ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF.PROJECT] Evil's Story. : WONKYU

    ลำดับตอนที่ #38 : [S Fic] Rose Addict. [ -3- ]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 940
      2
      5 ต.ค. 56

    Rose Addict

    - 3 -

     

    “พ่อกับแม่ของเธอกลับมาวันนี้อย่างนั้นสินะ”

    เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นในจังหวะที่คยูฮยอนกำลังจะก้าวขาขึ้นรถเมอร์ซิเดส เด็กหนุ่มหันกลับมาสบตาชายหนุ่มที่มอบสิทธิพิเศษให้เขาโดยการเป็นคนของชเว โจ คยูฮยอนใช้ชีวิตอยู่ในคอนโดฯส่วนตัวของคนคนนี้มาสองวัน เขารู้สึกราวกับตัวเองไม่ต่างอะไรไปจากสัตว์เลี้ยงที่ต้องถูกกักอยู่ในพื้นที่จำกัด มีอาหารให้ทานตามเวลาโดยฝีมือของแม่บ้าน เสื้อผ้าที่ถูกจัดเตรียมไว้ให้ คนคนนั้นจะมาหาเขาในตอนเย็นหลังเลิกงาน ถามไถ่เล็กๆ น้อยๆ แล้วก็กลับไป...กำชับว่าห้ามหนีไปไหน...ก็แปลกที่ยอมเชื่อฟัง...เหตุผลที่เขาต้องทนอยู่เพราะพ่อแม่ยังไม่กลับมาจากต่างจังหวัด ชเว ชีวอนเอาแต่พูดว่าไม่ควรปล่อยเขาไว้คนเดียวในเวลาที่สถานการณ์ยังไม่แน่นอน แต่วันนี้คุณแม่คนดีโทร.มาบอกว่าจะกลับมาถึงประมาณช่วงบ่ายของวัน ฉะนั้นเขาคงมีข้ออ้างที่จะออกไปจากที่แห่งนี้เสียที ที่ๆ เต็มไปด้วยความอึดอัดและคำถามมากมายที่เด็กตัวขาวไม่อาจเข้าใจได้ในตอนนี้

    “ครับ...ผมไม่จำเป็นต้องโกหกคุณหรอก”

    “อืม...” หมอนั่นตอบสั้นๆ ก่อนจะปล่อยให้เขาก้าวขึ้นตัวรถ ชเว ชีวอนไม่ไปส่งเขาที่บ้านแต่ออกคำสั่งให้ลูกน้องคนสนิทเป็นคนจัดการ คยูฮยอนถอนหายใจเฮือกใหญ่ในขณะที่พาตัวเองมานั่งที่เบาะรถด้านหลังจนได้ ดวงตาคู่โตเหลือบมองไปนอกกระจกรถเขาก็พบว่าเจ้าของร่างสูงใหญ่เดินเข้าไปในตัวตึกระฟ้าเสียแล้วแถมยังมีกลุ่มลูกน้องติดตามเข้าไปติดๆ แผ่นหลังกว้างที่ดูมั่นคงแต่แฝงไปด้วยความเย็นชาแบบนั้น...เขาไม่อยากเอาชีวิตของตัวเองไปผูกติดกับคนแบบนี้...มันดู หนาวเหน็บมากกกว่าอบอุ่น

    เรียวปากอิ่มเผลอเม้มแน่นในขณะที่ในหัวสมองประมวลเหตุการณ์ตลอดช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วดีเป็นบ้า คยูฮยอนไม่รู้ว่าตัวเองกำลังยืนอยู่จุดไหน การเป็นคนของชเวคือการที่ถูกคนคนนั้นควบคุมตลอดเวลาเพื่อความปลอดภัย หรือเป็นเพียงเบี้ยตัวเล็กๆ บนกระดานหมากของผู้ใหญ่กันแน่ นั่นคือสิ่งที่เขาสงสัยและไม่กล้าคาดเดา...

    คยูฮยอนมารู้เอาทีหลังว่าคนสนิทที่คอยอารักขาความปลอดภัยของเขาอย่างใกล้ชิดที่ชเว ชีวอนส่งมาเป็นหนุ่มชาวจีนที่ชื่อ โจวมี่ ด้วยรูปร่างสูงโปร่ง ไหนจะบุคลิกเงียบสุขุมทำให้เด็กหนุ่มอดจะแปลกใจไม่น้อยว่างานเฉกเช่นบอดี้การ์ดเหมาะกับคนคนนี้ได้อย่างไร คยูฮยอนพยายามถามในสิ่งที่ตนสงสัยกับบอดี้การ์ดหนุ่มแต่ครั้งแล้วครั้งเล่า ความเงียบก็มักเป็นคำตอบที่แสนน่าเบื่อทั้งยังน่าหงุดหงิดอยู่ในที รถเมอร์ซิเดสจอดเทียบท่าที่ประตูรั้วหน้าบ้านของเขา คยูฮยอนก้มหัวขอบคุณสารถีจำเป็นอย่างโจวมี่และจังหวะที่ก้าวลงจากรถ เสียงโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น

    เบอร์โทร.ไม่คุ้นตาเลย

    แต่เสียง...

    “ถึงบ้านแล้วใช่ไหม” เสียงของชเว ชีวอน...

    “ครับ เพิ่งถึงเมื่อกี้ กำลังจะเดินเข้าบ้าน”

    “โจวมี่คำนวณเวลาได้ตรงเป๊ะทีเดียวว่าเธอจะต้องถึงบ้านเวลานี้ ยังไงก็เข้าบ้านไปเถอะ ฉันแค่อยากโทร.มาเช็คให้แน่ใจว่าเธอถึงที่หมายแล้ว...และนี่ เบอร์ของฉัน...อย่าลืมบันทึกไว้ล่ะ”

    “ครับ...” ชเว ชีวอนตัดสายไปพร้อมๆ กับการเคลื่อนตัวของยานพาหนะสีดำสนิท คยูฮยอนหันกลับไปมองรถหรูที่มาส่งเขาถึงหน้าบ้าน...นั่นอาจเป็นเพราะ สิทธิของการเป็นคนชเวอย่างนั้นน่ะหรือ? เด็กตัวขาวหันกลับมาเปิดประตูรั้วพลางสืบเท้าเดินเข้าไปยังตัวบ้าน เขารับรู้ได้ถึงการกลับมาของพ่อแม่ เพราะสองเสียงของสามีภรรยาที่เอาแต่พูดคุยเกี่ยวกับทริปการเดินทางอย่างสนุกปาก

    “คยูฮยอนนา...กลับมาแล้วสินะ นี่จ้ะของฝาก” คุณแม่ที่กำลังง่วนอยู่กับถุงข้าวของมากมายกลางห้องนั่งเล่น ควานมือไปตามถุงกระดาษต่างๆ ก่อนจะคว้าเอาถุงขนมบวกกับกล่องของขวัญที่ห่อเป็นอย่างดีอีกกล่องยื่นให้แก่เขา ร่างโปร่งนั่งคุกเข่าเคียงข้างเธอ รับของฝากจากมือนิ่มพร้อมรอยยิ้ม แต่เหนือสิ่งอื่นใด...ในตอนนี้ ช่วงเวลาแบบนี้ เขาคิดถึงผู้ให้กำเนิดเสียยิ่งกว่าครั้งไหนๆ เด็กหนุ่มโผกอดคนเป็นแม่เต็มรักพลางซุกหน้าลงบนไหล่ของเธออย่างออดอ้อน

    “ขอบคุณครับ...”

    “จะว่าไป...เมื่อกี้แม่เห็นใครมาส่งลูกน่ะ”

    “คิดถึงแม่จังเลย...คุณพ่อด้วย” เขาทำเป็นเมินประโยคคำถามของผู้เป็นแม่ เปลี่ยนเรื่องไปเสียดื้อๆ ดวงตาคู่กลมเหลือบมองชายวัยกลางคนที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่บนโซฟาไม่ไกลจากกัน พ่อของเขาก็อย่างนี้...ถึงจะดูแสดงออกไม่ค่อยเก่ง แต่ดวงตาทอดมองอย่างอ่อนโยน ทั้งฝ่ามืออุ่นๆ ที่เอื้อมลงมาลูบศีรษะของเขา มันก็ทำให้ความหวาดกลัวในช่วงหลายวันมานี้มลายหายไปในพริบตา...

    “กอดแม่ซะแน่นเลยน๊า”

    “ก็คิดถึงจริงๆ หนิครับ...”

    “จ้าๆ รู้แล้ว...ไหนดูสิคยูฮยอนของแม่ยังน่ารักเหมือนเดิมเลยสินะ...” ว่าแล้วเธอก็หอมแก้มเขาฟอดใหญ่ ตามด้วยการที่เธอเล่าประสบการณ์ทริปครั้งนี้ให้ลูกชายได้ฟัง... คิม มีซอน รับรู้ถึงแววตาของเด็กตัวขาวในอ้อมกอดของเธอ มันมีบางอย่างซ่อนอยู่ บางอย่างที่แสดงถึงความสับสน เธอไม่รู้แน่ชัดว่าภายในใจของลูกชายคนเดียวคิดอย่างไร หรือไปเจอเรื่องอะไรมา แต่หน้าที่ที่ดีของคนเป็นแม่ นั่นก็คือ...การเป็นที่พึ่งที่ดีที่สุด...อบอุ่นที่สุด และปลอดภัยที่สุด...

     

                หลายวันที่ผ่านมา...เขาแทบจะไม่ได้ติดต่อกับชเว ชีวอน หรือตัวชเว ชีวอนก็ไม่ได้ติดต่อกลับมา แต่คยูฮยอนรับรู้ได้ถึงบางอย่างรอบกายที่เปลี่ยนไป... เขารู้สึกได้รับการคุ้มกันโดยคนจากกลุ่มชเวเป็นแน่ ไม่ใช่ทุกครั้งที่เดินเข้าห้างสรรพสินค้าไปกับเพื่อนๆ แล้วจู่ๆ ห้างก็ดูไม่พลุกพล่านขึ้นมาหลังจากพวกเขาย่างกายเข้าไปไม่ถึงสิบนาที ไม่ใช่ทุกครั้งที่ร้านเกมส์เซ็นเตอร์เจ้าประจำที่มักมีพวกนักเลงมาเรี่ยรายเงินเด็กๆ จะหายไปทั้งที่พวกมันจะปักหลักไม่ไปไหน กลุ่มเพื่อนของเขาแปลกใจแต่ก็ไม่พูดอะไรมากไปกว่าการยินดีที่ไม่ต้องโดนไถ่เงินอย่างเคยๆ คยูฮยอนรู้ว่าสาเหตุทุกอย่างมันย่อมมีมาที่ไป เขาไม่เข้าใจว่าตัวเองมีอันตรายรายล้อมรอบตัวมากถึงขนาดที่ต้องถูกคุ้มกันเชียวหรือ? มากถึงขนาดคลาดสายตาจากคนคนนั้นไม่ได้... เขาไม่เข้าใจ และหากเขาไม่สามารถไขข้อข้องใจนี้ได้ เขาจะคืนสิทธิที่ชเว ชีวอนมอบให้!

    ในวันนี้ โจ คยูฮยอนเผอิญสบตาเข้ากับโจวมี่ยืนหลบอยู่มุมถนน แสร้งทำเป็นยืนสูบบุหรี่ทั้งที่สายตาทอดมองพวกเขาอยู่เป็นพักๆ ถัดไปคือรถเมอร์ซิเดส...คราวนี้มีชเว ชีวอนนั่งอยู่... ชายหนุ่มในชุดสูทสีเทาภูมิฐานนั่งกอดอกด้วยท่าทีวางมาดเสียจนน่าหมั่นไส้ แน่นอนว่าคยูฮยอนเลือกที่จะหลบสายตาคมดุที่มองมาพลางอาศัยความวุ่นวายของฝูงชนในช่วงเลิกเรียนของถนนคนเดินย่านการค้าเพื่อหวังจะหลบหลีกจากการถูกควบคุมไม่ต่างจากสัตว์เลี้ยงเสียบ้าง...

     

    นับวันก็ยิ่งดื้อเสียจริงเชียว!

    ชเว ชีวอนนึกสบถกับตัวเอง...เด็กคนนั้นหายไปจากสายตาของเขาท่ามกลางความวุ่นวายของผู้คน บอดี้การ์ดคนสนิทเดินกลับมาที่รถพร้อมรายงานในสิ่งที่ไม่ผิดไปจากการคาดเดาของเขาเลยแม้แต่น้อย...

    “ท่านประธานครับ...งานนี้ไม่ผิดแน่...”

    “....”

    “พวกกลุ่มคิมอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ นับว่าครั้งนี้มันกล้ามากที่เข้ามาเหยียบในอาณาเขตของกลุ่มชเว เผลอๆ มันอาจแฝงตัวอยู่ครับ”

     

     

    มือเรียวกระชับสายเป้แน่นพร้อมๆ กับหัวใจที่เต้นโครมครามเพราะความเหนื่อยจากการสาวเท้าจนอาจเรียกว่าวิ่งหนี...โจ คยูฮยอนอยากจะหนีให้พ้นสายตาของชเว ชีวอน เวลานี้เขาถึงได้ผลัดหลงกับเพื่อนในกลุ่ม เด็กหนุ่มนึกย้อนขำและสมเพชตัวเองด้วยความโง่เขลาหรืออะไรก็ตามแต่ที่ทำให้เขาอยู่ท่ามกลางฝูงคนที่ไม่รู้จักบนถนนคนเดินที่เต็มไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา ตอนนี้เด็กหนุ่มไม่อาจรู้สึกถึงความปลอดภัยหรืออย่างใด หัวสมองของเขาว่างเปล่าพอๆ กับหนทางที่จะเดินต่อ ร่างโปร่งทรุดนั่งลงบนพื้นไม่สนใจสายตาของใครที่กำลังเดินผ่านไปผ่านมา ทว่า...

    ปัง!!!

    เสียงปืนปริศนาจากที่ไหนสักที่ฉุดให้ความคิดของคยูฮยอนหยุดนิ่งพร้อมๆ กับภาพของชายคนหนึ่งที่ล้มลงจมกองเลือดต่อหน้าเขา... เด็กหนุ่มเบิกตาโพลงมองดวงตาที่ยังไม่ทันได้ปิดสนิทของร่างชุ่มเลือดตรงหน้าพร้อมด้วยสติที่จวนเจียนจะควบคุมไม่อยู่... ความวุ่นวายก่อขึ้นรอบตัว เสียงกรีดร้อง เสียงของใครต่อใครที่พากันวิ่งหนีกันอลหม่านเพราะเสียงปืนอีกนัดและอีกนัด

    เขาจะต้องเห็นคนตายต่อหน้าต่อตาอีกสักกี่ครั้ง...

    แค่จะวิ่งยังก้าวไม่ออก...สำหรับในเวลานี้แบบนี้ เขาไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น...และสิ่งที่โจ คยูฮยอนไม่เข้าใจยิ่งกว่าคือ...ทำไมเรื่องบ้าๆ นี่ต้องมาเกิดกับเขากัน!!!

    เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น แม้มันจะไม่ได้เรียกสติของคยูฮยอนคืนกลับมาได้เต็มร้อย แต่แปลกที่ชื่อซึ่งได้ถูกบันทึกไว้ทำให้คยูฮยอนกดรับมันโดยไม่ต้องไตร่ตรอง

    “อยู่ที่ไหน...ฉันตามหาเธอไม่เจอ โจ คยูฮยอน!!

    “......คุณชีวอน”

    “ฉันถามว่าเธออยู่ที่ไหน!!!

     

    ทำไมถึงตัดสาย!!!

    ชเว ชีวอนหัวเสียยิ่งกว่าเก่าเป็นล้านเท่า เขามองหน้าจอโทรศัพท์ที่ขึ้นแสดงข้อความจบการสนทนาทั้งที่เขายังไม่ทันจะได้รู้เลยด้วยซ้ำว่าโจ คยูฮยอนอยู่ส่วนไหนของถนนสายนี้ ทั้งที่เป็นย่านในเขตการดูแลของกลุ่มชเวแท้ๆ เขากลับไม่รู้ว่าควรจะเริ่มต้นตามหาเด็กนั่นอย่างไร เขาสั่งให้โจวมี่เรียกลูกน้องคนอื่นๆ ให้ตามมาสมทบส่วนเขาก็ต้องตามหาเด็กคนนั่นทั้งที่บริเวณที่เขายืนอยู่ตรงนี้เกิดความโกลาหลเพราะเกิดเหตุเสียงปืนปริศนาดังขึ้นท่ามกลางฝูงชนและคร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์ไปถึงสามราย ชเว ชีวอนทราบดีว่าวิธีการแบบนี้เป็นวิธีของกลุ่มคิมที่มักทำตัวไม่ต่างจากพวกเดรัจฉานไร้หัวใจ... คนพวกนั้นมันก่อความวุ่นวายได้ด้วยวิธีเลวๆ เช่นนี้เสมอ ชายหนุ่มรู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังโกรธเกินกว่าจะควบคุมอารมณ์ทั้งยังร้อนใจที่คนในปกครองคลาดสายตาไป มากไปกว่านั่นไม่กี่วินาทีต่อมา...ข้อความบางอย่างก็ถูกส่งเข้ามาผ่านโทรศัพท์ซึ่งชายหนุ่มกำมันไว้จนแน่น...

     

    ...ขอบคุณจริงๆ ที่ดึงเด็กนี้เข้ามาเอี่ยวอีกคน... เกมส์กำลังสนุกแล้ว จริงไหม?...

     

    ไม่นานอีกข้อความก็ส่งตามมาติดๆ

     

    ...แต่ เด็กนี้ยังไม่มีประโยชน์กับพวกเราในตอนนี้...ประธานแห่งชเวผู้ยิ่งใหญ่ เห็นจะเดี้ยงก็เพียงเพราะเด็กคนเดียว...

     

     

    เจ็บ...

    ความรู้สึกแรกเมื่อเปิดเปลือกตา...คยูฮยอนรู้สึกว่าต้นคอของเขามันปวดหนึบๆ ราวกับโดนกระแทกด้วยของแข็งอย่างแรง... เด็กหนุ่มกระพริบตามองเพดานห้องที่เขาจำได้คราวๆ ว่าคุ้นตามันจากเหตุการณ์อาทิตย์ก่อน และเมื่อร่างโปร่งยันตัวลุกขึ้นนั่งบนเตียงพลางกวาดสายไปรอบๆ ก็พบกับเจ้าของห้องที่นั่งกอดอกอยู่ที่เก้าอี้ริมประตูกระจกกั้นระเบียง ดวงตาทอดมองไปภายนอกคอนโดฯ ไม่น่าเชื่อว่าท้องฟ้าจะมืดสนิทไปเสียแล้ว เด็กหนุ่มรู้โดยสัญชาตญาณว่าคนคนนี้กำลังอารมณ์ไม่ดีเป็นแน่
                “เธอโดนคนของกลุ่มคิมใช้ปืนกระแทกต้นคอเพื่อให้สลบไป...ดีที่พวกมันไม่ใช้ปืนทำอย่างอื่นแทน” อย่างอื่นที่ว่าคือใช้ปืนยิงเขาให้ไปเฝ้ายมบาลสินะ...

    “.....” คยูฮยอนควานหาเสียงของตนเองไม่เจอเมื่อชเว ชีวอนเอาแต่พูดเสียงเรียบคล้ายคนกำลังข่มความโกรธ เขาพอจะจำได้ลางๆ ว่าก่อนจะสลบไปเขาเห็นความวุ่นวายอย่างไรบ้าง...และกองเลือดจากคนตายมากเพียงใด เขาแค่คิดว่าทำไม...ตัวเองถึงรอด...

    “ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีก...อย่าอยู่นอกเหนือการดูแลของฉัน” คำกล่าวนั่นเหมือนคำสั่งที่ไม่อาจปฏิเสธได้ คยูฮยอนก้มหน้างุดมองมือทั้งสองข้างของตัวเองที่กุมกันแน่น เขารู้สึกไม่ชอบ ทั้งยังรู้ผิดปนเปกันไป เขาไม่ชอบที่ตัวเองถูกควบคุมโดยไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริง และเขาก็รู้สึกผิดที่ทำให้คนคนนั้นต้องวุ่นวายเพราะตัวเขาเอง...

    “อย่างน้อย...ก็ช่วยบอกผมได้ไหมครับว่าทำไม...ผมถึงต้องฝากชีวิตไว้กับคุณ” เขาเม้มริมฝีปากในทันทีที่ว่าจบ เด็กหนุ่มคิดว่ามันเป็นคำถามที่เหมาะสมที่สุดแล้ว...มันอาจเป็นความหวังดี นั่นคือสิ่งเดียวที่เขาเดาได้ แต่...เหตุผลอื่นล่ะ ขอเพียงแค่ตอบมาโจ คยูฮยอนจะไม่เซ้าซี้ชเว ชีวอนให้มากเรื่องเลย

    อ้อมแขนที่รั้งร่างของเด็กหนุ่มเข้าไปกอดเสียจนใบหน้าซุกอยู่ที่แผงอก ฝ่ามือหนาลูบกลุ่มผมของเขา ไหนจะเสียงถอนหายใจจากชเว ชีวอนยิ่งทำให้คยูฮยอนประหลาดใจ ถึงอย่างนั้นก็อดจะหงุดหงิดไม่ได้...ทำไมคนคนนี้ถึงชอบความอบอุ่นซึ่งเคลือบแฝงอยู่บนความเย็นชาทำให้เขารู้สึกว่าตนเองไม่ควรปฏิเสธความหวังดีของผู้ชายคนนี้กัน

    “จำไว้ว่า คนของชเวก็คือคนของชเว ชีวอน คนที่ชเว ชีวอนจะรักษาไว้ด้วยชีวิต”

    “......”

    “นอนเถอะ พรุ่งนี้เราจะต้องเดินทางกันแต่เช้า...”

    เสียงทุ้มกล่าวกระซิบในตอนที่ค่อยๆ ดันร่างของเขาในนอนลงพร้อมห่มผ้าให้เสร็จสรรพทั้งที่ในหัวสมองของเด็กหนุ่มลอยเคว้งไปด้วยคำพูดของเมื่อครู่แท้ๆ เด็กตัวขาวไม่อาจโต้ตอบใดๆ ได้ ไม่แม้จะถามว่าการเดินทางที่ว่าจะไปที่ไหน คยูฮยอนรับคำสั่งจากชายหนุ่มอย่างว่าง่ายอาจบวกกับความอ่อนเพลียถึงได้เผลอหลับไปโดยที่ไม่รู้ตัวโดยมีสายตาคมคู่คมที่อ่อนแสงลงอย่างเห็นได้ชัดทอดมองอยู่ไม่ห่าง

     

     

    คยูฮยอนไม่อยากจะโกหกพ่อแม่ที่ต้องบอกว่าต้องเดินทางไปต่างจังหวัดกับชมรมค่ายอาสาพัฒนากะทันหันทั้งที่แท้จริงแล้วเขาเดินทางไปไต้หวันกับชเว ชีวอนต่างหาก! มันอาจเป็นความผิดพลาดของเขาเองที่ไม่ปฏิเสธไปตั้งแต่ทีแรก แต่จะทำอย่างไรได้...เขาก็ไม่เคยจะขัดคำสั่งของชเว ชีวอนได้อยู่แล้วหนิ...การเป็นคนของชเวก็คือการอยู่ในสายตาของชเว ชีวอนเสมอ(เขาก็เพิ่งจะรู้น่ะนะ!!!) คนที่ชอบทำตาดุอ้างว่าตนต้องมาเจรจาเรื่องธุรกิจคาสิโนที่นี่ และไม่ไว้ใจที่จะปล่อยให้เขาอยู่เกาหลีเพียงลำพังจากสิ่งที่ชีวอนบอกว่า ไม่ปลอดภัยจากพวกหมาลอบกัด

    เขาเริ่มเรียนรู้ได้ทีละนิดโดยการฟังประสบการณ์จากปากชีวอนว่าวงการธุรกิจมืดมีการขัดแข้งขัดขากันเสมอเมื่อมีโอกาส...มีการแบ่งเขตธุรกิจและการปกครองไม่ต่างจากยากุซ่า เรื่องฆ่าตัดตอนเป็นเรื่องปกติของนักเลงระดับล่าง ส่วนผู้กุมอำนาจอย่างชเว ชีวอน มีหน้าที่ดูแลความเป็นไปของพื้นที่ตนเองให้อยู่ในความสงบ และไม่รุกล้ำไปในเขตของใคร ศัตรูคู่อาฆาตของกลุ่มชเวก็คือกลุ่มคิม...

    ตลอดช่วงเวลานั่งเครื่องบิน...นี่เป็นเพียงเรื่องราวเล็กๆ น้อยๆ ที่ชีวอนจะสามารถเล่าให้เขาฟังได้ โลกของคนคนนี้มันเต็มไปด้วยอันตรายทั้งนั้น...ถึงว่า...บุคลิกของผู้ชายอย่างหมอนี่ถึงมองดูมีอำนาจทั้งที่แค่นั่งอยู่เฉยๆ หรือแค่ใช้ดวงตาคล้ายเหยี่ยวจดจ้องไปยังเป้าหมาย ดูน่ากลัว น่าเกรงขาม แต่ก็...ดูอบอุ่นและรักลูกน้องในเวลาเดียวกัน

    “ท่านประธานครับ กำหนดการวันนี้คือประชุมเรื่องการเปิดคาสิโนแห่งใหม่กับตัวแทนจากกลุ่มฮันตอนบ่ายครับ ส่วนหัวค่ำผมแจ้งคนของนายท่านไปแล้วว่าท่านประธานมีความประสงค์จะเข้าพบ”

    “ขอบคุณมาก”

    เสียงทุ้มว่านิ่งๆ หลังฟังโจวมี่บอกกำหนดการอย่างละเอียดถี่ถ้วนในช่วงที่เครื่องบินใกล้จะลงจอด คยูฮยอนมองบอดี้การ์ดมาดสะอาดสะอ้านอย่างชื่นชม คนอย่างโจวมี่นอกจากจะสงบเยือกเย็นเก็บอารมณ์เก่งแล้วยังกระฉับกระเฉงสมกับที่มีรูปร่างสูงโปร่ง ไม่นานนักเครื่องก็ลงจอดอย่างปลอดภัย มีคนของชเว ชีวอนห้อมล้อมและคอยอารักขามากทีเดียว มือข้างหนึ่งของเด็กหนุ่มถูกฝ่ามืออุ่นยื่นมากอบกุม เพียงเท่านั้นแก้มก็ร้อนเห่อขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ การเดินตามหลังของใครสักคนเพียงหนึ่งก้าวเล็กๆ ทำให้เขารู้สึกว่าอย่างน้อยช่องว่างระหว่างเขาและอีกคนไม่ได้มากจนยากจะเอื้อมถึง เขาสามารถอยู่ในโลกของชเว ชีวอนได้ ตราบที่...มีมือของผู้ชายคนนี้จูงนำทางต่อไปอย่างมั่นคง... เด็กหนุ่มเชื่อเช่นนั้น...

     

    ห้องพักในโรงแรมกว้างขวางและมันก็หรูเกินกว่าที่เด็กหนุ่มในวัยมัธยมปลายเช่นเขาจะเคยสัมผัส คยูฮยอนตาโตมองศิลปะการตกแต่งสไตล์โมเดิร์นที่ผสมผสานระหว่างความเป็นตะวันตกและตะวันออกได้อย่างลงตัว วิวจากห้องพักเห็นตัวเมืองไต้หวันจนสุดลูกหูลูกตา บรรยากาศดีเสียจนนึกอยากให้พ่อกับแม่ของเขาที่ชอบเที่ยวนักเที่ยวหนาอยู่ด้วยกันเสียเลย คนที่ชอบทำตัวเหมือนลูกแมวโดยที่ไม่รู้ตัวทิ้งกายกลิ้งไปมาบนเตียงขนาดใหญ่ ก่อนจะนอนตะแคงมองแผ่นหลังกว้างของใครอีกคนที่เดินไปหยุดอยู่ริมระเบียง เขารู้ว่าเขากำลังเผลอใจ...เขากำลังหลงในสิทธิของความเป็นคนของชเว... แต่สิ่งที่คยูฮยอนไม่เคยได้จากใครนั่นคือ ความอบอุ่นที่อุ่นร้อนมากกว่าความรักที่พ่อแม่มีให้... เรียวมือยกขึ้นคล้ายจะคว้าแผ่นหลังกำยำก่อนจะต้องรีบเก็บมือลงอย่างรวดเร็วเมื่อเจ้าขางร่างสูงหันหลังกลับมาจ้องใบหน้าที่กำลังระเรื่อสี...

    “รู้อะไรไหมว่าดวงตาของเธอมันแสดงออกทุกสิ่งที่เธอคิด...” เจ้าของเสียงทุ้มว่าขึ้นในตอนที่นั่งลงบนเตียงข้างๆ กันก่อนจะเอื้อมมือมาลูบศีรษะเขาตามเคย คยูฮยอนหลบสายตาที่มองมาราวกับจะอ่านใจเสียจนทะลุปรุโปร่ง จะว่าไปนี่สายตาของเขามันแสดงอะไรออกไปกันแน่ล่ะ?

    “ปะ...เปล่าสักหน่อย...” เด็กหนุ่มรีบปฏิเสธเสียงเบา แต่ใครจะรู้ว่ามันช่างน่าหมั่นเขี้ยวนักในสายตาของชายหนุ่มผู้มากประสบการณ์และผ่านโลกมามากยิ่งกว่า

    “ความปรารถนา...”

    “....”

    “เธอในตอนนี้...อาจไม่ต้องการใครนอกจากฉัน...”

    รสจูบละมุนถูกป้อนลงมาราวกับเป็นการมัดจำ แตะเรียวปากชั่วครู่ก่อนจะผละออกมา ทว่าความอุ่นผ่านแผ่ไปทั่วริมฝีปาก ดวงตาที่หรี่หลับพร้อมกับเรียวปากที่แนบตามลงมาอีกครั้งทำให้หัวใจของเด็กไม่ประสีประสาเต้นระส่ำก่อนทุกอย่างหยุดลง ไม่มีการล่วงเกินใดๆ ไปมากกว่านี้...

    หากนี่เป็นการตีตราจอง... การเป็นคนของชเวก็คงใกล้จะสมบูรณ์แบบเข้าทุกที...

     


    Talk*
    #บอกแล้วว่าเรื่องนี้ตอนสั้น และเดินเรื่องเร็ว
    รออะไรอยู่รู้นะ.....เงียบไว้ อย่าเอ็ดไป ถถถถถถถ ตอนหน้าเจอกัน อิอิ

     

    Rose Addict เป็นฟิคได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่อง Addicted Crime ของ Naki.A เป็นนิยายที่เท่ห์และสนุกมากๆ เพื่อนแนะนำให้อ่าน เราก็อ่านแบบไม่คิดอะไร แต่พออ่านไปเรื่อยๆ ชอบเสน่ห์ของความเป็นยากุซ่าในตัวพระเอกมาก เลยเลิฟนิยายเรื่องนี้และเก็บเป็นนิยายยอดรักไปอีกหนึ่งเรื่อง

    นี่เลยเกิดเป็นแรงบันดาลใจสำหรับเรื่องนี้ค่ะ ^^

    Tenpoints!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×