ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF.PROJECT] Evil's Story. : WONKYU

    ลำดับตอนที่ #39 : [S Fic] Rose Addict. [ -4- ]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 929
      2
      5 ต.ค. 56

    Rose Addict

    - 4 -

     

                เป็นวันที่ว่างแสนว่าง และมันก็น่าเบื่อเกินว่าจะนอนอยู่เฉยๆ กระนั้นเด็กหนุ่มก็ทำได้เพียงนั่งรอเวลาให้มันผ่านไปอย่างช้าๆ ทั้งที่ในใจอยากจะภาวนาให้เวลาเดินเร็วขึ้นสักร้อยเท่า เกือบสามชั่วโมงแล้วที่ ชเว ชีวอนออกไปคุยงานตามกำหนดการ และมันก็สามชั่วโมงแล้วเหมือนกันที่คยูฮยอนยังรู้สึกถึงความอุ่นซ่านที่ยังทิ้งความละมุนไว้ที่ริมฝีปาก ยิ่งคิดภาพใบหน้าคมคายที่เคลื่อนเข้ามาใกล้จนชิดติดกันก็ยิ่งตอกย้ำส่วนหนึ่งในความทรงจำว่าเขากำลังเผลอไผลไปกับความสัมพันธ์ที่ยังคลุมเครือเหลือเกิน ร่างโปร่งทิ้งกายลงบนเตียงกว้างขวางอีกครั้ง กายขาวตะแคงหันหน้าไปยังฝั่งระเบียงพลางปล่อยให้โทรทัศน์ในห้องยังคงทำงานต่อไปทั้งที่ดวงตาคู่โตทอดมองวิวนอกระเบียง

    ...ความชัดเจนของคนคนนั้นที่มีต่อเขามันจะเป็นเพียงภาพลวงชั่วขณะให้เด็กไม่ประสีประสาหลงระเริงในสิทธิพิเศษหรือมันอาจเป็นหมอกที่เมื่อจางหายเขาทั้งคู่ก็ต้องกลับไปอยู่ในที่ของตนเองกันนะ...

     

     

    ชเว ชีวอนแค่คิดว่าการคุยงานครั้งนี้มันยาวนานกว่าปกติเพราะธุรกิจครั้งนี้ต้องรอบคอบกว่าทุกครั้งหรือเพราะด้านหนึ่งของจิตใจเป็นห่วงเจ้าลูกแมวที่ต้องนอนเหงาตามลำพัง...บางทีอาจเป็นอย่างหลัง

    ไม่สมกับเป็นท่านประธานชเวเลยสักนิด... ชายหนุ่มนึกขันตัวเองอยู่ในใจ

    “ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าคาสิโนแห่งนี้จะประสบความสำเร็จ”

    “แน่นอนคุณชเว...ขอบคุณที่ร่วมลงทุนกับเรา รับรองว่าคาสิโนที่กำลังจะเปิดใหม่ที่ไต้หวันและฮ่องกงภายใต้การดูแลของกลุ่มฮันและกลุ่มชเวจะต้องราบรื่นไปได้ด้วยดี”

    “การก่อสร้างจะเตรียมการในทันทีหลังจากนี้”

    “ครับคุณชเว ทุกอย่างไปได้สวยอย่างแน่นอน...”

    ฝั่งกลุ่มฮันที่ส่งประธานฮันเกิงมาคุยธุรกิจสำคัญกล่าวปิดท้ายการเจรจาด้วยท่าทีสุขุมแต่ใบหน้าที่มีรอยยิ้มนิดหน่อยก็เป็นการเครื่องการันตีถึงความยินดีในการจับมือทำธุรกิจที่ใครต่างก็จับตามอง คาสิโนที่วางรูปแบบการก่อสร้างไว้ถึงสองสาขา รูปแบบทันสมัยและดึงดูดนักลงทุนกระเป๋าหนัก ชายหนุ่มชาวจีนก้มหัวแสดงความเคารพคู่ธุรกิจ แม้จะทำธุรกิจมาด้วยกันก็หลายครั้งแต่ฮันเกิงมีนิสัยพ่อค้าที่น้อมนอบถ่อมตนจนได้ชื่อว่าเป็นท่านประธานที่ใครต่างก็ชื่นชม เป็นคนอ่อนนอกแข็งในตามอัตลักษณ์ของชายชาวจีน พวกเขาพูดคุยกันอีกไม่กี่ประโยคจากนั้นจึงเป็นฝ่ายหนุ่มเกาหลีเช่น ชเว ชีวอนเองที่ขอตัวกลับห้องพักและปฏิเสธมื้ออาหารค่ำตามคำเชื้อเชิญด้วยเพราะมีกำหนดการรออยู่ก่อนแล้ว

    “นายท่านรอท่านประธานอยู่ที่บ้านพักแล้วครับ...แต่เวลาที่ทางเรานัดไว้อีกประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที”

    “ฉันรู้แล้วและท่านก็ไม่ใช่คนเคร่งครัดเรื่องเวลาเท่าไหร่” ชายหนุ่มตอบพลางนึกถึงใบหน้าติดจะถมึงทึงผิดกับนิสัยใจเย็นราวน้ำไหลเอื่อยของคุณปู่ที่เลี้ยงเขามาตั้งแต่เด็ก...เป็นท่านประธานของกลุ่มชเวคนก่อนที่สามารถควบคุมดูแลกิจการได้อย่างดีเยี่ยมและยุติธรรมเฉกเช่นผู้นำที่น่านับถือก่อนท่านจะส่งมอบอำนาจทั้งหมดให้แก่เขา

    “ครับ...ผมทราบดี ส่วนคุณคยูฮยอน ผมแจ้งไว้ล่วงหน้าแล้ว แต่ตอนนี้คุณคยูฮยอนเธออาจยังพักผ่อน.....”

    “เดี๋ยวฉันเข้าไปบอกให้เขาเตรียมตัวเอง”

    “ครับท่านประธาน” โจวมี่ไม่อาจแสดงสีหน้านึกขบขันในตัวท่านประธานชเวซึ่งยืนอยู่ตรงหน้าเขาได้ ชายหนุ่มในวัยสามสิบต้นเช่นชเว ชีวอน ไม่ได้มีท่าทีร้อนรนแบบนี้กับคู่นอนหรือแม้กระทั่งคนที่เคยผ่านเข้ามาในชีวิตเลยสักครั้ง การพูดตัดบททั้งที่เขาเองยังไม่ทันจะกล่าวจบดี ถือเป็นการบ่งบอกว่าชเว ชีวอนในตอนนี้ไม่ต้องการต่อบทสนทนาให้ยืดยาวอีกต่อไป คนสนิทเช่นเขาได้แต่ประหลาดใจในการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ของผู้เป็นนาย

     

    ห้องพักมีเพียงเสียงโทรทัศน์เปิดค้างไว้ ชายหนุ่มเดินตรงไปยังส่วนของห้องนอนก็พบเพียงเตียงนอนว่างเปล่า แว่วเสียงน้ำไหลจากอีกฝั่งของห้อง บางทีคนในปกครองของเขาอาจกำลังสบายตัวอยู่ในอ่างอาบน้ำซึ่งเขาสั่งให้แม่บ้านเข้ามาเตรียมไว้เมื่อถึงเวลา ร่างสูงสง่าไม่คิดจะเร่งเร้าเพราะยังไงเสียคุณปู่ก็ไม่ได้เข้มงวดเรื่องเวลาหากเข้าไปเยี่ยมท่านอยู่แล้ว เขาจึงสืบเท้าไปยังระเบียงห้องพัก ทอดสายตามองวิวเกาะไต้หวันที่เต็มไปด้วยตึกสูงราวศิลปะ แสงไฟจากตัวตึกตัดกับภาพท้องฟ้ามืดสนิทยิ่งเข้ากันได้ดี สวยงามทว่าวุ่นวายไม่มีที่สิ้นสุด...

    การถูกสะกิดด้วยปลายนิ้วเบาๆ ที่หัวไหล่ทำให้ชเว ชีวอนหันกลับไปมองเจ้าของการกระทำที่ว่า โจ คยูฮยอนอยู่ในชุดคลุมอาบน้ำทั้งยังมีสีหน้าราวกับคิดอะไรแต่ไม่ยอมพูดออกมาจนเป็นฝ่ายชายหนุ่มเองที่ต้องเอ่ยถาม

    “มีอะไรรึเปล่า ทำไมไม่ไปแต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนล่ะ” เขาว่าพลางใช้เรียวนิ้วเกี่ยวเส้นผมที่ยังดูชื้นจากการอาบน้ำให้พ้นกรอบหน้าขาวจัด เรียวปากอิ่มเม้มแน่นพลางตอบคำถามกันจนได้

    “คุณโจวมี่บอกว่าผมต้องออกไปพบนายท่าน...กับคุณ ผมเลยไม่รู้ว่าควรจะแต่งตัวยังไงให้เหมาะกาลเทศะ” ใบหน้าของชายหนุ่มระบายยิ้มบางเมื่อฟังประโยคนั้นจบ เขาจัดการดึงมือของเด็กหนุ่มให้กลับเข้ามาในส่วนของห้องพัก ไม่พูดอะไรไปมากกว่าการเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าและเลือกชุดที่เจ้าตัวเป็นคนเตรียมมาเอง

    “ใส่อะไรก็ได้...เธอดูดีและน่ารักเพราะการกระทำอยู่แล้ว คุณปู่ท่านไม่ชอบอะไรที่เป็นทางการ”

    “คุณปู่? นายท่านที่ว่าคือ...คุณปู่ของคุณอย่างนั้นหรอกหรอ” สีหน้าช่างสงสัยเป็นที่น่าเอ็นดูนักล่ะ เปรียบเทียบกับก่อนหน้านั้นที่มักอาละวาดไม่เชื่อฟังเขา โจ คยูฮยอนในตอนนี้ก็ไม่ต่างอะไรไปจากลูกแมวหลงทางสักเท่าไหร่ ไม่กล้าอยู่ใกล้เขา แต่กลับอยากเข้าคลอเคลียเจ้าของง่ายๆ อาจเพราะโดนทิ้งให้เหงา กระนั้นเขาก็มองออกว่าตัวตนที่แท้จริงของเด็กคนนี้มีสิ่งอื่นที่น่าค้นหาอีกมากเชียวล่ะ

    “ใช่ คุณปู่ของฉันเอง...แต่ตอนนี้ฉันคิดว่าเธอควรแต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนดีกว่า” ใบหน้าขาวจู่ๆ กลับระเรื่อแดงคล้ายดอกกุหลาบแรกแย้มที่กำลังผลิบาน ชเว ชีวอนแตะเรียวปากลงบนหน้าผากมนก่อนจะปล่อยให้ใครอีกคนยืนเหวอไม่ยอมขยับตัวอยู่พักใหญ่

    พ้นสายตาของชเว ชีวอน โจ คยูฮยอนก้มมองเสื้อผ้าที่คนคนนั้นเป็นคนเลือกมันออกมาให้เขา ทั้งที่มันเป็นชุดโปรดที่คุ้นชินเป็นอย่างดี เสื้อโปโลลายขวางสีขาวน้ำเงินกับกางเกงยีนส์สีเข้มพอดีตัว แต่กับวันนี้แล้ว...ทำไมถึงได้รู้สึกประหม่าที่จะต้องใส่มัน สำหรับในตอนนี้แล้วเด็กหนุ่มคิดเสมอว่าการเป็นคนของชเวก็ไม่ได้แย่เสมอไป เพียงแค่ไม่ต่อต้านในสิ่งที่ชเว ชีวอนมอบให้ซึ่งในบางครั้งมันก็ยากสักหน่อยที่จะไม่ต่อต้านคำสั่งห้วนๆ ของคนคนนี้ แต่เหตุการณ์เฉียดตายที่เขาเผชิญมาทั้งสองครั้งหากไม่มีใครคนนั้นเอื้อมมือเข้ามาช่วย บางทีลมหายใจของโจ คยูฮยอนอาจกลายเป็นของยมทูตไปแล้วอย่างแน่นอน

    ไม่นานเท่าไหร่ที่เขาใช้เวลาแต่งตัว เมื่อเด็กหนุ่มเดินออกมาจากห้องนอนก็พบร่างสูงนั่งรออยู่ที่โซฟากลางห้อง ในมือถือสมาร์ทโฟนเครื่องประจำ ท่าทีใจเย็นไม่รีบร้อนทำให้คยูฮยอนมั่นใจว่าตนอาจไม่ได้ทำให้ชเว ชีวอนเสียเวลาหรืออาจต้องสายไปกว่ากำหนดการถึงแม้ชีวอนเองจะยืนยันว่าคุณปู่ไม่ใช่คนซีเรียสเรื่องเวลาแต่ในฐานะที่เป็นเด็กก็ไม่ควรจะให้ผู้ใหญ่รอนาน เขาเดินไปยืนตรงหน้าคนที่ชอบตีหน้านิ่งเสียแทบจะทุกครั้งที่สบตาพลางกระแอมไอเบาๆ เป็นสัญญาณว่าตนเรียบร้อยดีแล้ว

    “คุณชีวอน ผมเรียบร้อยแล้วครับ เราจะไปกันได้หรือยัง?” ชายหนุ่มเหลือบมองนาฬิกาข้อมือพลางอมยิ้มในแบบที่คยูฮยอนไม่ค่อยจะได้เห็นนัก

    “เหลือเวลาอีกมาก แต่ถ้าเธอร้อนใจ เราจะไปกันเลยก็ได้...”

    “คุณเข้าใจผิดนะ ผมไม่ได้ร้อนใจสักหน่อย แค่ประหม่าน่ะครับ” เด็กหนุ่มว่าน้ำเสียงกระเง้ากระงอดพลางมองเจ้าของร่างสูงใหญ่ที่หยัดตัวลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูง ฝ่ามือใหญ่วางแปะลงบนศีรษะของเขาพลางลูบแผ่วเบาอย่างเช่นทุกครั้ง

    “ไม่ต้องกังวลหรอก คุณปู่ใจดีผิดกับหน้าตาที่ดูดุไปหน่อยเท่านั้น” คนตรงหน้าว่าจบพลางจูงมือเขาออกจากห้องพักโดยที่หน้าประตูมีโจวมี่รออารักขาอยู่ก่อนแล้ว และเมื่อลงมาถึงล็อบบี้ของโรงแรมก็มีคนของกลุ่มชเวตามมาดูแลสมทบอีกขั้น นับว่าการดูแลรักษาความปลอดภัยระดับนี้อาจเทียบได้กับผู้นำประเทศเลยก็ว่าได้ การที่โจ คยูฮยอนหลุดมาอยู่ในโลกของคนคนนี้มันเป็นเรื่องไม่น่าเชื่อ เขาทั้งคู่เข้ามานั่งในตัวรถ ไม่นานยานพาหนะสีขาวนวลก็เคลื่อนตัวไปยังจุดหมาย...

     

     

    สิ่งหนึ่งที่ชเว ชีวอนลืมบอกโจ คยูฮยอนไปอีกประการเกี่ยวกับคุณปู่ชเว... นั่นคือท่านยังดูหนุ่มมากทีเดียวหากเทียบกับชายในวัย 60 ปลายๆ ทั่วไป ร่างกายที่ยังดูสง่าผ่าเผย สุขภาพไม่ได้ร่วงโรยไปตามวัยเลยสักนิด ใบหน้าคมคายที่ดูยังไงก็ยังคงมีเค้าโครงที่บ่งบอกถึงการเป็นผู้สืบเชื้อสายแก่ประธานชเวคนปัจจุบัน ชเว แทซอง ยิ้มบางมองหลานชายคนโปรดที่มาพร้อมกับเด็กหนุ่มซึ่งมีหน้าตาจัดว่าน่าเอ็นดู ภายในห้องรับแขกสไตล์จีนประยุกต์ ผสมผสานความลงตัวระหว่างศิลปะจีนกับความเป็นตะวันตกได้อย่างเหมาะเจาะ มีการใช้สีดำเป็นหลักทว่าก็มีสีครีมสว่างและสีทองกลืนกันไปมองดูเข้ากับลายจีนตามผนังและเพดาน

    ทั้งชีวอนและคยูฮยอนนั่งลงบนโซฟาตามคำเชื้อเชิญ คุณปู่ชเวมองผู้มาใหม่อย่างไม่คลาดสายตา สักพักท่านก็เอ่ยปาก

                “ว่าอย่างไร เรื่องคาสิโนน่ะ”

                “คาดว่าไปได้สวยแน่นอนครับ...การร่วมลงทุนกับกลุ่มฮันที่มีพร้อมด้วยความซื่อสัตย์และความมั่นคงนับเป็นใบเบิกทางสำหรับธุรกิจที่ยอดเยี่ยม”

                “กลุ่มฮันผิดแผกไปจากกลุ่มๆ อื่นในจีนและในไต้หวันมากนัก...ไม่ทำตัวเป็นอีแร้งอีกาหรือพวกจิ้งจอกเก้าหาง”

                “นิสัยแบบนั้นก็คงจะมีแต่พวกกลุ่มคิม!” ดวงตาที่จู่ๆ กลับวาวโรจน์ขึ้นมาอย่างฉับพลันของชเว ชีวอนอดไม่ได้ที่ผู้เป็นปู่จะนึกขำ ความใจร้อนขี้เอาแต่ใจจากหลานคนนี้เป็นสิ่งที่หาได้ยากยิ่ง มองปราดเดียวก็ทราบว่ากลุ่มคิมคงสร้างความรำคาญใจให้แก่หลานชายได้หนักหนาเอาการ แทซองถ่ายทอดนิสัยเฉกเช่นผู้นำให้แก่ชายหนุ่มตั้งแต่เป็นเด็ก... อาจเพราะชีวอนขาดพ่อแม่ไปตั้งแต่เจ้าตัวยังไม่รู้ความ ความคิดความอ่าน นิสัยใจคอ เสมือนทอดแบบจากชเว แทซองราวจับวาง

                “เอาเถอะ...คุยกันเรื่องธุรกิจมากๆ ประเดี๋ยวเด็กหนุ่มข้างๆ หลานจะเบื่อไปเสียก่อน” คยูฮยอนสะดุ้งตัวในตอนที่เขาถูกจับจ้องโดยสายตาจากคุณปู่ชเวทั้งที่ตนกำลังเพลิดเพลินกับการมองศิลปะการตกแต่งภายในห้องรับแขกแท้ๆ ดวงตาคู่โตกระพริบมองใบหน้าของคนเป็นปู่ทีเป็นหลานทีก่อนจะจบท้ายลงด้วยการเผยยิ้มอ่อนน้อม

                “ตามสบายเถอะครับ คือผม...”

                “ชื่ออะไรล่ะ?” คุณปู่ชเวดูจะชอบใจในท่าทีคล้ายลูกแมวหลงทาง คยูฮยอนเหลือบสายตามองคนข้างๆ ซึ่งกำลังทอดสายตามองเขาด้วยดวงตาที่ฉายแววเอ็นดูอยู่ในที

                “โจ คยูฮยอนครับ” ชเว แทซองพินิจมองใบหน้าจิ้มลิ้มอยู่เป็นพักจึงได้คำตอบอยู่ในใจว่าเด็กคนนี้คงยังไม่ทันจะเรียนจบมัธยมปลายเป็นแน่ ทั้งการที่ชีวอนพาคยูฮยอนมาหาเขาเช่นนี้เป็นการบอกเป็นกลายๆ ว่าเด็กคนนี้มีสิทธิพิเศษ ดวงตาหมายมาดที่ไม่ได้พร่าเลือนไปตามวัยตวัดมองใบหน้าหล่อเหลาของหลานคนโปรดในทันที

                “นี่อย่าบอกนะว่าหลานพรากผู้เยาว์มา...”

                “จะว่าอย่างนั้น ...ก็คงไม่ผิดหรอกมั้งครับคุณปู่” คนเป็นหลานตอบอย่างไม่ทุกข์ร้อนแฝงอารมณ์ติดตลก

                “ปุโถ่! พ่อแม่เขาจะได้ลากหัวหลานเข้าตะรางน่ะสิ!” เสียงหัวเราะของคุณปู่ชเวท้ายประโยคเมื่อครู่ทำให้คยูฮยอนวางสีหน้าไม่ถูกได้ก้มหน้างุดไม่กล้าแม้กระทั่งจะสบตากับชเว ชีวอนเอง เขาทราบดีว่าคุณปู่ต้องการจะสื่ออะไร และนั่นก็ทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกกระอักกระอ่วนใจเกินกว่าทำเป็นไม่ได้ยินบทสนทนาที่เชื่อมโยงมายังเขา ไอ้เรื่องแบบนี้เขาควรจะยิ้มรับอยู่หรือ ในตอนนี้เขาไม่กล้าพอจะทำแบบนั้นหรอก

                “อันที่จริงเพราะมันมีสาเหตุมาจากหลายๆ อย่างน่ะครับ คุณปู่อาจได้ฟังผมเล่าเรื่องนี้หลังจากมื้อเย็น...”

                “ก็เอางั้นสิ...ไปเถอะ ไปทานมื้อเย็นกันได้แล้ว”

                ชเว แทซองเลือกที่จะวางมือจากธุรกิจและปลีกตัวออกจากประเทศบ้านเกิดเช่นเกาหลีใต้ การลงหลักปักฐานที่ไต้หวันในช่วงบั้นปลายชีวิตเป็นสิ่งที่เขาวางแผนมันมาในครั้นที่ต้องเสียลูกชายและลูกสะใภ้คนเล็กไป บวกกับภรรยาที่รักต้องการหลีกหนีความทรงจำในที่เดิมๆ คุณปู่ชเวจึงไม่รั้งรอที่จะทำตามคำขอของเธอ อิม นาบีหรืออดีตนายหญิงของกลุ่มชเวเดินนำหน้าสาวใช้ซึ่งยกอาหารกวางตุ้งมากมายมาเสิร์ฟบนโต๊ะ เกือบจะทั้งหมดล้วนเป็นอาหารจานโปรดของทั้งประธานชเวคนก่อนและคนปัจจุบัน

                “อาหารกวางตุ้งเน้นความสดใหม่ รสชาตินุ่มนวล สองปู่หลานชอบนักล่ะ เธอเองก็ท่านเยอะๆ นะ” คยูฮยอนยิ้มตอบคำพูดเชื้อเชิญของหญิงที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นคุณย่าใครได้ เธอยังดูสวยสง่าสมกับที่เคยเป็นนายหญิงของกลุ่มชเว ใบหน้าสะคราญแฝงไปด้วยแววตาเด็ดเดี่ยวเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งไม่น่าเชื่ออีกนั่นแหละว่าหญิงร่างบางคนนี้จะดูมีอำนาจไม่ต่างไปจากคุณปู่ชเว เด็กหนุ่มมองอาหารจีนตรงหน้า...ทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็นอาหารที่เขาไม่เคยได้รับประทาน อันที่จริงมันไม่ได้ดูหรูหรามากอย่างในภัตตาคาร แต่ทุกอย่างก็ดูลงตัว น่าอร่อยทั้งที่ไม่ได้ทันจะได้ลิ้มรส

                “ทานสิ...” หมูเปรี้ยวหวานถูกคีบมาวางบนจานของเขาโดยฝีมือของชเว ชีวอน ใบหน้าคมแย้มยิ้มนิดหน่อยอาจกำลังขำเขาที่ไม่เริ่มทานอะไรเสียทีราวกับลังเลเลือกอาหารไม่ถูก แหงสิ... จานอาหารเรียงรายแถมยังไม่เป็นเมนูที่ไม่ค่อยจะคุ้นชิน เด็กหนุ่มก้มหัวขอบคุณเพียงนิดก่อนจะละเมียดทานอาหารโดยไม่รีบร้อน...บางทีคยูฮยอนรู้สึกว่าเขาประหม่ามากเหลือเกิน

                นอกจากไม่ได้เตรียมใจไว้ล่วงหน้ากับการพบท่านทั้งสองแล้ว...การมาพบท่านครั้งนี้จะด้วยฐานะอะไร คนอย่างเขาไม่กล้าคิดเองเออเองหรอก...

                หลังมือเย็น ชเว ชีวอนหายไปพร้อมกับคุณปู่ อาจไปคุยกันเรื่องธุระส่วนตัวและอาจมีเรื่องของเขานิดหน่อยอย่างที่ชายหนุ่มเกริ่นไว้ก่อนหน้า คยูฮยอนยังคงนั่งพูดคุยอยู่กับคุณย่านาบี สิ่งที่ผิดคาดไปอย่างมากเกี่ยวกับตระกูลชเวคือ...พวกท่านไม่หัวโบราณติดจะทันสมัยเสียด้วยซ้ำที่สำคัญไม่มีทีท่ารังเกียจเขาเลยสักนิด ตามความรู้สึกของคยูฮยอนแล้ว ท่านออกจะให้ความสนใจเขาเป็นพิเศษด้วยซ้ำ นานเป็นชั่วโมงเชียวล่ะกว่าชีวอนจะเดินออกมาจากห้องหนังสือพร้อมคุณปู่ หลังจากพูดคุยร่ำลาพวกเขาก็ต้องขอตัวกลับไปพักผ่อนที่โรงแรม

     

                ระหว่างทาง...ภายในตัวรถเงียบจนได้ยินเสียงถอดถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่าของเด็กตัวขาวข้างกาย ชเว ชีวอนปรายตามองเจ้าของร่างโปร่งที่นั่งห่างจากเขามากกว่าปกติเสียตัวเกือบชิดประตูรถ ใบหน้าเบือนหนีเขาราวกับสนใจวิวนอกตัวรถมากกว่าสิ่งใด ชายหนุ่มไม่กล่าวอะไรเพียงแค่ปล่อยให้อีกคนได้อยู่กับตัวเอง พลางในหัวก็นึกถึงบทสนทนาระหว่างเขาและคุณปู่ที่เพิ่งจะผ่านมาไม่นาน

     

                “กลุ่มคิมมุ่งมาดทำร้ายหลานหนักหน่วงกว่าทุกครั้ง มันเป็นสัญญาณการแตกหักอย่างแท้จริง ไม่สิ...มันอาจเป็นจุดจบของปัญหาคาราคาซังระหว่างกลุ่มเสียที”

                “ผมก็คิดเช่นนั้นครับ...ส่วนคยูฮยอนเองถูกดึงเข้ามาเกี่ยวกับเรื่องนี้โดยบังเอิญ แล้วผมก็ไม่สามารถปล่อยให้เขาต้องเผชิญอันตรายแบบนั้น”

                “ถึงได้มอบสิทธิพิเศษให้แก่เด็กคนนั้นสินะ การเป็นคนของชเวจะทำให้คยูฮยอนปลอดภัยได้มากที่สุด”

                “แต่...เขายังคงต่อต้านผมนิดหน่อยอาจเพราะกำลังกลัว”

                “ไม่หรอก...เด็กนั่นแค่สับสน เป็นใครใครก็ต้องรู้สึกอย่างนี้ทั้งนั้น จากเด็กที่ใช้ชีวิตธรรมดา แต่วันหนึ่ง...เขากลับถูกหลานควบคุมดูแล อยู่ท่ามกลางโลกสีดำและโลกสีขาว เวลาและความมั่นคงจากหลานจะทำให้คยูฮยอนสามารถเชื่อมั่นในการเป็นคนของชเวมากขึ้น...”

     

                “คุณชีวอน...”

    เสียงนั่นปลุกให้ชายหนุ่มหลุดจากภวังค์ เขาทอดสายตามองใบหน้ากลมขาว อาการอยากจะพูดแต่เม้มปากไว้อดไม่ได้ที่ชีวอนจะจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคล้ายกำลังตะล่อมหาความจริงที่ถูกปิดซ่อน ผลคือเป็นคนอ่อนประสบการณ์กว่าที่ยอมจำนนไปเอง

                “มีอะไรก็ว่ามาสิ...เธอเอาแต่เงียบ ฉันไม่สามารถอ่านความคิดเธอได้ทุกความคิดหรอกนะ” เขาว่าไปแบบนั้น แอบเห็นคยูฮยอนเหลือบมองโจวมี่ที่กำลังขับรถให้ บางทีเด็กนี่อาจตะขิดตะขวงใจที่ต้องพูดอะไรบางอย่างโดยที่มีคนอื่นอยู่ด้วยงั้นหรือ?

                “ผมแค่อยากรู้...คุณย่านาบีบอกว่าการเป็นคนของชเว...คือก้าวแรกสู่การเป็น.........นายหญิงของกลุ่มชเว ผมไม่เข้าใจ คือ...” เด็กหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาลงทุกที มันเบาจนชายหนุ่มต้องโน้มตัวลงไปเงี่ยหูฟังใกล้ๆ สุดท้ายประโยคที่เบาแสนเบาจึงดังอยู่ข้างหู “ระหว่างเรามันคืออะไร”

                ชเว ชีวอนระบายยิ้มเอ็นดู เขากดริมฝีปากลงบนผิวแก้มขาวและมันก็เปลี่ยนเป็นสีระเรื่อในชั่ววินาที นิ่งมองปฏิกิริยาน่าชังของอีกฝ่าย เฝ้ามองดวงตาคู่โตที่กระพริบมองเขาอยู่เช่นนั้น ดวงตาที่สะท้อนภาพเขาแต่เพียงผู้เดียว...

     

                ปัง!!! เอี้ยด!!!!

     

                เสียงปืนหนึ่งนัดพร้อมด้วยการเบรกกะทันหันทำให้ชเว ชีวอนตวัดแขนโอบรอบร่างของเด็กหนุ่มสู่อ้อมอกในทันที ดวงตาคมวาวมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไวราวพายุ ชายหนุ่มเดาว่าผู้ประสงค์ร้ายคงมีความแม่นยำในการใช้ปืนไม่น้อยถึงได้ยิงยางรถยนต์ที่พวกเขานั่งอยู่จนแตกได้ด้วยกระสุนเพียงนัดเดียว และนั่นก็ทำให้โจวมี่จำต้องหยุดการเคลื่อนตัวของยานพาหนะอย่างเสียไม่ได้!

                “ท่านประธานครับ ปลอดภัยดีใช่ไหมครับ!” เสียงของโจวมี่เอ่ยถามพร้อมกับการคว้าปืนที่เหน็บไว้หลังเอวขึ้นมาเตรียมพร้อม ชเว ชีวอนก็ไม่ต่างกัน เขาคว้าเอากระบอกปืนสีดำสนิทคู่กายขึ้นลำ แม้จะอยู่ในตัวรถแต่ดวงตาของเขาก็ยังกวาดมองไปรอบบริเวณ...ท้องถนนไร้การสัญจร ร้านรวงหรือแม้แต่บ้านเรือนแถวนั้นปิดเงียบ การจู่โจมเช่นนี้มันอันตรายยิ่งกว่าการจู่โจมต่อหน้าเสียอีก วันนี้เขาอาจพลาดไปเองที่สั่งให้ลูกน้องคนอื่นๆ ตามอารักขาแค่พอเป็นพิธี แม้ตอนอยู่ที่โรงแรมคนของเขาจะมากจนเหมือนดูแลความปลอดภัยผู้นำประเทศ หากเมื่อมาถึงบ้านของคุณปู่แล้วเขาสั่งให้มีคนสนิทอยู่ด้วยไม่กี่คนก็พอ ...กลุ่มคิมไม่เคยลอบกัดกันนอกประเทศแบบนี้ ท่าทางครั้งนี้จะกัดไม่ยอมปล่อยจริงๆ

    รถสปอร์ตของกลุ่มชเวอีกคันแล่นมาจอดเทียบข้างๆ ก่อนคนของเขาจะรีบลงมาคุ้มกัน ในขณะที่เขากำลังจะเปิดประตูลงจากรถ แน่นอนการอยู่ในรถที่ไม่สามารถเคลื่อนตัวไปไหนได้เท่ากับเป็นเป้านิ่งให้คนพวกนั้นได้ใจ จังหวะที่กำลังจะส่งตัวคยูฮยอนให้เข้าไปในตัวรถ เขารู้สึกโดยสัญชาตญาณว่ามีกลุ่มคนจำนวนไม่น้อยที่เคลื่อนตัวอยู่ไม่ห่าง และในตอนนั้น!

    ปัง!

    ชเว ชีวอนหันกระบอกปืนไปยังชายที่กำลังจะเล็งเป้าหมายมายังลูกน้องคนสนิท เสียงลั่นไกดังขึ้นพร้อมกับร่างที่ล้มลง ชายหนุ่มคุมสติที่กำลังเดือดจัดได้เป็นอย่างดี ทักษะแม่นปืนของเขาไม่ขาดตกบกพร่อง เสียงปืนอีกสามนัดดังขึ้นตามด้วยคนของกลุ่มคิมที่ร่วงลงบนพื้นถนนตามจำนวนกระสุน

    “คยูฮยอนเข้าไปในรถก่อน! ไปในที่ปลอดภัย!!” ชีวอนกำชับเจ้าของร่างโปร่งที่ยังคงรั้งมือเขาไว้ ทั้งที่โจวมี่เปิดประตูรถรอและคนของกลุ่มชเวคนอื่นก็พร้อมที่อารักขา แต่ทว่าดวงตาคู่โตเว้าวอนชายหนุ่มอยู่นานกระทั่งเจ้าตัวยอมพูดอะไรออกมา

    “แต่...ผมทิ้งคุณไว้ตรงนี้ไม่ได้นะ!!

    “ฉันดูแลตัวเองได้ พวกมันอยากเอาชีวิตฉัน ไม่ใช่เธอ! และฉันก็จะไม่ยอมให้เธอได้รับอันตรายจากเหตุการณ์บ้าๆ นี่!!!” ชเว ชีวอนคิดว่าเสียงของเขามันคล้ายกับกำลังตะคอก ถึงอย่างนั้นเด็กคนนี้ก็ยังดื้อได้อย่างเสมอต้นเสมอปลาย ไม่ยอมขยับตัวไปไหนย้ำชัดในจุดประสงค์ว่าไม่ต้องการห่างจากเขา จวบจนการโจมตีที่หนักขึ้น พวกเขาจำต้องหมอบลงโดยใช้ตัวรถยนต์เป็นเกราะกำบัง โต้ตอบกลับเท่าที่กำลังจะสู้ได้ ทว่า...อาจเพราะพวกมันใช้วิธีเฉกเช่นหมาลอบกัด โจวมี่ที่ไม่ได้ระวังตัวในจังหวะดังกล่าวถึงได้ถูกลูกกระสุนฝังลงที่หน้าท้อง ใบหน้าคมคายกัดฟันทนบาดแผลหากก็ไม่ปล่อยให้มือที่จับปืนต้องหมดแรงลงไปตามความเจ็บปวด สัญชาตญาณการเป็นบอดี้การ์ดส่งให้เขาต้องคุ้มกันผู้เป็นนายอย่างสุดความสามารถ

    “ท่านประธานครับ เห็นทีเราต้องล่าถอย” เสียงลูกน้องคนหนึ่งตะโกนบอก ชเว ชีวอนพยักหน้าให้คนของเขาเตรียมล่าถอยอย่างที่ว่า คนสนิทเกือบจะทั้งหมดพาตัวเองเข้าไปในตัวรถรถพร้อมๆ กับที่ร่างสูงใหญ่รวบเอาร่างของเด็กในปกครองดันเข้าไปในตัวรถก่อนเขา แต่โชคกลับไม่เข้าข้าง ชีวอนรู้สึกร้าวที่ต้นแขนขวา เขาถูกยิง! มันเป็นกระสุนที่เขาหาที่มาที่ไปไม่ได้ คยูฮยอนเผลอร้องอุทานในตอนที่สีของเลือดค่อยๆ อาบเสื้อเชิ้ตสีอ่อนจนน่ากลัว เขาไม่มีเวลาจัดการอะไรให้มาก นอกจากยิงสวนกลับไปอีกนัด ในหัวสมองของเขาประมวลผลอะไรบางอย่าง...ท้ายที่สุด ร่างสูงกลับเลือกที่เผชิญหน้ากับคนของกลุ่มคิมที่จู่โจมประชิดตัวอย่างรวดเร็ว

    คยูฮยอนมองภาพโกลาหลตรงหน้าแม้คนของกลุ่มคิมจะเหลือเพียงไม่กี่คนแต่กับ ชเว ชีวอนแค่คนเดียวจะรับมือไหวได้อย่างไร เด็กหนุ่มเกาะกระจกภายในตัวรถโดยมีลูกน้องของชีวอนอีกคนรั้งเขาไม่ให้ลงจากรถไปได้ หากไม่มีคำสั่งใดๆ นั่นแสดงว่าท่านประธานของกลุ่มรับมือทุกอย่างได้ นี่คือสิ่งที่คนของกลุ่มชเวย้ำคิดแม้ภายในใจจะร้อนรนมากขนาดไหนก็ตาม

    “ทำไมพวกคุณไม่ลงไปช่วยคุณชีวอนล่ะ เขาเป็นเจ้านายพวกคุณ หรือถ้าพวกคุณไม่ลงไป ผมลงไปเองก็ได้!” เด็กหนุ่มร้องตะโกนด้วยความสุดจะทน เขาออกแรงดิ้นให้หลุดจากการรั้งตัว ส่วนดวงตาก็ได้แต่ทอดสายตามองเจ้าของร่างสูงใหญ่ที่ตอนนี้ไม่มีปืนอยู่ในมือเสียแล้ว แต่กลับกำลังสู้แบบมือเปล่ากับคนพวกนั้น...แปลกที่มันไม่เพ่งเล็งคนที่นั่งอยู่ในตัวรถ...อาจจริงอย่างที่ชีวอนว่า คนพวกนั้นต้องการแค่ชีวิตของ ชเว ชีวอนเท่านั้น!

    “ไม่ได้ครับคุณคยูฮยอน หากท่านประธานไม่ได้สั่ง...เราจะทำอะไรไม่ได้ทั้งสิ้น” คยูฮยอนตวัดตามองคนเจ็บที่นั่งอยู่เบาะหน้า โจวมี่ใช้มือกุมท้องที่เต็มไปด้วยเลือดสีแดงคล้ำ ใบหน้าผุดไปด้วยเหงื่อ ถึงอย่างนั้นเด็กเช่นเขาก็ยังไม่เข้าใจในการกระทำของคนที่เป็นลูกน้องเช่นโจวมี่และคนอื่นๆ อยู่ดี... ทำไมล่ะ ทำไม ทำไมไม่ออกไปช่วยชีวอน แทนที่จะมานั่งอยู่ภายในตัวรถเช่นนี้...ต้องนั่งมองเหตุการณ์ไปเรื่อยๆ เลยหรือ!

    “จะนั่งรอความตายหรือไง!!!” คำพูดของคยูฮยอนทำให้โจวมี่และลูกน้องทั้งสองเงียบกริบ...กระนั้นเสียงถอนหายใจของชายที่รั้งแขนเขาไว้ก็เอ่ยขึ้น

    “พวกเราไม่ได้นั่งรอความตาย แต่พวกเรารอให้ท่านประธานกลับไปด้วยกัน พวกเขาเชื่อมั่นในตัวของท่านประธานครับ”

    “คุณคยูฮยอนต้องเชื่อมั่นในตัวท่านประธานสิครับ...เชื่อว่าท่านประธานสามารถเอาชนะพวกคนชั่วพวกนั้นได้...”

    “...........”

    แค่เชื่อมั่นอย่างนั้นใช่ไหม... เด็กหนุ่มหลับตาภาวนาขอพรจากพระเจ้า...ขอท่านจงคุ้มครองผู้ชายคนนั้น...คนที่ก้าวเข้ามาเปลี่ยนชีวิตของเขา

     

    ...เขายอมแล้ว... ยอมแพ้หัวใจที่มีเหตุผลในตัวของมันเองซึ่งสมองไม่มีวันจะเข้าใจ...

    โจ คยูฮยอนกำลังมอบชีวิตให้แก่คนที่พร้อมจะปกป้องเขาแล้วจริงๆ

    ชีวิตนี้มอบให้ ชเว ชีวอน...

     

    Talk*
    ขออภัยจริงๆ ที่แอบเกริ่นว่าจะมีฉากพี่วอนน้องยอนเขาจุดจุดจุดกัน
    เนื่องจากตอนนี้รายละเอียดเยอะไปหน่อย เราจึงขอยกยอดไปในตอนหน้านะ รับรองตอนหน้าไม่เบี้ยว 55555


     

    Tenpoints!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×