คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : EP15 – จุดเริ่มต้นเล็กๆเพื่อก้าวเดินไปข้างหน้า
เมื่อวันจันทร์มาถึง มาร์คก็ต้องอารมณ์เสียแต่เช้า
ไม่ใช่เพราะจดหมายด่าทอสาปแช่งที่พอมีมาอยู่บ้าง
แต่เป็นเพราะจดหมายสีชมพูหวานแหววน่ารังเกียจที่กันต์พิมุกต์กำลังถืออยู่ต่างหาก
“เขานัดให้แบมไปเจอที่หลังหอประชุมตอนเที่ยงน่ะครับ
ฉบับนี้บอกที่ห้องดนตรี แล้วก็ฉบับนี้บอกว่าที่ข้างโรงยิม”
“แล้วแบมแบมจะไปไหมครับ?” มาร์คถามหลังจากที่เจ้าตัวสรุปใจความจดหมายให้ฟัง
“พี่มาร์คคิดว่าไงครับ แบมควรไปไหม?”
“ไม่ควรครับ
บางทีพวกนั้นอาจจะรอแกล้งอยู่ก็ได้ พี่ไม่อยากให้ไป” เมื่อน้องถามขอความคิดเห็นมาแบบนี้
มาร์คก็รีบตอบทันที
ไม่ใช่งั้นงี้หรอก...เขาเป็นห่วงน้องจริงๆกลัวว่าภายใต้จดหมายสีชมพูสวยนี่จะมีบางสิ่งบางอย่างแอบแฝงอยู่
“ถ้าพี่มาร์คว่าอย่างนั้น แบมก็จะไม่ไปครับ”
“อืม ดีมากครับ” คำตอบที่แสนจะตามใจนั้น ทำให้มาร์คยิ้มกว้าง
ยังไงน้องก็เลือกที่จะเชื่อและเป็นเด็กดีกับเขาเสมอ
“ครับ
เอ่อ...พี่มาร์คครับถึงห้องเรียนของแบมแล้วครับ” มือผอมบางกระตุกมือของเขาเบาๆ
เมื่อเขาเกือบจะเดินเลยห้อง ทำเอามาร์คเกาท้ายทอยเขินๆ
รู้สึกว่ายิ่งมาส่งคนข้างๆบ่อยขึ้นแค่ไหน ก็ดูเหมือนระยะทางมันจะสั้นลงเรื่อยๆเสียอย่างนั้น
“งั้นแบมแบมตั้งใจเรียนนะ แล้วเจอกันตอนเที่ยงนะ”
“...” กันต์พิมุกต์ไม่ได้ตอบอะไรทำเพียงพยักหน้าและส่งรอยยิ้มบางๆมาให้
ส่วนมาร์คเมื่อมองว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้วก็เดินจากออกมา
เขาเกือบจะเดินออกไปจากตึกของปีหนึ่งถ้าไม่ติดว่าหันไปเห็นรุ่นพี่ซูจีเข้า!
“เดี๋ยวครับรุ่นพี่” มาร์ครีบส่งเสียงเรียก แต่อีกฝ่ายกลับสาวเท้าก้าวยาวๆราวกับกำลังหนี
ทำให้เขาต้องรีบวิ่งไปดักหน้า
“นายต้องการอะไรมาร์คต้วน?”
“นี่ผมไม่ได้หาเรื่องรุ่นพี่นะครับ
แค่อยากจะขอบคุณที่ไม่ลงข่าวของกันต์พิมุกต์ในวันนั้น”
“หึ! ฉันยังไม่ลงก็ไม่ได้แปลว่าฉันจะไม่ลงนะ” อีกฝ่ายยิ้มหยัน ในขณะที่มาร์คเริ่มขมวดคิ้วเข้าหากัน
“รุ่นพี่พูดอย่างนี้หมายความว่าไง?”
“ก็หมายความอย่างที่พูดนั่นแหละ”
“ผมคิดว่ารุ่นพี่จะคิดได้แล้วเสียอีก” แววตาคมจ้องมองสาวสวยตรงหน้าด้วยแววตาผิดหวัง
“โลกมันไม่สวยอย่างที่เธอคิดหรอกนะมาร์คต้วน
คิดว่าแค่พูดๆแล้วฉันจะยอมถอยอย่างนั้นเหรอ? ขอโทษทีนะแบบนั้นไม่ใช่เบซูจีหรอกรู้เอาไว้ซะด้วย”
“ทำไมกันครับ? ผมถามจริงๆเถอะกันต์พิมุกต์ไปทำอะไรให้ ถึงได้กัดไม่ปล่อยแบบนี้”
“จริงอยู่ที่มันไม่ได้ทำอะไรให้ฉัน
แต่ฉันจะไม่ยอมอยู่เฉยๆในเมื่อพวกนายบอกว่าหลักฐานของฉันมันอ่อน ฉันก็จะหาเพิ่ม
ฉันจะพิสูจน์ให้เห็นว่ากันต์พิมุกต์ไม่สมควรมาอยู่ในโรงเรียนนี้
แต่ควรจะไปอยู่ในคุกหรือไม่ก็โรงพยาบาลบ้ามากกว่า” พูดจบซูจีก็สะบัดหน้าเดินจากไป
ทิ้งให้มาร์คยืนเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่น
ในตอนนี้มาร์คกำลังกังวล
หวั่นเกรงว่าผลที่เบซูจีกำลังทำ มันจะส่งผลต่อกันต์พิมุกต์
เขาไม่อยากเจอกับแววตาเศร้าและการใช้ชีวิตแบบหายใจไปวันๆของเด็กคนนั้นอีกแล้ว
“บางทีนี่อาจจะเป็นเรื่องดีก็ได้นะ” แจบอมพูดขึ้น เมื่อเขาเล่าเรื่องรุ่นพี่ซูจีให้ฟัง
ทำเอามาร์คตวัดสายตามองเพื่อนด้วยความไม่พอใจขึ้นมาทันที
“ดี? นายพูดได้ยังไงว่าดี?”
“นั่นสิ ที่ถูกอย่างที่ไอ้มาร์คพูด
รุ่นพี่ซูจีแม่งพูดภาษาคนไม่รู้เรื่องว่ะ” แจ็คสันเห็นด้วยกับมาร์ค
ใบหน้าและแววตาของเจ้าตัวฉายแววไม่พอใจในตัวรุ่นพี่สาวสวย
“ใจเย็นๆก่อนเถอะ ฉันเห็นด้วยกับแจบอมนะ
บางทีถ้าปล่อยให้รุ่นพี่ซูจีตามติดน้อง รุ่นพี่อาจจะเห็นน้องในมุมเดียวกับที่พวกเราเห็น
อีกอย่างพี่เขาเป็นคนทำสื่อ เขาอาจจะเสนอมุมดีๆของน้องก็ได้” งานนี้ทุกคนเงียบและคิดตาม
มาร์คเองแม้จะไม่ชอบให้ใครตามติดกันต์พิมุกต์
แต่เมื่อเปรียบเทียบดูแล้ว ถ้ามันทำให้น้องมีชีวิตที่ขาวสะอาดไม่ด่างพร้อยเพราะคำกล่าวหาต่างๆนาๆ
มันก็น่าจะคุ้มพอที่จะแลก
“สรุปเราจะปล่อยให้รุ่นพี่ตามน้องแบบนั้น”
“อืม
นายเองก็พยายามเอาหูไปนาเอาตาไปไร่นะมาร์ค อย่าไปใส่ใจจนทำให้น้องสังเกตเห็น เพราะมันจะทำให้น้องอึดอัด
เข้าใจใช่ไหม?”
“เข้าใจก็ได้” มาร์คพยักหน้ารับตามที่แจบอมพูด
“เอ้า! ยอมกันหมดแล้วกูจะขัดอะไรได้ล่ะวะเนี่ย”
“อันที่จริงก็ไม่มีใครสนใจเสียงของนายหรอกนะแจ็คสัน” จินยองเอ่ยขึ้นขัดอย่างขำๆ ทำเอาแจ็คสันทำหน้างอ
“ใช่สิ กูมันไม่สำคัญนี่
ใครๆก็ไม่รักขนาดพ่อแม่ก็ยังไม่รักเลย”
“ดราม่าอะไรของมึงวะแจ็คสัน?”
“มึงสนใจกูด้วยเหรอมาร์ค?”
“นี่กูถามดีๆ” ที่ถามไป เพราะเขาอยากรู้จริงๆ คนอย่างแจ็คสันไม่เคยบ่นน้อยใจพ่อแม่ นอกเสียจากว่าจะมีเรื่องกระทบกระเทือนจิตใจมา
“เฮ้อออ...ก็พ่อแม่น่ะสิ
จะให้ฉันดูตัว”
“ห๊ะ!? ดูตัว!? นี่มันยุคไหนแล้ว นายยอมได้เหรอแจ็คสัน” จินยองตาโตเมื่อได้ยินสิ่งที่แจ็คสันพูด
“ไม่ยอมได้ไง บัตรเครดิตเอย รถเอย
ทุกอย่างโดนยึดหมด หนำซ้ำพี่ยังคอยมารับมาส่งไม่ให้หนีอีก
ฉันถึงต้องน้ำตาตกในอยู่อย่างนี้ไงจินยอง”
“สาวๆในสต็อกไง เอาไปโชว์ตัวกับพ่อแม่
แล้วบอกว่านี่แฟนซะก็จบ”
“นี่ไม่ใช่ละครหลังข่าวนะจินยอง
พ่อแม่ฉันไม่ใจดีถึงขนาดยอมยกเลิกเพียงเพราะฉันบอกว่ามีแฟนหรอก”
“แล้วสรุปมึงก็ต้องดูตัว” มาร์คเอ่ยถามขึ้น นึกสงสารอยู่หรอก แต่ลึกๆแล้วก็นึกขำ ไม่เคยเห็นเพื่อนทำท่าเหมือนหมดอาลัยตายอยากขนาดนี้มาก่อน
“อืม วันนี้แล้วอ่ะ
ทำไงดีวะแม่งกูไม่อยากดูตัวเลย”
“ลองดูก็ดีนะ เผื่อว่าจะเจอเนื้อคู่”
“มึงก็พูดได้สิมาร์ค
ป๊ากับมี๊รักน้องแบมแบมจะตายไม่ต้องกลัวว่าจะบังคับให้ไปดูตัวกับคนอื่น” แจ็คสันพูดพลางมองค้อนเพื่อน
เจ็บจี๊ดๆในใจแต่ก็ยอมรับว่าตนคือผู้แพ้เสมอมา
“เกี่ยวอะไรกับน้อง อย่าลามปามนะ
กูบริสุทธิ์ใจกับน้องโว้ย”
“เหอะ! ถ้าบริสุทธิ์ใจจริงกูจีบ”
“แจ็คสัน” มาร์คกดเสียงต่ำใส่ ทำเอาแจ็คสันกลอกตาไปมาอย่างเบื่อหน่ายในความปากแข็งของเพื่อน
หากแต่เขาเลือกที่จะไม่กระตุ้นไปมากกว่านี้ เขาอยากให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ
ให้มาร์คค่อยๆสังเกตเห็นหัวใจของตัวเอง และเริ่มเดินหน้าด้วยตัวเองมากกว่า
“เออๆ ไม่จีบหรอกน่า
ว่าแต่ฟิสิกส์ของกูอยู่ไหน?”
“คิดว่าลืมไปแล้วเสียอีก” มาร์คพึมพำออกมา แล้วหยิบแบบฝึกหัดออกมาจากกระเป๋าส่งให้เพื่อน
“ลืมได้ไง
อาจารย์มินซูดุยิ่งกว่าเสือ กูไม่อยากตายก่อนเรียนจบ”
“เว่อร์ได้อีกนะมึง
แล้วนี่อย่าลืมขอบใจแบมแบมล่ะ”
“ทำไมต้องขอบใจด้วยวะมาร์ค?” แจ็คสันขมวดคิ้วไม่เข้าใจว่าทำไมต้องขอบคุณตามที่มาร์คบอก
“ต้องขอบใจสิ ในเมื่อแบมแบมเป็นคนทำแบบฝึกหัดนี่ให้มึง”
“!? นี่มึงล้อเล่นใช่ไหมมาร์ค
ของปีสองนะโว้ยแล้วน้องเพิ่งอยู่ปีหนึ่ง” ไม่ใช่แค่แจ็คสันเท่านั้น
แจบอมกับจินยองก็ตาโตไม่แพ้กัน
“ถูกของแจ็คสัน
แบบฝึกหัดนี่มันยากมากเลยนะ ฉันกับแจบอมช่วยกันคิดยังว่ายากเลย”
“ใช่
นี่ฉันกับจินยองยังทำได้ไม่ถึงครึ่งเลย โชคดีนะอาจารย์มินซูให้ส่งวันศุกร์
ไม่อย่างนั้นแย่แน่ๆ” แจบอมกับจินยองพูดขึ้น โดยที่ในใจก็ชื่นชมรุ่นน้องตัวเล็กที่เรียนเก่งได้ขนาดนี้
“น้องทำให้จริงๆ
ถึงจะไม่ได้ทำทุกข้อ แต่น้องทำจริงๆ”
“เก่งว่ะ ทำของปีสองได้ด้วย” เมื่อมาร์คยืนยัน แจ็คสันก็ยกยิ้มชื่นชม
“อยากให้พ่อสนใจก็เลยต้องเก่ง”
“มาร์คที่นายหมายความว่า...”
“ก็อย่างที่นายเข้าใจนั่นแหละจินยอง
แบมแบมไม่ได้เก่งมาแต่เกิดแน่ๆ คงพยายามแทบตายให้พ่อชม”
“แต่พ่อของน้องไม่สนใจใช่ไหม?” มาร์คพยักหน้าแทนคำตอบ ทำให้เพื่อนๆอีกสามคนมองหน้ากันอย่างนึกสงสารกันต์พิมุกต์
“เฮ้อ...ให้ตายเถอะกูไม่เข้าใจพ่อของน้องแบมแบมเลย
ยังไงมึงต้องดูแลน้องดีๆนะมาร์ค น้องดูไว้ใจมึงที่สุดแล้ว”
“ไม่บอกกูก็ทำอยู่แล้วล่ะ”
ไม่ใช่แค่พูดส่งๆ
มาร์คตั้งใจจะดูแลกันต์พิมุกต์จริงๆ ด้วยการพามาเดินซื้อของที่ห้างหลังจากซ้อมบาสเสร็จในช่วงเย็น
“พี่มาร์คจะซื้ออะไรเหรอครับ?”
“พี่อยากจะซื้อเฟอร์นิเจอร์น่ะ”
“เฟอร์นิเจอร์? จะจัดห้องใหม่เหรอครับ?” คนที่เดินข้างๆถามอย่างสงสัย
ทำให้มาร์คคลี่ยิ้ม รู้สึกได้ถึงพัฒนาการของอีกคน ที่กล้าคิด กล้าสงสัย และกล้าถาม
“พี่อยากจะจัดให้แบมแบม”
“นี่พี่...” ปฏิกิริยาของคนข้างๆเป็นสิ่งมาร์คคาดเดาเอาไว้แล้ว ดูเหมือนว่าไม่ถึงกับโกรธ
แต่เจ้าตัวคงไม่พอใจแน่ๆที่เขากำลังเข้าไปก้าวก่ายในเรื่องนี้
“พี่รู้ว่าแบมแบมไม่พอใจ
แต่พี่ไม่อยากให้แบมแบมอยู่แบบนั้น”
“แต่แบมไม่ต้องการ”
“แล้วทำไมไม่ต้องการ? จะอยู่แบบนั้นเพื่อประชดพ่องั้นเหรอ?” คำพูดตรงๆเหมือนหอกแหลมคมที่หลุดออกมาจากปากนั่น
ทำเอามาร์คอยากกัดลิ้นตัวเองจริงๆ
เขาไม่ได้อยากจะตอกย้ำแผลในใจของน้องเลยสักนิด
เขาอยากให้น้องมองเห็นความจริงว่าใครกำลังให้ความสนใจ ใครที่พร้อมจะดูแล
แม้ว่ามันจะแทนกันไม่ได้แต่มาร์คอยากให้น้องรับน้ำใจของเขาเอาไว้
“ไม่ได้ประชดนะ”
“แก้ตัว
ถ้าไม่ได้ประชดทำไมไม่รับน้ำใจของพี่
พี่รู้ว่าสิ่งที่พี่ทำให้มันทดแทนกับสิ่งที่แบมแบมต้องการจริงๆไม่ได้
แต่แบมแบมอย่าขยี้ทิ้งได้ไหม?” แววตาของมาร์คที่กำลังสบกับอีกฝ่าย
เต็มไปด้วยความเว้าวอน
“ถ้าพี่มาร์คต้องการแบบนั้นก็ได้ครับ” กันต์พิมุกต์จำยอม โดยที่แววตากำลังฉายแววกังวลอย่างปิดไม่มิด
“เชื่อพี่เถอะนะ ว่าเริ่มต้นใหม่แล้วทุกอย่างมันจะดีขึ้น” มาร์คเอื้อมมากุมมือให้กำลังใจ และสื่อเป็นนัยๆว่าการจัดห้องไม่ใช่การยัดเยียดสิ่งที่เกินความจำเป็น
หากแต่เป็นการเริ่มต้นในจุดเล็กๆ เพื่อก้าวไปข้างหน้าอย่างเข้มแข็ง
กันต์พิมุกต์มองมือแกร่งของเขากำลังเกาะกุมมือของตัวเองอยู่
แล้วเงยหน้าขึ้นสบตา
“ครับ แบมจะเชื่อพี่มาร์ค”
“ป่ะ
งั้นไปเลือกเฟอร์นิเจอร์กันเถอะ” มาร์คพูดจบจูงมืออีกคนเข้าไปในร้าน
มาร์คลังเลอยู่นานว่าจะเลือกแบบไหนให้ดี
สุดท้ายก็เลือกสไตล์โมเดิร์นโทนขาวเทาให้ เพราะมันดูสบายตาดี
“ไปส่งวันเสาร์ได้ไหมครับ? ผมกับน้องสะดวกวันเสาร์” มาร์คต่อรองนัดให้ทางร้านเอาไปส่งที่คอนโดในวันเสาร์ที่จะถึง
“ได้ครับ
ร้านของเราส่งทุกวันอยู่แล้ว”
“ขอบคุณมากครับ นี่ครับบัตร” เมื่อตกลงกันเสร็จมาร์คก็ยื่นบัตรเครดิตให้โดยที่ไม่มีลังเลเลยสักนิด
“พี่มาร์ค ใช้อันนี้เถอะครับ” มือบางยื่นบัตรมาแทรกอีกใบ ทำให้พนักงานชะงักลังเลไม่รู้จะเอาบัตรไหนไปจ่ายดี
“พี่อยากซื้อให้นะ”
“มันมากเกินไปครับ
ให้แบมจ่ายเองเถอะ”
“แน่ใจเหรอแบมแบม?”
“จะใช้หรือไม่ใช้คุณพ่อเขาก็ไม่รับรู้หรอก” เสียงแผ่วเบานั่น ทำให้มาร์คใจหาย
พอจะเดาได้ว่าผู้เป็นพ่อของอีกฝ่ายคงจะโอนเงินให้ทุกเดือน
แต่ไม่เคยดูและการใช้เงินของลูกว่ามันจะถูกใช้ไปในทิศทางใด
จะขาดแคลนหรือเหลือเฟือนั่นมันขึ้นอยู่กับผู้รับเองว่าจะจัดการยังไง ฝ่ายนั้นถือว่าตนทำตามหน้าที่อย่างครบถ้วนแล้ว
“เอาเถอะถ้าแบมแบมสบายใจอย่างนั้น” มาร์คจำยอมให้น้องจ่ายเอง เพราะไม่อยากฝืนใจกันเกินไป
“งั้นตกลงบัตรนี้นะครับ”
“ครับ” กันต์พิมุกต์พยักหน้า
เมื่อพนักงานเปลี่ยนมารับบัตรที่มือ แทนที่จะเป็นของมาร์ค
หลังจากนั้นไม่กี่นาทีทุกอย่างก็เรียบร้อย
มาร์คจึงถือโอกาสพากันต์พิมุกต์ไปเดินโฉบเฉี่ยวทางโซนไอที
“เมื่อกี้พี่ไม่ขัดใจแบมแบม
คราวนี้แบมแบมก็ต้องไม่ขัดใจพี่เหมือนกัน” เขาคงจะใช้แววตาเจ้าเล่ห์ระหว่างที่พูดออกแน่ๆ
อีกฝ่ายเลยขมวดคิ้วเข้าหากันแล้วจ้องมองเขาอย่างจับผิด
“พี่มาร์คอย่าบอกนะว่า”
“ขอดูไอโฟนหน่อยครับ” เมื่ออีกฝ่ายทำท่าเหมือนจะเดาเรื่องทุกอย่างถูก
ร่างสูงจึงตีเนียนหันไปพูดกับพนักงานขายที่เคาท์เตอร์แทน
“แบมไม่รู้จะโทรหาใครหรอกนะ
ไม่เห็นจำเป็นเลย”
“จำเป็นสิ โทรหาพี่ไง
ไม่งั้นก็เอาไว้รับสายพี่”
“โทรศัพท์ห้องก็มี”
“เถียงเก่งจังนะเรา ถามหน่อยที่ห้องโทรตามตอนเราเดินหลงกันได้ไหม?
ถ้าวันหนึ่งแบมแบมหายไปพี่จะตามยังไง? ถ้ามีไอ้นี่ไว้อย่างน้อยพี่ก็จะได้อุ่นใจ” เหตุผลของมาร์คทำให้อีกฝ่ายอ่อนลง
“แบมมีแค่พี่ แบมจะหายไปได้ยังไง”
“ไม่รู้สิ บางทีพี่ก็นึกกลัวขึ้นมา
ไม่ใช่ว่าไม่ไว้ใจเพียงแต่พี่อยากอุ่นใจขึ้น แบมแบมเข้าใจพี่นะ” สุดท้ายกันต์พิมุกต์ก็ยอมตามใจมาร์คจนได้
มาร์ครู้ว่าทุกอย่างในวันนี้มันอาจจะดูเจ้ากี้เจ้าการ
แต่เขารู้สึกว่ามันถึงเวลาแล้วที่กันต์พิมุกต์ต้องปรับตัวกับสิ่งใหม่ๆอย่างจริงจังเสียที
ภายใน E-BOOK ประกอบไปด้วย
EP 1-25
Jackson parts - อดีตของแจ็คสันกับจื่อเทา
Yugyeom&Youngjae parts - เพื่อนสนิท
Jaebum&Jinyoung parts - หักห้ามใจ
Not Alone EP1 – สู่อ้อมอก
Not Alone EP2 - ชดเชยช่วงเวลาที่ห่างกัน
Not Alone EP3 – ไม่มีใครดีไปกว่าพี่มาร์ค
Not Alone EP4 - ช่วยจินยอง
Not Alone END – กุมมือกันไว้
|
ความคิดเห็น