คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #25 : บทที่ 5 แผ่นดินทองคำ [5]
“เจ้าชายพ่ะย่ะค่ะ”
องครักษ์หนุ่มวาคัควิ่งมาแต่ไกลด้วยท่าทางกระหืดกระหอบ “มีชายแก่ไข้ขึ้นพ่ะย่ะค่ะ
ลูกชายเพิ่งวิ่งมาบอกเมื่อสักครู่ เห็นว่าหมอในหมู่บ้านรักษาไม่ไหว อาการหนักเหลือเกิน”
วาคัค
รีบกราบทูลทันที
“งั้นหรือ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”
เจ้าชายหันมาหาหญิงสาวหน้าแฉล้มเมื่อครู่ ทว่าเธอกลับอันตรธานหายไปอย่างรวดเร็วราวกับมีเวทมนตร์สามารถล่องหนได้เสียกระนั้น
“ไปไหนเสียแล้ว...”
“อะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“ไม่มีอะไรหรอก ไปกันเถอะ
ชักช้าเดี๋ยวจะไม่ทันการณ์” ทรงพยักพระพักตร์เพื่อให้องครักษ์คนสนิทนำหน้าไป
กระนั้นก็ยังไม่วายหันกลับมามองหาหญิงสาว...
ยาบารีแอบอยู่หลังต้นไม้ใหญ่
มือเล็กกุมหัวใจด้านซ้ายเอาไว้ มันเต้นรัวเร็วจนแทบกระโจนออกมานอกอกเสียให้ได้
ให้ตายเถอะ! เธอนั่งเล่นบนต้นไม้อยู่ดีๆ ทว่าเจ้าชายทูปัก วีรา กลับเสด็จมาประทับริมลำธาร
เธอคิดว่าจะแอบดูเขาเงียบๆ แต่เจ้าชายกลับช่างสังเกตและระแวดระวังพระองค์เสียจนจับเธอได้เสียก่อน
“เจ้าชายทูปัก วีรา
พระองค์เป็นคนอย่างไรกันนะ เหตุใดในหน้าประวัติศาสตร์อินคา
จึงไม่มีใครกล่าวถึงพระองค์เลย ทั้งที่ทรงเป็นที่รักของชาวอินคาถึงเพียงนี้...”
หัวใจเจ้ากรรมคิดถึงชายผู้สูงศักดิ์
เธอจำต้องสะบัดหน้าแรงๆ เพื่อขับไล่พระพักตร์คมคล้ามออกไปจากห้วงแห่งความคิด
“เพ้อเจ้อใหญ่แล้วนะรี
เธอเป็นผู้หญิงบ้าหลงยุค ส่วนเขาคือเจ้าชายเชียวนะ อย่าคิดแม้แต่จะฝันเชียว”
หญิงสาวเดินกลับไปที่บ้านของตนเอง พระอาทิตย์คล้อยต่ำลงจดยอดเขาแล้ว
อีกไม่นานก็คงมืด เธอต้องรีบเตรียมอาหารให้โรปา ซึ่งไปทำไร่ข้าวโพดมาตลอดทั้งวัน
หญิงสาวเริ่มชินกับการนั่งรับประทานอาหารบนพื้นเสียแล้ว
แม้ในบางครั้งเธอจะสานเสื่อผืนเล็กๆ มาวางรองนั่งบนพื้น เธอพยายามให้โรปานั่งเช่นเดียวกับเธอ
แต่เขาไม่ยอมนั่งกระนั้นก็ไม่ได้บังคับเธอ เขาตามใจเธอแทบทุกอย่าง ไม่ว่าเธออยากทำอะไรเขาก็เห็นดีเห็นงามไปด้วย
แต่ก็ตักเตือนบ้างหากสิ่งที่หญิงสาวทำมันพิเรนทร์เกินไปจนอาจเกิดอันตรายได้
“โรปาคะ”
“เจ้ามีอะไรหรือยาบารี”
ชายวัยกลางคนตักสตูเข้าปากด้วยท่าทางเอร็ดอร่อย
“ข้าอยากรู้เรื่องสงคราม
โรปาพอจะเล่าให้ข้าฟังได้มั้ย” หญิงสาวเอ่ยถาม มั่นใจว่าโรปาต้องรู้เรื่องนี้แน่ๆ
เพราะเธอสังเกตว่าโรปาสนิทกับท่านผู้เฒ่าซึ่งเป็นคนดูแลหมู่บ้านแห่งนี้ และบางครั้งเธอก็เห็นเขาพูดคุยกับคนของรัฐบาลที่มาเก็บผลผลิตจากชาวบ้านอย่างสนิทสนม
“เจ้าเป็นผู้หญิงจะรู้ไปทำไม
แล้วตอนนี้บ้านเมืองก็สงบไม่มีสงครามอย่างที่เจ้าถามถึงหรอก”
โรปาบอกปัดอย่างไม่สนใจนัก
“ไม่มีสงครามหรือคะ”
หญิงสาวขมวดคิ้วมุ่น นั่นก็แสดงว่าเธออยู่ในช่วงที่ยังไม่เกิดสงคราม
เพราะจากประวัติศาสตร์ที่เธออ่าน ในสมัยจักรพรรดิวาส การ์ นั้นเต็มไปด้วยสงครามและผู้คนล้มตายมากมายก่ายกอง
“ใช่ ไม่มี...”
“แต่มีชนวนสงครามใช่มั้ยคะโรปา”
โรปานิ่งเงียบ
มองหน้ายาบารีอย่างวิเคราะห์ “เจ้าจะรู้ไปทำไม”
“รู้เอาไว้เฉยๆ ไม่ได้หรือคะโรปา
ก็ข้าอยากรู้นี่นา” ยาบารีออดอ้อนเพราะรู้ว่าโรปารักเธอราวกับลูกสาวของเขาเอง
การที่เขาสูญเสียลูกสาวไปด้วยโรคร้ายยังคงทำให้เขาเสียใจและทำใจไม่ได้มาโดยตลอด
แต่เมื่อเขาได้อยู่กับเธอ
เพื่อนบ้านต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าโรปาดูสดชื่นและกลับมาเป็นโรปาคนเดิม
“เล่าก็ได้ แต่อย่าไปพูดต่อเชียว
เรื่องแบบนี้ไม่ควรพูดเพราะจะทำให้แตกตื่น” โรปามองออกไปนอกบ้าน เมื่อไม่เห็นใครเดินผ่านไปมาจึงเริ่มเล่าให้ยาบารีฟัง
“มันเริ่มจากก่อนหน้านี้หลายปี
คนในวังต่างรู้กันทั่วว่าเจ้าชายวาส การ์ และเจ้าชายอะตาฮวลปาไม่ลงรอยกัน
เมื่ออดีตจักรพรรดิวา นาคาแพ็ค เสด็จสวรรคต นักบวชชั้นสูงต่างลงมติเป็นเอกฉันท์เสนอให้เจ้าชายวาส
การ์ ขึ้นเป็นจักรพรรดิองค์ต่อไป แต่เจ้าชายอะตาฮวลปาไม่ทรงพอพระทัย”
ยาบารีพอจะเคยอ่านประวัติศาสตร์มาบ้างถึงชนวนสงครามสองพี่น้อง
แต่รายละเอียดเชิงลึก และชนวนสงครามได้ดำเนินมาถึงขั้นตอนไหนนั้น
เป็นเรื่องที่หญิงสาวต้องการรู้
“ไม่ทรงยอมเข้าร่วมพิธีทำมัมมี่พระศพของอดีตจักรพรรดิซึ่งเป็นพระบิดาใช่มั้ยคะ”
“ใช่แล้ว” โรปาพยักหน้าช้าๆ
แต่แล้วก็ขมวดคิ้วมุ่นมองยาบารีด้วยความแปลกใจ “เจ้ารู้อย่างนั้นเหรอ
ไปรู้เรื่องพวกนี้มาจากที่ไหน”
“เอ่อ...ข้าไม่รู้หรอกโรปา
ข้าก็เดาไปมั่วๆ แหมถูกด้วยหรือเนี่ย” หญิงสาวแสร้งหัวเราะกลบเกลื่อน
โรปามิได้ติดใจสงสัยจึงยื่นมือไปขยี้ผมหญิงสาวด้วยความเอ็นดู
“เจ้าหัวดีนัก นี่ถ้าหากเป็นผู้ชายข้าจะส่งเข้าไปเป็นทหาร
คงก้าวหน้าไวกว่าคนรุ่นราวคราวเดียวกันแน่ๆ” โรปามองใบหน้าหญิงสาว
อันที่จริงมีเพียงเค้าหน้าบางส่วนเท่านั้นที่เหมือนบุตรสาวของเขา ส่วนอื่นๆ
ของยาบารีนั้นไม่มีความคล้ายคลึงเลยสักนิด
ทว่าเขากลับรักและรู้สึกถูกชะตากับยาบารีเป็นอย่างมาก
บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไม...
“เสียดายที่ข้าเป็นหญิงนี่สิคะโรปา
ว่าแต่หลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นหรือคะ”
“เจ้าชายอะตาฮวลปาทรงประกาศไม่ยอมรับจักรพรรดิพระองค์ใหม่
แล้วไปแต่งตั้งกองทัพอยู่ที่เมืองคีโต”
โรปาถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน
เหตุใดเขาจึงรู้ลึกถึงเพียงนี้น่ะหรือ
นั่นก็เพราะว่า...ความจริงแล้วโรปาคืออดีตนายทหารในสมัยจักรพรรดิวา นาคาแพ็ค พระบิดาของเจ้าชายทั้งสอง
เมื่อพระองค์เสด็จสวรรคต เขาก็ตัดสินใจลาออกจากราชการ
แล้วหลบมาซ่อนตัวอยู่ในหมู่บ้านอย่างเงียบเชียบ เขาเบื่อหน่ายความวุ่นวายในวัง
การแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น ใส่ร้ายป้ายสี แม้แต่พี่น้องกันก็ยังเข่นฆ่า
เพียงเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจ
กอปรกับเขาเพิ่งสูญเสียภรรยาและบุตรสาวด้วยโรคร้าย
เขาจึงปลีกตัว หลีกหนีออกจากผู้คน
“ชนวนที่ทำให้สองพี่น้องขาดสะบั้น...จนทำให้เกิดความบาดหมางครั้งยิ่งใหญ่ก็คือ
จักรพรรดิวาส การ์ ทรงให้ทหารถือพระราชสาส์นไปทูลเชิญเจ้าชายอะตาฮวลปาเสด็จมาร่วมประชุมที่เมืองกุสโก
แต่แทนที่เจ้าชายจะเสด็จมาพร้อมเครื่องบรรณาการกลับตัดจมูกของทหารที่ถือพระราชสาส์นส่งกลับมา
เป็นการประกาศการเป็นศัตรูอย่างเปิดเผย”
“แล้วหลังจากนั้นล่ะคะ”
“ผ่านมาหลายปีแล้ว
ทุกอย่างดูเงียบสงบ แต่ว่าข้ารู้...ข้ารู้ว่าภูเขาไฟที่ดูเงียบสงบไม่มีพิษภัย
แท้จริงแล้วลาวาด้านในกำลังก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ รอวันปะทุ” โรปามองออก
ด้วยรู้จักนิสัยเจ้าชายอะตาฮวลปาเป็นอย่างดี มักใหญ่ ใฝ่สูง หัวรั้น
และกระหายสงคราม ส่วนจักรพรรดิวาส การ์ นั้น ท่าทางคล้ายจะแข็งกร้าว
แต่หากเปรียบมวยแล้วอย่างไรก็เป็นรองเจ้าชายอะตาฮวลปา
“ข้าก็คิดเช่นนั้นค่ะ...”
ยาบารีพยักหน้าช้าๆ รู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก
“ข้าง่วงแล้ว ราตรีสวัสดิ์ค่ะโรปา”
จู่ๆ หญิงสาวก็เดินไปนอนบนเสื้อแล้วดึงผ้าห่มขนสัตว์คลุมโปงเสียดื้อๆ
โรปามองท่าทางเหมือนเด็กอย่างเห็นขัน ก่อนจะจัดการดับไฟแล้วเข้านอนบ้าง
ทว่ายาบารีไม่ได้นอนหลับ
และไม่ได้ง่วงอย่างที่พูดจริงๆ
สวรรค์...เธอทำบาปกรรมอะไรนักหนา
ถึงได้ส่งเธอมายังยุคสมัยที่กำลังจะเกิดสงคราม เลือด เนื้อ และซากศพนับแสน
โรคระบาด ความแตกแยกและความตาย
จุดสิ้นสุดของอาณาจักรที่แสนรุ่งเรืองแห่งนี้ใกล้จะมาถึงแล้วสินะ
‘อยากกลับบ้าน...แม่จ๋า รีอยากกลับไปหาแม่’
คิดถึงแม่ คิดถึงคุณย่าโรมีนา
คิดถึง...อาจารย์โซลาโน่ ป่านนี้ทุกคนคงกำลังเป็นห่วงเธอ ออกตามหาเธอแย่แล้ว...
|
|
|
|
|
|
ความคิดเห็น