิดอาจถูกทำลายลง ขณะเดียวกันเด็กหนุ่มเป็นห่วงครอบครัวที่ตอนนี้ไม่รู้ว่าทุกคนจะเป็นเช่นไร พลันฝ่ามือใหญ่เลื่อนลงมากุมมือของเขาไว้...มันแปลกที่สิ่งล้ำค่าจากพยองอันรู้สึกดีและไม่คิดจะปัดป้อง อาจเพราะนัยน์ตาคมซึ่งแฝงไปด้วยความหนักแน่นคู่นั้นทอดมองเขาไม่วางตา

    “นายกปาร์คกำลังบ้าอำนาจ ฉันพยายามหาทางกำจัดตาแก่นั่นออกไปให้พ้นทางก่อนที่ทุกอย่างมันจะเลวร้ายไปมากกว่านี้ แต่ขอให้มั่นใจว่าพยองอันยังปลอดภัยดี ครอบครัวของเธอก็เช่นกัน...แต่เธอต่างหากที่อาจถูกพวกมันจับไปเป็นข้อต่อรองต่างๆ เพื่อกดดันฝ่ายกบฏ”

    “แล้วอะไรทำให้องค์ชายมั่นใจได้มากขนาดนั้น ...มั่นใจว่าพี่ชายของกระหม่อมจะไม่ทำร้ายราชวงศ์ชเวอย่างที่พวกนายกปาร์คคิดจะทำ” นั่นเพราะคยูฮยอนทราบดีว่าพี่ชายของเขาเกลียดชังองค์รัชทายาทเป็นทุนเดิม แถมเขายังมองไม่เห็นทางที่คนสองคนจะหันหน้ามาคุยกันได้ อีกทั้งอี ดงกันเป็นผู้ชายเด็ดเดี่ยวยากจะอ่านออกพอๆ กับองค์รัชทายาทด้วยซ้ำ

    “ถ้าไม่เคยเป็นเพื่อนกันมาก่อน...ฉันก็อาจคิดว่าหมอนั่นคงฆ่าฉันเข้าสักวัน”

    “เพื่อน?” ข้อมูลใหม่ที่ได้รับรู้ประดังประเดถาโถมใส่คยูฮยอนเสียจนเจ้าตัวเองอึ้งจนแทบพูดอะไรไม่ออก ถ้าพี่ชายของเขาเคยเป็นเพื่อนกับองค์รัชทายาทแล้วมันจะมีเหตุอะไรที่ทำให้สองคนนี้ทำตัวเหินห่างและละทิ้งความเป็นเพื่อนที่เคยมี เด็กหนุ่มจากพยองอันพยายามนึกใคร่ครวญ...จนแล้วจนรอดเขาก็คิดว่าผู้ชายสองคนที่ยากจะเข้าใจทั้งคู่คงมีเรื่องที่ซับซ้อนเป็นทวีคูณซึ่งเขาไม่ควรเข้าไปยุ่มย่ามเห็นจะดีกว่า

    “เอาล่ะ...ฉันคิดว่าฉันบอกในสิ่งที่เธอควรรู้ไปแล้ว ส่วนเธอจะเชื่อหรือไม่มันก็แล้วแต่เธอ ฉันแค่อยากให้โจ คยูฮยอนรู้ว่า ชเว ชีวอนคนนี้ไม่ใช่องค์ชายไร้เหตุผลจอมเย็นชาอย่างที่ใครๆ ตั้งแง่”

    “....” เจ้าของเรียวหน้าขาวจัดถูกรอยยิ้มจากองค์รัชทายาทจู่โจมชนิดไม่ทันได้ตั้งตัวเป็นครั้งที่สอง และไม่ทันจะได้กล่าวอะไร ร่างสูงหยัดตัวลุกขึ้นพร้อมโน้มใบหน้าลงมาแตะเรียวปากแผ่วเบาลงบนหน้าผากของเขาเอง คนที่เคยปรามาสองค์รัชทายาทว่าอาจไม่เคยมีรอยยิ้มในชีวิตกะพริบตาปริบประกอบกับหัวสมองที่ชักจะเบลอขึ้นมาชั่วขณะทว่าเสียงทุ้มเข้มกลับสามารถแทรกโสตประสาทเข้ามามีอิทธิพลต่อจังหวะการเต้นของหัวใจเขาจนได้

    “แค่อยากให้รู้ไว้อีกอย่างว่าฉันก็ไม่เคยทำตัวแบบนี้กับใครนอกจากเธอเหมือนกัน”

     

     

    องค์ชายเล็กซูโฮมองอะไรไม่เคยพลาด... กับวันนี้ก็เช่นกัน

    พี่ชายของเขาแปลกไปมากๆ มากอย่างที่ซูโฮไม่เคยคิดมาก่อน!

    “ครูแทค...” เด็กชายละสายตาจากหน้าหนังสือภาษาอังกฤษด้วยใบหน้าเบื่อหน่ายพลางเท้าแขนค้ำคางกับโต๊ะหนังสือเพื่อมองใบหน้าครูพิเศษตัวโตราวกับต้องการจะพูดอะไรสักอย่าง และเรียวปากที่ขมุบขมิบบ่นพำอยู่กับตนเองเช่นนั้นก็ทำให้ครูหนุ่มอย่าง อ๊ค แทคยอนทราบในทันทีว่าลูกศิษย์ตัวดีไม่อาจเก็บคำพูดข้องใจไว้แต่เพียงลำพัง

    “องค์ชายเล็กมีเรื่องอะไรเก็บไว้ในใจหรือครับ” เขาถาม และนั่นก็เสมือนเปิดช่องให้ซูโฮพูดโพล่งไปอย่างที่คิด

    “ผมไม่อยากได้พี่ยูอีเป็นพี่สะใภ้ อยู่กับเธอทีไร...ผมเหมือนถูกจับผิดตลอดเวลา มันน่าอึดอัดน่ะ” แทคยอนพยักหน้า เขาเห็นด้วยทีเดียว...ความจริงการที่เขาทำงานกับองค์รัชทายาทมานานก็ทำให้เขารับรู้มาตลอดว่าระหว่างองค์ชายคนโตกับหญิงสาวคู่หมั้นมีความสัมพันธ์แบบเส้นตรงมาเสมอ แทบจะไม่มีการพัฒนาแต่อย่างใด...ทว่าพักหลังๆ มานี้ คิม ยูอีแวะเวียนมาที่วังบ่อยจนผิดวิสัยเดิม ทั้งยังขยันหาข้าวของติดมือมาไม่ขาด หากเดาไม่ผิดก็คงเพราะกลัวเครื่องบรรณาการมนุษย์แห่งพยองอันแย่งชิงพื้นที่ความสนใจจากองค์รัชทายาทชเว ชีวอนเป็นแน่

    “แต่ดูท่าอีกนานกว่าจะมีพิธีอภิเษกสมรสนะครับองค์ชายเล็ก สถานการณ์บ้านเมืองรวมไปถึงอาการประชวรขององค์ราชาทำให้ยากที่จะจัดงานรื่นเริงในช่วงเวลาแบบนี้”

    “อีกอย่างผมคิดว่าผมสบายใจเวลาอยู่กับพี่คยูฮยอนมากกว่า”

    “อ่า...องค์รัชทายาทก็ดูจะถูกใจคุณคยูฮยอนมากเสียด้วย กระหม่อมได้ยินมาว่าองค์รัชทายาทต้องเข้าไปพบคุณคยูฮยอนที่ตำหนักรองทุกคืน”

    “...ไม่ใช่แค่ทุกคืนหรอกครับ หมู่นี้กลางวันก็เข้าไปหา ดูเหมือนพี่ชีวอนจะแย่งเวลาส่วนตัวของผมกับพี่คยูฮยอนไปซะแล้ว” ว่าพลางมุ่ยปากอย่างขัดใจ องค์ชายเล็กซูโฮไม่ได้อยากคิดว่าสองคนนั้นอาจทำเรื่องจิ๊จ๊ะข้ามวันข้ามคืนอย่างที่เขาเคยเผลอคิดทะลึ่ง พี่ชายคนโตมักหอบงานเข้าไปทำที่ตำหนักรองภายหลังจากการหารือกับ คัง มินฮยอกซึ่งเป็นผู้ช่วยมือขวา โดยมากก็มักนำเอกสารหนาๆ ไปทั้งนั้น...บางทีพี่ชายของเขาอาจได้ห้องทำงานใหม่ที่นอกจากจะเปลี่ยนบรรยากาศเดิมๆ จากห้องทำงานอันแสนอึมครึมแล้ว ห้องทำงานใหม่ที่ว่าคงมีกำลังใจพิเศษนั่งเฝ้ากระมัง

    “อย่างนี้ก็ดีแล้วสิครับ...องค์ชายเล็กจะได้มีเวลาเรียนมากขึ้น”

    “โธ่...ดีตรงไหนเล่าครูแทค!!

    “ตั้งใจเรียนได้แล้วครับองค์ชายเล็ก!” คุณครูตัวโตหัวเราะกลั้วคำพูด พยักพเยิดสายตาไปยังหนังสือเล่มหนาโดยใช้ปลายปากกาชี้ซ้ำๆ ลงบนบรรทัดที่องค์ชายเล็กอ่านค้างไว้ คนที่อุตส่าห์หาเรื่องอู้ได้เบ้ปากนึกขุ่นใจ ท่าทางเขาคงต้องหามุขใหม่ๆ มาเล่นแง่กับครูหนุ่มผิวเข้มเสียแล้วล่ะ!

    ลับหลังสองครูศิษย์... คนที่ถูกกล่าวชื่อในบทสนทนายืนนิ่งอยู่เบื้องหลังบานประตูห้องหนังสือซึ่งแน่นอนว่าห้องนี้อยู่ไม่ไกลจากห้องทำงานขององค์รัชทายาท คิม ยูอีตั้งใจจะเข้ามาพบปะกับพระคู่หมั้นตามปกติ ทว่าสิ่งที่เธอได้รับรู้เมื่อครู่สร้างความปั่นป่วนในอกได้มากโข ปฏิเสธไม่ได้ว่าเจ็บใจ...หัวสมองของหญิงสาวประมวลผลทุกอย่างออกมาในทันทีว่าไม่ควรทำตัวเป็นแม่พระ ใจดีปล่อยให้เครื่องบรรณาการมนุษย์ลอยหน้าสบายใจอยู่ในวังและได้รับความสนใจจากองค์รัชทายาทอีกต่อไป เธอชะล่าใจเองที่คิดว่าตำแหน่งว่าที่ราชินีจะต้องรั้งองค์รัชทายาทผู้สูงศักดิ์เอาไว้ได้ แต่เปล่าเลย...สถานการณ์อันไม่แน่นอน พิธีอภิเษกไม่มีวี่แววจะเกิดขึ้น... ผู้ชายที่ชื่อชเว ชีวอน ไม่เคยมีใครเข้าใจหรือหยั่งรู้ความรู้สึกที่แท้จริง ยูอีไม่อาจคาดเดาอนาคตข้างหน้า ทุกการเคลื่อนเปลี่ยนหมุนเวียนวันในแต่เช้าค่ำล้วนแต่ไม่เกิดผลดีต่อตัวเธอเองเลยสักนิด เรื่องที่เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอนคือการควบคุมองค์ชายคนโตแห่งราชวงศ์ชเวให้อยู่ในกำมือ

    สิ่งเดียวที่ยูอีพอจะนึกออกคือการใช้หมากเบี้ยเข้ามาร่วมในเกม...และเธอก็เห็นถึงความเหมาะสมว่าเบี้ยที่ว่าจะต้องเป็น โจ คยูฮยอนเท่านั้น!

     

     

                เขาไม่แน่ใจว่าสี่ห้าวันมานี่องค์รัชทายาทคิดอะไรอยู่ในใจกันแน่... เรือนรับรองแห่งนี้ถึงได้เปิดต้อนรับชายหนุ่มสูงศักดิ์ทุกเช้าเย็น และคยูฮยอนเองก็แทบไม่ได้ออกนอกเรือนรับรองไปไหนนอกจากอยู่เป็นผู้ช่วยออกความคิดเห็นเล็กๆ น้อยๆ แผนงานการปฏิรูปประเทศที่องค์ชายคนโตแห่งราชวงศ์ชเวตั้งใจร่างขึ้นแทบจะผ่านสายตาเขาในทุกบรรทัด เด็กหนุ่มแปลกใจไม่น้อย...การที่โจ คยูฮยอนได้เป็นส่วนหนึ่งในการตรวจสอบแผนงานปฏิรูปประเทศครั้งนี้ก็เท่ากับองค์รัชทายาทไว้ใจบรรณการมนุษย์เช่นเขาเป็นอย่างมาก อีกประการนั่นเพราะผู้ชายคนนี้ต้องการให้ความมั่นใจกับเขาว่าไม่ว่าอย่างไรการปฏิรูปครั้งนี้จะต้องออกมาอย่างยุติธรรม ผลประโยชน์ไม่ขึ้นกับใครนอกเสียจากประชาชน

    องค์รัชทายาทชเว ชีวอนในวันนี้ดูเหมือนใครบางคนที่คยูฮยอนไม่รู้จัก ภายใต้ดวงตาแห่งความมุ่งมั่น คยูฮยอนมองเห็นภาพของผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่ต้องแบกรับหน้าที่อันแสนหนักอึ้ง ข้อครหาขององค์ชายผู้นี้ค่อยๆ ถูกลบเลือนไปทีละนิด หากไม่สนใจอคติที่เคยมี ชเว ชีวอนเหมาะสมแล้วกับหน้าที่กษัตริย์องค์ต่อไป แน่นอนว่าองค์ชายชีวอนจะต้องปกครองประเทศเกาหลีได้ดีเยี่ยมเป็นแน่ คยูฮยอนเชื่อมาเสมอว่าไม่มีคนรักสบายคนไหนที่จะทำงานได้อย่างทุ่มเท ไม่มีคนเห็นแก่ตัวคนไหนที่จะห่วงชีวิตคนอื่นมากกว่าตนเอง

    “องค์ชายน่าจะเสวยมื้อเที่ยงก่อนเริ่มงานต่อ” คยูฮยอนเอ่ยขณะเจ้าตัววางถาดอาหารวางลงบนโต๊ะภายในตัวห้องเรือนรับรอง เมื่อครู่แม่นมยองจาเป็นผู้จัดหาอาหารกลางวันมาถวายแด่องค์รัชทายาท ดวงตากลมเหลือบมองชายหนุ่มซึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่กับพื้นโดยกางแผนที่ประเทศและใช้ดินสอขีดร่างอะไรบางอย่าง เด็กหนุ่มจากพยองอันถอนหายใจเมื่อไม่มีเสียงตอบรับ ดูเหมือนองค์ชายคนโตแห่งราชวงศ์ชเวกลับไม่ได้สนใจคำพูดของเขา คยูฮยอนถึงได้นั่งลงข้างๆ พลางเอียงใบหน้ามองอีกคนซึ่งกำลังย่นคิ้วเครียด

    “...ฉันยังไม่หิว” เอ่ยปากทั้งที่ตายังจดจ้องแผนที่

    “กระหม่อมได้ยินเสียงท้องร้อง” บรรณาการมนุษย์ว่ายิ้มๆ คนถูกทักจึงละสายตามาสนใจเขาเสียแทน

    “ร้องที่ไหน...มันก็แค่เสียงลำไส้เคลื่อนตัว”

    ...นี่แหละที่คยูฮยอนคิดว่าองค์รัชทายาทไม่เหมือนคนเดิม หมู่นี้รู้สึกพูดจาขบขันบ่อยขึ้นแม้บางทีเขาจะขำไม่ออกเท่าใดนัก แต่ก็ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีเชียวล่ะ

    “กระหม่อมไม่เห็นเคยได้ยินว่าการที่ลำไส้เคลื่อนตัวจะเกิดเสียงโครกครากได้”

    “เอาเถอะๆ เธอจะบอกว่าฉันเพ้อเจ้อล่ะสิ”

    “กระหม่อมเปล่าพูดเช่นนั้น” คนถูกกล่าวหารีบแก้ตัวพลางเบือนหน้าหนีดวงตาคมกริบที่มักใช้ไม้ตายด้วยการกวาดต้อนความรู้สึกเขาทางสายตา เสียงหัวเราะในลำคอจากองค์รัชทายาทสามารถเปลี่ยนบรรยากาศซึ่งเคยอึดอัดเต็มประดาให้กลายเป็นบรรยากาศที่ไม่ต้องยิ้มฝืนอย่างหลายวันก่อน เขาอาจไม่ต้องเฉาตายเพราะการติดอยู่ในกรงทองขนาดใหญ่ อย่างน้อยคนที่อยู่ตรงหน้าก็ไม่คิดจะทำร้ายเขาอย่างที่คยูฮยอนเคยหวาดหวั่น กลับกัน...โจ คยูฮยอนเสมือนได้รับเกราะป้องกันจากภัยอื่นที่น่ากลัวยิ่งกว่า

    ท่าทางหนุ่มน้อยจากพยองอันคงไม่ทราบว่าองค์รัชทายาทจดจำรายละเอียดบนรูปหน้าหวานจัดได้ชนิดที่ว่าหากหลับตาก็สามารถร่างรูปเหมือนโดยไม่ต้องมีแบบ... ชายหนุ่มไม่สนใจแผนที่ประเทศซึ่งเขากางมันไว้กับพื้น แต่เลือกที่จะเฝ้ามองบรรณาการมนุษย์แสดงท่าทางราวกับกำลังปิดซ่อนความเก้อเขิน ฝ่ามือหนาเอื้อมไปปัดปอยผมสีเข้มทัดกับใบหู และการกระทำเช่นนี้ก็เล่นเอาอีกคนถึงกับสะดุ้งตัว กะพริบตามองเขาได้อย่างน่ารักน่าชัง ให้ตายเถอะ...เขาคิดว่าโจ คยูฮยอนถูกสร้างมาได้อย่างงดงามราวกับภาพวาด ถ้าหากชายหนุ่มหักห้ามใจได้สักนิดคงไม่เคลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้พร้อมแนบจูบละมุนลงบนเรียวปากนุ่มนิ่มเป็นแน่ ชีพจรในร่างกายราวกับมีกระแสไฟฟ้าอ่อนๆ แล่นลิ่วจนชาวาบที่หัวใจ สัมผัสชวนเคลิ้มเช่นนี้มันต่างไปจากครั้งที่เขาเคยตั้งใจฉกฉวยโอกาสจากเรือนร่างนี้มากนัก

    ต่างกันตรงที่...ไม่ได้มีเพียงรูปลักษณ์ที่เชื้อเชิญให้แตะต้องแต่ความรู้สึกเมื่อได้ลิ้มลอง มันหอมหวานและตอบสนองเลือดที่กำลังสูบฉีดในร่างกายได้เป็นอย่างดี

    วงแขนแข็งแรงตวัดรอบเอวบางก่อนจะออกแรงอุ้มร่างโปร่งซ้อนนั่งที่หน้าตัก บดคลึงกลีบปากนิ่มอย่างที่ใจปรารถนา ชีวอนไม่แน่ใจว่าเสียงหัวใจที่เต้นระส่ำให้ได้ยินมาจากเขาหรือบรรณาการตัวขาวกันแน่ เรียวมือสวยเลื่อนขึ้นยึดจับที่ปกเสื้อเชิ้ตสีเข้ม คนโดนจูบจนไม่อาจต้านทานร้องอื้อในลำคอเมื่อใกล้จะหมดอากาศหายใจ โจรผู้ช่วงชิงแถมรั้งตำแหน่งองค์รัชทายาทผละใบหน้ามองคนบนตัก รูปหน้าคมสันยิ้มกริ่มเมื่อริมฝีปากสีเชอร์รี่ที่กำลังเผยออ้าเพื่อโกยอากาศเข้าปอดช่างดูยั่วเย้ามากกว่าครั้งไหนๆ ชายหนุ่มแนบจูบเป็นครั้งที่สองพร้อมตวัดเรียวลิ้นดูดดึงความหวานซ่าน มือใหญ่ปัดแผนงานบนพื้นให้พ้นทางก่อนจะประคองร่างบางนาบลงบนพื้นห้อง อาศัยจังหวะที่สมองบันทึกภาพหวิวใจละเมียดชิมชิวหานุ่มไม่รู้เบื่อ

    “อ-องค์ชาย...กระหม่อมหายใจไม่ทัน” เสียงหวานร้องประท้วงพร้อมฟันขาวที่ขบลงเบาๆ ข้างมุมปากราวกับลูกแมวขี้กลัว

    “ฉันขอโทษ” เขาว่าพลางใช้ฝ่าหัวแม่มือไล้เกลี่ยริมฝีปากแดงช้ำ อมยิ้มเอ็นดูเมื่อสังเกตเห็นสีแดงระเรื่อแต่งแต้มอยู่บนเนินแก้มได้อย่างลงตัว ตั้งใจจะมอบจุมพิตอีกสักครั้งอย่างที่ต้องการทว่าสิ่งล้ำค่าจากพยองอันกลับยกฝ่ามือขึ้นปิดกั้นการล่วงล้ำ ดวงตากลมโตเว้าวอนให้องค์รัชทายาทแสนเอาแต่ใจเลิกจู่โจมด้วยวิธีถึงเนื้อถึงตัวอาจเพราะหวั่นว่าจะเกิดเหตุการณ์เกินเลยมากกว่านี้ เมื่อทนต่อดวงตาดั่งลูกแมวไม่ได้ ชายหนุ่มถึงได้ผละออกอย่างเสียดายและปล่อยให้อีกคนแต่งตัวให้เรียบร้อย เม็ดกระดุมที่หลุดลุ่ยไปสองสามเม็ดนั้นเกิดจากฝีมือองค์รัชทายาทชีวอนทั้งสิ้น...

    “กระหม่อมอยากไปสูดอากาศข้างนอก ถ้าเช่นนั้นกระหม่อมขอตัวสักครู่” ชีวอนฟังประโยครัวๆ ด้วยท่าทีขบขัน ร่างโปร่งลุกขึ้นจากพื้นพร้อมหมุนตัวสาวเท้าไปเปิดประตูเรือนรับรองไปอย่างเร่งรีบ มวลอากาศที่กำลังอบอวลอยู่โดยรอบองค์ชายคนโตแห่งราชวงศ์ชเวดูจะสร้างรอยยิ้มให้แก่เขาได้มากอย่างที่กล้ามเนื้อบนใบหน้าไม่เคยฉีกยิ้มได้กว้างขนาดนี้ ยอมรับว่าการเริ่มจูบเมื่อครู่ดั่งภาพมัวไม่ชัดเจนแต่การได้ตอบรับสัมผัสซึ่งกันและกัน...คล้ายกับเขาได้สร้างความคุ้นเคยให้แก่อีกคน จูบที่มั่นคงคือการทำให้เชื่อมั่นและไว้วางใจ เขาเคยคิดว่าตนอยากจะปราบพยศเด็กหนุ่มจากพยองอันเหลือเกิน แต่กับวันนี้ชายหนุ่มแค่อยากเป็นคนที่ก้าวเข้าไปในชีวิตของโจ คยูฮยอนและเด็กนั่นไม่คิดจะต่อต้าน

                สำหรับองค์รัชทายาทชเว ชีวอน โจ คยูฮยอนจะไม่ใช่เครื่องบรรณาการอีกต่อไป...แต่จะเป็นยิ่งกว่าสิ่งล้ำค่าที่เขาเฝ้าตามหามาทั้งชีวิตต่างหาก...

     

     

    เครื่องบรรณการมนุษย์ โจ คยูฮยอน...ทายาทแห่งพยองอัน ผู้อยู่ใต้การดูแลขององค์รัชทายาท หรือการถวายตัวครั้งนี้เกี่ยวข้องกับการอยู่รอดของเกาะแห่งแดนไกล?

    ชายหนุ่มจ้องมองข่าวบนหน้าหนังสือพิมพ์ซึ่งจั่วหัวข่าวด้วยข้อความคล้ายคลึงกันแทบจะทุกฉบับ ไปเป็นได้อย่างไรที่นักข่าวจะรู้เรื่องนี้ องค์รัชทายาทชเว ชีวอนนึกอยากจะใช้อำนาจทั้งหมดที่มีอยู่ในมือสั่งจัดการกับคนพวกนั้นเสียให้สิ้นซาก เขาตั้งใจปิดเรื่องของคยูฮยอนอย่างเงียบเชียบเพราะไม่ต้องการให้ใครเข้ามาชุบมือเปิบและดึงเด็กคนนั้นเข้าไปเป็นตัวประกันต่อรองด้านการเมือง แต่ทุกอย่างดูเหมือนจะไม่ง่ายเสียแล้วในเมื่อข่าวได้ถูกตีพิมพ์ไปอย่างแพร่หลายและดูท่านี่จะต้องประเด็นทางสังคมอีกนาน...มากไปกว่านั้นเขาห่วงว่าคยูฮยอนจะรู้สึกเช่นไรเมื่อทราบว่าตนกลายเป็นบุคคลบนหน้าหนังสือพิมพ์อีกทั้งยังถูกวิพากษ์วิจารณ์ในทางเสียๆ หายๆ มากมาย...

    ...ถวายตัวเพื่อแลกกับความมั่นคงของพยองอัน นี่จะต้องเป็นข้อความที่สร้างความเจ็บปวดระคนขมขื่นให้แก่เด็กหนุ่มอย่างแน่นอน ไหนจะความไว้เนื้อเชื่อใจที่คยูฮยอนค่อยๆ สร้างมันกับเขา ไม่แน่...ความพยายามของชเว ชีวอนอาจถูกทำลายจนยากจะกู้คืน!

    “กระหม่อมตามสืบผู้ให้ข่าวกับทางหนังสือพิมพ์เหล่านี้แล้ว...พวกเขาบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าคนคนนั้นใช้นามแฝงว่า...ผู้ประสงค์ดี แถมยังย้ำว่าการให้ข่าวครั้งนี้ไม่ได้ต้องการเงินมหาศาล เป็นเพียงการตีแผ่ความจริง...” คัง มินฮยอก มือขวาขององค์รัชทายาทรายงานเรื่องที่ตามสืบได้เมื่อครู่ด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้ม และคำตอบของเขาก็ทำเอาองค์ชายคนโตแห่งราชวงศ์ชเวปาหนังสือพิมพ์เจ้ากรรมลงกับพื้นด้วยอารมณ์เกรี้ยวกราด น่าคิดทีเดียวว่าถ้าหากองค์รัชทายาทรู้ตัวจริงของ ผู้ประสงค์ดี ชายหนุ่มว่าที่กษัตริย์จะจัดการกับบุคคลปริศนาผู้นั้นอย่างไร...แค่โยนเข้าตะรางข้อหาหมิ่นเบื้องบนอาจไม่พอด้วยซ้ำ!

    “ผู้ประสงค์ดีที่ว่า...จะต้องเป็นคนใน สืบสวนคนในพระราชวังทั้งหมดว่าใครกันแน่คือคนที่กล้าดีนำเรื่องนี้ไปบอกสาธารณชน” ชายหนุ่มประกาศกร้าวพลางขบกรามแน่น ปฏิเสธไม่ได้ว่าเลือดในกายเดือดพล่านอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน คนสนิทโค้งศีรษะรับคำสั่ง

    “ครับองค์ชาย”

                “จัดการกับหนังสือพิมพ์พวกนี้ด้วย อย่าให้ใครเห็นอีก!

     

     

                เรียวมือขาวกำเนื้อกระดาษหนังสือพิมพ์ด้วยอารมณ์หลากหลาย...สั่นไหวและอับอายเกินกว่าจะกลั่นกรองมันออกมาเป็นคำพูด คยูฮยอนเลื่อนสายตาอ่านตัวอักษรในทุกประโยคของข่าวซึ่งพาดหัวใหญ่โตกว่าข่าวอื่น มันเบียดบังพื้นที่ข่าวจนตัวอักษรเล็กๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกันไร้ความสำคัญ เด็กหนุ่มทราบว่าเนื้อข่าวที่ว่าไม่ใช่ความจริงจากตัวเขาแต่อย่างใด แต่ทุกคำทุกตัวอักษรมันร้ายกาจและทิ่มแทงใจจนเจ็บจุก มันตอกย้ำฐานะที่แท้จริงของโจ คยูฮยอน ว่าเป็นเพียงเครื่องบรรณาการมนุษย์ และไม่มีทางหนีสถานะนี้ไปได้จนกว่าองค์รัชทายาทจะส่งเขากลับสู่พยองอัน

                ถวายตัว...แลกเปลี่ยนความมั่นคงทางการเมือง ไม่น่าเชื่อว่าพยองอันจะนำทายาทคนเล็กของตระกูลวางเป็นบรรณาการพิเศษ ผลประโยชน์หรือจะสู้การเข้าไปปรนนิบัติเข้าใช้องค์รัชทายาทอย่างใกล้ชิด สนิท...แนบ

    ความจริงข้อหนึ่งที่เขาได้ทราบในวันนี้...ไม่ว่าจะเป็นคนโซลคนไหน ก็พร้อมจะเหยียบย่ำคนเมืองประเทศราชทั้งนั้น...

                “คยูฮยอน!” หนังสือพิมพ์ถูกปัดลงกับพื้นพร้อมร่างสูงใหญ่ซึ่งโถมกอดร่างของเขาเต็มรัก คยูฮยอนไม่อาจทราบว่าองค์รัชทายาทเปิดประตูเรือนรับรองเข้ามาตอนไหน และเสียงทุ้มซึ่งกระซิบอยู่ข้างหูเป็นความจริงหรือความฝันที่เขาสร้างมันมาเพื่อปลอบใจตัวเองกันแน่ สิ่งหนึ่งที่เด็กหนุ่มรับรู้ ณ เวลานี้คือน้ำตาของตัวเขาเอง...มันไหลซึมผ่านหางตาพลางหยดลงบนเสื้อเชิ้ตเนื้อดี กลิ่นอายของผู้ชายเจ้าของอ้อมกอดกระตุ้นให้เขายกแขนขึ้นกอดกระชับอย่างที่ใจต้องการ...

    ความอบอุ่นเช่นนี้มันคือความจริง...

                “กระหม่อมเห็นมันสอดไว้ใต้ประตู...หนังสือพิมพ์นั่น” คยูฮยอนพูดด้วยน้ำเสียงที่คล้ายกับมันจะกลืนหายคืนสู่ลำคอ มันแผ่วเบาแฝงไปด้วยเจ็บปวด ฝ่ามือหนาลูบไปตามเรือนผมสีเข้มพร้อมกับแนบเรียวปากประทับลงหวังจะให้ใครอีกคนไม่รู้สึกเตลิดไปมากกว่าที่เป็น

                “อย่าไปสนใจ...มันก็แค่พวกไม่หวังดี ฉันจะจัดการพวกมันเอง” กึ่งคำสัญญา...จากปากขององค์รัชทายาท แม้ลังเลที่จะปักใจเชื่อ...แต่อ้อมกอดตรงนี้มันมีความหมายมากกว่าการปลอบประโลม

                มันคือการ..ปกป้อง

                “...”

                “สนใจแค่ตัวเธอเองและฉันก็พอ”  

     

    Talk*

    ตอนนี้สั้นจัง...แต่พระนางเค้ารับบทเต็มนะ

    ฟิคเครียดเน๊าะ กลัวจะเบื่อ... ฮรือๆๆๆๆ หลังจากนี้เราขอพักเพื่อสอบ แล้วจะกลับมาอัพต่อหลังจากเคลียร์ตัวเองเรียบร้อย แต่รับรองว่าไม่ดอง และจบนร๊ะ งื้มๆ ;w;
    #เข้ามาอีดิทคำ...งร้ากๆ

    :)  Shalunla
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×