คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : EP10 - ช่วยตัดให้
กันต์พิมุกต์ออกจากโรงพยาบาลมาได้สองวันแล้ว
และก็เป็นสองวันที่หยุดเรียนเช่นกัน มาร์คอยากให้เจ้าตัวได้พักผ่อนให้เต็มที่
ให้มั่นใจว่าแข็งแรงพอที่จะมาเรียนได้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน
“ขยะอีกแล้วเหรอพี่?”
“นั่นสิ นึกว่าที่พี่แจบอมทำจะได้ผลเสียอีก” คู่ซี้ยูคยอมกับยองแจถามขึ้น เมื่อเห็นว่ามาร์คกำลังเก็บขยะออกจากล็อกเกอร์ของกันต์พิมุกต์
“แต่พี่ว่ามันได้ผลนะ”
“แต่ก็ยังมีคนไม่หยุดความคิดเดิมๆ
การกระทำเดิมๆ ดูสิในล็อกเกอร์ของแบมแบมยังมีขยะอยู่เลย”
“แต่พี่ว่ามันน้อยลงกว่าเดิมนะยองแจ
ที่โต๊ะเรียนพี่ก็ว่ามันน้อยลงเหมือนกัน” มาร์คพูดพลางคลี่ยิ้มจริงๆแล้วหลายคนอาจจะยังไม่เปลี่ยน
แต่ก็ยังมีอีกไม่น้อยที่ ‘หยุด’
คนพวกนั้นอาจไม่ได้ถึงขั้นยอมรับเปิดใจยอมรับ!
ไม่ได้ถึงขั้นเข้าหาคบเป็นเพื่อน!
แต่พวกเขาก็หยุดทำสิ่งร้ายๆลับหลัง
เลือกที่จะอยู่เฉยๆแทนการใช้ถ้อยคำเสียดสีให้เจ็บช้ำน้ำใจ เท่านี้มันก็มากพอแล้ว
“ครับๆ สรุปว่าดีก็ได้ครับ
เนอะยูคเนอะ”
“ตามที่แจพูดเลยจ้า
ว่าแต่วันนี้พี่มาร์คว่างไหมครับ?” ยูคยอมพูดเออออไม่ขัดเพื่อนสนิทเลยสักนิด
ก่อนจะหันมาถามหาเวลาว่างของมาร์ค
“ไม่ว่างหรอก
ซ้อมบาสเสร็จก็ต้องรีบกลับ ถามทำไม?”
“รีบกลับ...กลับไปดูน้องแบมแบมล่ะสิ
ทำไมไม่พูดให้จบล่ะพี่มาร์ค?”
“ยองแจ นี่พี่จริงจังอยู่นะ
ตกลงถามทำไม?” ดวงตาคมฉายแววจริงจังเพื่อปรามน้องเล็กของกลุ่ม
ทำเอาสองแสบถลาเข้ามากอดแขนของเขาคนละข้างอย่างออดอ้อน
“งื้อ~ พี่มาร์คอย่าดุสิ
พวกเราเป็นน้องเล็กนะ”
“ใช่แจพูดถูก
เราสองคนเป็นน้องเล็กนะ แล้วพี่ก็ต้องคอยดูแลน้องด้วย”
“ตกลงว่ามีอะไรให้ช่วยก็ว่ามา อย่าอ้อมโลก
ขอตรงๆเลย”
“ก็แบบว่างานของอาจารย์เยอึนที่เกิดจากแผนการของพวกพี่อ่ะ
พี่ยังไม่ลืมใช่ไหมครับ?” ยูคยอมพูดไปยิ้มไป แต่ไม่วายเน้นว่างานชิ้นนี้เป็นความผิดของบรรดารุ่นพี่ในกลุ่ม
“ตกลงจะให้พี่ทำอะไร?”
“แปลภาษาไงพี่
พี่ก็รู้ใช่ไหมว่าเราสองคนไม่เก่งภาษาอังกฤษ?” ยองแจพูดพลางเอาหัวของตนถูไถกับแขนของมาร์คด้วย
“ใช่พี่ เหลือเวลาอีกครึ่งเดือนเอง
ไหนจะต้องพิมพ์รวมเล่มอีก เรากลัวว่าจะไม่ทัน” ยูคยอมรีบช่วยพูดอีกแรง
“เอาเป็นว่าไปทำที่ห้องพี่แล้วกัน” เมื่อพูดออกไปอย่างนั้นสองแสบก็หันไปแตะมือไฮไฟว์เป็นเชิงว่าสำเร็จ
ทำเอามาร์คกระตุกยิ้มเชิงเอือมๆกับทั้งคู่ ที่มักจะน่ารักเวลาต้องการความช่วยเหลือ
แต่เวลาอื่นอย่าให้กล่าวถึงกวนประสาทจนอยากจะใช้เท้าเขี่ยออกไปให้พ้นสายตากันเลยทีเดียว
“งั้นหลังเลิกเรียนพี่ก็ซ้อมบาสไป
ไม่ต้องรีบนะครับ”
“ใช่ๆ
เดี๋ยวพวกเราไปสิงที่ห้องของแบมแบมก่อน จะได้อยู่เป็นเพื่อนแบมแบมด้วยไง” ยูคยอมพูดผสมโรงกับยองแจ
หนำซ้ำยังยกข้อดีที่ไปรอที่ห้องเพื่อนร่วมชั้นด้วย
“ก็ดีนะ
พวกนายไปมี๊ก็คงกลับบ้านไปแล้ว จะได้มีคนคอยดูแล แต่พวกนายอย่าก่อเรื่องวุ่นวายล่ะ
เข้าใจใช่ไหม?”
“ยองแจรับทราบครับคุณพี่”
“ยูคยอมก็รับทราบด้วย
แล้วเจอกันนะครับ” สองเพื่อนซี้ยิ้มกว้างให้ก่อนจะพากันเดินควงแขนลัลลาขึ้นชั้นเรียนไป
ไม่รู้ว่ามาร์ครู้สึกไปเองหรือไม่
มองจากด้านหลังแล้วเหมือนกำลังเห็นเขาและหางเดวิลของสองแสบมันโผล่ออกมา
รู้สึกเหมือนมันดี๊ด๊าเกินปกติ ราวกับว่าปฏิบัติตามแผนการชั่วร้ายสำเร็จก็ไม่ปาน
“ไม่เอาน่า ไม่ใส่ร้ายน้อง” เขาสะบัดหัวไล่ความคิดด้านลบของตัวเองออกไป
ก่อนจะเดินไปสมทบกับกลุ่มเพื่อนๆ
ยูคยอมกับยองแจออกจะเป็นเด็กว่านอนสอนง่าย(?)
สองคนนั้นคงไม่ก่อเรื่องอะไรหรอก(?)
“ปึง! ปึง! ปึง!” เสียงลูกบาสดังกระทบพื้นไปทั่วโรงยิม
ร่างกายของผู้ที่ถือต่างเต็มไปด้วยเหงื่อไคล ใบหน้าก็แดงก่ำกันด้วยความเหนื่อย
แต่ไม่มีใครคิดหยุดและเอ่ยขอกลับบ้านก่อน
“เอ้า! ต่อไปฝึกรีบาวด์ลูกนะ
เข้มแข็งกันหน่อย แทฮยอนฝากดูตัวสำรองด้วย” เสียงของมาร์คผู้ทรงอำนาจที่สุดในโรงยิมเอ่ยสั่งขึ้น
“รีบาวด์เสร็จดังค์ต่อเลยไหมมาร์ค?”
“ไม่ต้อง วันนี้พอแค่รีบาวด์ก่อน” ร่างสูงตอบแทฮยอนรองประธานชมรม
ก่อนจะเป็นคนเริ่มรีบาวด์ลูกเป็นคนแรก
การรีบาวด์ถือเป็นส่วนสำคัญหนึ่งในเกม
เพราะสามารถนำไปสู่การเปลี่ยนมือระหว่างการรุกและรับ ดังนั้นมาร์คต้องการให้ทุกคนในทีมแม่นยำในเรื่องนี้พอๆกับการขู้ตให้ลงห่วง
“เอ้า! วิ่ง! วิ่ง! ไม่ตายไม่หยุด!” เสียงคุ้นหูที่กำลังดังอยู่หน้าประตูโรงยิม ทำให้มือแกร่งที่จับลูกชะงัก
คิ้วเข็มขมวดเข้าหากันอย่างแปลกใจ
“ยังซ้อมอยู่อีกเหรอแจ็คสัน?” มาร์คเดินมาที่หน้าประตูแล้วเอ่ยถามขึ้น
“โห!...นี่พี่มาร์คสงสัยในความขยันของแจ็ค
จนต้องถึงขั้นเดินมาถามเลยเหรอ?”
“ก็นิดหน่อย ประจำมึงเป็นพวกชอบโดด
จะเห็นก็แต่มิโนที่คุมลูกทีมซ้อมแทน”
“เฮอะ! กูอุตส่าห์พูดเพราะๆเล่นตอบมาซะตรงไม่ถนอมน้ำใจกันเลยนะ” อีกฝ่ายเบ้ปากใส่ ทำให้มาร์คหัวเราะในลำคอนิดๆ
“หึหึ...หรือมึงต้องการฟังคำโกหก?”
“เออๆ พูดจริงไปเถอะกูรับได้
พอดีวันนี้ฤกษ์งามยามดีเลยมาให้ลูกทีมเห็นหน้าซะหน่อย
ไม่งั้นเดี๋ยวพวกมันจะคิดว่ามิโนเป็นประธาน แล้วกูเป็นอดีตประธานไปเสียก่อน” ดูท่าทางแจ็คสันจริงจังขึ้นทั้งคำพูดและสีหน้า
ทำให้ร่างสูงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกๆ
“เป็นอะไรหรือเปล่า
ดูเข้มมากกินยาไม่เขย่าขวดมาเหรอ?”
“จะบ้าเหรอมาร์ค
ประจำกูก็เข้มอยู่แล้วเถอะ”
“ตอบเลยว่าไม่” ตอบออกไปตรงๆ ทำให้แจ็คสันคลี่ยิ้ม
แล้วมองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยแววตาที่เขาเองก็อ่านไม่ออก
“มันไม่มีอะไรหรอกมาร์ค
ไม่ต้องห่วง กูก็แค่เฟลนิดหน่อยดันไปเจอคู่แข่งที่สู้ไม่ได้เข้า”
“โอเคแน่นะแจ็คสัน?” มาร์คเกิดอาการเป็นห่วงที่เพื่อนบอกว่าเจอคู่แข็งที่สู้ไม่ได้
ประจำแล้วแจ็คสันเก่งกีฬาชนิดนี้มาก
ถึงจะโดดบ้างอู้บ้างแต่ก็แชมป์ทุกครั้งที่ลงแข่ง วันนี้การที่เจ้าตัวพูดขนาดนี้ แสดงว่าคู่แข่งต้องเก่งมากแน่ๆ
“หึ...โอเคดิ
ถึงมันจะโคตรบื้อแต่มันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร เฮ้อ...เอาจริงๆมันดีกว่ากูมากเลยล่ะ
กูแพ้ให้ไม่เป็นไรหรอก” แจ็คสันหัวเราะให้ลำคอ ก่อนจะพูดประโยคเหมือนเต็มใจยอมแพ้ออกมา
เอาจริงๆร่างสูงไม่เห็นด้วยนักที่เพื่อนพูดเหมือนยอมแพ้
แต่คนอย่างแจ็คสันคงคิดมาดีแล้ว เขาไม่ควรพูดอะไรที่จะไปขัดแย้ง
“อืม ถ้ามึงโอเคก็ดีแล้วล่ะ”
“ขอบใจที่เป็นห่วง
ว่าแต่มึงเถอะมาร์ค ทำไมมาอยู่ตรงนี้? ที่จริงมึงควรจะไปคอยดูแลน้องแบมแบมนะ
ป่านนี้จะรู้สึกยังไงบ้างก็ไม่รู้”
“หมายความว่ายังไงวะแจ็คสัน?
พูดเหมือนอะไรจะมีอะไรเกิดขึ้นกับน้องอย่างนั้นแหละ” คิ้วเข้มของมาร์คขมวดเข้าหากัน ไม่เข้าใจในสิ่งที่คนตรงหน้าพูด
“เอ้า! นี่มึงไม่รู้เหรอว่าไอ้แฝดนรกมันวางแผนตัดผมของน้องแบมแบมอ่ะ”
“ห๊ะ!? ตัดผม! โอ้ย!ไอ้สองคนนั้นมันแสบจริงๆ!” พอได้ยินคำตอบดวงตาก็เบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจ
จากนั้นรีบหันหลังวิ่งไปหยิบกระเป๋า แล้วกลับคอนโดให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
ทิ้งให้แจ็คสันยืนส่ายหัวด้วยใบหน้ายิ้มๆ แล้วพึมพำประโยคที่มาร์คไม่อาจได้ยินออกมาเบาๆ
“มึงนี่มันบื้อจริงๆเลยไอ้มาร์ค”
สำหรับกันต์พิมุกต์แล้ว การตัดผมไม่ใช่เรื่องเล็กเหมือนคนอื่นๆ
เด็กคนนั้นไว้ผมยาวปิดหน้าปิดตาเพราะมีใบหน้าเหมือนแม่
เขากลัวว่าการบังคับตัดจะไปสะกิดบาดแผลในใจของเจ้าตัวเข้า ถึงได้ปล่อยเลยตามเลยมาจนถึงทุกวันนี้
แต่! ยูคยอมกับยองแจกำลังจะทำทุกอย่างพัง!
รู้ว่าหวังดี
แต่บางทีความหวังดีนั้นก็ไม่ควรไปยัดเยียดให้ผู้อื่น!
“ไม่ต้องเสียใจนะแจ” ทันทีที่มาถึงหน้าห้องของกันต์พิมุกต์ เขาก็เห็นรุ่นน้องตัวดีกำลังนั่งปลอบกันอยู่กับพื้น
ไม่ได้รู้ตัวกันสักนิดว่าเขามาถึงและยืนอยู่ตรงนี้แล้ว
“แต่เราหวังดีนะ คนอื่นๆจะได้เห็นหน้าจะได้เลิกกลัวเหมือนเราแท้ๆ ทำไมแบมแบมต้องโกรธขนาดนี้ด้วย แจเสียใจอ่ะยูค”
“ถึงจะเสียใจ แต่พี่ว่าก็คงไม่เท่ากับที่แบมแบมกำลังรู้สึกอยู่ตอนนี้หรอก” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น
ทำให้ทั้งคู่สะดุ้งหันมามองด้วยใบหน้าเลิกลั่กอย่างคนมีความผิดติดตัว
“พี่มาร์ค ผมกับแจเราหวังดีนะ”
“พี่รู้ว่าหวังดี
แต่เราสองคนควรจะปรึกษาพี่ก่อน ไม่ใช่อยากจะทำอะไรก็ทำ” มาร์คตำหนิด้วยใบหน้าที่เรียบนิ่ง
“ก็แค่ตัดผมเอง”
“แต่สำหรับแบมแบมมันไม่ใช่แค่การตัดผมนะยองแจ
มันเท่ากับเขาต้องเผชิญหน้ากับสิ่งเจ็บปวดในอดีตด้วย มันหนักมากนะสำหรับแบมแบมน่ะ”
“เราไม่เข้าใจครับพี่มาร์ค
ทำไมต้องเผชิญหน้ากับสิ่งเจ็บปวดด้วย ก็แค่ตัดผม”
“บอกไปดีๆก็ยังย้อนอีกนะยูคยอม
พี่ถามหน่อยถ้าตอนเกิดมาแม่ของนายตาย ยิ่งโตก็ยิ่งหน้าตาเหมือนแม่ ทำให้พ่อไม่อยากมองหน้า
ยิ่งมองยิ่งคิดว่านายเกิดมาแทนที่คนรักของเขา นายจะรู้สึกยังไง?” จากประวัตินักเรียนกับคำพูดที่กันต์พิมุกต์เคยพูดออกมา ทำให้เขากับครอบครัวประติดประต่อเรื่องราวได้แบบนี้
และพอมาลองคิดๆดูแล้ว เปอร์เซ็นที่เรื่องราวจะเป็นแบบนั้นสูงเกือบร้อยเลยทีเดียว
“เราสองคนขอโทษครับ เราไม่รู้จริงๆ
เราผิดไปแล้ว” พอได้ยินแบบนั้นรุ่นน้องทั้งสองก็ขอโทษด้วยสีหน้ารู้สึกผิด
“เอาเถอะ
คราวหลังจะทำอะไรก็ปรึกษาพี่ก่อนเข้าใจไหม?”
“ครับพี่”
“ผมก็เข้าใจเหมือนกัน
แต่ว่าตอนนี้พี่มาร์คเข้าไปดูแบมแบมก่อนได้ไหม เราเข้าหน้าไม่ติดแล้ว” ยองแจรับคำตามยูคยอม แล้วพยักพเยิดหน้าให้มาร์คเข้าไปดูเพื่อนร่วมชั้น
“อืม พวกนายไปรอที่ห้องพี่ก่อนแล้วกัน
นี่คีย์การ์ด” มือแกร่งส่งคีย์การ์ดห้องตัวเองให้
จากนั้นก็เปิดประตูเข้ามาในห้องของกันต์พิมุกต์
ดวงตาคมกวาดมองไปรอบๆห้องที่โล่งว่างเปล่าไร้ซึ่งเฟอร์นิเจอร์
ทุกอย่างเกือบๆจะเหมือนเดิม ถ้าไม่ติดว่าที่พื้นมีกรรไกรและเส้นผมตกอยู่!
สรุปแล้วเขาก็กลับมาไม่ทัน ยูคยอมกับยองแจตัดผมของกันต์พิมุกต์ออกไปแล้ว!
“ฮึก...” เสียงสะอื้นดังออกมาจากห้องนอน มาร์คจึงไม่รอช้าที่จะเปิดประตูเข้าไป
ร่างผอมบางนั่งกอดเข่าตรงซอกมุมห้อง
คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอย่างใช้ความคิด ก่อนจะตัดสินใจเข้ามานั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าของกันต์พิมุกต์
“แบมแบมเงยหน้าขึ้นมองพี่ซิ” สองมือประคองใบหน้าที่เปื้อนน้ำตาให้เงยขึ้นมา
ใจของเขาถึงขั้นกระตุกเมื่อได้สบกับดวงตาคู่สวยที่ฉายแววเศร้า
ดวงตาคู่นั้นบอกว่า ผู้เป็นเจ้าของกำลังนึกถึงถ้อยคำบั่นทอนจิตใจ...
ดวงตาคู่นั้นบอกว่า ผู้เป็นเจ้าของกำลังเจ็บปวด...
ทั้งหมดนี่ทำให้มาร์คอดรู้สึกเจ็บตามไม่ได้
เขาไม่ชอบเลยจริงๆกับใบหน้าที่เศร้าหมองแบบนี้
เขาอยากเห็นรอยยิ้มของกันต์พิมุกต์มากกว่า
“ฟังนะแบมแบม
สำหรับพี่คนที่อยู่ตรงหน้าคือแบมแบม ไม่ใช่คนอื่น” ไม่รู้จริงๆว่าควรจะพูดอะไร
หรือกระทั่งที่พูดออกไปเมื่อกี้มันสมควรหรือไม่ เพียงแต่เขาอยากให้คนตรงหน้ารู้ว่า
สำหรับเขาแล้วกันต์พิมุกต์เกิดมาเพื่อเป็นกันต์พิมุกต์ ไม่ได้เกิดมาเพื่อแทนที่ใคร
“ผม...”
“พี่จะไม่ทวงสัญญาที่แบมแบมเคยพูด
แต่พี่จะรออยู่ตรงนี้จนกว่าแบมแบมจะพร้อม” มาร์คพูดขัดขึ้น
ที่จริงไม่ได้ตั้งใจจะพูดเหมือนทวงสัญญาทางอ้อมแบบนี้
หากแต่...
เขาไม่อยากให้กันต์พิมุกต์ลืมว่าตนเองต้องการจะเข้มแข็ง...
ไม่อยากให้ลืมว่าตนเองกำลังคิดจะยืนหยัด...
เมื่อได้ยินแบบนั้นอีกฝ่ายก็ปาดน้ำตาออกจากแก้ม
ลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องนอน ในขณะที่มาร์คนึกกลัวว่าสิ่งที่ตนพยายามสื่อจะไปไม่ถึง
“พี่มาร์คครับ ผมอยากให้พี่มาร์คทำให้” เจ้าตัวเดินย้อนกลับมาในห้องนอนอีกครั้ง และยื่นกรรไกรให้มาร์ค
ในตอนแรกมาร์คมีท่าทีงุนงง
แต่พอได้มองกรรไกรกับเส้นผมที่แหว่งไม่เป็นทรงสลับกันไปมา ก็เข้าใจทุกอย่าง
ทำเอาเขาห้ามรอยยิ้มเอาไว้ไม่อยู่เลยทีเดียว
“พี่ไม่มั่นใจนะว่าจะตัดออกมาดีไหม
แต่พี่จะพยายามทำให้ดีที่สุด”
ภายใน E-BOOK ประกอบไปด้วย
EP 1-25
Jackson parts - อดีตของแจ็คสันกับจื่อเทา
Yugyeom&Youngjae parts - เพื่อนสนิท
Jaebum&Jinyoung parts - หักห้ามใจ
Not Alone EP1 – สู่อ้อมอก
Not Alone EP2 - ชดเชยช่วงเวลาที่ห่างกัน
Not Alone EP3 – ไม่มีใครดีไปกว่าพี่มาร์ค
Not Alone EP4 - ช่วยจินยอง
Not Alone END – กุมมือกันไว้
|
ความคิดเห็น