คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : EP7 – กอดนี้แทนคำปลอบโยน
คำพูดของแจ็คสันทำให้มาร์คใจเย็นลง
เขาตัดสินใจโทรบอกพ่อกับแม่ อย่างน้อยท่านทั้งสองก็เอ็นดูกันต์พิมุกต์ และการที่มีผู้ใหญ่รับรู้เรื่องที่เกิดขึ้นย่อมดีกว่า
จะได้มีทางออกและทางแก้ไขที่ถูกต้อง
“พี่มาร์ค น้องเป็นยังไงบ้างคะ?” ทันทีที่ท่านทั้งคู่มาถึง ก็ไตร่ถามอาการของคนด้านใน
“ยังไม่ออกมาเลยครับมี๊
ถ้าเกิดน้องเป็นอะไรขึ้นมา...พี่มาร์คคง...” มาร์คยังไม่ทันจะพูดจบทั้งพ่อทั้งแม่ก็เข้ามารุมกอด
พวกเขารู้ว่ามาร์คกำลังรู้สึกแย่...
ในตอนนี้คนที่เข้าถึงตัวกันต์พิมุกต์ได้มากที่สุด
ก็คือมาร์ค
และคนที่ทุ่มเทให้กันต์พิมุกต์มากที่สุด ก็คือมาร์คเช่นกัน...
เมื่อเกิดเรื่องขึ้นมา คนที่อ่อนไหวมากที่สุดก็ต้องเป็นมาร์คอยู่แล้ว...
“ป๊ากับมี๊รู้ว่าแกกำลังรู้สึกยังไง
แต่ถ้าอยากจะเป็นที่พึ่งให้เด็กคนนั้น ก็ต้องเข้มแข็งเข้าใจไหมไอ้ลูกชาย?”
“ครับป๊า...” มาร์คพยักหน้ารับคำ แล้วทั้งสองก็ค่อยๆคลายกอด
“อ๊ะ!? หมอออกมาแล้วมาร์ค” แจ็คสันบอก ทำให้ร่างสูงถลาไปหาหมอ
ซึ่งใบหน้าของหมอเองก็มีรอยยิ้มบางๆปรากฏอยู่ ทำให้ทุกคนรู้สึกคลายกังวลไปได้เปาะหนึ่ง
“หมอครับ
น้องของผมเป็นยังไงบ้างครับ?” มาร์คถามขึ้น
“ปลอดภัยแล้วครับ
เย็บไปสิบหกเข็มครับ หัวกะโหลกร้าวแต่อยู่ในระดับไม่รุนแรงไม่เป็นอะไรแล้วล่ะครับ”
“กะโหลกร้าวนี่หมอยังบอกไม่เป็นไรอีกเหรอครับ?” มาร์ครู้สึกว่ากะโหลกร้าวมันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เขารู้สึกไม่โอเคที่หมอบอกว่ากันต์พิมุกต์ไม่เป็นไร
“หมอบอกไปแล้วนะครับว่าอยู่ในระดับที่ไม่รุนแรง
คนเจ็บอายุยังน้อยไม่นานก็ต่อติดได้เองครับ
หมอจะให้พักดูอาการที่โรงพยาบาลสักสองคืนนะครับ ถ้าไม่มีอาการอาเจียน เซ
พูดไม่รู้เรื่องก็ไม่ต้องกังวลแล้วล่ะครับ” หมอพูดอย่างใจเย็น
“เข้าใจแล้วครับ ขอบคุณนะครับหมอ”
“ไม่เป็นไรครับ มันคือหน้าที่
หมอจะให้ย้ายคนเจ็บไปห้องพักฟื้นนะครับ เชิญญาติคนไข้ติดต่อเจ้าหน้าที่ด้วยนะว่าจะต้องการห้องพักแบบไหน
หมอขอตัวนะครับ”
“ครับ” มาร์คพยักหน้ารับคำ
หมอก็คลี่ยิ้มให้แล้วเดินหายอีกทาง
“มาร์ค
มึงจะอยู่จัดการทางนี้ใช่ไหม? กูจะได้รีบไปช่วยแจบอมจัดการไอ้เลวที่โรงเรียนก่อน” แจ็คสันที่เห็นว่ามาร์คคุยกับหมอเสร็จเอ่ยถามขึ้น
ทำให้มาร์คขมวดคิ้วเข้าหากันแทบจะทันที
“ไอ้เลว?”
“อืม แจบอมกับจินยองมันจับตัวคนทำได้แล้ว
กูจะไปผสมโรงด้วย” คำพูดนั้นทำให้มาร์ครู้สึกร้อนใจขึ้นมาทันที
เพราะเขาเองก็อยากจะไปจัดการจบเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน
“พี่มาร์คไปเถอะค่ะ”
“แต่มี๊ครับน้องยัง...”
“น้องปลอดภัยแล้ว
เรื่องโรงพยาบาลเดี๋ยวป๊ากับมี๊จัดการให้ พี่มาร์คไปทำสิ่งที่ต้องทำเถอะ” เมื่อผู้เป็นพ่อออกตัวจะจัดการเรื่องที่นี่ให้
มาร์คก็ตัดสินใจเลือกได้ชัดเจนขึ้น!
มาร์คกับแจ็คสันกลับมาที่โรงเรียนอีกครั้ง
ทั้งคู่ตรงดิ่งไปที่ห้องคณะกรรมการนักเรียนที่กำลังทำการสอบสวนคนร้ายกันอยู่
“พลั่ก!” ประตูห้องถูกเปิดอย่างแรงด้วยน้ำมือของแจ็คสัน
มาร์คเองก็เดินตามเข้ามาเงียบๆ โดยที่ดวงตาคมทำหน้าที่กวาดมองพิจารณาผู้ที่อยู่ด้านในว่ามีใครบ้าง
เพื่อนร่วมกลุ่มพี่ชายของกันต์พิมุกต์!
เขาจำไม่ผิดแน่!
พวกนี้เป็นรุ่นพี่มัธยมปลายปีสุดท้าย ที่เคยเข้าไปหาเรื่องแล้วโดนสวนกลับออกมา!
“หึ!” มาร์คยิ้มหยัน
หากแต่มันดูน่ากลัวจนคนอื่นๆในห้องมองตากันเลิกลั่ก!
“มาพอดีเลยมาร์ค
พวกเรากำลังรอฟังเหตุผลของพวกเขาอยู่พอดี” แจบอมที่กำลังนั่งหัวโต๊ะพูดขึ้น
โดยที่ไม่ละสายตาไปจากกลุ่มคนที่ทำผิดเลยแม้แต่น้อย
บางคนว่ารอยยิ้มของมาร์คเมื่อกี้ดูน่ากลัว
แต่ยังเทียบไม่ติดกับใบหน้าเรียบนิ่งดวงตาคมกริบของแจบอมที่ปรากฏยามสอบสวนผู้ทำผิด
ทั้งหมดดูเด็ดขาดและทรงอำนาจในฐานะประธานนักเรียนอย่างแท้จริง!
“ว่าไง เราจะถามอีกครั้ง
ทำไมถึงโยนกระถางใส่หัวของกันต์พิมุกต์” คราวนี้จินยองเป็นคนถาม
“มันเป็นอุบัติเหตุ
เราไม่ได้ตั้งใจ”
“หลอกควายมันยังไม่เชื่อเลย”
“แจ็คสันอย่าพูดจารุนแรง
สรุปว่านี่คือคดีร่วมกันฆ่าโดยไม่ได้เจตนา” มาร์คตำหนิแจ็คสัน
ก่อนจะพูดสรุปคดี ทำให้ทุกคนในห้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
ส่วนแจ็คสันที่รู้อาการของกันต์พิมุกต์ดีก็หันมามองหน้า
ชั่วขณะหนึ่งที่ได้สบตากัน ทำให้รู้ในสิ่งที่มาร์คต้องการเริ่ม จึงไม่มีการเอ่ยขัดอะไรใดๆขึ้นมา
“ร่วมกันฆ่า...พะ...พวกเราไม่ได้ตั้งใจนะ”
“พวกเราที่ไหน มึงคนเดียวเลยแจโอ
มึงเป็นคนโยนกระถางนั่นลงไป” ทันทีที่รู้ว่าจะมีเรื่องไม่ดีเข้าตัว
กระบวนการป้องกันตัวเองของมนุษย์ก็ทำงาม
เพื่อนในกลุ่มบางคนเริ่มโยนความผิดให้พ้นตัว
“ฮงคยู! ทำไมมึงพูดแบบนี้ล่ะ? มึงเป็นคนบอกให้กูโยนนะ มึงก็ด้วยยองคยุน!”
“แต่มึงเป็นคนโยน มึงนั่นแหละผิด!” ทั้งสามคนเริ่มเถียงกันรุนแรง มาร์คที่มองอยู่ส่ายหัวแล้วแสยะยิ้มสมเพช
บางทีการรวมกลุ่มไม่ได้เกิดจากมิตรภาพแน่นแฟ้นเสมอไป เพราะบางกลุ่มก็รวมกัน เพื่อแสดงตัวว่าตัวเองเป็นพวกแข็งแกร่งอยู่เหนือคนอ่อนแอ
การทำร้ายกันต์พิมุกต์ในครั้งนี้ปากก็บอกว่าเพื่อแก้แค้นแทนเพื่อน
แต่แท้จริงแล้วคนกลุ่มนี้ก็แค่จะโอ้อวดว่าตัวเองเป็นพวกกล้าทำ
กล้าลงมือกำจัดกันต์พิมุกต์ หวังให้คนอื่นมายกยอชื่นชม
“สรุปว่าเป็นการตั้งใจทำร้ายร่างกาย
มีการวางแผนกันล่วงหน้า ฉันส่งหลักฐานให้แล้วนะแจบอม”
“ขอบใจมาก
อาจารย์ครับหลักฐานทั้งหมดอยู่ในนี้แล้วครับ รบกวนช่วยส่งเรื่องต่อให้ตำรวจด้วยนะครับ” แจบอมที่รับหลักฐานคลิปเสียงจากมาร์คมาแล้วบันทึกลง USB ส่งเรื่องต่อให้อาจารย์ฝ่ายปกครองที่อยู่ร่วมการสอบสวน
ส่วนบรรดาผู้ทำผิดได้แต่หน้าซีดพูดไม่ออก
กว่าจะรู้ว่าเสียท่ามาร์คต้วน และพวกคณะกรรมการนักเรียนมันก็สายเสียแล้ว!
“พี่แจบอมครับ นักเรียนเข้าหอประชุมกันเรียบร้อยแล้วครับ” ยูคยอมกับยองแจที่ได้รับมอบหมายหน้าที่ไปก่อนหน้านี้
เปิดประตูเข้ามาแจ้งผล
“ดีมาก
เรื่องต่อจากนี้ให้อาจารย์จัดการ
ขอให้คณะกรรมการนักเรียนทุกคนตามไปรวมตัวกับนักเรียนคนอื่นๆในหอประชุมด้วย” แจบอมสรุปและแจ้งให้คณะกรรมการคนอื่นๆตามกลุ่มของตนเข้าหอประชุม
ทุกคนเข้าใจตรงกันว่าเรื่องที่จะแจ้งให้นักเรียนทราบโดยทั่วกันคือเรื่องของกันต์พิมุกต์
ทว่า...
สิ่งที่ปรากฏอยู่ในสายตาของทุกคนไม่ได้เกี่ยวกับกันต์พิมุกต์เลยแม้แต่น้อย!
ภาพงานศพของคนที่ไม่รู้จักถูกฉายขึ้นจอโปรเจคเตอร์
ทำให้มาร์คขมวดคิ้วเข้าหา เตรียมจะเข้าไปถามแจบอมให้เข้าใจ ถ้าไม่ติดว่าโดนจินยองที่ยืนอยู่ข้างๆรั้งแขนเอาไว้เสียก่อน
“เชื่อใจแจบอมเถอะมาร์ค
แล้วทุกอย่างจะดีเอง” คำพูดนั้นทำให้เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่
ตั้งสติให้นิ่งแล้วเชื่อใจเพื่อน ที่บัดนี้ไปยืนอยู่กลางเวทีแล้ว
“ผมประธานนักเรียนอิมแจบอม เรียกนักเรียนเข้าหอประชุมพร้อมกันในวันนี้
เพื่อให้ทุกคนทำการไว้อาลัย” แจบอมพูดพร้อมกวาดสายตามองนักเรียนคนอื่นๆด้านล่างที่มีท่าทีงุนงงต่อการไว้อาลัยแก่คนที่พวกเขาไม่รู้จัก
“ทุกคนที่ปรากฏอยู่บนจอเมื่อครู่นี้
เป็นนักเรียนเกาหลีในระดับชั้นมัธยมที่เสียชีวิตภายในสัปดาห์นี้” ทันทีที่ผู้เป็นประธานนักเรียนพูดจบ ทุกคนก็เริ่มมองหน้ากัน
ผู้เสียชีวิตในจอไม่ได้มีเพียงคนสองคนแต่มีมากกว่าสิบ
มันทำให้รู้สึกตกใจและหดหู่อย่างเสียไม่ได้
“มีคนหนึ่งเรียนอยู่โรงเรียนใกล้ๆกับเรา
ชื่อปาร์คฮานึล
มันเป็นเรื่องที่น่าเศร้าที่พอแม่ของปาร์คฮานึลเห็นศพลูกสาวตัวเองก็ช็อกและเสียชีวิตตามลูกสาวไป” ภาพบนจอถูกเปลี่ยนเป็นวีดีโองานศพของเด็กสาวปาร์คฮานึลและผู้เป็นแม่ โดยมีชายวัยกลางคนทรุดร้องไห้ตรงรูปหน้าศพของคนทั้งสองปานกำลังขาดใจ
เสียงร้องไห้นั้น ทำให้นักเรียนทั่วหอประชุมเริ่มรู้สะเทือนใจ
จนไม่มีคนใดปริปากส่งเสียงพูดอะไรใดๆขึ้นมาขัด
เว้นก็แต่นักเรียนหญิงด้านหน้าสุด ที่ดวงตาเอ่อคลอไปด้วยน้ำตาสงสารผู้สูญเสียเอ่ยถามขึ้น
“มันเกิดอะไรขึ้นคะ? ทำไมพวกเขาถึงตาย?”
“ทุกคดีของผู้เสียชีวิต
ถูกสรุปว่าเป็นการฆ่าตัวตาย” เมื่อแจบอมตอบคำถามเสียงเซ็งแซ่วิพากษ์วิจารณ์ก็เริ่มดังขึ้น
ทำให้เขากวาดสายตามองไปรอบๆอีกครั้งก่อนจะพูดต่อ
“แม้ว่าความจริงทุกคดีที่เกิดขึ้นคือการฆาตกรรม”
“!?” ประโยคล่าสุดนี้ทำให้นักเรียนค่อยๆเงียบเสียงลงอีกครั้ง
งุนงงที่ประธานนักเรียนเอ่ยขึ้นมาว่ามันคือคดีฆาตกรรม!
“ผู้ลงมือที่ชัดเจนที่สุดคือเพื่อนร่วมชั้นของผู้เสียชีวิตเอง…
เพื่อนพวกนั้นใช้การกระทำบางอย่าง รวมไปถึงคำพูดที่แตะต้องไม่ได้เป็นอาวุธ
ฟังๆดูแล้วมันอาจเหมือนเป็นการโยนความผิดใส่ร้ายป้ายสีเพื่อนร่วมชั้น ทั้งที่ผู้ตายเลือกที่จะตายเองแท้ๆ
ไม่ยุติธรรมเลยใช่ไหม?
แต่ผมอยากให้ทุกคนลองมองดูครอบครัวของผู้ตาย ที่ยังอยู่และได้รับความเจ็บปวดจากการจากไป
พวกเขาล่ะ? มันยุติธรรมตรงไหนที่ต้องสูญเสียผู้เป็นที่รัก?” นักเรียนทุกคนเงียบ โดยที่ดวงตาก็ยังคงจ้องมองวีดีโองานศพ พ่อแม่ของผู้เสียชีวิตร้องไห้จนเป็นลมล้มพับ
ดูน่าสลดน่าสังเวชบีบคั้นหัวใจคนที่เห็น
“บางทีการที่เราตัดสินและเกลียดคนอื่น
แล้วโจมตีกดดันบีบคั้นก็ทำร้ายคนไปมาก ไม่ใช่เฉพาะคนที่เป็นเป้าหมายของเรา
แต่รวมไปถึงคนรอบข้างคนใกล้ชิดกับเป้าหมายของเราด้วย
ในทางรูปคดีเราไม่ได้เป็นคนกรอกยา จับแขวนคอ กรีดข้อมือ
ก็ไม่มีตำรวจคนไหนจะสามารถเอาผิดเราได้
แต่มั่นใจไหมว่าหลังจากนี้ไป
เมื่อเรื่องนี้ผ่านไปนานวัน จนไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ เมื่ออยู่ๆวันหนึ่งเรานึกย้อนนึกถึงอดีตเรื่องที่เราเคยทำ
แล้วเราจะไม่รู้สึกผิด จะไม่รู้สึกว่าเราเคยเป็นฆาตกร
จะไม่รู้สึกว่าเราเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด
ตราบาปเมื่อมันเกิดขึ้นแล้วไม่ใช่วันสองวันแล้วจะหายไป
บางทีมันอาจจะอยู่กับเราไปตลอดชีวิต และมันจะเด่นชัดในใจเมื่อเรานึกถึงมัน
ผมไม่อยากให้ตัวผมเอง เพื่อนของผม
หรือแม้กระทั่งนักเรียนร่วมโรงเรียนต้องเป็นอย่างที่กล่าวมา
ไม่ว่าจะเป็นผู้กระทำหรือผู้ถูกกระทำ ผมจึงเรียกทุกคนเข้ามาที่นี่
ให้ทุกคนได้รับรู้ไว้อาลัยและพึงระลึกถึงว่าสิ่งใดเราควรกระทำหรือไม่ควรกระทำ
ขอบคุณนะครับ ที่ทุกคนรับฟังมาจนถึงวินาทีนี้” แจบอมเอ่ยยาว หากแต่ทุกคำพูดเด่นชัดในใจและประสาทรับรู้ของทุกคน
สองเท้าของแจบอมก้าวลงมาจากเวทีแล้วหยุดที่กลุ่มของเพื่อนๆ
ที่กล่าวบนเวทีไม่ใช่การแสดงมัน คือความจริงอันน่าหดหู่ที่เกิดขึ้น
แจบอมเองก็รู้สึกจากใจอย่างที่พูดมาทุกคำ
“ขอบใจนะแจบอม
ขอบใจที่นายช่วยหยุดเรื่องนี้”
“ฉันไม่แน่ใจว่าจะหยุดได้หรอกนะมาร์ค
แต่นี่คือทางเลือกที่ดีที่สุด
เราไม่สามารถห้ามความคิดความรู้สึกของนักเรียนคนอื่นได้
เพราะผลมันอาจไม่เป็นอย่างที่เราหวัง บางทีมันอาจเกิดการต่อต้าน
ฉันจึงเลือกทางนี้คือชี้ถูกผิด แต่ท้ายที่สุดมันอยู่ที่ตัวของนักเรียนเองว่าจะรับรู้และซึมซับไปได้มากแค่ไหน...”
“เท่านี้มันก็มากพอแล้วล่ะ
อย่างน้อยตอนนี้แบมแบมก็ไม่ได้ยืนอยู่บนโลกนี้เพียงลำพัง” มาร์คคลี่ยิ้มให้เพื่อนทุกคนด้วยความรู้สึกขอบคุณจากใจจริง
แม้ในหอประชุมจะไม่มีการเอ่ยถึงกันต์พิมุกต์เลยสักคำ
แต่มาร์คเชื่อว่านักเรียนทุกคนรู้ในสิ่งที่แจบอมกำลังบอกและเตือนทางอ้อม
แม้มันอาจจะไม่ได้ผลในทันทีทันใด
แต่เขาก็เชื่อว่าสิ่งที่แจบอมทำลงไปมันจะช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้น...
หลังจากจบเรื่องมาร์คกับเพื่อนในกลุ่มก็ตัดสินใจมาเยี่ยมกันต์พิมุกต์ที่โรงพยาบาล
แม้หมอจะบอกว่าอาการไม่มีอะไรน่าห่วง
แต่สำหรับพวกเขาแล้วถึงขั้นหัวกะโหลกร้าวมันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ
มันมากเกินไปสำหรับการกลั่นแกล้งในโรงเรียน
“ทำไมป๊ากับมี๊มายืนอยู่ตรงนี้ล่ะครับ?” คิ้วเข้มของมาร์คขมวดเข้าหากัน เมื่อเห็นพ่อแม่ยืนหน้าห้องแทนที่จะอยู่ด้านใน
“นั่นสิ หมอไม่ให้เยี่ยมเหรอครับ?”
“เปล่าหรอกแจ็คสัน...เอ่อ...คือป๊ากับมี๊ขอโทษนะ
เราสองคนทำให้เรื่องมันแย่ลงซะแล้ว” คำพูดของผู้เป็นพ่อทำให้ทุกคนเริ่มมองหน้ากัน
“หมายความว่าไงครับป๊า? บอกพี่มาร์คได้ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้น?”
“ป๊ากับมี๊ผิดเอง เราสองคนเห็นว่าอย่างน้อยครอบครัวของน้องควรจะรับรู้เรื่องที่เกิดขึ้น
เลยตัดสินใจให้คนช่วยหาทางติดต่อครอบครัวของน้อง ...” จริงอยู่ที่ตระกูลภูวกุลหาตัวไม่ยาก
แต่ถ้าสามารถย้อนเวลากลับไปได้เขากับภรรยาเลือกไม่ตามหาเสียยังดีกว่า
“พอได้คุยกัน
ฝ่ายนั้นกลับตัดบทเหมือนรำคาญเหมือนไม่อยากรับรู้ เราเลยโมโหต่อว่าไป
ไม่ทันได้สังเกตว่าน้องฟื้นขึ้นมาแล้ว”
“ใช่ค่ะ
พอหันมาอีกทีน้องก็นั่งนิ่งเงียบไม่พูดไม่จา น้องคงจะได้ยินไปเยอะแน่ๆ
ตอนนี้มี๊กับป๊าไม่รู้จะทำยังไงแล้วค่ะ”
ทั้งหมดนี้ฟังผิวเผินมันดูไม่น่าจะส่งผลอะไร
แต่ทว่า!
สำหรับเด็กที่โหยหาความรักความอบอุ่น มันส่งผลต่อสภาพจิตใจเป็นอย่างมาก!
“ขอผมเข้าไปคุยกับน้องก่อนนะครับ” มาร์คพูดขึ้นเมื่อรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้น เขามองลูกบิดประตูอยู่ชั่วขณะ
เหมือนรอเวลาเพื่อเรียบเรียงถ้อยคำปลอบใจเอาไว้ หากแต่พอเปิดประตูเข้ามาแล้ว ทุกอย่างที่คิดเอาไว้กลายเป็นความว่างเปล่า!
ภาพกันต์พิมุกต์ที่นั่งหันหลังให้ประตู มันช่างบีบหัวใจเสียเหลือ...
มันดูโดดเดี่ยวอ้างว้าง...
ราวกับกำลังหันหลังให้โลกทั้งใบ!
มาร์คไม่สามารถละสายตาแผ่นหลังที่ดูเปราะบางได้
ความรู้สึกหดหู่มันเข้าครอบงำจนไม่รู้ว่าควรพูดหรือปลอบโยนกันแบบใด
เขากลัว!
กลัวว่าความหวังดีที่แสดงไม่ถูกเวลาจะกลายเป็นสิ่งบั่นทอนความเข้มแข็งของอีกฝ่ายให้เหลือน้อยลงไปกว่าเดิม
สุดท้ายแล้วเขาจึงเลือกใช้ภาษากายแทนภาษาพูด...
มาร์คค่อยๆสวมกอดร่างผอมบางจากด้านหลัง
หวังให้คนในอ้อมกอดรับรู้ว่ายังมีเขาที่พร้อมอยู่เคียงข้างเสมอ
“ผมไม่เป็นไร ผมไม่ได้ร้องไห้” คำพูดที่เอ่ยออกมากระตุกใจของมาร์คจนเจ็บ เพราะที่แสดงออกมาว่าเข้มแข็ง มันกลับปกปิดความอ่อนแอเอาไว้ไม่มิดเลยสักนิด!
“พี่รู้ว่าไม่เป็นไร...พี่แค่อยากบอกให้รู้ว่าตอนนี้พี่กำลังอยู่ตรงนี้
กำลังกอดแบมแบมอยู่ และพี่จะไม่ทิ้งให้แบมแบมอยู่คนเดียว” มาร์คพูดพลางกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น...
เพียงไม่กี่อึดใจต่อมาคนที่บอกว่าตัวเองไม่เป็นไร
ตัวเองไม่ได้ร้องไห้ ก็สั่นไหวไปด้วยแรงสะอื้น
เจ้าตัวพลิกหันมาซุกอกแกร่ง อย่างคนต้องการไออุ่น
จนคนกอดต้องลูบเส้นผมปลอบโยนไปเรื่อยๆ
ไร้ซึ่งคำพูดแต่การกระทำเต็มไปด้วยการให้...
แม้มันจะแทนสิ่งที่เด็กคนนี้ต้องการจริงๆไม่ได้
แต่มาร์คก็พร้อมให้ ถ้ามันช่วยเด็กนี้ได้บ้าง...
ภายใน E-BOOK ประกอบไปด้วย
EP 1-25
Jackson parts - อดีตของแจ็คสันกับจื่อเทา
Yugyeom&Youngjae parts - เพื่อนสนิท
Jaebum&Jinyoung parts - หักห้ามใจ
Not Alone EP1 – สู่อ้อมอก
Not Alone EP2 - ชดเชยช่วงเวลาที่ห่างกัน
Not Alone EP3 – ไม่มีใครดีไปกว่าพี่มาร์ค
Not Alone EP4 - ช่วยจินยอง
Not Alone END – กุมมือกันไว้
|
ความคิดเห็น