ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF.PROJECT] Evil's Story. : WONKYU

    ลำดับตอนที่ #30 : [SF] I Got A Boy ------------ 100%!!

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.25K
      3
      26 พ.ค. 56

     

     I got a Boy

     

    ตกลงแล้วเนี่ย...พี่ชายของเขาเป็นนักวิทยาศาสตร์ หรือนักประดิษฐ์สมองเฟื่องกันแน่!

                โจ คยูฮยอนไม่แน่ใจนักว่า ปาร์ค จองซูขลุกอยู่ในห้องทดลองมานานขนาดไหนแล้ว บ้านขนาดกลางที่ดูเหมือนกับบ้านของคนทั่วไปแปลกออกไปที่มีห้องใต้ดิน คยูฮยอนมั่นใจเชียวล่ะว่าเขาไม่ได้มองเข็มนาฬิกามันเดินผิดจังหวะ สองวันสองคืนแล้วมั้งที่พี่ชายลูกพี่ลูกน้องกันอย่างพี่จองซูไม่โผล่หน้ามาให้เห็น ทั้งๆ ที่เขาอุตส่าห์มาเยี่ยมถึงโซลแท้ๆ และอีกสองสามวันเขาก็ต้องกลับพูซานแล้วเชียว ใจจริงจะไม่ออกมาพบหน้าสังสรรค์กันเลยหรือไง?

                นี่ถ้าไม่ใช่เพราะคุณแม่ของพี่จองซูขอร้องให้เขาเดินทางมาที่โซลเพื่อมาเช็คอาการ(?)ความเพี้ยนของลูกชายคนเดียวของครอบครัวปาร์คแล้วล่ะก็ โจ คยูฮยอนไม่คิดจะระเห็จเข้ามาเมืองกรุงหรอก ลำพังแค่งานเลี้ยงเด็กที่เนอสเซอรี่ก็ล้นมืออยู่แล้ว เขาน่ะต้องบากหน้าลางานคุณผู้อำนวยการโดยใช้โควต้าพักร้อนตลอดทั้งปีเชียวนะ แล้วดูไอ้พี่จองซูมันตอบแทนเขาสิ!

                นี่คงได้แห้งตายแน่ๆ ถ้าไม่มีอะไรตกถึงท้องน่ะ!!!

                เป็นอีกวันที่โจ คยูฮยอนต้องแบกสังขารออกมาซุปเปอร์มาร์เก็ตหน้าปากซอย และสิ่งเดียวที่เขาพึ่งได้ก็คงเป็นอาหารสำเร็จรูปอีกตามเคย โธ่! ยิ่งนึกก็ยิ่งโมโห คนนึงจะหิวตายอีกคนเป็นบ้าเป็นหลังอยู่ในห้องทดลอง นี่ถามจริงเถอะ...ได้หนูขาวในห้องทดลองนั่นเป็นเมียแล้วรึไงวะ!! ถึงได้ลืมน้องลืมนุงไปเลยแบบนี้ เจ้าของใบหน้าขาวจัดคว้าเอาทั้งอาหารและบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในปริมาณเพียงพอในการใช้ชีวิตที่นี่อีกสองวัน ไม่ลืมจะหยิบเอาขนมติดไม้ติดมือไปอีกสองสามห่อ แต่อย่าคิดว่าเขาจะซื้อเผื่อไปให้พี่จองซูล่ะ ปล่อยให้รายนั่นหมกตัวอยู่กับสารเคมีต่อไปเหอะ

                “ชิบหาย...ฝนตก T-T” คยูฮยอนอยากจะกรี๊ด(?)นักเชียวกับโชคชะตาที่ไม่ค่อยจะเข้าข้างเขาเอาเสียเลย ชายหนุ่มหน้าหวานยืนมองสายฝนที่เทกระหน่ำลงมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ซ้ำยังตกหนักมากขึ้นเรื่อยๆ ร่างโปร่งทำได้เพียงยืนหลบอยู่ภายใต้ชายคาของหน้าร้านซุปเปอร์มาร์เก็ต และเมื่อเวลาผ่านไปนานเข้าสายฝนกลับไม่มีทีท่าจะหยุดง่ายๆ คยูฮยอนจึงตัดสินใจที่จะฝ่าฝนกลับบ้านดีกว่ายืนเคว้งไม่มีจุดหมายอยู่แบบนี้  ยอมเนื้อตัวเปียกปอนคงไม่เจ็บใจเท่าไอ้พี่จองซูมันไม่แยแสเขาหรอก!!!!!!!!!!!!!!!!!

                “ฮัดชิ้วววววววววววววววววววว!!” คยูฮยอนสูดจมูกฟุดฟิดภายใต้ผ้าห่มผืนหนาในห้องนอน เขาขยับตัวไปมาด้วยเพราะรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว เขาจามติดๆ กันแบบนี้มาหลายรอบแล้วล่ะ และชายหนุ่มวัยละอ่อนก็อนุมานได้ในทันทีว่ามันคงเป็นเพราะการวิ่งฝ่าฝนกลับบ้านมาเมื่อตอนเย็น ร่างโปร่งเดินตัวโงนเงนลงจากชั้นสองของบ้านเพื่อหวังจะหาตู้ยาสามัญ...เขาแค่ต้องการยาลดไข้ ไม่ก็ยาพาราสักเม็ด และเพราะแสงสว่างในห้องครัวเปิดอยู่ คยูฮยอนจึงรู้ในทันทีว่าพี่ชายติ๊งต๊องของเขาคงได้ฤกษ์ออกจากถ้ำเสียที ใบหน้าน่ารักเหลือบมองพี่ชายที่กำลังปฏิบัติการคุ้ยตู้เย็น และที่เดาไม่ผิดเสบียงที่เขาอุตส่าห์ตากลมตากฝนก็กำลังจะตกถึงท้องไอ้พี่จองซูในไม่ช้า

                “ฮยอง!! หยุดเลยนะ นั่นมันเสบียงของผม!!” เขาตะโกนใส่คนหน้าเป็นพี่ด้วยน้ำเสียงแหบพร่า อ้อแน่สิ คยูฮยอนคิดว่าไข้หวัดมันกำลังเล่นงานเขาแล้วเป็นแน่ ชายหนุ่มที่หน้าตาดูมอมแมมผมเผ้ายุ่งเหยิงดูไม่มีมาดนักวิทยาศาสตร์เลยสักนิดหันมายิ้มเผล่ให้เขาราวกับรู้สึกผิดขึ้นมานิดหน่อยแต่กระนั้นก็เถอะคยูฮยอนคนนี้ก็ยังนึกฉุนพี่ชายจอมสติหลุดคนนี้อยู่ดี

                “คยูฮยอนนา พรุ่งนี้ค่อยออกไปซื้อใหม่ก็ได้...” ดูตอบเข้าดิ!!! มีความรับผิดชอบบ้างป่ะวะ!!

                “ฮยองจะให้ผมออกไปซุปเปอร์มาร์เก็ตด้วยสภาพแบบนี้ในวันพรุ่งนี้หรือไง คะแค่กๆ” เพราะพูดเยอะไปหน่อย คยูฮยอนถึงได้ไอสำลักออกมาเป็นชุดร้อนถึงคนเป็นพี่ต้องรีบไปกดน้ำอุ่นจากตู้น้ำมาบริการน้องชายคนดี ดวงตาคู่กลมตวัดสายตามองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างนึกหน่าย ใบหน้าเปื้อนๆ นั่นมีรอยยิ้มเอ๋อๆ ที่มองยังไงก็หงุดหงิดใจ แต่ทำยังไงได้แค่อดทนอีกสักวันสองวันเดี๋ยวก็ได้กลับพูซานล่ะ ไม่ทงไม่ทนอยู่กับคนสติไม่ดี(?)แล้วเว้ยยยยยยยย!

                “ขอโทษทีนะคยูฮยอนนา พี่กำลังทดลองยาตัวใหม่อยู่ มันเป็นยาที่จะสามารถป้องกันการเป็นหวัดได้ยาวนานตลอดชีวิตเชียวนะ มันเลยต้องทุ่มกันหน่อย แฮ่ะๆ”

                ทุ่มมากเลยนะ ทุ่มมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!

                “นี่ฮยองเพ้อเจ้อป่ะ”

                “ไม่ได้เพ้อเจ้อนะคยูฮยอน ทุกอย่างบนโลกนี้มันเป็นไปได้ ขอแค่...มีวิทยาศาสตร์” ประสาทของโจ คยูฮยอนกำลังจะถูกรับประทานแน่ถ้ายังต้องพูดคุยกับปาร์ค จองซูต่อไป คยูฮยอนโบกมือไล่พี่ชายให้กลับเข้าห้องทดลองไปอย่างไม่ไยดีทั้งที่อีกคนยังยิ้มหน้าสล่อนอยู่ตรงหน้า หากจู่ๆ คยูฮยอนก็นึกขึ้นได้ว่าเขาลืมจุดประสงค์ของตัวเองไปเสียสนิท...ที่เขาแบกตัวเองลงมานั่งแหมะอยู่ตรงนี้ก็เพื่อหายาแก้ไข้หวัดหนิ...

                “พี่จองซู ขอยาแก้ไข้ให้ผมหน่อยดิ ”

                “อ่า ได้สิๆ ถึงว่าล่ะหน้านายถึงได้ดูอิดโรยแปลกๆ นี่ไม่สบายนี่เอง รอแป็บนะ...เดี๋ยวพี่ไปเอาให้”

               

     

                ยาแก้ไข้หวัดมันดีเกินไปหรือเปล่านะ เขาถึงได้รู้สึกตัวเบาแปลกๆ

                คยูฮยอนพลิกกายอยู่บนเตียงสักครู่ใหญ่เชียวล่ะก่อนจะดีดตัวเองลุกขึ้นจากที่นอนนุ่มๆ นั่งบิดกายสลัดความเกียจคร้าน พลางมองบรรยากาศยามเช้านอกหน้าต่างที่วันนี้อากาศแจ่มใสอย่างไม่น่าเชื่อว่าเมื่อวานสายฝนจะโหมกระหน่ำ แต่เมื่อเขากำลังจะก้าวขาลงจากเตียง ทำไม...ขาของเขาถึงไม่แตะพื้นล่ะ ทำไมมันลอยอยู่ข้างเตียงอยู่แบบนี้ ส่วนกางเกงนอนก็ร่วงหลุดไปกองกับพื้น...

                คยูฮยอนยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาพินิจ...และเขาก็ต้องแปลกใจว่าทำไมมือของเขามันถึงได้เล็กจนเหมือนมือเด็กเล็กๆ ขนาดนั้น...ฝ่ามือคู่เล็กยกขึ้นลูบใบหน้าของตนเอง...ออกแรงหยิกแก้มตัวเองและนั่น... เขารู้สึกเจ็บ มันไม่ใช่ความฝัน!!!

                ฉับพลัน โจ คยูฮยอนกระโดดลงจากเตียง ตรงดิ่งไปยังบานกระจกภายในห้องน้ำ และสิ่งที่ทำเอาเขาช็อคจนพูดไม่ออก คือการที่เขาตัวเล็กเกิดกว่าจะส่องกระจกที่อยู่สูงเหนือซิงค์น้ำขึ้นไป แต่เขาก็ยังมีอุตส่าห์มีสติพอจะวิ่งไปแบกเก้าอี้ที่จู่ๆ มันกลับสร้างภาระอันหนักอึ้งแก่ชายหนุ่มอายุ 23 ปีได้อย่างไม่น่าเชื่อ! คยูฮยอนปีนเก้าอี้ที่วางในตำแหน่งหน้ากระจกพอดิบพอดี และภาพที่เห็น...

                “อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!!!

     

               

                “ไอ้พี่จองซู ออกมาเดี๋ยวนี้นะเว้ยยยยยยยยยยย ออกมาจากถ้ำมึงเดี๋ยวนี้!!!!!!!!!!!

                “เสียงเด็กที่ไหนวะ เอะ... หนูมาอยู่ในบ้านอาได้ไงเนี่ย?” ปาร์ค จองซูลดสายตามองเด็กชายตัวเล็กที่กำลังปั้นหน้าบึ้งใส่เขาได้อย่างน่าชัง ดวงตากลมโต กลีบปากอิ่มแดงไหนจะผมสีน้ำตาลเป็นลอนเล็กๆ นั่นอีก จะว่าไป...ทำไมมันถึงได้คุ้นๆ นัก...ล่ะ

                “ผมเอง... โจ คยูฮยอน!

                “ห๊ะ!!!!” โจ คยูฮยอนอยากจะบ้าตาย!!! นี่เขากลับกลายมาเป็นเด็กอายุไม่เกิน 5 ขวบไปได้ยังไง ภาพแรกที่เห็นในกระจกมันคือตัวเขา ใช่มันคือเขา แต่เป็นโจ คยูฮยอนเมื่อ 20 กว่าปีมาแล้วนะสิ แล้วไอ้การที่เขาเกิดวิวัฒนาการถอยหลังกลับมาเป็นเด็กอีกครั้งแบบนี้มันหมายความว่ายังไงไม่ทราบ! เขาไม่รู้สาเหตุ แต่ที่แน่ๆ คยูฮยอนกำลังคิดว่ายาแก้ไข้ของไอ้พี่จองซูมันต้องมีส่วนเอี่ยวกับเรื่องบ้าบอนี่แน่ๆ!

                “มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น...ผมเป็นเด็กแบบนี้ได้ยังไง หรือเพราะยาแก้ไข้ของพี่ ห๊ะ!!!

                “เดี๋ยวสิ ขอพี่คิดก่อน...”

                “คิดอะไรวะ!!!!!!!!!

                “อ้อ!!!!!!” การที่จู่ๆ ไอ้พี่จองซูก็ร้องอ้อขึ้นมาเสียงดัง ก่อนจะย่อตัวลงมาส่งยิ้มแห้งๆ ให้เขาแบบนี้ ถ้าเดาไม่ผิด...

                “...อ้อเชี่ยอะไร”

                “แฮ่ะๆ ขอโทษนะคยูฮยอน พี่หยิบยาให้นายผิดน่ะ”

     

                ไอ้พี่จองซู!!!!!! พ่องตายยยยยยยยยยยยยยยย!!!!

               

               

                “คืออย่างนี้นะคยูฮยอน อาจารย์ของพี่ตอนนี้ท่านอยู่แคนาดา พี่ต้องบินไปหาท่านเพื่อให้ท่านช่วยคิดยาแก้ให้นายกลับคืนเป็นผู้ใหญ่เหมือนเดิม”

              “แล้วไง...”

              “พี่จะเอานายไปฝากกับเพื่อนพี่ไว้ก่อน”

              “แล้วไงอีก”

              “คยูฮยอนนา... พี่ขอโทษจริงๆ อย่าโกรธเลยนะ ไปอยู่กับเพื่อนพี่ก่อน แล้วพี่จะรีบกลับมา นะนะนะนะ”

     

               

                ชายหนุ่มเปิดประตูบ้านเพื่อต้อนรับแขกที่มาเยือนแต่เช้าตรู่...เด็กชายในชุดเอี๊ยมสีเหลืองหน้าตาน่ารักไม่หยอก ติดก็แต่เจ้าตัวเอาแต่ทำหน้าบึ้งมันดูน่าชังมากเสียจนชายหนุ่มนึกขัน เขามองหน้าเพื่อนสนิทสมัยเรียนมหาลัยฯที่กำลังยืนส่งยิ้มบางเบามาให้ ปาร์ค จองซูมาที่นี่ไม่บ่อยนัก ส่วนใหญ่เพราะต้องการมาติดต่อเรื่องงานเสียมากกว่า แต่กับวันนี้...

                “สวัสดี ชเว ซีวอน”

                “ว่าไงวะ แล้วนี่ลูก?”

                “เปล่า...ลูกพี่สาวฉันเองน่ะ” โจ คยูฮยอนตวัดสายตามองพี่ชายจอมติ๊งต๊องที่กำลังโกหกหน้าตาย เจ้าตัวถอนหายใจเล็กน้อย เขาล่ะเหนื่อยใจจริงๆ ใครมันจะเชื่อว่าจู่ๆ คนเรามันจะกลับเป็นเด็กไปได้ และท่าทางเขาก็คงเป็นคนโชคร้ายหนึ่งเดียวในโลกเสียด้วย

                “แล้วมีอะไรให้ช่วยหรือเปล่า”

                “เออ มีสิ คือฉันว่าจะมาฝากคยูฮยอนไว้กับนายสักหนึ่งอาทิตย์น่ะ พอดีต้องรีบบินไปแคนาดาแบบด่วนๆ เลยว่ะ”

                “งั้นหรอ...อ่า ได้ๆ”

                “โหยยย ขอบใจนายมากนะเว้ยยยย นายนี่มันเพื่อนรักฉันจริงๆ”

                “เรื่องแค่นี้เอง...ไม่เป็นไรๆ”

                “โอเคนะ...งั้นฉันไปขึ้นเครื่องล่ะ ฝากคยูฮยอนด้วยนะ...” ว่าแล้ว ไอ้พี่จองซูก็อุ้มเขาขึ้นจากพื้นพร้อมกับส่งให้ ชเว ซีวอน ไอ้พี่บ้ามันโบกมือลาไวๆ และหายไปกับสายลมอย่างรวดเร็ว คยูฮยอนซึ่งยังไม่พร้อมอย่างมากกับการที่ตัวเองกลับกลายมาเป็นเด็กอีกครั้ง และต้องทำเหมือนตัวเองเป็นเด็กจริงๆ เพื่อปกปิดเรื่องความผิดพลาดของการทดลองยาประหลาดนั่น เขาถึงทำได้เพียงปล่อยให้ชายหนุ่มหน้าตาดีอุ้มเขาไว้ในอ้อมแขน ก่อนหมอนี่จะแย้มยิ้มให้เขาราวกับถูกใจนักล่ะที่ได้เด็กตัวเล็กๆ มาวิ่งเล่นในบ้านเป็นอาทิตย์

                “อื้อ!! อะไรอ่ะ” แก้มของเขาถูกหมอนั่นกดจมูกลงมาแรงๆ ฟอดใหญ่พลางหัวเราะชอบใจที่เขาร้องโวยวายออกมาแบบนั้น แก้มของเขามันร้อนผ่าวไปหมด ไหนจะไอ้รอยยิ้มพิฆาตของชเว ซีวอนอีก...

                เขินนะเว้ย! -/////////-

                “หน้าบึ้งเชียว...นี่คยูฮยอนนา น้าหอมแก้มไม่ได้หรอ?”

                “ก็ยังไม่สนิทกัน มาหอมทำไมเล่า...”

     

                “คยูฮยอนของน้าซีวอน น่ารักจังเลยเนอะ ฮ่าๆๆๆ”

     

     

    - I got a boy -

     

                ชายหนุ่มคิดว่าเขากำลังนั่งขำไอ้ตัวเล็กอย่างเปิดเผยเสียจนเด็กชายเจ้าของใบหน้ากลมขาวแถมด้วยปากสีแดงๆ นั้นอาจฉุนกึก แต่ก็นั่นแหละ...ก็น่ารักดีนี่หน่า เวลา โจ คยูฮยอนทำตาขวางปากคว่ำใส่เขาน่ะ เด็กอะไร...ชอบทำตาค้อนได้น่าหมั่นเขี้ยวชะมัด! เขาปล่อยให้คยูฮยอนนั่งเล่นอยู่บนเตียงของเขามาได้สักพักแล้วล่ะ เพราะรู้ว่าเด็กอาจชอบดูการ์ตูน เขาก็สู้อุตส่าห์เปิดช่องการ์ตูนทางเคเบิ้ล ไหนจะประเคนขนมที่มีอยู่ติดตู้เย็นให้ถึงที่ กระนั้นคยูฮยอนก็ไม่ยักจะมองหน้าเขาเลยสักนิด

                “คยูฮยอนครับ...หิวข้าวยัง? ไม่กินขนมหน่อยหรอ” ชเว ซีวอนทิ้งตัวนั่งที่ปลายเตียงพลางส่งยิ้มให้เด็กชายที่แอบตวัดตามองเขาหน่อยนึง...

                นี่บอกเลยนะว่าจริงๆ ชเว ซีวอนไม่ได้รักเด็กอะไรขนาดนั้น เลี้ยงเด็กก็ไม่เคยหรอก ขนาดน้องชายแท้ๆ อย่างชเว มยองซูหรือพี่แอลขราของสาวๆ ทั้งโรงเรียนมัธยม เขายังปล่อยให้มันดูแลตัวเองตั้งแต่เด็กเลย ไม่ใช่ว่าเขามันเป็นพี่ชายที่ไม่ดีนะ แต่บังเอิญที่บ้านเขามันมีแต่ผู้ชายน่ะสิ แม่ของเขาเสียตั้งแต่เขายังเล็ก ฉะนั้นบ้านชเวจึงไม่มีหรอกคำว่า ประคมประหงมน่ะ

                แต่กับเด็กคนนี้ก็แปลกนะ เขาน่ะเอ็นดูแก้มยุ้ยๆ แดงๆ นั่นอย่างบอกไม่ถูก

                “...เหอะ” ชายหนุ่มได้ยินเสียงเหอะที่พ่นจากปากเล็กๆ นั่นแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ ท่าทางจะเป็นเด็กเอาแต่ใจใช่เล่น สังเกตตั้งแต่ตอนอยู่กับจองซูแล้วล่ะ ว่าขนาดจองซูพูดด้วยดีขนาดไหน คยูฮยอนไม่ยักจะมีปฏิกิริยาโต้ตอบในทางที่ดีเลยด้วยซ้ำ

                เห็นแบบนี้แล้วก็ชักจะหมั่นไส้...

                “แต่น้าหิวแล้ว ไปหาข้าวทานกันดีกว่าเนอะ”

                “อื้อออออออ!!!” เขาไม่พูดพร่ำทำเพลง ชายหนุ่มจัดการอุ้มเด็กชายไว้แนบอกก่อนจะกดจมูกลงบนแก้มป่องๆ ไปหนึ่งที คยูฮยอนยกฝ่ามือเล็กๆ ขึ้นถูแก้มตัวเองไปมาไม่วายจะมองค้อนเขาอย่างที่เจ้าชอบทำ ซีวอนหัวเราะร่ากับท่าทางเหมือนลูกแมวอารมณ์เสียไม่มีผิด เขาล่ะไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเจ้าเด็กนี่จะหวงเนื้อหวงตัวไปไหน...

                “คยูฮยอนอยากทานอะไรครับ น้าซีวอนพร้อมตามใจเรานะ ฮ่าๆๆๆ” เขาแกล้งหยอกคยูฮยอนโดยการแกล้งเอาจมูกไปชนปลายจมูกเล็กๆ อย่างหมั่นเขี้ยว และแน่นอน คยูฮยอนเงียบปากที่กำลังจะโวยวายเหลือเพียงปากอิ่มแดงๆ ที่อ้าพะงาบเหมือนนึกคำพูดอะไรไม่ออก เด็กชายตัวขาวเบือนหน้าหนีสายตาของเขา ชเว ซีวอนยกยิ้มเอ็นดูพลางหยิบเอากระเป๋าสตางค์ มือถือและกุญแจรถเดินออกจากห้องนอน พร้อมกับการกระเตงไอ้ตัวเล็กออกจากบ้าน ชายหนุ่มนักวิจัยที่วันนี้ขอทำตัวเป็นคุณน้าใจดีพาคุณหลาน(ของเพื่อน)ออกมาเที่ยว ใบหน้าหล่อเหลายิ้มร่าพลางจัดการส่งเด็กชายให้นั่งลงบนที่นั่งข้างคนขับพร้อมกับคาดเข็ดขัดให้เรียบร้อย

                “ไอ้บ้าเอ้ย!

                “เอ๋...”

                “.....”

                “เมื่อกี้คยูฮยอนว่าอะไรนะครับ น้าได้ยินไม่ค่อยชัด...”

                “เปล่าหรอกครับ น้าซีวอนสิหูฝาด ^^

     

               

                โจ คยูฮยอนอยากจะบ้าตาย!!!!!

                ชเว ซีวอนริอยากจะเป็นนางสาวศรีสยาม(?)หรือยังไง ถึงได้ทั้งกอดทั้งอุ้มทั้งหอมเขาเอาเป็นเอาตายเสียขนาดนั้น นี่ขนาดนั่งอยู่ในร้านอาหารแล้วแท้ๆ ทั้งอุ้มเขามานั่งบนตัก พอเขาจะตักอาหารทานเอง กลับบอกว่าประเดี๋ยวเขาจะทำเลอะเทอะ ถึงได้บริการดีเป็นทั้งเบาะนั่งและเป็นนายสนองพระโอษฐ์ พอเขาทำหน้าบึ้งหน่อยก็หยิกแก้ม ไม่อยากจะบอกเลยนะว่าขืนชเว ซีวอนเอาแต่ลวนลาม(?)เขาอยู่แบบนี้ โจ คยูฮยอนในร่างของเด็กชายอายุ 4 ขวบคงได้เฉามือตายแน่ๆ

                “นี่นาย...” เสียงของเขามันกำลังฉุนได้ที่และแน่นอนเพราะความลืมตัว ชเว ซีวอนถึงได้ขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเขาเรียกเจ้าตัวแบบนั้น

                “ครับ?”

                โจ คยูฮยอนงานนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เลยนะกับการต้องแอ็บเป็นเด็กไม่ประสีประสาเนี่ย T^T

                “เออ...น้าซีวอนครับ ผมปวดฉี่อ่ะ” เขาพูดพลางระบายยิ้มเผล่ การอ้างว่าปวดฉี่กับผู้ใหญ่มันเป็นอะไรที่แอ็บแบ๊วที่สุดแล้วล่ะ เพราะเขาเคยเจอมากับตัว เลี้ยงเด็กที่เนอสเซอรี่วันๆ มีเด็กมาบอกว่าปวดฉี่ จนใช้นิ้วมือนับไม่ได้กันเลย และดูเหมือนตอนนี้เขาก็ชักจะปวดฉี่จริงๆ นี่สิ ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าร่างกายของเด็กทำไมมันถึงได้อะไรนิดอะไรหน่อยไม่ได้ ไส้ตรงจะเข้าห้องน้ำกันอย่างเดียว... แล้วทีนี้มันลำบากคนใจเป็นผู้ใหญ่แต่อยู่ในร่างเด็กอย่างโจ คยูฮยอนไหมล่ะ!! อยากจะกัดลิ้นตายเสียให้รู้แล้วรู้รอดจริงเชียว! ใบหน้าคมคายของเบาะมีชีวิตระบายยิ้มขำ ก่อนจะอุ้มเขาลงจากตัก

                “เดี๋ยวน้าพาไปนะ”

                “ไม่เอาๆ คูยอนจะไปเอง” (ไอ้)คุณน้าซีวอนทำหน้าไม่เชื่อเสียเต็มประดา และเมื่อเขาทำท่าดัดจริตเหมือนว่าปวดฉี่มากขึ้นไปอีก ชเว ซีวอนถึงได้พยักหน้าและเขาก็แอบเห็นสายตาเป็นห่วงปนขบขันอยู่ในที ร่างเล็กๆ ของเขาวิ่งไปตามทางเดินของร้านอาหารตรงดิ่งไปยังห้องน้ำในทันที และอีกเรื่องที่กำลังทำให้เขาหงุดหงิดคือการที่โถฉี่มันอยู่สูงเกินกว่าที่เขาจะทำธุระได้ คยูฮยอนนึกย้อนไปถึงเด็กๆ ที่เนอสเซอรี่ เด็กพวกนั้นจะฉี่ได้ก็คงต้องอาศัยชักโครกในห้องน้ำ...สินะ

                “น้าว่าแล้วไง ว่าคยูฮยอนของน้าตัวสูงไปถึงโถฉี่ ฮ่าๆๆๆ” ชเว ซีวอนหัวเราะลั่น หมอนี่ตั้งใจจะแอบตามเขาเข้ามาเอง ตอนแรกถึงได้ปล่อยให้เขามาคนเดียวง่ายๆ คยูฮยอนปั้นหน้างอไปตามระเบียบกระนั้นเขาก็ยังไม่ลืมหรอกว่าตัวเองปวดฉี่มากขนาดไหน T-T

                “แต่ผมฉี่เองได้ น้าซีวอนออกไปเลย ออกไปๆ” คยูฮยอนในร่างเด็กชายตัวเล็กกอดอกฉับพลางเบ้ปากเมื่อยามมองใบหน้าหล่อเหลานั้นกำลังกลั้นขำ ชายหนุ่มตัวสูงเดินเข้ามาหาพร้อมกับการอุ้มเขาขึ้นจากพื้น และเดินตรงไปที่โถฉี่ ไอ้น้าซีวอนที่พยายามทำตัวเป็นคนดียกตัวเขาให้หันหน้าไปเบื้องหน้าซึ่งแน่นอนว่าโถฉี่มันอยู่ในระดับที่เขาจะสามารถทำธุระส่วนตัวได้แน่นอน...แต่ ในสภาพนี้เนี่ยนะ!!!

                “เอ้า! ฉี่สิครับ น้องยอนคนเก่ง” รู้เหอะ ว่าทำเสียงล้อเลียนเขาน่ะ!

                “ไม่เอา!” คยูฮยอนส่ายหน้ารัวๆ เสียงหัวเราะของชเว ซีวอนกำลังทำให้เขาอารมณ์เสีย

                “เดี๋ยวฉี่ราดนะครับ”

                อย่าพูดสิ แม่งปวดฉี่หนักกว่าเก่าอีก! T_______T

                “น้องยอนอายคนอ่ะ” นี่เขาอ้อนสุดพลังแล้วนะ ยอมเรียกตัวเองว่า น้องยอน ตามที่ไอ้น้าซีวอนมันเรียกเขาทั้งที่กระดากปากแทบบ้า! ขอล่ะ ขอให้เขาหลุดพ้นจากสภาพประหลาดๆ นี่เหอะ!!

                “น้าเมื่อยแขนแล้วนะ ฉี่เถอะครับ”

    เมื่อยก็เรื่องของมึงดิ ปล่อยกูจัดการกระเพราะปัสสาวะของตัวเองได้ป่ะล่ะ!!  

                “น้องยอนจะร้องไห้แล้วนะ ถ้าน้าซีวอนไม่ให้น้องยอนไปฉี่ที่ห้องน้ำเอง ฮึก...” ลูกอ้อนไม่ได้มันก็คงต้องบีบน้ำตาเป็นไม้ตายสุดท้ายแล้วล่ะ(แต่เขาก็รู้สึกอยากร้องไห้จริงๆ นั่นแหละ) คราวนี้ล่ะทำมาเป็นมือไม้อ่อน ชเว ซีวอนวางเขาลงกับพื้น พลางลูบหัวเขาเบาๆ คล้ายจะขอโทษระคนปลอบขวัญ

                “โอเคๆ น้าขอโทษ ไปฉี่ในห้องน้ำห้องริมสุดนะครับ เดี๋ยวน้ารออยู่ตรงนี้นะ”

              สักทีนะมึง!! -_____-    

              กว่าเขาจะได้ทำธุระส่วนตัวจริงๆ และลำบากกับการปีนชักโครกสักหน่อยแต่ทุกอย่างมันสำเร็จ(?)ลุล่วงไปได้ด้วยดีล่ะนะ ชเว ซีวอนเดินตรงมาหาพร้อมกับการที่เจ้าตัวอุ้มเขา(อีกแล้ว)ก่อนจะปล่อยให้ยืนบนขอบอ่างล้างมือราวกับรู้หน้าที่ คยูฮยอนยื่นมือคู่เล็กๆ ไปอังน้ำจากก๊อกที่(ไอ้)คุณน้าหน้าหล่อเปิดรอไว้ให้ เสียงหัวเราะเบาๆ จากลำคอของชายหนุ่มตรงหน้าไม่วายจะทำให้คยูฮยอนจำต้องตวัดตามองนิดหน่อย

                “คุณพ่อคุณแม่ก็ช่างปั้นเราจังนะ น่ารักจังเลยนะ...เด็กคนนี้เนี่ย”

                -//////////////////-

                อยู่ดีๆ มาชมกันทำไมล่ะวะ รู้หน่าว่าโจ คยูฮยอนเป็นคนหน้าตาดี

                “น้าซีวอน...เราไปกินข้าวกันต่อเถอะครับ...เดี๋ยวอาหารจะเย็นหมด” เขาตัดบทในทันทีเพราะจู่ๆ หน้ามันร้อนวูบขึ้นมาเสียอย่างนั้น ใบหน้าคมคายระบายยิ้มกว้างพลางอุ้มเขาพลางฉวยโอกาสหอมแก้มอีกหนึ่งฟอด โอ้ย! ให้ตายสิหน่า วันนี้เขาโดนชเว ซีวอนหอมแก้มไปกี่ครั้งแล้วเชียว เขาพึงจะเข้าใจแล้วล่ะว่า ชเว ซีวอนเป็นสิ่งมีชีวิตที่เอ็นดูเด็กเล็กๆ ได้อย่างน่าหมั่นไส้ ระหว่างทางที่เดินกลับไปยังโต๊ะอาหาร คยูฮยอนสังเกตเห็นผู้หญิงบางคนที่พยายามเข้ามาเล่นกับเขา บางคนก็แกล้งถามว่าเขาน่ะเป็นลูกของ ชเว ซีวอนรึเปล่า อ้อ แน่ล่ะ...เขาเข้าใจเจตนาของผู้หญิงพวกนั้นดี

                “ลูกหรอคะ?”

                “เปล่าหรอกครับ นี่หลานครับ”

                “อ้ออออออ น่ารักจังเลยนะคะ ไหนดูสิ ตาโตแก้มป่วงน่ารักมากๆ เลยนะคะเนี่ย” หล่อนคนนั้นยื่นมือหมายจะหยิกแก้มของเขา บอกเลยนะว่าคยูฮยอนรู้สึกยี้กับการถูกหยิกแก้มเต็มทน เจ้าของใบหน้าขาวจัดถึงได้ซบหน้าลงบนไหล่ของชายหนุ่มไม่ยอมให้ใครมาหยิกแก้มอย่างที่หมาย และเมื่อเขาแสดงอาการถือเนื้อถือตัว เสียงหัวเราะทุ้มๆ ก็ทำให้คยูฮยอนได้แต่ถอนใจ เอาเถอะ...จะมองว่าเขามันเป็นเด็กขี้หวงก็เหอะ แต่ตอนนี้เขาไม่ชอบให้ใครมาถูกเนื้อต้องตัวนี่หน่า...มันน่ารำคาญออกจะตายไป

                “แกอาจง่วงนอนแล้วมั้งครับ” หมอนั่นแก้ต่างให้เขาพลางหัวเราะไปพลาง ชายหนุ่มที่กำลังอุ้มเขาไว้อยู่นั้นเดินผ่านสาวสวยเมื่อครู่ที่พยายามใช้มุขนางงามรักเด็กตีซี้กับเขา ใบหน้าของเจ้าหล่อนดูเหมือนจะฉุนกึกขึ้นมาหน่อยหลังจากโดนเขาเมินอย่างไร้เยื่อใย ชเว ซีวอนพาเขากลับมานั่งที่โต๊ะและแน่นอนว่าเขาก็ถูกผู้ชายคนนี้วางไว้บนหน้าหน้าตักเช่นเดิมแต่กับคราวนี้คยูฮยอนขยับตัวหนีวงแขนที่เอื้อมมากอดไว้ ตอนนี้เขาหงุดหงิดเกินกว่าจะนั่งทำตัวงุ้งงิ้งเต็มทน

                เพิ่งจะรู้น่ะนะว่าการกลับไปเป็นเด็กอีกครั้งแบบนี้ จิตใจเขาก็ชักจะเด็กตามลงไปด้วยความไร้สาเหตุ ไอ้ที่หงุดหงิดอยู่ตรงนี้ก็เหมือนกัน...

                “คยูฮยอนเป็นอะไรครับ หงุดหงิดหรอ?” เหมือนซีวอนจะเดาถูกเชียวล่ะว่าเขากำลังหงุดหงิดได้ที่ แต่จะด้วยสาเหตุอะไร เจ้าตัวเองก็ไม่ยักจะรู้เหมือนกัน คยูฮยอนเข้าใจเชียวล่ะว่าทำไมถึงได้มีคำกล่าวว่าเด็กเป็นสิ่งมีชีวิตที่เข้าใจยาก เด็กหนุ่มในร่างเด็กชายตัวเล็กส่ายหน้าไปมาพลางยกแขนขึ้นกอดอก ดวงหน้ากลมขาวบูดบึ้ง ทั้งนี้ทั้งนั้นปฏิกิริยาดังกล่าวสร้างความประหลาดใจปนขบขันให้แก่ชายหนุ่มคิ้วเข้มอยู่ไม่น้อย ก่อนจะก้มหน้าลงไปหาเด็กชายพลางแย้มยิ้มกว้าง

    “ทำยังไงจะให้คยูฮยอนของน้าหายหงุดหงิดน๊า......อ้อ น้าซีวอนนึกออกแล้วล่ะ!

     

    เขามองว่าตุ๊กตาหมีสีขาวขนาดกลางไม่เล็กไม่ใหญ่ตัวนี้ช่างเหมาะกับ ไอ้หนูคยูฮยอนเสียจริงๆ เด็กชายแก้มแดงกอดตุ๊กตาที่เขาเพิ่งจะซื้อให้หยกๆ ใบหน้าน่ารักแอบอมยิ้มนิดหน่อยกระนั้นความบูดบึ้งหรือแม้แต่ความหงุดหงิดที่สะท้อนผ่านเรียวคิ้วขมวดมุ่นนั้นก็ยังไม่ยักจะจางหาย เขาจูงมือเด็กชายไปตามทางเดินภายในห้างสรรพสินค้ามากผู้คนพลางชวนเจ้าตัวเล็กคุยไปเรื่อยเปื่อย และเมื่อได้ความเงียบเป็นคำตอบซีวอนก็ชักจะเหนื่อยใจและปล่อยให้ความเงียบเข้าครอบคลุม บางทีเด็กเล็กๆ แบบนี้ก็ควรปล่อยให้อยู่ในโลกของตัวเองสักพัก คอยดูเถอะ...พออารมณ์ดีขึ้น มีแต่จะวิ่งมาหาคุณน้าซีวอนคนหล่อน่ะสิ

    “คุณน้าซีวอน...” แรงกระตุกที่มือทำให้ซีวอนก้มหน้ามองเด็กชายตัวขาว ดวงตาคู่กลมช้อนมองไม่ต่างอะไรไปจากลูกแมว ชายหนุ่มย่อตัวพลางยกมือขึ้นลูบกลุ่มผมสีน้ำตาลเป็นลอน มองแววตาใสแจ๋วที่เหมือนกำลังเรียกร้องอะไรบางอย่าง

    “ครับคยูฮยอน...มีอะไรหรอ?”

    “น้องยอนอยากกลับบ้านแล้ว ง่วง...” มือคู่เล็กๆ ยกขึ้นขยี้ตาตัวเองไปหลายหน ดังนั้นด้วยกลัวว่าตาของเด็กน้อยจะช้ำเอาเสียก่อน ชายหนุ่มถึงได้ยื่นมือไปจับมือนิ่มๆ ไว้ก่อนจะโอบอุ้มเด็กชายขึ้นจากพื้น มืออีกข้างของคยูฮยอนยังกอดตุ๊กตาหมีไว้แน่น ใบหน้าน่ารักดูเหมือนใกล้จะงอแงเต็มทนถ้าเขาไม่รีบพาเจ้าตัวกลับบ้านไปเสียเดียวนี้

    “คยูฮยอนหลับตอนนี้เลยก็ได้นะครับ เดี๋ยวน้าไม่กวนแล้ว”

    ชายหนุ่มแย้มยิ้มพลางหอมแก้มนิ่มๆ ของเด็กชายอีกครั้ง ภาพของสองน้าหลานทำให้คนในห้างที่เดินผ่านไปผ่านมามองตามด้วยรอยยิ้ม ชเว ซีวอน ลูบศีรษะหลานตัวเล็กในอ้อมกอดก่อนหัวทุยจะซบลงที่ไหล่ของเขาเป็นสัญญาณที่บอกว่าเจ้าตัวต้องการการพักผ่อนอย่างจริงจัง ก็เพิ่งจะรู้ในวันนี้ว่าเขาก็สามารถเลี้ยงเด็กเล็กๆ ได้กับเขาเหมือนกัน น่าแปลกดีที่เขารู้สึกถูกชะตากับคยูฮยอนอย่างประหลาด เวลาเห็นเด็กนี่ยิ้มทีไร เขาล่ะพลอยมีความสุขตามไปด้วย ถึงแม้คยูฮยอนจะยังไม่ค่อยสนิทกับเขาเท่าที่ควรก็เถอะ แต่ชายหนุ่มแอบคิดน่ะนะว่าทำถึงขนาดนี้แล้ว คยูฮยอนจะต้องติดคุณน้าซีวอนแจจนลืมคุณน้าจริงๆ อย่างจองซูแน่ๆ อิเรื่องแบบนี้มันแน่อยู่แล้ว...เขามันทั้งหล่อทั้งใจดีกว่าไอ้จองซูมันหนิเนอะ...(ฮ่า)

    กลับมาถึงบ้านก็เย็นมากแล้ว เขาพาคยูฮยอนไปนอนที่เตียงพลางจัดท่าจัดทางให้เจ้าตัวเล็กนอนได้สบายๆ คิดว่าสักหัวค่ำค่อยปลุกเจ้าตัวขึ้นมาอาบน้ำทานข้าว ชายหนุ่มเอื้อมมือไปเกลี่ยเส้นผมนิ่มๆ สีน้ำตาลที่ดูเหมือนจะชื้นเหงื่อเล็กน้อยให้พ้นเขตใบหน้า เด็กชายหลับสนิทตั้งแต่ขึ้นรถ ชเว ซีวอนมองภาพน่ารักเช่นนี้ที่ไม่ค่อยได้พบเจอ แปลกใจที่อยากนั่งมองเด็กชายตัวขาวหลับอยู่แบบนี้โดยไม่รู้เบื่อ

    RRRRRRRRR

                เสียงโทรศัพท์มือถือทำให้ซีวอนละสายตาจากใบหน้ากลมเกลี้ยง เขาล้วงมือควานหาโทรศัพท์พลางปราดสายตามองเบอร์ แว้บเดียวเขาก็รู้ว่าใครโทร.มา

                “ว่าไงไอ้แสบ” ชเว มยองซู น้องชายเขาเองน่ะ...

                “แสบอะไรล่ะพี่ โด่...” คุณแอลขราของสาวๆ ค่อนโรงเรียนทำเสียงงอแงใส่เขา และแน่นอน ชเว ซีวอนไม่ได้มองว่ามันน่ารักได้ครึ่งของคยูฮยอนเลยสักนิด

                “มีอะไร โทร.มาขอตังค์ล่ะสิ”

                “แหม่...รู้ใจซะด้วย เดี๋ยววันนี้ผมเข้าไปหาพี่ที่บ้านน่ะ อยู่หอโคตรเบื่อ ไปกินข้าวกับพี่ด้วย เนี้ยไม่มีเงินซื้อข้าวล่ะพี่” น้องชายของเขาว่าเองเออเองโดยการร่ายประโยคยาวๆ ใส่เขาตามด้วยเสียงหัวเราะแฮ่ะๆ เขาล่ะเดาไม่ผิดจริงๆ ว่าการที่พ่อส่งมยองซูไปเรียนโรงเรียนประจำจะต้องเสียค่าใช้จ่ายมากขึ้นกว่าเดิม ก็แหงล่ะ...เด็กในวัยหัวเลี้ยวหัวต่อแบบนี้ ประหยัดกันเป็นซะทีไหน บอกเลยว่าว่าถ้าพ่อเขาไม่ได้ทำงานอยู่ต่างประเทศแล้วส่งเงินมาเรื่อยๆ ไอ้แอลขราของสาวๆ ไม่ได้ทำตัวเหมือนเจ้าชายบนกองเงินหรอก

                เข้าใจแล้วใช่ไหมล่ะว่าทำไมเขาถึงเอ็นดูคยูฮยอนนัก ก็ดูน้องชายแท้ๆ เขาสิ...มันเคยทำตัวให้เขานึกเอ็นดูหรือเปล่าล่ะ?!

               

     

                “ลูกพี่หรอ นี่ๆๆ ไปไข่ทิ้งไข่ขว้างไว้ที่ไหนล่ะพี่ น้องน่ารักชะมัดเลยอ่ะ แล้วไหนล่ะแม่เด็ก!

    ไม่ทันจะได้ทำอะไร ชเว มยองซูที่ชอบนักล่ะกับการบุกห้องนอนเขาก็ทักขึ้นเสียงดังทันทีที่เห็นไอ้ตัวเล็กหลับสนิทอยู่บนเตียงพร้อมกับน้องตุ๊กตาหมีที่เจ้าตัวกอดไว้แน่น ชเวคนพี่ส่ายหัวให้ชเวคนน้องอย่างนึกหน่ายกับคำพูดคำจา เขาได้แต่กระชับผ้าห่มให้คยูฮยอนพลางตวัดสายตามองหน้าไอ้น้องชายตัวแสบ

                “มะเหงกเลยไอ้นี่...อย่าเสียงดัง เดี๋ยวคยูฮยอนตื่น เข้าใจรึเปล่า?”

                “แล้วตกลงลูกพี่หรอ?”

                “ลูกที่ไหนล่ะวะ หลานเพื่อนพี่เว้ย มันต้องไปต่างประเทศเลยฝากคยูฮยอนไว้กับพี่อาทิตย์นึง”

                “อ้อ... ไอ้เราก็นึกว่าลูก ฮิฮิ” มยองซูหัวเราะคิกคักอยู่คนเดียวก่อนมันจะแกล้งเอื้อมมือไปหยิกแก้มยุ้ยๆ ของคยูฮยอน และแน่นอนว่าดวงตาคู่กลมปรือเปิดขึ้นช้าๆ ก่อนเจ้าตัวจะขมวดคิ้วเป็นปมทำหน้าหงุดหงิดเป็นแมวอารมณ์เสียอีหรอบเดิม

                “เห็นไหมไอ้แสบ ว่าคยูฮยอนจะตื่น...คยูฮยอนมานี่มะ มาให้น้าหอมหน่อยเร็วครับ อ่าฮะ ไปกินข้าวกันดีกว่าเนอะ...” ประโยคแรกหันไปดุไอ้แสบที่หัวเราะหนักกว่าเก่า โอเค...มยองซูมันอาจกำลังหัวเราะในท่าทางของเขาที่มันไม่ค่อยได้เห็นนัก เขาเอื้อมมือไปกอดร่างเล็กๆ ให้ลุกขึ้นจากเตียง จัดการหอมแก้มขาวๆ ไปหนึ่งฟอด ก่อนจะเดินออกจากห้องนอนไปยังห้องครัวโดยมีเสียงแซวไม่ขาดปากของน้องชายตัวดี

                “เดี๋ยวนี้นี่รักเด็กจังเลยนะพี่ผมเนี่ย...”

                “ยุ่งหน่า...” ชเว ซีวอนตัดรำคาญไอ้ตัวแสบโดยการปรายตาให้มันไปนั่งในตำแหน่งหัวโต๊ะทานข้าว ชายหนุ่มเตรียมข้าวมื้อเย็นไว้เรียบร้อยแม้อาหารที่ทำในมื้อนี้จะเป็นเมนูง่ายๆ เพราะเขาเองก็ไม่ใช่คนชอบเข้าครัวแต่อย่างใด ในจานข้าวของคยูฮยอนก็แค่ข้าวผัดที่เขาเองคิดว่าเด็กๆ ก็คงจะชอบ ถึงอย่างนั้นเขาก็นึกเมนูอื่นไม่ออกแล้วล่ะ นอกจากเมนูง่ายๆ ตรงหน้า...

                “ทานข้าวเสร็จแล้ว คยูฮยอนก็ไปอาบน้ำเตรียมเข้านอนนะครับ” เขากล่าวย้ำกับเด็กชายพลางลูบผมนิ่มๆ ลื่นมือพลางส่งยิ้มให้เด็กตัวขาวที่เอาแต่นั่งคิ้วขมวด เด็กเพิ่งตื่นนอน(แถมยังโดนปลุกให้ตื่น)คงกำลังอารมณ์ไม่ดีซะล่ะมั้ง ชายหนุ่มปล่อยให้หลานจำเป็นนั่งทานข้าวไปอย่างเงียบๆ ก่อนจะหันไปปะทะสายตากับน้องชายบังเกิดเกล้า มยองซูกำลังยิ้มตาปิด ฝ่ามือยื่นมาตรงหน้าเขา คงไม่ต้องบรรยายต่อไปน่ะนะว่าสิ่งที่ไอ้ตัวแสบแบมือขอจากเขามันคืออะไร

                “ขอตังค์”

                “รู้แล้วล่ะหน่าไอ้แสบนี่...” ซีวอนควักเงินในกระเป๋าสตางค์ส่งไปให้มยองซูจำนวนหนึ่ง น้องชายตัวดียิ้มแป้นไม่วายจะยกเอาแบงค์วอนขึ้นมาจรดริมฝีปาก พอได้เงินดั่งใจปองน้องชายของเขามันก็นั่งเงียบทานข้าวอย่างสุขใจพลางทอดสายตามองคยูฮยอนไม่วางตา ปากก็บ่นพึมพำว่าเด็กคนนี้น่ารักเสียจนอดใจอยากจะหอมแก้มไม่ไหว ติดก็แค่คยูฮยอนทำหน้าหงิกไม่ยอมให้แตะตัวนั่นแหละ...ถึงคราวโดนเล่นตัวใส่บ้าง ชเว มยองซูก็ถึงกับทำหน้าไม่ถูกปกติคงไม่เคยโดนสาวๆ ปฏิเสธเลยล่ะมั้งชีวิตนี้ ถึงได้หัวเราะแก้เก้อไปเรื่อยเปื่อย ซีวอนอมยิ้มขำเมื่อมองคยูฮยอนสลับกับน้องชายของเขาที่หมดเขี้ยวเล็บเพราะถูกเด็กตัวขาวเชิดใส่เอา

                มื้อเย็นผ่านไป...และแน่นอนชเว มยองซูก็ถูกคลื่นกระแสแห่งความหงุดหงิดของคยูฮยอนซัดออกจากบ้านชเว ซีวอนไปแล้วเช่นเดียวกัน... คยูฮยอนไม่พูดจากับมยองซูสักคำแม้น้องชายของเขาจะพยายามเล่นกับเจ้าตัวก็ตาม สิ่งที่คยูฮยอนมีปฏิกิริยาโต้ตอบกลับไปให้คือรอยยิ้มแหย่ๆ ที่เขาแค่แซวเล่นๆ ว่า ยิ้มให้พี่แอลขราหน่อยนึงสิคยูฮยอนไอ้แสบพ่นลมหายใจเหนื่อยหน่ายยอมแพ้ในความหยิ่งของเด็กแมวก่อนจะขอลากลับหอด้วยสภาพยกธงขาว นี่แค่วันแรกนะ...คยูฮยอนก็สร้างความประทับใจ(?)ให้คนรอบข้างเขาขนาดนี้ นี่ไม่อยากคิดเลยนะว่าผ่านไปอาทิตย์นึง โจ คยูฮยอน จะเป็นที่กล่าวขานขนาดไหน

     

     

                โจ คยูฮยอนในร่างเด็กเล็กๆ ควรจะได้อยู่บ้านตามประสาเด็กไม่ใช่หรือ? แล้วการที่ ชเว ซีวอนพาเขามาที่ทำงานด้วย มันหมายความว่ายังไง?

                สถานที่ทำงานของ ชเว ซีวอน เป็นสำนักงานการวิจัยของมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง พื้นที่กว้างขวางเป็นสัดเป็นส่วนจัดว่าเป็นที่ทำงานในฝันของหลายๆ คนเลยก็ว่าได้ เพื่อนร่วมงานของหมอนั่นจ้องตรงมายังพวกเขาด้วยสายตาคลางแคลง กระนั้นก็มีสักคนที่กล้าถามว่าเขาคือใคร และคำตอบของชเว ซีวอนก็คงทำให้สาวๆ ทั้งที่ทำงานโล่งอกกันไปตามๆ กัน

                “แล้วนี่ทำไมเอาน้องมาที่ทำงานด้วยล่ะ” เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งของชายหนุ่มเอ่ยถาม ใบหน้าคมสันแย้มยิ้มนิดๆ พลางกดสายตามองเขาเสียจนคยูฮยอนนึกร้อนวูบที่ใบหน้าขึ้นมาเสียดื้อๆ

                “จะปล่อยให้เด็กเล็กๆ อยู่ลำพังที่บ้านได้ยังไง? ฉันกะว่าถ้าเจอ ผอ. ก็จะขออนุญาตท่านที่ต้องรบกวนเอาคยูฮยอนมาที่ทำงานสักพักน่ะ” คยูฮยอนฟังคำตอบแล้วก็แต่ได้พยักหน้าตาม ถูกอย่างที่ซีวอนกล่าวทุกประการ...แม้มันจะเป็นการรบกวนคนอื่นไปบ้าง แต่ภาระการเลี้ยงดูเด็กคนหนึ่งมันก็หนักหนาเอาการ คนที่ทำงานในเนอสเซอรี่อย่างเขาน่ะเข้าใจข้อนี้ดี คยูฮยอนชื่นชมชเว ซีวอนนะที่เป็นคนคิดอะไรได้ละเอียดอ่อนอย่างไม่น่าเชื่อ และอย่างที่คาด...คนที่คยูฮยอนคิดว่าคือผู้อำนวยการของสำนักงานวิจัยก็เดินเข้าในบริเวณที่พวกเขายืนอยู่พอดิบพอดี หล่อนเป็นหญิงในวัยกลางคน หน้าตาใจดี ชเว ซีวอนหันไปแสดงความเคารพต่อผู้เป็นใหญ่ในสถานที่ทำงาน และกล่าวขออนุญาตด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้ม หล่อนเอ่ยปากบอกว่าไม่เป็นไร แต่กล่าวย้ำในเชิงให้ชายหนุ่มดูแลเด็กชายเช่นเขาให้ดี เพราะสำนักงานบางส่วน เช่นห้องทดลอง ไม่ควรให้เด็กเข้าไปก้าวก่าย หญิงคนนั้นก้มลงมาหยิกแก้มเขาเบาๆ ก่อนจะเดินจากไป

                คยูฮยอนถูกพามาที่ห้องรับรองของสำนักงานในภายหลัง เพราะชเว ซีวอนจำเป็นต้องเข้าไปทำงานในห้องทดลอง...ในเวลานี้ คยูฮยอนแสนจะเกลียดห้องทดลองขึ้นมาโดยไร้สาเหตุ อาจเพราะการทดลองสะเพร่าของไอ้พี่จองซูที่เป็นต้นเหตุให้เขาต้องมาติดแหง็กในสภาพแบบนี้ก็เป็นได้ ซีวอนวางตุ๊กตาหมีที่สู้อุตส่าห์หยิบออกมาจากบ้านไว้บนโซฟาที่เด็กชายนั่งอยู่ ตามด้วยเลื่อนมือมาวางไว้ที่หัวไหล่เล็กๆ นั้น

                “เป็นเด็กดีนะครับ เดี๋ยวเที่ยงๆ น้าจะพาคยูฮยอนไปทานข้าว โอเคเนอะ?” ชายหนุ่มตรงหน้าว่าน้ำเสียงนุ่ม ไม่วายจะฉวยโอกาสกดจมูกที่แก้มของเขาแรงๆ คยูฮยอนตวัดสายตามองอีกคนด้วยเพราะถูกหมอนี่หอมแก้มไปไม่รู้รอบที่เท่าไหร่ กระนั้นครั้นชเว ซีวอนพองแก้มคล้ายกับว่าให้เขาหอมคืนบ้าง แม้มันจะตะขิดตะขวงใจไปหน่อย และเพราะนึกหงุดหงิดที่หมอนี่เอาแต่เซ้าซี้ ปากสีชมพูระเรื่อถึงได้จุ๊บเบาๆ ไปที่แก้มคมคายอย่างเสียไม่ได้

                โจ คยูฮยอนก็เพิ่งจะรู้ว่าตัวเองก็ชักจะบ้าจี้ตามหมอนี่ขึ้นทุกวัน!

                “เฮ้อ...” เขานึกเป่าปากโล่งอกที่ได้เป็นตัวของตัวเองเสียที...ซีวอนออกจากห้องรับรองไปแล้ว เหลือเพียงเขาที่นั่งดูการ์ตูนที่ชายหนุ่มเปิดทิ้งไว้ให้ ดวงตาคู่โตเฉมองไอ้ตุ๊กตาหมีสีขาวที่นั่งเป็นเพื่อนเขาอยู่ข้างๆ วันที่สามแล้วมั้งที่เขากลายเป็นเด็กชายวัยสี่ขวบ คยูฮยอนคว้ามือไปกอดคอเจ้าหมีตัวนุ่มไว้พลางลอบถอนหายใจแล้วถอนหายใจอีก...ไอ้พี่จองซูหายเงียบ ไม่ติดต่อกลับมานับตั้งวันที่มาฝากเขาไว้กับซีวอน ยิ่งคิดมันก็อดหงุดหงิดไม่ได้ คนอย่างปาร์ค จองซูคิดค้นยาใหม่ๆ เสนอบริษัทล้มเหลวมากกว่าสำเร็จเสียอีก ถ้าเกิดเขาต้องอยู่ในร่างเด็กแบบนี้ไปเรื่อยๆ ล่ะ โจ คยูฮยอนคนนี้จะทำยังไง!

                “น่ารักจังเลยนะจ้ะ”

                “เอ๊...” เสียงของหญิงสาวคนหนึ่งทำให้คยูฮยอนจำต้องละสายตาจากหน้าจอโทรศัพท์ไปยังเจ้าหล่อนที่เพิ่งจะเปิดประตูเข้ามาในห้องรับรองแห่งนี้ ผู้หญิงหน้าตาดีคนนี้เดินมาหยุดตรงหน้าเขาก่อนเรียวปากที่แต้มลิปสติกสีชมพูอ่อนจะยิ้มประหลาด (ประหลาดที่ว่าน่ะ เขารู้สึกจริงๆ นะว่าประหลาด)

                “ฉันก็เพิ่งจะรู้ว่าซีวอนรักเด็กมากขนาดนี้”

                “.......”

                “คยูฮยอนจะว่าอะไรไหมจ้ะ ถ้าพี่จะอิจฉาหนูน่ะ” เธอยิ้มให้เขาอีกครั้งทั้งยังเปลี่ยนสรรพนามแทนตัว...ตอนนี้เขาเข้าใจจุดประสงค์ของเธอคนนี้แล้วล่ะ...ที่แท้ ก็เป็นคนหนึ่งที่อาจหมายปอง ชเว ซีวอนเอาไว้สินะ และท่าทางจะหวังมากกว่าใคร... คยูฮยอนเข้าใจและรับรู้ว่าผู้ชายอย่าง ซีวอน เป็นสเป็คที่สาวๆ หลายๆ คนใฝ่ฝัน แล้วเรื่องอะไรต้องมาอิจฉาเขากันล่ะ ลองแดกยากากๆ ของไอ้พี่จองซูแล้วมารับชะตากรรมนี้ดูสิ แล้วจะรู้ว่า โจ คยูฮยอนในตอนนี้ไม่ได้น่าอิจฉาเลยสักนิด ให้ตาย!

                “ผมไม่มีอะไรให้อิจฉาหรอกครับ” คยูฮยอนตอบไปแบบนั้น เธอเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยราวกับแปลกใจกับคำพูดของเขา แหงสิ...ไม่มีเด็กสี่ขวบที่ไหนพูดจาแบบเขาหรอก

                “ทำไมล่ะจ้ะ มีซีวอนดูแลตลอดเวลา น่าอิจฉาออก”

                “แล้วทำไมคุณไม่ไปทำงานทำการล่ะครับ ผมก็เพิ่งรู้ว่าสำนักงานวิจัยแห่งนี้ พนักงานเขาว่างงานกันจังเลยเนอะ” เขายิ้มตาหยีในแบบที่บางทีเธอคงมองว่าเด็กตัวเล็กๆ อาจไม่สามารถยียวนกวนอารมณ์กันได้ทั้งท่าทางและคำพูดมากขนาดนี้ ครู่หนึ่งที่คยูฮยอนเห็นดวงตาคู่สวยแอบวาวโรจน์ขึ้นมานิดหน่อยกระนั้นเพียงไม่ถึงชั่วอึกใจเธอก็สามารถปั้นยิ้มเสมือนไม่ทุกข์ร้อนทั้งที่ความจริงแล้ว ในใจอาจกรี๊ดลั่นไปแล้วก็เป็นได้!

                “เป็นเด็กเป็นเล็ก พูดจาไม่น่ารักเลยนะจ้ะ”

                “แล้ว...เป็นสาวเป็นนาง ทำไมไม่เอาเวลาอิจฉาเด็กไปทำงานบ้างล่ะครับ”

                “....เด็ก...บ้า” เธอพูดรอดไรฟัน

                “คึคึ หมดธุระก็กลับไปทำงานเถอะครับพี่สาว” คยูฮยอนมั่นใจเชียวล่ะว่ารอยยิ้มของเขาในตอนนี้มันอาจน่ารักมากในสายตาของ ชเว ซีวอน แต่มันอาจกวนประสาทมากในสายของผู้หญิงคนนี้เช่นกัน เธอถึงได้เชิดหน้าขึ้นและจากไปโดยไม่พูดจาอะไรอีก... สิ่งที่เธอได้กลับไปก็คงมีแต่ความเจ็บใจ...

                ผู้หญิงคนนั้นก็แปลก...ขนาดเขาซึ่งอยู่ในร่างเด็กสี่ขวบ เธอยังออกหน้าว่าไม่ชอบใจ

                แล้วอย่างนี้...เธอไม่เที่ยวร้ายกาจกับผู้หญิงทุกคนที่เข้ามายุ่งกับ ชเว ซีวอนหรือ?

                เซ้นส์ของคยูฮยอนมันบอกว่าหล่อนไม่ธรรมดาแน่!

     

               

                เย็นวันนั้นหลังเลิกงานคนที่อยู่สถานะน้าจำเป็นของ ชเว ซีวอนก็พาเขาไปทานข้าวที่ห้างสรรพสินค้ากลางเมือง เดินเล่นนิดๆ หน่อยๆ ก็กลับบ้าน อาบน้ำ เข้านอน...และชีวิตประจำวันแบบนี้ก็ดำเนินมาอาทิตย์กว่า ชเว ซีวอนไม่ระแคะระคายในตัวเขาซ้ำยังเอาแต่แกล้งกระเซ้าเย้าแหย่กันเป็นงานอดิเรก เวลาผ่านไปไวอย่างไม่น่าเชื่อเชียวล่ะ! และที่น่าโมโหคือไอ้พี่จองซูก็คงไม่คงติดต่อกลับมา พอคยูฮยอนพยายามเลียบๆ เคียงๆ ถามจากซีวอน คำตอบที่ได้ก็คือไร้การติดต่อ...อย่าบอกนะ ว่าไอ้พี่จองซูแม่งคิดหนีความผิด!

                “น้าซีวอน...” คงต้องบอกเลยนะ...ว่าทุกวันนี้ เขาเรียก ชเว ซีวอน ว่าน้าซีวอนได้อย่างไม่กระดากปากไปแล้ว คยูฮยอนกระตุกมือของชายหนุ่มตัวโตที่กำลังเดินจูงมือเขาเข้าไปในสำนักงานการวิจัยอันแสนจะคุ้นเคย แน่นอนว่าคนถูกเรียกขานรับในทันที

                “ว่ายังไงครับ คยูฮยอนของน้า” อ้อ...แล้วเขาก็ชินกับคำว่า คยูฮยอนของน้า แล้วเช่นเดียวกัน

                “น้าจองซูจะทิ้งน้องยอนไว้กับน้าซีวอนแน่ๆ เลย ถึงไม่ยอมมารับผมกลับไปหาหม่าม๊าป่าป๊าสักที”

                และ... อีกหนึ่งเรื่องที่คยูฮยอนเคยชิน...คือบริบทคำพูดของเด็กสี่ขวบนั่นแหละ =3=

                ชเว ซีวอนหัวเราะออกมาเพียงนิดที่ฟังจบประโยค คนตัวสูงพาเขาเข้ามาในห้องรับรองที่ตอนนี้อาจกลายเป็นห้องนั่งเล่นประจำตัวของเด็กชายคยูฮยอนไปเสียแล้ว ตุ๊กตาหมีตัวอ้วนถูกวางไว้บนโซฟาเช่นทุกครั้ง แต่คราวนี้ชายหนุ่มเลือกที่จะทิ้งกายนั่งลงบนโซฟานุ่มๆ ก่อนจะอุ้มร่างของเขาวางลงบนหน้าตัก ฝ่ามือก็ลูบผมสีน้ำตาลเข้มไปพลางอมยิ้มไปพลาง

                “น้าจองซูไม่ทิ้งน้องยอนหรอกครับ...นี่ พูดแบบนี้เนี่ย เบื่อน้าซีวอนแล้วหรอ? นี่น้างอนนะ”

                “เปล่าซะหน่อย...” ตอบกลับเสียงอ่อยๆ เขาแค่อยากรู้ว่าตัวเองจะกลับคืนไปเป็นชายหนุ่มอายุ 24 ปีได้รึเปล่าก็เท่านั้น คยูฮยอนนึกโต้เถียงในสิ่งที่ไม่สามารถพูดออกไปได้ เขาปั้นหน้าหงิกก่อนจะถอนหายใจพรูใหญ่เป็นผลให้ผู้ชายเจ้าของเบาะมนุษย์หัวเราะชอบใจ

                “ถอนหายใจเป็นผู้ใหญ่ไปได้...เอาอย่างนี้นะครับ เดี๋ยวน้าซีวอนจะพยายามติดต่อน้าจองซูให้ได้โอเคไหมครับ?”

                “ก็ได้...”

                “อ้อ...อีกอย่าง น้าคิดว่าพรุ่งนี้วันหยุดเราไปสวนน้ำกันดีกว่า...เผื่อคยูฮยอนของน้าจะได้ไม่ต้องคิดมากเรื่องคุณน้าจองซู ดีไหม...”

                “น้องยอนก็ไม่เคยขัดใจน้าซีวอนได้นี่หน่า” เขาเผลอยู่ปากไปตามวิสัยประกอบกับคำพูดไปด้วย มันอาจน่าหมั่นเขี้ยวนักล่ะ ชเว ซีวอนถึงได้เอาแต่ยิ้มไม่หุบ

                “เป็นอันว่าตกลง! งั้นน้าไปทำงานแล้วนะครับ...ไหน ก่อนน้าไปหอมแก้มน้าหน่อยสิ”

                ใบหน้าหล่อเหลายื่นหน้ามาใกล้ๆ ไอ้เขาก็ต้องจำใจหอมแก้มอย่างที่เคย...

                บอกแล้วไงว่ามันคือความเคยชิน... เปล่าคิดอะไรสักหน่อย

     

              ช่วยอย่ามาทำให้อะไรให้เขารู้สึกเคยชินไปมากกว่านี้ได้หรือเปล่าเล่า!

    โจ คยูฮยอนนึกสบถอยู่ในใจ และเขาก็เชื่อว่าตัวเองก่นด่าหมอนี่ด้วยเรื่องนี้มานับครั้งไม่ถ้วน! ชเว ซีวอนถ่ายรูปเขาคู่กับเจ้าตัวเสมอ แถมยังแอบถ่ายบ้างล่ะ ให้เขาแอ็คเป็นนายแบบ(?)จำเป็นอัพลงไอจีจนบางทีคยูฮยอนแอบคิดว่ากว่า 80 เปอร์เซ็นในสมาร์ทโฟนของผู้ชายคนนี้คงมากไปด้วยรูปของเขาแหงๆ และวันนี้ก็เช่นกัน...

              “คยูฮยอนของน้าซีวอน มาถ่ายรูปก่อนไปสวนน้ำให้น้าอัพลงไอจีหน่อยสิครับผม...” เด็กชายตัวเล็กในชุดเสื้อยืดลายขวางสีขาวแดงเข้าชุดกับกางเกงขาสั้นสีเข้ม ใบหน้ากลมขาวฉีกยิ้มฝืนๆ มือข้างหนึ่งชูสองนิ้วและโดยที่มืออีกข้างก็กอดห่วงยางรูปเป็ดเหลือง ทั้งที่ในใจอยากจะร้องโวยวายในความมุ้งมิ้งของ ชเว ซีวอน แต่คิดว่าสถานการณ์แบบนี้ เขาคงมีสิทธิจะพูดอะไรหรอก...เพราะพูดออกไปทีไร หมอนี่ก็จะคิดว่าเขางอแงอยู่ร่ำไป...

                “เรียบร้อยหรือยังครับน้าซีวอน?” คยูฮยอนเอ่ยถามเสียงอ่อยๆ รู้สึกเมื่อยแก้มที่ต้องยิ้มเป็นแบบให้ผู้ชายตัวโตบันทึกภาพจนพอใจ ร่างเล็กๆ ของเขาเดินเตาะแตะไปหา(ไอ้)คุณน้าตากล้องที่นั่งย่อตัวอยู่ไม่ห่าง โน้มใบหน้าไปใกล้จอมือถือที่หมอนั่นกำลังพิมพ์ข้อความพร้อมกับแนบรูปที่เพิ่งถ่ายเขาไปเมื่อสักครู่เตรียมรายงานความเคลื่อนไหวของตนเองสู่โลกโซเชียล

                พาลูกลิง เอ้ย ลูกแมว เอ้ย ลูกหมา เอ้ย ลูกผม เอ้ย ไม่ใช่!...พาน้องยอนไปสวนน้ำในวันหยุดครับ Go Go Go!!!!!

                ชั่ววินาทีหนึ่งที่คยูฮยอนรู้สึกผิดในใจ...มันเป็นเรื่องน่าแปลกที่จู่ๆ เขากลับรู้สึกเช่นนั้น...ที่เขาทำอยู่ตอนนี้มันต่างจากการหลอกลวงคนๆ นี้ตรงไหน? ในสายตาของ ชเว ซีวอนแล้ว เขาคือหลานที่น่ารักน่าชัง คือเด็กชายคยูฮยอน อายุ 4 ขวบ หมอนี่ไม่รู้ว่าเขาต้องเจออะไรมาก่อนจะตกอยู่ในสภาพแบบนี้ และในขณะที่แท้จริง...เขารู้ทุกอย่างว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ ทั้งที่ไอ้พี่จองซูมันเป็นคนสะเพร่าแท้ๆ แต่ทำไมภาระจิตใจอันหนักอึ้งนี้ถึงตกมาอยู่ที่คนอย่าง โจ คยูฮยอนกัน!

                หรือเพราะ ชเว ซีวอนแคร์ความรู้สึกของเขาเสมอ...แม้จะในฐานะน้าหลานจำเป็น

                กับตอนนี้แล้ว คยูฮยอนจะไม่แคร์ความรู้สึกของคนที่ดูแลเขาตลอดช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันได้ยังไง?

                “ขอโทษ...”

                “หื้ม?...” คิ้วหนากระตุกขึ้นในทันทีที่ได้ยินเสียงเล็กๆ นั้นถูกเปล่งออกมา คยูฮยอนสบตาผู้ชายที่ย่อตัวอยู่ตรงหน้า นัยน์ตาของ ชเว ซีวอนมีประกายแห่งความสงสัยอยู่ในที

                “น้องยอนบอกว่าน้องยอนขอโทษ...ขอโทษน้าซีวอน ที่...” เขาอยากจะบอกความจริงเสียให้หมดเปลือก แต่ทำไมปากมันกลับไม่ตอบสนองคำสั่งในหัวสมองเลยสักนิด...ทั้งที่มีคำพูดอยากอธิบายแต่ใจไม่กล้าพอเลยสักนิด

                “ที่อะไรครับ?”

                “ที่...ชอบดื้อกับน้าซีวอนอยู่เรื่อยเลย”

                “น้าซีวอนจะโกรธคยูฮยอนของน้าได้ยังไงเนอะ...ไม่เอานะครับ เป็นเด็กอย่าคิดเล็กคิดน้อยดีกว่า เดี๋ยวตีนกาจะขึ้นเอานะ!” ฝ่ามืออุ่นๆ โอบร่างเล็กๆ ให้ขยับเข้าไปใกล้ก่อนจะกดจมูกลงที่เนื้อแก้มนุ่มนิ่มยังผลให้อีกคนหน้าเห่อร้อน...คยูฮยอนคิดว่าเขากำลังชินกับการเขินที่ต้องถูกหอมแก้มแบบนั้น แต่เวลาแบบนี้ ตอนนี้...เขาชักจะแยกแยะความรู้สึกไม่ออก...

                ความรู้สึกที่ต้องสวมบทบาทเป็นเด็กสี่ขวบ กับความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเองน่ะสิ!

                                                                              

     

                “บังเอิญจังเลยนะคะซีวอน”

                เสียงหวานของหญิงสาวทักขึ้น และคยูฮยอนก็จำได้แม่นเชียวล่ะว่าเสียงที่ว่าคือเสียงของใคร... เขาในร่างเด็กชายถอนหายใจออกมาเพียงนิดในขณะที่ซีวอนกำลังอุ้มเขาและเดินไปรอบๆ สวนน้ำ ร่างอรชรในชุดบิกินีอาจทำให้หนุ่มๆ หลายคนน้ำลายหก เธอเดินกึ่งวิ่งเข้ามาหาก่อนจะเผยรอยยิ้มที่คยูฮยอนไม่เคยชอบ

                ...บังเอิญของเธอ หรือ ความจงใจของเธอกันล่ะ!

                “อ้าว...สวัสดีครับคุณจียอน”

                “พาคยูฮยอนมาว่ายน้ำหรอคะ?” เธอถามพลางเอื้อมมือมาหยิกแก้มเขาเบาๆ คยูฮยอนเหลือบสายตามองซีวอนที่ส่งยิ้มกลับไปให้เธอ และต้องขอบคุณจริงๆ ที่เขารู้สึกว่ารอยยิ้มของผู้ชายคนนี้เป็นเพียงรอยยิ้มเพื่อรักษามารยาทมากกว่ายิ้มที่เกิดจากการได้เห็นเรือนร่างสุดเพอร์เฟ็คของสาวสวยตรงหน้า

                ก็ถ้าเกิดชเว ซีวอนสนใจยัยจียอนคนนี้จริงๆ ป่านนี้เธอคงได้ไปไหนมาไหนกับผู้ชายที่เธอหมายปอง มีรูปในไอจีเยอะๆ อย่างที่เขาถูกซีวอนทุ่มความสนใจให้แล้วล่ะ!

                โถ่ะ อย่าให้เขาได้โม้เชียว!!

                “อ้อครับ ผมอยากพาคยูฮยอนมาเที่ยวในวันหยุดหน่อย นอกจากห้างพวกเราก็ก็ไม่ค่อยได้ไปไหน”

                “กำลังหาที่นั่งอยู่หรอคะ? มากับจียอนก็ได้นะ จียอนนั่งอยู่กับเพื่อนๆ ตรงนั้นน่ะค่ะ”

                “คงก็ไม่หรอกครับคุณจียอน ผมต้องพาคยูฮยอนไปที่สระเด็ก...สระผู้ใหญ่มันอันตรายเกินไป” เธอถูกซีวอนปฏิเสธคำเชิญชวนเสียงนุ่ม และนั่นก็ทำให้คยูฮยอนลอบยิ้มขำอยู่เงียบๆ

                “ถ้าอย่างนั้นก็ไม่เป็นไรค่ะ”

                “น้าซีวอน...น้องยอนอยากเล่นน้ำแล้ววววววว” ถึงเวลาที่เขาปล่อยหมัดฮุคใส่คุณจียอนคนสวยอีกครั้ง คยูฮยอนก็เพิ่งจะรู้เชียวล่ะว่าตัวเองบ้าจี้ไปตามน้ำขนาดนี้ เขาแสร้งพูดน้ำเสียงงอแงพลางซบหน้าลงบนไหล่ของคุณน้าจำเป็น

                “ครับผม...งั้นเราไปกันเนอะ คุณจียอนผมไปก่อนนะครับ”

                “อ้อ...ค่ะ”

                “บ๊ายบายครับคุณจียอน...” คยูฮยอนยกมือเล็กๆ โบกมือลาเธอ หญิงสาวยิ้มตอบอย่างฝืนๆ

     มันอาจเป็นภาพช้าที่จียอนคงจดจำไปนานและเจ็บใจใช่เล่น ภาพที่ชเว ซีวอนหันหลังเดินไปพร้อมกับอุ้มเด็กชายไว้ในอ้อมแขน ใบหน้าขาวๆ ซบอยู่ที่ไหล่หนาพลางขยิบตาให้เธอราวกับเย้ยกันก็ไม่ปาน...

                “เด็กบ้า!

     

               

                คยูฮยอนตีขาลอยน้ำภายใต้ห่วงยางรูปเป็ดสีเหลืองในสระเด็กมาได้สักพัก ส่วนคุณน้าจำเป็นที่ในตอนแรกเล่นน้ำกับเขาอยู่ครู่ใหญ่ก็บอกว่าจะไปซื้ออาหารทานเล่นมาให้ บริเวณที่เขาลอยตัวอยู่มีเด็กๆ เล่นน้ำกันอยู่ไม่กี่คน ดวงตาคู่โตมองไปรอบๆ แล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ...บางทีเขาก็อยากกลับไปเป็น โจ คยูฮยอนในวัย 24 ปี แต่ในบางครั้งเขากลับรู้สึกว่าการใช้ชีวิตเป็นเด็กชายแบบนี้มันก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันก็มีความสุขดีเหมือนกัน...

                ถ้าเกิดเขาต้องอยู่อย่างนี้ตลอดไป...เขาจะทำยังไง?

                แต่ก่อนจะถึงเวลาที่เขาต้องยอมรับในชะตากรรมบ้าๆ นี้ ขอถีบยอดหน้าไอ้พี่จองซูเป็นการชำระบัญชีสักทีเถอะ!

                “เล่นคนเดียวไม่เหงาหรือจ้ะ”

                ...ยัยคุณจียอนคนสวย = =

                คยูฮยอนแสร้งทำไม่เป็นไม่สนใจหญิงสาวที่ยืนอยู่ริมสระเด็ก กระนั้นก็ยังเห็นว่าใบหน้าสวยๆ นั่นมีรอยยิ้มประหลาดอีกแล้ว

                “คยูฮยอนไม่มีเพื่อนหรอ ถึงได้ติดคุณน้าอย่างซีวอนแจขนาดนี้ เอ... หรือจริงๆ แล้วคยูฮยอนไม่มีพ่อไม่มีแม่ ซีวอนเลยต้องรับภาระเลี้ยงดูเรากันนะ...” ฟังเธอพูดเข้าสิ!

                “ไม่ใช่สักหน่อย...อย่าพูดมั่วๆ นะ” ในเวลานี้เขาแสนจะเกลียดเสียงเล็กๆ ของเด็กในวัยนี้ชะมัด คยูฮยอนเกลียดเสียงที่เปล่งจากลำคอของตัวเองเพราะมันฟังดูไม่มีอำนาจต่อรองกับเธอคนนี้เลย ซ้ำมันยังฟังดูตลกนักล่ะ คำพูดร้ายๆ ของจียอนแม้มันจะไม่ใช่ความจริงแต่คยูฮยอนกลับรู้สึกเดือดดาลขึ้นมาชอบกล ลองนึกว่าเขาเป็นเด็กจริงๆ แค่นั้นก็โกรธจนแทบจะร้องไห้

                 ให้ตายสิ...ความเป็นเด็กมักครอบงำตัวเขาอยู่เรื่อย!

              “ยอมรับมาเถอะว่าหนูน่ะ เป็นภาระของซีวอนนะ...เขาอาจมีชีวิตที่ไม่ต้องแบกรับอะไร ถ้าไม่มีหนู เข้าใจไหมจ้ะ”

                “ไม่รู้อะไรก็อย่าพูด!

                “เป็นเด็กน่ะ ขึ้นเสียงไม่น่ารักเลยนะ” เธอยียวนเขาได้อย่างน่าหงุดหงิด และนั่นก็ทำให้คยูฮยอนตวัดตามองใบหน้าขาวสวยที่กำลังยิ้มหยัน

                ทว่า...ในขณะที่คยูฮยอนกำลังจะอ้าปากเถียงจียอนกลับ เขากลับรู้สึกปวดร้าวไปทั้งร่าง เจ็บที่หัวใจ เวียนหัวฉับพลัน!

                นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน!

                “...โอ้ย!” ร่างเล็กๆ ของเด็กชายตีขาอยู่ภายใต้ห่วงยางราวกับคนอ่อนแรง จียอนมองภาพตรงหน้าโดยไม่รู้สึกอะไร กลับกันเธอกลับรู้สึกว่าเด็กคนนี้น่าหมั่นไส้ราวกับเล่นละครตบหน้าเธอ...บางทีเด็กนี่อาจแกล้งเรียกร้องความสนใจ

                “เชิญเรียกร้องความสนใจต่อไปเถอะ เด็กบ้า!” หญิงสาวเดินจากไปโดยไม่คิดฉุกใจจะช่วยคนที่กำลังดิ้นรนอยู่ในน้ำ และอ่อนแรงจนเกือบจะจมน้ำอยู่รอมร่อ

                นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของ โจ คยูฮยอนกัน! เขาทรมานปวดไปทั่วทั้งร่าง ร้าวไปถึงกระดูก หัวใจเต้นแรงจนควบคุมการหายใจไม่ได้ เรี่ยวแรงกำลังสาบสูญ ในอีกไม่กี่วินาทีเขาอาจหมดสติ และแน่นอน...เขาอาจจมน้ำเป็นแน่!

                “น้าซีวอน! ช่วยด้วย!!

              และนั่นคือเสียงสุดท้ายที่เขาเปล่งออกไป...

     

     

                ชเว ซีวอนเกือบทำดวงใจดวงน้อยๆ หายไปเสียแล้ว...

    “ฉันไม่น่าปล่อยให้คยูฮยอนอยู่คนเดียวเลย ฉันผิดที่ทำให้คยูฮยอนเกือบจมน้ำ ขอโทษว่ะจองซู ฉันขอบคุณพระเจ้าจริงๆ ที่ท่านยังไม่พรากคยูฮยอนไปไหน... แล้วว่าแต่นายจะกลับมาเมื่อไหร่... โอเค อาทิตย์หน้าใช่ไหม ฉันจะได้บอกคยูฮยอนไว้ อื้ม...แค่นี้ก่อนนะเว้ย คยูฮยอนตื่นแล้ว” ชายหนุ่มกุลีกุจอดิ่งไปยังเตียงที่มีเด็กชายตัวเล็กขยับกายงัวเงีย ชั่วโมงก่อนเขาพยายามติดต่อ ปาร์ค จองซู นานเชียวล่ะกว่าจองซูจะสามารถมาพูดสายกับเขาได้ ซีวอนติดต่อจองซูในทันทีเพื่อบอกในสิ่งที่ผิดพลาดของเขาในวันนี้ จองซูยังคงอยู่ที่แคนาดาและมีทีท่าว่างานกำลังจะเสร็จภายในอาทิตย์หน้า

                ชเว ซีวอนแค่คิดว่าหากเขามาช้ากว่านี้...คยูฮยอนอาจไม่อยู่ตรงหน้าเขาในเวลานี้เป็นแน่!

                “คยูฮยอน...น้าขอโทษนะครับ” เขากล่าวย้ำๆ ในขณะที่ดวงตากลมโตกระพริบมองเขา เรียวปากสีอ่อนระบายยิ้มบางๆ พลางหยัดตัวขึ้นและใช้สองแขนโอบร่างของเขาไว้หลวมๆ ชายหนุ่มกอดเด็กชายตอบ หลับตาเพื่อสัมผัสว่าสิ่งที่อยู่ตรงนี้ไม่ใช่ภาพความฝัน ...คยูฮยอนยังอยู่ตรงนี้ ไม่หายไปไหน...

                “น้าซีวอนอย่าโทษด้วยเองเลยนะ...” เสียงเล็กๆ นั่นปลอบประโลมเขา ถึงกระนั้นมันก็ลบความรู้สึกผิดไปไม่ได้อยู่ดี...เขาชะล่าใจ เขาแค่คลาดสายตาจากหลานตัวเล็กไปเพียงไม่ถึงสิบนาที...แค่นี้ก็ทำให้รู้แล้ว ว่าต่อจากนี้ไปเขาไม่ควรละสายตาไปมองสิ่งอื่นนอกจากเด็กที่อยู่ตรงหน้าเขาอีก

                “แต่...ยังไง น้าก็ไม่ควรปล่อยให้คยูฮยอนอยู่คนเดียวแบบนั้น”

                “มันไม่ใช่ความผิดของน้าซีวอนเลย...มันผ่านมาแล้ว น้องยอนยังอยู่ตรงนี้นะ...น้าซีวอนดูสิ น้องยอนยังสบายดี เห็นไหม!” ใบหน้ากลมเกลี้ยงระบายยิ้มกว้างเสียจนตาหยิบหยี เห็นแบบนี้เขาก็พลอยโล่งใจได้เปราะหนึ่ง ซีวอนหยิกแก้มนิ่มๆ ไปหนึ่งทีตามด้วยการกดจมูกลงบนกลุ่มผมสีเข้มอย่างนึกเอ็นดู เสียงหัวเราะของเด็กคนนี้ทำให้เขาพักเรื่องเหนื่อยใจ ลืมความรู้สึกหนักหน่วงเมื่อหลายชั่วโมงก่อนไปจนเกือบปลิดทิ้ง   

                “อ้อ...คยูฮยอน น้าจองซูบอกว่าอาทิตย์จะกลับมาแล้วนะ”

                “เอ๊ ...จริงหรอครับ?”

                “จริงสิ...คราวนี้ล่ะ น้าคงได้คิดถึงเราแย่ที่ต้องส่งตัวเราคืนน้าแท้ๆ ซะล่ะ” ซีวอนสังเกตว่าคยูฮยอนเงียบไปในทันทีแทนที่จะดีใจอย่างที่เจ้าตัวควรจะเป็น เขาก้มมองใบหน้าน่ารักที่กำลังเม้มริมฝีปากราวกับจะพูดอะไรแต่เจ้าตัวชั่งใจไม่กล่าวมันออกมา

                เขาเองก็รู้สึกใจหาย...ชายหนุ่มนึกเกลียดความเคยชินขึ้นมาทันที หลังจากนี้ไปแล้ว...สิ่งที่เขาทำเป็นกิจวัตรมันอาจไม่เหมือนเดิมเพราะขาดเจ้าตัวเล็กไปแค่คนเดียว...ทุกอย่างจะกลับสู่ชีวิตของหนุ่มโสดหน้าเบื่ออีกครั้ง

                “เราคงไม่ได้เจอกันแล้ว” คิ้วหนาขมวดเข้าหากันเล็กน้อยเมื่อได้ยินคนเป็นหลานพูดแบบนั้น

                “นี่คยูฮยอน...ถ้าน้าคิดถึงเรา น้าซีวอนก็จะไปหาคยูฮยอนที่บ้านเลย น้าน่ะทนคิดถึงไอ้ตัวเล็กคนนี้ไม่ได้หรอก รู้ไหม?”

                “ครับ...ผมรู้ ผมก็คงคิดถึงน้าซีวอนมากแน่ๆ คิดถึงมากๆ ซะด้วย...”

                “น้าซีวอนรู้อยู่แล้ว ว่ายังไงคยูฮยอนก็ต้องคิดถึงน้า เนอะ!

    ชายหนุ่มฉีกยิ้มกว้างตามด้วยการกดใบหน้าของเขาไปยังพุงกลมกลึงของเด็กชายตัวขาว การเล่นแบบนี้ทำให้เจ้าของร่างเล็กๆ ดิ้นไปมาด้วยความจั๊กจี้ เสียงหัวเราะดังลั่นไปทั่งห้องนอน ความสุขเล็กๆ ของหนุ่มโสดที่มีหลานจำเป็นมาเติมเต็มคงเป็นความทรงจำหนึ่งที่เขาคงจดจำไปอีกนาน...ชเว ซีวอนเพิ่งรู้ว่าตัวเองก็สามารถรักใครด้วยความบริสุทธิ์ใจได้...และแน่นอนว่าคนคนนั้นก็คือเด็กคนนี้ เด็กชายตัวยุ่ง เจ้าของใบหน้าน่ารักที่จะตรึงใจเขาเช่นนี้ไปเสมอ...

                ไม่มีวันลืม

     

     

                คิดว่าคนอย่าง โจ คยูฮยอนควรมองหน้า(ไอ้)พี่จองซูแบบไหน!

                ชายหนุ่มร่างโปร่งที่ยืนอยู่ตรงหน้า พร้อมกับรอยยิ้มเหยๆ ทำให้คยูฮยอนอดจะหมั่นไส้ไม่ได้ ปาร์ค จองซูยืนอยู่หน้าประตูบ้านของชเว ซีวอนพร้อมกับทักทายเสียงใส ไม่ลืมจะย่อตัวกอดเขาไว้แน่นๆ หลังจากเหตุการณ์วันที่เขาเกือบจมน้ำ ไอ้อาการปวดไปทั้งร่างมันก็ค่อยๆ ทวีความรุนแรงขึ้นโดยที่ตัวคยูฮยอนเองไม่กล้าบอกซีวอน เขาพอจะพอเดาๆ ได้ว่ามันอาจเป็นผลข้างเคียงของการอยู่ในร่างเด็ก และนี่ฤทธิ์ยางี่เง่านั่นก็อาจกำลังจะหมดไป โชคดีที่จองซูกลับมาเร็วกว่ากำหนด...และเขาก็กำลังจะได้ร่างในวัย 24 ปี กลับคืนมาเสียที...

                คยูฮยอนเผลอเงยหน้ามองซีวอนที่ตอนนี้ถือกระเป๋าเป้ใบเล็กๆ ที่บรรจุเสื้อผ้าของเขารวมไปถึงตุ๊กตาหมีสีขาวตัวนุ่ม ของขวัญต้อนรับจากผู้ชายที่ดูแลเขาตลอดช่วงเวลาสั้นๆ ใบหน้าคมคายกำลังยิ้มละไม ในดวงตาอาจไม่สดใสอย่างที่คยูฮยอนคุ้นชิน เขาในตอนนี้รู้สึกหน่วงในใจขึ้นมาชอบกล ไม่ต้องคิดอะไรให้มากมายไปกว่านี้ คยูฮยอนก็เอื้อมมือไปกระตุกชายเสื้อของเจ้าของร่างสูงใหญ่

                “น้าซีวอนโอเคไหม?”

                “โอเคสิครับ...ไม่โอเคก็คงเป็นตอนที่คยูฮยอนของน้ากลับไปแล้ว” ชายหนุ่มตอบยิ้มๆ พลางย่อตัวลงในระดับสายตาของเขา ไม่ลืมจะยื่นหน้าเข้ามาหอมแก้มอย่างที่ทำเป็นประจำ คยูฮยอนสังเกตเห็นสายตาแปลกใจที่ส่งมาจากไอ้พี่ตัวดีอย่างจองซู กระนั้นชายหนุ่มในร่างเด็กชายกลับไปสนใจอะไรไปมากกว่าการโน้มใบหน้าไปมอบของขวัญแก่คุณน้าจำเป็นโดยการจุ๊บไปที่ริมฝีปากคมนั้นเบาๆ

                “ของขวัญพิเศษน่ะครับ”

                “เป็นเด็กดีกับทุกคนนะครับ ว่างๆ น้าซีวอนจะไปหาเราที่พูซานนะ” ใบหน้าเล็กๆ พยักหน้ารับทว่าคยูฮยอนกลับตอบรับในสิ่งที่ซีวอนบอกเขาแต่เพียงในใจ...

                ต่อไป...มันคงไม่มีเด็กชายคนนั้นอีกแล้วล่ะ...

                จะมีก็แต่ โจ คยูฮยอน...ตัวตนที่แท้จริงของเขาเอง

                “ฉันคงต้องพาคยูฮยอนกลับพูซานแล้วล่ะ ขอบคุณนายมากๆ นะเว้ยที่ช่วยดูแลเด็กดื้อๆ ซะอยู่หมัด”

                “ไม่เป็นหรอกจองซู...เรื่องแค่นี้เอง”

                “งั้น...ฉันไปแล้วนะ คยูฮยอนบ๊ายบายน้าซีวอนสิครับ...” คยูฮยอนถูกอุ้มขึ้นจากพื้นโดยพี่ตัวแสบอย่างจองซู เขาทำได้เพียงมองหน้า ชเว ซีวอน และยกมือโบกลาผู้ชายตรงหน้าด้วยอารมณ์ที่หลากหลายและมันก็ตีกันในอกเสียให้วุ่น

                ตกลงแล้ว...ถึงเขาจะชอบซีวอนมากแค่ไหน

                แต่...คยูฮยอนในสายตาของ ชเว ซีวอน ก็คือเด็กชายซึ่งเป็นเพียงหลานตัวเล็กๆ ที่เพื่อนสนิทนำมาฝากไว้ให้ดูแล...คงไม่มีวันที่ซีวอนได้รู้จักคยูฮยอนในอีกตัวตนหนึ่ง มันเป็นเรื่องน่าเศร้าดีเป็นบ้า...แต่จะทำอย่างไรได้นอกจาก...

                คนอย่างเขาก็ต้อง...ยอมรับความจริง...

                ไม่มีเด็กชายคยูฮยอนอีกต่อไปแล้ว

     

     

                แม้คยูฮยอนจะทำใจในการต้องทานยาปรับสภาพของปาร์ค จองซูมากขนาดไหน แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกให้มากนัก และเหลือเชื่อที่ยาตัวนี้ของจองซูมันได้ผลชะงัก เขากลับคืนสู่ร่างเดิม! เป็นโจ คยูฮยอนในวัย 24 ปี ไม่เสียแรงเชียวล่ะที่ไอ้พี่ตัวดีบินไปถึงแคนาดาเพื่อให้อาจารย์ของตัวเองช่วยคิดค้นยาตัวนี้ขึ้น และในวันถัดมาคยูฮยอนก็จำต้องกลับไปที่พูซานในทันที เขาขาดงานไปสองอาทิตย์ได้ และนั่นก็ทำให้ผู้อำนวยการเนอสเซอรี่ร่ำๆ จะไล่เขาออก ดีที่ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดีเพราะเขาไม่เคยมีประวัติการทำงานที่เสียหาย

                ชีวิตของคยูฮยอนวนเวียนสู่วันเดิมๆ วันที่ทำงานในเนอสเซอรี่ อยู่กับเด็กๆ ไปทั้งวัน...อดไม่ได้ที่ภาพความทรงจำตอนนั้นมันจะหวนคืนมา...เขาแค่คิดถึงตัวเองในตอนนั้น คิดถึงคนที่ดูแลเขาในตอนนั้น แต่ความจริงที่เขาคือใคร และเด็กชายตัวเล็กคนนั้นก็ได้หายไปแล้วมันตอกย้ำให้คยูฮยอนรู้ว่าสิ่งที่เขากำลังโหยหา...มันจะไม่เกิดขึ้นอีก...

                “อารึม...อย่าวิ่งสิครับ เดี๋ยวก็ล้มหรอก”

                “โอ้ย! ฮืออออออออ!!” ไม่ทันจะขาดคำ! เด็กหญิงตัวเล็กล้มลงกับพื้นสนามหน้าเนอสเซอรี่ ร้อนถึงคยูฮยอนต้องรีบปรี่ไปหาเธอ เด็กน้อยร้องไห้โยเยน้ำมูกน้ำตาไหล ที่หัวเข่ามีบาดแผลนิดหน่อย ชายหนุ่มใช้เรียวนิ้วปาดน้ำตาบนใบหน้าขาวใสก่อนจะอุ้มเธอขึ้นไว้แนบอกปลอบประโลมให้เธอหายร้องไห้เสีย

                “อารึมเจ็บจังเลยพี่คยูฮยอน ฮืออออ” เด็กตัวเล็กสะอื้นจนตัวโยนและนั่นก็ทำให้คยูฮยอนกดจมูกไปที่แก้มของเธอ...อย่างที่ เขาเคยถูกใครบางคนปลอบประโลมแบบนี้...

                “ไม่ร้องนะครับ เดี๋ยวพี่พาไปทำแผลนะ...”

                “ขอโทษนะครับ...”

                คยูฮยอนคิดว่าเขา...ได้ยินเสียงของ ชเว ซีวอน...

              “น้าซีวอน...”

                เป็นหมอนั่นจริงๆ ด้วย!

     

     

     

     

     

                เวลานี้...เขาพูดอะไรไม่ถูกนอกจากนั่งอยู่ตรงหน้าผู้ชายคนนี้ภายในร้านกาแฟเล็กๆ ในตัวเมือง คยูฮยอนก้มหน้าไม่กล้าสบสายตาคนที่เขาอยากเจอนักอยากเจอหนา...

                เพราะอะไรน่ะหรอ?

                ก็เพราะ...

                “จองซูบอกผมแล้วว่าจริงๆ แล้วเด็กคนนั้น... เด็กที่อยู่กับผมตลอดช่วงสองอาทิตย์ก่อนก็คือคุณ...ตอนแรกผมไม่เชื่อ แต่จองซูมันไม่เคยโกหกใคร นอกจากเรื่องนี้ เรื่องที่มันปิดบังเพราะยาที่มันคิดขึ้นเกิดผิดพลาด...”

                “ต้องขอโทษน้า เออ...ไม่ใช่ ต้องขอโทษคุณซีวอนด้วยที่ต้องปิดบังคุณ” คยูฮยอนกระอักกระอ่วนที่จะพูดกับคนตรงหน้าทั้งที่เขาเองก็คิดถึงคนคนนี้เป็นบ้า สายตาคู่คมทอดมองเขานิ่งเฉย กระนั้นก็ส่ายหน้านิดๆ ทันทีที่ได้ยินเขาเอ่ยขอโทษ

                “ไม่ต้องขอโทษหรอกครับ ผมเข้าใจดี”

                “มันก็เหมือนกับผม...หลอกลวงคุณนะ” ชายหนุ่มนักวิจัยถอนหายใจพลางส่งยิ้มละไมมาให้

                “อันที่จริงคุณก็อย่าคิดมากไปเลยครับเพราะยังไงซะ เด็กคนนั้นก็จะอยู่ในใจผมเสมอ...”

                แต่ก็คงไม่มีโจ คยูฮยอนคนนี้ในความทรงจำสินะ... เขาคิด

     

     

     

     

               

                “แต่ความทรงจำที่มันอาจกำลังจะเริ่มขึ้นใหม่...ผมหวังว่าคุณจะเป็นคนสร้างมันขึ้นมาใหม่ให้ผมนะครับ โจ คยูฮยอน...”

     

     

    The End

     




     

    Talk*

    เรื่องนี้มาไวมาก มันเกิดจากการที่เราติดละครง่ะ น้าวีน้องเมย์ ฟิคจึงงอกมาเป็นแบบนี้ น้าซีวอนน้องคยูฮยอน โอเครนะ ชอบมั้ยยยยยยยยยยยยยยยย 55555555555555555 
    ### ต้องขอโทษด้วยที่ลงฟิคเรื่องนี้ช้านะ แต่งไปไม่พอใจสักที T^T สำหรับรวมเล่มที่ล่าช้าจะเร่งมือให้เร็วที่สุดค่ะ ขอโทษจริงๆ ค่ะ T_________T

     

                

    :)  Shalunla
     
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×