คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : Heaven Ivy. -9- หนทางที่ต้องเลือก
Heaven Ivy.
-9-
“สงสัยกำยานกลิ่นกระดังงาคงทำงานดีไปหน่อย”
เสียงหวานๆ นั่นว่า คยูฮยอนหันไปสบตาไกด์สาวอย่างนึกฉงนเมื่อเดินมาถึงรถอีโก้คาร์คันเล็กซึ่งจอดเทียบท่ารออยู่หน้าโรงแรม ซานดาร่าลอบยิ้มขำครั้นเห็นแววประหลาดใจเสียเต็มประดา หญิงสาวร่างเล็กเหลือบมองชายหนุ่มอีกคน รายนั้นดูท่าทางสบายอารมณ์กว่าใคร หล่อนไม่ได้ให้ความกระจ่างแก่หนุ่มน้อยผิวขาวในตอนนี้ ดาร่าหมุนตัวเดินอ้อมไปยังประตูรถฝั่งคนขับ เข้าไปนั่งประจำที่ ผิดแต่ครั้งนี้คยูฮยอนกลับเลือกจับจองที่นั่งข้างคนขับโดยปล่อยให้องค์รัชทายาทแห่งเกาหลีตีหน้าถมึงทึงอยู่ที่เบาะหลังเพียงลำพัง
“คุณดาร่าหมายความว่ายังไง...กำยานกลิ่นกระดังงา?” ไม่วายจะเซ้าซี้หล่อน ดาร่าแย้มยิ้มมุมปากพลางสตาร์ทรถพร้อมกับขับออกจากหน้าโรงแรม พร้อมกันนั้นยังได้ยินเสียงถอนหายใจเฮือกแล้วเฮือกเล่าจากเจ้าของใบหน้าหล่อจัด
“กำยานกลิ่นกระดังงา...ช่วยทำให้ผ่อนคลาย ปลอดโปร่งแล้วก็... เกิดอารมณ์รักวาบหวามได้ง่ายขึ้น ส่วนใหญ่ทางโรงแรมมักนำไปไว้ในห้องสำหรับคู่รักทั้งนั้น...ถือเป็นเรื่องปกติค่ะ”
“ครับ?” ลูกทัวร์หน้าแมวเบิกตานิดเมื่อได้รับคำตอบอันชัดเจน
“สาเหตุที่พวกคุณต้องยกเลิกโปรแกรมการท่องเที่ยวเมื่อวาน...เป็นเพราะกำยานเจ้าปัญหาสินะคะ”
“ถึงว่าล่ะ...หยุดไม่ได้สักที”
“คุณชีวอน!!”
คนที่พูดเรื่องลับเฉพาะได้อย่างหน้าตาเฉยไม่ได้สนใจเสียงทักท้วงเลยสักนิด เด็กหนุ่มซบใบหน้าลงบนฝ่ามือของตนเองด้วยความเขินอายระคนจนใจ นึกหงุดหงิดเสียงหัวเราะต่ำๆ นั่นชอบกล เพียงแค่ทำให้ทริปการท่องเที่ยวที่ไกด์สาวร่างมาเป็นดิบดีพังไม่เป็นท่าแล้ว นี่องค์รัชทายาทยังทำเหมือนเรื่องอย่างว่าเป็นเรื่องที่ควรพูดต่อหน้าใครต่อใครง่ายๆ เช่นนั้นหรือ นึกจะแกล้งกันแบบนี้...โจ คยูฮยอนอาจต้องพิจารณาพฤติกรรมผู้ชายขี้แกล้งคนนี้เสียใหม่
เพื่อที่เขาจะได้ไม่ตามใจอีกคนให้เสียนิสัยน่ะสิ!
แม้จะได้ยินเสียงคนตัวโตกระซิบบอกให้ดาร่าจอดรถเพื่อให้เขากลับไปนั่งที่เบาะหลังอยู่เนืองๆ แต่หนนี้คยูฮยอนแสร้งหูทวนลมไปเสีย เห็นทีว่าการให้องค์รัชทายาทเอาแต่ใจกับเขามากๆ อาจส่งผลเสียต่อเขามากกว่าเดิมเป็นแน่ (แม้ความจริงจะเสียอะไรต่อมิอะไรไปมากแล้วก็ตาม!) เด็กหนุ่มส่งสายตาไปหาไกด์สาวเป็นการบอกเป็นนัยๆ ว่าไม่อยากเปลี่ยนที่นั่งไปนั่งข้างคนขี้แกล้งในตอนนี้ ดาร่าอาจเห็นใจเขาถึงได้อมยิ้มเล็กๆ ปฏิเสธเสียงนิ่มว่าอีกไม่นานจะถึงที่หมาย...คงไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนที่นั่งให้เสียเวลา
ใบหน้าหล่อเหลาขมวดคิ้วขึง พ่นลมหายใจแรงๆ ราวกับเด็กถูกแย่งของเล่น
“น่าจับตีก้นซะให้เข็ด” บ่นพำลอยตามลมให้คนฟังตวัดตามอง อยากจะอ้าปากเถียงสักหน่อย แต่เพราะเรียวคิ้วหนาที่เลิกคิ้วยียวนกวนอารมณ์เช่นนั้น คยูฮยอนก็พอจะรู้ว่างานนี้ใครเหนือชั้นกว่า...
ลูกแมวจะไปสู้อะไรกับราชสีห์!!!
“อ่า...ถึงพอดีเลย นึกว่าลูกแมวจะโดนแกล้งอีกแล้วซะอีก”
ดาร่าหัวเราะแผ่วครั้นจอดรถนิ่งสนิทเมื่อถึงจุดหมาย หล่อนเปิดประตูลงจากรถในขณะที่ลูกทัวร์พิเศษทั้งสองยังคงแง่งอนใส่กันได้อย่างน่ารัก ทั้งที่เมื่อคืนวานถูกฤทธิ์กำยานกลิ่นกระดังงาเล่นงานจนกระทั่งแผนทัวร์ถูกยกเลิกแท้ๆ เบื้องหน้าพวกเขาคือบ้านไม้ขนาดกลางชั้นเดียวซึ่งมีรูปร่างผสมผสานสถาปัตยกรรมกึ่งพื้นเมือง มีความเป็นบาหลีกระนั้นก็มองดูคล้ายกับได้รับอิทธิพลตะวันตก สองลูกทัวร์แปลกใจกับสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้ เกิดความข้องใจว่าบ้านหลังนี้มีความน่าสนใจอย่างไร
“ที่นี่คืออะไรหรอครับ?” ยังคงเป็นเด็กหนุ่มขี้สงสัยเช่นเคยที่เอ่ยถาม
“นี่คือพิพิธภัณฑ์บ้านเลอมาเยอร์ค่ะ ความจริงแล้วเมื่อก่อนเคยเป็นบ้านของศิลปินชาวเบลเยี่ยม เขาเดินทางมาเที่ยวที่เกาะบาหลี กระทั่งแต่งงานกับหญิงนางรำชาวบาหลีและใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านหลังนี้ตลอดชีวิต เมื่อเขาตายไป...ต่อมาผู้ที่ชื่นชอบงานศิลปะ รวมไปถึงทางการจึงปรับเปลี่ยนบ้านหลังเล็กๆ นี้เป็นพิพิธภัณฑ์ เรียกง่ายๆ ว่าเป็นอาร์ตแกลลอรี่ก็ได้ค่ะ แทคยอนเล่าว่าคุณชีวอนมีความสนใจเรื่องศิลปะ ฉันเลยตัดสินใจพาพวกคุณมาเยี่ยมชมที่นี่ ก่อนเราจะขึ้นเรือไปดูปลาโลมากัน”
ดาร่าอธิบายประวัติโดยคร่าวก่อนจะเดินนำเข้าไปในตัวบ้าน พิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีชายชาวบาหลีเป็นผู้ดูแล ไกด์สาวทักทายชายผู้นั้นด้วยภาษาพื้นเมือง คยูฮยอนเงยหน้ามองบ้านหลังนี้ด้วยความรู้สึกแปลกประหลาดในใจ...
มันเหมือนอบอวลไปด้วยความรัก... เขารู้สึกได้
“อยากมีบ้านแบบนี้ไหมล่ะ” เสียงทุ้มกระซิบเอ่ยข้างหู เหลือบสายตามองเจ้าของดวงตาวาวระยับ น้ำเสียงในคำถามมีบางอย่างแอบซ่อน “บ้านหลังเล็กๆ ที่มีแค่ฉันและเธอน่ะ”
“เรื่องนี้คุณควรไปขออนุญาตพี่ดงกันก่อนดีไหมครับ” แสร้งตอบยียวนพลางหลบสายตากรุ้มกริ่ม และการที่คยูฮยอนยกชื่อพี่ชายมาแบบนี้...ก็ไม่ได้ช่วยให้องค์รัชทายาทจอมเอาแต่ใจรู้สึกสะทกสะท้านสักเท่าใด
“เลยเถิดมาขนาดนี้...คงไม่ต้องขออนุญาตให้เสียเวลาแล้วมั้ง”
“คุณชีวอนได้เจอพี่ดงกันคิดบัญชีย้อนหลังแน่!”
“อะแฮ่ม...เข้ามาในบ้านได้แล้วค่ะ งานศิลปะรอให้พวกคุณเข้าไปชมอยู่นะคะ”
หญิงสาวสามารถช่วยไม่ให้ลูกแมวถูกแกล้งได้อีกครา...ดาราอมยิ้มเอ็นดู มองลูกทัวร์ก้าวเดินเข้ามาในบ้านซึ่งแน่นอนว่าร่างโปร่งบางสาวเท้าฉับๆ มายืนข้างหล่อนในทันที ใบหน้าน่ารักนั้นแอบถอนหายใจนิดหน่อยแต่แก้มนวลกลับซับสีระเรื่อ เหลือบตามององค์ชายแห่งเกาหลีก็พบว่าเขากำลังยิ้มร่าราวกับถูกใจในท่าทางเก้อเขินของเด็กหนุ่มเต็มประดา
“ผู้หญิงคนนี้เป็นภรรยาศิลปินเจ้าของบ้านใช่ไหมครับ”
“อ้อ...ใช่แล้วค่ะ ในบ้านหลังนี้ยังมีอีกหลายภาพของเธอนะคะ หลากหลายอิริยาบถเหมือนเธอเป็นเพียงนางแบบคนเดียวและหนึ่งเดียวในชีวิตของเขา”
คยูฮยอนหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าภาพวาดสีน้ำมันซึ่งเป็นภาพของหญิงสาวนางรำแต่งกายด้วยเครื่องประดับ และผ้านุ่งลวดลายสวยงาม ใบหน้าของเธอสะสวยในแบบหญิงชาวบาหลี เรือนผมดำสนิทยาวสลวย ผิวสีน้ำผึ้งเช่นเดียวกับสีดวงตาของเธอ คิ้วโก่งเข้ม เรียวปากแดงรูปกระจับ ไหนจะทรวดทรงเว้าโค้งน่าหลงใหล...ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเธอถึงได้ทำให้ศิลปินเจ้าของบ้านหลงรักและปักหลักอยู่ที่บาหลีกระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิต
“มีใครเคยติดต่อซื้อภาพพวกนี้ไหมครับ...ศิลปินคนนี้จัดว่าฝีมือดีมาก ดีเยี่ยมเลยก็ว่าได้” องค์ชายชีวอนเอ่ยถามอย่างสนใจ เขากวาดสายตามองรูปภาพรอบตัว แต่ทุกภาพล้วนเต็มไปด้วยพลังบางอย่างที่เขารู้สึกได้ มันเต็มไปด้วยจิตวิญญาณ ความรักและความพิถีพิถันกว่าสีและลายเส้นต่างๆ จะลงตัว ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาชื่นชมผลงานแทบทุกชิ้น
“เจ้าของบ้านไม่ประสงค์ขายงานชิ้นไหนค่ะ คนที่รับช่วงต่อดูแลบ้านหลังนี้แค่ต้องการให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาชมผลงานเท่านั้น นอกจากภาพวาดเหล่านี้แล้ว...ที่นี่ยังเก็บรักษางานแกะสลักทองไว้ด้วย พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นเหมือนภาพสะท้อนของบาหลีในสายตาชาวต่างชาติซึ่งรักและหลงใหลเกาะสวรรค์เล็กๆ แห่งนี้ยังไงล่ะคะ”
“ความจริง...ผมว่าบ้านหลังนี้เป็นเหมือนอนุสรณ์ความรักระหว่างศิลปินคนนี้และหญิงนางรำเสียมากกว่า แล้วมันก็ทำให้ผมรู้สึกว่าที่แห่งนี้มันเต็มไปด้วยความทรงจำของทั้งคู่จริงๆ”
“คุณคยูฮยอนพูดถูกเลยค่ะ...ที่นี่มันเต็มไปด้วยความรัก มันอบอวลอยู่เสมอแม้ทั้งเขาและเธอจะจากโลกนี้ไปแล้วก็ตาม”
RRRRRR
เสียงโทรศัพท์ส่วนตัวของดาร่าแผดเสียงขัดช่วงเวลาแห่งการดื่มด่ำศิลปะ หล่อนย่นหัวคิ้วแปลกใจก่อนจะขอตัวออกไปรับโทรศัพท์ข้างนอก ได้แต่ปล่อยให้ลูกทัวร์ชมภาพวาดไปพลางๆ ไม่นานเธอสืบเท้ากลับมาภายในตัวบ้านพร้อมยื่นโทรศัพท์ให้แก่ชายหนุ่มราวกับมีคนบางคนรอพูดสาย
“แทคยอนโทร.มาค่ะ และน้องชายของคุณก็รอสายอยู่”
“ครับ? คุณหมายถึงซูโฮ”
“ค่ะ” เขานึกประหลาดใจเมื่อจู่ๆ น้องชายตัวดีโทร.มาหา ทั้งที่เอ่ยปากว่าตลอดทริปท่องเที่ยวจะไม่รบกวนใดๆ ชีวอนแนบโทรศัพท์ข้างหูและเสียงในสายซึ่งตอบกลับมาในทันทีก็ทำเอาองค์รัชทายาทแห่งเกาหลีเบิกตาด้วยไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
“ท่านพ่อฟื้นแล้วครับ! และตอนนี้ท่านพ่อต้องการให้พี่ชีวอนกลับมาที่เกาหลีให้เร็วที่สุด”
การท่องเที่ยวที่บาหลีใต้จบลงทั้งที่ยังไม่ทันได้ทำตามแผนการท่องเที่ยวทั้งหมด แม้จะเสียดายแต่องค์รัชทายาทชีวอนไม่อาจขัดคำสั่งของผู้เป็นพ่อได้ หากท่านต้องการให้เขากลับไปในตอนนี้ จะหาเหตุผลมาอ้างอย่างไรก็คงไม่เข้าที เขาซึ่งเปรียบเสมือนบุตรแห่งสวรรค์ที่เชื่อฟังบิดามาตลอด และไม่คิดทัดทานหรือต่อต้านผู้ให้กำเนิดแต่อย่างใด ไม่ควรขัดเจตนาของท่านโดยไร้สาเหตุ พวกเขาเอ่ยลาไกด์สาวอย่างซานดาร่า ปาร์ค และได้แต่ขอโทษที่ทำให้แผนการท่องเที่ยวทุกอย่างพังไม่เป็นท่าอีกรอบ ถึงอย่างนั้นการใช้ชีวิตอยู่ที่เกาะบาหลีโดยไม่มีใครล่วงรู้สถานะที่แท้จริงได้ถึง 4 วัน 3 คืน ดูจะคุ้มค่าเกินไปเสียด้วยซ้ำ
สำหรับโจ คยูฮยอน...ทุกอย่างมันเกิดขึ้นรวดเร็วยิ่งกว่าความฝัน เมื่อหลายวันก่อนเขาใช้ชีวิตอยู่บาหลีและครองความเป็นตัวของตัวเองได้มากที่สุด แต่ในวินาทีนี้เขากลับมายืนอยู่ภายในพระราชวังอันใหญ่โตกลางกรุงโซลอีกครั้ง หากแต่หนนี้แปลกออกไปที่...องค์ราชากลับมาประทับที่นี่และสิ่งล้ำค่าจากพยองอันก็ไม่อาจคิดว่าชายผู้ปกครองประเทศได้อย่างเข้มแข็งผู้นั้นจะมองบรรณาการเช่นเขาด้วยสายตาเช่นไร
เด็กหนุ่มกังวล...ความกลัวค่อยๆ แผ่ซึมเข้ามาในจิตใจ
ในขณะที่ร่างโปร่งเก็บตัวอยู่ภายในตำหนักรอง เขาได้แต่หวังว่าองค์รัชทายาทคงไม่ถูกองค์ราชาเอ็ดเรื่องที่หนีเที่ยวไปโดยพลการ ทีแรกองค์ชายเล็กซูโฮเข้ามาถามไถ่เขาเล็กๆ น้อยๆ เห็นสีหน้าของเด็กชายไม่สู้ดีเท่าไหร่คล้ายกับเพิ่งจะถูกดุมาหมาดๆ แต่แล้วกลับต้องถูกเรียกตัวกลับไปเข้าเฝ้าบิดาดังเดิม หนุ่มน้อยตัวขาวถอนหายใจด้วยอารมณ์หลากหลายซึ่งอัดแน่นอยู่ภายในอก เหตุใดคยูฮยอนถึงได้รู้สึกว่าองค์ราชามีบางอย่างที่เขาต้องกลัว...เหตุใดคยูฮยอนถึงรู้สึกไม่อยากออกไปพบเจอผู้ใดนอกจากองค์ชายคนโตแห่งชเวแต่เพียงผู้เดียว
นั่นเพราะคยูฮยอนมั่นใจว่าวงแขนอบอุ่นนั้นสามารถโอบอุ้มเขาให้ปราศจากความรู้สึกเช่นนี้ได้
ก๊อก...ก๊อก
เสียงเคาะประตูอย่างเป็นจังหวะทำให้เด็กหนุ่มหลุดจากภวังค์ จำต้องก้าวลงจากเตียงเพื่อไปเปิดประตูให้แก่ผู้มาเยือน...แน่นอนว่าตำหนักรองแทบไม่เปิดต้อนรับใครนอกจาก แม่นมยองจา องค์ชายเล็กซูโฮ และองค์รัชทายาทเท่านั้น
“ว่าไงจ้ะ” แต่ดูเหมือน...สิ่งที่คยูฮยอนนึกไว้จะผิดถนัด ในเมื่อร่างที่ยืนอยู่เบื้องหน้าของเขาครั้นเปิดประตูออกไปคือ... คิม ยูอี ใบหน้าของเธอยังคงเต็มไปด้วยความหยิ่งผยองเช่นเคย เรียวปากซึ่งเคลือบด้วยลิปสติกสีสวยอมยิ้มบางราวกับเธอปิดซ่อนเรื่องน่ายินดีไว้ภายในใจ
“คุณยูอีมีเรื่องอะไรกับผมหรือครับ?” เขาเอ่ยถามอย่างใจเย็น
“เที่ยวสนุกไหมล่ะ?” หากสิ่งที่เธอตอบกลับกลายเป็นคำถามยอกย้อน ไหนจะท่าทีเย้ยหยันซึ่งแสดงออกอย่างชัดเจน คยูฮยอนเงียบและเลือกที่จะไม่เอ่ยปากใดๆ นั่นทำให้คุณหนูตระกูลคิมเค้นหัวเราะพลางยกเรียวแขนขึ้นกอดอก
“ถ้าคุณไม่มีเรื่องอะไร...ผมจะขอพักผ่อน”
“ดงกันไม่เคยบอกฉันเลยนะ...ว่าน้องชายของเขาเด็ดใช่ได้ มิน่า...ชีวอนถึงได้พาคุณหนีไปเที่ยวไกลขนาดนี้” ชื่อของบุคคลที่สามทำให้คยูฮยอนซึ่งกำลังจะปิดประตูห้องชะงักการกระทำ หมายความว่ายูอีรู้จักกับพี่ชายของเขาด้วยอย่างนั้นหรือ? ร่างโปร่งไม่ได้สนใจคำพูดที่เธอดูแคลนเขา ทว่าเลือกที่จะสนใจชื่อของพี่ชายต่างมารดาซึ่งหลุดออกมาจากปากเธอต่างหาก
“พี่ดงกัน?”
“หึ...ฉันไม่พูดเรื่องอดีตให้ใครฟังหรอกนะ ไว้ไปถามพี่ชายคุณเองล่ะกัน แต่เรื่องปัจจุบันนี่สิ...” เธอยิ้มเยาะพลางตวัดสายตามองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า นั่นทำให้เด็กหนุ่มกำหมัดแน่น
“....”
“ใครจะคิดว่าองค์ราชาจะพระอาการดีขึ้นถึงเพียงนี้ นั่นก็แสดงว่าพิธีอภิเษกจะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้า...อาจต้องหมดเวลาสำหรับเครื่องบรรณาการแล้วล่ะ”
“ผมถามจริงเถอะครับ ในสมองของคุณคิดแต่เรื่องพิธีอภิเษกหรือไง...สิ่งที่คุณควรดีใจที่สุดคือองค์ราชาหายประชวรแล้วต่างหาก” บริภาษกลับไปทันควันเมื่อท่าทีของเธอดูจะไม่ยี่หระในคำพูด ในขณะที่คนทั้งประเทศดีใจที่องค์ราชาหายจากอาการประชวรได้อย่างปาฏิหาริย์ แต่คิม ยูอี กลับดีใจจนเนื้อเต้นเพราะเธอกำลังจะได้กลายเป็นเจ้าสาวในเร็ววัน... หัวใจของผู้หญิงคนนี้ก่อกำเนิดจากอะไรกันแน่ หรือแท้จริงแล้ว เธอไม่เคยมีหัวใจกัน!
“คู่หมั้นอย่างฉัน...ย่อมมีสิทธิ์ที่จะคิดเรื่องนี้เพราะฉันมีคุณสมบัติครบครันไม่เหมือน...เครื่องบรรณาการมนุษย์อย่าง โจ คยูฮยอน ฉันจะบอกอะไรให้นะ...ร่างกายที่มันทำหน้าที่ได้แค่ปรนเปรอความอยาก มันคงไม่หลงเหลือศักดิ์ศรีแล้วล่ะมั้ง... หนุ่มน้อยพยองอัน”
“คุณพูดพอหรือยัง?” นัยน์ตาสีดำสนิทจดจ้องดวงหน้าสวยได้รูปโดยไม่นึกกริ่งเกรง คยูฮยอนคิดว่าตนรับฟังคำพูดของเธอมามากพอแล้ว หลายครั้งที่เธอพูดจาดูถูกเขาได้อย่างเจ็บแสบ
อาจไม่สาใจกระมัง...คนที่มีตำแหน่งเป็นถึงว่าที่ราชินีไม่หยุดปากไว้แต่เพียงเท่านี้
“ฉันน่ะ...แค่อยากบอกให้คุณเลิกหวังลมๆ แล้งๆ ได้แล้ว...เตรียมเก็บเสื้อผ้ากลับพยองอันเถอะนะ” ไม่ว่าเปล่า เธอยื่นมือมาตบเบาๆ ที่หัวไหล่ของเขาเสมือนปลอบใจ แต่รอยยิ้มไร้ความจริงใจไม่เคยทำให้คยูฮยอนรู้สึกว่ายูอีควรค่าแก่ตำแหน่งที่เธอหมายมั่นปั้นมือเลยสักนิด
“ถ้าอย่างนั้น...ผมก็อยากบอกอะไรคุณไว้เหมือนกัน สำหรับคุณตำแหน่งราชินีคงมีความสำคัญกับชีวิตคุณมาก แต่สำหรับผมมันไม่ใช่... ถ้าหากคุณได้ตำแหน่งนั่นไปนอนกอด ผมไม่เสียใจหรอกครับ เพราะคนที่ผมได้นอนกอดทุกคืน...คือองค์รัชทายาทชีวอนต่างหาก แต่ที่สำคัญยิ่งกว่า... ผมจะยืนอยู่เคียงข้างเขาในวันที่เขาอ่อนแอ ไม่ใช่วันที่เขาได้เป็นกษัตริย์” เขากล่าวชัดถ้อยชัดคำ ดวงตาไม่มีแววสั่นไหว คยูฮยอนสังเกตเห็นหญิงสาวขบกรามคล้ายกับใกล้จะหมดความอดทน เธอตวาดเสียงลั่นเสียจนไม่เหลือคราบคู่หมั้นผู้แสนดี
“ฝันกลางวันอยู่หรือไง!”
ใบหน้าของเด็กหนุ่มปรากฏรอยยิ้มพิศุทธิ์ ไร้แววมาดร้ายด้วยสิ่งที่พูดล้วนกลั่นกรองออกมาจากส่วนลึกในจิตใจทั้งสิ้น
“ผมไม่มีความจำเป็นต้องพูดเรื่องแบบนี้ให้คุณฟังหรอกครับ คุณยูอีคงไม่เข้าใจในเมื่อคุณน่ะยังไม่รู้จักความรักดีพอ เพราะคุณรักใครไม่เป็น ...นอกจากตัวคุณเอง”
องค์ชายเล็กซูโฮไม่เคยคิดว่าตนต้องมานั่งเครียดในสถานการณ์เช่นนี้...จวบจนเมื่อเขาเข้าไปมีส่วนร่วมที่ทำให้พี่ชายตนเองถูกผู้เป็นพ่อติเตือนว่าเอาแต่เที่ยวเล่น นึกสนุกไม่สมกับเป็นองค์รัชทายาทลำดับที่ 1 แห่งเกาหลี...เด็กชายเหลือบสายตามองเจ้าของใบหน้าคมสันซึ่งไม่แสดงสีหน้าใดๆ นอกจากความนิ่งเฉยราวรูปปั้นสลัก พี่ชายคนนี้ถึงจะเอาแต่ใจกับบรรณาการจากพยองอันมากเพียงไร แต่กับบิดาบังเกิดเกล้า...แทบจะไม่มีสักครั้งที่นึกขัดคำสั่ง ความเย็นชาในตัวรวมไปถึงท่าทีดั่งไร้หัวใจล้วนเป็นภาพที่ถูกสร้างขึ้นมาทั้งสิ้น
“บอกพ่อมาสิว่าทำไมถึงได้บินไปเที่ยวไกลถึงบาหลีในตอนที่บ้านเมืองกำลังเผชิญความวุ่นวาย”
องค์ราชาแทซันว่าด้วยน้ำเสียงราบเรียบทว่ากลับฟังดูมีอำนาจโดยไม่จำเป็นต้องเปล่งเสียงให้ดังกังวาน ชายวัยกลางคนกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง ใบหน้าซูบผอมไปเล็กน้อยจากการหลับไม่ได้สติด้วยอาการประหลาดไปเกือบ 2 เดือน อย่างไรก็ดีกลับหลงเหลือความอ่อนเพลียไว้ไม่มาก และแม้จะเพิ่งหายป่วยแต่หน้าที่ความเป็นกษัตริย์ทำให้ชายผู้นี้ต้องลุกขึ้นจากความอ่อนแอ ถึงความเป็นจริงร่างกายอาจไม่สมบูรณ์มากเท่าที่ควรก็ตาม
องค์ราชาขมวดคิ้วขึงขณะรอฟังคำตอบจากลูกชาย
“ลูกคิดว่าตนเองควบคุมสถานการณ์ได้...ทุกอย่างยังไม่รุนแรงมาก”
“แล้วถ้าเกิด...บ้านเมืองเกิดความอลหม่านในตอนนี้ลูกอยู่ที่บาหลีล่ะ...ใครจะคอยปกป้องประชาชน” สิ่งที่ผู้เป็นพ่อพูดเป็นความจริงและเขาไม่อาจโต้แย้งใดๆ สีหน้าขององค์รัชทายาทเปลี่ยนไปเล็กน้อย อาจเรียกได้ว่ากำลังสำนึกผิด
“ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ครับ” องค์รัชทายาทชีวอนโค้งศีรษะขออภัยแด่บิดาอยู่นาน กระทั่งเด็กชายแย้งขึ้นเพราะรู้เต็มอกว่าตนมีส่วนผิดในเรื่องนี้เต็มประตู
“แต่ท่านพ่อครับ...ลูกผิดเองต่างหากที่เสนอให้พี่ชีวอนไปเที่ยวพักผ่อน” ดวงตาคมเข้มซึ่งได้รับการทอดแบบมารุ่นสู่รุ่นจับจ้องไปยังลูกชายคนเล็ก องค์ราชาแทซันถอนหายใจแผ่วเบาครั้นมองสีหน้าคล้ายลูกแมวขี้กลัว
“พ่อรู้แล้ว ลูกบอกพ่อเช่นนี้ตั้งแต่ชีวอนยังไม่ทันกลับมาจากบาหลีด้วยซ้ำ เอาเถอะ...เรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่...เรื่องเครื่องบรรณาการมนุษย์นั่นล่ะ มันเกิดขึ้นได้อย่างไร”
“ลูกยืนยันได้ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่ท่านพ่อจะต้องกังวล” บอกปัดเหตุผล เนื่องด้วยไม่อาจเล่าความเป็นไปทุกอย่างได้เต็มปากเต็มคำ นั่นเพราะองค์ชายคนโตแห่งชเวไม่ต้องการให้ใครอีกคนเดือดร้อน ได้แต่นึกโทษความดื้อรั้นและอยากจะเอาชนะที่เคยมีอยู่มากล้น โดยเฉพาะการนำเอากฎเก่าของพระราชสำนักเพื่อดึงหนุ่มน้อยจากแดนไกลก้าวเข้าสู่ชีวิตภายในวัง
“แต่บรรณาการคนนั้นก็ทำให้องค์รัชทายาทแห่งเกาหลีเสียงานเสียการไม่ใช่หรือ?”
“ท่านพ่อ...เรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวของลูก” ยืนยันหนักแน่นเสียจนคนเป็นพ่อเลิกคิ้วมองด้วยความฉงนใจ
“อย่างไรเสีย...พ่อให้โอกาสลูกจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อยก่อนสื่อภายนอกจะรับรู้ ส่วนเรื่องพิธีอภิเษกกับยูอี...ก็เตรียมงานได้แล้ว พ่อเชื่อว่างานอภิเษกจะสามารถลดความตึงเครียดของประชาชนไปได้บ้าง”
“ลูกจะถอนหมั้นกับยูอี” ชายหนุ่มตระหนักได้ในทันทีว่าตนกำลังตกที่นั่งลำบาก เขารีบท้วงโดยไม่สนใจว่านี่อาจเข้าข่ายขัดคำบัญชาของบิดา
“ทำไมถึงคิดจะมาถอนหมั้นเอาตอนนี้...หรือเพราะบรรณาการจากพยองอัน”
“แท้จริงเพราะลูกไม่เคยคิดจะสานสัมพันธ์กับยูอีเลยต่างหาก ลูกแค่อยากให้เธอได้เจอคนที่ดีมากกว่าลูก...” เกิดความเงียบชั่วขณะครั้นชายหนุ่มแจกแจ้งเหตุผล องค์ราชาแทซันวางทีนิ่งสงบ...เฝ้ามองดวงตาสีเข้มซึ่งฉาบไปด้วยความมาดมั่น ฉายชัดความจริงดั่งที่ประกาศกร้าว
“หน้าที่ขององค์รัชทายาทคืออะไร ลูกน่าจะรู้ดี...หากคิดถึงความสุขของตนเองก่อน ลูกจะปกครองประเทศได้อย่างไร ความเหมาะสมด้วยประการทั้งปวงของลูกก็คือ...คิม ยูอี ไม่ใช่...บรรณาการจากแดนไกลคนนั้น”
เกิดความเปลี่ยนแปลงบางอย่างภายในพระราชวังตั้งแต่องค์ราชากลับมา...เดาได้ไม่ยากนักว่าความเปลี่ยนแปลงที่ว่าคงไม่พ้นเรื่อง...พิธีอภิเษกสมรส...
เด็กหนุ่มแทบจะไม่ได้พบหน้าองค์รัชทายาทชเว ชีวอนเลยกระทั่งย่างเข้าเกือบสัปดาห์ แม่นมยองจาเป็นผู้นำอาหารในแต่ละมื้อมาส่งให้เขาถึงเรือนรับรอง หญิงชราได้แต่บอกเป็นนัยๆ ว่าอีกคนกำลังเครียดและไม่ต้องการให้เขาได้รับความเดือดร้อน ดูเหมือนเกิดปัญหายุ่งเหยิงเพราะพ่อแม่ของคิม ยูอีเร่งรัดเรื่องพิธีอภิเษก รวมถึงไม่ฟังคำทัดทานใดๆ จากองค์ชายชีวอน องค์ราชาแทซันคือผู้ที่ควบคุมความเป็นไปในวังได้อยู่มือ... แม้แต่ชายหนุ่มที่แสนจะเอาแต่ใจกับเขายังต้องศิโรราบต่อผู้เป็นบิดา
แน่นอน...องค์ราชาย่อมไม่มีวันเข้าใจหัวอกเครื่องบรรณาการมนุษย์ ชายผู้นั้นไม่แสดงทีท่ารังเกียจก็จริง หากการเมินเฉยหรือมองเขาเป็นเพียงอากาศธาตุ ราวกับโลกของโจ คยูฮยอนถูกแยกออกจากคนของราชวงศ์ชเวอย่างสิ้นเชิงเช่นนั้น เสมือนเป็นการช่วยตอกย้ำฐานะของบรรณาการมนุษย์ว่ามีหน้าที่เพียงบำเรอเชอภักดิ์องค์รัชทายาทและไร้ซึ่งสิทธิ์เสียงเรียกร้องใดๆ
ค่ำคืนนี้ยังคงเป็นอีกคืนที่เงียบสงัด เผลอๆ อาจมากกว่าทุกวันที่ผ่านมา มันกระตุ้นบรรยากาศของความเหงาได้อย่างร้ายกาจ เจ้าของร่างโปร่งบางพยายามทุ่มสมาธิทั้งหมดให้กับการอ่านหนังสือเล่มโปรด ซึ่งแท้จริง...คยูฮยอนไม่อาจทำดั่งที่ตั้งใจไว้ได้เลย เด็กหนุ่มตัดสินใจทิ้งตัวลงบนเตียงพลางหลับตาข่มความฟุ้งซ่านที่กำลังก่อกวนจิตใจ แต่ทุกอย่างเป็นอันศูนย์เปล่า ในเมื่อเตียงหลังนี้คือความทรงจำที่เขาได้มอบความบริสุทธิ์และหัวใจแห่งความสัตย์จริงให้แก่องค์รัชทายาท
จะปฏิเสธได้อย่างไรว่าเขากำลังคิดถึงเจ้าของสัมผัสละมุน คิดถึงอ้อมกอด คิดถึงรสจูบ
คิดถึงชเว ชีวอน...
จวบจนเมื่อเสียงหัวใจเต้นตึกตักราวสิ่งที่เฝ้ารอสมความปรารถนา บรรณาการตัวขาวจากพยองอันรู้สึกได้ว่าประตูเรือนรับรองถูกเปิดออกด้วยฝีมือของใครบางคน ประสาทรับรู้จดจำได้แม้กระทั่งเสียงฝีเท้าคู่นี้เป็นของใคร ไม่ต้องมีคำทักทายใดๆ นอกเสียจากความอุ่นซ่านจากวงแขนแข็งแรง ชายหนุ่มคว้าร่างโปร่งเข้าสู่อกกำยำ กอดกระชับแนบแน่น พลางมองเสี้ยวหน้าหวานที่ยังคงปิดเปลือกตาสนิทแม้ปรายหางตาทิ้งร่องรอยหยดน้ำตาเป็นหลักฐานไว้เพียงเล็กน้อย เขาจรดริมฝีปากปลอบโยนคนในปกครองให้สมกับที่ห่างหายกันไปทั้งที่อยู่ใกล้กันแค่เอื้อม
“อยากจะนอนกอดอย่างนี้ไว้ทุกวัน ทุกคืน...และตลอดไป” กระซิบแผ่วริมหู ครั้งนี้องค์รัชทายาทแปลกไปเสียจนคยูฮยอนนึกหวั่นใจ
“...”
“เหนื่อยบ้างไหมคยูฮยอนที่ต้องทนอยู่แบบนี้”
“กระหม่อมต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายถามองค์ชาย...” เด็กหนุ่มลืมตามองรูปหน้าคมคายพลางไล้เรียวนิ้วไปตามแนวสันกราม จ้องลึกเข้าไปภายในดวงตาที่เคยแข็งกร้าวไม่น่ามอง หากเวลานี้...คยูฮยอนกลับหลงใหลนัยน์ตาทรงเสน่ห์คู่นี้จนแทบถอนตัวไม่ขึ้น ทั้งยังถลำลึกไม่มีที่สิ้นสุด
“ฉันไม่เคยเหนื่อยแค่มีเธออยู่ข้างๆ รู้ไหม... ตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมา ฉันตระหนักได้ว่าฉันน่ะต้องตายแน่ๆ ถ้าหากขาดเธอไป”
“...กระหม่อมทราบดี เพราะกระหม่อมเองก็ทรมาน”
“มันถึงเวลาที่เรื่องของเรามันควรเดินไปในทิศทางที่ถูกต้องสักที”
“องค์ชายหมายความว่ายังไง?” คนอ่อนวัยกว่าย่นหัวคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ วงหน้าคมเข้มขรึมลงพร้อมกดจูบลงบนเรือนผมอย่างนึกถนอม
“หนีไปที่พยองอันกันเถอะ...ฉันต้องการสละตำแหน่งองค์รัชทายาท และเธอก็ไม่ควรเป็นเครื่องบรรณาการอีกต่อไป”
Talk*
แลจะน่าเบื่อนะตอนนี้... T^T
ความคิดเห็น